“คืนนี้พักที่นี่...รับไป...หิวก็รองท้องเสียข้าไม่ได้เตรียมอาหารมา” เว่ยเฉาโยนแผ่นแป้งย่างให้สตรีตัวเล็ก จากนั้นก็กัดแผ่นแป้งย่างอีกแผ่นบรรเทาความหิว “ไม่กินก็เอามา” ใบหน้างามมองแผ่นแป้งย่างอย่างรังเกียจ เว่ยเฉาจึงแบมือขออาหารหนึ่งเดียวที่ประทังความหิวตอนนี้ได้คืน
เสียงอวิ๋นกลืนน้ำลายลงคอสายตาจับจ้องของในมือ นางรังเกียจแผ่นแป้งแข็ง ๆ นี้ เกิดมาไม่เคยกินของแบบนี้มาก่อน อาหารของนางชั้นเลิศและดีที่สุด ไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาลำบากกัดกินแป้งที่แข็งกระด้างประทังชีวิต ดวงตาหงส์ช้อนมองบุรุษที่แบมืออยู่ ริมฝีปากขยับเล็กน้อย อยากถามว่าเปลี่ยนเป็นเนื้อได้รึไม่ ทว่านางรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้จึงไม่เอ่ยออกมา
เสียงท้องร้องดังโครก ไม่อยากกินก็ต้องกินนางกัดแผ่นแป้งนั้นไปหนึ่งคำ ความรู้สึกแสบร้อนผุดขึ้นในดวงตา คิดถึงมารดาที่อยู่บนสวรรค์ คิดถึงเนื้อย่างหอมกรุ่นที่บิดาเคยป้อน กลืนแป้งแข็งกระด้างไปแล้วกัดกินอีกคำ น้ำอุ่น ๆ ไหลอาบแก้ม เหตุใดชีวิตนางต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้
เดินตามคนตัวโตไป ฝีเท้าหยุดชะงักเมื่อเข้าใกล้สถานที่พัก น่ารังเกียจกว่าแผ่นแป้งคงจะเป็นกระท่อมร้างผุพังที่บังลมบังฝนไม่ได้จะซุกหัวนอนอย่างไรก่อน บุรุษคนนั้นแค่จับประตูก็พังลง เสียงอวิ๋นย่นคิ้ว “ไม่มีสถานที่ดีกว่านี้แล้วรึ”
“จูฮูหยินเจ้าฝันอยู่รึ ข้าจับเจ้ามาเป็นตัวประกันไม่ได้พามาเที่ยวเล่น”
“ข้านอนไม่ได้”
“เช่นนั้นเจ้าก็เฝ้ายามรอคนของสามีเจ้าเถิด”
ไม่มีทางเลือกเดินตามบุรุษผู้นั้นเข้าไป ในกระท่อมว่างเปล่าไม่มีแม้กระทั่งตั่งนั่งหรือตะเกียง เป็นห้องโล่งกว้างคงเป็นที่สำหรับพักเหนื่อยของนายพรานมากกว่าที่พักอาศัย
“เจ้าอย่าไปอยู่คุยกับข้าก่อน” เมื่อเห็นบุรุษคนนั้นจะออกจากกระท่อมร้างจึงเอ่ยรั้งไว้ และชวนคุยเพื่อไม่ให้เขาทิ้งนางไว้ลำพัง “เจ้ากับท่านพี่มีเรื่องใดบาดหมางกันรึ”
เว่ยเฉาเห็นแววตาหวาดกลัวของสตรีตัวเล็กก็นั่งลงพื้นไม่ไกลจากนาง “เป็นเรื่องระหว่างข้ากับเขาไม่เกี่ยวกับเจ้า”
เพลิงโทสะเจิดจ้านัยน์ตาของเว่ยเฉา ไอสังหารสะท้อนออกมาจนเสียงอวิ๋นรู้สึกหนาวสั่นเลือดลมปั่นป่วน รีบเอ่ยหยุดเขาก่อนที่จะกระอักเลือดออกมา “เจ้าดึงข้าเข้ามาในกระดานหมากของพวกเจ้าแล้ว ตอนนี้ข้าก็ถูกเจ้าจับตัวมามิใช่รึ”
เว่ยเฉาลดแรงกดดันลงแล้วยิ้มมุมปาก ความอดทนสูงดีนี่ น่าสนใจ “เป็นความบังเอิญต่างหาก ตอนนั้นใครใช้ให้เจ้าอยู่ที่นั่น อีกอย่างจับเจ้ามามีประโยชน์อันใด ดูเอาเถิดจนป่านนี้สามีเจ้าก็ไม่ส่งใครมาช่วย ข้าอยู่นานไม่ได้เจ้ารอสามีเจ้าอยู่ที่นี่เถิด”
หัวใจถูกกรีดซ้ำด้วยคำพูดเสียดสี ความเจ็บเสียดแทงหัวใจจนอธิบายไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร แผลที่แขนเริ่มปวดระบมมือเล็กลูบตรงบาดแผลใบหน้าเหยเก ฝ่ามือนุ่มเต็มไปด้วยรอยถลอก นี่เป็นบาดแผลที่เขาฝากไว้ตอนอยู่ในจวน นิ้วเรียวลูบหน้าผากปูดนูน เลือดแข็งตัวจนแห้งกรัง สภาพเช่นนี้เสียงอวิ๋นรับตัวเองไม่ได้
“เอาไป ข้าต้องไปแล้วหากสามีเจ้าส่งคนมาข้าจะซวยเอาได้” เว่ยเฉาโยนขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวให้สตรีที่แสดงท่าทีขยะแขยงตัวเอง ในนั้นเป็นยาสมานแผลถึงแม้เขาจะแค้นสหายเก่า ทว่าไม่เกี่ยวกับสตรีตรงหน้าความแค้นนี้เขาจะเอาคืนกับหลี่เฉียงเท่านั้น จับนางมาก็รู้สึกผิดแล้วแต่ เพื่อคนของตน เขาก็ต้องเสี่ยงดวงดูว่าเจ้านั่นจะถอนกำลังที่ล้อมภูเขาลั่ววั่งออกหรือไม่
