Share

บทที่ 236

Author: ลิ่วเยว่
ปีศาจหมาป่าหัวเราะฮ่า ๆ ดังลั่น ครั้นเหินตัวไปมือหนึ่งก็เสียบเข้าหัวใจของเสวี้ยนจื่อ แล้วออกแรงขยุ้มควักหัวใจออกมาทั้งอย่างนั้น

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ตาย เจ้าคือผีดิบ แต่ข้าแค่อยากรู้ว่าผีดิบที่ไม่มีหัวใจจะอยู่อย่างไร” ปีศาจหมาป่าหัวเราะอย่างดุร้าย หัวใจของเสวี้ยนจื่อลุกไหม้กลายเป็นผงอยู่ในมือของเขาทีละน้อย

เสวี้ยนจื่อเจ็บจนตัวยืดตรง จากนั้นก็ชักกระตุก เขาขบฟันกรามแน่น ไม่ยอมส่งเสียงสักแอะ

“โอ๊ะ ปากแข็งเสียด้วย” ปีศาจหมาป่าแย้มยิ้มชั่วร้ายต่ำทราม เผยฟันแหลมคมน่ากลัวหลายซี่

เขายื่นมือออกไปตรง ๆ อัคคีสองดวงขึ้นร่างกลางฝ่ามือของเขา เปลวไฟสูงขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มจากสีเหลือง จากนั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงและสีดำในท้ายที่สุด

“วิชาไฟบรรลัยกัลป์?” จ่านเหยียนอึ้งเล็กน้อย

“เหมือนจะเคยได้ยินท่านบอกว่าเป็นวิชาเหมาซัน” อาเสอเอ่ย

จ่านเหยียนพยักหน้า “ดูท่าคนที่สะกดเขาจะตายไปพร้อมกับเขาแล้ว คนผู้นั้นใช้ชีวิตสะกดเขา สุดท้าย คนตายแล้ว เขากลับดูดซับแก่นวิญญาณของอีกฝ่าย บัดนี้ขึ้นมาจากใต้พิภพ ใช้ดวงวิญญาณของคนผู้นั้น”

“นั่นคือนักพรตเหมาซันที่น่าเคารพ เสียดาย เขาใช้ชีวิตสะกดปีศาจหมาป่า ตอนนี้กลับถูกฟางจี
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 237

    บัดนี้เผชิญหน้ากับฟางจี้จื่อ แม้เขาจะมีวิชาพรตสูงส่งเช่นนี้ สุดท้ายก็เกือบตายอนาถด้วยน้ำมือเขาอยู่ดีหากนางหนูที่ดูเหมือนไร้พิษไร้ภัยตรงหน้า ใช้แค่กระบวนท่าเดียว แค่กระบวนท่าเดียว! เขาก็สิ้นกำลังตอบโต้แล้ว จ่านเหยียนมิได้ตอบเขา มังกรตัวเขื่อนสีทองอร่ามคำรามทีหนึ่งก็กลายเป็นเพลิงโหมไหม้ในพริบตา“อ๊าาา”เสียงหมาป่าโหยหวนดังก้องหุบเขาเป็นพัก ๆ ส่งเสียงออกไปยังสถานที่อันไกลโพ้น อาเสอได้ยินแล้วพลันตัวสั่นหงึกหงักปีศาจหมาป่าวิญญาณแตกสลาย ดวงวิญญาณนับไม่ถ้วนลอยออกมาจากไฟโหมไหม้นั้น ทั้งหมดล้วนเป็นชีวิตที่ถูกปีศาจหมาป่าดูดวิญญาณเหล่านั้นกลายร่างเป็นคน โค้งคำนับจ่านเหยียนทีหนึ่งก่อนจะสลายตัวลอยออกไป“ม่องเท่งหรือยัง?” อาเสอเดินไปเตะแขนของเสวี้ยนจื่อเบา ๆเสวี้ยนจื่อถูกเผาจนเป็นตอตะโกทั้งตัว เขายังไม่ตาย แต่... เขาทรมาน หลักการนี้เหมือนกับจ่านเหยียนครั้นเขาลืมตาก็อยากจะลุกขึ้น ดวงตามองไปทางฟางจี้จื่อ ฟางจี้จื่อลมหายใจรวยรินแล้ว ฟางจี้จื่อมองจ่านเหยียน ในดวงตามีน้ำตาขุ่นมัว และมีความรู้สึกผิดที่เห็นได้อย่างชัดเจน“ขออภัย...” เขาเปล่งคำนี้ออกมาจากปากไหม้เกรียม ร่างกายสั่นเทาจ่านเห

