เสียงอวิ๋นตามสามีมาจนถึงเรือนแห่งหนึ่ง เห็นแผ่นหลังเขาหายลับเข้าไปในเรือนพร้อมกับจางหมิง ดวงตาหงส์กวาดมองเรือนที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้หายากหลายสายพันธุ์ สถานที่งดงามน่าอยู่เช่นนี้เขาไม่เคยพานางมาสักครั้ง หากได้อยู่ที่นี่ด้วยกันกับเขาคงดี สร้างบรรยากาศอบอุ่นให้เขาย้อนคิดไปถึงวันวาน ที่พวกเราทั้งสองมีความสุขด้วยกัน ริมฝีปากบางยกขึ้นอย่างมีความสุข
“พี่หลี่เฉียง ดอกไม้นี้งามเหลือเกินข้าชอบมากเจ้าค่ะ” รอยยิ้มแห่งความสุขหุบลง เมื่อหันไปตามเสียงแล้วสายตาปะทะร่างสูงโปร่งของสามีและสตรีตัวเล็กข้างกายเขา ราวกับอยู่ในห้วงฝันยืนตะลึงอยู่เนิ่นนาน เสียงอวิ๋นนี่เจ้าคิดมากจนเห็นภาพหลอนไปแล้วกระมัง สตรีคนนั้นไม่อยู่บนโลกนี้แล้วจะมายืนข้างสามีได้อย่างไร หยิกขาตัวเองเต็มแรงเล็บจิกลงเนื้ออุ่นแล้วรู้สึกเจ็บ ยิ่งเจ็บเท่าใดภาพเบื้องหน้ายิ่งชัดเจน นั่นไม่ใช่ภาพหลอนสองคนนั้นยืนอยู่ด้วยกัน สตรีคนนั้นแทบจะสิงร่างสามีนางอยู่แล้ว นี่นะหรือธุระสำคัญของเขา กรี๊ด...เสียงอวิ๋นกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่ง “เจ้า...เจ้ายังไม่ตาย เหตุใดเจ้ายังอยู่” เสียงหวานตวาดลั่น สองมือกำแน่นจนสั่นไปทั้งตัวเมื่อเห็นสตรีข้างกายของสามี นางไม่ยอมหรอกนะ ไม่ยอมเสียเขาให้สตรีคนนี้เด็ดขาด สายตามาดร้ายส่งไปหาสตรีคนนั้นอย่างไม่ปกปิด เร็วกว่าความคิดเสียงอวิ๋นวิ่งตรงไปหา ประกาศก้องผ่านสายตาว่าอยากสังหารสตรีไร้ยางอายตรงหน้าให้สิ้นชีพคามือ “หยุดนะเสียงอวิ๋น” น้ำเสียงคุ้นเคยตวาดกลับมาอย่างแข็งกร้าว เวลานี้ใครก็หยุดเสียงอวิ๋นไม่ได้แม้แต่สามีที่รักนางก็ไม่ไว้หน้า อ้างเหตุผลเสียดิบดีว่ามีธุระที่แท้ก็ออกมาหาสตรีอื่น สตรีที่เสียงอวิ๋นไม่อยากจะเชื่อว่ายังมีชีวิตอยู่ ท่อนแขนแกร่งรวบเอวฮูหยินของเขาไว้ ต้องการให้นางเห็นกับตาแล้วยอมหย่ากับเขาเสีย แต่ฮูหยินของเขาคนนี้เหมือนคนเข้าใจอะไรยาก ไม่ยอมหย่าไม่พอยังจะเข้าไปทำร้ายผู้อื่นอีก ร่างเล็กที่ทำท่าจะเป็นจะตายตอนอยู่ในจวน เอาเรี่ยวแรงมหาศาลมาจากไหนไม่รู้ ทั้งเหวี่ยงเท้าทั้งชี้หน้าด่ากราดเจียม่านถิง “ไร้ยางอาย ไม่รู้หรือว่าเขาแต่งงานแล้ว ม่านถิงเหตุใดเจ้าไม่ตาย ๆ ไปซะ” “เสียงอวิ๋นข้าบอกให้เจ้าหยุด” สามีตะคอกใส่เป็นครั้งที่สอง นับตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเขาไม่เคยขึ้นเสียงใส่นางเลยสักครั้ง ไม่ว่านางจะตบตีสตรีใดมาเขาก็ไม่เคยเอ่ยปากต่อว่า ครั้งนี้เขาถึงกับตวาดนางสองครั้งติดกัน “หลี่เฉียงท่านปกป้องนางรึ” เสียงอวิ๋นแผดเสียงขุ่นมัวออกไป มองใบหน้าชดช้อยของม่านถิง ที่ยามนี้แววตาสั่นระริกพาให้คนมองเกิดความสงสาร ท่าทางอ่อนแอราวกับลมพัดก็ปลิวได้นั้นขวางหูขวางตาเสียงอวิ๋นยิ่ง “ม่านถิงเจ้ามันนางแพศยา หน้าไม่อาย น่ารังเกียจ” เสียงอวิ๋นชี้หน้าด่ากราดสตรีที่คิดแย่งสามีนาง ม่านถิงสะอื้นไห้ตัวสั่นอย่างหวาดกลัว ก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าเงยหน้า ถูกคำพูดเหยียดหยามกระทบจิตใจจนไม่กล้าสู้หน้าผู้คน น้ำตาไหลพรากส่ายหน้าไปมา สติรับรู้ดับสิ้นลง สามีปล่อยท่อนแขนแกร่งจากเอวฉับพลัน จนร่างเล็กหัวคะมำไปด้านหน้า หากจางหมิงไม่ดึงไว้ ใบหน้าของเสียงอวิ๋นคงได้ลงไปวัดความแข็งที่พื้นเสียแล้ว เขารีบไปรับร่างบอบบางของม่านถิง ไม่สนใจด้วยซ้ำว่านางจะล้มหรือได้รับบาดเจ็บหรือไม่ “หลี่เฉียง ปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ ข้าต่างหากเป็นฮูหยินของท่าน" เสียงอวิ๋นย่ำเท้าถี่อยู่กับที่อย่างไม่พอใจ “จางหมิง พาฮูหยินกลับจวน” เสียงสั่งการคับแน่นไปด้วยเพลิงโทสะ หลี่เฉียงทนนิสัยแย่ ๆ ของฮูหยินตนเองมานานแล้วและไม่อยากจะทนอีกต่อไป “ฮูหยินกลับจวนเถิดขอรับ” จางหมิงรั้งร่างบางของฮูหยินไว้ไม่ให้พุ่งเข้าไปทำร้ายแม่นางม่านถิง โดยการดึงคอเสื้อจากด้านหลัง ตัวก็เล็กนิดเดียวเหตุใดแรงเยอะเพียงนี้ “อย่าดื้อดึงเลยขอรับฮูหยิน” นายท่านใช้เวลาถึงสี่ปีเพื่อรักษาชีวิตแม่นางคนนี้ไว้ บังคับขู่เข็ญหมอที่ไม่เต็มใจมารักษาเพื่อยื้อชีวิตของแม่นางม่านถิง ซึ่งแม่นางผู้นี้คือคนที่นายท่านรัก เพิ่งจะพื้นคืนสติมาได้แค่เดือนเดียวยังอ่อนแออยู่ นางนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรามาถึงสี่ปี หากฮูหยินลงมือทำร้ายนางอีกต้องถูกนายท่านลงโทษสถานหนักเป็นแน่ “ข้าไม่กลับ...วางสตรีคนนั้นลงเดี๋ยวนี้นะ ท่านควรปกป้องข้าที่เป็นฮูหยินของท่าน ไม่ใช่ปกป้องสตรีอื่นต่อหน้าข้าเช่นนี้” “เสียงอวิ๋น” เขาตะคอกออกมาเสียงดัง “กลับจวนเสีย อย่าให้ข้าหมดความอดทน” “ท่านจะทำอะไรข้าหลี่เฉียง ท่านจะสังหารข้าเพื่อสตรีคนนี้รึ” คำถามนี้เกรี้ยวกราดทว่าแฝงไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด “ก็ไม่แน่” เสียงเย็นชาตอบกลับไม่แยแส อย่าท้าว่าเขาทำไม่ได้ ที่เขายังทนจนถึงทุกวันนี้เพราะราชโองการเท่านั้น เสียงอวิ๋นจุกแน่นกับคำตอบ ทั้งสายตาทั้งน้ำเสียงช่างไร้หัวจิตหัวใจสิ้นดี เขาทำเพื่อสตรีอื่นได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ อุ้มสตรีอีกคนเดินหนีไปในเรือนอย่างไม่แยแสนางที่เป็นฮูหยิน “ระวัง” ถึงแม้จะเจ็บจากการถูกหมางเมินแต่นางรักเขา ทนเห็นเขาตกอยู่ในอันตรายไม่ได้ เมื่อเห็นบางอย่างพุ่งมาทางสามี เสียงอวิ๋นก็ดิ้นจนหลุดออกจากการดึงของจางหมิง วิ่งเข้าไปกอดด้านหลังของสามีเสียงธนูแหวกอากาศมาแต่ไกล เสียงอวิ๋นไม่อยากเห็นเขาถูกทำร้าย ช่วงเวลานั้นลืมกลัวเพราะความเป็นห่วง จวบจนเนื้อร้อนบริเวณแขนถูกธนูเฉือน จึงรับรู้ถึงความกลัวขึ้นมา ก้มมองแขนซ้ายที่มีของเหลวสีแดงซึมผ่านอาภรณ์ สีหน้าซีดเผือดยามรับรู้ถึงความเจ็บนั้น“ไม่กลัวตาย?” เฉินอี้ขมวดคิ้วเอ่ย“....” ใครบ้างไม่กลัวตาย แค่เมื่อครู่ลืมกลัวตอนนี้สั่นไปทั้งตัวแม้แต่ขาก็แทบรับน้ำหนักตัวไม่ไหว ขาอ่อนปวกเปียก มองไปที่สามีหวังว่าจะพบสายตาห่วงใยไม่ก็คำถามว่าเจ็บรึไม่ก็ยังดี กลับไม่เป็นตามที่หวัง มาถึงขั้นนี้สามียังไม่ปล่อยมือจากสตรีคนนั้น เขาหลบหลีกธนูดอกนั้นได้อย่างคล่องแคล่ว ความห่วงใยของนางเสียเปล่าแล้ว หากเมื่อครู่เฉินอี้คนสนิทอีกคนของสามีไม่โอบเอวนางดึงออกมา หลังของนางคงถูกธนูปักตำแหน่งจุดตายแทงทะลุหัวใจ ถือว่านางโชคดีเฉินอี้ที่สืบข่าวอยู่ชายแดนมาตลอดกลับมายามนี้ มิเช่นนั้นเมื่อครู่นางคงไม่รอดชีวิตมาได้“ตามไปจัดการให้สิ้น”สามีสั่งการเสร็จก็อุ้มร่างอรชรของม่านถิงเข้าไปในเรือนหลังเล็ก ไม่สนใจนางที่เป็นฮูหยินและยังได้รับบาดเจ็บอยู่ เสียงอวิ๋นยืนอึ้งอยู่กับที่น้ำตาไหล ไร้เสียงกรีดร้องแม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มี