“นี่เป็นยาที่เจ้าจะใช้แก้แค้นสามีได้ ไม่อันตรายถึงชีวิตแค่ดวงตามืดบอดมองสิ่งใดไม่เห็น ข้าว่าไม่เลวนะ เขาจะได้หนีจากเจ้าไม่ได้อย่างไรเล่า” เว่ยเฉาโยนยาห่อเล็กให้อีกฝ่าย เอ่ยจบก็ก้าวเท้าออกจากกระท่อมโกโรโกโส ที่คล้ายกับว่าจะต้านไม่ได้แม้แต่สายลมบางเบา หันไปมองสตรีตัวเล็กครู่หนึ่งแล้วคิดในใจ นางคงไม่โชคร้ายขนาดนั้น
ค่ำคืนเงียบสงัดความหนาวเย็นชำแรกเข้าสู่ร่างกาย สายลมพัดหวีดหวิววังเวง เสียงอวิ๋นนั่งกอดไหล่ตัวเองอยู่มุมหนึ่งของกระท่อม ร่างเล็กสั่นเทานางถูกทิ้งให้อยู่ลำพังจนได้ หวังก็เพียงเศษเสี้ยวความรักที่คิดว่าเขามีให้ ส่งใครก็ได้มาช่วยนางในยามนี้
รอบด้านมืดสนิทผืนฟ้าเป็นสีดำทะมึน แผลที่ถูกธนูเฉือนคล้ายจะอักเสบเจ็บรุนแรงเหมือนโดนมีดกรีดซ้ำ ๆ น้ำตาพรั่งพรูลงมาอีกครั้ง นางหวังอะไรอยู่ผ่านมาจนจะสว่างอยู่รอมร่อเขาก็ยังไม่ส่งใครมา
เปลือกตาหนักอึ้งกล้ำกลืนฝืนความเจ็บไว้แทบหายใจไม่ออก สายฝนเทกระหน่ำลงมาราวกับหัวเราะเยาะในโชคชะตาของนาง ลมพายุพัดรุนแรงแหงนมองหลังคาที่มุงด้วยใบจากปลิวว่อนไปทีละแผ่น
เสียงอวิ๋นเดินโซซัดโซเซออกจากกระท่อมเพื่อหาที่หลบฝน ออกมาได้ไม่นานกระท่อมร้างก็พังลง ร่างที่สั่นปานลูกนกตกน้ำยืนเคว้งคว้างอยู่กลางป่าไม่รู้จะไปทางไหน หยาดน้ำฝนซึมผ่านอาภรณ์ไหลอาบผิวกายจนเปียกโชกไปทั้งตัว ยามสายลมพัดโชยเย็นยะเยือกเสียดกระดูก เนื้อตัวเย็นเยียบสั่นสะท้าน คล้ายกับถูกเลาะเอาเนื้อหนังที่ให้ไออุ่นออกไปหมด
เดินหาที่หลบฝนอย่างสิ้นหวัง ไม่คาดคิดว่าชีวิตคุณหนูแสนสุขสบายของนางจะจนตรอกได้เพียงนี้ ถูกหลอกไปจนสิ้น ถูกทิ้งไม่ไยดี หมดสิ้นทุกอย่าง กิจการของตระกูลก็ไม่เหลือ หัวใจของนางยังถูกคนใจร้ายยึดไป ไม่เหลืออะไรเลย นางไม่เหลืออะไรแล้ว ทรุดลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยดินโคลน
ร่างเล็กโอนเอนล้มไปกับพื้น นอนขดไปกับดินโคลนไร้แรงขยับ ตากฝนมาหลายชั่วยาม ร่างกายรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาว ลมหายใจอุ่นร้อนติดขัดจุกแน่นจนหายใจไม่ออก รับรู้ถึงความเจ็บเจียนขาดใจที่บาดแผล ท่ามกลางเม็ดฝนที่ตกกระทบผิวกาย ภาพใบหน้าไร้ความรู้สึกของสามี ยามเอ่ยปากให้นางแทงคอตัวเองก็ฉายชัดขึ้น ทับซ้อนไปกับภาพยามเขากล่าวยกนางให้บุรุษอื่นอย่างไม่แยแส
ยอมรับเสียทีเสียงอวิ๋นเขาไม่รักเจ้า
จะตายแล้วใช่รึไม่ บริเวณบาดแผลเจ็บปวดแสนสาหัสปวดจนนางจะทนไม่ไหว ลมหายใจก็เริ่มติดขัด ตายเสียได้ก็ดี ตายแล้วจะได้ไม่เจ็บปวดอีก มองแผ่นฟ้าที่เริ่มสว่างเม็ดฝนที่กระหน่ำมาลงเริ่มเบาลง
เสียงอวิ๋นจงจดจำความเจ็บปวดเจียนตายนี้ให้ขึ้นใจ นางบอกตัวเองแล้วยิ้มให้แผ่นฟ้าพร้อมหลับตาลงช้า ๆ ไม่รับรู้อะไรอีก
“ท่านแม่...ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่าน”“พิษไข้รุนแรงนักท่านพี่ช่วยเก็บสมุนไพรลดไข้ที่หลังเรือนให้ข้าที ยังดีที่นางมียาสมานแผลติดตัวมา ตากฝนจนแผลอักเสบหมดแล้ว”“นางเป็นผู้ใดก็ไม่รู้จะช่วยนางรึ”“เห็นนางแล้วข้าคิดถึงฮวาเอ๋อร์ หากลูกของเรายังมีชีวิตอยู่คงจะอายุเท่ากับเด็กคนนี้”“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า”เสียงอวิ๋นเปิดเปลือกตาอย่างสะลึมสะลือ เห็นหลังคาเรือนมุงใบจากที่ดูแข็งแรงกว่ากระท่อมร้างหลังนั้น ไม่ใช่แผ่นฟ้ากว้างเหมือนตอนที่หมดสติไป มีคนช่วยชีวิตนาง เหลือบมองด้านข้างเห็นหญิงวัยกลางคนเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้นางอยู่ น้ำร้อนทำให้แขนขาที่หนาวชามานานอบอุ่นขึ้น “ท่านน้าท่านช่วยชีวิตข้าไว้” เสียงอวิ๋นเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง“แม่นางตื่นแล้ว ข้ากับสามีออกไปล่าสัตว์เห็นเจ้านอนไร้สติอยู่ ไฉนเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่มีผู้ติดตามมาเลยรึ ดื่มน้ำขิงขับไล่ไอเย็นเสียหน่อย”“ขอบคุณท่านน้ามาก” น้ำตาเสียงอวิ๋นไหลออกมา ในช่วงเวลาลำบากของชีวิต ควรจะมีคนในครอบครัวอย่างสามีเคียงข้างที่สุด แต่กลับไม่มี เจ็บป่วยเจียนตายได้รับการดูแลจากคนแปลกหน้า มองย้อนไปที่สามีชั่วช้านางรักเขายิ่งกว่าชีวิตของนาง แล้วได้อะไรคืนมาบ้าง เอียงคอมองบา
“เสียงอวิ๋น”สามีกัดกรามตวาดลั่น เรียกนางด้วยน้ำเสียงแข็งราวหินผาไม่ต่างจากสายตาที่มองมา “ทำไม เสียใจที่ข้าไม่ตายรึท่านพี่ ข้าเคยบอกท่านไปแล้วข้าไม่มีความสุขท่านก็อย่าหวังจะได้มี ส่วนสตรีไร้ยางอายคนนี้ อยากอยู่ที่จวนเสนาบดีก็ให้อยู่ในฐานะสตรีอุ่นเตียงของท่าน ข้าไม่ยอมรับน้ำชาจากนางเป็นอันขาด ไม่อับอายก็เชิญอยู่เถิด ฐานะนั้นไม่ต่างอะไรกับนางคณิกาที่หอโคมเขียว ดีรึไม่ม่านถิงเหมาะสมกับเจ้านัก”สามีเงื้อมือขึ้นสูง เสียงอวิ๋นเชิดหน้าใส่ ฟาดลงมาฟาดมาที่แก้มให้หัวใจของนางแตกยับไร้ความรู้สึกที มันจุก มันเจ็บ มันชาไปทั้งใจ“อย่าริอาจทำร้ายสตรีของข้าอีก มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าใจร้าย ข้าจะไม่เตือนเจ้าเป็นครั้งที่สอง”น้ำเสียงแข็งกร้าวชี้นิ้วมาที่นางอย่างออกคำสั่ง ไฟโทสะลุกโชนในแววตาของสามี เขามีโทสะแล้วนางไม่มีหรืออย่างไร เสียงอวิ๋นกำหมัดเหวี่ยงไปที่สามีจนหน้าหัน บอกเลยครั้งนี้นางตั้งใจ เขาหันกลับมาเลือดซึมที่มุมปาก แล้วอย่างไรนางเจ็บกว่าเขามานักต่อนัก แผลที่แขนก็ยังไม่หายให้เขาลิ้มลองรสชาติความเจ็บบ้างจะเป็นไรไป“รนหาที่ตาย” ฝ่ามือใหญ่คว้าลำคอระหงมาบีบแน่น ถึงกลับกล้าตบเขาไม่รู้นางเอาความกล้ามาจา
ที่ผ่านมาการกระทำของเขาเป็นธรรมชาติมาก มองไม่ออกเลยสักนิดว่าเข้าหานางเพราะหวังผลบางอย่าง หากเขาแสดงท่าทีรังเกียจนางสักเล็กน้อย มองนางด้วยสายตาแค้นเคืองให้เห็นบ้าง นางคงไม่หลงรักเขาหัวปักหัวปำอย่างนี้ แววตาของเขาอ่อนโยนมาตลอดสองปี จะให้นางเชื่อได้อย่างไรว่าคนที่ร่วมเคียงหมอนทุกวันจะไร้ความรู้สึก หลังจากเขาเอ่ยปากอย่างตรงไปตรงมาเมื่อได้ทุกอย่างจากนางไป นางก็ยังไม่เชื่อ ทำดีกับเขาอย่างโง่เขลาเพื่อเรียกร้องวันคืนดี ๆ กลับมา แต่วันนี้นางเชื่อแล้วร่างบอบบางของม่านถิงถูกสามีของนางอุ้มขึ้นมาอย่างทะนุถนอม ใบหน้าเศร้าหมองเรียกคะแนนสงสารได้อย่างดีซบลงที่ไหล่ของหลี่เฉียง ดวงตาโศกน้ำตาคลอมองมาที่เสียงอวิ๋นอย่างหวาดกลัวสามีอุ้มสตรีที่เขารักออกไปอย่างไม่ไยดีฮูหยินเอกเช่นนาง ความพ่ายแพ้ฉายชัดจากการกระทำของเขา นางแพ้ แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงแข่งด้วยซ้ำ หัวเราะจนไหล่สั่นทั้งน้ำตาให้กับการกระทำของสามีที่มอบให้สตรีอื่น“ฮูหยิน” จางหมิงเรียกนายหญิงของจวน ที่หัวเราะร้องไห้ทรุดตัวกอดตัวเอง ราวกับคนเสียสติไปแล้ว “ฮูหยินขอรับ”“ฮื้อ จางหมิง ข้าไม่เหลือใครแล้ว ไม่เหลืออะไรเลย เขาหลอกเอาไปทุกอย่าง แม้แต่ใจข้าก็ไม
