“ท่านควรไปหาม่านถิง ไม่ใช่มาระบายกับข้า” เสียงอวิ๋นตวาด“นี่เจ้ากล้าไล่ข้าเชียวรึ”เสียงอวิ๋นเดินถอยหลังหลายก้าวหลีกหนี ทว่าไม่ทันหลี่เฉียงสาวเท้ามาถึงตัวนางในพริบตาแล้วบีบต้นแขนเต็มแรง ทนต่อความเจ็บจ้องมองเขาอย่างไม่ยินยอม เหตุใดนางจะไม่กล้า ด่าว่าเขาชั่วช้าก็ทำมาแล้ว เพียงแต่ครั้งนั้นที่เขากับม่านถิงร่วมมือกันสังหารนางก็เก็บคำพูดรุนแรงเหล่านั้นไว้ เพราะนางอยากมีชีวิตอยู่และทวงแค้นสองคนนี้ ทว่าครั้งนี้นางโกรธที่เขาผิดคำพูดจนเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมาอย่างไม่ตั้งใจ“เจ้ารักข้ามากไม่ใช่รึไง ไล่ตบตีชาวบ้านเพียงเพราะพวกนางยิ้มให้ข้า วันนี้กลับมองข้าด้วยสายตารังเกียจ เจ้ายังเป็นฮูหยินของข้าอยู่เสียงอวิ๋น ร่างกายของเจ้าทุกส่วนยังมีข้าเป็นเจ้าของ” หลี่เฉียงระดมจูบนางด้วยความโมโห เขาเกลียดสายตาอวดดีไม่ยินยอมที่นางมองมา จึงอยากสั่งสอนความอวดดีของนาง ทำให้นางหลาบจำไม่กล้าอวดดีกับเขาอีกเสียงอวิ๋นดิ้นขัดขืน หากแต่แรงน้อยนิดของนางสู้แรงมหาศาลของเขาไม่ได้ ถูกเขาอุ้มขึ้นโยนบนตั่งแข็ง ๆ ในห้องหนังสือ ความเจ็บที่แผ่นหลังยังไม่ทันลดลงเขาก็คร่อมทับปิดทางหนีของนาง ริมฝีปากถูกเขาครอบครองอย่างรุนแรง นั่นไม
รอยยิ้มมุมปากประดับบนใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาฉายแววตื่นเต้นไม่คิดว่านางจะเฉลียวฉลาดเป็นกรด “ฮ่า ฮ่า ฮ่า อุบายของเจ้าแยบยลนัก สร้างหลักฐานเท็จจนจางหมิงยังดูไม่ออกว่าหลังต้นไม้นั่นเป็นเพียงหุ่น ยังใจกล้าเผาโรงครัวแล้วเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอีก ข้านับถือเจ้ายิ่งนักก็เลยเอาตัวเองเข้าร่วมละครฉากใหญ่ไปอย่างไม่ทันไตร่ตรอง”“หมายความว่าที่หลี่เฉียงไม่มาไล่เลียงเอาความกับข้า เพราะเจ้ายอมรับว่าเป็นคนลงมือรึ”“ใช่ ข้ากับเขามีแค้นกันอยู่เขาย่อมเชื่อสนิทใจ หากปล่อยให้เจ้าถูกจับได้ก็ไม่ได้ดูละครสนุก ๆ อีกแล้วน่ะสิ”“แปลกที่หลี่เฉียงไม่เอาคืนเจ้า”“เขาเพียงรอเวลาและโอกาส คนใจแคบพรรค์นั้นมีหรือจะปล่อยข้าไว้” บางทีหลี่เฉียงอาจจะรู้ทุกอย่างที่เขากระทำไว้แล้วก็ได้ “แม่นางม่านถิงคนนั้น...”“นางทำอะไรข้าไว้ข้าก็จะเอาคืนนางเช่นนั้น”“เจ้าไม่กลัวว่าหลี่เฉียงจะเกลียดเจ้า”“ยามนี้เขาก็เกลียดข้าอยู่ไม่ใช่รึไง ข้าจะให้เขามองดูข้าเอาคืนม่านถิงแล้วเขาช่วยไม่ได้ ข้าเคยเจ็บปวดเท่าใดเขาก็จะได้รับความเจ็บปวดพวกนั้นคืน”“มันต้องอย่างนี้สิไม่อ่อนแอร้องห่มร้องไห้แล้ว รู้ตัวรึไม่ว่าเจ้ายามนี้ทั้งเผ็ดร้อนและงดงามในสายตาข้า” รอย