จางหมิงเตรียมม้าเพื่อตามไปช่วยนายหญิง ทว่าถูกนายท่านหยุดไว้เสียก่อน“ไม่ต้องตาม ข้ารู้จักเว่ยเฉาดีเขาไม่ทำร้ายนางหรอก ส่งสัญญาณถอนกำลังออกจากเขาลั่ววั่งด้วย”นายท่านสั่งเช่นนี้เขาจะทำอย่างไรได้ คำพูดของนายคือคำสั่งเหนือหัว สงสารก็แต่นายหญิง สตรีตัวเล็กที่ไม่เคยพบเจอความลำบาก ถูกจับเป็นตัวประกันไม่ต่างจากเชลยศึก “ฮูหยินจะทนไหวหรือขอรับ”“ให้นางได้เรียนรู้ความลำบากบ้าง ผ่านเรื่องนี้ไปคงจะเป็นตัวนางที่ขอข้าหย่า จะได้ไม่ต้องเปลืองแรงมาปวดหัวกับเรื่องวุ่นวายที่นางสร้างขึ้นอีก”กล่าวจบนายท่านก็เดินเข้าเรือนหลังเล็กไปอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนใจ จางหมิงจึงผูกม้ากลับที่เดิม คำสั่งนายท่านเขาขัดไม่ได้อยู่แล้ว นายท่านยังไม่ห่วง เขาจะเสนอหน้าห่วงใยฮูหยินของนายได้อย่างไรทางด้านเสียงอวิ๋นถูกผลักเข้ารถม้าล้มคะมำหน้าผากชนเข้ากับป้านชา เลือดซึมออกมาเล็กน้อย บาดแผลทั่วร่างกายทุกจุดยังไม่เจ็บเท่าหัวใจที่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ จุกที่ใจจนลืมไปด้วยซ้ำว่าถูกจับตัวมา ร่างเล็กขดตัวอยู่มุมหนึ่งในรถม้า กอดตัวเองร่ำไห้ไร้เสียง เขาไม่ช่วยนาง เหตุใดเขาไม่ช่วย หาเหตุผลมากมายมาแก้ต่างให้เขา สุดท้ายคำตอบที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เข
“คืนนี้พักที่นี่...รับไป...หิวก็รองท้องเสียข้าไม่ได้เตรียมอาหารมา” เว่ยเฉาโยนแผ่นแป้งย่างให้สตรีตัวเล็ก จากนั้นก็กัดแผ่นแป้งย่างอีกแผ่นบรรเทาความหิว “ไม่กินก็เอามา” ใบหน้างามมองแผ่นแป้งย่างอย่างรังเกียจ เว่ยเฉาจึงแบมือขออาหารหนึ่งเดียวที่ประทังความหิวตอนนี้ได้คืนเสียงอวิ๋นกลืนน้ำลายลงคอสายตาจับจ้องของในมือ นางรังเกียจแผ่นแป้งแข็ง ๆ นี้ เกิดมาไม่เคยกินของแบบนี้มาก่อน อาหารของนางชั้นเลิศและดีที่สุด ไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาลำบากกัดกินแป้งที่แข็งกระด้างประทังชีวิต ดวงตาหงส์ช้อนมองบุรุษที่แบมืออยู่ ริมฝีปากขยับเล็กน้อย อยากถามว่าเปลี่ยนเป็นเนื้อได้รึไม่ ทว่านางรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้จึงไม่เอ่ยออกมาเสียงท้องร้องดังโครก ไม่อยากกินก็ต้องกินนางกัดแผ่นแป้งนั้นไปหนึ่งคำ ความรู้สึกแสบร้อนผุดขึ้นในดวงตา คิดถึงมารดาที่อยู่บนสวรรค์ คิดถึงเนื้อย่างหอมกรุ่นที่บิดาเคยป้อน กลืนแป้งแข็งกระด้างไปแล้วกัดกินอีกคำ น้ำอุ่น ๆ ไหลอาบแก้ม เหตุใดชีวิตนางต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้เดินตามคนตัวโตไป ฝีเท้าหยุดชะงักเมื่อเข้าใกล้สถานที่พัก น่ารังเกียจกว่าแผ่นแป้งคงจะเป็นกระท่อมร้างผุพังที่บังลมบังฝนไม่ได้จะซุกหัวนอนอ
“ท่านแม่...ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่าน”“พิษไข้รุนแรงนักท่านพี่ช่วยเก็บสมุนไพรลดไข้ที่หลังเรือนให้ข้าที ยังดีที่นางมียาสมานแผลติดตัวมา ตากฝนจนแผลอักเสบหมดแล้ว”“นางเป็นผู้ใดก็ไม่รู้จะช่วยนางรึ”“เห็นนางแล้วข้าคิดถึงฮวาเอ๋อร์ หากลูกของเรายังมีชีวิตอยู่คงจะอายุเท่ากับเด็กคนนี้”“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า”เสียงอวิ๋นเปิดเปลือกตาอย่างสะลึมสะลือ เห็นหลังคาเรือนมุงใบจากที่ดูแข็งแรงกว่ากระท่อมร้างหลังนั้น ไม่ใช่แผ่นฟ้ากว้างเหมือนตอนที่หมดสติไป มีคนช่วยชีวิตนาง เหลือบมองด้านข้างเห็นหญิงวัยกลางคนเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้นางอยู่ น้ำร้อนทำให้แขนขาที่หนาวชามานานอบอุ่นขึ้น “ท่านน้าท่านช่วยชีวิตข้าไว้” เสียงอวิ๋นเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง“แม่นางตื่นแล้ว ข้ากับสามีออกไปล่าสัตว์เห็นเจ้านอนไร้สติอยู่ ไฉนเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่มีผู้ติดตามมาเลยรึ ดื่มน้ำขิงขับไล่ไอเย็นเสียหน่อย”“ขอบคุณท่านน้ามาก” น้ำตาเสียงอวิ๋นไหลออกมา ในช่วงเวลาลำบากของชีวิต ควรจะมีคนในครอบครัวอย่างสามีเคียงข้างที่สุด แต่กลับไม่มี เจ็บป่วยเจียนตายได้รับการดูแลจากคนแปลกหน้า มองย้อนไปที่สามีชั่วช้านางรักเขายิ่งกว่าชีวิตของนาง แล้วได้อะไรคืนมาบ้าง เอียงคอมองบา
