บทที่ 26 ปรักปรำหลังจากหมอหลวงเข้ามาตรวจอาการของเผิงเสี่ยวว่าน เขาก็ถึงกับใบหน้าซีดเผือด คิ้วทั้งสองขมวดแน่นด้วยความวิตกกังวล ก่อนจะก้าวเท้าออกมาคำนับตรงหน้าหนี่ซูเว่ยด้วยความประหม่าอย่างรุนแรง “เรียนท่านอ๋อง ข้าน้อยตรวจอาการของพระชายาพบว่าพระชายาได้รับพิษส่งผลโดยตรงต่อทารกครรภ์ บัดนี้ไม่อาจรักษาทารกในครรภ์ได้แล้วขอรับ”หนี่ซูเว่ยได้ฟังเช่นนั้นก็ถึงกับซวนเซด้วยความเจ็บปวด “เจ้าว่าอะไรนะ...เจ้าบอกว่าข้าเสียลูกไปแล้วอย่างนั้นหรือ...ใครกัน...ใครกล้าบังอาจวางยาพระชายา...ใครกล้าบังอาจทำร้ายลูกของข้า” หนี่ซูเว่ยคำรามออกมาพร้อมหันไปมองหน้าเผิงฟู่หลินอย่างต้องการจับผิด ความเดือดดาลที่คุกรุ่นทำให้เขามองหน้านางแทบจะกินเลือดกินเนื้อเผิงเสี่ยวว่านที่ได้ยินเช่นนั้น ก็ร้องไห้คร่ำครวญออกมาราวกับคนเสียสติ “ไม่จริง...ลูกของข้า...ท่านพี่ ลูกของข้าไม่อยู่แล้ว...ไม่จริง”เผิงฟู่หลินรู้สึกราวกับร่างกายแข็งเกร็งจนกลายเป็นหิน นางยืนตัวชาด้วยความตกใจเกินกว่าจะตอบสนองสิ่งใดออกมา ก่อนจะได้ยินเสียงของหนี่ซูเว่ยตะโกนก้องออกมาเสียงดังลั่นจวน “ทหารค้นจวนทุกแห่งหาหลักฐานให้พบ”เมื่อเผิงฟู่หลินได้สติขึ้นมา นางหันไ
บทที่ 27 หมางเมินเรือนหลังใหญ่ของเผิงฟู่หลินเงียบสงัดเหมือนบรรยากาศหลังพายุพัดผ่านไป เสียงลมที่พัดผ่านต้นหลิวส่งเสียงหวิวๆ ก้องไปทั่วบริเวณเรือน โคมไฟที่ส่องสว่างอยู่หน้าทางเดินก็ดูจะสั่นไหวเพราะแรงลมหนาวที่พัดผ่าน ทั้งเรือนเงียบกริบราวกับไม่มีชีวิตนับตั้งแต่เกิดเรื่องหนี่เส้าจวินก็มิได้มาเยือนที่เรือนนอนของเผิงฟู่หลินอีกเลย มีเพียงพ่อบ้านที่มาแจ้งให้นางพักอยู่ในเรือนเพียงเท่านั้น“คุณหนู นี่มิใช่การกักบริเวณท่านหรอกหรือ เหตุใดท่านอ๋องจึงได้ทำเช่นนี้ได้” เจ้าจูเอ่ยปากออกมาอย่างนึกขัดเคืองใจ“ข้าต้องหาทางพิสูจน์ตัวเองให้ได้ ข้าไม่ยอมให้ผู้ใดมากล่าวหาข้าเช่นนี้ เจ้าจู...เจ้าลอบให้คนส่งข่าวให้ท่านพ่อ ขอให้ท่านพ่อส่งคนไปสืบเรื่องดังกล่าวที” เผิงฟู่หลินแม้จะรู้สึกปวดร้าวกับสิ่งที่หนี่เส้าจวินกระทำ แต่ด้วยศักดิ์ศรีที่มีนางจะต้องพิสูจน์ตนเองให้เขาเห็นให้ได้“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบดำเนินการโดยเร็วเจ้าค่ะ” เจ้าจูรับคำก่อนจะรีบออกจากเรือนไปอย่างรวดเร็วเผิงฟู่หลินทรุดกายลงนั่งที่โต๊ะกลางห้องด้วยท่าทางอิดโรย ความน้อยเนื้อต่ำใจทำให้นางถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา “ข้าเชื่อใจท่าน เหตุใดท่านจึงไม่เชื่อข้า” เผ
