Share

บทที่ 57

Author: ลิ่วเยว่
“แต่ว่า จะหาบุรุษแบบไหนส่งเข้าวังไป? แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่านางจะชอบหรือไม่ชอบ?” มู่หรงฉิงเทียนรู้สึกว่าที่ฮุ่ยอวิ่นพูดนั้นมีเหตุผล จึงเริ่มคล้อยตามบ้างแล้ว

ฮุ่ยอวิ่นยิ้ม “สตรีล้วนชอบบุรุษรูปงาม เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรื่องนี้ให้ข้าเป็นคนจัดการเถอะ”

“อืม!” มู่หรงฉิงเทียนตอบรับในที่สุด

สองวันผ่านไป มู่หรงฉิงเทียน เซ่อเจิ้งอ๋องได้ส่งนักดนตรีหลายคนเข้าวัง โดยให้เหตุผลว่าเพื่อคลายเหงาให้หมู่โฮ่วฮองไทเฮา และให้พวกเขาประจำอยู่ที่ตำหนักหรูหลาน

การกระทำของเซ่อเจิ้งอ๋องในครั้งนี้ ทำให้จ่านเหยียนพอใจเป็นอย่างมาก นางรู้สึกเบื่อจนแทบแย่แล้วจริง ๆ แม้ในยุคปัจจุบันนางจะเป็นคนติดบ้าน แต่ก็มีคอมพิวเตอร์มีไอแพดไว้คลายเหงา เวลาเบื่อ ๆ ก็ดูหนัง ดูข่าว ท่องเว็บไซต์ อ่านเรื่องราวสัพเพเหระ อ่านเรื่องไร้สาระ เรื่องน่าปวดหัวของชาวบ้าน หรือไม่ก็ขับรถออกไปเที่ยวเล่น ดูนั่นดูนี่ วันเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ตั้งแต่มาที่นี่ นางก็ไม่ได้ดูหนังมาเป็นเวลานานแล้ว รถคู่ใจคงจอดทิ้งไว้จนฝุ่นจับหนาแล้ว

นักดนตรีทั้งสี่คนนี้หน้าตาหล่อเหลาเอาการ ชื่อของพวกเขาก็น่าสนใจไม่น้อย เหมย หลาน จวี๋ จู๋ ซึ่งเป็นชื่อของสตรี
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 58

    ตั้งแต่มีนักดนตรีมาอยู่ที่ตำหนักหรูหลาน ก็มีเสียงดนตรีขับกล่อมแทบทุกค่ำคืน โชคดีที่ตำหนักตั้งอยู่ในทำเลที่ค่อนข้างห่างไกล จึงไม่รบกวนใครในบรรดาเหมย หลาน จวี๋ จู๋ มีอยู่คนหนึ่งที่เอาอกเอาใจเป็นพิเศษ และเป็นที่ถูกใจของจ่านเหยียนมาก นั่นก็เหมย ซึ่งเป็นคนที่อยู่ลำดับแรก จ่านเหยียนจึงตั้งชื่อให้เขาว่าต้าเหมยจ่านเหยียนมักจะเรียกเขาให้มาบรรเลงดนตรีเกือบทุกคืน ต้าเหมยก็มีความสามารถรอบด้าน เป่าขลุ่ยก็ได้ ดีดพิณก็เป็น ร้องเพลงก็ยังได้ เต้นรำก็เป็น แถมยังเต้นได้ไม่แพ้นางรำเลยทีเดียวในตอนแรก จ่านเหยียนไม่ยอมให้พวกเขาเข้ามาปรนนิบัติในตำหนัก แต่พอนานวันเข้า ต้าเหมยผู้นี้ทำให้จ่านเหยียนยอมแหกกฎเพื่อเขา แถมยังเรียกเขาเข้าไปในตำหนักทุกคืนคนในตำหนักหรูหลานเริ่มซุบซิบนินทา จนในที่สุด คนทั้งวังก็รู้กันหมดว่า หมู่โฮ่วฮองไทเฮาทรงโปรดปรานนักดนตรีคนหนึ่ง ฮุ่ยไท่เฟยถึงกับไปฟ้องไทฮองไทเฮา ทว่าไทฮองไทเฮากลับแย้มพระสรวล แล้วโบกพระหัตถ์ “ก็นางเข้าวังมาตั้งแต่ยังอายุน้อย ต้องเป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาว น่าสงสาร ปล่อยให้นางสนุกสนานไปเถอะ สักพักเดี๋ยวนางก็เลิกราเอง”ไทฮองไทเฮาตรัสเช่นนั้นแล้ว ใครเล่าจะกล้าตำหนิติ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 59

    ดวงตาสีดำขลับของจ่านเหยียนจ้องมองเขาอย่างเงียบ ๆ ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “จริงหรือ? เช่นนั้นก็ต้องลองดูเสียแล้ว”ต้าเหมยค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ดวงตาเป็นประกายดูมีเลศนัย มือทั้งสองข้างลูบไล้ไปบนขาของจ่านเหยียนอย่างแผ่วเบา บีบนวดเบา ๆ ครู่หนึ่ง พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้เคลิบเคลิ้ม “หากไทเฮาบรรทมไม่หลับ ก่อนบรรทมสามารถแช่เท้าด้วยน้ำอุ่น จากนั้นให้ข้าช่วยนวดให้ รับรองว่าจะทำให้ไทเฮาเข้าสู่ห้วงนิทราอันแสนหวาน...”เขาบีบนวดขึ้นไปตามน่องอย่างต่อเนื่อง ตอนแรก แรงที่ใช้นั้นเบาอย่างยิ่ง แต่ค่อย ๆ เพิ่มแรงกดบนปลายนิ้วมากขึ้นปลายนิ้วกดลงบนผ้าไหม ให้ความรู้สึกสบายจนแทบจะเคลิ้มหลับจ่านเหยียนค่อย ๆ หลับตาลง ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฝีมือการนวดของเขานั้นสบายมาก ทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันทีในขณะที่มือของเขากำลังจะสัมผัสต้นขาของนาง จ่านเหยียนก็ลืมตาขึ้นทันที แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ข้ารู้สึกปวดไหล่มาก เจ้ามานวดให้ข้าหน่อย”แววตาของต้าเหมยฉายแววผิดหวังอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยอมละมือจากหัวเข่า ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “พ่ะย่ะค่ะ!”เขาลุกขึ้นอย่างช้า ๆ เดินไปด้านหลังของจ่านเหยียน โน้มตัว

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 60

    “ไทเฮา...” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยเสน่ห์ดึงดูด ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาทีละก้าว “ให้กระหม่อมประคองไทเฮาไปยังแท่นบรรทมดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”คำที่ว่าดีหรือไม่ของเขานั้นเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา จนเกือบจะชิดใบหูของจ่านเหยียน ริมฝีปากของจ่านเหยียนปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ แววตาดูล้ำลึกเล็กน้อย “ออกไปเถิด พรุ่งนี้ข้าจะเรียกเจ้ามาใหม่”“ไทเฮา...” ต้าเหมยยังคงไม่ยอมแพ้ พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง กลับถูกจ่านเหยียนขัดจังหวะ “ข้าไม่ชอบคนที่ไม่เชื่อฟัง”ต้าเหมยจึงจำต้องเก็บซ่อนแววตาที่แสดงความเสน่หาอย่างคลุมเครือเอาไว้ กล่าวด้วยความอาลัยอาวรณ์ “เช่นนั้น ต้าเหมยทูลลา ไทเฮาทรงหลับฝันดีพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากต้าเหมยออกไปแล้ว จิ้นหรูก็รีบวิ่งเข้ามา เห็นจ่านเหยียนแต่งกายไม่เรียบร้อย ก็รีบจัดแจงให้นาง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงตำหนิ “เมื่อครู่เขาได้ล่วงเกินไทเฮาหรือไม่เพคะ?”จ่านเหยียนมองสีหน้าร้อนรนของจิ้นหรู ก็อดหัวเราะไม่ได้ “เขาจะกล้าล่วงเกินข้าผู้ชราได้อย่างไร? ข้าผู้ชราให้เขาเข้ามาปรนนิบัติในตำหนัก ก็แค่ต้องการให้คนบางคนสบายใจเท่านั้น”จิ้นหรูเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ไทเฮาต้องการให้ใครสบายใจหรือเพคะ?”“เด็กหนุ่มคนหนึ่ง เด็กหนุ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 61

    คนที่ยังมีความดีงามอยู่บ้าง ก็ควรได้รับการปฏิบัติด้วยความจริงใจสักครึ่งหนึ่ง.....จวนเซ่อเจิ้งอ๋อง!“ช่วงนี้สตรีผู้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง?” หลังจากจัดการงานราชการเสร็จ มู่หรงฉิงเทียน เซ่อเจิ้งอ๋องก็เอ่ยถามฮุ่ยอวิ่นที่กำลังจะออกไปฮุ่ยอวิ่นหันกลับมายิ้ม “ค่อนข้างสงบเสงี่ยมดี ฟังจากที่พวกเขารายงาน ไทเฮาท่านนั้นของเราดูเหมือนจะชอบนักดนตรีคนหนึ่งมาก ถึงขนาดเรียกให้เขาเข้าไปปรนนิบัติในตำหนักทุกคืนเลยทีเดียว”มู่หรงฉิงเทียนขมวดคิ้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความรังเกียจเล็กน้อย “เพิ่งจะส่งเข้าไปได้ไม่นานเท่าไรเอง?”“วังหลวงอันเงียบเหงา ในวัยสาวเช่นนี้ จะทนความเปล่าเปลี่ยวได้อย่างไร? ท่านก็ต้องเห็นใจนางบ้าง แบบนี้ก็ดีแล้วมิใช่หรือ? พวกเราไม่ต้องเปลืองแรง นางก็มีความสุขสำราญตามวิถีของนาง เพียงแต่ว่าต้องกำชับคนพวกนั้น อย่าให้มีลูกนอกสมรสเกิดมาก็พอ”“คนอื่น ๆ ในวังไม่มีใครนินทาอะไรเลยหรือ?” มู่หรงฉิงเทียนเอ่ยถาม“นินทาก็ส่วนนินทา แต่ก็ไม่มีใครมีหลักฐานจริง ๆ ตำหนักหรูหลานมีการป้องกันอย่างแน่นหนา หากมีคนเข้ามาสืบ ก็ต้องผ่านด่านคนของเราไปให้ได้ก่อน อาซานก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาล่วงเกินไ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 62

    มู่หรงเจี้ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “แต่จะใช้เหตุผลใดในการปิดตำหนักเล่า? จะปิดตำหนักโดยไร้เหตุผลมิได้ เหล่าขุนนางจะคิดอย่างไร?”มู่หรงเจี้ยนเพิ่งขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน ยังไม่มีบารมีอย่างฮ่องเต้ ขุนนางที่มีอำนาจในราชสำนักล้วนเป็นคนที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนไว้วางใจ ไม่ได้ภักดีต่อเขามากนัก ดังนั้น ตอนนี้ไม่ว่าจะมากหรือน้อย เขาก็ต้องเกรงใจความคิดเห็นของเหล่าขุนนางไทฮองไทเฮาทอดพระเนตรมองเขาครู่หนึ่ง ตรัสอย่างช้า ๆ “ก่อนหน้านี้ นางไม่ได้แสดงละครฉากใหญ่ที่ตำหนักเสด็จแม่ของเจ้า จะฆ่าตัวตายตามฮ่องเต้พระองค์ก่อนไปหรอกหรือ? ก็ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ บอกว่านางเศร้าโศกเสียใจกับการสวรรคตของฮ่องเต้พระองค์ก่อน จนทำให้ไร้ที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ จึงปลงผมบวชชีในวัง เพื่อแสดงความอาลัยต่อฮ่องเต้พระองค์ก่อน ส่วนเจ้าในฐานะโอรส ก็ออกคำสั่งห้ามมิให้ผู้ใดไปรบกวนการบำเพ็ญภาวนาของนาง เช่นนี้ก็เรียบร้อยแล้วมิใช่หรือ?”มู่หรงเจี้ยนตรัสอย่างเขินอาย “แต่ใคร ๆ ก็รู้ว่านางเพิ่งเข้าวังได้แค่วันเดียว เสด็จพ่อก็สวรรคตแล้ว เช่นนี้จะบอกว่าเศร้าโศกต่อการสวรรคตของเสด็จพ่อจนต้องหนีเข้าทางธรรมได้อย่างไร?”พระวรกายของไทฮองไทเฮาต

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 63

    “ไปเถิด ข้าเองก็เหนื่อยแล้ว!” ไทฮองไทเฮาทรงไล่เขาไปมู่หรงเจี้ยนกำลังพูดอย่างออกรส อยากจะเล่าเรื่องนโยบายที่เขาถูกเซ่อเจิ้งอ๋องปฏิเสธให้ไทฮองไทเฮาฟัง แต่เมื่อเห็นไทฮองไทเฮาไล่เขาไป ในใจก็รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง จึงลุกขึ้นทูลลาตอนที่เขายังเป็นรัชทายาท เขาสุภาพอ่อนน้อมต่อไทฮองไทเฮา เชื่อฟังคำสั่งทุกอย่าง แต่หลังจากขึ้นครองราชย์แล้ว เขาก็เริ่มเหลิงขึ้นมาก ไม่เห็นนางอยู่ในสายตาอีกต่อไปหลังจากเขาออกไปแล้ว ไทฮองไทเฮาก็ส่ายพระพักตร์พลางตรัสกับหมัวมัวข้างกาย “หย่าจู้ เจ้าเห็นหรือไม่? เขาไม่พอใจข้าแล้ว!”หย่าจู้ยิ้ม “เหล่าจู่จ้งอย่าได้เสียพระทัยไปเลยเพคะ อีกไม่นานฮ่องเต้ก็จะสำนึกผิดเอง”“เขาจะสำนึกหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เดิมทีข้าหวังว่าเขาจะมีความอดทน รับมือกับมู่หรงฉิงเทียนอย่างใจเย็น แล้วค่อยช่วงชิงอำนาจของเขาคืนมา แต่ดูจากตอนนี้แล้ว เขาก็มีแต่จะถูกเล่นงานเท่านั้น ด้วยทัศนคติและความสามารถของเขาในเวลานี้ จะไปเป็นคู่ต่อสู้ของมู่หรงฉิงเทียนได้อย่างไร?”หย่าจู้ประคองนางลุกขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แม้แต่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนยังรับมือไม่ได้ จะหวังให้ฮ่องเต้จัดการได้อย่างไร? ได้แต่หวังว่าสองสามปี

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 64

    จิ้นหรูเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “แต่ว่าทะ...คุณหนูใหญ่ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตรงไหนนี่เพคะ?”“ไปเถอะ ข้ามีวิธีของข้า” จ่านเหยียนเร่งเร้าจิ้นหรูเป็นนางกำนัลขั้นหนึ่งในวัง แน่นอนว่าสามารถเข้าออกตำหนักหรูหลานได้อย่างอิสระนางพาหมอหลวงมาถึงอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็เปิดม่าน เข้าไปในตำหนักด้านใน แล้วก็ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยกับหมอหลวงว่า “ท่านหมอหลวงโปรดรอสักครู่ ข้าจะเชิญไทเฮาออกมาเดี๋ยวนี้”“ได้!” หมอหลวงรับคำผ่านไปครู่หนึ่ง จี๋เสียงและหรูอี้ก็ประคองจ่านเหยียนออกมา จ่านเหยียนนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางอ่อนแรง ดวงตาเรียวงามดุจหงส์เหลือบมองหมอหลวงครู่หนึ่ง หมอหลวงหลายคนรีบก้าวเข้ามาถวายบังคม “กระหม่อมถวายบังคมหมู่โฮ่วฮองไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม!” จ่านเหยียนยกพระหัตถ์ขึ้นเล็กน้อย เป็นสัญญาณให้เขาลุกขึ้นจิ้นหรูเอ่ยกับหมอหลวง “ท่านรีบมาดูอาการของไทเฮาว่าทรงประชวรด้วยโรคอันใดกันแน่?”หมอหลวงเดินเข้าไปอย่างนอบน้อม หยิบเส้นสีแดงออกมาจากกล่องยา ยื่นให้กับจิ้นหรูกูกู “รบกวนกูกูผูกที่ข้อมือของไทเฮาด้วย”เขาคุกเข่าลงตรงหน้าจ่านเหยียน ทูลถามด้วยความเคารพ “ไทเฮาทรงรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”จ่านเหยี

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 65

    “ไทเฮาเพคะ...” กัวอวี้เสียนคิดว่านางไม่เชื่อ จึงพยายามจะอธิบาย แต่จ่านเหยียนกลับเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าชื่อกัวอวี้เสียน ข้าคิดว่าตอนนี้เจ้าควรจะใช้ชื่อกัวอวี้ไปก่อนเถิด แล้วค่อยดูว่าต่อไปเจ้าจะคู่ควรกับคำว่าเสียนหรือไม่”กัวอวี้เสียนมองหลงจ่านเหยียนด้วยความตกตะลึง ทันใดนั้นก็เข้าใจความหมายในคำพูดของนาง นางกำลังให้โอกาสตน ในใจพลันเกิดความรู้สึกยินดีหลังจากที่กัวอวี้เสียนออกไปต้มยาแล้ว ตำหนักบรรทมอันใหญ่โตก็เหลือจ่านเหยียนเพียงผู้เดียว ปกติแล้ว นางไม่ต้องการให้ใครมาคอยปรนนิบัติข้างกาย หากไม่ได้รับอนุญาตจากนาง แม้แต่จิ้นหรูก็ห้ามเข้ามาในตำหนักบรรทมสายลมหนาวเย็นวูบหนึ่งไม่รู้พัดมาจากที่ใด ปลิวเข้ามากระทบม่านหนาหลายชั้นภายในตำหนักบรรทมท่ามกลางแสงสลัว ๆ จ่านเหยียนเห็นกลุ่มควันสีเขียวลอยขึ้นมาอย่างกะทันหัน ซึ่งอยู่ห่างออกไปเบื้องหน้าสามจั้งควันสีเขียวค่อย ๆ กลายเป็นรูปร่างคน และกลายเป็นหญิงสาวหน้าตางดงามนางเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “ท่านเซียน ข้ากลับมาแล้ว!”“อืม ได้ยินอะไรมาบ้าง?” จ่านเหยียนถามพลางยกเปลือกตาขึ้นอย่างเฉื่อยชา“นางเฒ่าผู้นั้นคิดจะช่วงชิงแผ่นดินของตระกูลมู่หรงจริง ๆ ความทะเย

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 276

    ทั้งสองจะยอมหรือ? จึงบอกจะเข้าไปพูดกับจิ้นหรูกูกู หรูหัวกลับหน้าขรึม “พวกเจ้าเห็นตำหนักชิงหนิงคือสถานที่ใด? พวกเจ้าอยากเข้าก็เข้าได้ตามใจชอบหรือ?”อาถงข่มอารมณ์โกรธ กล่าวขอร้อง “กูกูอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย พวกเราก็ทำงานตามคำสั่ง หากเชิญจิ้นหรูกูกูกลับไปไม่ได้ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาต้องพาลมาถึงเราแน่ กูกูคงไม่อยากเห็นพวกเราถูกลงโทษกระมัง?”“พวกเจ้าถูกลงโทษหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับข้า? ข้าแค่ฟังคำสั่งของเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาเท่า...”อาถงกับอาเถี่ยรีบฉวยโอกาสตอนที่หรูหัวพูดบุกเข้าไปเพียงแต่ทั้งสองเพิ่งวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกองครักษ์สองสามคนขวางเอาไว้“บุกรุกตำหนักของไทเฮา พวกเจ้ามีกี่ชีวิต? เอาตัวไป!” หรูหัวเอ่ยเสียงกร้าวกระบี่หลายเล่มพาดอยู่ตรงลำคอของอาถงกับอาเถี่ย ทั้งสองไม่กล้าต่อต้าน จึงได้แต่หันไปมองหรูหัวและเอ่ย “กูกู พวกเรามิได้จงใจบุกรุก กูกูโปรดเมตตา อนุญาตให้เราไปพบจิ้นหรูกูกูหน่อยเถอะ”หรูหัวหัวเราะเสียงเย็น ส่งสายตากับองครักษ์ “เอาตัวไป ขังอยู่ในห้องมืดก่อน”ห้องมืดใช้กักขังคนในตำหนักที่กระทำความผิดโดยเฉพาะ บ้างเข้าห้องมืดไม่กี่วันก็ออกมา แต่ทั่วไปแล้วมักมอบให้หัวหน้าขันทีในวั

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 275

    ทั้งสองคิดไปก็มิใช่วิธี จึงให้จี๋เสียงกับหรูอี้ไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์หมู่โฮ่วฮองไทเฮา ตามจิ้นหรูกลับมาปรนนิบัติที่ตำหนักครั้นจี๋เสียง หรูอี้ไปถึงตำหนักชิงหนิงกลับเข้าไปไม่ได้ ได้แต่ให้ขันทีในตำหนักไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์ของหมู่โฮ่วฮองไทเฮาผ่านไปพักหนึ่ง หรูหัวก็ยิ้มตาหยีเดินออกมา “เซิ่งหมู่ฮองไทเฮากำลังเดินหมากกับจิ้นหรูกูกู นี่กำลังสนุกเลย จะอย่างไรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาก็ไม่ยอมให้กูกูไป พวกเจ้าสองคนกลับไปทูลรายงานหมู่โฮ่วฮองไทเฮาว่าจะส่งคนกลับไปดึกหน่อยแล้วกัน”“อ๊าาา”เสียงร้องดังมาจากข้างในอีก จี๋เสียง หรูอี้สบตากันทีหนึ่ง สีหน้าเริ่มกังวลเล็กน้อยหรูหัวเอ่ยเรียบ “มีนางกำนัลคนหนึ่งไม่ทันระวังทำน้ำชาหกใส่หลังมือของจิ้นหรูกูกู นี่อย่างไร กำลังถูกโบยอยู่เลย”“แต่... เหตุใดเสียงนี้ฟังดูแล้วจึงเหมือนเสียงของจิ้นหรูกูกูล่ะ?” จี๋เสียงเอ่ยอย่างขลาด ๆ“เหลวไหลอันใด?” หรูหัวเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน “เจ้าจะบอกว่าเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาทรมาทรกรรมจิ้นหรูกูกูหรือ? ยังมิได้กล่าวถึงจิ้นหรูกูกูเป็นคนข้างพระวรกายของหมู่โฮ่วฮองไทเฮา แค่อดีตนางคือนางกำนัลคนสนิทของอดีตฮ่องเต้ ทั้งยังมีไมตรีกับเซิ่งหมู่ฮองไทเฮามาต

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 274

    จิ้นหรูหัวใจรัดแน่น สุดท้ายดวงตาก็ฉายความแตกตื่นออกมา “พระองค์คิดจะทำอันใดกันแน่เพคะ?”“ถามได้ดี!” ถงไทเฮาลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วเดินก้าวหนึ่ง เหยียบหลังมือของจิ้นหรู ออกแรงขยี้ มองดูความทรมานบนใบหน้าของจิ้นหรู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “เจ็บหรือ?”จิ้นหรูกัดฟัน “ไทเฮาจะลงโทษบ่าวอย่างไรก็ได้เพคะ”อย่างมากก็แค่ตาย ตายแล้วก็คือหลุดพ้น แต่... นางรู้ ถงไทเฮาแค้นนางที่สุด จะไม่ให้นางตายง่าย ๆ เด็ดขาด“ข้าได้ยินว่าคุกทักษิณมีทัณฑ์ทรมานมากมาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากเทียบกับข้าที่นี่แล้ว จะเหนือกว่าหรือไม่? มิสู้จิ้นหรูกูกูช่วยข้าเปรียบเทียบสักหน่อย” ถงไทเฮาโน้มตัวลงเชยคางของจิ้นหรู มุมปากแย้มยิ้มชั่วร้ายเหี้ยมเกรียมเดิมรูปลักษณ์ก็มิได้งามวิไล ยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดัน ยิ่งทำให้ดุร้ายอัปลักษณ์มากกว่าเดิมจิ้นหรูขวัญผวา ไม่กล้ามองดวงตากระหายเลือดของนาง จึงก้มหน้ากัดริมฝีปาก อดทนต่อความเจ็บที่ส่งมาถึงแต่... นี่ยังห่างไกลกับจุดสิ้นสุดหรูหัวยกตะปูมากะละมังหนึ่ง พวกมันมิใช่ตะปูเหล็ก แต่เป็นตะปูไม้ท้อทุกเล่มทำจากไม้ท้อ ส่วนปลายแหลมคมเงาวับ“ถ้าเจ้าร้องสักแอะ ข้าจะเพิ่มตะปูอีกเล่ม” ถงไทเฮาเอ่ย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 273

    ด้วยประการละฉะนี้ ทุกคนจึงนึกว่าฮ่องเต้โปรดปรานแต่ฮองเฮา ทอดทิ้งวังหลังแม้นางสนมจะตำหนิไม่พอใจ แต่เพราะฮองเฮาคือคนสกุลถง จึงไม่มีใครกล้าพูดฮองเฮารูปโฉมไม่โดดเด่น กลับได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เพียงนี้ เห็นได้ว่าฮ่องเต้รักนางจริง ๆชั่วขณะ ฮองเฮาบารมีไร้ที่สิ้นสุด รั้งตำแหน่งฮองเฮา ทั้งยังมีความโปรดปรานของฮ่องเต้มั่นคงดั่งขุนเขา ทำให้สกุลถงเหิมเกริมมากขึ้นทุกวันเขาใช้การกระทำบอกนาง ในใจของเขามีแต่นางเท่านั้นสามสิบกว่าปีแล้ว นางเข้าวังในวัยสิบสอง บัดนี้สี่สิบสาม อดีตฮ่องเต้คือแผ่นฟ้าของนาง คือสามีของนาง คือนายของนางเขาจากไปก่อนนาง แม้นางจะเสียใจ แต่ก็มิได้แสดงออกว่าเสียใจมาก เพราะนางรู้ว่าเขากำลังรอนางอยู่ตรงนั้น สุดท้ายนางจะได้ไปพบกับเขานางรู้ ยามนี้ได้เวลาแล้ว“พูด!” หรูหัวดุดันขึ้นมา ตบหน้านางฉาดหนึ่งจิ้นหรูหน้าเอียงไปข้างหนึ่ง แก้มบวมขึ้นรอยประทับนิ้วมือทันทีจิ้นหรูคุกเข่าตัวตรง “บ่าวไม่มีอะไรจะพูดเพคะ”“เจ้ามอบความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ผู้ใด?” ถงไทเฮาไม่แสดงออกว่าโกรธมาก ในทางกลับกัน นางพรูลมยาว ข้อกังขาที่เก็บอยู่ในใจนางยี่สิบกว่าปี กระจ่างแจ้งในที่สุด“บ่าวไม่ทร

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 272

    หรูหัวลากนางเข้าตำหนักชั้นในไปอย่างไม่ให้ปฏิเสธจิ้นหรูมองเสื้อผ้าบนฉากบังลมด้วยความประหลาดใจ เหตุใดหรูหัวจึงมีเสื้อผ้าวางอยู่ในตำหนักบรรทมของไทเฮาได้แต่นางมิได้ถาม เพราะถามแล้วก็คงไม่บอก นางมองเสื้อผ้านางกำนัลชุดนี้ มิได้สงสัยเรื่องอื่นก็เข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังฉากบังลมนางเพิ่งถอดเสื้อผ้า หรูหัวก็เข้ามา “อุ๊ย ข้าลืมบอกเจ้าไป ชุดนี้เคยใส่แล้ว เปลี่ยนอีกชุดเถอะ!”นางยื่นชุดสีเหลืองอ่อนในมือให้จิ้นหรู พร้อมกับกวาดสายตามองบริเวณแขนของจิ้นหรูอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจิ้นหรูเพิ่งแต่งตัวเสร็จก็มีหญิงสูงวัยดุดันเข้ามาสองคน ลากแขนจิ้นหรูคนละข้างออกไปข้างนอกจิ้นหรูตกตะลึงพรึงเพริดถามขึ้นว่า “นี่พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ?”หญิงสูงวัยสองคนนั้นลากนางไปแล้วผลักจนนางสะดุดล้มลงพื้น ถงไทเฮามองนางจากมุมสูง ดวงหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมอำมหิต“เซิ่งหมู่ฮองไทเฮา บ่าวทำอะไรผิดไปเพคะ?” จิ้นหรูหัวใจหนักอึ้ง แต่ยังสงบสติอารมณ์แล้วถาม“ทำอะไรผิด?” เสียงของถงไทเฮาราวกับส่งมาจากขุมนรก พกพากลิ่นอายเย็นยะเยือกชุ่มชื้น “แต้มพรหมจรรย์ของเจ้าเล่า?”จิ้นหรูหัวใจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 271

    “ข้าได้ยินมา ทุกคืนนางจะเรียกนักดนตรีไปบรรเลงเพลง ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่?”“ทูลไทเฮา เรื่องนี้เกินไปหน่อยเพคะ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาทรงเรียกพวกเขามาในยามวิกาลน้อยนัก!”รอยยิ้มของถงไทเฮาบานสะพรั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ “ข้าก็รู้ว่าวังหลังมีปากหอยปากปูมาก จริงสิ ปกติเวลาอดีตฮ่องเต้ทรงสะสางราชกิจ ทรงโปรดทำอันใดหรือ?”หัวข้าสนทนาวกกลับมาเรื่องอดีตฮ่องเต้ จิ้นหรูลอบโล่งอก เวลาตอบคำถามจึงเป็นมิตรมากขึ้นบางส่วน “อดีตฮ่องเต้มีเวลาวางน้อยนัก แต่พระองค์โปรดอู้งานยามยุ่ง ทรงโปรดการเดินหมาก เสวยพระสุธารสชาเพคะ”“เดินหมาก? เดินกับผู้ใด?” ถงไทเฮาถาม“กับบ่าวเพคะ” จิ้นหรูยิ้มบาง “เพียงแต่ฝีมือการเดินหมากของบ่าวไม่ดี แพ้อยู่เรื่อยเลยเพคะ”“อดีตฮ่องเต้ทรงยินดีเดินหมากกับเจ้า แสดงว่าฝีมือการเดินหมากของเจ้าต้องดี” ถงไทเฮายิ้มเอ่ย “เจ้าอย่าได้ถ่อมตัวนักเลย วันหลังข้าจะเดินหมากกับเจ้าบ้าง เจ้าก็คลายเหงาให้ข้าหน่อย”“ขอเพียงไทเฮาโปรด บ่าวก็เดินหมากเป็นเพื่อนไทเฮาได้ทุกเมื่อเพคะ” จิ้นหรูกล่าวจากใจ“เจ้าช่างเป็นคนเข้าใจผู้อื่นแท้ ๆ มิน่าอดีตฮ่องเต้จึง ‘โปรดปราน’ เจ้าเช่นนี้” ถงไทเฮายิ้มเอ่ยคำพูดนี้ไม่มีอะไรพิเศษ ใ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 270

    ตำหนักชิงหนิงจิ้นหรูคุกเข่าลงคำนับ “ถวายพระพรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮา”“ลุกขึ้นเถอะ จิ้นหรู” ถงไทเฮาแย้มยิ้มจิ้นหรูลุกขึ้นยืนก้มหน้าแล้วไปยืนอยู่ด้านข้าง“ไม่ต้องเกร็งไป วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามา เพราะอยู่ ๆ ก็นึกถึงอดีตฮ่องเต้ อดีตฮ่องเต้เคยรับสั่งว่าทักษะการชงชาของเจ้าเป็นหนึ่งในใต้หล้า เจ้าจะชงให้ข้าสักครั้งได้หรือไม่?” ถงไทเฮากล่าวขอด้วยใบหน้าราบเรียบ“เพคะ!” จิ้นหรูขานรับ“หรูหัว ไปเตรียมเครื่องชงชา” ถงไทเฮาสั่งหรูหัวขานรับแล้วจึงออกไปถงไทเฮาปรายตามองจิ้นหรู วันนี้นางสวมชุดสีครามปักลายใบไม้ไผ่สีแดงเข้ม มิได้ผัดแป้ง แม้อายุล่วงเลยสี่สิบ กลับยังสง่าเรียบง่ายจิ้นหรูไม่เคยคลอดลูก จึงดูอ่อนเยาว์กว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมิได้เลอโฉม กลับมีท่วงทำนองอย่างหนึ่งหรูหัวยกเครื่องชงชามา นางมองการต้มน้ำ ล้างชา ล้างถ้วย รินน้ำชาอย่างสง่างามของจิ้นหรูยังไม่พูดถึงฝีไม้ลายมือที่สง่างาม แต่ขณะนางชงชาจะมีสมาธิมาก ยามที่คนคนหนึ่งจดจ่ออยู่กับเรื่องหนึ่ง จะมีเสน่ห์ชวนหลงใหลเป็นพิเศษในฐานะที่ถงไทเฮาคือสตรีก็รู้สึกถึงมนตร์เสน่ห์น่าหลงใหลนี้เหมือนกัน“อดีตฮ่องเต้โปรดเสวยพระสุธารสชาอะไรหรือ?” นา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 269