“เสียงอวิ๋น”สามีกัดกรามตวาดลั่น เรียกนางด้วยน้ำเสียงแข็งราวหินผาไม่ต่างจากสายตาที่มองมา “ทำไม เสียใจที่ข้าไม่ตายรึท่านพี่ ข้าเคยบอกท่านไปแล้วข้าไม่มีความสุขท่านก็อย่าหวังจะได้มี ส่วนสตรีไร้ยางอายคนนี้ อยากอยู่ที่จวนเสนาบดีก็ให้อยู่ในฐานะสตรีอุ่นเตียงของท่าน ข้าไม่ยอมรับน้ำชาจากนางเป็นอันขาด ไม่อับอายก็เชิญอยู่เถิด ฐานะนั้นไม่ต่างอะไรกับนางคณิกาที่หอโคมเขียว ดีรึไม่ม่านถิงเหมาะสมกับเจ้านัก”สามีเงื้อมือขึ้นสูง เสียงอวิ๋นเชิดหน้าใส่ ฟาดลงมาฟาดมาที่แก้มให้หัวใจของนางแตกยับไร้ความรู้สึกที มันจุก มันเจ็บ มันชาไปทั้งใจ“อย่าริอาจทำร้ายสตรีของข้าอีก มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าใจร้าย ข้าจะไม่เตือนเจ้าเป็นครั้งที่สอง”น้ำเสียงแข็งกร้าวชี้นิ้วมาที่นางอย่างออกคำสั่ง ไฟโทสะลุกโชนในแววตาของสามี เขามีโทสะแล้วนางไม่มีหรืออย่างไร เสียงอวิ๋นกำหมัดเหวี่ยงไปที่สามีจนหน้าหัน บอกเลยครั้งนี้นางตั้งใจ เขาหันกลับมาเลือดซึมที่มุมปาก แล้วอย่างไรนางเจ็บกว่าเขามานักต่อนัก แผลที่แขนก็ยังไม่หายให้เขาลิ้มลองรสชาติความเจ็บบ้างจะเป็นไรไป“รนหาที่ตาย” ฝ่ามือใหญ่คว้าลำคอระหงมาบีบแน่น ถึงกลับกล้าตบเขาไม่รู้นางเอาความกล้ามาจา
ที่ผ่านมาการกระทำของเขาเป็นธรรมชาติมาก มองไม่ออกเลยสักนิดว่าเข้าหานางเพราะหวังผลบางอย่าง หากเขาแสดงท่าทีรังเกียจนางสักเล็กน้อย มองนางด้วยสายตาแค้นเคืองให้เห็นบ้าง นางคงไม่หลงรักเขาหัวปักหัวปำอย่างนี้ แววตาของเขาอ่อนโยนมาตลอดสองปี จะให้นางเชื่อได้อย่างไรว่าคนที่ร่วมเคียงหมอนทุกวันจะไร้ความรู้สึก หลังจากเขาเอ่ยปากอย่างตรงไปตรงมาเมื่อได้ทุกอย่างจากนางไป นางก็ยังไม่เชื่อ ทำดีกับเขาอย่างโง่เขลาเพื่อเรียกร้องวันคืนดี ๆ กลับมา แต่วันนี้นางเชื่อแล้วร่างบอบบางของม่านถิงถูกสามีของนางอุ้มขึ้นมาอย่างทะนุถนอม ใบหน้าเศร้าหมองเรียกคะแนนสงสารได้อย่างดีซบลงที่ไหล่ของหลี่เฉียง ดวงตาโศกน้ำตาคลอมองมาที่เสียงอวิ๋นอย่างหวาดกลัวสามีอุ้มสตรีที่เขารักออกไปอย่างไม่ไยดีฮูหยินเอกเช่นนาง ความพ่ายแพ้ฉายชัดจากการกระทำของเขา นางแพ้ แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงแข่งด้วยซ้ำ หัวเราะจนไหล่สั่นทั้งน้ำตาให้กับการกระทำของสามีที่มอบให้สตรีอื่น“ฮูหยิน” จางหมิงเรียกนายหญิงของจวน ที่หัวเราะร้องไห้ทรุดตัวกอดตัวเอง ราวกับคนเสียสติไปแล้ว “ฮูหยินขอรับ”“ฮื้อ จางหมิง ข้าไม่เหลือใครแล้ว ไม่เหลืออะไรเลย เขาหลอกเอาไปทุกอย่าง แม้แต่ใจข้าก็ไม
ร่างเล็กสงบลงหลี่เฉียงจึงจับไหล่บางดันออกอย่างอ่อนโยน มองสตรีใบหน้างดงามน้ำตาไหลพราก ยื่นมือทั้งสองไปโอบแก้มของนางแล้วเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออก ดวงตาโศกมองเขาอย่างตัดพ้อ คงจะเจ็บปวดกับคำพูดของเสียงอวิ๋น สตรีแสนร้ายคนนั้นเขาไม่ต้องการให้ม่านถิงเจ็บปวดเพราะนางอีก “ข้าอยู่ตรงนี้ไม่มีผู้ใดรังแกเจ้าได้”ม่านถิงเคยช่วยชีวิตเขาไว้ ยามนั้นเขาอายุเพียงแปดขวบ กำลังเล่นน้ำเก็บสายบัวกับสหายอย่างสนุกสนาน บิดามารดาของสหายพาตัวบุตรชายกลับบ้านหมดแล้ว ทำให้เหลือเขาเพียงคนเดียวที่เล่นน้ำอยู่ ยามนั้นจู่ ๆ ขาเขาก็ขยับไม่ได้ทำให้จมน้ำไปดื้อๆ มือไขว่คว้าหาสิ่งยึดเกาะ สติพร่าเลือนลงทุกขณะ เขาจำไม่ได้ว่าขึ้นมาอยู่ริมบึงได้อย่างไร แต่คนแรกที่เขาพบยามลืมตาคือม่านถิงที่ร่างเปียกปอน นางช่วยชีวิตเขาไว้“ฮรึก..พี่หลี่เฉียงข้าไม่ใช่คนไร้ยางอาย ไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นนางคณิกา” น้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลไม่หยุด หากต้องหนีจากความตายมาถูกตราหน้าว่าเป็นสตรีไร้เกียรติ นางยอมตายเสียดีกว่าร่างเล็ก ๆ สั่นไหวรุนแรง ใบหน้างามเปื้อนหยาดน้ำตา หลี่เฉียงสงสารจับใจฝ่ามือใหญ่ที่โอบอุ้มใบหน้างามเกลี่ยเบา ๆ เช็ดคราบน้ำตา แล้วเอ่ยด้วยน้ำ
หลี่เฉียงหรี่ตามองฮูหยินตัวเอง ปกติต้องออดอ้อนตักอาหารให้ชวนคุยน้ำไหลไฟดับด้วยเสียงหวาน วันนี้ผิดปกติเกินไปแล้ว กินโดยไม่มองเขาอย่างกับเหม็นขี้หน้ามาช้านาน นั่งหลังตรงรอนางคีบอาหารให้ ทว่า...ฮูหยินตัวร้ายทำราวกับมองไม่เห็น ที่ผ่านมาเขาหมางเมินใส่เพียงใด หน้าที่นี้นางจะทำไม่เคยขาดตกบกพร่อง หลี่เฉียงหงุดหงิดอย่างไม่รู้ตัว จับจ้องฮูหยินของตนให้นางรู้ว่าควรทำหน้าที่ได้แล้ว แต่นางก็ยังคงนิ่งเฉยคีบอาหารใส่ปากตัวเองอย่างไม่แยแสจวบจนได้ยินเสียงหวานจึงถอนสายตาออกจากใบหน้างดงาม ที่ประทินโฉมจนคนมองละสายตาไม่ได้นั้น“พี่หลี่เฉียงข้าทำขาหมูตุ๋นของโปรดของท่านมาให้เจ้าค่ะ” ม่านถิงเดินนวยนาดมาพร้อมกับบ่าวที่หลี่เฉียงจัดหามาดูแล ถือกล่องอาหารที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นเข้ามาที่โต๊ะ และนั่งลงโดยที่ไม่มีใครเชิญเสียงอวิ๋นเบ้ปาก เพราะนางไม่ชอบให้มีบ่าวล้อมหน้าล้อมหลังจึงไม่มีบ่าวคนสนิท จะมีก็แต่ยามอาบน้ำแต่งกายที่อนุญาตให้บ่าวเข้ามาปรนนิบัติได้ แต่บ่าวคนใดทำไม่ถูกใจก็จะถูกเสียงอวิ๋นขายออกแล้วซื้อเข้ามาใหม่เป็นเช่นนี้มาตลอด จนบ่าวในจวนหนีห่างไม่อยากมาดูแลปรนนิบัตินาง ความจริงเสียงอวิ๋นไม่ใช่คนเรื่องมาก หากผู้ใด
หลังจากส่งเว่ยเฉาหลี่เฉียงพาเสียงอวิ๋นกลับจวนเพื่อรับจิ่นซางเข้าวัง เนื่องด้วยขันทีข้างพระวรกายไท่ซ่างหวงมาตามเป็นครั้งที่ร้อยแล้วก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่รับราชโองการฝ่าบาทครั้งนั้นหลี่เฉียงก็ยุ่งกับแผนการกำจัดต้วนอ๋อง ทำให้ยังไม่ได้พาจิ่นซางและเสียงอวิ๋นไปเข้าเฝ้าไท่ซ่างหวงหลี่เฉียงคุกเข่าสองมือกุมหมัด “กระหม่อมถวายบังคมไท่ซ่างหวงขอพระองค์อายุยืนหมื่นปี หมื่น ๆ ปี“หม่อมฉันขอพระองค์อายุยืนหมื่นปีเพคะ” เสียงอวิ๋นเองก็คุกเข่าคำนับเต็มพิธีการ“ยายหนูพาจิ่นซางน้อยลุกขึ้นเถิด มาตรงนี้มาให้ปู่ดูหน่อยว่าเจ้าหน้าตาเหมือนใคร ฮ่าฮ่า จิ่นซางน้อยของปู่เจ้าเหมือนเหล่าเซี่ยมาก ดีแล้วที่เจ้าเหมือนปู่ของเจ้า ปู่ของเจ้ามีคุณธรรมโอบอ้อมอารี มีลูกศิษย์เยอะแยะมากมาย ไม่รู้ใครบางคนไปเอานิสัยแย่ ๆ มาจากไหน”หลี่เฉียงขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดไท่ซ่างหวงไม่บอกให้เขาลุกขึ้นบ้างเล่า แล้วพูดเช่นนั้นกำลังเหน็บแนมเขาหรือ เสด็จพ่อข้าเป็นบุตรบุญธรรมท่านนะ ท่านต้องเข้าข้างข้าถึงจะถูก หลี่เฉียงโอดครวญในใจ ยามนี้คุกเข่าจนขาเริ่มชาแล้ว ทว่าไท่ซ่างหวงกับเสียงอวิ๋นไม่มีใครสนใจเขาสักคน เอาแต่หยอกล้อบุตรชายหน้าเหม็นของเขาที่หั
“ฮูหยินอีกสักรอบเถอะ”“อีกรอบบ้านท่านสิ” เสียงอวิ๋นถีบหลี่เฉียงลงจากเตียง เมื่อมือไม้ของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่งอีกแล้ว สามวันมานี้เขาเคี่ยวกรำนางจนลงจากเตียงไม่ไหว พอลุกขึ้นจะไปหาจิ่นซางขานางก็สั่นก้าวไม่ออกมารราคะตนนั้นเท้าศีรษะมองนางแล้วยิ้มขำ บอกนางว่าจิ่นซางมีแม่นมดูแล จากนั้นก็อุ้มนางกลับมาที่เตียงและเริ่มบรรเลงเพลงรักอีกครั้งและอีกครั้งเสียงอวิ๋นรู้สึกว่าก่อนหน้านั้นนางทรมานหลี่เฉียงน้อยเกินไป พอให้อภัยเขา เขาก็เรียกคืนนางจนร่างแทบแหลก เจ็บใจเสียจริง!!รู้แบบนี้ทำตามที่เว่ยเฉากระซิบก็ดี แสร้งหย่าแล้วเดินทางไปท่องเที่ยวกับเว่ยเฉา ปล่อยให้เขาโดดเดี่ยวอยู่ที่ต้าเยี่ยลำพังเป็นนางเองที่ใจอ่อนเมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดของเขา เสียใจตอนนี้ไม่ทันแล้วถูกเขากินทั้งเนื้อทั้งตัวมาสามวันเต็ม“เอาล่ะ ไม่แกล้งเจ้าแล้วมากินข้าว” ว่ากันว่าภรรยาถีบเพราะรักเขาไม่ถือสา เห็นนางไร้เรี่ยวแรงหลี่เฉียงทั้งสงสารทั้งเอ็นดู เดินเข้าไปหานางเพื่ออุ้มนางมากินข้าว พอเห็นท่าทางระแวดระวังของนางเขาก็อยากแกล้งนางอีกแล้ว “กินเจ้าก่อน...ค่อยกินข้าวก็ดีเหมือนกัน”คนบ้า!!หากยังกินนางอีกคงไม่มีแรงลุกไปส่งเว่ยเฉาเสียงอวิ๋นมอ
“มันจะเหมือนกันได้อย่างไรนี่เป็นของแทนใจพ่อลูก เจ้าจะเข้าใจอะไรอย่าสอดปากดีกว่าหลี่เฉียงอยู่เฉย ๆ ข้าจะคุยกับลูกข้า”เรื่องใดก็ตามหลี่เฉียงล้วนสุขุมเยือกเย็นและมีแผนการล้ำลึก มีเพียงเรื่องฮูหยินกับบุตรชายที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ “เว่ยเฉาเจ้าเคยตายรึไม่หากยังข้าจะสนองให้”“หลี่เฉียงนั่นพ่อของจิ่นซางท่านเป็นคนอื่นไม่ควรมานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ” เสียงอวิ๋นเอ่ยเสียงเยือกเย็นฮูหยินรักนี่คือการเอาคืนของเจ้าใช่รึไม่ เจ้าไม่ได้คิดเกินเลยกับเว่ยเฉาจริงใช่รึไม่ ให้ตายเถิดใจข้าเดือดปุด ๆ เหมือนน้ำร้อน อยากลงไม้ลงมือกับคนที่ยิ้มหน้าระรื่นตรงหน้าเสียจริงยามนี้เข้าใจแล้วที่เสียงอวิ๋นไล่ตบตีสตรีไปทั่ว ทำตัวไร้เหตุผลไม่น่ารัก ที่จริงนางเพียงรักเขาและอยากประกาศความเป็นเจ้าของเท่านั้น ซึ่งตอนนี้เขาอยากซัดใบหน้าสหายดับความร้อนในใจ เข้าใจความรู้สึกของนางก็ยามที่มาเจอกับตัวเองเว่ยเฉายิ้มให้อีกฝ่ายแล้วหอมแก้มนุ่มนิ่มของเด็กน้อยในอ้อมแขนจากนั้นก็โน้มกายไปกระซิบบางอย่างที่ข้างหูเสียงอวิ๋น เขาคบกับหลี่เฉียงมานานย่อมรู้ว่าวิธีใดยั่วโมโหสหายได้“ไสหัวไป” หลี่เฉียงตวาดลั่นอยากอดรนทนไม่ได้อีก หลายวันมา
เช้าวันรุ่งขึ้นเสียงอวิ๋นยังไม่ทันได้ไปที่ห้องเก็บฟืน ก็มีคนมารายงานว่าม่านถิงฆ่าตัวตายแล้วจนใจที่ยังไม่ได้กรอกยาพิษเอาคืนม่านถิงเลย นางก็วิ่งชนเสาฆ่าตัวตายเสียแล้วถือว่านางเลือกได้ดี คงรู้ตัวว่าจะถูกทรมานจึงเลือกทางนี้จูเหวินสืบข่าวเรื่องบุตรของม่านถิงมาได้ หลังจากคลอดม่านถิงก็เอาบุตรสาวไปทิ้งที่หน้าจวนตระกูลกง บุตรสาวที่น่าสงสารของม่านถิงจึงมีบิดาคอยดูแลอยู่ ถือว่าเป็นโชคดีของนางได้ข่าวว่ากงหยางรักและเอ็นดูบุตรสาวไม่น้อยส่วนหลี่เฉียงแม้จะมีความดีลบล้างความผิดไปบ้างแล้ว ก็ยังคงต้องชดใช้ให้นางอยู่ดี จูเหวินสืบมาได้ว่ายามนั้นเรื่องราวทั้งหมดเป็นแผนของเขา หลี่เฉียงได้ให้ยาแก้พิษกับกงหยางและต้านเป่าไว้แล้ว เพียงแต่มันออกฤทธิ์ช้าไปหนึ่งวัน เพื่อตบตาม่านถิงเขายังแสร้งไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของม่านถิง หลี่เฉียงก็ยังคงชั่วช้าสารเลว เจ้าเล่ห์ คาดเดายาก หลอกลวงเก่งไม่เปลี่ยนหลิวมามาเหลือบมองผู้เป็นนายอยู่หลายครั้ง ชั่งใจว่าควรพูดดีหรือไม่ นายท่านจับไข้มาสามวันแล้วฮูหยินไม่เคยเข้าไปดูเลย หลิวมามาร้อนใจเหลือเกิน กลัวว่านายน้อยจะขาดครอบครัวอบอุ่น “ฮูหยินไปดูนายท่านหน่อยดีรึไม่เจ้าคะ”“หลิว