ร่างเล็กสงบลงหลี่เฉียงจึงจับไหล่บางดันออกอย่างอ่อนโยน มองสตรีใบหน้างดงามน้ำตาไหลพราก ยื่นมือทั้งสองไปโอบแก้มของนางแล้วเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออก ดวงตาโศกมองเขาอย่างตัดพ้อ คงจะเจ็บปวดกับคำพูดของเสียงอวิ๋น สตรีแสนร้ายคนนั้นเขาไม่ต้องการให้ม่านถิงเจ็บปวดเพราะนางอีก “ข้าอยู่ตรงนี้ไม่มีผู้ใดรังแกเจ้าได้”ม่านถิงเคยช่วยชีวิตเขาไว้ ยามนั้นเขาอายุเพียงแปดขวบ กำลังเล่นน้ำเก็บสายบัวกับสหายอย่างสนุกสนาน บิดามารดาของสหายพาตัวบุตรชายกลับบ้านหมดแล้ว ทำให้เหลือเขาเพียงคนเดียวที่เล่นน้ำอยู่ ยามนั้นจู่ ๆ ขาเขาก็ขยับไม่ได้ทำให้จมน้ำไปดื้อๆ มือไขว่คว้าหาสิ่งยึดเกาะ สติพร่าเลือนลงทุกขณะ เขาจำไม่ได้ว่าขึ้นมาอยู่ริมบึงได้อย่างไร แต่คนแรกที่เขาพบยามลืมตาคือม่านถิงที่ร่างเปียกปอน นางช่วยชีวิตเขาไว้“ฮรึก..พี่หลี่เฉียงข้าไม่ใช่คนไร้ยางอาย ไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นนางคณิกา” น้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลไม่หยุด หากต้องหนีจากความตายมาถูกตราหน้าว่าเป็นสตรีไร้เกียรติ นางยอมตายเสียดีกว่าร่างเล็ก ๆ สั่นไหวรุนแรง ใบหน้างามเปื้อนหยาดน้ำตา หลี่เฉียงสงสารจับใจฝ่ามือใหญ่ที่โอบอุ้มใบหน้างามเกลี่ยเบา ๆ เช็ดคราบน้ำตา แล้วเอ่ยด้วยน้ำ
หลี่เฉียงหรี่ตามองฮูหยินตัวเอง ปกติต้องออดอ้อนตักอาหารให้ชวนคุยน้ำไหลไฟดับด้วยเสียงหวาน วันนี้ผิดปกติเกินไปแล้ว กินโดยไม่มองเขาอย่างกับเหม็นขี้หน้ามาช้านาน นั่งหลังตรงรอนางคีบอาหารให้ ทว่า...ฮูหยินตัวร้ายทำราวกับมองไม่เห็น ที่ผ่านมาเขาหมางเมินใส่เพียงใด หน้าที่นี้นางจะทำไม่เคยขาดตกบกพร่อง หลี่เฉียงหงุดหงิดอย่างไม่รู้ตัว จับจ้องฮูหยินของตนให้นางรู้ว่าควรทำหน้าที่ได้แล้ว แต่นางก็ยังคงนิ่งเฉยคีบอาหารใส่ปากตัวเองอย่างไม่แยแสจวบจนได้ยินเสียงหวานจึงถอนสายตาออกจากใบหน้างดงาม ที่ประทินโฉมจนคนมองละสายตาไม่ได้นั้น“พี่หลี่เฉียงข้าทำขาหมูตุ๋นของโปรดของท่านมาให้เจ้าค่ะ” ม่านถิงเดินนวยนาดมาพร้อมกับบ่าวที่หลี่เฉียงจัดหามาดูแล ถือกล่องอาหารที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นเข้ามาที่โต๊ะ และนั่งลงโดยที่ไม่มีใครเชิญเสียงอวิ๋นเบ้ปาก เพราะนางไม่ชอบให้มีบ่าวล้อมหน้าล้อมหลังจึงไม่มีบ่าวคนสนิท จะมีก็แต่ยามอาบน้ำแต่งกายที่อนุญาตให้บ่าวเข้ามาปรนนิบัติได้ แต่บ่าวคนใดทำไม่ถูกใจก็จะถูกเสียงอวิ๋นขายออกแล้วซื้อเข้ามาใหม่เป็นเช่นนี้มาตลอด จนบ่าวในจวนหนีห่างไม่อยากมาดูแลปรนนิบัตินาง ความจริงเสียงอวิ๋นไม่ใช่คนเรื่องมาก หากผู้ใด
ถอดใจตอนนี้ทันรึไม่นะ ยืดลำตัวบิดไปมาไล่ความเมื่อย เหลือบเห็นใบหน้าคุ้นเคยเดินเข้ามาแล้วยกมุมปากอย่างเหยียดหยาม สายตาที่มองมาสื่อความหมายว่านางทำไม่ได้ เสียงอวิ๋นฮึกสู้ขึ้นทันใด แผ่นหลังตั้งตรงศึกษาการทำบัญชีตามที่ผู้ดูแลจ้งสอนอย่างจริงจัง“ตรงนี้ผิด ตรงนี้ผิด ตรงนี้ก็ผิด”สามีชี้จุดที่นางทำผิดติด ๆ กัน เสียงอวิ๋นเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลานั้นแล้วสะบัดหน้าหนีอย่างไม่พอใจ “ถ้าจะมาเยาะเย้ยข้ากลับไปเถอะ”เสียงอวิ๋นย่นคิ้วไม่สบอารมณ์ เพราะสามีแค่มาหยิบของบางอย่างจากผู้ดูแลจ้งแล้วก็จากไปจริง ๆเหอะ!! ไปไหนก็ไปเถิดไม่อยากเห็นหน้าเสียหน่อยใช้เวลากับการทำบัญชีมาทั้งวันเนื้อตัวเมื่อยขบไปหมด กลับถึงจวนก็เปิดผ้าพันแผลที่แขนออกเพื่อใส่ยา ห้าวันแล้วแผลอักเสบที่บวมแดงในตอนแรกเริ่มคันยุบยิบใกล้หายเป็นปกติ ส่วนที่หน้าผากสองวันก็ยุบตกสะเก็ดหมดแล้ว ต้องขอบคุณยาของเว่ยเฉาที่ใช้ดีเหนือคาด คราแรกคิดว่าจะเป็นยาพิษเพราะเขากับสามีไม่ลงรอยกันคงไม่ประสงค์ดีกับนางไปด้วย ทว่าผิดคาดยามที่หมดสติท่านน้าที่ช่วยชีวิตนางไว้ใส่ยาตัวนี้ให้ ตื่นมาความปวดเจียนขาดใจก็เบาลง เสียดายก็แต่ยาในซองเล็กนั่นที่ถูกน้ำฝนชะล้างละลายไป
ก่อนสติจะดับวูบรับรู้ถึงมือหนึ่งเกี่ยวเอวนางขึ้นเหนือน้ำ เสียงอวิ๋นไม่รู้ว่าใครช่วยนางขึ้นมา รู้เพียงไม่ใช่ร่างที่คุ้นเคยของสามี สำลักน้ำออกมาแล้วสติแจ่มชัดขึ้น ปรือตามองพบใบหน้าเย็นชาของเฉินอี้สุดท้ายก็ไม่ใช่เขา ไม่ใช่สามีที่ช่วยนางขึ้นมา“ส่งตัวนางไปที่ศาลบรรพชน กักขังไว้จนกว่าจะรู้ผิด”เสียงเย็นชาของสามีสั่งลงโทษ ร่างเปียกปอนสั่นปานลูกนก ริมฝีปากซีดเซียวฟันกระทบกันเสียงดัง แม้แต่แรงโต้เถียงเพื่อตัวเองก็ไม่มี ร่างทั้งร่างสั่นเทารุนแรง ไอโขลก ๆ แม้แต่ตายังลืมไม่ขึ้น ความหนาวเย็นกัดกร่อนถึงกระดูก ทำได้เพียงกอดไหล่ตัวเองอย่างสั่นเทาแล้วหลับตายอมรับ ความง่วงแทรกซึมเข้ามาทำให้เสียงอวิ๋นหลับตาลงไม่รับรู้อะไรอีก“นายท่านตามหมอรึไม่ขอรับ ดูท่าฮูหยินจะไม่ไหว” เฉินอี้เอ่ย“ไม่ต้อง ส่งนางไปที่ศาลบรรพชนไม่รู้ผิดไม่ต้องปล่อยตัว กล้าลงมือกับสตรีของข้า ต้องกล้ารับผลที่ตามมาข้าเคยบอกนางไปแล้ว” หลี่เฉียงโมโหมากที่ฮูหยินของเขาลงมือกับม่านถิงเป็นครั้งที่สอง และยังเป็นสถานการณ์เดียวกันคือผลักตกน้ำ ถ้าในขณะที่ม่านถิงอยู่ในน้ำเขาไม่ผ่านมาพอดีจะเกิดอะไรขึ้นความจริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ฮูหยินของตนตกน้ำ ท
“เป็นอันใดไป สีหน้าเจ้าไม่สู้ดีนัก”“กระหม่อมแค่นึกบางเรื่องที่ไม่ควรนึกถึง”“ฮูหยินของเจ้า?”“นางทำร้ายม่านถิงอีกแล้ว กระหม่อมเกินจะอดทนแล้วฝ่าบาท กระหม่อมต้องการหย่ากับนาง”“เรารู้ว่าเจ้าทรมานแต่หลี่เฉียงเสด็จพ่อไม่ยอมเป็นอันขาด เสี่ยวเสียงไม่ได้ทำสิ่งใดผิด อีกอย่างหากเสด็จพ่อรับรู้ว่าเจ้าตั้งใจเข้าหาเสี่ยวเสียงเพื่อทวงแค้นให้สตรีอื่น เรานึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเจ้าจะหนีบทลงโทษครั้งนี้พ้นได้อย่างไร”“กระหม่อมจะยอมรับโทษแต่โดยดี เรื่องนี้กระหม่อมผิด ไท่ซ่างหวงคงไม่สังหารกระหม่อมกระมัง”“เรายังไม่มั่นใจเจ้ากลับมั่นใจเพียงนั้น เอาอย่างนี้ดีรึไม่เจ้าไปตรวจการที่ชายแดนเหนือพาคนรักของเจ้าไปด้วยจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเสี่ยวเสียงทำร้ายอีก”หลี่เฉียงครุ่นคิดการที่นำม่านถิงมาอยู่ใกล้เสียงอวิ๋นมีแต่นางจะถูกทำร้าย ทว่าช่วงนี้เขากับเว่ยเฉาห้ำหั่นกันดุเดือด แม้รู้ว่าเว่ยเฉาไม่ทำร้ายสตรีแต่ถ้ามีผู้อื่นแทรกแซงอยู่เบื้องหลังขึ้นมาเล่า เขาไม่อยากเสี่ยงจึงพาม่านถิงมาพักที่จวน ทว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ที่นางถูกผลักตกน้ำ เขาควรพานางออกให้ห่างจากเสียงอวิ๋น มิเช่นนั้นนางก็จะถูกเสียงอวิ๋นทำร้ายไม่จบไม่สิ้นหากเขา
หลังจากส่งเว่ยเฉาหลี่เฉียงพาเสียงอวิ๋นกลับจวนเพื่อรับจิ่นซางเข้าวัง เนื่องด้วยขันทีข้างพระวรกายไท่ซ่างหวงมาตามเป็นครั้งที่ร้อยแล้วก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่รับราชโองการฝ่าบาทครั้งนั้นหลี่เฉียงก็ยุ่งกับแผนการกำจัดต้วนอ๋อง ทำให้ยังไม่ได้พาจิ่นซางและเสียงอวิ๋นไปเข้าเฝ้าไท่ซ่างหวงหลี่เฉียงคุกเข่าสองมือกุมหมัด “กระหม่อมถวายบังคมไท่ซ่างหวงขอพระองค์อายุยืนหมื่นปี หมื่น ๆ ปี“หม่อมฉันขอพระองค์อายุยืนหมื่นปีเพคะ” เสียงอวิ๋นเองก็คุกเข่าคำนับเต็มพิธีการ“ยายหนูพาจิ่นซางน้อยลุกขึ้นเถิด มาตรงนี้มาให้ปู่ดูหน่อยว่าเจ้าหน้าตาเหมือนใคร ฮ่าฮ่า จิ่นซางน้อยของปู่เจ้าเหมือนเหล่าเซี่ยมาก ดีแล้วที่เจ้าเหมือนปู่ของเจ้า ปู่ของเจ้ามีคุณธรรมโอบอ้อมอารี มีลูกศิษย์เยอะแยะมากมาย ไม่รู้ใครบางคนไปเอานิสัยแย่ ๆ มาจากไหน”หลี่เฉียงขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดไท่ซ่างหวงไม่บอกให้เขาลุกขึ้นบ้างเล่า แล้วพูดเช่นนั้นกำลังเหน็บแนมเขาหรือ เสด็จพ่อข้าเป็นบุตรบุญธรรมท่านนะ ท่านต้องเข้าข้างข้าถึงจะถูก หลี่เฉียงโอดครวญในใจ ยามนี้คุกเข่าจนขาเริ่มชาแล้ว ทว่าไท่ซ่างหวงกับเสียงอวิ๋นไม่มีใครสนใจเขาสักคน เอาแต่หยอกล้อบุตรชายหน้าเหม็นของเขาที่หั
“ฮูหยินอีกสักรอบเถอะ”“อีกรอบบ้านท่านสิ” เสียงอวิ๋นถีบหลี่เฉียงลงจากเตียง เมื่อมือไม้ของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่งอีกแล้ว สามวันมานี้เขาเคี่ยวกรำนางจนลงจากเตียงไม่ไหว พอลุกขึ้นจะไปหาจิ่นซางขานางก็สั่นก้าวไม่ออกมารราคะตนนั้นเท้าศีรษะมองนางแล้วยิ้มขำ บอกนางว่าจิ่นซางมีแม่นมดูแล จากนั้นก็อุ้มนางกลับมาที่เตียงและเริ่มบรรเลงเพลงรักอีกครั้งและอีกครั้งเสียงอวิ๋นรู้สึกว่าก่อนหน้านั้นนางทรมานหลี่เฉียงน้อยเกินไป พอให้อภัยเขา เขาก็เรียกคืนนางจนร่างแทบแหลก เจ็บใจเสียจริง!!รู้แบบนี้ทำตามที่เว่ยเฉากระซิบก็ดี แสร้งหย่าแล้วเดินทางไปท่องเที่ยวกับเว่ยเฉา ปล่อยให้เขาโดดเดี่ยวอยู่ที่ต้าเยี่ยลำพังเป็นนางเองที่ใจอ่อนเมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดของเขา เสียใจตอนนี้ไม่ทันแล้วถูกเขากินทั้งเนื้อทั้งตัวมาสามวันเต็ม“เอาล่ะ ไม่แกล้งเจ้าแล้วมากินข้าว” ว่ากันว่าภรรยาถีบเพราะรักเขาไม่ถือสา เห็นนางไร้เรี่ยวแรงหลี่เฉียงทั้งสงสารทั้งเอ็นดู เดินเข้าไปหานางเพื่ออุ้มนางมากินข้าว พอเห็นท่าทางระแวดระวังของนางเขาก็อยากแกล้งนางอีกแล้ว “กินเจ้าก่อน...ค่อยกินข้าวก็ดีเหมือนกัน”คนบ้า!!หากยังกินนางอีกคงไม่มีแรงลุกไปส่งเว่ยเฉาเสียงอวิ๋นมอ
“มันจะเหมือนกันได้อย่างไรนี่เป็นของแทนใจพ่อลูก เจ้าจะเข้าใจอะไรอย่าสอดปากดีกว่าหลี่เฉียงอยู่เฉย ๆ ข้าจะคุยกับลูกข้า”เรื่องใดก็ตามหลี่เฉียงล้วนสุขุมเยือกเย็นและมีแผนการล้ำลึก มีเพียงเรื่องฮูหยินกับบุตรชายที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ “เว่ยเฉาเจ้าเคยตายรึไม่หากยังข้าจะสนองให้”“หลี่เฉียงนั่นพ่อของจิ่นซางท่านเป็นคนอื่นไม่ควรมานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ” เสียงอวิ๋นเอ่ยเสียงเยือกเย็นฮูหยินรักนี่คือการเอาคืนของเจ้าใช่รึไม่ เจ้าไม่ได้คิดเกินเลยกับเว่ยเฉาจริงใช่รึไม่ ให้ตายเถิดใจข้าเดือดปุด ๆ เหมือนน้ำร้อน อยากลงไม้ลงมือกับคนที่ยิ้มหน้าระรื่นตรงหน้าเสียจริงยามนี้เข้าใจแล้วที่เสียงอวิ๋นไล่ตบตีสตรีไปทั่ว ทำตัวไร้เหตุผลไม่น่ารัก ที่จริงนางเพียงรักเขาและอยากประกาศความเป็นเจ้าของเท่านั้น ซึ่งตอนนี้เขาอยากซัดใบหน้าสหายดับความร้อนในใจ เข้าใจความรู้สึกของนางก็ยามที่มาเจอกับตัวเองเว่ยเฉายิ้มให้อีกฝ่ายแล้วหอมแก้มนุ่มนิ่มของเด็กน้อยในอ้อมแขนจากนั้นก็โน้มกายไปกระซิบบางอย่างที่ข้างหูเสียงอวิ๋น เขาคบกับหลี่เฉียงมานานย่อมรู้ว่าวิธีใดยั่วโมโหสหายได้“ไสหัวไป” หลี่เฉียงตวาดลั่นอยากอดรนทนไม่ได้อีก หลายวันมา
เช้าวันรุ่งขึ้นเสียงอวิ๋นยังไม่ทันได้ไปที่ห้องเก็บฟืน ก็มีคนมารายงานว่าม่านถิงฆ่าตัวตายแล้วจนใจที่ยังไม่ได้กรอกยาพิษเอาคืนม่านถิงเลย นางก็วิ่งชนเสาฆ่าตัวตายเสียแล้วถือว่านางเลือกได้ดี คงรู้ตัวว่าจะถูกทรมานจึงเลือกทางนี้จูเหวินสืบข่าวเรื่องบุตรของม่านถิงมาได้ หลังจากคลอดม่านถิงก็เอาบุตรสาวไปทิ้งที่หน้าจวนตระกูลกง บุตรสาวที่น่าสงสารของม่านถิงจึงมีบิดาคอยดูแลอยู่ ถือว่าเป็นโชคดีของนางได้ข่าวว่ากงหยางรักและเอ็นดูบุตรสาวไม่น้อยส่วนหลี่เฉียงแม้จะมีความดีลบล้างความผิดไปบ้างแล้ว ก็ยังคงต้องชดใช้ให้นางอยู่ดี จูเหวินสืบมาได้ว่ายามนั้นเรื่องราวทั้งหมดเป็นแผนของเขา หลี่เฉียงได้ให้ยาแก้พิษกับกงหยางและต้านเป่าไว้แล้ว เพียงแต่มันออกฤทธิ์ช้าไปหนึ่งวัน เพื่อตบตาม่านถิงเขายังแสร้งไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของม่านถิง หลี่เฉียงก็ยังคงชั่วช้าสารเลว เจ้าเล่ห์ คาดเดายาก หลอกลวงเก่งไม่เปลี่ยนหลิวมามาเหลือบมองผู้เป็นนายอยู่หลายครั้ง ชั่งใจว่าควรพูดดีหรือไม่ นายท่านจับไข้มาสามวันแล้วฮูหยินไม่เคยเข้าไปดูเลย หลิวมามาร้อนใจเหลือเกิน กลัวว่านายน้อยจะขาดครอบครัวอบอุ่น “ฮูหยินไปดูนายท่านหน่อยดีรึไม่เจ้าคะ”“หลิว
“นายท่านฮูหยินจับแม่นางม่านถิงโยนลงน้ำแล้วขอรับ” จางหมิงเข้ามารายงานหน้าตาตื่น นายหญิงกลับมาเป็นนายหญิงคนเก่าแล้ว กำลังเอาคืนคนที่เคยทำร้ายนางมาก่อน น่าตื่นตาตื่นใจเสียจริงเรื่องพวกนี้ต้องเชิญนายท่านไปดูเสียหน่อย ถึงเวลาที่ฮูหยินเอาคืนนายท่านจะได้รับมือทันเพียงแต่ฮูหยินคงไม่เอาคืนนายท่านหรอกเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นเลยจริง ๆ ได้ยินเพียงต้านเป่าเล่าว่าฮูหยินยามแทงปิ่นลงอกนายท่านเด็ดเดี่ยวเพียงใด เจ้าต้านเป่าที่อยู่แดนเหนือจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ไม่ได้พบกันหนึ่งปีแล้วจะสบายดีรึไม่หลี่เฉียงยิ้มมุมปากแล้วเดินไปยืนเคียงข้างฮูหยินของตน ยามนี้นางปรายตามองมาที่เขาเล็กน้อยแล้วไม่สนใจอีก คงจะลองใจเขาว่าจะกระโดดลงไปช่วยม่านถิงรึไม่ หากเขากล้ากระโดดลงไปจุดจบของเขาคงไม่ต้องคิดก็รู้ กว่าจะหลอกล่อให้นางยอมกลับจวนยากลำบากแทบตาย จะไม่ยอมผิดพลาดอีกเด็ดขาด “ฮูหยินร้อนรึไม่เดี๋ยวสามีพัดให้” หลี่เฉียงใช้มือโบกสะบัดให้ลมพัดใบหน้างดงามของฮูหยิน ที่ยามนี้เต็มไปด้วยเหงื่อเพื่อบรรเทาความร้อนให้นาง“ฮูหยินแม่นางม่านถิงจมไปก้นสระแล้วขอรับ” เฉินอี้กล่าวเตือน“งมนางขึ้นมา ท่านพี่ท่านควรลงไปพาม่านถิงขึ้นมานะ”เหงื
“เพิ่งจะรู้ว่าเสี่ยวเสียงน้อยที่เอาแต่รังแกข้ายามเด็ก ก็ห่วงข้าเหมือนกัน” เหวยต้าเซียวถูกเหล่าองครักษ์บดบังจนมิด ยามนี้มีเสียงเปล่งออกมา องครักษ์ทั้งหลายก็แหวกทางให้เขา ร่างสูงโปร่งแผ่รัศมีราชันดูสูงส่งองอาจ ใบหน้าอ่อนโยนของฝ่าบาทยิ้มเล็กน้อยให้ทุกคน แล้วก้าวเดินมาหยุดยืนรวมตัวกับพวกหลี่เฉียง“นี่ พวกท่านจะเล่นละครช่วยแจ้งข้าก่อนได้รึไม่ ข้าหัวใจแทบหยุดเต้นแล้ว” เสียงอวิ๋นตวาดอย่างโมโหมีนางคนเดียวสินะที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ ไม่สิยังมีอีกคนที่ตกตะลึงอ้าปากค้างอยู่ นั่นก็คือต้วนอ๋อง“พะ พะ พวกเจ้า” ต้วนอ๋องชี้หน้าอีกฝ่ายมือสั่น หมากกระดานนี้เขามั่นใจนักว่าจะชนะ แต่แพ้ยับเยินให้พวกหมาป่าเจ้าเล่ห์ ยามนี้คนที่จับกุมฮ่องเต้ก่อนหน้านั้นหันมาจับกุมเขาแทน คนพวกนี้เป็นสิบคนที่ตามคุ้มกันจูฮูหยิน แสบนักเจ้าเด็กพวกนี้วางแผนได้แนบเนียนจนเขาดูไม่ออก “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าแพ้แล้ว ตอนไหนกันที่เจ้ามาสับเปลี่ยนตัวฝ่าบาทหลี่เฉียง” เขามั่นใจนักว่าแผนเขาล่มไม่เป็นท่าเช่นนี้ มือมืดที่อยู่เบื้องหลังก็คือเสนาบดีแห่งต้าเยี่ยที่คอยขัดแข้งขัดขาเขาไว้ตลอดนั่นเอง“ท่านอ๋องอย่าลืมว่ายังมีองค์รัชทายาทแห่งแคว้นฉินอีกคน เรื่องน
“องค์รัชทายาทท่านควรสังหารหลี่เฉียงเหตุใดถึงร่วมมือกับเขาหักหลังข้า” ต้วนอ๋องเอ่ยด้วยใบหน้าดุร้ายเหี้ยมโหด ยามนี้เขาถูกล้อมจับ ทว่าเขายังมีไม้ตายไม้สุดท้ายเหลืออยู่ และหมากกระดานนี้เขาต้องพลิกกลับมาชนะให้ได้“ท่านอ๋องตบตาคนได้แนบเนียนเสียจริง ข้าหลงเข้าใจผิดมานานว่าหลี่เฉียงสังหารเหนียวเหนี่ยว ความจริงแล้วเป็นท่านต่างหาก บัญชีแค้นวันนี้อย่างไรต้องชำระให้สิ้น หากข้าไม่พบเหนียวเหนี่ยวมาก่อน คงโง่ให้ท่านหรอกใช้ต่อไปเพราะความแค้นบังตา”“ฮ่าฮ่าฮ่า ใครใช้ให้นางรู้ความลับมากมายในค่ายทหารของข้ากัน หากนางอยู่ในส่วนของนางดี ๆ ข้าจะคิดสังหารนางหรือ นางขโมยความลับในค่ายของข้าไป คงเป็นหลี่เฉียงสินะที่จัดฉากการตายนี้ขึ้นมา เจ้าเด็กวายร้ายนี่ตบตาคนเก่งนักข้าเชื่อสนิทใจว่าองค์หญิงตายแล้วไม่เคยคิดป้องกันมาก่อน คิดว่าความลับนั้นได้ตายไปกับองค์หญิงแล้ว หลักฐานพวกนั้นทำให้เจ้าหวาดระแวงข้าและก้าวออกมาตัดทางรุกของข้าก่อนหนึ่งก้าวเสมอ ใช่รึไม่หลี่เฉียง”“ท่านอ๋องเดาถูกแล้ว ยามนั้นเหนียวเหนี่ยวมาหาข้า และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง หนทางเดียวที่จะทำให้นางปลอดภัยคือการตาย ข้าจึงจัดฉากนี้ขึ้นมา” หลี่เฉียงเอ่ยกับต้วน
เว่ยเฉาหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ฟังสหายรักเอ่ยปากจบ เมื่อก่อนเขากับหลี่เฉียงเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตาย ด้วยปณิธานอันแรงกล้า จึงออกมาหาประสบการณ์ต่างแคว้น ยามนั้นเขาเจอโจรป่ารุมทำร้ายและได้หลี่เฉียงช่วยไว้ จากนั้นหลี่เฉียงก็พาเขามาส่งให้อาจารย์ที่วังยารี หุบเขาลั่ววั่งเป็นสถานที่ในความทรงจำของเขาและหลี่เฉียงเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกยุทธ์ การเล่าเรียนพวกเขาล้วนฝึกฝนมาด้วยกัน หลังจากสิ้นอาจารย์เว่ยเฉาจึงดูแลเขาลั่ววั่งสืบต่อมาทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากเหนียวเหนี่ยวตามมาสมทบ เขาเห็นหลี่เฉียงลงมือสังหารเหนียวเหนี่ยวกับตาแล้วโยนนางลงเหวลึกอย่างเลือดเย็นเขาค้นหาเหนียวเหนี่ยวพลิกแผ่นดินใต้หุบเหวที่มีแต่เศษซากกระดูกมนุษย์ เนื้อหนังบางส่วนของซากศพถูกแร้งกากัดแทะกระจัดกระจาย ยามนั้นเว่ยเฉาสาบานกับตัวเองว่าต้องแก้แค้นให้น้องสาวให้ได้เขาไม่มีหน้ากลับไปพบเสด็จพ่อเสด็จแม่ หากไม่ได้ตัดศีรษะหลี่เฉียงมาสังเวยน้องสาว เขาหาร่างไร้วิญญาณของเหนียวเหนี่ยวอยู่สามวัน ไม่รู้ว่านางถูกสัตว์ร้ายแทะกินเหลือแต่กระดูก หรือร่างอาจเละหาชิ้นส่วนไม่เจอเพราะตกจากที่สูง เขาไม่พบร่างสมบูรณ์ของนางพบเพียงป้ายหยกประจำกายองค์ห
“ข้าปล่อยเวลาล่วงเลยมานานแล้ว เมื่อถึงเวลาเหมาะสมย่อมต้องสะสาง ข้าอยากเจอเจ้าอยากคุยกับเจ้า จึงใช้วิธีสิ้นคิดเช่นนี้ เสี่ยวเสียงไปกับข้าเถิด ข้าจะให้เจ้านั่งเคียงข้างข้าในจุดสูงสุด เจ้าจะเป็น...”“สูงเกินไปก็เหน็บหนาว เว่ยเฉาข้าเห็นเจ้าเป็นสหายที่ดี”คำตอบของนางชัดเจน ปิดกั้นเขาไว้ทุกทางไม่ให้โอกาสเขาเข้าไปเดินเล่นในใจนางแม้แต่น้อย “เฮ้อ!!เจ้าเลือกแบบนี้ไม่เสียดายหรือ จิ่นซางก็ยังเด็กข้าว่าเจ้าเลือกใหม่เถิดนะ เลือกข้า...เจ้ากับลูกถึงจะปลอดภัย” รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นที่ริมฝีปากหยักได้รูป“องค์รัชทายาท”บุรุษวัยกลางคนสวมใส่ชุดทหารเดินเข้ามาคุกเข่ากำหมัดคำนับเว่ยเฉา รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากร่างกำยำองอาจ แค่ชายผู้นี้มองมา สายตาก็โหดเหี้ยมราวกับมัจจุราชมาแย่งชิงชีวิต เขาผู้นี้คือต้วนอ๋อง แม่ทัพรักษาการแดนเหนือของต้าเยี่ย ที่ถูกแต่งตั้งโดยฮ่องเต้องค์ก่อนต้วนอ๋องเป็นสหายร่วมรบและก่อตั้งต้าเยี่ยขึ้นพร้อมฮ่องเต้องค์ก่อน ซึ่งยามนี้ฮ่องเต้องค์ก่อนสละราชบัลลังก์กลายเป็นไท่ซ่างหวงในปัจจุบัน และไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องในราชสำนักอีก ปล่อยให้โอรสเพียงองค์เดียวจัดการสะสางไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในรา