บทที่ 18 เพราะเหตุใดในค่ำวันนั้นหนี่เส้าจวินกลับมาที่ห้องของเผิงฟู่หลินด้วยสภาพเมามาย หลังจากมีปากเสียงกับเผิงฟู่หลินเขาก็ออกไปนั่งดื่มสุราที่หอชมจันทร์ โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งภายในเมือง ความอึดอัดและกลัดกลุ้มทำให้เขาดื่มไปค่อนข้างมากแม้ว่าเขาจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเผิงฟู่หลินรักใคร่ในตัวหนี่ซูเว่ยมากเพียงใด แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าและท่าทีที่นางมีต่อหนี่ซูเว่ยในวันนี้ เขากลับรู้สึกเจ็บจุกไปทั่วร่าง ความหึงหวงแล่นเข้ามาในจิตใจจนเขายากจะทำใจยอมรับได้ เผิงฟู่หลินที่กำลังนอนหลับอยู่ที่เตียง นางสะดุ้งขึ้นสุดตัวด้วยความตกใจ ก่อนจะลุกขึ้นเข้าประคองหนี่เส้าจวินที่มีท่าทางซวนเซ กลิ่นสุราฉุนขึ้นมาจนนางรู้สึกแสบร้อนในจมูก “ท่านอ๋อง เหตุใดจึงเมามายเช่นนี้” เผิงฟู่หลินพยุงหนี่เส้าจวินมาที่เตียง หนี่เส้าจวินหรี่ตามองหน้าเผิงฟู่หลินด้วยสายตาตัดพ้อ โดยไม่ฟังเสียงห้ามปรามของเผิงฟู่หลิน เขาอารมณ์พลุ่งพล่านเต็มไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวดในใจ นางเป็นคนรักเก่าของหนี่ซูเว่ย แต่เขาไม่อาจทนเห็นนางมองหนี่ซูเว่ยด้วยสายตาเว้าวอนเช่นนั้นได้หนี่เส้าจวินผลักเผิงฟู่หลินออกห่างจากตัวก่อนจะเดิ
บทที่ 19 ตัดเยื่อใยเผิงฟู่หลินเดินกลับเข้ามายังเรือนนอนอีกครั้ง พร้อมกับล้มตัวลงนอนที่เตียงด้านข้างหนี่เส้าจวิน เปลวเทียนสลัวสาดรดลงบนใบหน้าของเขา นางเผลอตัวยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมเข้มอย่างลืมตัว“เจ้าจูเคยบอกข้าว่าท่านมิใช่คนเลวร้ายอันใด เช่นนั้นข้าควรฝากชีวิตไว้กับท่านใช่หรือไม่” เผิงฟู่หลินเพ้อออกมา นางรู้สึกอดแปลกใจมิได้ที่เมื่อครู่ขณะที่นางเผชิญหน้ากับหนี่ซูเว่ย นางกลับมิได้รู้สึกเจ็บปวดเช่นทุกครั้งไป แต่กลับปรากฏภาพเงาของคนคนหนึ่งเข้ามาแทนที่ ภาพเงาที่ทำให้นางอดนึกหวั่นไหวภายในใจอย่างยากจะควบคุมเผิงฟู่หลินกำลังจะล้มตัวลงนอน ฉับพลันมือหนาก็โอบร่างบางเข้าหาลำตัวพร้อมโอบกอดนางเอาไว้แน่น เผิงฟู่หลินถึงกับชะงักตัวแข็งเกร็งพร้อมเบิกตากว้างด้วยความตกใจแต่เมื่อสัมผัสกับลมหายใจอุ่นที่เป่ารดนางอย่างสม่ำเสมอเช่นเดิม ทำให้นางค่อยรู้สึกผ่อนคลายลง หนี่เส้าจวินยังคงหลับสนิทเช่นเคยแตกต่างเพียงความอุ่นร้อนของร่างกายที่แผ่ซ่านมายังตัวนางไม่หยุด หัวใจของเผิงฟู่หลินเต้นแรงเป็นจังหวะหากแต่นางก็มิได้ขัดขืนตัวออกห่างเช่นทุกครั้งไปเผิงฟู่หลินกะพริบตามองหนี่เส้าจวินอย่างตั้งใจอีกครั้ง แต่เมื่อมิพบควา
บทที่ 20 ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปบรรยากาศเริ่มมืดลงเมื่อแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องเป็นครั้งสุดท้ายผ่านม่านฟ้าเหนือเรือนของราชครูเผิง ร่มไม้สูงใหญ่ที่ปกคลุมทางเดินยาวจากเรือนใหญ่สู่ลานหน้าประตูจวนทอดเงาทึบหนาหนัก เสียงฝีเท้าของบ่าวรับใช้ที่เดินไปมาพร้อมกับบทสนทนาที่ยังคงดังแว่วเข้ามาเป็นระยะๆ ภายใต้ร่มเงาเผิงฟู่หลินยืนเงียบอยู่หน้าจวนรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อบอกลาราชครูเผิงและฮูหยินเซียง“หลินเอ๋อร์ ขอให้เดินทางอย่างปลอดภัย ต่อไปเจ้าจงดูแลตัวเองให้ดี เชื่อฟังท่านอ๋องให้มาก ข้าอยากเห็นเจ้ามีความสุข” ราชครูเผิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงห่วงใย สายตาเต็มไปด้วยความรักและความหวัง“ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ” เผิงฟู่หลินพยักหน้าเบาๆ ร่างเล็กของนางคล้ายกลมกลืนกับความเงียบของยามเย็นที่กำลังจะมาถึงฮูหยินเซียงรั้งตัวเผิงฟู่หลินเดินเลี่ยงออกมาเล็กน้อยก่อนที่เผิงฟู่หลินจะก้าวขึ้นรถม้า สายตานางเต็มไปด้วยความกังวลใจในขณะที่เอ่ยขึ้น “หลินเอ๋อร์...เจ้าอย่าลืมคำที่แม่สอนเจ้าเล่า หมั่นสร้างความสัมพันธ์อันดีกับสามีของเจ้าไว้ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” ฮูหยินเซียงกำชับบุตรสาวอีกหนหนึ่งเผิงฟู่หลินพยักหน้ารับคำอย่างเรียบง่า
บทที่ 21 นี่มิใช่สิ่งที่ท่านควรคำนึงถึงหลังจากเหตุการณ์ในรถม้า ท่าทีของหนี่เส้าจวินและเผิงฟู่หลินก็ดูผ่อนคลายมากขึ้น หนี่เส้าจวินดูอารมณ์ดีในทุกๆ วัน ในขณะที่เผิงฟู่หลินก็มักจะใบหน้าชมพูเรื่อในทุกครั้งที่ถูกสายตากรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ลามเลียหยอกล้อนางเช่นที่เคยเจ้าจูเห็นความสัมพันธ์ของทั้งสองที่ดีขึ้นอย่างกะทันหันก็รู้สึกปลาบปลื้มใจยิ่งนัก “คุณหนูเจ้าขา วันนี้ข้าเตรียมน้ำอุ่นพร้อมกลีบดอกกุหลาบไว้ให้ท่าน ผิวกายของท่านจะได้หอมกรุ่นยามที่ท่านอ๋องสูดดมเจ้าค่ะ” คำพูดล้อเลียนจองเจ้าจูทำเอาเผิงฟู่หลินถึงกับหน้าแดง นางหันมามองค้อนสาวใช้คนสนิทอย่างรู้สึกไม่ถือสานัก “เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว ข้ากับท่านอ๋องมิได้เป็นเช่นนั้นเสียหน่อย”เจ้าจูถึงกับอ้าปากกว้าง “คุณหนู ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ ท่านกับท่านอ๋องยังมิเคยร่วมหลับนอนกันเลยนี่เจ้าคะ” เจ้าจูอุทานออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญดังกล่าว แม้ว่าทั้งสองจะร่วมหมอนกันทุกค่ำคืน แต่ก็ยังมิปรากฏร่องรอยแดงบนผืนเตียงเลยด้วยซ้ำ“ไม่ได้การแล้วเจ้าค่ะ เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะเตรียมกำยานไว้ให้ท่านทั้งสองด้วยนะเจ้าคะ” เจ้าจูรีบเจ้ากี้เจ้าการจัดการในทันที“หยุดเลยนะเจ้าจู เจ้าช
บทที่ 22 เจ้าเมามากแล้วภายใต้แสงจันทร์อันเย็นเยียบ หนี่เส้าจวินพาเผิงฟู่หลินเดินขึ้นรถม้าด้วยความเร่งรีบ ดวงตาคมกริบของเขามองไปทางข้างหน้า ริมฝีปากของเขาบีบแน่นเป็นเส้นตรง สายลมหนาวสะบัดผ่านแต่ความรู้สึกภายในของเขากลับร้อนรุ่มเหมือนไฟสุมจนไม่อาจแน่ใจได้ว่าหนี่เส้าจวินกำลังโกรธผู้ใดกันแน่ เป็นหนี่ซูเว่ยที่บังอาจมาวุ่นวายกับหญิงสาวทั้งที่ตนเองเป็นผู้ปฏิเสธนางแท้ๆ หรือเป็นเผิงฟู่หลินที่กลับไม่ยอมหลบเลี่ยงหรือขัดขืนจากสัมผัสของเขากันแน่ภายในรถม้าอันเงียบกริบ ความอึมครึมเข้าปกคลุมไปทั่ว หนี่เส้าจวินนั่งอย่างสงบนิ่ง แม้แต่ลมหายใจก็รู้สึกว่าหนักหน่วงขึ้นในอก เขาไม่เคยปล่อยให้ความรู้สึกเช่นนี้เข้าครอบงำตัวเองมาก่อน เขาไม่ชอบที่จะปล่อยให้ความโกรธหรือความรู้สึกเสียใจเข้ามาควบคุมการกระทำของเขาแต่ครั้งนี้กลับต่างออกไปเผิงฟู่หลินนั่งอยู่ด้านข้างของเขา ดวงตาคู่งามแอบช้อนตามองหนี่เส้าจวินเป็นระยะๆ ความไม่พอใจของหนี่เส้าจวินทำเอานางถึงกับพยายามหายใจให้ลึกเข้าไปในปอด แต่หัวใจกลับเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมา ความมึนเมาจากการดื่มเหล้าในงานเลี้ยงทำให้นางรู้สึกกล้ามากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมาเผิงฟู่หลินกระชับผ
บทที่ 23 ข้าสามารถฝากหัวใจที่ท่านได้หรือไม่รถม้าค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาเทียบบริเวณหน้าจวน เผิงฟู่หลินที่ยังคงหลบไหลอยู่ภายใต้อ้อมกอดหนาของหนี่เส้าจวิน ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มบางๆ พร้อมดวงตาที่ปิดสนิทหลับตาพริ้มอย่างดูไร้เดียงสาหนี่เส้าจวินก้มหน้าลงมองใบหน้าของนาง รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นที่มุมปากเมื่อหวนคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ความหอมหวานจากสัมผัสนั้นยังคงตราตรึง กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเส้นผมของนางยังคงทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงไม่หยุด ร่างบางนุ่มนิ่มที่อิงแอบเขาอย่างไร้ความรังเกียจเช่นทุกครั้ง ยิ่งทำให้หนี่เส้าจวินรู้สึกดีอย่างน่าประหลาดใจทว่าใบหน้าของเขากลับแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลงเมื่อหวนนึกถึงความรู้สึกภายในใจของหญิงสาวข้างกาย ความรู้สึกหวงแหนเข้าครอบงำภายในใจของเขาอย่างไม่อาจห้ามอยู่ หนี่เส้าจวินถอนหายใจออกมาก่อนที่ร่างสูงสง่าของเขาจะค่อยๆ ช้อนร่างบางขึ้นมาแนบอกด้วยความระมัดระวัง ด้วยกังวลว่าจะรบกวนยามหลับใหลของนางเข้า สองขาก้าวเดินเข้าสู่จวนด้วยความมั่นคง บรรดาสาวใช้ต่างพากันก้มหน้าลงเมื่อเห็นความใกล้ชิดดังกล่าว พวกนางต่างชำเลืองมองกันไปมาพร้อมรอยยิ้มที่ตื่นเต้นและขัดเขินแทน ในขณะที
บทที่ 24 เจ้ารู้จักเขินอายแล้วหรือเผิงฟู่หลินปรือตื่นขึ้นในยามเช้าตรู่เมื่อแสงแรกของอรุณสาดส่องเข้ามาในห้องนอนที่เงียบสงบ ความรู้สึกอ่อนเพลียและเมื่อยขบไปทั่วทั้งร่าง เผิงฟู่หลินขยับตัวเล็กน้อยเพื่อขับไล่ความอ่อนล้าที่มี พลันดวงตาของเผิงฟู่หลินก็สบเข้ากับสายตาคมกริบของหนี่เส้าจวินที่นอนจ้องมองนางอย่างไม่วางตา ใบหน้าขาวนวลของนางก็พลันแดงเรื่อขึ้นทันทีเมื่อความทรงจำในยามค่ำคืนที่ผ่านมาหวนกลับเข้ามาในความนึกคิดเผิงฟู่หลินไม่อาจปิดบังความเขินอายได้อีก ร่องรอยประทับบนเรือนร่างของนางเป็นหลักฐานว่าเมื่อยามค่ำคืนที่ผ่านมา พวกเขาได้ก้าวข้ามความเป็นสามีภรรยากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยิ่งคิดถึงการกระทำของตนเองที่ไม่ต่างจากหญิงคณิกาที่ยั่วยวนเขาให้หลงใหล ก็ยิ่งทำให้ความแดงปรากฏไปถึงใบหูเลยทีเดียว"หลินเอ๋อร์ เจ้ารู้จักเขินอายแล้วหรือ" หนี่เส้าจวินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าที่นางคุ้นเคย แต่ในวันนี้เสียงของเขากลับเต็มไปด้วยความแหบพร่าและความเรียกร้องมากกว่าที่เคย ดวงตาของเขาที่ทอประกายวับวาบฉายให้เห็นความต้องการของร่างกายที่เพิ่มขึ้น สายตาไล้มองต่ำลงไปยังผิวเนียนนุ่มของนางร่างกายของเผิงฟู่หล
บทที่ 25 วางยาเสียงน้ำกระทบผิวขาวเนียนเป็นจังหวะ ละอองไอน้ำร้อนลอยขึ้นปกคลุมไปทั่วอ่างอาบน้ำ กลิ่นหอมของกลีบดอกไม้ที่เจ้าจูจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อยลอยหอมกรุ่นไปทั่ว เผิงฟู่หลินเอนกายหลับตาลงริมอ่างน้ำอย่างรู้สึกผ่อนคลาย ความอุ่นร้อนที่สัมผัสกายช่วยบรรเทาความเมื่อยล้าที่มีให้รู้สึกสดชื่นขึ้น เผิงฟู่หลินยังคงปล่อยตัวให้เจ้าจูถูหลังให้นางต่อไปอย่างไม่เร่งร้อน สัมผัสที่เบามือและรู้งานยิ่งทำให้เผิงฟู่หลินรู้สึกเบาตัวมากยิ่งขึ้น“คุณหนู เวลานี้ท่านดูมีความสุขยิ่งนักนะเจ้าคะ” เจ้าจูเอ่ยแซวเสียงใสออกมา พลางยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัยเผิงฟู่หลินที่กำลังหลับตา เมื่อนางได้ยินเช่นนั้นก็ลืมตาขึ้นมองหน้าเจ้าจู พลางค้อนขวับใส่นางอย่างนึกหมั่นไส้ “เจ้าจู...เจ้านี่ช่างปากกล้านัก สงสัยข้าคงตามใจเจ้ามากเกินไปเสียแล้ว”เจ้าจูที่ได้ยินคำขู่กลับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอันใด นางหัวเราะคิกคักอย่างรู้สึกปลาบปลื้มใจแทนนายหญิงของตน “โธ่...คุณหนู...ข้าเพียงพูดตามที่ข้าเห็นเท่านั้นเองเจ้าค่ะ” เจ้าจูพูดไปพลางใช้ผ้าบางลูบไปตามผิวหนังที่ปรากฏรอยแดงเรื่อที่เด่นชัดขัดกับผิวขาวเนียนราวกับดอกท้อที่บานสะพรั่งเผิงฟู่หลินได้ฟั
บทที่ 64 งานมงคลพิธีสมรสพระราชทานระหว่างหนี่เส้าจวินและเผิงฟู่หลินถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติ เหล่าบรรดาแขกเหรื่อมากมายต่างเดินทางมาเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับคนทั้งคู่ โต๊ะจัดเลี้ยงถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ พรมแดงยาวทอดจากประตูหน้าจวนเข้าสู่ห้องโถงใหญ่เผิงฟู่หลินสวมชุดเจ้าสาวสีแดงเข้มผืนยาวพลิ้วไหวจากผ้าไหมชั้นดี นางแต่งกายงดงามสมกับชื่อเสียงเรื่องความโฉมสะคราญ เผิงฟู่หลินก้าวเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สง่างามยิ่งนักหนี่ซูเว่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างพร้อมกับพระชายาของเขา หนี่ซูเว่ยเฝ้ามองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังก้าวเดินเข้ามาใกล้ด้วยความรู้สึกที่ปนเประหว่างความเศร้าและความยินดี หัวใจของเขาหนักหน่วงขึ้นมาจากความรู้สึกที่ฝังลึกลงไปในใจ เผิงซูเว่ยทอดถอนหายใจออกมา ก่อนจะปรับสีหน้าและยิ้มกว้างออกมาให้นางด้วยความยินดี “หลินเอ๋อร์...เจ้าคู่ควรกับความสุขนี้” เขากระซิบกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความจริงใจในขณะที่บรรยากาศภายในงานดำเนินไปอย่างราบรื่น ทางด้านนอกห้องโถงอันเงียบสงัด เสี่ยวเหวินโหลยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวน เขามองภาพของเผิงฟู่หลินที่เดินเข้ามาในงานด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
บทที่ 63 ท่านเป็นท่านพ่อข้าหรอกหรือยามสายของวันใหม่อากาศปลอดโปร่งยิ่งนัก หนี่เส้าจวินพิงกายขึ้นนั่ง ดวงตาคู่คมเข้มของเขาจับจ้องใบหน้าของเผิงฟู่หลินที่กำลังหลับใหลด้วยความอ่อนเพลียจากการถูกเขารังแกไม่หยุดในค่ำคืนที่ผ่านมา แววตาของเขาฉายแววลึกซึ้ง ทั้งหวงแหน ทั้งรักใคร่ เขายังคงอ้อยอิ่งอยู่เช่นนั้นโดยไม่ยอมลุกขึ้นหรือปลุกหญิงสาวจากการหลับใหล รอยยิ้มกรุ้มกริ่มฉายความเจ้าเล่ห์ออกมา หนี่เส้าจวินยังคงจ้องมองหน้านางอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้หนี่เส้าจวินหันหน้าไปมองด้วยสายตาขัดใจที่ถูกรบกวน เผิงฟู่หลินปรือตาขึ้นมาเมื่อเห็นเจ้าจูยืนอยู่ข้างหน้าประตู เจ้าจูได้แต่ก้มหน้านิ่งพร้อมใบหน้าแดงก่ำด้วยความกระดากอาย“ท่านอ๋องและคุณหนู ได้เวลาอาหารแล้วเจ้าค่ะ” เจ้าจูพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาโดยไม่แม้แต่จะมองสภาพภายในห้องที่ราวกับผ่านศึกสงครามครั้งใหญ่“เจ้ามาช่วยข้าที” เผิงฟู่หลินบอกกล่าวออกไป“พวกเรามิต้องเร่งรีบนักหรอก ทุกคนคงเข้าใจได้ดี” หนี่เส้าจวินพูดขึ้นมาหน้าตาเฉยท่าทางราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวอันใด เผิงฟู่หลินได้แต่นึกหมั่นไส้คนตรงหน้าพร้อมค้อนขวับใส่เขาไปหนึ่งที“ท่านอ๋องลืมแ
บทที่ 62 บุตรของข้าท้องฟ้าภายนอกยังคงมืดมิด เสียงลมพัดผ่านเบาๆ ทำให้ผ้าม่านสีขาวบางบนหน้าต่างสะบัดเล็กน้อย เผิงฟู่หลินขยับกายช้าๆ ไล่ความเมื่อยขบที่ได้รับจากการเคี่ยวกรำของหนี่เส้าจวินอย่างต่อเนื่อง แม้นางจะยังคงอ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่ทว่าร่างหนาของหนี่เส้าจวินที่เกยก่ายนางเอาไว้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมาหนี่เส้าจวินนอนอยู่ข้างกาย เสียงลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ ยามหลับตาใบหน้าของเขาดูผ่อนคลาย ไม่ดุดันและเคร่งขรึมเฉกเช่นยามปกติเผิงฟู่หลินพลิกตัวขึ้นจ้องมองดูใบหน้าของหนี่เส้าจวินอย่างเต็มสองตา บุรุษที่มักมารบกวนนางในยามหลับฝัน บัดนี้อยู่ใกล้เพียงลมหายใจเข้าออก เผิงฟู่หลินเหม่อมองอย่างใจลอย ความลืมตัวทำให้นางขยับมือขึ้นมาลูบไล้ไปตามใบหน้าของหนี่เส้าจวินอย่างแผ่วเบา นิ้วเรียวสัมผัสไปตามหน้าผากไล้ไปตามแผงคิ้วสีดำเข้มไล่ลงมาที่สันจมูกที่คมเข้ม ริมฝีปากที่หนาเชิดรับกับใบหน้า ทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์อย่างน่าเหลือเชื่อเผิงฟู่หลินอดที่จะยกยิ้มออกมาอย่างเสียมิได้ แต่ทันใดนั้นร่างของเธอก็ปลิวขึ้นมาทาบอยู่บนตัวของหนี่เส้าจวิน เขาปรือตาขึ้นพร้อมดึงตัวนางขึ้นมาก่ายเกยแนบชิดที่หน้าอก ร
บทที่ 61 สะสางหนี่เส้าจวินสาวเท้าก้าวเข้ามาภายในเรือนนอนของเผิงฟู่หลิน ทุกย่างก้าวของเขาหนักแน่นและดุดัน แววตาของเขาเย็นยะเยือกจนน่าหวาดหวั่นใจเผิงฟู่หลินพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่หนี่เส้าจวินกลับใช้พละกำลังที่มีรัดนางจนแทบขยับไม่ได้ สองมือปัดป่ายทุบตีไปตามแผ่นหลัง แต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดก็มิได้ส่งผลอันใดกลับมาหนี่เส้าจวินเดินตรงไปยังที่เตียงนอน ก่อนจะโยนร่างของเผิงฟู่หลินลงบนเตียงในทันที จากนั้นเขาจึงหันหลังเดินกลับไปแล้วปิดประตูลงอย่างเต็มแรงเสียงประตูที่ปิดกระแทกลงเสียงดังสนั่นทำเอาเผิงฟู่หลินถึงกับสะดุ้งสุดตัว นางถูกโยนลงบนเตียงอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้สะโพกของนางกระแทกลงบนฟูกอย่างแรงเผิงฟู่หลินรีบหยัดกายลุกขึ้นยืนด้วยความขุ่นเคืองใจ ลมหายใจหอบเหนื่อยจากการดิ้นรนเมื่อครู่ นางยืนประจันหน้ากับหนี่เส้าจวินอีกครั้งหนี่เส้าจวินหันมาเผชิญหน้ากับเผิงฟู่หลินด้วยสายตาที่ดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ความโกรธเคืองที่มีร้อนระอุไปทั่วร่างกายของเขา นางหายตัวไปเกือบหกปีทั้งยังกลับมาพร้อมเด็กชายอีกคนหนึ่งซึ่งเรียกนางว่า “แม่” เสียอีก แค่เพียงคิดว่านางคลอเคลียกับบุรุษคนอื่นก็ทำเอาหนี้เส้าจวินแทบค
บทที่ 60 พบกันอีกคราเผิงฟู่หลินเดินทางกลับมายังจวนสกุลเผิง นางเงยหน้าขึ้นมองประตูที่หน้าจวนด้วยความรู้สึกตื่นเต้นยินดียิ่งนัก หกปีแล้วที่นางจากไปแต่ทว่าจวนสกุลเผิงยังคงสงบไม่แตกต่างจากในวันวานเผิงฟู่หลินก้าวเท้าเข้าไปภายในจวน พ่อบ้านรีบเข้ามาต้อนรับพร้อมรายงานว่านายท่านทั้งสามอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ เผิงฟู่หลินจึงเดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่เพื่อพบกับครอบครัวในทันทีราชครูเผิง ฮูหยินเซียงและเผิงอันอวี้กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ ทันทีที่ทั้งสามเห็นเผิงฟู่หลินก็แสดงสีหน้าดีใจอย่างยิ่ง ฮูหยินเซียงรีบก้าวเท้าเข้ามากอดเผิงฟู่หลินเอาไว้แน่น “หลินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว”“หลินเอ๋อร์...เจ้ากลับมาครั้งนี้คงมิคิดจะออกเดินทางอีกใช่หรือไม่” เผิงอันอวี้ที่ก้าวเท้ามาตรงหน้าเผิงฟู่หลิน พร้อมกล่าวดักคอน้องสาวของตนในทันที“พี่ใหญ่ ข้าได้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่ว สถานที่ใดที่ข้าเคยใฝ่ฝันข้าล้วนได้เห็นกับตาตนเองทั้งสิ้น บัดนี้ข้าจะกลับมาอยู่บ้าน ข้าจะกลับมาอยู่กับครอบครัวของข้า” เผิงฟู่หลินกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสดใส หกปีที่ผ่านมานางได้เดินทางไปทั่ว ทั้งดินแดนตอนเหนือจนถึงดินแดนตอนใต้ สถานที่ที่นางเคยได้แต่จินตนาการจากการ
บทที่ 59 เจ้าหนีข้าไปแล้วหนี่เส้าจวินแทบคลุ้มคลั่งเมื่อได้รับข่าวว่าเผิงฟู่หลินได้ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะกล้าทำเช่นนี้กับเขา เผิงฟู่หลิน...นางหนีจากเขาไปโดยไม่บอกกล่าวสักคำ“พวกเจ้าออกตามหาพระชายาทุกเส้นทาง ต้องตามหานางให้เจอ” คำสั่งที่ดุดันแฝงความโกรธเคือง ทำให้เหล่าองครักษ์รีบรับคำสั่งพร้อมกระจายตัวออกตามหาในทันที“ว่าไงนะ” เสียงตะคอกดังลั่นไปทั่วจวน เมื่อองครักษ์กลับมารายงานว่าไม่พบร่องรอยของเผิงฟู่หลินเลยแม้แต่น้อยหนี้เส้าจวินที่หัวเสียอย่างมาก เขาทุบโต๊ะเสียงดังสนั่นไปทั่วห้องอักษร ทำเอาเหล่าองครักษ์ได้แต่ยืนแข็งเกร็ง เหงื่อไหลซึมออกมาด้วยกลัวโทสะของหนี่เส้าจวิน“ตามหาต่อไป แม่ทัพเผิงแจ้งข่าวว่านางเดินทางไปดินแดนใต้ ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะหานางไม่พบ”ทั้งที่หนี่เส้าจวินคิดว่าเผิงฟู่หลินไม่มีทางหนีไปไหนได้ไกล ทว่าเวลาผ่านไปเกือบเดือนก็ยังคงไม่มีวี่แววใดๆ ของนาง เขาสั่งการให้ทหารออกตามหาเผิงฟู่หลินในทุกเส้นทางและทุกทิศที่นางอาจจะเดินทางได้ แต่หนี้เส้าจวินกลับไม่รู้ว่าเผิงฟู่หลินได้เปลี่ยนเส้นทางขึ้นไปยังดินแดนทางเหนือแล้ว ดังนั้นการตามหาของเขาก็ไม่ต่างจากการง
บทที่ 58 การเดินทางไกลในช่วงสายของวัน เผิงฟู่หลินและเจ้าจูก็ได้เดินทางออกจากจวนโดยมิได้ร่ำลาผู้ใด พวกนางออกจากประตูเมืองและตามไปสมทบกับเสี่ยวเหวินโหลที่โรงเตี๊ยมนอกเมืองเสี่ยวเหวินโหลเห็นเผิงฟู่หลินก็รู้สึกยินดียิ่ง เขายิ้มกว้างออกมาอย่างลืมตัว“คำนับคุณหนูเผิง” เสี่ยวเหวินโหลทักทายอย่างเกรงใจ“ท่านอย่าเกรงใจเช่นนี้อีกเลย ต่อไปพวกเราทั้งสามถือเสียว่าเป็นสหายร่วมเดินทางกัน ต่อไปข้าเรียกเจ้าว่าฟู่หลิน ส่วนข้าจะเรียกเจ้าว่าพี่เหวินโหลแล้วกัน” เผิงฟู่หลินเสนอออกไปเสี่ยวเหวินโหลถึงกับก้มหน้าข่มความเคอะเขินที่มี “ฟู่หลิน...”รถม้าถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย ทำให้การเดินทางของเผิงฟู่หลิน เจ้าจู และเสี่ยวเหวินโหลค่อนข้างเป็นไปด้วยความราบรื่นลมหนาวยามเช้าพัดผ่านป่าเขาอันเงียบสงบ เสียงใบไม้ปลิวไสวกระทบกันดั่งเสียงดนตรีแห่งธรรมชาติ บนทางเดินที่เต็มไปด้วยหินกรวด รถม้ายังคงวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดพักเผิงฟู่หลินที่นั่งอยู่ในด้านเปิดม่านขึ้นพร้อมยื่นหน้าออกไปชมทิวทัศน์ด้านนอก ความสวยงามและความเขียวขจีทำให้ใจของนางรู้สึกสงบลงไปอย่างมาก แสงอาทิตย์อ่อน ๆ แผ่วเบาส่องทะลุทิวไม้ ทำให้เงาใบไม้ส่อง
บทที่ 57 ค่ำคืนสุดท้ายในค่ำคืนนี้แสงจันทร์สลัวสาดส่องเข้ามาภายในห้อง เผิงฟู่หลินนั่งนิ่งอยู่ที่เตียงนอน ดวงตาของนางจับจ้องไปยังประตูดั่งคนที่กำลังรอคอยบางอย่างอยู่ สีหน้าของนางค่อนข้างแสดงถึงความกังวลใจที่มี สองมือบิดเกร็งไปมาด้วยความกระสับกระส่ายคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เผิงฟู่หลินจะอยู่ที่เมืองหลวงเนื่องจากนางได้นัดแนะกับเจ้าจูและเสี่ยวเหวินโหลในการออกเดินทางไกลในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเผิงฟู่หลินจึงอยากที่จะพบกับหนี่เส้าจวินอีกสักครั้งเพราะอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้พบกันอีกทันใดนั้น ร่างใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้างเตียง หนี่เส้าจวินก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทางเงียบขรึม ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องไปที่ร่างบางของเผิงฟู่หลินเผิงฟู่หลินเงยหน้าขึ้นมองหนี่เส้าจวินด้วยสายตาที่เศร้าสลดลง ก่อนจะปรับสีหน้ายกยิ้มให้เขาอีกครั้ง เผิงฟู่หลินลุกขึ้นเดินไปยืนตรงหน้าของหนี่เส้าจวิน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมเข้มนั้นอย่างเบามือหนี่เส้าจวินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจกับท่าทีที่เผิงฟู่หลินมีให้ แม้ทั้งคู่จะเข้ากันได้ดียามอยู่บนเตียง แต่ทุกครั้งที่เขามาหานาง เผิงฟู่หลินมักแสดงท่าทีผลักไสและ
บทที่ 56 ทำตามความใฝ่ฝันแสงตะวันยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในเรือน เผิงฟู่หลินปรือตาขึ้นด้วยความเมื่อยขบไปทั้งตัว ใบหน้างดงามขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกขัดเคืองใจ เมื่อคืนหนี่เส้าจวินเคี่ยวกรำนางไม่หยุดราวกับคนที่อดอยากหิวโหยก็ไม่ปาน ทว่าบัดนี้หนี่เส้าจวินได้ออกจากห้องไปตั้งแต่ยามรุ่งสาง แต่สัมผัสของเขายังคงติดตรึงอบอวลอยู่ไปทั่วบริเวณเจ้าจูเข้ามาภายในห้องพร้อมทำหน้าประหลาดใจ สภาพของเผิงฟู่หลินราวกับผ่านสมรภูมิอันดุเดือด จนเสื้อผ้าและผมเผ้านั้นยุ่งเหยิงไปหมด“คุณหนู...ท่าน...” เจ้าจูรีบปิดปากเมื่อคาดเดาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน“เจ้าอย่าพูดมาก รีบพาข้าไปอาบน้ำที” เผิงฟู่หลินขยับกายลุกขึ้นอย่างอ่อนแรงเจ้าจูรีบเข้ามาประคองพร้อมพานายหญิงของตนไปที่อ่างน้ำทันทีหลังจากแต่งตัวเป็นที่เรียบร้อย เผิงฟู่หลินกำชับเจ้าจูมิให้บอกเรื่องนี้แก่ผู้ใด เจ้าจูรับคำโดยเร็วแต่ยังคงอดสงสัยมิได้ว่าผู้ใดกันที่กล้าบุกรุกจวนสกุลเผิงเช่นนี้นับแต่นั้นหนี่เส้าจวินก็มักจะลักลอบเข้าหาเผิงฟู่หลินไม่ต่างจากชายชู้ในบทนิยาย เผิงฟู่หลินแม้จะยอมรับว่าร่างกายของนางเองก็ต้องการเขาไม่ต่างกัน แต่ภายในใจกลับหวาดหวั่นและยังคงสร้างก