“ท่านพี่...หากท่านกล้าก้าวออกไปจากจวนข้าจะกระโดดลงไปจริง ๆ นะ” เสียงอวิ๋นยืนอยู่บนสะพานข้ามสระน้ำในจวน ดวงตาหงส์วูบไหวทอดมองแผ่นหลังบุรุษอันเป็นที่รัก ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี ค่อย ๆ ก้าวขาห่างออกไปทีละก้าว
หนึ่งปีมานี้สามีเปลี่ยนไปจากเดิมเรียกร้องที่จะหย่ามาตลอด หลังจากมารดาของนางจากโลกนี้ไป ความรักที่เคยหวานชื่นจืดจางลง บุรุษที่เคยตามใจและเอาใจใส่บัดนี้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาทำตัวห่างเหินหมางเมินไม่ใส่ใจ สายตาที่มองมาเย็นชายิ่งกว่าก้อนน้ำแข็ง “ท่านยังไม่หยุดอีกรึ ข้าจะโดดแล้วนะ” เสียงหวานข่มขู่ส่งความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจไปให้ทางสายตา อยู่ด้วยกันมาสามปีหวังว่าเขาจะห่วงใยและไม่ก้าวเท้าออกไปในยามที่นางต้องการเขา วันนี้เสียงอวิ๋นป่วยเล็กน้อยก็อยากให้เขาสนใจนางบ้าง สักนิดก็ยังดี หัวใจดวงน้อยสว่างไสวเมื่อสามีหยุดฝีเท้าลง “หากเจ้าโง่เพียงนั้นก็เชิญ ไม่ต้องเข้าไปช่วยหากนางอยากตายก็ปล่อยนาง” สามีที่รักหมุนกายกลับมากล่าวตอกหน้าสายตาเรียบนิ่ง สั่งการคนสนิทข้างกายไม่ให้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ หากนางโดดลงไปจริงเขาจะยืนดูนางจมน้ำตายอย่างนั้นหรือ คนใจร้าย หัวใจเสียงอวิ๋นยามนี้เปราะบางคล้ายโถแก้วร้าวรอวันแตกละเอียด แววตาไม่แยแสย้ำเตือนให้รู้ว่าเขาเปลี่ยนไปแล้ว อาจจะไม่เคยเปลี่ยนด้วยซ้ำแต่ที่ผ่านมาเขาแค่แสร้งรัก ร่างเล็กสั่นเทาด้วยความโกรธ “ท่านสัญญากับท่านแม่ว่าจะดูแลข้าอย่างดี เหตุใดทำกับข้าเช่นนี้ ข้าไปทำสิ่งใดให้ท่านกัน หลี่เฉียงไยท่านทำร้ายใจข้าเช่นนี้” เสียงหวานตวาดลั่น วันนี้เขายื่นกระดาษแผ่นนั้นให้นางอีกแล้ว ทำให้เสียงอวิ๋นต้องเรียกร้องความสนใจจากเขาด้วยวิธีนี้ อยากให้เขาตามใจและเอาใจใส่นางเหมือนเมื่อสองปีก่อน กลับมารักกันหวานชื่นไม่หมางเมินนางอย่างตอนนี้ “สัญญาลวงเจ้าเข้าใจรึไม่ เจ้าคิดว่าข้าจะหลงรักเจ้าที่เป็นต้นเหตุให้คนรักของข้าต้องตายเช่นนั้นรึ” น้ำเสียงเย็นชาสีหน้าเฉยเมยไร้ความรู้สึก “ไม่ต้องเข้ามา” หลี่เฉียงสั่งคนสนิททั้งสอง เมื่อ ฮูหยินของเขาวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางคลุ้มคลั่ง เสียงอวิ๋นเสียใจเหลือเกิน เสียใจที่หลงรักบุรุษคนนี้ เสียใจที่ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขา ถลำลึกรักเขาไปแล้วทั้งใจ รักคนชั่วช้าที่หลอกเอาทุกอย่างไปจากนาง หลอกให้รัก หลอกให้ไว้ใจ หลอกให้ประทับลายนิ้วมือยกกิจการของตระกูลจูให้เขาทั้งหมด “ท่านมันชั่วช้า...หลี่เฉียง ท่านมันสารเลว” เสียงอวิ๋นกระชากปิ่นบนศีรษะวิ่งเข้าไปหาสามี เวลานี้โกรธจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ไม่เคยมีใครทำกับนางเช่นนี้มาก่อน เป้าหมายคืออกข้างซ้าย แทงลงไปที่หัวใจ แล้วควักออกมาดูว่าเหตุใดถึงใจร้ายใจดำกับนางได้ลงคอ ข้อมือเล็กถูกฝ่ามือใหญ่กำไว้หลวม ๆ เขาออกแรงสะบัดท่อนแขนเรียวเล็กน้อย คนตัวเล็กก็เซจนล้มลงพื้น บอบบางเหลือเกิน เสแสร้งเก่ง หลี่เฉียงหรี่ตามองท่าทีของ ฮูหยินตนเองที่ดูอ่อนแอเสียเหลือเกิน บอกว่าเขาชั่วช้านางเองก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน ที่ผ่านมาเขาระอาเต็มทนแล้ว เมื่อครู่เขาไม่ได้ออกแรงสักนิด แต่นางยังสามารถพาตัวเองล้มลงพื้นบาดเจ็บได้อีก ร้ายรึไม่เล่า เข่าและฝ่ามือครูดหินก้อนเล็กจนถลอกปอกเปิก ผิวกายเนียนนุ่มมีโลหิตไหลซิบออกมาอย่างรวดเร็ว เสียงอวิ๋นก้มมองมือที่ถลอก แล้วช้อนตาขึ้นมองสามีให้ดูน่าสงสารที่สุด เขากลับมองมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้มีท่าทางส่งสารเห็นใจนางแม้แต่น้อย หลี่เฉียงเดินเชื่องช้าเขาไปหาฮูหยินของตน ไม่แสดงอารมณ์ใดออกมาเพราะเขาไม่เคยคิดจะรักสตรีแสนร้ายคนนี้ เสียงอวิ๋นส่งรอยยิ้มที่หวานที่สุดให้สามี แม้สีหน้าของเขาจะเย็นชา แววตาจะไร้ความรู้สึก นางก็ยังหวังว่าเขาจะพยุงนางลุกขึ้น ตรวจบาดแผลและใส่ยาให้เหมือนเมื่อสองปีก่อน หลี่เฉียงย่อตัวลงนั่งยองด้านข้าง จับมือข้างที่ถือปิ่นปักผมนำพามือเล็กเอาปลายแหลมของปิ่นจ่อไปที่ลำคอระหง “อยากตายไม่ใช่รึแทงตรงนี้สิ...เจ็บปวดไม่นาน" พูดจบก็ปล่อยมือแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ไม่ชายตามองสตรีที่เรียกร้องความสนใจเช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยลงมือจริงจัง น่ารำคาญ น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลออกมา "ฮรึก หลี่เฉียงท่านไม่เคยรักข้าเลยรึ” สะอึกสะอื้นจนไหล่สั่น เสียงอวิ๋นเจ็บปวดกับการกระทำนี้ของสามีมาก นางเรียกร้องความสนใจเพื่อให้เขาเห็นใจสงสารไม่ใช่ให้มาซ้ำเติม “มันก็แค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น เสียงอวิ๋นหย่าให้ข้าเสียทีเถิด" น้ำเสียงนั้นของสามีราวกับรำคาญมาเนิ่นนาน “แต่ข้ารักท่าน รักท่านมาตลอด ท่านพี่เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมเถิดนะ” ยังคงหวังว่าจะกลับมาหวานชื่นได้เหมือนสองปีก่อน ในยามนั้นเขามาบอกอยากครองคู่กับนาง ทุกอย่างเหมือนภาพฝัน มองสิ่งใดก็สวยงามไปหมด ยิ่งยามที่เขาขอสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท ใจของเสียงอวิ๋นได้ตกอยู่ในห้วงแสนหวานไปแล้ว บุรุษคนหนึ่งชัดเจนเพียงนั้นสตรีใดบ้างไม่ชื่นชอบ และในยามที่เขาสัญญากับมารดาว่าจะดูแลนางอย่างดี เสียงอวิ๋นก็รักเขาไปแล้วหมดทั้งใจ ทุกการกระทำของหลี่เฉียงสลักลึกอยู่ในใจของเสียงอวิ๋น ไม่เคยคิดหวาดระแวงการเข้ามาของเขา คิดว่านี่คือความรักที่แสนบริสุทธิ์งดงาม สุดท้ายเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง เขาเข้ามาหลอกให้นางรัก หลอกเอาทุกอย่างไปโดยที่นางไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย “เจ้ารู้คำตอบดีเสียงอวิ๋น ข้าต้องการหย่า” เสียงอวิ๋นนั่งบนพื้นที่เต็มไปด้วยหินก้อนเล็ก ความเจ็บที่ถูกหินขรูดยังไม่เท่าใจนางตอนนี้ที่ทรมานเหลือเกิน แหงนหน้าหัวเราะราวกับคนบ้า ปล่อยน้ำตาไหลร่วงอาบแก้มซึมไปถึงหัวใจ อ้อนวอน ขอร้อง ข่มขู่ ทำมาทุกทางแล้ว ทว่าเขาไม่ใจอ่อนสักนิด สิ่งเดียวที่เขาปรารถนาคือลายนิ้วมือของนาง ประทับบนกระดาษแผ่นนั้น ฝันไปเถิดอยากหย่านักหรือ นางไม่ยอมเสียอย่างเขาจะทำอะไรได้ จะเกาะสมรสพระราชทานที่เขาทูลขอเองครั้งนี้ไว้แน่น ๆ “ข้าไม่หย่า หากข้าไม่มีความสุขท่านก็อย่าหวังว่าจะได้มี” “เจ้ามัน...ได้” หลี่เฉียงก้าวฉับ ๆ ออกไปด้วยความโมโห ฮูหยินของตนดื้อรั้นไร้เหตุผล น่ารำคาญนัก เสียงอวิ๋นกำปิ่นในมือแน่น ยันกายลุกขึ้นจากพื้นได้ก็วิ่งเข้าหาสามีอีกครั้ง “ท่านพี่อย่าไป ข้าไม่สบายท่านอยู่กับข้าก่อนนะเจ้าคะ” ครั้งนี้นางกอดเอวสามีไว้แน่น หากต้องแทงปิ่นบนผิวหนังเขาจริง คนที่เจ็บปวดมากกว่าเขาคงเป็นนาง ฝ่ามือหนาจับแขนเล็กทั้งสองข้างที่เกาะเอวออก เอ่ยด้วยน้ำเสียงระอา “หยุดเสียทีเสียงอวิ๋น อย่าก่อเรื่องอีกข้ามีธุระสำคัญต้องจัดการ” เมื่อไร้การพันธนาการหลี่เฉียงก็เดินออกจากจวนอย่างรวดเร็ว เสียงอวิ๋นยืนมองร่างสูงโปร่งก้าวห่างออกไปทีละก้าว ห่างออกไปไม่ต่างจากใจของเขา ที่แบ่งเส้นชัดเจนว่านางเป็นเพียงหมากที่เขาใช้ทวงแค้นให้คนรัก ทวงเอาไปทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกิจการของตระกูลจู ความรู้สึก กระทั่งหัวใจดวงน้อยของนางล้วนอยู่ในมือเขา ได้ทุกอย่างไปหมดแล้วก็พ่นคำขอหย่าออกมานับครั้งไม่ถ้วน