    ถงไทเฮาถอนตายตากลับช้า ๆ ก็จริง นับจากหรูหัวเข้าวังก็อยู่ข้างตัวนางมาตลอด รวมแล้วอดีตฮ่องเต้เคยมองนางเพียงไม่กี่ครั้ง แม้แต่ชื่อของนางก็ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำที่สำคัญที่สุดคือ แม้หน้าตาของหรูหัวจะพอใช้ได้ แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘สวย’ เด็ดขาด“ในฐานะที่เป็นบุตรสาวสกุลถง ตั้งแต่ข้าเกิดมาก็ใช้ชีวิตเหมือนพญาหงส์ แล้วยังจะสูงศักดิ์ยิ่งกว่าองค์หญิงเสียด้วยซ้ำ หลังจากเข้าวังก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา เกียรติยศไร้ขีดจำกัด แต่... นี่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ให้คนอื่นดู สิ่งที่ข้าต้องการ ก็แค่สายตาอาวรณ์หนึ่งของอดีตฮ่องเต้ เมื่อไม่ได้มา ข้าก็ไม่อยากให้ผู้ใดได้มันไปทั้งนั้น ไม่ว่านางจะอยู่หรือตาย ข้าก็ต้องรู้ว่านางคือใคร”ถงไทเฮาพูดเนิบช้ามาก แต่... มีความโหดเหี้ยมทุกถ้อยคำหรูหัวพิจารณาอย่างละเอียดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพึ่บ “เสี่ยวหรู? คนที่ปรนนิบัติอดีตฮ่องเต้ในตำหนักในสมัยก่อน มีคนหนึ่งที่ชื่อจิ้นหรูเพคะ”“จิ้นหรู? ไม่ใช่นาง” ถงไทเฮาส่ายหน้า “นางโตมากับอดีตฮ่องเต้ ถูกส่งไปปรนนิบัติข้างพระวรกายอดีตฮ่องเต้นานแล้ว หากนางคือคนที่อดีตฮ่องเต้โปรดปราน ไยไม่แต่งตั้งนางเป็นสนมเล่า?”หรูหัวคิ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 268

    ฮองเฮาส่ายหน้า “ไม่ ซูอี้จะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เขาไม่กลัวว่า...” ความกลัวเริ่มปกคลุมใบหน้าของนาง และไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย“ถ้าเจ้ายังอยากรักษาชีวิตพ่อของเจ้าเอาไว้ ก็ไปหาฮ่องเต้” ถงไทเฮากล่าวอย่างแค้นที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้าเทียบกับสมัยก่อน ถงไทเฮาเติบโตและรู้ความมากแล้ว เมื่อก่อนนางไม่เข้าใจ เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่เข้าใจนาง เหตุใดมักให้นางทำเรื่องที่ลำบากใจ บัดนี้นางรู้แล้ว มีเพียงให้ตัวเองลำบาก สกุลถงจึงจะมั่นคงในใจของคนสกุลถง ชื่อเสียงและความมั่นคงของวงศ์ตระกูลสำคัญที่สุดเสมอ นางรู้ว่าตอนนี้ถงเหยียนยังไม่ตระหนักในจุดนี้ แต่นางจะเข้าใจในไม่ช้าก็เร็ว ความน้อยเนื้อต่ำใจในเวลานี้นับเป็นอันใด? ภายภาคหน้ายามสกุลถงกับสกุลมู่หรงแบ่งใต้ฟ้า นางจะรู้ว่าความอยุติธรรมทั้งหลายที่ได้รับในวันนี้คุ้มค่าดวงหน้าไฉไลของฮองเฮาประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว ที่เจืออยู่ในดวงตาคือน้ำตาแห่งความน้อยใจ “เหตุใดต้องให้ข้าไปช่วยด้วยเจ้าคะ? ท่านสั่งคำเดียวก็ได้แล้วนี่ กลับต้องให้ข้าวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้”ถงไทเฮานวดศีรษะ รู้สึกว่าความอึดอัดสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง นางอยากระเบิดอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าและเอ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status