บทที่ 28 บาปนี้ข้ายินดีรับในขณะที่เผิงเสี่ยวว่านกำลังนอนพักรักษาตัวที่ภายในเรือนนอน แม้ร่างกายของนางจะอ่อนเพลียจากการเสียเลือดอยู่มาก แต่เมื่อเผิงเสี่ยวว่านเห็นจงหลีเดินเข้ามาภายในห้อง นางก็รีบหยัดตัวลุกขึ้นมาในทันทีด้วยความร้อนใจจงหลีเห็นท่าทีดังกล่าวของเผิงเสี่ยวว่าน ก็รีบปรี่เข้ามาประคองร่างบางให้นั่งลงอย่างทะนุถนอม “คุณหนู...ระวังร่างกายด้วยเจ้าค่ะ” จงหลีพูดพลางประคองร่างไปพลาง ก่อนจะรีบรายงานข่าวที่ได้รับมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก นางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่น “คุณหนู...ข้าได้ยินข่าวมาจากเรือนใหญ่” นางหยุดไปชั่วครู่เพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะเอ่ยออกมา “วันนี้ท่านอ๋องหนี่เส้าจวินเข้ามาขอพบท่านอ๋อง ก่อนจะแจ้งกับท่านอ๋องว่าเรื่องที่ท่านตกเลือดในคราวนี้ ท่านอ๋องได้จับกุมสาวใช้คนหนึ่งและได้สั่งโบยจนคนผู้นั้นจนเสียชีวิตแล้วเจ้าค่ะ”เผิงเสี่ยวว่านถึงกับผงะเมื่อได้ยินข่าวดังกล่าว ใบหน้าที่ขาวซีดอยู่แล้วกลับยิ่งซีดเผือดราวกับกระดาษ แววตาที่เคยฉายแววความมั่นใจค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปเป็นความผิดหวัง นางกัดฟันกรอดก่อนจะอาละวาดโวยวายด้วยความเครียดและความแค้นเคือง “บัดซบที่สุด” เผิงเสี่ยวว่านสบถออกมาเสียง
บทที่ 29 ข้าไม่ผิดในขณะเดียวกันทางด้านเผิงฟู่หลินเองก็ร้อนใจอย่างที่สุด นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมา เผิงฟู่หลินก็ถูกกักตัวอยู่แต่ภายในเรือน สำรับอาหารต่างๆ ถูกจัดเตรียมและนำมาให้โดยพ่อบ้านเพียงเท่านั้น เผิงฟู่หลินได้แต่เดินไปเดินมาภายในห้องนอนอย่างรอคอยข่าวคราวจากเจ้าจูเผิงฟู่หลินที่อยู่อย่างหนูติดจั่นก็ได้แต่กระวนกระวายใจ ทันทีที่ได้เห็นเจ้าจูเดินเข้ามาภายในเรือนนอน นางก็ปรี่เข้าไปดึงแขนของเจ้าจูเข้ามาใกล้ ก่อนจะรีบปิดประตูอย่างแน่นหนาอย่างไม่ต้องการให้ใครรับรู้“เจ้าจู เจ้าได้ความอย่างใดบ้าง” เผิงฟู่หลินที่ร้อนใจรีบถามคำถามใส่สาวใช้ในทันที“คุณหนู ท่านอ๋องจับกุมสาวใช้คนหนึ่งพร้อมสั่งโบยนางจนถึงชีวิต ข้าได้ยินมาว่านางตั้งใจวางยาท่านแต่เคราะห์กรรมกลับไปตกที่คุณหนูใหญ่แทนเจ้าค่ะ” เจ้าจูรีบรายงานตามที่ได้ยินมา“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ข้ามิได้มีศัตรูที่ไหนในจวนแห่งนี้ แล้วเหตุใดต้องวางยาข้า อีกทั้งยาซานหลิงเป็นยาที่มีพิษต่อสตรีมีครรภ์ซึ่งหาใช่ข้าไม่ ดังนั้นเป้าหมายนี้ย่อมไม่ใช่ข้าเป็นแน่” เผิงฟู่หลินไม่อาจยอมรับข้อมูลที่ได้ยินมา อีกทั้งเมื่อนางใคร่ครวญเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันช่างดูประจวบเ
บทที่ 30 ถึงคราวเปลี่ยนแปลงภายในจวนอ๋องหนี่เส้าจวิน บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบงันที่แฝงความตึงเครียด ทุกคนในจวนต่างรับรู้ถึงความขัดแย้งที่คุกรุ่นรุนแรงขึ้นภายในจวน ความบาดหมางระหว่างหนี่เส้าจวินและเผิงฟู่หลินนับตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อครั้งนั้น ทำให้หนี่เส้าจวินมิได้ย่างกรายมาพบหน้านางอีกเลย เผิงฟู่หลินถูกทิ้งให้อยู่ลำพังภายในเรือนโดยมีเพียงเจ้าจูและพ่อบ้านที่คอยดูแลเท่านั้น