“นายท่านฮูหยินจับแม่นางม่านถิงโยนลงน้ำแล้วขอรับ” จางหมิงเข้ามารายงานหน้าตาตื่น นายหญิงกลับมาเป็นนายหญิงคนเก่าแล้ว กำลังเอาคืนคนที่เคยทำร้ายนางมาก่อน น่าตื่นตาตื่นใจเสียจริงเรื่องพวกนี้ต้องเชิญนายท่านไปดูเสียหน่อย ถึงเวลาที่ฮูหยินเอาคืนนายท่านจะได้รับมือทันเพียงแต่ฮูหยินคงไม่เอาคืนนายท่านหรอกเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นเลยจริง ๆ ได้ยินเพียงต้านเป่าเล่าว่าฮูหยินยามแทงปิ่นลงอกนายท่านเด็ดเดี่ยวเพียงใด เจ้าต้านเป่าที่อยู่แดนเหนือจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ไม่ได้พบกันหนึ่งปีแล้วจะสบายดีรึไม่หลี่เฉียงยิ้มมุมปากแล้วเดินไปยืนเคียงข้างฮูหยินของตน ยามนี้นางปรายตามองมาที่เขาเล็กน้อยแล้วไม่สนใจอีก คงจะลองใจเขาว่าจะกระโดดลงไปช่วยม่านถิงรึไม่ หากเขากล้ากระโดดลงไปจุดจบของเขาคงไม่ต้องคิดก็รู้ กว่าจะหลอกล่อให้นางยอมกลับจวนยากลำบากแทบตาย จะไม่ยอมผิดพลาดอีกเด็ดขาด “ฮูหยินร้อนรึไม่เดี๋ยวสามีพัดให้” หลี่เฉียงใช้มือโบกสะบัดให้ลมพัดใบหน้างดงามของฮูหยิน ที่ยามนี้เต็มไปด้วยเหงื่อเพื่อบรรเทาความร้อนให้นาง“ฮูหยินแม่นางม่านถิงจมไปก้นสระแล้วขอรับ” เฉินอี้กล่าวเตือน“งมนางขึ้นมา ท่านพี่ท่านควรลงไปพาม่านถิงขึ้นมานะ”เหงื
“เพิ่งจะรู้ว่าเสี่ยวเสียงน้อยที่เอาแต่รังแกข้ายามเด็ก ก็ห่วงข้าเหมือนกัน” เหวยต้าเซียวถูกเหล่าองครักษ์บดบังจนมิด ยามนี้มีเสียงเปล่งออกมา องครักษ์ทั้งหลายก็แหวกทางให้เขา ร่างสูงโปร่งแผ่รัศมีราชันดูสูงส่งองอาจ ใบหน้าอ่อนโยนของฝ่าบาทยิ้มเล็กน้อยให้ทุกคน แล้วก้าวเดินมาหยุดยืนรวมตัวกับพวกหลี่เฉียง“นี่ พวกท่านจะเล่นละครช่วยแจ้งข้าก่อนได้รึไม่ ข้าหัวใจแทบหยุดเต้นแล้ว” เสียงอวิ๋นตวาดอย่างโมโหมีนางคนเดียวสินะที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ ไม่สิยังมีอีกคนที่ตกตะลึงอ้าปากค้างอยู่ นั่นก็คือต้วนอ๋อง“พะ พะ พวกเจ้า” ต้วนอ๋องชี้หน้าอีกฝ่ายมือสั่น หมากกระดานนี้เขามั่นใจนักว่าจะชนะ แต่แพ้ยับเยินให้พวกหมาป่าเจ้าเล่ห์ ยามนี้คนที่จับกุมฮ่องเต้ก่อนหน้านั้นหันมาจับกุมเขาแทน คนพวกนี้เป็นสิบคนที่ตามคุ้มกันจูฮูหยิน แสบนักเจ้าเด็กพวกนี้วางแผนได้แนบเนียนจนเขาดูไม่ออก “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าแพ้แล้ว ตอนไหนกันที่เจ้ามาสับเปลี่ยนตัวฝ่าบาทหลี่เฉียง” เขามั่นใจนักว่าแผนเขาล่มไม่เป็นท่าเช่นนี้ มือมืดที่อยู่เบื้องหลังก็คือเสนาบดีแห่งต้าเยี่ยที่คอยขัดแข้งขัดขาเขาไว้ตลอดนั่นเอง“ท่านอ๋องอย่าลืมว่ายังมีองค์รัชทายาทแห่งแคว้นฉินอีกคน เรื่องน
“องค์รัชทายาทท่านควรสังหารหลี่เฉียงเหตุใดถึงร่วมมือกับเขาหักหลังข้า” ต้วนอ๋องเอ่ยด้วยใบหน้าดุร้ายเหี้ยมโหด ยามนี้เขาถูกล้อมจับ ทว่าเขายังมีไม้ตายไม้สุดท้ายเหลืออยู่ และหมากกระดานนี้เขาต้องพลิกกลับมาชนะให้ได้“ท่านอ๋องตบตาคนได้แนบเนียนเสียจริง ข้าหลงเข้าใจผิดมานานว่าหลี่เฉียงสังหารเหนียวเหนี่ยว ความจริงแล้วเป็นท่านต่างหาก บัญชีแค้นวันนี้อย่างไรต้องชำระให้สิ้น หากข้าไม่พบเหนียวเหนี่ยวมาก่อน คงโง่ให้ท่านหรอกใช้ต่อไปเพราะความแค้นบังตา”“ฮ่าฮ่าฮ่า ใครใช้ให้นางรู้ความลับมากมายในค่ายทหารของข้ากัน หากนางอยู่ในส่วนของนางดี ๆ ข้าจะคิดสังหารนางหรือ นางขโมยความลับในค่ายของข้าไป คงเป็นหลี่เฉียงสินะที่จัดฉากการตายนี้ขึ้นมา เจ้าเด็กวายร้ายนี่ตบตาคนเก่งนักข้าเชื่อสนิทใจว่าองค์หญิงตายแล้วไม่เคยคิดป้องกันมาก่อน คิดว่าความลับนั้นได้ตายไปกับองค์หญิงแล้ว หลักฐานพวกนั้นทำให้เจ้าหวาดระแวงข้าและก้าวออกมาตัดทางรุกของข้าก่อนหนึ่งก้าวเสมอ ใช่รึไม่หลี่เฉียง”“ท่านอ๋องเดาถูกแล้ว ยามนั้นเหนียวเหนี่ยวมาหาข้า และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง หนทางเดียวที่จะทำให้นางปลอดภัยคือการตาย ข้าจึงจัดฉากนี้ขึ้นมา” หลี่เฉียงเอ่ยกับต้วน
เว่ยเฉาหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ฟังสหายรักเอ่ยปากจบ เมื่อก่อนเขากับหลี่เฉียงเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตาย ด้วยปณิธานอันแรงกล้า จึงออกมาหาประสบการณ์ต่างแคว้น ยามนั้นเขาเจอโจรป่ารุมทำร้ายและได้หลี่เฉียงช่วยไว้ จากนั้นหลี่เฉียงก็พาเขามาส่งให้อาจารย์ที่วังยารี หุบเขาลั่ววั่งเป็นสถานที่ในความทรงจำของเขาและหลี่เฉียงเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกยุทธ์ การเล่าเรียนพวกเขาล้วนฝึกฝนมาด้วยกัน หลังจากสิ้นอาจารย์เว่ยเฉาจึงดูแลเขาลั่ววั่งสืบต่อมาทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากเหนียวเหนี่ยวตามมาสมทบ เขาเห็นหลี่เฉียงลงมือสังหารเหนียวเหนี่ยวกับตาแล้วโยนนางลงเหวลึกอย่างเลือดเย็นเขาค้นหาเหนียวเหนี่ยวพลิกแผ่นดินใต้หุบเหวที่มีแต่เศษซากกระดูกมนุษย์ เนื้อหนังบางส่วนของซากศพถูกแร้งกากัดแทะกระจัดกระจาย ยามนั้นเว่ยเฉาสาบานกับตัวเองว่าต้องแก้แค้นให้น้องสาวให้ได้เขาไม่มีหน้ากลับไปพบเสด็จพ่อเสด็จแม่ หากไม่ได้ตัดศีรษะหลี่เฉียงมาสังเวยน้องสาว เขาหาร่างไร้วิญญาณของเหนียวเหนี่ยวอยู่สามวัน ไม่รู้ว่านางถูกสัตว์ร้ายแทะกินเหลือแต่กระดูก หรือร่างอาจเละหาชิ้นส่วนไม่เจอเพราะตกจากที่สูง เขาไม่พบร่างสมบูรณ์ของนางพบเพียงป้ายหยกประจำกายองค์ห
“ข้าปล่อยเวลาล่วงเลยมานานแล้ว เมื่อถึงเวลาเหมาะสมย่อมต้องสะสาง ข้าอยากเจอเจ้าอยากคุยกับเจ้า จึงใช้วิธีสิ้นคิดเช่นนี้ เสี่ยวเสียงไปกับข้าเถิด ข้าจะให้เจ้านั่งเคียงข้างข้าในจุดสูงสุด เจ้าจะเป็น...”“สูงเกินไปก็เหน็บหนาว เว่ยเฉาข้าเห็นเจ้าเป็นสหายที่ดี”คำตอบของนางชัดเจน ปิดกั้นเขาไว้ทุกทางไม่ให้โอกาสเขาเข้าไปเดินเล่นในใจนางแม้แต่น้อย “เฮ้อ!!เจ้าเลือกแบบนี้ไม่เสียดายหรือ จิ่นซางก็ยังเด็กข้าว่าเจ้าเลือกใหม่เถิดนะ เลือกข้า...เจ้ากับลูกถึงจะปลอดภัย” รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นที่ริมฝีปากหยักได้รูป“องค์รัชทายาท”บุรุษวัยกลางคนสวมใส่ชุดทหารเดินเข้ามาคุกเข่ากำหมัดคำนับเว่ยเฉา รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากร่างกำยำองอาจ แค่ชายผู้นี้มองมา สายตาก็โหดเหี้ยมราวกับมัจจุราชมาแย่งชิงชีวิต เขาผู้นี้คือต้วนอ๋อง แม่ทัพรักษาการแดนเหนือของต้าเยี่ย ที่ถูกแต่งตั้งโดยฮ่องเต้องค์ก่อนต้วนอ๋องเป็นสหายร่วมรบและก่อตั้งต้าเยี่ยขึ้นพร้อมฮ่องเต้องค์ก่อน ซึ่งยามนี้ฮ่องเต้องค์ก่อนสละราชบัลลังก์กลายเป็นไท่ซ่างหวงในปัจจุบัน และไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องในราชสำนักอีก ปล่อยให้โอรสเพียงองค์เดียวจัดการสะสางไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในรา