Share

บทที่ 27

Penulis: ลิ่วเยว่
เมื่อมีพระบัญชาลงมา หลงจ่านเหยียนกำลังนอนหลับอยู่ก็ถูกกัวกูกูขุดขึ้นมาจากในผ้าห่มด้วยความรีบร้อน ขณะที่กำลังตาพร่าเบลอสะลึมสะลือก็ถูกโยนเข้าไปในถังอาบน้ำเพื่อชำระร่างกาย

เย่เต๋อโหรวสั่งให้คนแต่งตัวให้นางทันที สวมชุดอภิเษกสมรส ความวุ่นวายนี้ทำให้หลงจ่านเหยียนไม่มีเวลาแม้กระทั่งกินอาหารเย็น หิวจนไส้กิ่วแล้ว

แต่นางก็ถือว่าให้ความร่วมมือเช่นกัน หลับตาปล่อยให้พวกนางจัดการ

เมื่อถึงช่วงสามทุ่ม เสนาบดีกรมพิธีการกับฉีอ๋องก็มาถึง

ขบวนเกียรติยศจากในวังยืนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ตรงหน้าประตูแล้วจุดประทัด นับว่าให้ความรู้สึกเหมือนจัดงานมงคลอยู่บ้าง

เนื่องจากต้องเข้าประตูวังตอนเที่ยงคืนเพื่อรับการคำนับจากสตรีบรรดาศักดิ์ฝ่ายในและฝ่ายนอก ดังนั้นเมื่อขบวนรับเจ้าสาวมาถึง ก็ต้องออกเดินทางทันที

แต่ไม่ว่าอย่างไรหลงจ่านเหยียนก็ไม่ยอมขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว นางบอกว่าบิดามารดาเลี้ยงดูนางมาสิบหกปี บัดนี้นางออกเรือนแล้วย่อมต้องกราบลาคนในครอบครัวก่อน!

กษัตริย์กับราษฎรแยกแยะกันอย่างชัดเจน การกราบลาที่ว่าความจริงก็คือให้ทุกคนในจวนสกุลหลงคุกเข่าส่งนางออกเรือนเข้าวัง อีกทั้งหลงจ่านเหยียนจงใจบอกชัดเจนว่าฮูหยินผ
Bab Terkunci
Lanjutkan Membaca di GoodNovel
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 28

    พูดอีกอย่างคือหากมีผลที่ตามมาใด ๆ จวนตระกูลหลงของพวกเขาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบหลงฉางเทียนทำหน้าเคร่งขรึม เผยความน่าเกรงขามของแม่ทัพออกมาจนหมด ถึงอย่างไรก็เป็นคนที่เคยเข่นฆ่าสังหารผู้คนในสนามรบมาก่อน กัวกูกูเห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็อดรู้สึกหนาวสะท้านไม่ได้ ก่อนจะถอยหลังไปก้าวหนึ่งแล้วยืนก้มศีรษะหลงฉางเทียนเอ่ยเสียงเข้มว่า “ข้าจะเข้าไปคุยกับฮองเฮา!”กัวกูกูอึ้งไปก่อนจะรีบยื่นมือไปขวาง “ฮองเฮากำลังจะเข้าวัง ไม่อาจให้บุรุษผู้ใดพบหน้าได้ นี่เป็นกฎเจ้าค่ะ!” หลงฉางเทียนหัวเราะอย่างเย็นชา “กูกูเป็นคนฉลาด ย่อมรู้ว่าบางครั้งกฎเกณฑ์เป็นสิ่งที่มนุษย์กำหนดและแก้ไขโดยมนุษย์ อีกทั้งกฎเกณฑ์ก็ต้องให้ตรงกับเป้าหมายด้วย ส่วนฮองเฮาจากจวนตระกูลหลงของเราพระองค์นี้ไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับกฎเกณฑ์มากนัก!” เขากล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้อเดินเข้าไปกัวกูกูมองแผ่นหลังของเขาอย่างตะลึงงัน แต่ไม่กล้าเข้าไปขัดขวาง นางรู้ว่าแม้ก่อนหน้านี้หลงฉางเทียนจะปฏิบัติกับนางอย่างมีมารยาท แต่นางก็ล่วงเกินเขาไม่ได้เย่เต๋อโหรวยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วเอ่ยเหน็บแนมว่า “ข้ายังนึกว่ากัวกูกูเป็นคนเฉลียวฉลาดเสียอีก นกที่ดีรู้จักเลือกกิ่งไม้พำน

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 29

    เขาใจหายวาบ อยากจะชักมือกลับมา แต่แรงส่งรุนแรงเกินไป เมื่อเขาฝืนดึงกลับมาทำให้เขาพุ่งออกไปชนเข้ากับขื่อไม้แกะสลักข้างเตียง ได้ยินเพียงเสียงดัง “วิ้ง” ถาดบนชั้นวางด้านข้างขื่อไม้ร่วงลงพื้นดัง “เพล้ง ๆๆๆ”คนที่อยู่ด้านนอกอย่างอาถงกับอาเถี่ยได้ยินเสียงนี้ก็อยากจะพุ่งเข้ามา แต่ถูกกัวกูกูส่ายหน้าห้ามเอาไว้ แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เข้าใจเหตุผล เพียงแต่ว่าตอนที่ออกจากวัง ไทเฮาสั่งพวกเขาให้เชื่อฟังคำสั่งของกัวกูกูเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่สนใจทันทีใบหน้าของหลงฉางเทียนเปลี่ยนสีเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าถึงกับกล้าพกมีดสั้นติดตัวเชียวหรือ?”ขณะที่ถาม เขาก็สูดลมหายใจเย็นเยียบในใจเช่นกัน หากนางเกิดไม่พอใจอะไร หลังจากส่งตัวเข้าวังแล้วทำอะไรไม่ดีกับฮ่องเต้ขึ้นมา เช่นนั้นก็แย่แล้วถึงอย่างไรนางก็ต้องตาย แต่ใครจะรู้ว่านางจะไม่ลากคนทั้งจวนมาตายตกร่วมกันกับนาง? นัยน์ตาดำขลับของหลงจ่านเหยียนมีไอน้ำคลุมอยู่หนึ่งชั้น เอ่ยด้วยสีหน้าโศกเศร้าว่า “ท่านพ่อ ลูกไปครั้งนี้ บางทีอาจจะเป็นการแยกจากกันระหว่างคนเป็นกับคนตาย ลูกซาบซึ้งในบุญคุณที่ท่านพ่อท่านแม่และท่านย่าเลี้ยงดูสั่งสอน ขอให้ท่านพ่ออนุญา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 30

    กัวกูกูเอ่ยถามอย่างหยั่งเชิงว่า “เมื่อครู่นี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเพคะ?”หลงจ่านเหยียนยื่นมือไปประคองมงกุฎบนศีรษะแล้วเอ่ยว่า “ไม่มีอะไร เครื่องสำอางข้าเลือนแล้วหรือไม่?” นางเอาสองมือลูบใบหน้าเบา ๆ การแต่งหน้าครั้งนี้ใช้เวลาเกือบสองชั่วยามถึงจะแต่งเสร็จ เมื่อครู่นี้นางพยายามแทบตายเพื่อไม่ให้น้ำตาหยดลงมา กลัวว่าจะทำให้เครื่องสำอางเลือนกัวกูกูร้องอ้อคำหนึ่ง มองนางด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง นางย่อมไม่เชื่อว่าเมื่อครู่นี้จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เดิมทีคิดว่าเข้ามาแล้วจะได้เห็นหลงจ่านเหยียนร้องห่มร้องไห้ ใครจะคาดคิดว่านางกลับนั่งอยู่ตรงนี้เหมือนไม่มีเรื่องอะไร ยังคงกังวลว่าเครื่องสำอางของตนเลือนแล้วหรือยังดูท่า ฮองเฮาพระองค์นี้ช่าง...น่าสนใจชวนให้ติดตามยิ่งนัก!“ไม่เลือนเพคะ ฮองเฮายังทรงงดงามมาก!” สายตาของกัวกูกูจับจ้องไปที่ใบหน้าของนาง ราวกับอยากมองหาอะไรบางอย่างจากบนใบหน้าของนาง แต่นางก็ผิดหวัง เนื่องจากเมื่อหลงจ่านเหยียนได้ยินว่าเครื่องสำอางของนางยังไม่เลือน ใบหน้าก็มีเพียงสีหน้าโล่งใจเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นเพิ่มอีกสักนิดเดียว“เมื่อครู่นี้ท่านแม่ทัพเหมือนจะโมโหมากเลยนะเพคะ!” กั

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 31

    หลงจ่านเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวออกมาราวกับมีความคิดอันใดบางอย่าง “มีใจแล้วจริง ๆ!” นางมองกัวกูกูแล้วกล่าวว่า “มิได้บอกว่าห้ามผิดเวลาหรอกหรือ? ไปดูหน่อยเถิดว่ามาถึงหรือยัง?”กัวกูกูรับคำแล้วเดินออกไป เย่เต๋อโหรวนำสาวใช้สองสามนางมายืนรออยู่ที่หน้าประตูหอเฟิ่งอี๋ ครั้นเห็นกัวกูกูเดินมา นางจึงเดินไปต้อนรับ แล้วกระซิบถาม “ใส่ยาลงไปแล้ว เห็นผลแล้วหรือ?”กัวกูกูชะงักไปเล็กน้อย “ชาเมื่อกี้หรือ?”“ใช่น่ะสิ!” เย่เต๋อโหรวยิ้มบาง ๆ “ใส่ยาลงไปเยอะขนาดนั้น อีกประเดี๋ยวก็น่าจะเห็นผลแล้ว หากเป็นเช่นนี้จะได้ไม่เสียเวลา!”กัวกูกูทอดถอนใจอยู่ในภายในใจ คนผู้นี้ช่างทำสิ่งเลวทรามได้ทุกวิถีทางจริง ๆ เพียงแต่ยามนี้พวกนางกำลังลงเรือลำเดียวกัน จะพูดอันใดก็ไม่ได้ จึงได้แต่พูดเพียงว่า “ข้าจะเข้าไปดูสักหน่อย ฮูหยินสั่งให้เตรียมเกี้ยวหงส์เถิด จะได้มิต้องเสียเวลา!”พูดจบ นางจึงหมุนกายเดินเข้าไปครั้นกล่าวถึงฉีอ๋องและเสนาบดีโจวที่รออยู่ที่โถงฝ่ายหน้าอยู่นานแล้ว ทว่ายังไม่เห็นใครออกมา เสนาบดีโจวยังดีอยู่หน่อย แต่ฉีอ๋องนั้นเป็นคนใจร้อน จึงอดเร่งรัดหลงฉางอี้ที่มาต้อนรับไม่ได้ “รีบเข้าไปดูสิ ถ้าพลาดฤกษ์งามยามด

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 32

    เย่เต๋อโหรวเองก็หวั่นใจ หันหน้าไปสั่งจวีชุน “ไปเชิญท่านแม่ทัพมา!”ขณะที่จวีชุนกำลังจะไป ก็เห็นหลงฉางเทียนเดินนำคนสองสามคนเข้ามา ครั้นเขาเห็นเย่เต๋อโหรวยังยืนอยู่ที่เดิม จึงอดขมวดคิ้วแล้วกล่าวอย่างโมโหเล็กน้อย “ไยยังยืนนิ่งอยู่อีก?”เย่เต๋อโหรวกระซิบบอก “ดื่มยาไปแล้ว แต่คนยังไม่หลับ!”หลงฉางเทียนกล่าวอย่างประหลาดใจ “นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ดื่มเข้าไปนานเท่าไรแล้ว?”“ได้ครู่ใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ตามหลักก็น่าจะสลบไปแล้ว!” เย่เต๋อโหรวกล่าวหลงฉางเทียนกล่าวพลางขมวดคิ้วมุ่น “ฉีอ๋องมีนิสัยใจร้อน ตอนนี้ก็เร่งรัดมาแล้ว!”“บอกไปว่ายังแต่งตัวอยู่ หรือไม่เจ้าคะ?”หลงฉางเทียนเงียบไปครู่หนึ่ง “รออีกหน่อย!”เป็นเช่นนี้อยู่อีกครึ่งชั่วยาม ฉีอ๋องเริ่มมีโทสะอยู่ที่โถงฝั่งหน้าแล้ว หลงฉางอี้พยายามปลอบประโลมแต่ก็ไม่เป็นผล ฉีอ๋องจึงพาเสนาบดีโจวพร้อมกับเหล่ากลุ่มองครักษ์ที่มารับเกี้ยวเจ้าสาวตรงบุกเข้าหอเฟิ่งอี๋หลงฉางเทียนเห็นฉีอ๋องขมวดคิ้วด้วยความโมโห ในใจพลันเกิดความหวาดกลัว รีบเข้าไปรับหน้าพร้อมกล่าว “ทำให้ท่านอ๋องต้องรอนานแล้ว ถือเป็นความผิดของกระหม่อมเอง!”“เกิดเรื่องอันใดขึ้น? ยามนี้มันยามใดแล้ว?

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 33

    หมัวมัวที่อยู่ข้าง ๆ เกลี้ยกล่อม “จะอย่างไรนางก็เหมือนคนที่ตายไปแล้วกึ่งหนึ่ง คุณหนูอย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับนางเลย เลือกรักษาชื่อเสียงและหน้าตาของจวนตระกูลหลงไว้เป็นสำคัญดีกว่านะเจ้าคะ!”คนพูดนี้ทำให้ในของนางสงบลงไปได้มาก นางครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วกล่าว “ใช้เกี้ยวหามข้าออกไป!”แม้ว่าจะโกรธจนยากที่จะสงบใจได้ ทว่านางก็เข้าใจว่าต้องเห็นแก่ส่วนรวมเป็นหลักคนทั้งกลุ่มเดินมาอยู่หน้าประตูหอเฟิ่งอี๋ นางลงจากเกี้ยว โดยมีสาวใช้ประคองไปทำความเคารพฉีอ๋อง“คารวะท่านอ๋อง!”ฉีอ๋องยื่นมือออกไปประคองเบา ๆ “ฮูหยินผู้เฒ่ามากพิธีแล้ว วันนี้เป็นวันมงคลของจวนตระกูลหลง ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ควรพลาดถึงจะถูก!”ความหมายก็คือ นางทำตัวหยิ่งทะนงจนทำให้เรื่องราวเข้าสู่สถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ ทำให้ล่าช้าไปหลายชั่วยามฮูหยินผู้เฒ่าสีหน้าไม่ดีนัก “แม้ว่าหม่อมฉันจะมาช้าไป แต่สุดท้ายก็มาแล้ว เรียนเชิญเสนาบดีโจวเชิญฮองเฮาขึ้นเกี้ยวหงส์เถิดเพคะ!”เสนาบดีโจวสั่งขันทีฝ่ายพิธีการ ขันทีฝ่ายพิธีการจึงยืนตะโกนอยู่ด้านหน้าหอเฟิ่งอี๋ “ทูลเชิญฮองเฮาเสด็จขึ้นเกี้ยวพ่ะย่ะค่ะ!” เสียงดนตรีสนุกสนานดังขึ้นตามเสียงประทัด สี่เหนียงแบกหล

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 34

    พูดจบ ก็เอื้อมมือออกไปประคองให้เย่เต๋อโหรวลุกขึ้น เย่เต๋อโหรวตามกัวกูกูมาถึงด้านหน้าเกี้ยวของหลงจ่านเหยียน แล้วก้มหน้ารอหลงจ่านเหยียนยื่นมือขาวนวลออกมารั้งมือของเย่เต๋อโหรวไว้ ผ้าคลุมหน้าสีแดงราวกับม่านหมอกที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดปรกลงมา ทำให้เย่เต๋อโหรวถึงกับตื่นตระหนกขึ้นมาในฉับพลันทันใด จนต้องก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวหลงจ่านเหยียนยิ้มขึ้นมาจาง ๆ “ท่านแม่ไม่ต้องกลัวเจ้าค่ะ ลูกจะกลับมาเยี่ยมท่านแน่เจ้าค่ะ มาแน่นอน!”นางพูดสามพยางค์สุดท้ายออกมาเบาหวิวราวกับขนนอกที่ปัดผ่านใบหูของเย่เต๋อโหรวอย่างไรอย่างนั้น เย่เต๋อโหรวรู้สึกราวกับว่าเลือดในตัวนางจับตัวแข็งไปทั้งกาย จนกายสั่นเทิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงได้รู้สึกว่าคำพูดนี้ของหลงจ่านเหยียนจะกลายเป็นจริงในที่สุดม่านปักลายหงส์สีทองหล่นลงมา บดบังเงาร่างสีแดงนั้นขันทีฝ่ายพิธีการตะโกนเสียงสูง “ขึ้นเกี้ยว!”เกี้ยวหงส์ถูกคนสิบหกคนยกขึ้น เดินออกไปจากหอเฟิ่งอี๋ตามหลังเสียงดนตรีรื่นเริงและเสียงประทัด จากนั้นขันทีฝ่ายพิธีการถึงได้เชิญให้คนของจวนตระกูลหลงลุกขึ้นฮูหยินผู้เฒ่าโมโหจนสั่นไปทั้งตัว แล้วกระอักเลือด

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 35

    กัวกูกูลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วจึงกล่าวว่า “บ่าวจะไปกราบทูลฉีอ๋องให้เพคะ!”จ่านเหยียนปลดม่านลง มิพูดอันใดอีกกัวกูกูก้าวฉับ ๆ ไปหาฉีอ๋องที่ควบม้าอยู่ด้านหน้า บอกกล่าวความประสงค์ของหลงจ่านเหยียน ฉีอ๋องขมวดคิ้ว “ไม่มีสาวใช้ติดตามไปด้วยเช่นนี้นับว่าไม่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ แม้จะกล่าวว่ายามนี้ก็ไม่ได้มีอะไรตามกฎเกณฑ์นัก แต่อันใดที่ทำได้ก็ทำเถิด!”พูดจบ เขาก็เรียกองครักษ์ที่อยู่ใกล้ ๆ มาหาแล้วสั่งให้เขารีบกลับไปที่จวนตระกูลหลงรับตัวจี๋เสียงกับหรูเข้าวังและสิ่งที่จ่านเหยียนคิดไว้ก็เป็นจริง หลังจากนางออกจากจวนมาแล้ว เย่เต๋อโหรวก็เอาไฟโทสะและความอัปยศทั้งปวงไปลงกับจี๋เสียและหรูอี้ เพียงเพราะว่าจี๋เสียงกับหรูอี้ขัดความตั้งใจของนางในวันนั้นถ้าองครักษ์ของฉีอ๋องกลับไปได้ทันเวลา ชีวิตของพวกนางทั้งสองคงต้องทนทรมานอยู่ในเงื้อมมือของหลงฮูหยินเป็นแน่เกี้ยวหงส์ของจ่านเหยียนหยุดอยู่ด้านหน้าประตูหลักของวังหลวงประตูหลัก ซึ่งถูกเรียกในอีกชื่อว่าประตูเที่ยงวัน เป็นประตูใหญ่ที่เหล่าองค์ชายแลขุนนางต้องผ่านเพื่อประชุมขุนนางยามเช้าทุกวัน เหล่าขุนนางจักต้องเข้าแถวแยกกันเป็นแถวขุนนางฝ่ายบู๊และขุนนางฝ่ายบุ๋นสอง

Bab terbaru

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 100

    หลงจ่านซินพึงพอใจกับความเยินยอของจ่านเหยียนเป็นอย่างยิ่ง นางเงยหน้าขึ้นมองหลงจ่านเหยียน แล้วยิ้มภาคภูมิใจออกมา “เมื่อก่อนยามมีแขกมาเยือนถึงบ้าน พอพูดถึงพวกเราสองพี่น้อง ต่างก็บอกว่าข้างามยิ่งกว่าพี่หญิง บัดนี้มาคิดดูแล้วเห็นจะไม่ใช่คำโกหก”หลงจ่านเหยียนยิ้มเล็กน้อย ยามมีแขกมาเยือนถึงประตูบ้าน หลงจ่านเหยียนไหนเลยจะได้ออกมาเผยโฉม?เดิมทีงานนี้เป็นงานเลี้ยงยามเย็นที่เป็นทางการยิ่ง เนื่องจากการมาถึงของหลงจ่านซิน บรรยากาศจึงแปลกประหลาดไปคนที่ยังสามารถรักษาสีหน้าให้เป็นปกติได้ มีเพียงแค่เซ่อเจิ้งอ๋องมู่หรงฉิงเทียนคนเดียวเท่านั้นเขาถือจอกสุรา ตรงมุมปากเผยความเย็นชา หลังจากดื่มสุราไปหลายจอก สีหน้าของเขาก็ยังไม่แปรเปลี่ยน มีเพียงกลิ่นสุราเท่านั้นที่โชยออกมา กระทั่งจ่านเหยียนที่นั่งอยู่ข้างเขาก็ยังได้กลิ่นสุราที่มอมให้คนเมามายในสถานการณ์เช่นนี้ หากมีใครสักคนเปิดหัวข้ออะไรสักอย่างขึ้นมา เพื่อให้งานเลี้ยงยามเย็นดำเนินต่อไปได้ ย่อมไม่เป็นปัญหาอะไรทว่ามีแต่คนที่อยากจะใช้โอกาสนี้ เผยหน้าแสดงให้เห็นถึงการมีตัวตนต่อหน้าใต้เท้ามากมายขนาดนี้หงฮวาอยู่แถวนั้น นางเดินผ่านเย่เต๋อโหรว แล้วเข้าไปพู

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 99

    ไม่ไม่เพียงแต่ประหลาดใจ ไม่มีมนุษย์คนไหนมีชีวิตอยู่ทั้งที่หัวใจไม่เต้น ที่เป็นเช่นนั้นมีอยู่ด้วยกันสามเหตุผล หนึ่ง มีของวิเศษไม่ก็ของศักดิ์สิทธิ์อยู่ในร่างกาย คอยประคองรักษาชีวิตเขาไว้สอง คือเป็นซอมบี้ แต่ซอมบี้จะต้องมีกลิ่นศพแผ่ออกมาจากกาย ไม่อาจเห็นแสงตะวัน ใบหน้าก็จะขาวซีดราวกับกระดาษ ไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป ดังนั้นจึงมิใช่เหตุผลนี้ความเป็นไปได้สุดท้าย ก็คือผีดิบที่โดดออกมาจากสามโลกไม่อยู่ในห้าธาตุ แต่เขาไม่ใช่ผีดิบสภาพการณ์ของเขานั้น ตรงกับเหตุผลข้อที่หนึ่งเซ่อเจิ้งอ๋องมีเพียงรอยยิ้มบาง ๆ ให้กับคำสรรเสริญของหลงฉางเทียนเท่านั้น มิได้ตอบกลับไปแต่อย่างใดขณะที่จ่านเหยียนกำลังจมอยู่ในความคิด ก็ได้ยินน้ำเสียงจงใจดัดให้นุ่มนวลดังขึ้นมา “จ่านเหยียนคารวะฉีชินอ๋อง”เนื่องจากนางเงยหน้าขึ้นกะทันหัน ไม่ทันได้เตรียมพร้อม ทำให้ตกใจจนดวงตาทั้งสองข้างแทบจะถลนออกมาหลงจ่านซินใส่ชุดกระโปรงยาวจับจีบเผยช่วงอกสีแดงไข่มุกปักลายดอกเบญจมาศสีทองดอกใหญ่ ช่วงบนคลุมไว้ด้วยผ้าโปร่งบาง ช่วยบดบังได้ราง ๆ ทว่ากลับปิดความเย้ายวนไม่ได้ท่ามกลางความวับ ๆ แวม ๆ ผ้าโปร่งบางสีแดงยิ่งขับให้ผิวขา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 98

    บนบันไดหินหน้าระเบียงทางเดิน คนกลุ่มหนึ่งเดิมห้อมล้อมเซ่อเจิ้งอ๋องมู่หรงฉิงเทียนเข้ามาท่ามกลางแสงเทียนเลือนราง จ่านเหยียนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเขาสวมใส่ชุดคลุมสีขาวนวลดั่งแสงจันทร์ คาดผ้าคาดเอวสีทองไว้บนช่วงเอว บริเวณกลางผ้าคาดเอวฝังหยกโมราสีเขียวขนาดเท่าไข่นกกระทาไว้หนึ่งชิ้น มันทอประกายหลากสีสันออกมาใต้แสงเทียนนี่เป็นครั้งที่สามที่จ่านเหยียนได้พบเขา ทว่าบุรุษผู้นี้มักมอบความสะเทือนขวัญใหม่ ๆ แก่นางทุกครั้งที่ได้เจอใบหน้าของเขาและฉีชินอ๋องมู่หรงหานเทียนละม้ายคล้ายคลึงกันสามถึงสี่ส่วน ทว่าแฝงไปด้วยความเด็ดขาดสองอย่างที่ต่างกันออกไปสามารถใช้คำว่าอ่อนโยนดุจหยกมาบรรยายได้ฉีชินอ๋อง ส่วนเขานั้นกลับมีรัศมีองอาจดุดันแผ่ออกมาทั้งกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาไม่ได้ตั้งแต่แผ่ความองอาจดุดันนี้ออกมา ทว่าเพียงแค่เจ้าเห็นเขา ต่อให้เขาไม่แสดงสีหน้าอันใดเลย เจ้าก็ยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายองอาจดุดันที่แผ่ออกมากดดันผู้คนท่ามกลางความองอาจดุดันนั้นแฝงไปด้วยเสน่ห์แสนน่าประหวั่นที่ทำให้ผู้คนใจสั่น อืม ใช่แล้ว คำว่าเสน่ห์สุดแสนร้ายกาจที่มักจะถูกใช้บรรยายอยู่ในนิยายนั่นแหละ เมื่อก่อนนางไม่เคยเข้าใจเลย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 97

    พูดอีกอย่างก็คือ มิใช่เขาที่เป็นคนชมชอบจ่านเหยียนชะงักไปเล็กน้อย นางไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ ยังนึกอยู่เลยว่าเขาเต็มใจแต่งงานนางกล่าวออกไปไม่ตรงกับที่ใจคิดว่า “น้องหญิงเป็นคนร่าเริงฉลาดเฉลียว งดงามแลใจกว้าง เป็นแม่นางน้อยที่ไม่เลวเลยนางหนึ่ง”นอกจากจะชอบแทงเข็มใส่เล็บคนอื่นเขาทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดกับชอบตะโกนเรียกผู้อื่นมาตบบ้องหูทั้งที่เขายังไม่ทันทำอะไรเลยแล้ว ที่เหลือก็คงไม่มีข้อบกพร่องอะไรแล้วอย่างน้อย นางก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นน่ะนะฉีชินอ๋องยิ้มเย็นชา “อย่างนั้นหรือ?”จากที่เขารู้ ที่ว่าร่าเริงฉลาดเฉลียวนั้นสามารถตีความได้หลากหลายแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำมาบรรยายหลงจ่านซินจ่านเหยียนเห็นว่าเขามีสีหน้าไม่ดี ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขาไม่ค่อยพอใจนัก จึงปลอบไปว่า “ท่านอ๋องไม่ต้องกลัดกลุ้มไป หากไม่ไหวจริง ๆ ก็คิดเสียว่าแต่งงานกับแจกันดอกไม้เพื่อเอากลับไปเชยชมก็พอ ถึงอย่างไรมีสตรีงามให้ได้เชยชม ก็ถือว่าเป็นที่เจริญตาเจริญใจเรื่องหนึ่งมิใช่หรือ?”ฉีชินอ๋องยกมุมปากเผยรอยยิ้มไม่แยแสออกมา “ขอบพระทัยพระเชษฐภคินีที่ทรงปลอบ”“เรื่องที่กำหนดไว้แล้ว คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์” จ่านเหยียนเอ่ยค

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 96

    ครั้นหลงฉางเทียนกล่าวจบ จ่านเหยียนจึงเริ่มตกรางวัลนี่เป็นรายการที่สกุลหลงตั้งตาคอยที่สุด ถึงอย่างไรก็ได้ยินมาจากคนของกรมพิธีการแล้วว่าครานี้ไทฮองไทเฮาลงทุนไปไม่น้อย ของที่เลือกมาล้วนเป็นของล้ำค่าในวังทั้งสิ้นของรางวัลแต่ละชุดวางอยู่บนโต๊ะ ทั้งหมดล้วนบรรจุไว้ในกล่องของขวัญ ยามตกรางวัลก็มิได้พูดชัดเจนว่าคืออะไร เรียกความสับสนงุนงงจากคนที่มาร่วมงาน การตกรางวัลโดยปกติแล้ว มักจะแจ้งชื่อเรียกของรางวัลนั้น ๆ เพื่อให้คนรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย การตกรางวัลที่ดูลึกลับเช่นนี้ นับเป็นครั้งแรกทว่าในเมื่อไทเฮาไม่พูด จึงไม่มีคนกล้าเปิดออกดู ได้แต่สั่งให้บ่าวรับใช้ส่งกลับไปที่เรือนของตนเองก่อน กลับไปแล้วค่อยเปิดดูหงฮวาอยากเห็นมาตลอดว่าของรางวัลที่นางได้เป็นอะไร ทว่าเห็นคนอื่นไม่เปิดดู นางเองก็ไม่กล้าเปิดเช่นกันอันที่จริงนางไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก เพราะตกรางวัลมาให้นางเพียงชุดเดียว จะดีร้ายอย่างไรยามนี้นางก็ตั้งท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลหลง แม้บุตรจะยังไม่คลอดออกมา แต่ก็ควรให้เพิ่มขึ้นอีกสักสุดนางเอื้อมมือออกไปรั้งแขนเสื้อเย่เต๋อโหรว กระซิบถามว่า “ฮูหยิน ท่านว่านางควรจะตกรางวัลให้ข้าเพิ่มอีกสัก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 95