ข่าวลือที่ว่าบัดนี้พระชายาไม่เป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องแพร่กระจายไปทั่วจวนภายในเรือนนอนเผิงฟู่หลินนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แกะสลักลวดลายซับซ้อน สีหน้าอิดโรยดั่งคนที่มิได้พักผ่อน ดวงตาของนางแดงก่ำด้วยความเจ็บปวดและโกรธเกรี้ยว นางขบคิดถึงการกระทำของหนี่เส้าจวินที่ทำให้หัวใจของนางเต็มไปด้วยความขมขื่น เสียงนกน้อยที่บินผ่านมาเกาะกิ่งไม้ข้างหน้าต่างไม่ต่างจากเสียงเย้ยหยันที่มีให้นางพลันเสียงฝีเท้าของเจ้าจูก็ดังขึ้นมา ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างรีบร้อน“เจ้าจู...เจ้ามีเรื่องอันใด เหตุใดจึงหน้าตื่นถึงเพียงนี้” เผิงฟู่หลินถามอย่างแปลกใจกับท่าทีที่ไร้มารยาทเช่นนี้ของนางเจ้าจูหายใจหอบ ก่อนจะปรายตาขึ้นมองหน้าเผิงฟู่หลินอย่างนึก
บทที่ 31 หลั่งน้ำตาครั้งสุดท้ายเสียงกระเบื้องเคลือบดังกระทบกับพื้นอย่างรุนแรงเมื่อถ้วยชามแตกกระจายเป็นเสี่ยง เผิงฟู่หลินยังคงเหวี่ยงปาข้าวของไปทั่วห้อง เรือนที่เคยเงียบสงบกลับดั่งสนั่นหวั่นไหวราวกับพายุโหม เผิงฟู่หลินระบายโทสะทั้งหมดที่อัดแน่นอยู่ภายในหัวใจ กับข้าวของล้ำค่าที่มีภายในเรือนอย่างไม่นึกเสียดาย“คุณหนู โปรดใจเย็นลงเถิดเจ้าค่ะ” เจ้าจูร้องอย่างตื่นตระหนก นางพยายามห้ามพลางเอื้อมมือไปจับแขนเผิงฟู่หลิน แต่มือเล็กกลับถูกสะบัดออกไปอย่างเต็มแรง“อย่ามาห้ามข้า” เผิงฟู่หลินตะโกนลั่น น้ำตาของนางเริ่มไหลลงมาอย่างไม่อาจกั้นได้ ความเจ็บแค้นและผิดหวังหลั่งออกมาเหมือนเขื่อนทะลักสักพักเผิงฟู่หลินก็รู้สึกเหนื่อยหอบ สุดท้ายนางก็ทรุดตัวลงกับพื้น พร้อมเสียงสะอื้นดังออกมาเป็นระลอก “เจ้าจู...ทำไม…ทำไมชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้…”เผิงฟู่หลินคร่ำครวญพลางก้มหน้ามองพื้น สองมือของนางกำแน่นจนเล็บจิกลงไปในเนื้อ ทว่าความเจ็บปวดภายนอกกลับไม่อาจเปรียบเทียบกับความเจ็บปวดในจิตใจที่รุมเร้า น้ำตาของนางพรั่งพรูออกมาราวกับจะกลายเป็นสายเลือด ความเชื่อมั่นและเชื่อใจที่มีกลับกลายเป็นความว่างเปล่าเจ้าจูคุกเข่าลงตรงห
บทที่ 32 แสวงหาความสุขเช้าวันนี้เผิงฟู่หลินตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นขึ้นมากเป็นพิเศษ นางลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรู้สึกผ่อนคลายลงไปอย่างมาก ความหนักอึ้งในใจคล้ายกับถูกปลดเปลื้องไปบางส่วนหลังจากที่เผิงฟู่หลินเหลียวมองไปรอบๆ ห้องอย่างรู้สึกอึดอัดกับการต้องอยู่ภายในจวนมาเป็นเวลานาน เผิงฟู่หลินจึงเกิดความคิดที่อยากจะออกไปเดินเล่นที่ตลาดเพื่อผ่อนคลายอารมณ์เสียหน่อย“เจ้าจู” เผิงฟู่หลินเอ่ยเรียกเจ้าจูที่กำลังจัดเตรียมน้ำร้อนและสำรับให้เผิงฟู่หลินอยู่นั้น “ข้าอยากออกไปเดินเล่นที่ตลาด นานมากแล้วทีเดียวที่ข้ามิได้ออกไปจากจวนแห่งนี้”เจ้าจูที่กำลังวุ่นวายหันมาตามเสียงเรียก นางมองเผิงฟู่หลินด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ พร้อมความตื่นเต้นที่มิอาจปิดบัง “เจ้าค่ะ คุณหนู เช่นนั้นข้าจะรีบจัดเตรียมให้นะเจ้าคะ”เจ้าจูกระตือรือร้นด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นเผิงฟู่หลินยิ้มออกมา อีกทั้งนางเองก็อยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกมานานแล้วเช่นกัน เจ้าจูรีบพยุงเผิงฟู่หลินไปอาบน้ำก่อนจะสวมใส่ชุดที่บางสบายให้นางจนเป็นที่เรียบร้อย“คุณหนูทานอาหารเช้าก่อนนะเจ้าคะ ข้าจะแจ้งพ่อบ้านให้จัดเตรียมรถม้าให้ท่าน” เจ้าจูรีบกำช
บทที่ 33 พบผู้รู้ใจระหว่างที่ทั้งสามกำลังสนทนากันอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงท้องร้องดังขึ้นมาจากทางด้านเสี่ยวเหวินโหล เขารีบกุมท้องด้วยความรู้สึกอับอายขายหน้ายิ่งนัก ใบหน้าของเขาหน้าแดงซ่านไปถึงใบหู เดิมทีเขาตั้งใจจะไปหาอะไรกินก่อนจะเดินทางต่อ แต่กลับพบเหตุการณ์นี้เข้าเสียก่อน ครั้นพอเรื่องราวเรียบร้อยแล้ว ท้องเจ้ากรรมดันเล่นงานเขาต่อหน้าหญิงงามเสียได้เผิงฟู่หลินก้มหน้าลงเล็กน้อยพร้อมทำเพียงยิ้มบางๆ ออกมาอย่างรักษามารยาท “ข้ากับเจ้าจูตั้งใจจะไปทานอาหารที่หอชมจันทร์ หากท่านไม่รังเกียจให้ข้าเลี้ยงข้าวท่านสักมื้อถือเป็นการตอบแทนได้หรือไม่”เสี่ยวเหวินโหลได้ยินคำชวนเช่นนั้นก็รีบพยักหน้ารับในทันที เขาทั้งรู้สึกดีใจและตื่นเต้นอย่างมาก อันที่จริงเสี่ยวเหวินโหลก็มิได้คาดหวังสิ่งตอบแทนอันใด เขาคิดเพียงเข้าช่วยเหลือคนที่ประสบเคราะห์แต่เพียงเท่านั้น หากแต่ว่าหญิงสาวตรงหน้าทำให้เขารู้สึกสนใจและอยากทำความรู้จักมากยิ่งขึ้น ทำให้เสี่ยวเหวินโหลไม่คิดจะปฏิเสธความหวังดีของเผิงฟู่หลินแม้แต่น้อยเสี่ยวเหวินโหลยังคงจ้องมองเผิงฟู่หลินอย่างไม่วางตา ภาพของเผิงฟู่หลินที่ดูสูงศักดิ์แต่กลับมีน้ำใจอย่างยิ่ง นางแต่
บทที่ 64 งานมงคลพิธีสมรสพระราชทานระหว่างหนี่เส้าจวินและเผิงฟู่หลินถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติ เหล่าบรรดาแขกเหรื่อมากมายต่างเดินทางมาเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับคนทั้งคู่ โต๊ะจัดเลี้ยงถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ พรมแดงยาวทอดจากประตูหน้าจวนเข้าสู่ห้องโถงใหญ่เผิงฟู่หลินสวมชุดเจ้าสาวสีแดงเข้มผืนยาวพลิ้วไหวจากผ้าไหมชั้นดี นางแต่งกายงดงามสมกับชื่อเสียงเรื่องความโฉมสะคราญ เผิงฟู่หลินก้าวเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สง่างามยิ่งนักหนี่ซูเว่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างพร้อมกับพระชายาของเขา หนี่ซูเว่ยเฝ้ามองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังก้าวเดินเข้ามาใกล้ด้วยความรู้สึกที่ปนเประหว่างความเศร้าและความยินดี หัวใจของเขาหนักหน่วงขึ้นมาจากความรู้สึกที่ฝังลึกลงไปในใจ เผิงซูเว่ยทอดถอนหายใจออกมา ก่อนจะปรับสีหน้าและยิ้มกว้างออกมาให้นางด้วยความยินดี “หลินเอ๋อร์...เจ้าคู่ควรกับความสุขนี้” เขากระซิบกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความจริงใจในขณะที่บรรยากาศภายในงานดำเนินไปอย่างราบรื่น ทางด้านนอกห้องโถงอันเงียบสงัด เสี่ยวเหวินโหลยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวน เขามองภาพของเผิงฟู่หลินที่เดินเข้ามาในงานด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
บทที่ 63 ท่านเป็นท่านพ่อข้าหรอกหรือยามสายของวันใหม่อากาศปลอดโปร่งยิ่งนัก หนี่เส้าจวินพิงกายขึ้นนั่ง ดวงตาคู่คมเข้มของเขาจับจ้องใบหน้าของเผิงฟู่หลินที่กำลังหลับใหลด้วยความอ่อนเพลียจากการถูกเขารังแกไม่หยุดในค่ำคืนที่ผ่านมา แววตาของเขาฉายแววลึกซึ้ง ทั้งหวงแหน ทั้งรักใคร่ เขายังคงอ้อยอิ่งอยู่เช่นนั้นโดยไม่ยอมลุกขึ้นหรือปลุกหญิงสาวจากการหลับใหล รอยยิ้มกรุ้มกริ่มฉายความเจ้าเล่ห์ออกมา หนี่เส้าจวินยังคงจ้องมองหน้านางอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้หนี่เส้าจวินหันหน้าไปมองด้วยสายตาขัดใจที่ถูกรบกวน เผิงฟู่หลินปรือตาขึ้นมาเมื่อเห็นเจ้าจูยืนอยู่ข้างหน้าประตู เจ้าจูได้แต่ก้มหน้านิ่งพร้อมใบหน้าแดงก่ำด้วยความกระดากอาย“ท่านอ๋องและคุณหนู ได้เวลาอาหารแล้วเจ้าค่ะ” เจ้าจูพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาโดยไม่แม้แต่จะมองสภาพภายในห้องที่ราวกับผ่านศึกสงครามครั้งใหญ่“เจ้ามาช่วยข้าที” เผิงฟู่หลินบอกกล่าวออกไป“พวกเรามิต้องเร่งรีบนักหรอก ทุกคนคงเข้าใจได้ดี” หนี่เส้าจวินพูดขึ้นมาหน้าตาเฉยท่าทางราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวอันใด เผิงฟู่หลินได้แต่นึกหมั่นไส้คนตรงหน้าพร้อมค้อนขวับใส่เขาไปหนึ่งที“ท่านอ๋องลืมแ
บทที่ 62 บุตรของข้าท้องฟ้าภายนอกยังคงมืดมิด เสียงลมพัดผ่านเบาๆ ทำให้ผ้าม่านสีขาวบางบนหน้าต่างสะบัดเล็กน้อย เผิงฟู่หลินขยับกายช้าๆ ไล่ความเมื่อยขบที่ได้รับจากการเคี่ยวกรำของหนี่เส้าจวินอย่างต่อเนื่อง แม้นางจะยังคงอ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่ทว่าร่างหนาของหนี่เส้าจวินที่เกยก่ายนางเอาไว้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมาหนี่เส้าจวินนอนอยู่ข้างกาย เสียงลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ ยามหลับตาใบหน้าของเขาดูผ่อนคลาย ไม่ดุดันและเคร่งขรึมเฉกเช่นยามปกติเผิงฟู่หลินพลิกตัวขึ้นจ้องมองดูใบหน้าของหนี่เส้าจวินอย่างเต็มสองตา บุรุษที่มักมารบกวนนางในยามหลับฝัน บัดนี้อยู่ใกล้เพียงลมหายใจเข้าออก เผิงฟู่หลินเหม่อมองอย่างใจลอย ความลืมตัวทำให้นางขยับมือขึ้นมาลูบไล้ไปตามใบหน้าของหนี่เส้าจวินอย่างแผ่วเบา นิ้วเรียวสัมผัสไปตามหน้าผากไล้ไปตามแผงคิ้วสีดำเข้มไล่ลงมาที่สันจมูกที่คมเข้ม ริมฝีปากที่หนาเชิดรับกับใบหน้า ทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์อย่างน่าเหลือเชื่อเผิงฟู่หลินอดที่จะยกยิ้มออกมาอย่างเสียมิได้ แต่ทันใดนั้นร่างของเธอก็ปลิวขึ้นมาทาบอยู่บนตัวของหนี่เส้าจวิน เขาปรือตาขึ้นพร้อมดึงตัวนางขึ้นมาก่ายเกยแนบชิดที่หน้าอก ร