ต้านเป่าหันไปหาหลี่เฉียงก้มคำนับ “เรียนนายท่านวันนั้นที่ฮูหยินและแม่นางม่านถิงตกน้ำ หลังจากนายท่านออกจากจวนแม่นางม่านถิงก็ไปหาฮูหยินที่ศาลบรรพชน แม่นางม่านถิงสั่งให้ฮูหยินประทับลายนิ้วมือในใบหย่า ฮูหยินไม่ยอมแม่นางม่านถิงจึงกรอกชาให้ฮูหยินดื่มแล้วบอกว่าเป็นนายท่านสั่งการ ชานั้นมีพิษไร้สีไร้กลิ่น ยามนั้นฮูหยินหนาวสั่นไร้แรงสู้จึงตกเป็นรอง ข้าน้อยได้ยินทั้งสองกันคุยถึงอดีต ฮูหยินบอกไม่เคยผลักแม่นางม่านถิงตกน้ำ แม่นางม่านถิงยอมรับแล้วบอกว่าแม้ฮูหยินจะป่าวประกาศก็ไม่มีใครเชื่อเพราะภาพมันฟ้อง ฮูหยินเจ็บปวดจากยาพิษนอนขดตัวอย่างทรมาน พวกข้าน้อยกำลังปรึกษากันว่าควรปรากฏตัวรึไม่ ไม่ทันตัดสินใจก็มียอดฝีมือเข้ามาจัดการพวกข้าน้อย แววตาเขาดุดันโกรธเกรี้ยว จัดการพวกข้าน้อยด้วยความเดือดดาล แล้วพาฮูหยินออกจากจวนไป แล้วก็...แม่นางม่านถิงแย่งคุณชายกงหยางมาจากฮูหยินขอรับ”“เจ้าพูดเหลวไหล ข้าไม่เคยทำร้ายเสียงอวิ๋น ไม่เคยทำเช่นที่เจ้าพูด” ม่านถิงแผดเสียงเกรี้ยวกราดจะให้หลี่เฉียงรู้ด้านมืดของตนไม่ได้ “พี่หลี่เฉียงท่านต้องเชื่อข้า”หลี่เฉียงหาได้สนใจม่านถิงเขามองเสียงอวิ๋นอย่างรู้สึกผิด “เสียงอวิ๋นเจ้าเชื่อ
ม่านถิงรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ลูกในท้องของนางไม่ใช่ของหลี่เฉียงแต่เป็นของกงหยาง แบบนี้หลี่เฉียงไม่มีทางช่วยนาง ม่านถิงจึงคิดทวงบุญคุณเสียงอวิ๋นหันไปมองเว่ยเฉาเล็กน้อยแล้วปรายตามองหลี่เฉียง จากนั้นหันไปหาม่านถิงที่ดิ้นทุรนทุรายราวกับเจ็บปวดแสนสาหัส มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “ม่านถิงเจ้าทรมานรึไม่”“นังสารเลวเจ้าเอาอะไรให้ข้ากิน”“นั่นเป็นชาชั้นดีเลยนะ เจ้าสัมผัสไม่ถึงรสชาติละมุนลิ้นหรือ”“เสียงอวิ๋นเจ้ามันใจมาร ฆ่าได้กระทั่งเด็กในท้องของข้าที่บริสุทธิ์ไร้ความผิด”“เป็นไงบ้างล่ะทรมานรึไม่ ยามเจ้าสังหารข้าก็ไร้ปรานีไม่ใช่หรือ ยามนี้ข้าเอาคืนกลับกลายเป็นว่าข้าใจมาร”ม่านถิงนึกไม่ถึงว่าเสียงอวิ๋นจะเอาคืนนางได้เจ็บแสบเช่นนี้ นางเริ่มตะลีตะลานเมื่อเห็นว่าเสียงอวิ๋นเอาจริง “เสี่ยวเสียงไว้ชีวิตข้ากับลูกเถิด ข้ายอมรับผิดทุกอย่าง ปล่อยข้าไปเถิด ฮรึก เสี่ยวเสียงได้โปรดไว้ชีวิตข้า” ม่านถิงร่ำไห้ นอนขดบนพื้นดูทุกข์ทรมาน“กลัวแล้วรึม่านถิง เจ้าก็รู้จักกลัวเป็นเช่นกันนี่ เป็นไงบ้างล่ะทรมานรึไม่”“ไว้ชีวิตข้าเถิด...ข้ายอมพูดความจริงทุกอย่างได้รึไม่เสี่ยวเสียง ได้รึไม่”“เจ้าลองสารภาพมาก่อน ข้
เว่ยเฉาออกจากถ้ำมาด้วยสีหน้าหลากหลายอารมณ์ เขาเดินตามหาเสียงอวิ๋นหลายรอบแต่ก็ไม่พบนาง ถามคนของเขาที่เดินผ่านไปมาต่างได้คำตอบเดียวกันว่าไม่เห็น “ตามหาให้ทั่วทุกซอกมุมของเขาลั่ววั่ง ส่งคนไปที่จวนเสนาบดีถามคนของหลี่เฉียงว่าเห็นนางรึไม่”ประมาณหนึ่งชั่วยามคนที่ส่งเข้าไปสอบถามที่จวนเสนาบดีกลับมารายงานว่า เสียงอวิ๋นยังไม่กลับจวน เว่ยเฉาเดินหาทั่วเขาลั่ววั่ง ทุกซอกทุกมุมก็ไม่พบ เห็นเพียงปิ่นปักผมที่นางใช้แทงหลี่เฉียงตกอยู่ตรงโขดหินข้างลำธารยามนั้นที่หลี่เฉียงกอดเสียงอวิ๋นไว้เขาปักปิ่นนั้นคืนให้ภรรยาด้วยสีหน้าเจ็บปวด เว่ยเฉาสาแก่ใจยิ่งที่หลี่เฉียงถูกเสียงอวิ๋นจัดการ หากแต่ยามนี้เขาคงต้องร่วมมือกับหลี่เฉียงตามหาเสียงอวิ๋นเสียแล้ว “ไปแจ้งเจ้านั่นว่าจูฮูหยินหายตัวไป”ภายในถ้ำต้านเป่าเข้ามาพยุงผู้เป็นนาย “เหตุใดนายท่านไม่บอกฮูหยินไปขอรับว่าท่านช่วยข้าน้อยไว้และตั้งใจส่งข้าน้อยให้นาง” ต้านเป่ามองผู้เป็นนายที่ยามนี้สีหน้ายุ่งเหยิงเกินบรรยาย คงทำใจไม่ได้ที่เห็นฮูหยินหันหลังจากไปอย่างเด็ดขาดหลี่เฉียงมั่นใจมาตลอดว่าเสียงอวิ๋นรักเขา ทว่ายามนี้คนที่เคยพร่ำบอกรักเขาหันหลังไปจากเขาอย่างเด็ดขาด เริ่มต้นด
เช้าวันใหม่เข้ากลับไปที่จวนแล้วปล่อยตัวจูเหวินออกมา เล่าสถานการณ์ของเสียงอวิ๋นออกไป จูเหวินชกเขาซ้ำ ๆ เขาก็ยังคงยืนนิ่งไม่ตอบโต้ ปล่อยให้จูเหวินชกจนช้ำไปทั้งหน้า รู้สึกได้ว่ามีเลือดออกตามไรฟัน ตาหนึ่งข้างพร่ามัวคล้ายจะปิด ปล่อยให้จูเหวินระบายอารมณ์จนกว่าเขาจะพอใจ แผลที่อกข้างซ้ายมีเลือดซึมออกมาอีกครั้ง“ไอ้สารเลว ชั่วช้า คุณหนูของข้าสมควรมีชีวิตงดงามสดใส เพราะเจ้าจับข้าไว้จึงไม่มีผู้ใดคุ้มครองคุณหนู”เขาไม่เจ็บเลยสักนิดชกมาแรงกว่านี้เถอะ เป็นดังที่จูเหวินพูดหากจูเหวินอยู่ข้างกายนางเขาก็คงอุ่นใจมากกว่านี้ ทว่ายามนี้นางอยู่ที่ใดกัน“เจ้ามันเป็นสามีที่แย่ที่สุดหากข้าพบคุณหนูจะไม่มีวันให้นางกลับมาหาเจ้า ข้าเคยบอกไปแล้วหากดูแลไม่ได้ข้าจะดูแลนางเอง” หมัดสุดท้ายจูเหวินซัดไปเต็มกำลัง ใบหน้าหล่อเหลาของเสนาบดีหนุ่ม มีแต่รอยช้ำ ตาข้างซ้ายค่อย ๆ บวมจนแทบลืมไม่ได้ มุมปากแตก โหนกแก้มเขียว ได้ระบายโทสะออกใจก็เย็นลง เมื่อเห็นสภาพหมดอาลัยตายอยากของสามีคุณหนู จูเหวินก็ถอนหายใจแล้วเดินออกจากจวนเสนาบดีไปเก้าเดือนผ่านไปทั้งเว่ยเฉาและหลี่เฉียงจนปัญญาไม่ว่าจะเป็นที่ใดในเมืองหลวงพวกเขาทั้งสองล้วนส่งคนสอดแนม
“เขาไม่ยอมรักษาจนแผลอักเสบ ยามนั้นแทบเอาชีวิตไม่รอดก็ไม่ยอมแตะต้องยา จากแผลเล็กกลายเป็นแผลใหญ่ เป็นแผลเก่าเรื้อรังรักษาไม่หาย ทุกครั้งที่อากาศเย็นเขาจะทุกข์ทรมานอย่างที่เจ้าเห็น เขาไม่ยอมพักผ่อนเอาแต่ออกตามหาเจ้า ดูสภาพเขายามนี้สิไม่ต่างจากซากศพเดินได้เลย”“พระองค์พาหม่อมฉันมาดูเขาเพื่อกล่อมให้หม่อมฉันใจอ่อนรึเพคะ พระองค์ไม่ใช่หม่อมฉันย่อมไม่รู้ว่ายามนั้นหม่อมฉันเจ็บแค่ไหน อีกอย่างพระองค์เป็นผู้อาวุโสที่หม่อมฉันเคารพนับถือ ไม่ควรพูดมดเท็จว่าจะพาหม่อมฉันไปดูหมีตัวใหญ่บาดเจ็บ พระองค์โกหกเช่นนี้ครั้งต่อไปหม่อมฉันคงไม่เชื่อคำพูดพระองค์อีกแล้ว”“โอ๋ ๆ ยายหนู...ยายหนูฟังก่อนลุงผิดไปแล้ว อย่าโกรธเลยนะ หากเจ้าหน้างอเช่นนี้เดี๋ยวลูกในท้องจะหน้าย่นเอาได้นะ ลุงจะไม่ทำอีกแล้วมาเกี่ยวก้อยสัญญากัน สาบานด้วยเกียรติของไท่ซ่างหวงจะไม่พาเสี่ยวเสียงของเรามาเจอเจ้าหน้าเหม็นนั่นอีก” เจ้าเด็กคนนี้ใจแข็งเสียจริง ยามนี้คนแก่อย่างเขาแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ เด็กสองคนนี้ทำให้คนแก่สบายใจบ้างไม่ได้เลยหรือ “คิดเผื่อเจ้าหนูในท้องบ้างก็ดีนะ เด็กควรมีพร้อมพ่อแม่ ในอนาคตหากเขาถามเจ้าว่าพ่อเขาอยู่ไหนเจ้าจะตอบอย่างไร”“ก
“ข้าจะตรวจสอบเอง” ยามนี้หลี่เฉียงอยู่บริเวณประตูเมืองหลวง เขาตั้งใจออกตามหาเสียงอวิ๋นที่นอกกำแพงเมือง อีกนิดเดียวก็จะออกจากประตูเมืองหลวงแล้ว แต่พิษบาดแผลเก่าของเขากำเริบซะก่อน“นายท่านขอรับ หากท่านไม่ทานยาเกรงว่าท่านจะ...เอ่อ...จะตายก่อนพบฮูหยินนะขอรับ” จางหมิงยื่นยาลูกกลอนให้นายท่านมือสั่น เขาเสี่ยงตายพูดความจริงออกมาเพราะรู้สึกว่าถ้านายท่านไม่กินยาบรรเทาความเจ็บ จะตามหาฮูหยินต่อไม่ไม่ไหว “ข้าน้อยรู้สึกว่าฮูหยินอยู่ใกล้มากยามนี้ นายท่านทานยาเถอะนะขอรับ” พูดหว่านล้อมอย่างเคย“หากไม่เจอนางข้าจะไม่แตะต้องยาเด็ดขาด” หลี่เสียงทนเจ็บยืดหลังตรงเดินไปทิศทางที่เฉินอี้บอกอย่างสง่าผ่าเผย เขาขวางรถม้าคันนั้นไว้ “หยุดก่อน” เขาเรียกรถม้าคันเล็กเรียบง่ายนั้นให้หยุด เขาไม่ได้ตรวจสอบมากมายเพียงอยากถามว่าบริเวณนี้มีหมู่บ้านให้พักอาศัยบ้างรึไม่“พ่อหนุ่มมีสิ่งใดรึ” จูเหวินดัดเสียงเป็นคนชราได้เหมือนมาก บังคับรถม้าให้หยุดตามที่หลี่เฉียงบอก บางทีนี่อาจเป็นลิขิตสวรรค์ก็ได้ที่ทำให้สามีคุณหนูมาหยุดรถม้ากะทันหันเช่นนี้“ขออภัยผู้อาวุโส ยามนี้ข้าน้อยตามหาภรรยาไม่ทราบว่าผู้อาวุโสเคยเห็นสตรีในภาพนี้รึไม่”“คุ้น
หลังจากส่งเว่ยเฉาหลี่เฉียงพาเสียงอวิ๋นกลับจวนเพื่อรับจิ่นซางเข้าวัง เนื่องด้วยขันทีข้างพระวรกายไท่ซ่างหวงมาตามเป็นครั้งที่ร้อยแล้วก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่รับราชโองการฝ่าบาทครั้งนั้นหลี่เฉียงก็ยุ่งกับแผนการกำจัดต้วนอ๋อง ทำให้ยังไม่ได้พาจิ่นซางและเสียงอวิ๋นไปเข้าเฝ้าไท่ซ่างหวงหลี่เฉียงคุกเข่าสองมือกุมหมัด “กระหม่อมถวายบังคมไท่ซ่างหวงขอพระองค์อายุยืนหมื่นปี หมื่น ๆ ปี“หม่อมฉันขอพระองค์อายุยืนหมื่นปีเพคะ” เสียงอวิ๋นเองก็คุกเข่าคำนับเต็มพิธีการ“ยายหนูพาจิ่นซางน้อยลุกขึ้นเถิด มาตรงนี้มาให้ปู่ดูหน่อยว่าเจ้าหน้าตาเหมือนใคร ฮ่าฮ่า จิ่นซางน้อยของปู่เจ้าเหมือนเหล่าเซี่ยมาก ดีแล้วที่เจ้าเหมือนปู่ของเจ้า ปู่ของเจ้ามีคุณธรรมโอบอ้อมอารี มีลูกศิษย์เยอะแยะมากมาย ไม่รู้ใครบางคนไปเอานิสัยแย่ ๆ มาจากไหน”หลี่เฉียงขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดไท่ซ่างหวงไม่บอกให้เขาลุกขึ้นบ้างเล่า แล้วพูดเช่นนั้นกำลังเหน็บแนมเขาหรือ เสด็จพ่อข้าเป็นบุตรบุญธรรมท่านนะ ท่านต้องเข้าข้างข้าถึงจะถูก หลี่เฉียงโอดครวญในใจ ยามนี้คุกเข่าจนขาเริ่มชาแล้ว ทว่าไท่ซ่างหวงกับเสียงอวิ๋นไม่มีใครสนใจเขาสักคน เอาแต่หยอกล้อบุตรชายหน้าเหม็นของเขาที่หั
“ฮูหยินอีกสักรอบเถอะ”“อีกรอบบ้านท่านสิ” เสียงอวิ๋นถีบหลี่เฉียงลงจากเตียง เมื่อมือไม้ของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่งอีกแล้ว สามวันมานี้เขาเคี่ยวกรำนางจนลงจากเตียงไม่ไหว พอลุกขึ้นจะไปหาจิ่นซางขานางก็สั่นก้าวไม่ออกมารราคะตนนั้นเท้าศีรษะมองนางแล้วยิ้มขำ บอกนางว่าจิ่นซางมีแม่นมดูแล จากนั้นก็อุ้มนางกลับมาที่เตียงและเริ่มบรรเลงเพลงรักอีกครั้งและอีกครั้งเสียงอวิ๋นรู้สึกว่าก่อนหน้านั้นนางทรมานหลี่เฉียงน้อยเกินไป พอให้อภัยเขา เขาก็เรียกคืนนางจนร่างแทบแหลก เจ็บใจเสียจริง!!รู้แบบนี้ทำตามที่เว่ยเฉากระซิบก็ดี แสร้งหย่าแล้วเดินทางไปท่องเที่ยวกับเว่ยเฉา ปล่อยให้เขาโดดเดี่ยวอยู่ที่ต้าเยี่ยลำพังเป็นนางเองที่ใจอ่อนเมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดของเขา เสียใจตอนนี้ไม่ทันแล้วถูกเขากินทั้งเนื้อทั้งตัวมาสามวันเต็ม“เอาล่ะ ไม่แกล้งเจ้าแล้วมากินข้าว” ว่ากันว่าภรรยาถีบเพราะรักเขาไม่ถือสา เห็นนางไร้เรี่ยวแรงหลี่เฉียงทั้งสงสารทั้งเอ็นดู เดินเข้าไปหานางเพื่ออุ้มนางมากินข้าว พอเห็นท่าทางระแวดระวังของนางเขาก็อยากแกล้งนางอีกแล้ว “กินเจ้าก่อน...ค่อยกินข้าวก็ดีเหมือนกัน”คนบ้า!!หากยังกินนางอีกคงไม่มีแรงลุกไปส่งเว่ยเฉาเสียงอวิ๋นมอ
“มันจะเหมือนกันได้อย่างไรนี่เป็นของแทนใจพ่อลูก เจ้าจะเข้าใจอะไรอย่าสอดปากดีกว่าหลี่เฉียงอยู่เฉย ๆ ข้าจะคุยกับลูกข้า”เรื่องใดก็ตามหลี่เฉียงล้วนสุขุมเยือกเย็นและมีแผนการล้ำลึก มีเพียงเรื่องฮูหยินกับบุตรชายที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ “เว่ยเฉาเจ้าเคยตายรึไม่หากยังข้าจะสนองให้”“หลี่เฉียงนั่นพ่อของจิ่นซางท่านเป็นคนอื่นไม่ควรมานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ” เสียงอวิ๋นเอ่ยเสียงเยือกเย็นฮูหยินรักนี่คือการเอาคืนของเจ้าใช่รึไม่ เจ้าไม่ได้คิดเกินเลยกับเว่ยเฉาจริงใช่รึไม่ ให้ตายเถิดใจข้าเดือดปุด ๆ เหมือนน้ำร้อน อยากลงไม้ลงมือกับคนที่ยิ้มหน้าระรื่นตรงหน้าเสียจริงยามนี้เข้าใจแล้วที่เสียงอวิ๋นไล่ตบตีสตรีไปทั่ว ทำตัวไร้เหตุผลไม่น่ารัก ที่จริงนางเพียงรักเขาและอยากประกาศความเป็นเจ้าของเท่านั้น ซึ่งตอนนี้เขาอยากซัดใบหน้าสหายดับความร้อนในใจ เข้าใจความรู้สึกของนางก็ยามที่มาเจอกับตัวเองเว่ยเฉายิ้มให้อีกฝ่ายแล้วหอมแก้มนุ่มนิ่มของเด็กน้อยในอ้อมแขนจากนั้นก็โน้มกายไปกระซิบบางอย่างที่ข้างหูเสียงอวิ๋น เขาคบกับหลี่เฉียงมานานย่อมรู้ว่าวิธีใดยั่วโมโหสหายได้“ไสหัวไป” หลี่เฉียงตวาดลั่นอยากอดรนทนไม่ได้อีก หลายวันมา
เช้าวันรุ่งขึ้นเสียงอวิ๋นยังไม่ทันได้ไปที่ห้องเก็บฟืน ก็มีคนมารายงานว่าม่านถิงฆ่าตัวตายแล้วจนใจที่ยังไม่ได้กรอกยาพิษเอาคืนม่านถิงเลย นางก็วิ่งชนเสาฆ่าตัวตายเสียแล้วถือว่านางเลือกได้ดี คงรู้ตัวว่าจะถูกทรมานจึงเลือกทางนี้จูเหวินสืบข่าวเรื่องบุตรของม่านถิงมาได้ หลังจากคลอดม่านถิงก็เอาบุตรสาวไปทิ้งที่หน้าจวนตระกูลกง บุตรสาวที่น่าสงสารของม่านถิงจึงมีบิดาคอยดูแลอยู่ ถือว่าเป็นโชคดีของนางได้ข่าวว่ากงหยางรักและเอ็นดูบุตรสาวไม่น้อยส่วนหลี่เฉียงแม้จะมีความดีลบล้างความผิดไปบ้างแล้ว ก็ยังคงต้องชดใช้ให้นางอยู่ดี จูเหวินสืบมาได้ว่ายามนั้นเรื่องราวทั้งหมดเป็นแผนของเขา หลี่เฉียงได้ให้ยาแก้พิษกับกงหยางและต้านเป่าไว้แล้ว เพียงแต่มันออกฤทธิ์ช้าไปหนึ่งวัน เพื่อตบตาม่านถิงเขายังแสร้งไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของม่านถิง หลี่เฉียงก็ยังคงชั่วช้าสารเลว เจ้าเล่ห์ คาดเดายาก หลอกลวงเก่งไม่เปลี่ยนหลิวมามาเหลือบมองผู้เป็นนายอยู่หลายครั้ง ชั่งใจว่าควรพูดดีหรือไม่ นายท่านจับไข้มาสามวันแล้วฮูหยินไม่เคยเข้าไปดูเลย หลิวมามาร้อนใจเหลือเกิน กลัวว่านายน้อยจะขาดครอบครัวอบอุ่น “ฮูหยินไปดูนายท่านหน่อยดีรึไม่เจ้าคะ”“หลิว
“นายท่านฮูหยินจับแม่นางม่านถิงโยนลงน้ำแล้วขอรับ” จางหมิงเข้ามารายงานหน้าตาตื่น นายหญิงกลับมาเป็นนายหญิงคนเก่าแล้ว กำลังเอาคืนคนที่เคยทำร้ายนางมาก่อน น่าตื่นตาตื่นใจเสียจริงเรื่องพวกนี้ต้องเชิญนายท่านไปดูเสียหน่อย ถึงเวลาที่ฮูหยินเอาคืนนายท่านจะได้รับมือทันเพียงแต่ฮูหยินคงไม่เอาคืนนายท่านหรอกเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นเลยจริง ๆ ได้ยินเพียงต้านเป่าเล่าว่าฮูหยินยามแทงปิ่นลงอกนายท่านเด็ดเดี่ยวเพียงใด เจ้าต้านเป่าที่อยู่แดนเหนือจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ไม่ได้พบกันหนึ่งปีแล้วจะสบายดีรึไม่หลี่เฉียงยิ้มมุมปากแล้วเดินไปยืนเคียงข้างฮูหยินของตน ยามนี้นางปรายตามองมาที่เขาเล็กน้อยแล้วไม่สนใจอีก คงจะลองใจเขาว่าจะกระโดดลงไปช่วยม่านถิงรึไม่ หากเขากล้ากระโดดลงไปจุดจบของเขาคงไม่ต้องคิดก็รู้ กว่าจะหลอกล่อให้นางยอมกลับจวนยากลำบากแทบตาย จะไม่ยอมผิดพลาดอีกเด็ดขาด “ฮูหยินร้อนรึไม่เดี๋ยวสามีพัดให้” หลี่เฉียงใช้มือโบกสะบัดให้ลมพัดใบหน้างดงามของฮูหยิน ที่ยามนี้เต็มไปด้วยเหงื่อเพื่อบรรเทาความร้อนให้นาง“ฮูหยินแม่นางม่านถิงจมไปก้นสระแล้วขอรับ” เฉินอี้กล่าวเตือน“งมนางขึ้นมา ท่านพี่ท่านควรลงไปพาม่านถิงขึ้นมานะ”เหงื
“เพิ่งจะรู้ว่าเสี่ยวเสียงน้อยที่เอาแต่รังแกข้ายามเด็ก ก็ห่วงข้าเหมือนกัน” เหวยต้าเซียวถูกเหล่าองครักษ์บดบังจนมิด ยามนี้มีเสียงเปล่งออกมา องครักษ์ทั้งหลายก็แหวกทางให้เขา ร่างสูงโปร่งแผ่รัศมีราชันดูสูงส่งองอาจ ใบหน้าอ่อนโยนของฝ่าบาทยิ้มเล็กน้อยให้ทุกคน แล้วก้าวเดินมาหยุดยืนรวมตัวกับพวกหลี่เฉียง“นี่ พวกท่านจะเล่นละครช่วยแจ้งข้าก่อนได้รึไม่ ข้าหัวใจแทบหยุดเต้นแล้ว” เสียงอวิ๋นตวาดอย่างโมโหมีนางคนเดียวสินะที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ ไม่สิยังมีอีกคนที่ตกตะลึงอ้าปากค้างอยู่ นั่นก็คือต้วนอ๋อง“พะ พะ พวกเจ้า” ต้วนอ๋องชี้หน้าอีกฝ่ายมือสั่น หมากกระดานนี้เขามั่นใจนักว่าจะชนะ แต่แพ้ยับเยินให้พวกหมาป่าเจ้าเล่ห์ ยามนี้คนที่จับกุมฮ่องเต้ก่อนหน้านั้นหันมาจับกุมเขาแทน คนพวกนี้เป็นสิบคนที่ตามคุ้มกันจูฮูหยิน แสบนักเจ้าเด็กพวกนี้วางแผนได้แนบเนียนจนเขาดูไม่ออก “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าแพ้แล้ว ตอนไหนกันที่เจ้ามาสับเปลี่ยนตัวฝ่าบาทหลี่เฉียง” เขามั่นใจนักว่าแผนเขาล่มไม่เป็นท่าเช่นนี้ มือมืดที่อยู่เบื้องหลังก็คือเสนาบดีแห่งต้าเยี่ยที่คอยขัดแข้งขัดขาเขาไว้ตลอดนั่นเอง“ท่านอ๋องอย่าลืมว่ายังมีองค์รัชทายาทแห่งแคว้นฉินอีกคน เรื่องน
“องค์รัชทายาทท่านควรสังหารหลี่เฉียงเหตุใดถึงร่วมมือกับเขาหักหลังข้า” ต้วนอ๋องเอ่ยด้วยใบหน้าดุร้ายเหี้ยมโหด ยามนี้เขาถูกล้อมจับ ทว่าเขายังมีไม้ตายไม้สุดท้ายเหลืออยู่ และหมากกระดานนี้เขาต้องพลิกกลับมาชนะให้ได้“ท่านอ๋องตบตาคนได้แนบเนียนเสียจริง ข้าหลงเข้าใจผิดมานานว่าหลี่เฉียงสังหารเหนียวเหนี่ยว ความจริงแล้วเป็นท่านต่างหาก บัญชีแค้นวันนี้อย่างไรต้องชำระให้สิ้น หากข้าไม่พบเหนียวเหนี่ยวมาก่อน คงโง่ให้ท่านหรอกใช้ต่อไปเพราะความแค้นบังตา”“ฮ่าฮ่าฮ่า ใครใช้ให้นางรู้ความลับมากมายในค่ายทหารของข้ากัน หากนางอยู่ในส่วนของนางดี ๆ ข้าจะคิดสังหารนางหรือ นางขโมยความลับในค่ายของข้าไป คงเป็นหลี่เฉียงสินะที่จัดฉากการตายนี้ขึ้นมา เจ้าเด็กวายร้ายนี่ตบตาคนเก่งนักข้าเชื่อสนิทใจว่าองค์หญิงตายแล้วไม่เคยคิดป้องกันมาก่อน คิดว่าความลับนั้นได้ตายไปกับองค์หญิงแล้ว หลักฐานพวกนั้นทำให้เจ้าหวาดระแวงข้าและก้าวออกมาตัดทางรุกของข้าก่อนหนึ่งก้าวเสมอ ใช่รึไม่หลี่เฉียง”“ท่านอ๋องเดาถูกแล้ว ยามนั้นเหนียวเหนี่ยวมาหาข้า และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง หนทางเดียวที่จะทำให้นางปลอดภัยคือการตาย ข้าจึงจัดฉากนี้ขึ้นมา” หลี่เฉียงเอ่ยกับต้วน
เว่ยเฉาหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ฟังสหายรักเอ่ยปากจบ เมื่อก่อนเขากับหลี่เฉียงเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตาย ด้วยปณิธานอันแรงกล้า จึงออกมาหาประสบการณ์ต่างแคว้น ยามนั้นเขาเจอโจรป่ารุมทำร้ายและได้หลี่เฉียงช่วยไว้ จากนั้นหลี่เฉียงก็พาเขามาส่งให้อาจารย์ที่วังยารี หุบเขาลั่ววั่งเป็นสถานที่ในความทรงจำของเขาและหลี่เฉียงเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกยุทธ์ การเล่าเรียนพวกเขาล้วนฝึกฝนมาด้วยกัน หลังจากสิ้นอาจารย์เว่ยเฉาจึงดูแลเขาลั่ววั่งสืบต่อมาทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากเหนียวเหนี่ยวตามมาสมทบ เขาเห็นหลี่เฉียงลงมือสังหารเหนียวเหนี่ยวกับตาแล้วโยนนางลงเหวลึกอย่างเลือดเย็นเขาค้นหาเหนียวเหนี่ยวพลิกแผ่นดินใต้หุบเหวที่มีแต่เศษซากกระดูกมนุษย์ เนื้อหนังบางส่วนของซากศพถูกแร้งกากัดแทะกระจัดกระจาย ยามนั้นเว่ยเฉาสาบานกับตัวเองว่าต้องแก้แค้นให้น้องสาวให้ได้เขาไม่มีหน้ากลับไปพบเสด็จพ่อเสด็จแม่ หากไม่ได้ตัดศีรษะหลี่เฉียงมาสังเวยน้องสาว เขาหาร่างไร้วิญญาณของเหนียวเหนี่ยวอยู่สามวัน ไม่รู้ว่านางถูกสัตว์ร้ายแทะกินเหลือแต่กระดูก หรือร่างอาจเละหาชิ้นส่วนไม่เจอเพราะตกจากที่สูง เขาไม่พบร่างสมบูรณ์ของนางพบเพียงป้ายหยกประจำกายองค์ห
“ข้าปล่อยเวลาล่วงเลยมานานแล้ว เมื่อถึงเวลาเหมาะสมย่อมต้องสะสาง ข้าอยากเจอเจ้าอยากคุยกับเจ้า จึงใช้วิธีสิ้นคิดเช่นนี้ เสี่ยวเสียงไปกับข้าเถิด ข้าจะให้เจ้านั่งเคียงข้างข้าในจุดสูงสุด เจ้าจะเป็น...”“สูงเกินไปก็เหน็บหนาว เว่ยเฉาข้าเห็นเจ้าเป็นสหายที่ดี”คำตอบของนางชัดเจน ปิดกั้นเขาไว้ทุกทางไม่ให้โอกาสเขาเข้าไปเดินเล่นในใจนางแม้แต่น้อย “เฮ้อ!!เจ้าเลือกแบบนี้ไม่เสียดายหรือ จิ่นซางก็ยังเด็กข้าว่าเจ้าเลือกใหม่เถิดนะ เลือกข้า...เจ้ากับลูกถึงจะปลอดภัย” รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นที่ริมฝีปากหยักได้รูป“องค์รัชทายาท”บุรุษวัยกลางคนสวมใส่ชุดทหารเดินเข้ามาคุกเข่ากำหมัดคำนับเว่ยเฉา รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากร่างกำยำองอาจ แค่ชายผู้นี้มองมา สายตาก็โหดเหี้ยมราวกับมัจจุราชมาแย่งชิงชีวิต เขาผู้นี้คือต้วนอ๋อง แม่ทัพรักษาการแดนเหนือของต้าเยี่ย ที่ถูกแต่งตั้งโดยฮ่องเต้องค์ก่อนต้วนอ๋องเป็นสหายร่วมรบและก่อตั้งต้าเยี่ยขึ้นพร้อมฮ่องเต้องค์ก่อน ซึ่งยามนี้ฮ่องเต้องค์ก่อนสละราชบัลลังก์กลายเป็นไท่ซ่างหวงในปัจจุบัน และไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องในราชสำนักอีก ปล่อยให้โอรสเพียงองค์เดียวจัดการสะสางไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในรา