นางมิได้คิดสิ่งใดกับกงหลี่เฉียงแล้วเสียหน่อย ทั้งความเสียใจที่ทุกเขากระทำก็หายไปเสียจนสิ้น ตอนนี้เหลือเพียงแค่อยากเห็นชายชั่วกับหญิงร้ายถูกทำให้อับอายเช่นที่นางเคยโดนมาก็เท่านั้น
“นายท่านต้องการนั่งที่ใดขอรับ” เสี่ยวเอ้อเดินออกมาต้อนรับ
“ท่านพ่อลูกอยากนั่งที่ชั้นสองเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ชั้นสองเถิด”
“ทางนี้ขอรับ” เสี่ยวเอ้อรีบนำทางไปทันที
เยว่ชิงที่ไม่ได้ปรากฏตัวนอกจวนเสียนาน เมื่อนางออกมาย่อมต้องตกเป็นเป้าสายตาของผู้อื่น บุรุษได้แต่มองตามแผ่นหลังของนางที่เดินข้างบิดาไปอย่างล่องลอย สตรีก็ได้แต่มองไปอย่างอิจฉาในความงามของนาง
โต๊ะด้านในที่หลบสายตาของผู้อื่น มีบุรุษสองคนที่นั่งสนทนากัน กำลังมองมาที่หมอหลิวและเยว่ชิงอย่างนึกสนุก
“หึหึ ช่างน่าสนใจ”
“ท่านไม่คิดจะไปห้ามอย่างนั้นรึ”
“เรื่องสนุกเช่นนี้ จะห้ามไปไย สมควรจะตามไปชมเสียมากกว่า” เขาโยนถั่วเข้าปากแล้วลุกขึ้นเดินตามสองพ่อลูกไปอย่างช้าๆ สหายของเขาได้แต่ส่ายหน้าและเร่งฝีเท้าตามไป
“พี่เฉียง ท่านแอบออกมาพบข้าเช่นนี้ มิกลัวคุณหนูหลิวนางจะรู้เข้าอย่างนั้นรึ” เสียงสตรีกำลังต่อว่าบุรุษด้านใน ดังออกมาด้านนอก จนทำให้คนทั้งหมดที่กำลังจะเข้าไปในห้องรับรองหยุดชะงักอยู่กับที่
“ชิงชิงนางล้มป่วย จะไปรู้เรื่องของเจ้ากับข้าได้อย่างไร” เสียงนี้เป็นเสียงของกงหลี่เฉียงอย่างแน่นอน
เยว่ชิงกำมือแน่น นางไม่คิดว่าเขาจะลอบคบกับตู้ซิงเยียนก่อนที่นางจะแต่งเข้าไปในจวนเสียอีก
ปัง เสียงประตูถูกเปิดจากด้านนอกเสียงดัง ทำให้คนที่อยู่ด้านในสะดุ้งถอยหนีออกจากกันทันที เมื่อครู่คนด้านนอกล้วนเห็นกันหมดว่า ตู้ซิงเยียนนั่งอยู่บนตักของกงหลี่เฉียงอย่างสนิทสนม
“ชะ ชิงชิง” กงหลี่เฉียงผลักตัวของตู้ซิงเยียนออกจากตัวของเขาทันที
“หึ เป็นเช่นนี้เอง ถึงว่าท่านมิมาพบข้าที่จวนเสียหลายวัน” การแสดงของเยว่ชิงเริ่มขึ้นแล้ว
ดวงตาของนางแดงก่ำอย่างอดกลั้น ใบหน้างามดูน่าสงสารขึ้นมาทันที ยิ่งสาวงามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล บุรุษที่ได้พบเห็นก็แทบอยากจะเข้าไปปลอบประโลมนาง
“มิใช่อย่างที่เจ้าคิด” ตอนนี้กงหลี่เฉียงจะเอ่ยอันใดออกมาก็มองไม่เห็นทางที่จะเอาตัวรอดได้เลย เพราะหลักฐานทั้งหมดมีสายตาหลายคู่ที่มองมาทางเขา
เสียงปรบมือด้านหลังของเยว่ชิง ทำให้นางต้องหันไปมองอย่างสนใจ เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดนางก็ต้องเบิกตากว้างทันที
เว่ยอ๋อง น้องชายร่วมอุทรของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน บุรุษที่คอยกลั่นแกล้งนางทุกครั้งที่เข้าวังหลวง และเป็นกงหลี่เฉียงที่เข้ามาปกป้องนางจากเขา พอนางเริ่มปักใจในตัวกงหลี่เฉียง ทุกครั้งที่พบเขา จะมีเพียงสายตาที่ดูแคลนมองมาทางนางเท่านั้น
แต่เมื่อนางแต่งเข้าจวนตระกูลกงจึงได้รู้ว่าเขาเดินทางไปอยู่ที่ชายแดนเหนือ นับจากนั้นเรื่องราวของเขาก็เลือนหายไปจากนาง
“คุณชายกงพูดจาน่าขันนัก หากมิใช่อย่างที่เปิ่นหวางคิด แล้วเป็นเช่นใด จะบอกว่าคุณหนูตู้ไร้ยางอาย เป็นฝ่ายยั่วยวนเจ้าเช่นนั้นรึ” คำพูดที่เจ็บแสบหากออกมาจากปากของชายผู้นี้ เยว่ชิงก็ไม่แปลกใจนัก
“ท่านอ๋อง ท่านกล่าวหนักเกินไปแล้ว” กงหลี่เฉียงกัดฟันแน่น
“ไหนเจ้าลองว่ามาสิ หากเปิ่นหวางกล่าวหนักเกินไป”
ตู้ซิงเยียนจวนเจียนจะร่ำไห้ออกมาแล้ว เพราะตอนนี้หน้าห้องรับรองมีแต่คนมามุ่งสนใจเรื่องของนาง ทั้งสายตาเหยียดหยามที่มองมาทางนางก็ทำให้นางถึงกับอยากจะหายตัวไปจากที่นี่เสีย
กงหลี่เฉียงจะพูดอันใดออกมาได้ เขาเหลือบตามองไปที่ตู้ซิงเยียน ก่อนจะหันไปมองที่เยว่ชิงอย่างใช่ความคิด
“คุณหนูตู้นางเป็นญาติผู้น้องของกระหม่อม เมื่อครู่เพียงล้มลงมาเท่านั้น มิใช่อย่างที่พวกท่านกำลังคิด” เขากำมือแน่น ถึงอย่างไรข้อกล่าวหานี้ก็ต้องโยนไปให้พ้นตัว มิเช่นนั้นคงมิอาจแต่งเยว่ชิงเข้าจวนได้อย่างแน่นอน
“เช่นนั้นรึ” หมอหลิวเดินเข้าไปตรงหน้าของกงหลี่เฉียง ก่อนจะโยนหลักฐานที่เขาให้คนไปสืบมาใส่หน้าของเจ้า
กงหลี่เฉียงหยิบกระดาษตรงหน้าขึ้นมาอ่าน มือของเขาสั่นเทาไปด้วยความไม่อยากเชื่อ เรื่องทั้งหมดที่ถูกปกปิดไว้ ล้วนแต่อยู่ในกระดาษที่หมอหลิวปาใส่หน้าของเขา
ทั้งเรื่องหนี้สินที่บิดาได้สร้างไว้ และไหนจะเรื่องความสัมพันธ์ของเขาและซิงเยียน แม้แต่เวลา สถานที่ที่พวกเขาลอบนัดพบกันล้วนแต่ระบุไว้จนหมดสิ้น
เว่ยอ๋องถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้อง แล้วดึงกระดาษในมือของกงหลี่เฉียงออกมาอ่านเสียงดัง
“โอ้ หลี่เฉียงเอ่ย หลี่เฉียงมีหยกอยู่ในมือกลับไปเกลือกกลั้วกับกรวดเช่นนี้” เว่ยอ๋องแสร้งมองกงหลี่เฉียงอย่างเห็นใจ
“ท่าน” เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมาอย่างแค้นใจ แต่จะทำอันใดเว่ยอ๋องได้เล่า เว่ยอ๋องได้แต่เลิกคิ้วให้อย่างยียวน
หมอหลิวหันไปมองเว่ยอ๋องอย่างไม่เข้าใจ ว่าเขาจะเข้ามายุ่งเรื่องนี้ด้วยทำไม
“ข้าคิดว่าเรื่องหมั้นหมายระหว่างทั้งสองจวนคงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เรื่องนี้เจ้าไปบอกกล่าวบิดามารดาของเจ้าด้วย” หมอหลิวสะบัดชายเสื้อของเขา พร้อมทั้งประคองบุตรสาวหันหลังเดินจากไป
แต่กงหลี่เฉียงยังไม่ยินยอม เขาตามไปดึงมือของเยว่ชิงไว้ เพื่อให้นางฟังเขาอธิบายต่อ
“ท่าน” นางเบิกตากว้างอย่างตกใจ
แต่มือที่จับนางอยู่มิใช่มือของกงหลี่เฉียง แต่เป็นมือของเว่ยอ๋องที่จับข้อมือของนางไว้แน่น
“อ้อ ข้าจับผิด ขออภัย เว่ยอ๋องแสร้งทำหน้าตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนไปคว้าข้อมือของกงหลี่เฉียงแทน
เยว่ชิงถลึงตามองเขาอย่างตำหนิ นางรู้ว่าที่เขาจับข้อมือนางเขาตั้งใจอย่างแน่นอน
“เจ้าได้ยินชัดแล้วหรือไม่คุณชายกง นางมิต้องการแต่งเข้าจวนของเจ้าแล้ว” ประโยคหลังเว่ยอ๋องพูดเสียงดังขึ้น เพื่อเป็นการตอกย้ำกงหลี่เฉียง
หมอหลิวส่ายหัว ก่อนจะพาบุตรสาวกลับจวนไป ถือว่าเรื่องที่เขาต้องการ มันเป็นไปตามที่เขาคิดไว้แล้ว
เยว่ชิงเมื่อขึ้นมานั่งในรถม้า นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นับว่าเป็นการตัดขาดความเป็นสามีภรรยาระหว่างเขากับนางอย่างสิ้นเชิงแล้วในชาตินี้
ทางด้านกงหลี่เฉียงเมื่อหมอหลิวพาเยว่ชิงกลับจวนไปแล้ว เขาก็คิดจะหนีออกจากโรงน้ำชา แต่ถูกซิงเยียนดึงรั้งตัวไว้ ทั้งเว่ยอ๋องก็ยังยืนขวางทางออกอยู่ด้วย
“พี่เฉียง ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ” นางร้องถามออกเสียงดัง
“ข้าจะกลับเรือน” เขาเอ่ยออกมาอย่างหัวเสีย
“แล้วข้าเล่า” นางเอ่ยถามเสียงดัง
“ใช่แล้ว คุณชายกง ท่านจะทิ้งนางได้อย่างไร” เว่ยอ๋องชี้นิ้วไปที่ตู้ซิงเยียนกับกงหลี่เฉียงสลับกันไปมา
กงหลี่เฉียงหันไปมองเว่ยอ๋องอย่างไม่สบอารมณ์ เขากำลังหาทางปลีกตัวหนีได้อยู่แล้ว“ท่านอ๋อง เรื่องนี้ท่านเกี่ยวอันใดด้วยพ่ะย่ะค่ะ"“เรื่องนี้เปิ่นหวางก็ไม่เกี่ยวหรอก เพียงแต่ว่ามันน่าสนุกดีมิใช่หรือ” เขายื่นหน้าไปใกล้กงหลี่เฉียง“หรือพระองค์กำลังเอาคืนกระหม่อม” กงหลี่เฉียงมองเว่ยอ๋องอย่างโกรธแค้น“เหตุใดเปิ่นหวางต้องแก้แค้นเจ้าด้วยเล่า” เขากอดอกมองกงหลี่เฉียงอย่างยียวน"พระองค์พึงใจในตัวชิงชิง คงจะยินดีไม่น้อยที่กระหม่อมมิได้แต่งนางเข้าจวน” กงหลี่เฉียงเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมา แต่เขาก็เพียงพูดออกมาให้ได้ยินเพียงแค่สองคน“เช่นนั้นรึ แล้วอย่างไรเล่า หากเป็นเปิ่นหวางที่ได้ใจนางมาครองคงมิยอมให้เสียไปอย่างแน่ แต่เจ้าเล่า หึหึ น่าขันนัก” เว่ยอ๋องกระซิบข้างหู ทั้งยังปรายตาไปมองซิงเยียนอย่างดูแคลนกงหลี่เฉียงตัวช้าวาบ เขาเพิ่งจะรู้ว่าเมื่อก่อนที่เคยยิ้มเยาะเว่ยอ๋องที่แย่งเยว่ชิงมาได้ ในตอนนี้เขาได้สูญเสียนางไปเสียแล้วหากไม่เชื่อคำมารดา ออกมาพบซิงเยียนในวันนี้ เขาคงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้แน่แต่ไม่สิ หมอหลิวระแคะระคายเรื่องทั้งหมดได้อย่างไร หากไม่มีผู้ใดเอ่ยบอกเรื่องที่จวนของเขา หมอหลิวจะส่งคนตามสืบ
รุ่งเช้า เมื่อหมอหลิวเข้าไปทำงานที่วังหลวงก็พบกับนายท่านกงที่ดักรอเขาอยู่ที่หน้าประตูวัง“อาเฮ่อ ข้าขอคุยกับเจ้าสักประเดี๋ยว”“หากเจ้าจะพูดเรื่องหมั้นหมายของชิงเออร์ เห็นทีข้าคงไม่มีเรื่องจะพูด”“อย่างไรเล่า อาเฉียงเป็นบุรุษ เรื่องสตรีย่อมต้องมีกันบ้าง เจ้าอย่าได้ใจแคบนักเลย หากเขาได้แต่งชิงเออร์เข้าตระกูลแล้วข้ารับรองว่าเรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก” นายท่านกงเอ่ยออกมาอย่างหน้าด้านๆ“หึ กงป๋อเหวิน ข้าเห็นเจ้าเป็นสหาย หากเจ้ากล้าเอ่ยเช่นนี้กับข้าอีกครั้ง แม้แต่ความเป็นสหายข้าก็จะไม่เหลือให้เจ้า” หมอหลิวจ้องมองนายท่านกงอย่างไม่สบอารมณ์“ใช่แล้ว ใต้เท้ากง ท่านพูดได้เห็นแก่ตัวนัก บุตรชายท่านจะทำตัวเช่นไรก็ได้อย่างนั้นรึ”หมอหลิวได้ยินเสียงก็รู้เลยว่าเป็นผู้ใด เขาถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันไปทำความเคารพให้เว่ยอ๋องเมื่อเห็นเว่ยอ๋องเดินเข้ามาพูดสีหน้าของกงป๋อเหวินก็ซีดขาวทันที เพราะกงหลี่เฉียงกลับมาที่จวนแล้วเล่าสิ่งที่เว่ยอ๋องได้เอ่ยกับเขาออกมาให้บิดาได้ฟัง“กระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ” กงป๋อเหวินเอ่ยขอตัวทันที เขาหันไปมองหน้าหมอหลิวก่อนจะเร่งรีบเดินจากไป“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลิวขอบคุณเว่ย
เรื่องข่าวลือที่กระจายไปทั่ว ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนตระกูลกง ไม่มีสิ่งใดที่ส่งผลกระทบมาถึงเยว่ชิงที่นั่งจัดเตรียมสมุนไพรอยู่ในทั้งบ่าวในจวนก็ไม่คิดจะเรื่องที่ได้ยินมา มาเล่าให้คุณหนูได้ฟัง เพราะไม่มีผู้ใดอยากจะเห็นคุณหนูของตนเจ็บปวดใจได้พอกงป๋อเหวินและกงหลี่เฉียงกลับมาถึงจวน ตู้ซื่อจึงเล่าเรื่องที่น้องชายของนางมาโวยวายที่จวนให้พวกเขาฟัง“เพ้ย เช่นนั้นเจ้าก็หาสินสอดกันเองเถิด” กงป๋อเหวินสะบัดชายเสื้อจากไปอย่างไม่ไยดี“ท่านแม่ แล้วเรื่องนี้จะทำอย่างไรกันดี” กงหลี่เฉียงยามนี้ก็ทำตัวเป็นบัณฑิตให้คนภายนอกดูแต่ความจริงแล้วเขายังไม่อาจสอบเข้าทำงานในราชสำนักได้ ถึงแม้จะสอบผ่านจิ้นซื่อหน้าพระพักตร์ได้แล้ว แต่ด้วยอันดับที่ไม่ดี ทั้งยังมิอาจสอบชิงเข้ากรมใดได้สักกรม จึงยังมิได้ทำงานเสียทีการแต่งงานกับเยว่ชิงก็หวังว่าตนจะได้อาศัยบารมีของหมอหลิวที่เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้และไทเฮา เพื่อได้เข้าทำงานในตำแหน่งที่ดีในราชสำนักแต่ตอนนี้ดูเหมือนทุกอย่างจะหมดหวังไปเสียทุกทาง แล้วยังมาถูกจวนตระกูลตู้เร่งรัดให้รีบส่งแม่สื่อไปที่จวนในเวลาเพียงสามวันเท่านั้น“จะทำอย่างไรได้ แม่คงต้องนำสินเดิมที่เก็บซ่อ
แต่เพราะอยู่ใกล้กันเกินไป เมื่อนางหันไปมองเขา ใบหน้าของทั้งคู่ก็อยู่ใกล้กันจนรู้สึกถึงลมหายใจของอีกคน เยว่ชิงรีบถอยหนีตามสัญชาตญาณ เว่ยอ๋องที่กำลังจะยื่นหน้ามาใกล้อีกอย่างลืมตัวจึงต้องหยุดชะงักลง เพราะกลัวจะทำให้นางตกใจ“แล้วนายท่านกงจะถูกตัดสินเช่นใดเพคะ” นางรีบเอ่ยเรื่องโทษของกงป๋อเหวินขึ้นมาทันที เพราะบรรยากาศภายในห้องอึดอัดไม่น้อย“หากไม่โดนประหารก็คงถูกเนรเทศไปใช้แรงงานกระมัง" เขาเอนตัวไปพิงเก้าอี้ แล้วยังไหล่ออกมาอย่างไม่ใส่ใจ“ผู้ใดทำสิ่งใดไว้ก็สมควรจะต้องชดใช้” นางเอ่ยออกมาเสียงเบา“เจ้าเห็นใจคุณชายเฉียงอย่างงั้นรึ” เว่ยอ๋องเลิกคิ้วถามนาง“เหอะ มีคำใดที่ข้าเอ่ยถึงเขาเช่นนั้นรึ” นางถลึงตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์“แล้วไป”“ท่านว่าอย่างไรนะเพคะ” นางเอ่ยถาม เพราะไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด“ไม่มีอันใด พรุ่งนี้โรงหมอของเจ้าจะเปิดใช่หรือไม่”“เพคะ”“เจ้าคิดดีแล้วหรือ เรื่องที่จะตรวจโรคให้หญิงคณิกา” ในตอนแรกที่เขารู้เรื่องนี้ก็ตกใจไม่น้อย“เพคะ หรือพระองค์กลัวว่าเรื่องที่พระองค์ไปเที่ยวหอนางโลมจะถูกพวกนางพูดออกมา” เยว่ชิงเอียงคอมองเว่ยอ๋องอย่างหยอกล้อ“เพ้ย ชิงชิงเจ้าพูดเรื่องนี้ออกมาได้อ
เยว่ชิงยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เมื่อชาติที่แล้วก็เอ่ยกับนางเช่นนี้ เพื่อให้นางวุ่นวายอยู่กับการดูแลมารดาของเขา“เห็นทีจะไม่ได้ เจ้าไม่ได้ยินที่นางพูดรึ ให้พามารดาเจ้ามาที่โรงหมอ” เว่ยอ๋องเอ่ยเสียงเย็นออกมา“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านกระมังท่านอ๋อง มารดาของข้ามิอาจลุกขึ้นจากเตียงได้ จะพานางมาได้อย่างไรเล่า”เขาเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ ที่เว่ยอ๋องมาขัดขวางเขาเช่นนี้“ช่างเถิด ข้าจะไปดูนางเสียหน่อย” เยว่ชิงไม่อยากฟังพวกเขาทะเลาะกัน และนางก็เหนื่อยมากแล้วด้วยวันนี้ นางไม่อยากให้ตระกูลกงหาเรื่องปล่อยข่าวว่านางใจแคบไม่ยอมไปตรวจให้ตู้ซื่อที่จวน“เช่นนั้นเปิ่นหวางจะไปกับเจ้าด้วย” เยว่ชิงโบกมือแล้วแต่เขาเลย นางเดินกลับเข้าไปเตรียมของ ก่อนจะพาอาอิงไปที่รถม้าเพื่อไปที่จวนตระกูลกงนางก็อยากจะเห็นว่าตู้ซื่อล้มป่วยจริงหรือนางเพียงแต่แสดงงิ้วเช่นเมื่อชาติที่แล้วเว่ยอ๋องกระโดดขึ้นมานั่งรถม้าของเยว่ชิง เขาหันไปยิ้มเยาะให้กงหลี่เฉียงที่ในตอนแรกเขาจะขึ้นมานั่งคันของนาง“คุณชายกง หากท่านจะนั่งคันนี้เห็นทีจะไม่ได้ เปิ่นหวางไม่ชอบนั่งเบียดกับผู้ใด”เยว่ชิงที่นั่งกุมขมับอยู่ในรถม้า ปรายตามองเว่ยอ๋องอย่างไม่สบอ
ตั้งแต่แต่งนางเข้าไป เขาก็มีเรื่องปวดหัวไม่เว้นวัน ไหนจะสินเดิมที่นางไม่มีติดตัวมาด้วย แต่กลับชี้นิ้วสั่งจะเปลี่ยนเครื่องเรือน เสื้อผ้าเครื่องประดับก็จะเอาชุดใหม่อยู่ทุกวัน“ท่านไม่เห็นรึ ว่าข้าเจ็บตัวอยู่ ผู้ใดกันแน่ที่โดนทำร้าย”“หึ เปิ่นหวางได้เปิดหูเปิดตาแล้ว ทำร้ายผู้อื่นแต่กลับบอกว่าตนเองได้รับบาดเจ็บ น่าขันนัก ชิงชิงลุกไหวหรือไม่” เขามองนางอย่างปวดใจ เพียงแค่พ้นสายตาครู่เดียวนางก็ถูกรังแกแล้ว“ไหวเจ้าค่ะ” เยว่ชิงลุกขึ้นโดยมีเว่ยอ๋องประคองนางมิได้เจ็บอันใด แต่คงเป็นเพราะผิวของนางบอบบางจึงทำให้รอยนิ้วมือของซิงเยียนบนหน้านางดูน่ากลัว“เปิ่นหวางจะไปส่งเจ้าที่จวน” เว่ยอ๋องประคองเยว่ชิงเดนออกจากจวนตระกูลกง“ประเดี๋ยวก่อน คุณหนูหลิวเจ้ายังมิได้ตรวจอาการให้มารดาข้าเลย” กงหลี่เฉียงเอ่ยรั้งพวกเขาไว้“หึ เจ้ายังคิดจะให้นางเข้าไปตรวจมารดาเจ้าอีกรึ นางรึอุตส่าห์มาตรวจให้ถึงจวน แต่คนของเจ้ากลับทำกับนางเช่นนี้” เว่ยอ๋องจ้องมองทั้งสองอย่างดุดัน เขาอยากจะเข้าไปฉีกเนื้อทั้งคู่ทิ้งเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็ถูกเยว่ชิงสะกิดเรียกสติเขาไว้ก่อน “หม่อมฉันอยากกลับจวนแล้วเพคะ” เยว่ชิงเอ่ยขึ้นเสียงเบา ใบหน้าที่
หลิวเยว่ชิง สาวงามของเมืองหลวง บุตรสาวของท่านหมอหลวงหลิว ความงามของนางเป็นที่ประจักษ์ ทั้งเรื่องความสามารถเรื่องการรักษานางก็เก่งไม่แพ้ผู้เป็นบิดา แต่เพราะด้วยที่นางเป็นสตรี นางจึงมิอาจเดินตามรอยเท้าของบิดาได้ทำได้เพียงรักษาให้กับสตรีที่ต้องการความช่วยเหลือจากนาง นางยังคิดจะเปิดโรงหมอ เพื่อรักษาให้กับสตรีโดยเฉพาะ แต่เพราะคู่หมั้นของนาง กงหลี่เฉียงมิเห็นด้วย นางจึงได้เลิกล้มไปเสียนางแต่งให้กงหลี่เฉียงท่ามกลางความเสียดายของบุรุษมากมายในเมืองหลวง งานมงคลของนางเป็นที่พูดถึงนานหลายเดือน เพราะสินเดิมที่บิดาจัดเตรียมให้ เรียกได้มามากมายจนไม่ต้องทำสิ่งใดอีกแล้วนางใช้ชีวิตเป็นฮูหยินของกงหลี่เฉียง ดูแลจวน ทั้งยังดูแลแม่สามีที่เจ็บป่วยอยู่เสมอ จนมีแต่คนเอ่ยชมกงหลี่เฉียงที่ได้ภรรยาเช่นนางไปครอบครองในวันแต่งงาน เรื่องที่ไม่อาจไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องคำสาบานของกงหลี่เฉียง“ข้ากงหลี่เฉียง ขอสาบานต่อฟ้าดิน ว่าชีวิตนี้จะมีเพียง หลิวเยว่ชิงเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว”เรื่องนี้ยังสร้างความอิจฉาให้กับเหล่าสตรีในเมืองหลวงอยู่นานหลายเดือน หากบุรุษบ้านใดที่รับอนุเพิ่ม จะถูกเปรียบเทียบกับกงหลี่เฉียงในยามนั้น
เสียงฟ้าคำรามกึกก้องไปทั่วเมืองหลวง เยว่ชิงที่นอนอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝันที่น่าหวาดกลัวนางจับที่หน้าอกของตนเอง เนื้อตัวของนางยังสั่นเทาไม่หยุด นางมองไปรอบๆ ห้อง ก็พบว่าตอนนี้นางอยู่ที่เตียงนอนในเรือนของนาง ที่จวนตระกูลหลิว“ข้าย้อนกลับมารึ” นางไม่รู้ว่าสิ่งใดคือเรื่องจริงกันแน่ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันหนึ่งตื่น หรือว่านางในตอนนี้ได้ย้อนกลับมาก่อนที่จะแต่งเข้าจวนตระกูลกงกันแน่ฝนด้านนอกกำลังตกหลัก อากาศก็เริ่มที่จะเย็นขึ้น แต่ตัวของนางกลับเต็มไปด้วยเหงื่อที่ราวกับว่านางเพิ่งจะขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำเยว่ชิงหยิกที่แขนของตนเอง เพื่อทดสอบว่านางกำลังฝันไปหรือไม่ ก็พบว่านางเจ็บจนต้องร้องออกมาเบาๆ“คุณหนู ท่านตื่นเพราะเสียงฟ้าร้องหรือเจ้าคะ” อาอิงที่นอนอยู่หน้าห้องเดินเข้ามาดูเยว่ชิงด้านในห้อง“อาอิง” นางเอ่ยเรียกสาวใช้เสียงสั่น พร้อมทั้งอ้าแขนออกสวมกอดนางไว้แน่นในจวนตระกูลกง มีเพียงอาอิงที่นางปรับทุกข์ได้ตลอดสองปีที่ใช้ชีวิตที่นั่น บ่าวคนอื่นไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ไม่มีผู้ใดที่กล้าเอ่ยคุยเล่นกับนางคงเป็นเพราะนางต้องจัดการเรื่องภายในจวนที่ยุ่งเหยิงก่อนหน้าที่นางจะเข้าไป หนี้สินท
ตั้งแต่แต่งนางเข้าไป เขาก็มีเรื่องปวดหัวไม่เว้นวัน ไหนจะสินเดิมที่นางไม่มีติดตัวมาด้วย แต่กลับชี้นิ้วสั่งจะเปลี่ยนเครื่องเรือน เสื้อผ้าเครื่องประดับก็จะเอาชุดใหม่อยู่ทุกวัน“ท่านไม่เห็นรึ ว่าข้าเจ็บตัวอยู่ ผู้ใดกันแน่ที่โดนทำร้าย”“หึ เปิ่นหวางได้เปิดหูเปิดตาแล้ว ทำร้ายผู้อื่นแต่กลับบอกว่าตนเองได้รับบาดเจ็บ น่าขันนัก ชิงชิงลุกไหวหรือไม่” เขามองนางอย่างปวดใจ เพียงแค่พ้นสายตาครู่เดียวนางก็ถูกรังแกแล้ว“ไหวเจ้าค่ะ” เยว่ชิงลุกขึ้นโดยมีเว่ยอ๋องประคองนางมิได้เจ็บอันใด แต่คงเป็นเพราะผิวของนางบอบบางจึงทำให้รอยนิ้วมือของซิงเยียนบนหน้านางดูน่ากลัว“เปิ่นหวางจะไปส่งเจ้าที่จวน” เว่ยอ๋องประคองเยว่ชิงเดนออกจากจวนตระกูลกง“ประเดี๋ยวก่อน คุณหนูหลิวเจ้ายังมิได้ตรวจอาการให้มารดาข้าเลย” กงหลี่เฉียงเอ่ยรั้งพวกเขาไว้“หึ เจ้ายังคิดจะให้นางเข้าไปตรวจมารดาเจ้าอีกรึ นางรึอุตส่าห์มาตรวจให้ถึงจวน แต่คนของเจ้ากลับทำกับนางเช่นนี้” เว่ยอ๋องจ้องมองทั้งสองอย่างดุดัน เขาอยากจะเข้าไปฉีกเนื้อทั้งคู่ทิ้งเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็ถูกเยว่ชิงสะกิดเรียกสติเขาไว้ก่อน “หม่อมฉันอยากกลับจวนแล้วเพคะ” เยว่ชิงเอ่ยขึ้นเสียงเบา ใบหน้าที่
เยว่ชิงยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เมื่อชาติที่แล้วก็เอ่ยกับนางเช่นนี้ เพื่อให้นางวุ่นวายอยู่กับการดูแลมารดาของเขา“เห็นทีจะไม่ได้ เจ้าไม่ได้ยินที่นางพูดรึ ให้พามารดาเจ้ามาที่โรงหมอ” เว่ยอ๋องเอ่ยเสียงเย็นออกมา“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านกระมังท่านอ๋อง มารดาของข้ามิอาจลุกขึ้นจากเตียงได้ จะพานางมาได้อย่างไรเล่า”เขาเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ ที่เว่ยอ๋องมาขัดขวางเขาเช่นนี้“ช่างเถิด ข้าจะไปดูนางเสียหน่อย” เยว่ชิงไม่อยากฟังพวกเขาทะเลาะกัน และนางก็เหนื่อยมากแล้วด้วยวันนี้ นางไม่อยากให้ตระกูลกงหาเรื่องปล่อยข่าวว่านางใจแคบไม่ยอมไปตรวจให้ตู้ซื่อที่จวน“เช่นนั้นเปิ่นหวางจะไปกับเจ้าด้วย” เยว่ชิงโบกมือแล้วแต่เขาเลย นางเดินกลับเข้าไปเตรียมของ ก่อนจะพาอาอิงไปที่รถม้าเพื่อไปที่จวนตระกูลกงนางก็อยากจะเห็นว่าตู้ซื่อล้มป่วยจริงหรือนางเพียงแต่แสดงงิ้วเช่นเมื่อชาติที่แล้วเว่ยอ๋องกระโดดขึ้นมานั่งรถม้าของเยว่ชิง เขาหันไปยิ้มเยาะให้กงหลี่เฉียงที่ในตอนแรกเขาจะขึ้นมานั่งคันของนาง“คุณชายกง หากท่านจะนั่งคันนี้เห็นทีจะไม่ได้ เปิ่นหวางไม่ชอบนั่งเบียดกับผู้ใด”เยว่ชิงที่นั่งกุมขมับอยู่ในรถม้า ปรายตามองเว่ยอ๋องอย่างไม่สบอ
แต่เพราะอยู่ใกล้กันเกินไป เมื่อนางหันไปมองเขา ใบหน้าของทั้งคู่ก็อยู่ใกล้กันจนรู้สึกถึงลมหายใจของอีกคน เยว่ชิงรีบถอยหนีตามสัญชาตญาณ เว่ยอ๋องที่กำลังจะยื่นหน้ามาใกล้อีกอย่างลืมตัวจึงต้องหยุดชะงักลง เพราะกลัวจะทำให้นางตกใจ“แล้วนายท่านกงจะถูกตัดสินเช่นใดเพคะ” นางรีบเอ่ยเรื่องโทษของกงป๋อเหวินขึ้นมาทันที เพราะบรรยากาศภายในห้องอึดอัดไม่น้อย“หากไม่โดนประหารก็คงถูกเนรเทศไปใช้แรงงานกระมัง" เขาเอนตัวไปพิงเก้าอี้ แล้วยังไหล่ออกมาอย่างไม่ใส่ใจ“ผู้ใดทำสิ่งใดไว้ก็สมควรจะต้องชดใช้” นางเอ่ยออกมาเสียงเบา“เจ้าเห็นใจคุณชายเฉียงอย่างงั้นรึ” เว่ยอ๋องเลิกคิ้วถามนาง“เหอะ มีคำใดที่ข้าเอ่ยถึงเขาเช่นนั้นรึ” นางถลึงตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์“แล้วไป”“ท่านว่าอย่างไรนะเพคะ” นางเอ่ยถาม เพราะไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด“ไม่มีอันใด พรุ่งนี้โรงหมอของเจ้าจะเปิดใช่หรือไม่”“เพคะ”“เจ้าคิดดีแล้วหรือ เรื่องที่จะตรวจโรคให้หญิงคณิกา” ในตอนแรกที่เขารู้เรื่องนี้ก็ตกใจไม่น้อย“เพคะ หรือพระองค์กลัวว่าเรื่องที่พระองค์ไปเที่ยวหอนางโลมจะถูกพวกนางพูดออกมา” เยว่ชิงเอียงคอมองเว่ยอ๋องอย่างหยอกล้อ“เพ้ย ชิงชิงเจ้าพูดเรื่องนี้ออกมาได้อ
เรื่องข่าวลือที่กระจายไปทั่ว ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนตระกูลกง ไม่มีสิ่งใดที่ส่งผลกระทบมาถึงเยว่ชิงที่นั่งจัดเตรียมสมุนไพรอยู่ในทั้งบ่าวในจวนก็ไม่คิดจะเรื่องที่ได้ยินมา มาเล่าให้คุณหนูได้ฟัง เพราะไม่มีผู้ใดอยากจะเห็นคุณหนูของตนเจ็บปวดใจได้พอกงป๋อเหวินและกงหลี่เฉียงกลับมาถึงจวน ตู้ซื่อจึงเล่าเรื่องที่น้องชายของนางมาโวยวายที่จวนให้พวกเขาฟัง“เพ้ย เช่นนั้นเจ้าก็หาสินสอดกันเองเถิด” กงป๋อเหวินสะบัดชายเสื้อจากไปอย่างไม่ไยดี“ท่านแม่ แล้วเรื่องนี้จะทำอย่างไรกันดี” กงหลี่เฉียงยามนี้ก็ทำตัวเป็นบัณฑิตให้คนภายนอกดูแต่ความจริงแล้วเขายังไม่อาจสอบเข้าทำงานในราชสำนักได้ ถึงแม้จะสอบผ่านจิ้นซื่อหน้าพระพักตร์ได้แล้ว แต่ด้วยอันดับที่ไม่ดี ทั้งยังมิอาจสอบชิงเข้ากรมใดได้สักกรม จึงยังมิได้ทำงานเสียทีการแต่งงานกับเยว่ชิงก็หวังว่าตนจะได้อาศัยบารมีของหมอหลิวที่เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้และไทเฮา เพื่อได้เข้าทำงานในตำแหน่งที่ดีในราชสำนักแต่ตอนนี้ดูเหมือนทุกอย่างจะหมดหวังไปเสียทุกทาง แล้วยังมาถูกจวนตระกูลตู้เร่งรัดให้รีบส่งแม่สื่อไปที่จวนในเวลาเพียงสามวันเท่านั้น“จะทำอย่างไรได้ แม่คงต้องนำสินเดิมที่เก็บซ่อ
รุ่งเช้า เมื่อหมอหลิวเข้าไปทำงานที่วังหลวงก็พบกับนายท่านกงที่ดักรอเขาอยู่ที่หน้าประตูวัง“อาเฮ่อ ข้าขอคุยกับเจ้าสักประเดี๋ยว”“หากเจ้าจะพูดเรื่องหมั้นหมายของชิงเออร์ เห็นทีข้าคงไม่มีเรื่องจะพูด”“อย่างไรเล่า อาเฉียงเป็นบุรุษ เรื่องสตรีย่อมต้องมีกันบ้าง เจ้าอย่าได้ใจแคบนักเลย หากเขาได้แต่งชิงเออร์เข้าตระกูลแล้วข้ารับรองว่าเรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก” นายท่านกงเอ่ยออกมาอย่างหน้าด้านๆ“หึ กงป๋อเหวิน ข้าเห็นเจ้าเป็นสหาย หากเจ้ากล้าเอ่ยเช่นนี้กับข้าอีกครั้ง แม้แต่ความเป็นสหายข้าก็จะไม่เหลือให้เจ้า” หมอหลิวจ้องมองนายท่านกงอย่างไม่สบอารมณ์“ใช่แล้ว ใต้เท้ากง ท่านพูดได้เห็นแก่ตัวนัก บุตรชายท่านจะทำตัวเช่นไรก็ได้อย่างนั้นรึ”หมอหลิวได้ยินเสียงก็รู้เลยว่าเป็นผู้ใด เขาถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันไปทำความเคารพให้เว่ยอ๋องเมื่อเห็นเว่ยอ๋องเดินเข้ามาพูดสีหน้าของกงป๋อเหวินก็ซีดขาวทันที เพราะกงหลี่เฉียงกลับมาที่จวนแล้วเล่าสิ่งที่เว่ยอ๋องได้เอ่ยกับเขาออกมาให้บิดาได้ฟัง“กระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ” กงป๋อเหวินเอ่ยขอตัวทันที เขาหันไปมองหน้าหมอหลิวก่อนจะเร่งรีบเดินจากไป“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลิวขอบคุณเว่ย
กงหลี่เฉียงหันไปมองเว่ยอ๋องอย่างไม่สบอารมณ์ เขากำลังหาทางปลีกตัวหนีได้อยู่แล้ว“ท่านอ๋อง เรื่องนี้ท่านเกี่ยวอันใดด้วยพ่ะย่ะค่ะ"“เรื่องนี้เปิ่นหวางก็ไม่เกี่ยวหรอก เพียงแต่ว่ามันน่าสนุกดีมิใช่หรือ” เขายื่นหน้าไปใกล้กงหลี่เฉียง“หรือพระองค์กำลังเอาคืนกระหม่อม” กงหลี่เฉียงมองเว่ยอ๋องอย่างโกรธแค้น“เหตุใดเปิ่นหวางต้องแก้แค้นเจ้าด้วยเล่า” เขากอดอกมองกงหลี่เฉียงอย่างยียวน"พระองค์พึงใจในตัวชิงชิง คงจะยินดีไม่น้อยที่กระหม่อมมิได้แต่งนางเข้าจวน” กงหลี่เฉียงเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมา แต่เขาก็เพียงพูดออกมาให้ได้ยินเพียงแค่สองคน“เช่นนั้นรึ แล้วอย่างไรเล่า หากเป็นเปิ่นหวางที่ได้ใจนางมาครองคงมิยอมให้เสียไปอย่างแน่ แต่เจ้าเล่า หึหึ น่าขันนัก” เว่ยอ๋องกระซิบข้างหู ทั้งยังปรายตาไปมองซิงเยียนอย่างดูแคลนกงหลี่เฉียงตัวช้าวาบ เขาเพิ่งจะรู้ว่าเมื่อก่อนที่เคยยิ้มเยาะเว่ยอ๋องที่แย่งเยว่ชิงมาได้ ในตอนนี้เขาได้สูญเสียนางไปเสียแล้วหากไม่เชื่อคำมารดา ออกมาพบซิงเยียนในวันนี้ เขาคงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้แน่แต่ไม่สิ หมอหลิวระแคะระคายเรื่องทั้งหมดได้อย่างไร หากไม่มีผู้ใดเอ่ยบอกเรื่องที่จวนของเขา หมอหลิวจะส่งคนตามสืบ
นางมิได้คิดสิ่งใดกับกงหลี่เฉียงแล้วเสียหน่อย ทั้งความเสียใจที่ทุกเขากระทำก็หายไปเสียจนสิ้น ตอนนี้เหลือเพียงแค่อยากเห็นชายชั่วกับหญิงร้ายถูกทำให้อับอายเช่นที่นางเคยโดนมาก็เท่านั้น“นายท่านต้องการนั่งที่ใดขอรับ” เสี่ยวเอ้อเดินออกมาต้อนรับ“ท่านพ่อลูกอยากนั่งที่ชั้นสองเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นก็ชั้นสองเถิด”“ทางนี้ขอรับ” เสี่ยวเอ้อรีบนำทางไปทันทีเยว่ชิงที่ไม่ได้ปรากฏตัวนอกจวนเสียนาน เมื่อนางออกมาย่อมต้องตกเป็นเป้าสายตาของผู้อื่น บุรุษได้แต่มองตามแผ่นหลังของนางที่เดินข้างบิดาไปอย่างล่องลอย สตรีก็ได้แต่มองไปอย่างอิจฉาในความงามของนางโต๊ะด้านในที่หลบสายตาของผู้อื่น มีบุรุษสองคนที่นั่งสนทนากัน กำลังมองมาที่หมอหลิวและเยว่ชิงอย่างนึกสนุก“หึหึ ช่างน่าสนใจ”“ท่านไม่คิดจะไปห้ามอย่างนั้นรึ”“เรื่องสนุกเช่นนี้ จะห้ามไปไย สมควรจะตามไปชมเสียมากกว่า” เขาโยนถั่วเข้าปากแล้วลุกขึ้นเดินตามสองพ่อลูกไปอย่างช้าๆ สหายของเขาได้แต่ส่ายหน้าและเร่งฝีเท้าตามไป“พี่เฉียง ท่านแอบออกมาพบข้าเช่นนี้ มิกลัวคุณหนูหลิวนางจะรู้เข้าอย่างนั้นรึ” เสียงสตรีกำลังต่อว่าบุรุษด้านใน ดังออกมาด้านนอก จนทำให้คนทั้งหมดที่กำลังจะเข้าไปในห้อ
ตู้ซื่อเมื่อเอ่ยเรื่องหนี้สินในจวนออกมา ใบหน้าของนางก็เคร่งเครียดขึ้น แล้วเริ่มมองไปทางนายท่านกงที่สร้างเรื่องไว้มากมาย“มิใช่บิดาของเจ้ารึที่ก่อเรื่องเอาไว้ เอาเถิดข้าจะไม่พูดเรื่องนี้อีก แต่เมื่อแต่งนางเข้ามาแล้ว เจ้าต้องรับเยียนเออร์เข้ามาเป็นฮูหยินรองทันที เข้าใจหรือไม่” นางหันไปคาดคั้นบุตรชายของนาง“ท่านแม่ท่านลืมไปแล้วหรือขอรับ ว่าข้ารับปากท่านหมอหลิว เรื่องที่จะไม่รับฮูหยินรองหรืออนุเข้าเรือนหลัง” กงหลี่เฉียงเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยใจ“แล้วอย่างไรเล่า หากนางตั้งครรภ์มิได้ เจ้าจะแต่งอนุเข้าจวน เรื่องนี้จะมีผู้ใดว่าเจ้าได้กัน” เมื่อได้ยินคำของมารดาดวงตาของกงหลี่เฉียงก็เปล่งประกายขึ้นมานายท่านกงมองสองแม่ลูกสนทนากันอย่างไม่ใส่ใจ ทั้งคู่จะจัดการเรื่องนี้เช่นไรเขาไม่สน แต่ต้องแต่งเยว่ชิงเข้าจวนให้ได้เสียก่อน เพื่อนำสินเดิมของนางมาชดใช้หนี้ที่เขาสร้างไว้ทางด้านเยว่ชิงเมื่อรู้ว่าพวกตระกูลกงเดินทางกลับไปแล้ว จึงได้ออกจากเรือนไปพบบิดาเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น“พ่อบอกให้พวกเขารอจนกว่าเจ้าจะหายป่วย”“ท่านพ่อไม่ปฏิเสธไปเลยเล่าเจ้าคะ” เยว่ชิงอดที่จะกังวลไม่ได้“เจ้าอย่าได้รีบร้อน หากปฏิ
เมื่อสามวันที่แล้ว ตอนที่ตระกูลกงเข้าทาบทาม งานหมั้นหมายของนาง ก็ดูเหมือนเยว่ชิงนางไม่ได้ขัดข้องอันใด แต่มาตอนนี้กลับบอกจะไม่แต่งแล้ว“หากลูกพูดเรื่องอันใดไป ท่านพ่อจะเชื่อลูกหรือไม่เจ้าคะ” นางรอคำตอบอย่างคาดหวัง“ย่อมต้องเชื่อเจ้าอยู่แล้ว มีอันใดก็ว่ามาเถิด” เขาลูบหัวบุตรสาวอย่างรักใคร่หมอหลิวย่อมต้องเชื่อในคำพูดของเยว่ชิง เพราะเขาเลี้ยงดูนางมาด้วยตนเอง ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่นางไม่เคยพูดหลอกลวงเขาสักครั้ง“ลูกฝันไม่ดีเจ้าค่ะ มันเหมือนจริงยิ่งนัก” นางไม่กล้าบอกบิดาตามตรงว่านางได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง จึงเล่าทุกสิ่งออกมาเป็นสิ่งที่นางได้ฝันแทนหมอหลิวมองบุตรสาวอย่างหยอกล้อ เพียงแค่ความฝันถึงกลับทำให้นางมิต้องการต้องเข้าตระกูลกงได้เลยรึ“ชิงเออร์ สิ่งที่ลูกกังวลเป็นเพียงแค่ความฝัน เจ้าก็เชื่อแล้วรึ”“ท่านพ่อ ถึงอย่างไรลูกก็ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น ทั้งยังไม่ต้องการแต่งเข้าตระกูลกง หากท่านพ่อคิดว่าเรื่องทั้งหมดลูกกังวลไปเอง ท่านลองส่งคนไปสืบเรื่อง คุณหนูตู้ ตู้ซิงเยียน ก่อนดีหรือไม่ แล้วเรื่องสัญญาหมั้นหมายค่อยพูดกันอีกครั้ง”หมอหลิวนั่งนิ่งอย่างใช้ความคิด บุตรสาวของตนทำอะไรมีเหตุผลเสมอ