บทที่ 61 สะสางหนี่เส้าจวินสาวเท้าก้าวเข้ามาภายในเรือนนอนของเผิงฟู่หลิน ทุกย่างก้าวของเขาหนักแน่นและดุดัน แววตาของเขาเย็นยะเยือกจนน่าหวาดหวั่นใจเผิงฟู่หลินพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่หนี่เส้าจวินกลับใช้พละกำลังที่มีรัดนางจนแทบขยับไม่ได้ สองมือปัดป่ายทุบตีไปตามแผ่นหลัง แต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดก็มิได้ส่งผลอันใดกลับมาหนี่เส้าจวินเดินตรงไปยังที่เตียงนอน ก่อนจะโยนร่างของเผิงฟู่หลินลงบนเตียงในทันที จากนั้นเขาจึงหันหลังเดินกลับไปแล้วปิดประตูลงอย่างเต็มแรงเสียงประตูที่ปิดกระแทกลงเสียงดังสนั่นทำเอาเผิงฟู่หลินถึงกับสะดุ้งสุดตัว นางถูกโยนลงบนเตียงอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้สะโพกของนางกระแทกลงบนฟูกอย่างแรงเผิงฟู่หลินรีบหยัดกายลุกขึ้นยืนด้วยความขุ่นเคืองใจ ลมหายใจหอบเหนื่อยจากการดิ้นรนเมื่อครู่ นางยืนประจันหน้ากับหนี่เส้าจวินอีกครั้งหนี่เส้าจวินหันมาเผชิญหน้ากับเผิงฟู่หลินด้วยสายตาที่ดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ความโกรธเคืองที่มีร้อนระอุไปทั่วร่างกายของเขา นางหายตัวไปเกือบหกปีทั้งยังกลับมาพร้อมเด็กชายอีกคนหนึ่งซึ่งเรียกนางว่า “แม่” เสียอีก แค่เพียงคิดว่านางคลอเคลียกับบุรุษคนอื่นก็ทำเอาหนี้เส้าจวินแทบค
บทที่ 60 พบกันอีกคราเผิงฟู่หลินเดินทางกลับมายังจวนสกุลเผิง นางเงยหน้าขึ้นมองประตูที่หน้าจวนด้วยความรู้สึกตื่นเต้นยินดียิ่งนัก หกปีแล้วที่นางจากไปแต่ทว่าจวนสกุลเผิงยังคงสงบไม่แตกต่างจากในวันวานเผิงฟู่หลินก้าวเท้าเข้าไปภายในจวน พ่อบ้านรีบเข้ามาต้อนรับพร้อมรายงานว่านายท่านทั้งสามอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ เผิงฟู่หลินจึงเดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่เพื่อพบกับครอบครัวในทันทีราชครูเผิง ฮูหยินเซียงและเผิงอันอวี้กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ ทันทีที่ทั้งสามเห็นเผิงฟู่หลินก็แสดงสีหน้าดีใจอย่างยิ่ง ฮูหยินเซียงรีบก้าวเท้าเข้ามากอดเผิงฟู่หลินเอาไว้แน่น “หลินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว”“หลินเอ๋อร์...เจ้ากลับมาครั้งนี้คงมิคิดจะออกเดินทางอีกใช่หรือไม่” เผิงอันอวี้ที่ก้าวเท้ามาตรงหน้าเผิงฟู่หลิน พร้อมกล่าวดักคอน้องสาวของตนในทันที“พี่ใหญ่ ข้าได้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่ว สถานที่ใดที่ข้าเคยใฝ่ฝันข้าล้วนได้เห็นกับตาตนเองทั้งสิ้น บัดนี้ข้าจะกลับมาอยู่บ้าน ข้าจะกลับมาอยู่กับครอบครัวของข้า” เผิงฟู่หลินกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสดใส หกปีที่ผ่านมานางได้เดินทางไปทั่ว ทั้งดินแดนตอนเหนือจนถึงดินแดนตอนใต้ สถานที่ที่นางเคยได้แต่จินตนาการจากการ
บทที่ 59 เจ้าหนีข้าไปแล้วหนี่เส้าจวินแทบคลุ้มคลั่งเมื่อได้รับข่าวว่าเผิงฟู่หลินได้ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะกล้าทำเช่นนี้กับเขา เผิงฟู่หลิน...นางหนีจากเขาไปโดยไม่บอกกล่าวสักคำ“พวกเจ้าออกตามหาพระชายาทุกเส้นทาง ต้องตามหานางให้เจอ” คำสั่งที่ดุดันแฝงความโกรธเคือง ทำให้เหล่าองครักษ์รีบรับคำสั่งพร้อมกระจายตัวออกตามหาในทันที“ว่าไงนะ” เสียงตะคอกดังลั่นไปทั่วจวน เมื่อองครักษ์กลับมารายงานว่าไม่พบร่องรอยของเผิงฟู่หลินเลยแม้แต่น้อยหนี้เส้าจวินที่หัวเสียอย่างมาก เขาทุบโต๊ะเสียงดังสนั่นไปทั่วห้องอักษร ทำเอาเหล่าองครักษ์ได้แต่ยืนแข็งเกร็ง เหงื่อไหลซึมออกมาด้วยกลัวโทสะของหนี่เส้าจวิน“ตามหาต่อไป แม่ทัพเผิงแจ้งข่าวว่านางเดินทางไปดินแดนใต้ ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะหานางไม่พบ”ทั้งที่หนี่เส้าจวินคิดว่าเผิงฟู่หลินไม่มีทางหนีไปไหนได้ไกล ทว่าเวลาผ่านไปเกือบเดือนก็ยังคงไม่มีวี่แววใดๆ ของนาง เขาสั่งการให้ทหารออกตามหาเผิงฟู่หลินในทุกเส้นทางและทุกทิศที่นางอาจจะเดินทางได้ แต่หนี้เส้าจวินกลับไม่รู้ว่าเผิงฟู่หลินได้เปลี่ยนเส้นทางขึ้นไปยังดินแดนทางเหนือแล้ว ดังนั้นการตามหาของเขาก็ไม่ต่างจากการง
บทที่ 58 การเดินทางไกลในช่วงสายของวัน เผิงฟู่หลินและเจ้าจูก็ได้เดินทางออกจากจวนโดยมิได้ร่ำลาผู้ใด พวกนางออกจากประตูเมืองและตามไปสมทบกับเสี่ยวเหวินโหลที่โรงเตี๊ยมนอกเมืองเสี่ยวเหวินโหลเห็นเผิงฟู่หลินก็รู้สึกยินดียิ่ง เขายิ้มกว้างออกมาอย่างลืมตัว“คำนับคุณหนูเผิง” เสี่ยวเหวินโหลทักทายอย่างเกรงใจ“ท่านอย่าเกรงใจเช่นนี้อีกเลย ต่อไปพวกเราทั้งสามถือเสียว่าเป็นสหายร่วมเดินทางกัน ต่อไปข้าเรียกเจ้าว่าฟู่หลิน ส่วนข้าจะเรียกเจ้าว่าพี่เหวินโหลแล้วกัน” เผิงฟู่หลินเสนอออกไปเสี่ยวเหวินโหลถึงกับก้มหน้าข่มความเคอะเขินที่มี “ฟู่หลิน...”รถม้าถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย ทำให้การเดินทางของเผิงฟู่หลิน เจ้าจู และเสี่ยวเหวินโหลค่อนข้างเป็นไปด้วยความราบรื่นลมหนาวยามเช้าพัดผ่านป่าเขาอันเงียบสงบ เสียงใบไม้ปลิวไสวกระทบกันดั่งเสียงดนตรีแห่งธรรมชาติ บนทางเดินที่เต็มไปด้วยหินกรวด รถม้ายังคงวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดพักเผิงฟู่หลินที่นั่งอยู่ในด้านเปิดม่านขึ้นพร้อมยื่นหน้าออกไปชมทิวทัศน์ด้านนอก ความสวยงามและความเขียวขจีทำให้ใจของนางรู้สึกสงบลงไปอย่างมาก แสงอาทิตย์อ่อน ๆ แผ่วเบาส่องทะลุทิวไม้ ทำให้เงาใบไม้ส่อง
บทที่ 57 ค่ำคืนสุดท้ายในค่ำคืนนี้แสงจันทร์สลัวสาดส่องเข้ามาภายในห้อง เผิงฟู่หลินนั่งนิ่งอยู่ที่เตียงนอน ดวงตาของนางจับจ้องไปยังประตูดั่งคนที่กำลังรอคอยบางอย่างอยู่ สีหน้าของนางค่อนข้างแสดงถึงความกังวลใจที่มี สองมือบิดเกร็งไปมาด้วยความกระสับกระส่ายคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เผิงฟู่หลินจะอยู่ที่เมืองหลวงเนื่องจากนางได้นัดแนะกับเจ้าจูและเสี่ยวเหวินโหลในการออกเดินทางไกลในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเผิงฟู่หลินจึงอยากที่จะพบกับหนี่เส้าจวินอีกสักครั้งเพราะอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้พบกันอีกทันใดนั้น ร่างใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้างเตียง หนี่เส้าจวินก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทางเงียบขรึม ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องไปที่ร่างบางของเผิงฟู่หลินเผิงฟู่หลินเงยหน้าขึ้นมองหนี่เส้าจวินด้วยสายตาที่เศร้าสลดลง ก่อนจะปรับสีหน้ายกยิ้มให้เขาอีกครั้ง เผิงฟู่หลินลุกขึ้นเดินไปยืนตรงหน้าของหนี่เส้าจวิน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมเข้มนั้นอย่างเบามือหนี่เส้าจวินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจกับท่าทีที่เผิงฟู่หลินมีให้ แม้ทั้งคู่จะเข้ากันได้ดียามอยู่บนเตียง แต่ทุกครั้งที่เขามาหานาง เผิงฟู่หลินมักแสดงท่าทีผลักไสและ
บทที่ 56 ทำตามความใฝ่ฝันแสงตะวันยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในเรือน เผิงฟู่หลินปรือตาขึ้นด้วยความเมื่อยขบไปทั้งตัว ใบหน้างดงามขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกขัดเคืองใจ เมื่อคืนหนี่เส้าจวินเคี่ยวกรำนางไม่หยุดราวกับคนที่อดอยากหิวโหยก็ไม่ปาน ทว่าบัดนี้หนี่เส้าจวินได้ออกจากห้องไปตั้งแต่ยามรุ่งสาง แต่สัมผัสของเขายังคงติดตรึงอบอวลอยู่ไปทั่วบริเวณเจ้าจูเข้ามาภายในห้องพร้อมทำหน้าประหลาดใจ สภาพของเผิงฟู่หลินราวกับผ่านสมรภูมิอันดุเดือด จนเสื้อผ้าและผมเผ้านั้นยุ่งเหยิงไปหมด“คุณหนู...ท่าน...” เจ้าจูรีบปิดปากเมื่อคาดเดาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน“เจ้าอย่าพูดมาก รีบพาข้าไปอาบน้ำที” เผิงฟู่หลินขยับกายลุกขึ้นอย่างอ่อนแรงเจ้าจูรีบเข้ามาประคองพร้อมพานายหญิงของตนไปที่อ่างน้ำทันทีหลังจากแต่งตัวเป็นที่เรียบร้อย เผิงฟู่หลินกำชับเจ้าจูมิให้บอกเรื่องนี้แก่ผู้ใด เจ้าจูรับคำโดยเร็วแต่ยังคงอดสงสัยมิได้ว่าผู้ใดกันที่กล้าบุกรุกจวนสกุลเผิงเช่นนี้นับแต่นั้นหนี่เส้าจวินก็มักจะลักลอบเข้าหาเผิงฟู่หลินไม่ต่างจากชายชู้ในบทนิยาย เผิงฟู่หลินแม้จะยอมรับว่าร่างกายของนางเองก็ต้องการเขาไม่ต่างกัน แต่ภายในใจกลับหวาดหวั่นและยังคงสร้างก