ใจดำไม่รู้เลยหรือว่านางปวดใจ“เข้าจวนเถิดขอรับ อย่าไร้สติเช่นนี้อีก” จางหมิงเตือนสตินายหญิงของจวน แล้วก้าวขาตามเสนาบดีหนุ่มผู้เป็นนายออกไปส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับสตรีที่ร้องไห้ฟูมฟาย สตรีที่งดงามนางนี้เป็นนายหญิงที่โมโหร้ายเอาแต่ใจที่สุด ผู้ใดก็ตามที่ทำให้ไม่พอใจต้องได้สัมผัสด้านร้ายของฮูหยิน มีเพียงนายท่านที่ฮูหยินไม่เคยตบตีด่าทอ แม้จะถูกพ่นคำขอหย่าก็ทำแค่กรีดร้องแล้ววิ่งหนี ทว่าวันนี้นายหญิงเกือบแทงหัวใจนายท่านไปแล้ว คงจะเสียใจมากทีเดียวคุณหนูที่ถูกประคบประหงมอยู่ในฝ่ามือมารดาราวไข่มุกอย่างฮูหยิน ไม่ได้ดั่งใจก็กรีดร้อง เรียกร้องความสนใจด้วยวิธีเดิม ๆ ไม่เว้นแต่ละวัน นายท่านเอือมระอาต้องการหย่าเต็มทน ทว่าฮูหยินไม่ยอมไม่รู้จะยื้อไปเพื่ออะไร นายท่านพูดชัดเจนว่าไม่รักนั่นก็หมายถึงไม่รักไม่ใช่รึไง คนไม่รักกันอยู่ด้วยกันจะมีความสุขได้อย่างไร เหตุใดนายหญิงคิดไม่ได้นะไม่พอแค่นั้นฮูหยินช่างร้ายกาจ สตรีใดเข้าใกล้นายท่านเป็นต้องเจ็บตัว คนอย่างฮูหยินไม่วางแผนลอบกัด นางจัดการซึ่ง ๆ หน้า รัก เกลียด ดีใจ เสียใจ หรือแม้แต่ไม่ชอบหน้าก็แสดงออกชัดเจน นางก็คืองูพิษที่หวงไข่ซึ่งไข่ใบนั้นก็คือนายท่าน ห้ามผู้ใดเข้าใกล้ไม่เช่นนั้นจะถ
เสียงอวิ๋นตามสามีมาจนถึงเรือนแห่งหนึ่ง เห็นแผ่นหลังเขาหายลับเข้าไปในเรือนพร้อมกับจางหมิง ดวงตาหงส์กวาดมองเรือนที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้หายากหลายสายพันธุ์ สถานที่งดงามน่าอยู่เช่นนี้เขาไม่เคยพานางมาสักครั้ง หากได้อยู่ที่นี่ด้วยกันกับเขาคงดี สร้างบรรยากาศอบอุ่นให้เขาย้อนคิดไปถึงวันวาน ที่พวกเราทั้งสองมีความสุขด้วยกัน ริมฝีปากบางยกขึ้นอย่างมีความสุข“พี่หลี่เฉียง ดอกไม้นี้งามเหลือเกินข้าชอบมากเจ้าค่ะ”รอยยิ้มแห่งความสุขหุบลง เมื่อหันไปตามเสียงแล้วสายตาปะทะร่างสูงโปร่งของสามีและสตรีตัวเล็กข้างกายเขาราวกับอยู่ในห้วงฝันยืนตะลึงอยู่เนิ่นนาน เสียงอวิ๋นนี่เจ้าคิดมากจนเห็นภาพหลอนไปแล้วกระมัง สตรีคนนั้นไม่อยู่บนโลกนี้แล้วจะมายืนข้างสามีได้อย่างไรหยิกขาตัวเองเต็มแรงเล็บจิกลงเนื้ออุ่นแล้วรู้สึกเจ็บ ยิ่งเจ็บเท่าใดภาพเบื้องหน้ายิ่งชัดเจน นั่นไม่ใช่ภาพหลอนสองคนนั้นยืนอยู่ด้วยกัน สตรีคนนั้นแทบจะสิงร่างสามีนางอยู่แล้ว นี่นะหรือธุระสำคัญของเขากรี๊ด...เสียงอวิ๋นกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่ง “เจ้า...เจ้ายังไม่ตาย เหตุใดเจ้ายังอยู่” เสียงหวานตวาดลั่น สองมือกำแน่นจนสั่นไปทั้งตัวเมื่อเห็นสตรีข้างกายของสามี นางไ
เสียงธนูแหวกอากาศมาแต่ไกล เสียงอวิ๋นไม่อยากเห็นเขาถูกทำร้าย ช่วงเวลานั้นลืมกลัวเพราะความเป็นห่วง จวบจนเนื้อร้อนบริเวณแขนถูกธนูเฉือน จึงรับรู้ถึงความกลัวขึ้นมา ก้มมองแขนซ้ายที่มีของเหลวสีแดงซึมผ่านอาภรณ์ สีหน้าซีดเผือดยามรับรู้ถึงความเจ็บนั้น“ไม่กลัวตาย?” เฉินอี้ขมวดคิ้วเอ่ย“....” ใครบ้างไม่กลัวตาย แค่เมื่อครู่ลืมกลัวตอนนี้สั่นไปทั้งตัวแม้แต่ขาก็แทบรับน้ำหนักตัวไม่ไหว ขาอ่อนปวกเปียก มองไปที่สามีหวังว่าจะพบสายตาห่วงใยไม่ก็คำถามว่าเจ็บรึไม่ก็ยังดี กลับไม่เป็นตามที่หวัง มาถึงขั้นนี้สามียังไม่ปล่อยมือจากสตรีคนนั้น เขาหลบหลีกธนูดอกนั้นได้อย่างคล่องแคล่ว ความห่วงใยของนางเสียเปล่าแล้ว หากเมื่อครู่เฉินอี้คนสนิทอีกคนของสามีไม่โอบเอวนางดึงออกมา หลังของนางคงถูกธนูปักตำแหน่งจุดตายแทงทะลุหัวใจ ถือว่านางโชคดีเฉินอี้ที่สืบข่าวอยู่ชายแดนมาตลอดกลับมายามนี้ มิเช่นนั้นเมื่อครู่นางคงไม่รอดชีวิตมาได้“ตามไปจัดการให้สิ้น”สามีสั่งการเสร็จก็อุ้มร่างอรชรของม่านถิงเข้าไปในเรือนหลังเล็ก ไม่สนใจนางที่เป็นฮูหยินและยังได้รับบาดเจ็บอยู่ เสียงอวิ๋นยืนอึ้งอยู่กับที่น้ำตาไหล ไร้เสียงกรีดร้องแม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มี
จางหมิงเตรียมม้าเพื่อตามไปช่วยนายหญิง ทว่าถูกนายท่านหยุดไว้เสียก่อน“ไม่ต้องตาม ข้ารู้จักเว่ยเฉาดีเขาไม่ทำร้ายนางหรอก ส่งสัญญาณถอนกำลังออกจากเขาลั่ววั่งด้วย”นายท่านสั่งเช่นนี้เขาจะทำอย่างไรได้ คำพูดของนายคือคำสั่งเหนือหัว สงสารก็แต่นายหญิง สตรีตัวเล็กที่ไม่เคยพบเจอความลำบาก ถูกจับเป็นตัวประกันไม่ต่างจากเชลยศึก “ฮูหยินจะทนไหวหรือขอรับ”“ให้นางได้เรียนรู้ความลำบากบ้าง ผ่านเรื่องนี้ไปคงจะเป็นตัวนางที่ขอข้าหย่า จะได้ไม่ต้องเปลืองแรงมาปวดหัวกับเรื่องวุ่นวายที่นางสร้างขึ้นอีก”กล่าวจบนายท่านก็เดินเข้าเรือนหลังเล็กไปอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนใจ จางหมิงจึงผูกม้ากลับที่เดิม คำสั่งนายท่านเขาขัดไม่ได้อยู่แล้ว นายท่านยังไม่ห่วง เขาจะเสนอหน้าห่วงใยฮูหยินของนายได้อย่างไรทางด้านเสียงอวิ๋นถูกผลักเข้ารถม้าล้มคะมำหน้าผากชนเข้ากับป้านชา เลือดซึมออกมาเล็กน้อย บาดแผลทั่วร่างกายทุกจุดยังไม่เจ็บเท่าหัวใจที่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ จุกที่ใจจนลืมไปด้วยซ้ำว่าถูกจับตัวมา ร่างเล็กขดตัวอยู่มุมหนึ่งในรถม้า กอดตัวเองร่ำไห้ไร้เสียง เขาไม่ช่วยนาง เหตุใดเขาไม่ช่วย หาเหตุผลมากมายมาแก้ต่างให้เขา สุดท้ายคำตอบที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เข
“คืนนี้พักที่นี่...รับไป...หิวก็รองท้องเสียข้าไม่ได้เตรียมอาหารมา” เว่ยเฉาโยนแผ่นแป้งย่างให้สตรีตัวเล็ก จากนั้นก็กัดแผ่นแป้งย่างอีกแผ่นบรรเทาความหิว “ไม่กินก็เอามา” ใบหน้างามมองแผ่นแป้งย่างอย่างรังเกียจ เว่ยเฉาจึงแบมือขออาหารหนึ่งเดียวที่ประทังความหิวตอนนี้ได้คืนเสียงอวิ๋นกลืนน้ำลายลงคอสายตาจับจ้องของในมือ นางรังเกียจแผ่นแป้งแข็ง ๆ นี้ เกิดมาไม่เคยกินของแบบนี้มาก่อน อาหารของนางชั้นเลิศและดีที่สุด ไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาลำบากกัดกินแป้งที่แข็งกระด้างประทังชีวิต ดวงตาหงส์ช้อนมองบุรุษที่แบมืออยู่ ริมฝีปากขยับเล็กน้อย อยากถามว่าเปลี่ยนเป็นเนื้อได้รึไม่ ทว่านางรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้จึงไม่เอ่ยออกมาเสียงท้องร้องดังโครก ไม่อยากกินก็ต้องกินนางกัดแผ่นแป้งนั้นไปหนึ่งคำ ความรู้สึกแสบร้อนผุดขึ้นในดวงตา คิดถึงมารดาที่อยู่บนสวรรค์ คิดถึงเนื้อย่างหอมกรุ่นที่บิดาเคยป้อน กลืนแป้งแข็งกระด้างไปแล้วกัดกินอีกคำ น้ำอุ่น ๆ ไหลอาบแก้ม เหตุใดชีวิตนางต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้เดินตามคนตัวโตไป ฝีเท้าหยุดชะงักเมื่อเข้าใกล้สถานที่พัก น่ารังเกียจกว่าแผ่นแป้งคงจะเป็นกระท่อมร้างผุพังที่บังลมบังฝนไม่ได้จะซุกหัวนอนอ
“ท่านแม่...ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่าน”“พิษไข้รุนแรงนักท่านพี่ช่วยเก็บสมุนไพรลดไข้ที่หลังเรือนให้ข้าที ยังดีที่นางมียาสมานแผลติดตัวมา ตากฝนจนแผลอักเสบหมดแล้ว”“นางเป็นผู้ใดก็ไม่รู้จะช่วยนางรึ”“เห็นนางแล้วข้าคิดถึงฮวาเอ๋อร์ หากลูกของเรายังมีชีวิตอยู่คงจะอายุเท่ากับเด็กคนนี้”“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า”เสียงอวิ๋นเปิดเปลือกตาอย่างสะลึมสะลือ เห็นหลังคาเรือนมุงใบจากที่ดูแข็งแรงกว่ากระท่อมร้างหลังนั้น ไม่ใช่แผ่นฟ้ากว้างเหมือนตอนที่หมดสติไป มีคนช่วยชีวิตนาง เหลือบมองด้านข้างเห็นหญิงวัยกลางคนเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้นางอยู่ น้ำร้อนทำให้แขนขาที่หนาวชามานานอบอุ่นขึ้น “ท่านน้าท่านช่วยชีวิตข้าไว้” เสียงอวิ๋นเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง“แม่นางตื่นแล้ว ข้ากับสามีออกไปล่าสัตว์เห็นเจ้านอนไร้สติอยู่ ไฉนเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่มีผู้ติดตามมาเลยรึ ดื่มน้ำขิงขับไล่ไอเย็นเสียหน่อย”“ขอบคุณท่านน้ามาก” น้ำตาเสียงอวิ๋นไหลออกมา ในช่วงเวลาลำบากของชีวิต ควรจะมีคนในครอบครัวอย่างสามีเคียงข้างที่สุด แต่กลับไม่มี เจ็บป่วยเจียนตายได้รับการดูแลจากคนแปลกหน้า มองย้อนไปที่สามีชั่วช้านางรักเขายิ่งกว่าชีวิตของนาง แล้วได้อะไรคืนมาบ้าง เอียงคอมองบา
“เสียงอวิ๋น”สามีกัดกรามตวาดลั่น เรียกนางด้วยน้ำเสียงแข็งราวหินผาไม่ต่างจากสายตาที่มองมา “ทำไม เสียใจที่ข้าไม่ตายรึท่านพี่ ข้าเคยบอกท่านไปแล้วข้าไม่มีความสุขท่านก็อย่าหวังจะได้มี ส่วนสตรีไร้ยางอายคนนี้ อยากอยู่ที่จวนเสนาบดีก็ให้อยู่ในฐานะสตรีอุ่นเตียงของท่าน ข้าไม่ยอมรับน้ำชาจากนางเป็นอันขาด ไม่อับอายก็เชิญอยู่เถิด ฐานะนั้นไม่ต่างอะไรกับนางคณิกาที่หอโคมเขียว ดีรึไม่ม่านถิงเหมาะสมกับเจ้านัก”สามีเงื้อมือขึ้นสูง เสียงอวิ๋นเชิดหน้าใส่ ฟาดลงมาฟาดมาที่แก้มให้หัวใจของนางแตกยับไร้ความรู้สึกที มันจุก มันเจ็บ มันชาไปทั้งใจ“อย่าริอาจทำร้ายสตรีของข้าอีก มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าใจร้าย ข้าจะไม่เตือนเจ้าเป็นครั้งที่สอง”น้ำเสียงแข็งกร้าวชี้นิ้วมาที่นางอย่างออกคำสั่ง ไฟโทสะลุกโชนในแววตาของสามี เขามีโทสะแล้วนางไม่มีหรืออย่างไร เสียงอวิ๋นกำหมัดเหวี่ยงไปที่สามีจนหน้าหัน บอกเลยครั้งนี้นางตั้งใจ เขาหันกลับมาเลือดซึมที่มุมปาก แล้วอย่างไรนางเจ็บกว่าเขามานักต่อนัก แผลที่แขนก็ยังไม่หายให้เขาลิ้มลองรสชาติความเจ็บบ้างจะเป็นไรไป“รนหาที่ตาย” ฝ่ามือใหญ่คว้าลำคอระหงมาบีบแน่น ถึงกลับกล้าตบเขาไม่รู้นางเอาความกล้ามาจา
ที่ผ่านมาการกระทำของเขาเป็นธรรมชาติมาก มองไม่ออกเลยสักนิดว่าเข้าหานางเพราะหวังผลบางอย่าง หากเขาแสดงท่าทีรังเกียจนางสักเล็กน้อย มองนางด้วยสายตาแค้นเคืองให้เห็นบ้าง นางคงไม่หลงรักเขาหัวปักหัวปำอย่างนี้ แววตาของเขาอ่อนโยนมาตลอดสองปี จะให้นางเชื่อได้อย่างไรว่าคนที่ร่วมเคียงหมอนทุกวันจะไร้ความรู้สึก หลังจากเขาเอ่ยปากอย่างตรงไปตรงมาเมื่อได้ทุกอย่างจากนางไป นางก็ยังไม่เชื่อ ทำดีกับเขาอย่างโง่เขลาเพื่อเรียกร้องวันคืนดี ๆ กลับมา แต่วันนี้นางเชื่อแล้วร่างบอบบางของม่านถิงถูกสามีของนางอุ้มขึ้นมาอย่างทะนุถนอม ใบหน้าเศร้าหมองเรียกคะแนนสงสารได้อย่างดีซบลงที่ไหล่ของหลี่เฉียง ดวงตาโศกน้ำตาคลอมองมาที่เสียงอวิ๋นอย่างหวาดกลัวสามีอุ้มสตรีที่เขารักออกไปอย่างไม่ไยดีฮูหยินเอกเช่นนาง ความพ่ายแพ้ฉายชัดจากการกระทำของเขา นางแพ้ แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงแข่งด้วยซ้ำ หัวเราะจนไหล่สั่นทั้งน้ำตาให้กับการกระทำของสามีที่มอบให้สตรีอื่น“ฮูหยิน” จางหมิงเรียกนายหญิงของจวน ที่หัวเราะร้องไห้ทรุดตัวกอดตัวเอง ราวกับคนเสียสติไปแล้ว “ฮูหยินขอรับ”“ฮื้อ จางหมิง ข้าไม่เหลือใครแล้ว ไม่เหลืออะไรเลย เขาหลอกเอาไปทุกอย่าง แม้แต่ใจข้าก็ไม
หลังจากส่งเว่ยเฉาหลี่เฉียงพาเสียงอวิ๋นกลับจวนเพื่อรับจิ่นซางเข้าวัง เนื่องด้วยขันทีข้างพระวรกายไท่ซ่างหวงมาตามเป็นครั้งที่ร้อยแล้วก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่รับราชโองการฝ่าบาทครั้งนั้นหลี่เฉียงก็ยุ่งกับแผนการกำจัดต้วนอ๋อง ทำให้ยังไม่ได้พาจิ่นซางและเสียงอวิ๋นไปเข้าเฝ้าไท่ซ่างหวงหลี่เฉียงคุกเข่าสองมือกุมหมัด “กระหม่อมถวายบังคมไท่ซ่างหวงขอพระองค์อายุยืนหมื่นปี หมื่น ๆ ปี“หม่อมฉันขอพระองค์อายุยืนหมื่นปีเพคะ” เสียงอวิ๋นเองก็คุกเข่าคำนับเต็มพิธีการ“ยายหนูพาจิ่นซางน้อยลุกขึ้นเถิด มาตรงนี้มาให้ปู่ดูหน่อยว่าเจ้าหน้าตาเหมือนใคร ฮ่าฮ่า จิ่นซางน้อยของปู่เจ้าเหมือนเหล่าเซี่ยมาก ดีแล้วที่เจ้าเหมือนปู่ของเจ้า ปู่ของเจ้ามีคุณธรรมโอบอ้อมอารี มีลูกศิษย์เยอะแยะมากมาย ไม่รู้ใครบางคนไปเอานิสัยแย่ ๆ มาจากไหน”หลี่เฉียงขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดไท่ซ่างหวงไม่บอกให้เขาลุกขึ้นบ้างเล่า แล้วพูดเช่นนั้นกำลังเหน็บแนมเขาหรือ เสด็จพ่อข้าเป็นบุตรบุญธรรมท่านนะ ท่านต้องเข้าข้างข้าถึงจะถูก หลี่เฉียงโอดครวญในใจ ยามนี้คุกเข่าจนขาเริ่มชาแล้ว ทว่าไท่ซ่างหวงกับเสียงอวิ๋นไม่มีใครสนใจเขาสักคน เอาแต่หยอกล้อบุตรชายหน้าเหม็นของเขาที่หั
“ฮูหยินอีกสักรอบเถอะ”“อีกรอบบ้านท่านสิ” เสียงอวิ๋นถีบหลี่เฉียงลงจากเตียง เมื่อมือไม้ของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่งอีกแล้ว สามวันมานี้เขาเคี่ยวกรำนางจนลงจากเตียงไม่ไหว พอลุกขึ้นจะไปหาจิ่นซางขานางก็สั่นก้าวไม่ออกมารราคะตนนั้นเท้าศีรษะมองนางแล้วยิ้มขำ บอกนางว่าจิ่นซางมีแม่นมดูแล จากนั้นก็อุ้มนางกลับมาที่เตียงและเริ่มบรรเลงเพลงรักอีกครั้งและอีกครั้งเสียงอวิ๋นรู้สึกว่าก่อนหน้านั้นนางทรมานหลี่เฉียงน้อยเกินไป พอให้อภัยเขา เขาก็เรียกคืนนางจนร่างแทบแหลก เจ็บใจเสียจริง!!รู้แบบนี้ทำตามที่เว่ยเฉากระซิบก็ดี แสร้งหย่าแล้วเดินทางไปท่องเที่ยวกับเว่ยเฉา ปล่อยให้เขาโดดเดี่ยวอยู่ที่ต้าเยี่ยลำพังเป็นนางเองที่ใจอ่อนเมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดของเขา เสียใจตอนนี้ไม่ทันแล้วถูกเขากินทั้งเนื้อทั้งตัวมาสามวันเต็ม“เอาล่ะ ไม่แกล้งเจ้าแล้วมากินข้าว” ว่ากันว่าภรรยาถีบเพราะรักเขาไม่ถือสา เห็นนางไร้เรี่ยวแรงหลี่เฉียงทั้งสงสารทั้งเอ็นดู เดินเข้าไปหานางเพื่ออุ้มนางมากินข้าว พอเห็นท่าทางระแวดระวังของนางเขาก็อยากแกล้งนางอีกแล้ว “กินเจ้าก่อน...ค่อยกินข้าวก็ดีเหมือนกัน”คนบ้า!!หากยังกินนางอีกคงไม่มีแรงลุกไปส่งเว่ยเฉาเสียงอวิ๋นมอ
“มันจะเหมือนกันได้อย่างไรนี่เป็นของแทนใจพ่อลูก เจ้าจะเข้าใจอะไรอย่าสอดปากดีกว่าหลี่เฉียงอยู่เฉย ๆ ข้าจะคุยกับลูกข้า”เรื่องใดก็ตามหลี่เฉียงล้วนสุขุมเยือกเย็นและมีแผนการล้ำลึก มีเพียงเรื่องฮูหยินกับบุตรชายที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ “เว่ยเฉาเจ้าเคยตายรึไม่หากยังข้าจะสนองให้”“หลี่เฉียงนั่นพ่อของจิ่นซางท่านเป็นคนอื่นไม่ควรมานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ” เสียงอวิ๋นเอ่ยเสียงเยือกเย็นฮูหยินรักนี่คือการเอาคืนของเจ้าใช่รึไม่ เจ้าไม่ได้คิดเกินเลยกับเว่ยเฉาจริงใช่รึไม่ ให้ตายเถิดใจข้าเดือดปุด ๆ เหมือนน้ำร้อน อยากลงไม้ลงมือกับคนที่ยิ้มหน้าระรื่นตรงหน้าเสียจริงยามนี้เข้าใจแล้วที่เสียงอวิ๋นไล่ตบตีสตรีไปทั่ว ทำตัวไร้เหตุผลไม่น่ารัก ที่จริงนางเพียงรักเขาและอยากประกาศความเป็นเจ้าของเท่านั้น ซึ่งตอนนี้เขาอยากซัดใบหน้าสหายดับความร้อนในใจ เข้าใจความรู้สึกของนางก็ยามที่มาเจอกับตัวเองเว่ยเฉายิ้มให้อีกฝ่ายแล้วหอมแก้มนุ่มนิ่มของเด็กน้อยในอ้อมแขนจากนั้นก็โน้มกายไปกระซิบบางอย่างที่ข้างหูเสียงอวิ๋น เขาคบกับหลี่เฉียงมานานย่อมรู้ว่าวิธีใดยั่วโมโหสหายได้“ไสหัวไป” หลี่เฉียงตวาดลั่นอยากอดรนทนไม่ได้อีก หลายวันมา
เช้าวันรุ่งขึ้นเสียงอวิ๋นยังไม่ทันได้ไปที่ห้องเก็บฟืน ก็มีคนมารายงานว่าม่านถิงฆ่าตัวตายแล้วจนใจที่ยังไม่ได้กรอกยาพิษเอาคืนม่านถิงเลย นางก็วิ่งชนเสาฆ่าตัวตายเสียแล้วถือว่านางเลือกได้ดี คงรู้ตัวว่าจะถูกทรมานจึงเลือกทางนี้จูเหวินสืบข่าวเรื่องบุตรของม่านถิงมาได้ หลังจากคลอดม่านถิงก็เอาบุตรสาวไปทิ้งที่หน้าจวนตระกูลกง บุตรสาวที่น่าสงสารของม่านถิงจึงมีบิดาคอยดูแลอยู่ ถือว่าเป็นโชคดีของนางได้ข่าวว่ากงหยางรักและเอ็นดูบุตรสาวไม่น้อยส่วนหลี่เฉียงแม้จะมีความดีลบล้างความผิดไปบ้างแล้ว ก็ยังคงต้องชดใช้ให้นางอยู่ดี จูเหวินสืบมาได้ว่ายามนั้นเรื่องราวทั้งหมดเป็นแผนของเขา หลี่เฉียงได้ให้ยาแก้พิษกับกงหยางและต้านเป่าไว้แล้ว เพียงแต่มันออกฤทธิ์ช้าไปหนึ่งวัน เพื่อตบตาม่านถิงเขายังแสร้งไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของม่านถิง หลี่เฉียงก็ยังคงชั่วช้าสารเลว เจ้าเล่ห์ คาดเดายาก หลอกลวงเก่งไม่เปลี่ยนหลิวมามาเหลือบมองผู้เป็นนายอยู่หลายครั้ง ชั่งใจว่าควรพูดดีหรือไม่ นายท่านจับไข้มาสามวันแล้วฮูหยินไม่เคยเข้าไปดูเลย หลิวมามาร้อนใจเหลือเกิน กลัวว่านายน้อยจะขาดครอบครัวอบอุ่น “ฮูหยินไปดูนายท่านหน่อยดีรึไม่เจ้าคะ”“หลิว
“นายท่านฮูหยินจับแม่นางม่านถิงโยนลงน้ำแล้วขอรับ” จางหมิงเข้ามารายงานหน้าตาตื่น นายหญิงกลับมาเป็นนายหญิงคนเก่าแล้ว กำลังเอาคืนคนที่เคยทำร้ายนางมาก่อน น่าตื่นตาตื่นใจเสียจริงเรื่องพวกนี้ต้องเชิญนายท่านไปดูเสียหน่อย ถึงเวลาที่ฮูหยินเอาคืนนายท่านจะได้รับมือทันเพียงแต่ฮูหยินคงไม่เอาคืนนายท่านหรอกเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นเลยจริง ๆ ได้ยินเพียงต้านเป่าเล่าว่าฮูหยินยามแทงปิ่นลงอกนายท่านเด็ดเดี่ยวเพียงใด เจ้าต้านเป่าที่อยู่แดนเหนือจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ไม่ได้พบกันหนึ่งปีแล้วจะสบายดีรึไม่หลี่เฉียงยิ้มมุมปากแล้วเดินไปยืนเคียงข้างฮูหยินของตน ยามนี้นางปรายตามองมาที่เขาเล็กน้อยแล้วไม่สนใจอีก คงจะลองใจเขาว่าจะกระโดดลงไปช่วยม่านถิงรึไม่ หากเขากล้ากระโดดลงไปจุดจบของเขาคงไม่ต้องคิดก็รู้ กว่าจะหลอกล่อให้นางยอมกลับจวนยากลำบากแทบตาย จะไม่ยอมผิดพลาดอีกเด็ดขาด “ฮูหยินร้อนรึไม่เดี๋ยวสามีพัดให้” หลี่เฉียงใช้มือโบกสะบัดให้ลมพัดใบหน้างดงามของฮูหยิน ที่ยามนี้เต็มไปด้วยเหงื่อเพื่อบรรเทาความร้อนให้นาง“ฮูหยินแม่นางม่านถิงจมไปก้นสระแล้วขอรับ” เฉินอี้กล่าวเตือน“งมนางขึ้นมา ท่านพี่ท่านควรลงไปพาม่านถิงขึ้นมานะ”เหงื
“เพิ่งจะรู้ว่าเสี่ยวเสียงน้อยที่เอาแต่รังแกข้ายามเด็ก ก็ห่วงข้าเหมือนกัน” เหวยต้าเซียวถูกเหล่าองครักษ์บดบังจนมิด ยามนี้มีเสียงเปล่งออกมา องครักษ์ทั้งหลายก็แหวกทางให้เขา ร่างสูงโปร่งแผ่รัศมีราชันดูสูงส่งองอาจ ใบหน้าอ่อนโยนของฝ่าบาทยิ้มเล็กน้อยให้ทุกคน แล้วก้าวเดินมาหยุดยืนรวมตัวกับพวกหลี่เฉียง“นี่ พวกท่านจะเล่นละครช่วยแจ้งข้าก่อนได้รึไม่ ข้าหัวใจแทบหยุดเต้นแล้ว” เสียงอวิ๋นตวาดอย่างโมโหมีนางคนเดียวสินะที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ ไม่สิยังมีอีกคนที่ตกตะลึงอ้าปากค้างอยู่ นั่นก็คือต้วนอ๋อง“พะ พะ พวกเจ้า” ต้วนอ๋องชี้หน้าอีกฝ่ายมือสั่น หมากกระดานนี้เขามั่นใจนักว่าจะชนะ แต่แพ้ยับเยินให้พวกหมาป่าเจ้าเล่ห์ ยามนี้คนที่จับกุมฮ่องเต้ก่อนหน้านั้นหันมาจับกุมเขาแทน คนพวกนี้เป็นสิบคนที่ตามคุ้มกันจูฮูหยิน แสบนักเจ้าเด็กพวกนี้วางแผนได้แนบเนียนจนเขาดูไม่ออก “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าแพ้แล้ว ตอนไหนกันที่เจ้ามาสับเปลี่ยนตัวฝ่าบาทหลี่เฉียง” เขามั่นใจนักว่าแผนเขาล่มไม่เป็นท่าเช่นนี้ มือมืดที่อยู่เบื้องหลังก็คือเสนาบดีแห่งต้าเยี่ยที่คอยขัดแข้งขัดขาเขาไว้ตลอดนั่นเอง“ท่านอ๋องอย่าลืมว่ายังมีองค์รัชทายาทแห่งแคว้นฉินอีกคน เรื่องน
“องค์รัชทายาทท่านควรสังหารหลี่เฉียงเหตุใดถึงร่วมมือกับเขาหักหลังข้า” ต้วนอ๋องเอ่ยด้วยใบหน้าดุร้ายเหี้ยมโหด ยามนี้เขาถูกล้อมจับ ทว่าเขายังมีไม้ตายไม้สุดท้ายเหลืออยู่ และหมากกระดานนี้เขาต้องพลิกกลับมาชนะให้ได้“ท่านอ๋องตบตาคนได้แนบเนียนเสียจริง ข้าหลงเข้าใจผิดมานานว่าหลี่เฉียงสังหารเหนียวเหนี่ยว ความจริงแล้วเป็นท่านต่างหาก บัญชีแค้นวันนี้อย่างไรต้องชำระให้สิ้น หากข้าไม่พบเหนียวเหนี่ยวมาก่อน คงโง่ให้ท่านหรอกใช้ต่อไปเพราะความแค้นบังตา”“ฮ่าฮ่าฮ่า ใครใช้ให้นางรู้ความลับมากมายในค่ายทหารของข้ากัน หากนางอยู่ในส่วนของนางดี ๆ ข้าจะคิดสังหารนางหรือ นางขโมยความลับในค่ายของข้าไป คงเป็นหลี่เฉียงสินะที่จัดฉากการตายนี้ขึ้นมา เจ้าเด็กวายร้ายนี่ตบตาคนเก่งนักข้าเชื่อสนิทใจว่าองค์หญิงตายแล้วไม่เคยคิดป้องกันมาก่อน คิดว่าความลับนั้นได้ตายไปกับองค์หญิงแล้ว หลักฐานพวกนั้นทำให้เจ้าหวาดระแวงข้าและก้าวออกมาตัดทางรุกของข้าก่อนหนึ่งก้าวเสมอ ใช่รึไม่หลี่เฉียง”“ท่านอ๋องเดาถูกแล้ว ยามนั้นเหนียวเหนี่ยวมาหาข้า และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง หนทางเดียวที่จะทำให้นางปลอดภัยคือการตาย ข้าจึงจัดฉากนี้ขึ้นมา” หลี่เฉียงเอ่ยกับต้วน
เว่ยเฉาหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ฟังสหายรักเอ่ยปากจบ เมื่อก่อนเขากับหลี่เฉียงเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตาย ด้วยปณิธานอันแรงกล้า จึงออกมาหาประสบการณ์ต่างแคว้น ยามนั้นเขาเจอโจรป่ารุมทำร้ายและได้หลี่เฉียงช่วยไว้ จากนั้นหลี่เฉียงก็พาเขามาส่งให้อาจารย์ที่วังยารี หุบเขาลั่ววั่งเป็นสถานที่ในความทรงจำของเขาและหลี่เฉียงเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกยุทธ์ การเล่าเรียนพวกเขาล้วนฝึกฝนมาด้วยกัน หลังจากสิ้นอาจารย์เว่ยเฉาจึงดูแลเขาลั่ววั่งสืบต่อมาทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากเหนียวเหนี่ยวตามมาสมทบ เขาเห็นหลี่เฉียงลงมือสังหารเหนียวเหนี่ยวกับตาแล้วโยนนางลงเหวลึกอย่างเลือดเย็นเขาค้นหาเหนียวเหนี่ยวพลิกแผ่นดินใต้หุบเหวที่มีแต่เศษซากกระดูกมนุษย์ เนื้อหนังบางส่วนของซากศพถูกแร้งกากัดแทะกระจัดกระจาย ยามนั้นเว่ยเฉาสาบานกับตัวเองว่าต้องแก้แค้นให้น้องสาวให้ได้เขาไม่มีหน้ากลับไปพบเสด็จพ่อเสด็จแม่ หากไม่ได้ตัดศีรษะหลี่เฉียงมาสังเวยน้องสาว เขาหาร่างไร้วิญญาณของเหนียวเหนี่ยวอยู่สามวัน ไม่รู้ว่านางถูกสัตว์ร้ายแทะกินเหลือแต่กระดูก หรือร่างอาจเละหาชิ้นส่วนไม่เจอเพราะตกจากที่สูง เขาไม่พบร่างสมบูรณ์ของนางพบเพียงป้ายหยกประจำกายองค์ห
“ข้าปล่อยเวลาล่วงเลยมานานแล้ว เมื่อถึงเวลาเหมาะสมย่อมต้องสะสาง ข้าอยากเจอเจ้าอยากคุยกับเจ้า จึงใช้วิธีสิ้นคิดเช่นนี้ เสี่ยวเสียงไปกับข้าเถิด ข้าจะให้เจ้านั่งเคียงข้างข้าในจุดสูงสุด เจ้าจะเป็น...”“สูงเกินไปก็เหน็บหนาว เว่ยเฉาข้าเห็นเจ้าเป็นสหายที่ดี”คำตอบของนางชัดเจน ปิดกั้นเขาไว้ทุกทางไม่ให้โอกาสเขาเข้าไปเดินเล่นในใจนางแม้แต่น้อย “เฮ้อ!!เจ้าเลือกแบบนี้ไม่เสียดายหรือ จิ่นซางก็ยังเด็กข้าว่าเจ้าเลือกใหม่เถิดนะ เลือกข้า...เจ้ากับลูกถึงจะปลอดภัย” รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นที่ริมฝีปากหยักได้รูป“องค์รัชทายาท”บุรุษวัยกลางคนสวมใส่ชุดทหารเดินเข้ามาคุกเข่ากำหมัดคำนับเว่ยเฉา รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากร่างกำยำองอาจ แค่ชายผู้นี้มองมา สายตาก็โหดเหี้ยมราวกับมัจจุราชมาแย่งชิงชีวิต เขาผู้นี้คือต้วนอ๋อง แม่ทัพรักษาการแดนเหนือของต้าเยี่ย ที่ถูกแต่งตั้งโดยฮ่องเต้องค์ก่อนต้วนอ๋องเป็นสหายร่วมรบและก่อตั้งต้าเยี่ยขึ้นพร้อมฮ่องเต้องค์ก่อน ซึ่งยามนี้ฮ่องเต้องค์ก่อนสละราชบัลลังก์กลายเป็นไท่ซ่างหวงในปัจจุบัน และไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องในราชสำนักอีก ปล่อยให้โอรสเพียงองค์เดียวจัดการสะสางไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในรา