ส่วนการกระทำของเธอเช่นนี้ ทำให้ฉินเย่คิดว่าเธอเป็นเหมือนตอนเด็ก และตนก็มีหางเพิ่มเข้ามาคอยติดตามอยู่เขาไม่เพียงไม่รู้สึกรำคาญเท่านั้น แต่ยังรู้สึกพึงพอใจมาก ขนาดรู้สึกว่า…หากเธอตกลง เขาไม่ถือสาที่เธอจะติดตามเขาแบบนี้ไปตลอดชีวิตความคิดที่ซ่อนอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจนี้ ทำให้ฉินเย่อดไม่ได้ที่จะตระหนักถึงความรู้สึกของตนเองอย่างจริงจังอีกครั้งแต่ทุกครั้งที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ ในสมองของเขาก็จะมีภาพของผู้หญิงคนหนึ่งผุดขึ้นมา เธอน่าสงสาร ดูอ่อนแอแต่กลับเสี่ยงชีวิตช่วยเขาไว้ และยังคิดถึงเขาทุกเรื่องเสมอเขาเองก็เคยสัญญากับเธอว่า ตำแหน่งข้างกายของตนจะเป็นของเธอเสมอและตลอดไปหลังจากที่รู้ว่าสมองของตนเริ่มตีกันนั้น ฉินเย่พลันรู้สึกว่าเป็นเพราะฟ้าเล่นตลกกับเขาไม่อย่างนั้น จะมีคนสองคนอยู่ในหัวใจของคนคนหนึ่งได้อย่างไร?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินเย่พลางโยนปากกาบนโต๊ะ ไม่มีกะจิตกะใจทำงานต่ออีก_เข้าสู่วันที่สี่ หมอเฉินส่งข้อความมาให้คุณนายฉินเข้าไปทำเรื่องแอดมิดโรงพยาบาล เพื่อรอผ่าตัดดังนั้นไม่ว่าในใจทุกคนจะคิดอย่างไร หรือมีงานสำคัญในมือแค่ไหน ก็ต้องวางมือ แล้วมุ่งความสนใจไปที่เรื่องผ่าตัดของคุ
“อีกสองวันก็จะได้ผ่าตัดแล้ว? จริงเหรอคะ?”เจียงฉูฉู่ถือโทรศัพท์ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดีใจและตื่นเต้นในที่สุดก็จะได้ผ่าตัดแล้วครั้งนี้ยายแก่นั่นคงไม่คิดจะทำอะไรอีกใช่ไหม?“ดีจังเลยค่ะ การผ่าตัดของคุณย่าต้องผ่านไปด้วยดีแน่ๆ”“ขอบใจมาก”ด้วยความดีใจ เจียงฉูฉู่พลางถามขึ้น “เย่คะ ประเด็นระหว่างเราที่เคยพูดกันคราวก่อน…หากคุณย่าผ่าตัดอยู่ ฉันสามารถไปได้ไหมคะ? คุณวางใจได้เลย ฉันแค่ไปรอที่หน้าห้องผ่าตัดแป๊บเดียวก็กลับ คุณไม่ต้องมารับส่งฉัน ฉันขอแค่ไปแอบดูสักหน่อย ได้ไหมคะ?”ครั้งนี้ฉินเย่เงียบกริบผ่านไปนาน ถึงจะเอ่ยเสียงนิ่งว่า “ฉูฉู่ ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องคาดไม่ถึงขึ้นน่ะ”ได้ยินดังนั้น เจียงฉูฉู่พลันอ้ำอึ้งไปชั่วขณะ“เรื่องคาดไม่ถึงอะไรกัน?”“หลังจากผ่าตัด คุณย่ายังต้องพักฟื้นต่อ”เมื่อได้ยินดังนั้น มีหรือที่เจียงฉูฉู่จะไม่เข้าใจ?เธอกัดริมฝีปากล่างอย่างไม่พอใจ “แต่ว่า ฉันไม่ได้จะไปเปิดเผยตัวสักหน่อยนี่ ถือซะว่าฉันไปเยี่ยมคนแก่ที่เข้าผ่าตัดด้วยความเป็นห่วงในฐานะเพื่อนก็ไม่ได้เหรอ? บางที หากคุณย่าเห็นหน้าฉัน ท่านอาจจะดีใจก็ได้?”“ฉูฉู่ คุณย่าไม่ได้ผ่าตัดธรรมดาทั่วไป”เจียงฉู
“นั่นมันเรื่องวันก่อนไม่ใช่เหรอ? ผ่านไปกี่วันแล้ว?”ต้วนจื่อเหย่ “…กี่วันแล้วมันต่างกันหรือไง?”“สรุป นายจะทำไม่ทำ? ถ้าทำพรุ่งนี้ฉันจะส่งข้อความไปให้”หลังจากที่ถูกเธอถามเช่นนั้น ทางนั้นกลับเงียบไปชั่วขณะซูเชี่ยวรออยู่พักหนึ่ง ก็ไม่ได้รับการตอบกลับของเขา จึงหรี่ตาลงเล็กน้อย “ต้วนจื่อเหย่ นายคงไม่ได้รู้สึกผิดหรอกนะ? ปากนายบอกจะแก้แค้นแทนฉูฉู่นั้นที่แท้ก็แค่พูดไปอย่างนั้นสินะ ฉันรู้อยู่แล้วว่าคำพูดของผู้ชายน่ะเชื่อไม่ได้หรอก มีแค่คำพูดลวงหลอก อย่างนายน่ะ ฉันคิดว่าจะทนได้มากกว่านี้ซะอีก”สงสัยคำพูดของเธอจะไปแทงใจต้วนจื่อเหย่ เขาพูดอย่างไม่พอใจว่า “ใครเสียใจกัน? ฉันพูดหรือไงว่าเสียใจ? ซูเชี่ยว เธอคิดว่าฉันไม่กล้าตีผู้หญิงใช่ไหม?”จู่ๆ เขาก็ระเบิดอารมณ์ออกมา ทำให้ซูเชี่ยวตกใจสะดุ้ง ผ่านไปนานกว่าจะรู้สึกตัว“ฉัน ฉันคิดว่านายไม่อยากช่วยฉูฉู่แล้ว ก็เลย…”“ฉันจะช่วยหล่อน แต่ไม่ช่วยเธอ ดังนั้นตอนที่พูดกับฉัน ให้ระวังคำพูดด้วย ไม่อย่างนั้นฉันไม่ถือสาที่จะเก็บเธอด้วยนะ เข้าใจไหม?”หลังจากวางสาย ในใจของซูเชี่ยวเหลือเพียงคำเดียวคือ ‘โจรป่าเถื่อน’ต้วนจื่อเหย่เป็นแค่โจรป่าเถื่อนเท่านั้น ฉู
หลังจากที่รถแล่นออกจากอาณาเขตของตระกูลฉิน ความรู้สึกน่าขยะแขยงของเสิ่นหยินอู้เมื่อครู่นี้ถึงได้จางหายไปแต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ความรู้สึกเมื่อครู่นี้ก็ทำให้เสิ่นหยินอู้รู้สึกอึดอัดมากหลังจากที่รถแล่นออกไป เธอก็ยังอดไม่ได้เบือนหน้ามองไปยังป่าทึบข้างนอกเป็นเพราะที่ตรงนั้นมีคนอยู่ หรือเพราะช่วงนี้เธออ่อนไหวมากเกินไปเพราะช่วงนี้เธอมักจะติดรถฉินเย่เข้างานเลิกงาน ไปไหนก็อยู่กับเขาตลอด ก็ไม่เห็นเกิดเรื่องแปลกๆ ขึ้นเลยแต่ทว่าเมื่อครู่นี้แปลกมาก“เป็นอะไรไป?”เสียงของฉินเย่แว่วเข้ามา ทำให้ดึงสติของเสิ่นหยินอู้กลับมาเธอรวบรวมสติได้ทันใด แล้วส่ายศีรษะ“ไม่มีอะไร”เสิ่นหยินอู้เม้มริมฝีปากแดงของตน คิดในใจว่าคงเป็นเพราะคุณย่าต้องเข้ารับการผ่าตัด เธอก็เลยจิตใจไม่แน่วแน่ ส่งผลให้เธอคิดมากล่ะมั้ง?ฉินเย่มองเธอแวบหนึ่ง เมื่อเห็นสีหน้าของเธอยิ่งแย่ลงกว่าเดิม จึงได้มองไปยังสถานที่ที่เสิ่นหยินอู้มองผ่านทางกระจกมองหลังเธอเอาแต่มองที่ตรงนั้นตลอด ฉินเย่สอดส่องอยู่หลายที ก็ไม่พบว่าจะพิเศษตรงไหนสุดท้ายฉินเย่เพียงแค่คิดว่าเธอเป็นห่วงคุณย่ามากเกินไปถึงได้เป็นเช่นนี้สงสัยจะเป็นเพราะเรื่องในอดีต
แต่เธอจะตอบตกลงเร็วไปไม่ได้ เดี๋ยวจะถูกซูเชี่ยวจับได้เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจียงฉูฉู่เพียงแค่เผยสีหน้ายิ้มแย้มออกมา และไม่ได้ตอบตกลงในทันทีเมื่อเห็นท่าทีของเธอแล้ว ซูเชี่ยวก็พยายามกล่าวว่า “ฉูฉู่ การผ่าตัดเป็นเรื่องใหญ่ เธอเพียงแค่วิ่งออกไปเพราะความเป็นห่วงเท่านั้น ยังไงฉินเย่ก็จะหย่าแล้วมาคบกับเธออยู่แล้ว ต่อไปหากคุณนายฉินรู้ว่าเธอป่วย แต่ก็แอบไปเยี่ยมท่าน ท่านต้องซาบซึ้งใจมากแน่นอน”เจียงฉูฉู่ลังเลเล็กน้อย “เธอพูดแบบนี้ก็ฟังดูมีเหตุผลเหมือนกันนะ”“ใช่ไหมล่ะ?”“ถ้างั้น…ฉันคิดดูก่อนแล้วกัน”“อืม ยังไงซะคุณนายฉินเข้าผ่าตัดตอนเย็นนู้น เธอค่อยๆ คิดก็ได้”เมื่อมาถึงช่วงเย็น เจียงฉูฉู่ถึงบอกซูเชี่ยวว่า “ฉันคิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเธอพูดถูก ทำตามที่เธอพูดแล้วกัน”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ริมฝีปากของเจียงฉูฉู่พลางเผยรอยยิ้มเขินอายออกมา “ฉันว่าเดี๋ยวก็ไปเลย แต่คนที่โรงพยาบาลน่าจะไม่อนุญาต เธอช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”“ได้อยู่แล้ว”ซูเชี่ยวยกมุมปากขึ้นอย่างได้ใจ เธอต้องการผลลัพธ์นี้แหละ ดีมากที่เจียงฉูฉู่ยอมเล่นตามน้ำด้วยดังนั้นเธอจึงออกไปโทรศัพท์หาต้วนจื่อเหย่บอกว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว ให้เขาหาโอกา
ไฟในห้องผ่าตัดสว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว ญาติผู้ป่วยได้แต่รอคอยอยู่ข้างนอกเสิ่นหยินอู้ถูกฉินเย่พาไปนั่งตรงเก้าอี้ข้างๆแม้จะนั่งลงแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม เสิ่นหยินอู้ถึงได้รู้สึกไม่ชอบมาพากลคิ้วงามของเธอขมวดมุ่นอยู่ตลอดเวลาด้วยความไม่สบายใจไม่รู้เพราะอะไร ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ เธอถึงรู้สึกแปลกๆแต่เพราะเธอมุ่งความสนใจไปที่คุณย่าทั้งหมด ก็เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นอีกอย่างคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ…ฉินเย่ ก็คอยจับมือเธอไว้ไม่ปล่อยตั้งแต่ตอนนั้นแรงบีบในมือของเขาหนักมาก อีกอย่างอุณหภูมิในฝ่ามือของเขาก็อบอุ่นมากด้วย ไออุ่นนั้นคอยถ่ายทอดสู่เธอไม่หยุด ทำให้เสิ่นหยินอู้รู้สึกสบายใจมากไม่น้อยหากไม่ใช่ฉินเย่ล่ะก็ เธอคงกังวลมากกว่านี้ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของฉินเย่ก็สั่นขึ้นมาตั้งแต่ที่คุณย่าเข้าห้องผ่าตัดไป ฉินเย่ก็ปรับโทรศัพท์ให้อยู่ในโหมดสั่นทันที อีกอย่างคนในบริษัทต่างก็รู้ว่าคุณนายฉินต้องเข้ารับการผ่าตัด ไม่มีใครโทรหาเขาในช่วงนี้แน่นอนคนที่จะโทรหาเขาได้ในตอนนี้…เสิ่นหยินอู้มองไปยังฉินเย่โดยสัญชาตญาณฉินเย่เม้มริมฝีปาก สบตากับเธอครู่หนึ่ง แล้วหยิบโทรศัพ
“โทรศัพท์คุณสั่นอีกแล้ว ไม่รับสายเหรอ?”ได้ยินดังนั้น ฉินเย่พลันเม้มริมฝีปาก แล้วกล่าวว่า “ตอนนี้มันอยู่ในมือเธอ”หมายความว่ายังไง?เขากำลังจะบอกว่ามอบอำนาจในการรับสายให้กับตนงั้นเหรอ?แรกเริ่มเดิมที เสิ่นหยินอู้ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้ ให้ก็ให้สิ คิดว่าเธอจะใจอ่อนหรือไง?แต่ทว่าพอตอนหลัง โทรศัพท์เอาแต่สั่นอยู่ในกระเป๋า ทำให้เธอรู้สึกรำคาญขึ้นมาเธอมองฉินเย่ “ถ้าฉันปิดเครื่องโทรศัพท์นาย แล้วนายพลาดบางอย่างไป นายจะโทษฉันไหม?”สายตาฉินเย่จ้องไปที่ใบหน้าของเธอตรงๆ“ตั้งแต่เด็กจนโต ฉันเคยโทษอะไรเธอบ้าง?”พอพูดเช่นนี้กลับทำให้เสิ่นหยินอู้รู้สึกชะงัก“โอเค นายพูดเองนะ ถ้างั้นฉันจะปิดเครื่องแล้ว รำคาญชะมัด”กล่าวจบ เสิ่นหยินอู้ก็หยิบโทรศัพท์ของเขาออกจากกระเป๋า เพราะว่าอยู่ในโหมดสั่น ทำให้สามารถเห็นสายที่ไม่ได้รับจำนวนสี่ห้าสายจากเจียงฉูฉู่ได้จากหน้าจอโทรศัพท์โทรมาในเวลานี้…สงสัยเธอคงจะถามฉินเย่เกี่ยวกับการผ่าตัดของคุณย่าสินะ?ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น โทรศัพท์พลันสั่นขึ้นอีกครั้งแต่ทว่าครั้งนี้กลับไม่ใช่สายเรียกเข้า แต่เป็นข้อความ ซึ่งถูกเสิ่นหยินอู้เห็นเข้าพอดี“คุณชายฉิ
ขณะที่เธอยื่นโทรศัพท์ออกไป ฉินเย่ก็ได้เห็นรายละเอียดทั้งหมดแล้วเสิ่นหยินอู้เห็นว่าดวงตาของเขาหรี่ลงอย่างชัดเจน คงเป็นเพราะเป็นห่วงเรื่องที่เจียงฉูฉู่หายตัวไปเธอเบือนหน้าหนี กำลังจะถอดเสื้อคลุมบนตัวออก แต่ทว่ากลับได้ยินฉินเย่พูดว่า “ฉันออกไปแป๊บหนึ่งนะ”แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ทว่าตอนที่ได้ยินเขาพูดเองกลับให้ความรู้สึกต่างกันเสิ่นหยินอู้ตอบเบาๆ ว่าโอเค จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมคืนให้กับเขาแววตาของฉินเย่เปลี่ยนไป แล้วจับมือเธอไว้ “ไม่ต้อง เธอใส่ไว้เลย”ได้ยินดังนั้น เสิ่นหยินอู้พลันชะงัก “แต่ว่าข้างนอกหนาวนะ”“ฉันเป็นผู้ชาย” น้ำเสียงของฉินเย่หนักแน่น “เธอใส่ไว้เถอะ ฉันไปแป๊บเดียวก็กลับ”กล่าวจบ เขาก็หันหลังมองไฟห้องผ่าตัดแวบหนึ่ง“ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง ฉันจะกลับมาภายในหนึ่งชั่วโมง มีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันนะ”เสิ่นหยินอู้เม้มริมฝีปาก แล้วตอบเบาๆ ว่า “โอเค นายไปบอกพ่อกับแม่ด้วย”“อืม”ฉินเย่พยักหน้าจากนั้นเขาปล่อยมือออก แล้วไปหาพ่อฉินแม่ฉินทันทีที่แม่ฉินได้ยินว่าเขาจะออกไป ก็จ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจ“นี่มันเวลาไหนแล้ว แกยังจะออกไปอีก? แกเห็นย่าเป็นอะไรกัน?”ฉินเย่เม้