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 238

    คทามังกรของจ่านเหยียนลอยออกไปหมุนวนอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็กลับถึงมือของจ่านเหยียนอีกครั้งอาเสอมองนางนิ่ง ๆ ฟางจี้จื่อก็มองนางนิ่ง ๆ เหมือนกันเสวี้ยนจื่อลืมตาขึ้น ในดวงตาเจือการวิงวอนจ่านเหยียนถอนหายใจทีหนึ่ง เก็บก้อนหินด้านข้างมาก้อนหนึ่ง แล้วใช้กำลังฝ่ามือขัดจนกลายเป็นรูปหัวใจ ปากก็ว่า “ความจริง...การเป็นคนใจหินไส้เหล็กก็ไม่เลวเหมือนกัน”นางวางก้อนหินเข้าไปในหัวใจของเสวี้ยนจื่อ จากนั้นก็ปิดผนึก ตามด้วยกรีดเลือดจากนิ้วของตัวเองแล้วหยดลงไปหลอมรวมกับหัวใจของเสวี้ยนจื่อเสวี้ยนจื่อรู้สึกเพียงตรงตำแหน่งหัวใจถูกเติมเต็มทันใด และความทรมานบรรเทาลงทีละน้อยฟางจี้จื่อมองภาพนี้ด้วยความอัศจรรย์ใจ เขามิเคยเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อน กระทั่งไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น เขาเดินไปประคองเสวี้ยนจื่อและถาม “รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?”เนื่องจากเลือดหนึ่งหยดของจ่านเหยียน สีเลือดบนใบหน้าของเสวี้ยนจื่อจึงค่อย ๆ กลับมาแดงระเรื่อดังเดิม หนำซ้ำยังแดงยิ่งกว่าเมื่อก่อน เขาเอามือคลำตำแหน่งหัวใจของตัวเอง ตรงนั้นแนบสนิทไม่มีรอยสักนิด ความรู้สึกของเขาผสมปนเปอย่างอธิบายไม่ถูก ซาบซึ้ง ตื่นเต้น...จ่านเหยียนเอ่ย “ในตัวของ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 239

    “ผู้ดูแลเฉิน เมื่อคืนแม่นั่นหนำใจละสิ? เสียดายแพงไปหน่อย มิเช่นนั้นข้าจะได้สนุกด้วยแล้ว” ชายร่างกำยำดื่มสุราชามหนึ่ง แล้วหัวเราะฮ่า ๆ“แพงไปหน่อย แต่ก็คุ้มค่า!” ผู้ที่กล่าวคือชายหน้าขาวเนียนเหมือนบัณฑิตอายุสามสิบกว่า ใบหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยถ้อยคำที่พวกเขากล่าว อาเสอและจ่านเหยียนได้ยินแล้วสงบราบเรียบ แม้แต่เสวี้ยนจื่อก็ยังไม่รู้สึกอะไร ทว่าฟางจี้จื่อกลับขุ่นเคืองเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบา “กลางวันแสก ๆ ก็หยิบยกเรื่องพวกนี้ออกมาพูด ไม่รู้จักอายเสียบ้าง”จ่านเหยียนมองเขาแวบหนึ่ง “เจ้ายุ่งเกินไปแล้ว การพูดคืออิสระ พวกเขาจะพูดอะไรก็เรื่องของพวกเขา แค่ไม่ทำร้ายคน เจ้าก็มิจำเป็นต้องยุ่ง”ก็จริง หลาย ๆ เรื่อง ที่ควรยุ่งก็ยุ่ง ที่ไม่ควรยุ่งเขาก็ยุ่งฟางจี้จื่อหน้าแดงเล็กน้อย “ถูกต้อง ข้าได้รับการสั่งสอนแล้ว”จ่านเหยียนกลับไม่มีใจจะสั่งสอน กล่าวตามความจริง นางไม่ค่อยชอบให้คนอื่นเคารพนบนอบกับนางเช่นนี้ อย่างกับนางเป็นเทพเซียนสูงส่งที่รับควันธูปจากแดนมนุษย์อย่างนั้นแหละนางคิดแล้วจึงเอ่ย “กินข้าวเถอะ”เสวี้ยนจื่อมิได้ขยับตะเกียบ เขากินของพวกนี้ไม่ได้จ่านเหยียนปราดตามองเขาแวบหนึ่ง “ตอนนี้เจ้ากิน

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 240

    หลังจากจ่านเหยียนกินเสร็จก็เดินไปหน้าราวกันของโรงน้ำชาเพื่อแหงนหน้าดูท้องฟ้าไอปีศาจวุ่นวายมาก แผ่ออกไปทุกทิศทุกทาง แต่ก็มีไม่น้อยที่กรูมาทางเมืองหลวงเหมือนกัน “วันนี้ก็ไม่รู้อย่างไรสิน่า มักรู้สึกมีลมเย็นยะเยือกพัดมา เฮ้อ หรือว่าจะอากาศเปลี่ยนแล้ว?” เสี่ยวเอ้อร์พาดผ้าขนหนูไว้ที่ไหล่ เอ่ยกับเสี่ยวเอ้อร์ที่กำลังเช็ดโต๊ะยกจานอยู่ด้านข้างอีกคนหนึ่ง“คงอย่างนั้นกระมัง เวลานี้เพิ่งจะลงต้นกล้า ถ้าฝนตกหนักก็แย่แล้ว” เสี่ยวเอ้อร์เอ่ยอย่างกังวล“ก็นั่นนะสิ บ้านข้าก็เพิ่งลงกล้าเหมือนกัน เมียข้ายังปลูกแตงในนาแน่ะ ถ้าฝนเทลงมา นางต้องยุ่งอีกแล้ว”“น่ารำคาญจริง ๆ!”จ่านเหยียนหันไปมองเสี่ยวเอ้อร์ทั้งสองคนที่กำลังสนทนาสิ่งที่ชาวบ้านต้องการคือฝนตกต้องตามฤดูกาล อยู่เย็นเป็นสุข แต่ก็เหมือนกับปฏิกิริยาของผีเสื้อ น้ำผึ้งหยดเดียว อากาศ ราชสำนัก ล้วนส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพของพวกเขานางมองไปทางฟางจี้จื่อ ฟางจี้จื่อกำลังมองเสี่ยวเอ้อร์ทั้งสองนิ่ง ๆ เขารู้สึกทรมานใจอย่างพูดไม่ออกหลายปีนี้เขาไม่เคยสงสัยความเชื่อของตัวเอง เพื่อกำจัดปีศาจ เขาสามารถเปลี่ยนแปลงอากาศได้ตามอำเภอใจ อัญเชิญอาวุธวิเศษร้ายกาจอ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 241

    ฟางจี้จื่อยิ้มกระดาก “วันนั้นข้าแค่สนใจแต่จะกำจัดผีป่า แม้จะช่วยเขา แต่นั่นคือเขากั่งสูงชัน ข้ากลับไม่เคยคิดว่าเขาจะลงไปอย่างไร? เขารอดมาได้ล้วนเป็นความกรุณาของสวรรค์ ไม่เกี่ยวกับข้าจริง ๆ แม้นข้ามีความเมตตาสักนิด ก็ควรส่งเขาลงเขา”จ่านเหยียนไม่พูด สำหรับฟางจี้จื่อในขณะนั้น การสังหารผีป่าคือเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง เขายึดการช่วยคนเป็นหลัก แต่ระหว่างนั้นกลับละเลยเจตนารมณ์เดิมและจุดเริ่มต้น นี่คือความผิดที่มนุษย์มักพลาดบ่อย ๆ“ท่านอาจารย์ เป็นท่านที่มอบชีวิตใหม่ให้เขา ท่านรับความซาบซึ้งใจจากเขาได้ขอรับ” เสวี้ยนจื่อทำใจให้ฟางจี้จื่อเสียใจไม่ได้ จึงกล่าวปลอบฟางจี้จื่อไม่สุ้มเสียง ความเชื่อในใจที่ยึดมั่นมานานหลายปีพังทลายในพริบตา นี่สำหรับเขาแล้วคือการโจมตีอย่างหนักทุกคนกลับยอดเขาอีกครั้ง จ่านเหยียนเอ่ย “พวกเราสี่คนแยกย้ายกันไปดักสี่ทิศ ข้าต้องชี้แจงเรื่องหนึ่ง หากพบกับอันตราย ห้ามฝืนรับคนเดียว ต้องขอความช่วยเหลือ”“รับทราบ!” เสวี้ยนจื่อกับอาเสอขานรับจ่านเหยียนมองฟางจี้จื่อแล้วเอ่ยเรียบ “หากเจ้ารู้สึกว่าชาตินี้ตัวเองทำผิดมากมาย เช่นนั้นตอนนี้เจ้าต้องการโอกาสในการชดเชย เจ้าอย่าได้คิดจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 242

    จังหวะที่กระบี่เหรียญทองแดงกำลังจะแทงเข้าหัวใจของเขา จู่ ๆ เขาก็สะดุ้งตื่น เขาต้องวิชาภาพลวงตาเข้าให้แล้วแม้จะเข้าใจวิชาภาพลวงตา แต่เขารู้ว่าตัวเองมิใช่คู่ต่อสู้ของปีศาจงู ก็วินาทีนั้นเอง เขารู้สึกอ่อนล้าขึ้นมากะทันหัน ให้มันเป็นเช่นนี้เถอะ หลุดพ้นเสียได้ก็ดี มิเช่นนั้น เขามิรู้ว่าจะเผชิญหน้ากับบาปกรรมของตัวเองได้อย่างไรกระบี่เหรียญทองแดงของเขาลังเลเพียงชั่วขณะก็แทงเข้าหัวใจของเขาต่อจ่านเหยียนกำลังจัดการปีศาจคางคกตนหนึ่งอยู่บนเมฆ เหลือบเห็นสถานการณ์ของฟางจี้จื่อโดยบังเอิญ จึงปล่อยคทามังกรพุ่งออกไปกระแทกมือของฟางจี้จื่อด้วยความเดือดดาล และกระบี่เหรียญทองแดงก็ตกลงด้วยเหตุนี้คทามังกรกลายเป็นมังกรยักษ์สีเหลืองทองกลืนกินปีศาจงู เมื่อนั้นไอดำจึงสลายไปจ่านเหยียนใช้อักขระสวัสติกะสะกดปีศาจคางคก แล้วเหาะมาตบหน้าฟางจี้จื่อฉาดหนึ่ง เอ่ยด้วยโทสะ “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!”ฟางจี้จื่อใบหน้าหมองหม่น คุกเข่าลง “เหตุใดท่านเซียนต้องช่วยข้าด้วย? ให้ข้าใช้ความตายไถ่โทษเถอะ”จ่านเหยียนชี้ไอดำทั่วท้องฟ้า แล้วตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าตายมันง่าย แต่เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าใครต้องเก็บกวาดผลที่ตามมา? เจ้าบำเ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 243

    ก็เหมือนกับปัจจุบันที่เผชิญหน้ากับศพมากมาย เผชิญหน้ากับครอบครัวเบื้องหลังศพมากมายเหล่านี้ นางเสียใจมากเผ่ามังกรเคยสะกดมารร้ายนอกรีตมากมาย และเคยจองจำราชามารตลอดจนเทพชั่วช้าในคุกวารีไม่น้อย ดังนั้นนางในยามนี้ แม้จะออกปฏิบัติภารกิจเป็นประจำ แต่ก็ไม่มีหน้าเผชิญหน้ากับผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นวงกว้างเช่นนี้ เพราะนั่นแทบจะเป็นโลกศิวิไลซ์สุขสงบบนแดนดินทว่าบัดนี้นางต้องเผชิญหน้ากับคนมากมายที่ตายเพราะนาง และผู้ที่ตายยังเป็นชาวบ้านตาดำ ๆ สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอที่สุดในสามโลกหกวิถี“คุณหนูใหญ่!” อาเสอประคองจ่านเหยียน การห้ำหั่นสองวันนี้อาเสออ่อนเปลี้ยเพลียแรงแล้วเหมือนกัน แต่นางรู้ว่าจ่านเหยียนเหนื่อยยิ่งกว่า เพราะในอักขระสวัสติกะของนางสะกดปีศาจไปแล้วยี่สิบกว่าตน อีกทั้งนางยังบาดเจ็บ“อย่าเสียใจเลยนะ” อาเสอปลอบจ่านเหยียนมองฟางจี้จื่อและเอ่ยเสียงเย็น “นี่ก็คือผลจากความวู่วาม หากเมื่อครู่เจ้าตายก็จะไม่ได้เห็น ต่อจากนี้ยังอาจมีเรื่องมากมายเกิดขึ้น เจ้าไปตายเถอะ ตายแล้วก็จบ ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น และไม่ต้องเผชิญหน้ากับผลกรรมที่ตนก่อ!”ลมพายุหอบมา กระพือฝุ่นดินทลายฟุ้งทั่วฟ้าหลังจากฟ้าผ่าลงมาก็มี

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 244

    จ่านเหยียนถามฟางจี้จื่อ “ตอนนี้เจ้าจะไปตายอย่างกล้าหาญชาญชัย หรือจะเผชิญหน้ากับเรื่องต่อจากนี้ที่โหดร้ายยิ่งกว่า?”ฟางจี้จื่อนิ่งงันครู่ใหญ่จึงเงยหน้ามองจ่านเหยียน “ทุกอย่าง สุดแล้วแต่ท่านเซียนจะบัญชา”เขาต้องการตามหาดวงวิญญาณทั้งสามสิบแปดดวงกลับคืนมา พวกเขาตายเพราะเขา เขามิอาจปัดความรับผิดชอบได้จ่านเหยียนพยักหน้า เอ่ย “พวกเจ้าสี่คนช่วยคุ้มกันให้ข้า ข้าต้องใช้มหาเวทสวัสติกะสะกดพวกเขาอีกครั้ง ระหว่างนี้ห้ามถูกรบกวนแม้แต่น้อย มิเช่นนั้นมหาเวทสิ้นฤทธิ์ และข้าก็จะบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน”หนีเข้าเมืองหลวงแล้ว นางจึงได้แต่ปล่อยวางลงก่อน จัดการความโกลาหลตรงหน้าแล้วค่อยว่ากัน“รับทราบ!”ลมพายุหมุนหอบสิ่งของนอกโรงน้ำชาขึ้นบนฟ้า จากนั้นก็ทุ่มลงมากระจัดกระจายส่งเสียงดังเปรียะ ๆ ไปทั่ว ต้นหรงร้อยปีต้นหนึ่งถูกถอนรากถอนโคนพัดไปไกลหลายจั้ง ก่อนจะตกทับรถม้าของคณะพ่อค้าที่ผ่านมาคันหนึ่งคณะพ่อค้าเหล่านั้นตายอนาถอยู่ในโรงน้ำชาแล้วจ่านเหยียนร่ายเวทส่งคนไปบนเขาน้ำแข็ง ใช้น้ำแข็งกลบผนึกเอาไว้ รอนางหาดวงวิญญาณกลับมาได้แล้วค่อยร่ายเวทให้พวกเขากลับมามีชีวิตลมพายุพาฝนกระหน่ำมาถึง ปรากฏการณ์ท้องฟ้ามีช่อ

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 248

    บ่าวรับใช้ได้ยินคำพูดของเชียนอวี่แล้วก็หัวเราะเหน็บ การเดินทอดน่องที่แต่เดิมก็ช้าอยู่แล้วหยุดลงกะทันหัน “มีคนตายแล้ว? ใต้หล้านี้มีวันใดบ้างที่ไม่มีคนตาย? ตายก็ถือได้แค่ว่าคนพวกนั้นดวงซวย เกี่ยวอะไรกับใต้เท้าเรา?”เชียนอวี่สะกดความวู่วามที่อยากตบหน้าเขา แล้วเอ่ย “รบกวนรีบไปเร็วเถอะ ท่านอ๋องกำลังรออยู่ที่เขื่อน”บ่าวรับใช้อยู่นั่นแค่นเสียงฮึ “ท่านอ๋อง อ๋องท่านไหน? เมืองหลวงนี้มิใช่อ๋องทุกคนก็เรียกใช้ใต้เท้าเราได้นะ”เชียนอวี่กัดฟันพูด “เซ่อเจิ้งอ๋อง!”บ่าวรับใช้ผู้นั้นผงะ “เซ่อเจิ้งอ๋อง? เซ่อเจิ้งอ๋องเชิญใต้เท้าเรากลางดึกไปทำอะไร?”“ข้าบอกแล้ว แม่น้ำรอบเมืองเขื่อนแตก” เชียนอวี่แทบอดทนถึงที่สุดแล้วหลังจากบ่าวรับใช้ผู้นั้นพิจารณาครู่หนึ่งก็เอ่ยชืด ๆ “รอเถอะ!”เมื่อนั้นบ่าวรับใช้จึงเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปถงจื่อหยากำลังกอดอนุภรรยานอนหลับฝันหวาน ในเรือนของเขามีภรรยาและอนุภรรยานับสิบคน ย่อมไม่สามารถพักอยู่ในเรือนหลักได้ทั้งหมด จึงซื้อเรือนพักอีกสิบกว่าแห่งให้อนุภรรยาเหล่านั้นอยู่บ่าวรับใช้เดินไปถึงหน้าห้อง อาฟาบ่าวคนสนิทของถงจื่อหยากำลังเข้าเวรนั่งอยู่หน้าระเบียงทางเดินเมื่อเห็นบ่าว

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 247

    ตอนนี้เอง ทหารกองหนุนก็เพิ่งถึงใต้เท้าหลี่ผู้ว่าการเมืองหลวงก็มาถึงแล้วเช่นกัน เขาเปียกปอนไปทั้งตัวเหมือนกับมู่หรงฉิงเทียน ผู้ใต้บังคับบัญชาส่งเสื้อและหมวกกันฝนให้เขา ไม่ขอให้กันฝน ขอเพียงสามารถลืมตาท่ามกลางลมพายุฝนกระหน่ำเช่นนี้ได้ก็พอ“ท่านอ๋อง จะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?” ชั่วขณะใต้เท้าหลี่คิดไม่ออก นับจากเขาดำรงตำแหน่ง นี่คืออุทกภัยร้ายแรงที่สุดในเมืองหลวง“สั่งให้ช่วยคน!” มู่หรงฉิงเทียนบัญชาการทั้งหน้าตาเคร่งเครียด มือหนึ่งลากทหารรักษาการณ์ของเมืองหลวงแล้วสั่งเสียงกร้าว “เร็ว ช่วยได้เท่าไรเท่านั้น เรือไม้ล่ะ? เตรียมแล้วหรือ?!”“เตรียมแล้วพ่ะย่ะค่ะ จะลงน้ำเดี๋ยวนี้!” นายทหารผู้นั้นน่าจะถูกคนเรียกตกใจตื่นจากเตียง แต่งตัวไม่เรียบร้อย ผมเผ้ารุงรัง“ให้ไว!” มู่หรงฉิงเทียนเอ่ยบรรดาทหารลงน้ำช่วยคน น้ำเชี่ยวมาก ช่วยคนมือเปล่าเป็นเรื่องลำบากยิ่ง ดังนั้นจึงลากเชือกป่านหลายเส้นมาที่ชายฝั่ง ด้านหนึ่งมัดกับตะขอเหล็กบนฝั่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งก็ผูกติดกับตัวของทหารเรือไม้ลำน้อยลงน้ำตามลำดับ แล่นไปทางชาวบ้าน“เสนาบดีกรมโยธาและเสนาบดีกรมคลังอยู่ที่ไหน?!” มู่หรงฉิงเทียนดวงตาแดงก่ำวาวโรจน์ ตะคอกก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 246

    กลางดึก ฝนยังโปรยปรายอย่างต่อเนื่องดึกดื่นค่อนคืนฮุ่ยอวิ่นผลักประตูของมู่หรงฉิงเทียน “เทียน ลุกเร็ว เกิดเรื่องแล้ว เขื่อนแตกแล้ว!”มู่หรงฉิงเทียนผุดลุกขึ้นมาจากเตียง “เกิดอะไรขึ้น?”ฮุ่ยอวิ่นตัวชุ่มโชก วาวโรจน์ “ทางน้ำตัน น้ำไม่ลด เอ่อขึ้นมาจนเขื่อนรับไม่ไหวก็เลยแตก”“ลอกทางน้ำนานแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดจึงตันได้?” มู่หรงฉิงเทียนคลุมเสื้อรวบผมแล้วเดินออกไปข้างนอกทันที“หัวหน้างานเป็นคนของราชครูถง กรมคลังจ่ายเงินไปแล้ว แต่กรมโยธาไม่ทำงานให้ดี” ฮุ่ยอวิ่นตอบด้วยความโกรธโทสะคลั่งปกคลุมดวงตาของมู่หรงฉิงเทียน เขาเอ่ยเสียงหนัก “ไปที่เขื่อนก่อน สั่งทหารไปช่วยภัยพิบัติ ลากตัวทุกคนในกรมคลังและกรมโยธาไปที่เขื่อนให้หมด!”ฝนหนักมาก เทสาดลงมาจากฟ้าเมืองหลวงมีพายุฝนเป็นประจำ เคยน้ำท่วมต่อหลายครั้ง ดังนั้นเรื่องแรกหลังจากมู่หรงฉิงเทียนขึ้นรั้งตำแหน่งก็คือสร้างเขื่อนและลอกทางระบายน้ำ น้ำจากแม่น้ำไหลลงสู่ทะเลโดยตรง ไม่ว่าฝนจะตกหนักเพียงไร หากมิได้เทกระหน่ำสามวันสามคืนจนทำให้มีน้ำหลากจากภูเขา จะไม่ทำให้เขื่อนแตกเด็ดขาดแต่... ยามนี้ฝนตกแค่สองชั่วยามเขื่อนก็พังแล้ว แค่คิดก็รู้ว่าใช้วัสดุใดในการสร

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 245

    จ่านเหยียนบอกกับพวกเขา “ตอนทำพิธีอาจทำให้อากาศแปรปรวน วันคืนสลับสับเปลี่ยน แต่ด้วยสีของท้องฟ้าในเวลานี้ ต่อให้วันคืนสลับสับเปลี่ยนก็ไม่เป็นไร พวกเจ้าต้องดูเอาไว้ ห้ามให้ผู้ใดบุกเข้าลานเวทของข้า จำไว้ คน ปีศาจ ตลอดจนสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็บุกเข้าไปไม่ได้!”“ปีศาจบุกเข้าไปจะเป็นอย่างไรหรือ? เหตุใดคนจึงบุกเข้าไปไม่ได้? คนบุกเข้าไปได้หรือ?” อาเสอถาม“ปีศาจจะดวงวิญญาณสลาย การใช้มหาเวทสวัสติกะในแดนมนุษย์ เป็นการใช้รูปแบบปราการสวรรค์บนโลกมนุษย์ แต่ผู้คุมกฎสามโลกคือคน ธิดามังกรก็คือคน ดังนั้นทันทีที่มีคนบุกเข้ามา ค่ายอาคมจะแตกเพราะพลังวิญญาณของคนผู้นั้นกับข้า และข้าก็จะถูกพลังมังกรแว้งกัด” จ่านเหยียนเอ่ย“ได้ เข้าใจแล้ว!” พระอาจารย์เป่ากวงเอ่ยจ่านเหยียนมองฟางจี้จื่อ คนผู้นี้คือคนที่วางใจไม่ได้ที่สุด ความมุ่งมั่นของเขายังไม่แน่วแน่พอฟางจี้จื่อไม่รอให้นางเอ่ยปากก็กล่าว “ท่านเซียนโปรดวางใจ ข้ารู้ความร้ายแรงของเรื่องนี้ ต้องปกป้องค่ายกลด้วยชีวิตแน่”จ่านเหยียนอื่มเสียงหนึ่ง จากนั้นก็เด็ดใบไม้ลอยขึ้นฟ้าใบไหม้แหวกเมฆดำเป็นช่องหนึ่ง ประกายแสงสีเหลืองสายหนึ่งเปล่งออกมาจากหว่างคิ้วของจ่านเหยียน

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 244

    จ่านเหยียนถามฟางจี้จื่อ “ตอนนี้เจ้าจะไปตายอย่างกล้าหาญชาญชัย หรือจะเผชิญหน้ากับเรื่องต่อจากนี้ที่โหดร้ายยิ่งกว่า?”ฟางจี้จื่อนิ่งงันครู่ใหญ่จึงเงยหน้ามองจ่านเหยียน “ทุกอย่าง สุดแล้วแต่ท่านเซียนจะบัญชา”เขาต้องการตามหาดวงวิญญาณทั้งสามสิบแปดดวงกลับคืนมา พวกเขาตายเพราะเขา เขามิอาจปัดความรับผิดชอบได้จ่านเหยียนพยักหน้า เอ่ย “พวกเจ้าสี่คนช่วยคุ้มกันให้ข้า ข้าต้องใช้มหาเวทสวัสติกะสะกดพวกเขาอีกครั้ง ระหว่างนี้ห้ามถูกรบกวนแม้แต่น้อย มิเช่นนั้นมหาเวทสิ้นฤทธิ์ และข้าก็จะบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน”หนีเข้าเมืองหลวงแล้ว นางจึงได้แต่ปล่อยวางลงก่อน จัดการความโกลาหลตรงหน้าแล้วค่อยว่ากัน“รับทราบ!”ลมพายุหมุนหอบสิ่งของนอกโรงน้ำชาขึ้นบนฟ้า จากนั้นก็ทุ่มลงมากระจัดกระจายส่งเสียงดังเปรียะ ๆ ไปทั่ว ต้นหรงร้อยปีต้นหนึ่งถูกถอนรากถอนโคนพัดไปไกลหลายจั้ง ก่อนจะตกทับรถม้าของคณะพ่อค้าที่ผ่านมาคันหนึ่งคณะพ่อค้าเหล่านั้นตายอนาถอยู่ในโรงน้ำชาแล้วจ่านเหยียนร่ายเวทส่งคนไปบนเขาน้ำแข็ง ใช้น้ำแข็งกลบผนึกเอาไว้ รอนางหาดวงวิญญาณกลับมาได้แล้วค่อยร่ายเวทให้พวกเขากลับมามีชีวิตลมพายุพาฝนกระหน่ำมาถึง ปรากฏการณ์ท้องฟ้ามีช่อ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 243

    ก็เหมือนกับปัจจุบันที่เผชิญหน้ากับศพมากมาย เผชิญหน้ากับครอบครัวเบื้องหลังศพมากมายเหล่านี้ นางเสียใจมากเผ่ามังกรเคยสะกดมารร้ายนอกรีตมากมาย และเคยจองจำราชามารตลอดจนเทพชั่วช้าในคุกวารีไม่น้อย ดังนั้นนางในยามนี้ แม้จะออกปฏิบัติภารกิจเป็นประจำ แต่ก็ไม่มีหน้าเผชิญหน้ากับผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นวงกว้างเช่นนี้ เพราะนั่นแทบจะเป็นโลกศิวิไลซ์สุขสงบบนแดนดินทว่าบัดนี้นางต้องเผชิญหน้ากับคนมากมายที่ตายเพราะนาง และผู้ที่ตายยังเป็นชาวบ้านตาดำ ๆ สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอที่สุดในสามโลกหกวิถี“คุณหนูใหญ่!” อาเสอประคองจ่านเหยียน การห้ำหั่นสองวันนี้อาเสออ่อนเปลี้ยเพลียแรงแล้วเหมือนกัน แต่นางรู้ว่าจ่านเหยียนเหนื่อยยิ่งกว่า เพราะในอักขระสวัสติกะของนางสะกดปีศาจไปแล้วยี่สิบกว่าตน อีกทั้งนางยังบาดเจ็บ“อย่าเสียใจเลยนะ” อาเสอปลอบจ่านเหยียนมองฟางจี้จื่อและเอ่ยเสียงเย็น “นี่ก็คือผลจากความวู่วาม หากเมื่อครู่เจ้าตายก็จะไม่ได้เห็น ต่อจากนี้ยังอาจมีเรื่องมากมายเกิดขึ้น เจ้าไปตายเถอะ ตายแล้วก็จบ ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น และไม่ต้องเผชิญหน้ากับผลกรรมที่ตนก่อ!”ลมพายุหอบมา กระพือฝุ่นดินทลายฟุ้งทั่วฟ้าหลังจากฟ้าผ่าลงมาก็มี

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 242

    จังหวะที่กระบี่เหรียญทองแดงกำลังจะแทงเข้าหัวใจของเขา จู่ ๆ เขาก็สะดุ้งตื่น เขาต้องวิชาภาพลวงตาเข้าให้แล้วแม้จะเข้าใจวิชาภาพลวงตา แต่เขารู้ว่าตัวเองมิใช่คู่ต่อสู้ของปีศาจงู ก็วินาทีนั้นเอง เขารู้สึกอ่อนล้าขึ้นมากะทันหัน ให้มันเป็นเช่นนี้เถอะ หลุดพ้นเสียได้ก็ดี มิเช่นนั้น เขามิรู้ว่าจะเผชิญหน้ากับบาปกรรมของตัวเองได้อย่างไรกระบี่เหรียญทองแดงของเขาลังเลเพียงชั่วขณะก็แทงเข้าหัวใจของเขาต่อจ่านเหยียนกำลังจัดการปีศาจคางคกตนหนึ่งอยู่บนเมฆ เหลือบเห็นสถานการณ์ของฟางจี้จื่อโดยบังเอิญ จึงปล่อยคทามังกรพุ่งออกไปกระแทกมือของฟางจี้จื่อด้วยความเดือดดาล และกระบี่เหรียญทองแดงก็ตกลงด้วยเหตุนี้คทามังกรกลายเป็นมังกรยักษ์สีเหลืองทองกลืนกินปีศาจงู เมื่อนั้นไอดำจึงสลายไปจ่านเหยียนใช้อักขระสวัสติกะสะกดปีศาจคางคก แล้วเหาะมาตบหน้าฟางจี้จื่อฉาดหนึ่ง เอ่ยด้วยโทสะ “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!”ฟางจี้จื่อใบหน้าหมองหม่น คุกเข่าลง “เหตุใดท่านเซียนต้องช่วยข้าด้วย? ให้ข้าใช้ความตายไถ่โทษเถอะ”จ่านเหยียนชี้ไอดำทั่วท้องฟ้า แล้วตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าตายมันง่าย แต่เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าใครต้องเก็บกวาดผลที่ตามมา? เจ้าบำเ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 241

    ฟางจี้จื่อยิ้มกระดาก “วันนั้นข้าแค่สนใจแต่จะกำจัดผีป่า แม้จะช่วยเขา แต่นั่นคือเขากั่งสูงชัน ข้ากลับไม่เคยคิดว่าเขาจะลงไปอย่างไร? เขารอดมาได้ล้วนเป็นความกรุณาของสวรรค์ ไม่เกี่ยวกับข้าจริง ๆ แม้นข้ามีความเมตตาสักนิด ก็ควรส่งเขาลงเขา”จ่านเหยียนไม่พูด สำหรับฟางจี้จื่อในขณะนั้น การสังหารผีป่าคือเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง เขายึดการช่วยคนเป็นหลัก แต่ระหว่างนั้นกลับละเลยเจตนารมณ์เดิมและจุดเริ่มต้น นี่คือความผิดที่มนุษย์มักพลาดบ่อย ๆ“ท่านอาจารย์ เป็นท่านที่มอบชีวิตใหม่ให้เขา ท่านรับความซาบซึ้งใจจากเขาได้ขอรับ” เสวี้ยนจื่อทำใจให้ฟางจี้จื่อเสียใจไม่ได้ จึงกล่าวปลอบฟางจี้จื่อไม่สุ้มเสียง ความเชื่อในใจที่ยึดมั่นมานานหลายปีพังทลายในพริบตา นี่สำหรับเขาแล้วคือการโจมตีอย่างหนักทุกคนกลับยอดเขาอีกครั้ง จ่านเหยียนเอ่ย “พวกเราสี่คนแยกย้ายกันไปดักสี่ทิศ ข้าต้องชี้แจงเรื่องหนึ่ง หากพบกับอันตราย ห้ามฝืนรับคนเดียว ต้องขอความช่วยเหลือ”“รับทราบ!” เสวี้ยนจื่อกับอาเสอขานรับจ่านเหยียนมองฟางจี้จื่อแล้วเอ่ยเรียบ “หากเจ้ารู้สึกว่าชาตินี้ตัวเองทำผิดมากมาย เช่นนั้นตอนนี้เจ้าต้องการโอกาสในการชดเชย เจ้าอย่าได้คิดจ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 240

    หลังจากจ่านเหยียนกินเสร็จก็เดินไปหน้าราวกันของโรงน้ำชาเพื่อแหงนหน้าดูท้องฟ้าไอปีศาจวุ่นวายมาก แผ่ออกไปทุกทิศทุกทาง แต่ก็มีไม่น้อยที่กรูมาทางเมืองหลวงเหมือนกัน “วันนี้ก็ไม่รู้อย่างไรสิน่า มักรู้สึกมีลมเย็นยะเยือกพัดมา เฮ้อ หรือว่าจะอากาศเปลี่ยนแล้ว?” เสี่ยวเอ้อร์พาดผ้าขนหนูไว้ที่ไหล่ เอ่ยกับเสี่ยวเอ้อร์ที่กำลังเช็ดโต๊ะยกจานอยู่ด้านข้างอีกคนหนึ่ง“คงอย่างนั้นกระมัง เวลานี้เพิ่งจะลงต้นกล้า ถ้าฝนตกหนักก็แย่แล้ว” เสี่ยวเอ้อร์เอ่ยอย่างกังวล“ก็นั่นนะสิ บ้านข้าก็เพิ่งลงกล้าเหมือนกัน เมียข้ายังปลูกแตงในนาแน่ะ ถ้าฝนเทลงมา นางต้องยุ่งอีกแล้ว”“น่ารำคาญจริง ๆ!”จ่านเหยียนหันไปมองเสี่ยวเอ้อร์ทั้งสองคนที่กำลังสนทนาสิ่งที่ชาวบ้านต้องการคือฝนตกต้องตามฤดูกาล อยู่เย็นเป็นสุข แต่ก็เหมือนกับปฏิกิริยาของผีเสื้อ น้ำผึ้งหยดเดียว อากาศ ราชสำนัก ล้วนส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพของพวกเขานางมองไปทางฟางจี้จื่อ ฟางจี้จื่อกำลังมองเสี่ยวเอ้อร์ทั้งสองนิ่ง ๆ เขารู้สึกทรมานใจอย่างพูดไม่ออกหลายปีนี้เขาไม่เคยสงสัยความเชื่อของตัวเอง เพื่อกำจัดปีศาจ เขาสามารถเปลี่ยนแปลงอากาศได้ตามอำเภอใจ อัญเชิญอาวุธวิเศษร้ายกาจอ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status