    จ่านเหยียนร้องเฮอะ “ที่หลงฉางเทียนมีนิสัยไม่มีเหตุผล ไร้ความเมตตาต่อผู้อื่นเช่นนี้ล้วนได้มาจากบรรพบุรุษอย่างที่คิดจริง ๆ”“เจ้ากล้านักนะ อยู่ในศาลบรรพชนตระกูลหลงของข้าแล้วยังจะกล้าพูดจาอวดดีเช่นนี้อีก?” ผู้เฒ่าผมขาวมองมาด้วยสายตาเดือดดาลจ่านเหยียนแย้มยิ้มชั่วร้าย “กระทั่งข้าเจ้าก็ยังไม่รู้จัก เมื่อไม่รู้จักก็เลยกล้าพูดจาสามหาวกับข้าเช่นนี้สินะ?” เมื่อจ่านเหยียนพูดจบ ก็ชูมือขาวผ่องขึ้น แหปลาสีทองปากหนึ่งพลันหล่นลงมาจากฟากฟ้า ปกคลุมกลุ่มดวงวิญญาณของสกุลหลงกลุ่มนั้นไว้ นางคว้าแหจับปลาแล้วใช้มือเหวี่ยงออกไป แหจับปลากลับหดเล็กลงเป็นกลุ่มก้อน แล้วบีบไว้ในมือแน่นหยางจิ่วเม่ยตกตะลึง รีบก้าวเข้าไปด้วยอยากจะร้องขอความเมตตา ทว่าจ่านเหยียนกลับมองนางด้วยสายตาเรียบนิ่งแล้วกล่าวว่า “เจ้าสนใจแต่ตัวเจ้าเองก็พอ”หยางจิ่วเม่ยชะงัก ก้าวถอยหลังไปอย่างระมัดระวัง“ขึ้นไปบนแท่นบูชาเถิด ข้าจะส่งเจ้าขึ้นไปด้วยมือของข้าเอง ไม่มีใครไล่เจ้าไปได้หรอก” จ่านเหยียนชูฝ่ามือขึ้นปล่อยพลังตรงไปดันหยางจิ่วเม่ยขึ้นไปวิญญาณของหยางจิ่วเม่ยกลายเป็นดอกบัวดอกหนึ่ง แล้วค่อย ๆ หายในแท่นบูชาจ่านเหยียนใช้พลังหยินกักขังบ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 94

    ก่อนงานเลี้ยงยามเย็นจะเริ่ม อยู่ ๆ จ่านเหยียนกลับบอกว่าอยากไปกราบไหว้หยางจิ่วเม่ยมารดาแท้ ๆ ของตนที่ศาลบรรพชนสักหน่อยเย่เต๋อโหรวสั่งให้คนไปนำแท่นบูชาออกมาเตรียมไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว กำชับให้วางไว้ข้าง ๆ เหล่าบรรพชนสกุลหลง ทั้งให้วางกระถางธูปไว้ด้วยหลงจ่านเหยียนเจาะจงจะให้เย่เต๋อโหรวไปกับนางด้วย มาตรแม้นว่าเย่เต๋อโหรวจะไม่ยินยอม ทว่าก็ยังตามเข้าไปด้วยท่าทีระมัดระวังเนื่องจากนางมีฐานะเป็นไทเฮา ย่อมไม่จำเป็นต้องคุกเข่าจิ้นหรูจุดธูปให้นาง แล้วจึงถอยออกไปในศาลบรรพชนหลงเหลือแค่จ่านเหยียนกับเย่เต๋อโหรวเท่านั้น คนรับใช้ล้วนรออยู่ด้านนอกจ่านเหยียนมองไปยังแท่นบูชาของหยางจิ่วเม่ย จึงรู้ว่าเพิ่งจะนำออกมาวางไปใหม่ เพราะว่าแท่นบูชานั้นใหม่เอี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีร่องรอยควันธูปเจิมเลยสักนิด“ฮูหยิน ท่านสร้างภาพได้ไม่เลวเลย” จ่านเหยียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเย่เต๋อโหรวกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “บัดนี้ไทเฮามีฐานะสูงส่ง กระทั่งคำว่ามารดาก็ไม่ยอมเรียกขานกันสักคำหรือเพคะ?”“มารดา?” จ่านเหยียนหัวเราะเสียดสี “ข้าแค่กลัวว่าถ้าเรียกออกไป แล้วท่านจะรับไม่ไหวน่ะสิ”“กฎแห่งฟ้าดินแลศีลธรรมของ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 93

    นางเฉินเพิ่งเดินออกไป หงฮวาก็เข้ามาแล้ว นางตั้งท้องได้เจ็ดแปดเดือนแล้ว บัดนี้กำลังสวมใส่ชุดสีชมพูอมม่วง ทันทีที่ก้าวเข้ามาก็กล่าวว่า “ฮูหยิน ไยเงินเดือนของเดือนนี้ถึงได้น้อยเช่นนี้เล่าเจ้าคะ? ท่านก็รู้ว่าตอนนี้ข้ากำลังท้องกำลังไส้ มีที่ที่ให้ต้องใช้เงินมากมายไปหมด เงินเล็กน้อยแค่นี้ แค่ครึ่งเดือนก็ยังไม่พอเลย”เย่เต๋อโหรวมองนางเล็กน้อย แล้วกล่าว “เดือนนี้ในจวนมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ เงินเดือนของทุกเรียนจึงลดลงเช่นกันหมด มิใช่ว่าให้ไฉ่หลีไปบอกเจ้าแล้วหรือ?”“ท่านลดเงินของผู้อื่นก็ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ แต่นี่ข้ากำลังท้องอยู่ หมอบอกว่าครรภ์นี้ของข้าเป็นผู้ชาย หากมีอะไรผิดพลาดไป ท่านแม่ทัพต้องไม่ปล่อยข้าไว้แน่” หงฮวากล่าวด้วยดวงตาเยือกเย็นซึ่งเจือแววข่มขู่เล็กน้อยเย่เต๋อโหรวกล่าวด้วยความเหนื่อยหน่าย “พอแล้ว อีกประเดี๋ยวข้าจะแบ่งจากส่วนของข้าให้เจ้าครึ่งหนึ่ง แล้วสั่งให้คนนำไปมอบให้เจ้า เช่นนี้พอใจแล้วกระมัง?”หงฮวาถึงได้ยิ้มออกมา “ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ”นางชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงกล่าวขึ้นมาอีกว่า “นึกไม่ถึงว่าหลงจ่านเหยียนจะกลับมาเยี่ยมบ้านมารดา การต้อนรับคงใช้จ่ายเงินไปไม่น้อยสินะเจ้า

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 92

    เช้าวันต่อมา รางวัลของกรมพิธีการก็มาถึง บรรจุเอาไว้เต็มรถม้าสองคันใหญ่ ล้วนเป็นของที่ไทฮองไทเฮาพระราชทานให้แก่หมู่โฮ่วฮองไทเฮาเอาไว้แจกจ่ายเป็นรางวัลระหว่างที่เดินทางกลับบ้านที่เรียกว่ากลับสู่บ้านเกิดในสภาพเต็มยศ ก็เป็นเช่นนี้เองเกี้ยวหงส์หยุดอยู่ในตรอกตำหนักหรูหลาน ขันทีแลนางกำนัลยืนเรียงเป็นสองแถว ตามอยู่ด้านหลังกองทหารเกียรติยศ ห่างไกลกันถึงหนึ่งลี้จิ้นหรูและกัวอวี้ประคองจ่านเหยียนออกมา วันนี้จ่านเหยียนสวมชุดชาววังจากผ้าไหมปักลายดอกโบตั๋นสีชมพูดอกบัวดอกใหญ่ซึ่งสวมใส่เป็นประจำ เครื่องประดับเกศาก็ปักอย่างเรียบง่าย บนผมทรงอาชาร่วงปักปิ่นทองห้อยหางหงส์ พร้อมด้วยปิ่นหยกเขียวที่ช่วยเสริมให้ดูสง่างามขึ้นท่ามกลางความงดงามนางนั่งอยู่บนเกี้ยวหงส์ กองทหารเกียรติยศคอยเปิดทางให้อยู่ด้านหน้าราตรีอันมืดมิดคืนหนึ่งเมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน นางก็ถูกหามเข้าวังไปเช่นนี้ กะพริบตาเพียงครั้ง เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปหนึ่งปีเสียแล้ว คนสกุลหลงรอรับเกี้ยวหงส์ที่หน้าประตูจวนตั้งแต่เช้าแล้ว ครั้นได้ยินเสียงของกองทหารเกียรติยศดังขึ้น หลงฉางเทียนก็รีบสั่งให้คนออกมาต้อนรับทันทีพรมสีแดงผืนหนึ่งทอดยาวตั้งแต่

Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status