บทที่ 4 ชายในดวงใจ
เจียงเสิ่นเย่วกำลังต้อนรับขุนนางทั้งหลายด้วยท่าทีสุขุมและเปี่ยมด้วยบารมี ในขณะที่เจียงอันเล่อยืนอยู่ข้างกายผู้เป็นบิดาอย่างสำรวม แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย นางก้มลงมองปลายรองเท้าของตัวเองอย่างไร้ความสนใจ
“เล่อเอ๋อร์ เจ้าไปทักทายคุณหนูหลิวที่มุมโน้นก่อนดีหรือไม่” เจียงเสิ่นเย่วกล่าวแผ่วเบา พร้อมพยักพเยิดไปยังบุตรสาวของใต้เท้าหลิวฟู่เว่ยที่ยืนอยู่ไกลออกไป
เจียงอันเล่อถอนหายใจเงียบๆ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “เจ้าค่ะ ท่านพ่อ” แต่ก่อนที่นางจะก้าวออกไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา
“คารวะท่านโหว”
น้ำเสียงนั้นชัดเจนทุ้มนุ่มราวกับสายน้ำที่รินไหลแฝงไปด้วยความอ่อนโยนเจืออยู่ในที เสียงนั้นทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นหันมามองต้นเสียง รวมถึงเจียงอันเล่อที่กำลังจะก้าวเท้าเดินไป
เจียงอันเล่อชะงักเท้าหันหน้ากลับมามองยังต้นเสียงดังกล่าว แล้วสายตาของนางก็ประสานเข้ากับชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีกรมท่าปักลวดลายขลิบทอง ชายหนุ่มผู้นี้มีคิ้วเข้มดั่งกระบี่ที่โค้งรับกับดวงตาคมกริบราวอัญมณี จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเป็นรูปกระจับเผยรอยยิ้มเพียงน้อยนิดที่กลับทำให้ใจเต้นแรง
“ใต้เท้าหานอย่าได้มากพิธี พวกเราคนกันเองทั้งนั้น อย่าได้เกรงใจเลย” เจียงเสิ่นเย่วกล่าวพลางยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทางดีอกดีใจ
“ขอบคุณท่านโหว” หานอี้หลงยิ้มตอบ ก่อนจะหันไปหาเจียงอันเล่อที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“ยินดีกับคุณหนูเจียงด้วย” หานอี้หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
เจียงอันเล่อถึงกับยืนตะลึงตาค้าง นางจ้องมองหานอี้หลง ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่กะพริบตา ใบหน้าขาวรับกับคิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน กับริมฝีปากเป็นรูปกระจับ ส่งให้ใบหน้าดูหล่อละมุน อีกทั้งรูปร่างของเขาสูงโปร่ง ให้ความรู้สึกราวกับไอดอลในโทรทัศน์ทีเดียว ไม่สิหล่อยิ่งกว่าไอดอลทั้งหลายเสียด้วยซ้ำ
เจียงอันเล่อถึงกับก้มหน้าพร้อมกับใบหน้าแดงเรื่อขึ้นมาเมื่อได้พบกับหานอี้หลง ชายในดวงใจของนาง ยิ่งได้มาพบตัวเป็นๆ ตรงหน้าก็ยิ่งทำให้เจียงอันเล่อถึงกับหัวใจเต้นรัวแรงขึ้นมา
หานอี้หลงยิ้มบางๆ พร้อมกล่าวคำทักทายตอบกลับอย่างสุภาพ แต่ก่อนที่เจียงอันเล่อจะรู้ตัว หญิงสาวในชุดผ้าไหมสีชมพูอ่อนเดินตามหลังหานอี้หลงเข้ามา หญิงสาวผู้นั้นมีใบหน้าหมดจดประหนึ่งภาพวาด คิ้วเรียวงาม จมูกเล็กได้รูป ริมฝีปากแต้มสีแดงระเรื่อ “หยางชิวเหยา” หญิงสาวที่คว้าหัวใจของเขา แต่กลับผลักเขาลงสู่ห้วงเหวอย่างน่าสงสาร
เจียงอันเล่อยืนตัวแข็ง ขณะที่หัวใจของนางกระตุกวูบ มือเล็กกำชายกระโปรงแน่น นางก้มหน้าลงซ่อนใบหน้าแดงระเรื่อที่พลันเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิด
“เล่อเอ๋อร์ คารวะใต้เท้าหานและฮูหยินเสียสิ” เจียงเสิ่นเย่วกระซิบเตือน
“คารวะใต้เท้าหาน...คารวะฮูหยินหาน” เจียงอันเล่อย่อตัวคารวะตามมารยาท แต่นางไม่สามารถปิดบังความไม่พอใจได้อย่างสิ้นเชิง สายตาของนางเผลอเหลือบมองหยางชิวเหยา พลางค้อนขวับอย่างไม่อาจห้ามใจ
หานอี้หลงเหลือบมองเจียงอันเล่อพร้อมคิ้วที่ขมวดขึ้นเล็กน้อย เขารับรู้ถึงความรู้สึกไม่เป็นมิตรที่แผ่ออกมาจากเจียงอันเล่อในขณะที่จ้องมองหยางชิวเหยา หานอี้หลงเหลือบมองหยางชิวเหยาอย่างรู้สึกห่วงใยนางกับท่าทีที่เจียงอันเล่อมีต่อฮูหยินของตน
หยางชิวเหยาเพียงยกยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับปรบที่หลังมือให้หานอี้หลงอย่างให้คลายกังวล หานอี้หลงยิ้มกว้างให้หยางชิวเหยาอีกครั้งด้วยความรู้สึกรักใคร่ยิ่งนัก
ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้เจียงอันเล่อรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาในทันที ท่านจะมอดม้วยเพราะนางอยู่แล้ว ยังไม่สำนึกอีก เจียงอันเล่อทำท่าทางฮึดฮัดขึ้นมาจนเจียงเสิ่นเย่วหน้าเสียขึ้นมากับท่าทีเสียมารยาทของบุตรสาว
“เล่อเอ๋อร์คงเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้ว เชิญใต้เท้าหานและฮูหยินด้านในก่อนเถิด” เจียงเสิ่นเย่วกล่าวพลางหันไปหาสาวใช้ในทันที
สาวใช้รีบเข้ามาต้อนรับและพาหานอี้หลงและหยางชิวเหยาเข้าไปนั่งด้านใน
เจียงอันเล่อยังคงยืนหน้าหงิกงอมองตามร่างสูงของหานอี้หลงและหยางชิวเหยาที่เดินตามสาวใช้ไปพร้อมกัน พร้อมกับส่งสายตาหม่นแสงลงอย่างรู้สึกอึดอัดคับข้องใจเป็นยิ่งนัก
“ข้าจะทำเช่นใดให้ท่านตาสว่างเสียที” เจียงอันเล่อถึงกับบ่นพึมพำออกมาอย่างหงุดหงิด
ในขณะที่หานอี้หลงและหยางชิวเหยานั่งลงที่โต๊ะด้านใน หานอี้หลงก็หันมาหาหยางชิวเหยาอย่างห่วงใยอีกครั้ง
“เหยาเอ๋อร์...เจ้ารู้สึกไม่สบายใจหรือไม่ เมื่อครู่ข้าเห็นคุณหนูเจียงมองเจ้าแล้วรู้สึกขัดใจยิ่งนัก” หานอี้หลงพูดพร้อมยกมือขึ้นกอบกุมมือบางอย่างห่วงใย
หยางชิวเหยาเพียงยิ้มเล็กยิ้มน้อยอย่างรู้สึกขบขัน “ท่านพี่อย่าคิดมากเลย สายตาเช่นนั้น ข้าเห็นจนชินชาแล้ว ใครใช้ให้ท่านพี่เนื้อหอมเช่นนี้เล่า ต่อให้ท่านแต่งงานแล้ว แต่หญิงสาวในเมืองหลวงมากมายต่างเฝ้าฝันถึงท่านไม่หยุดหย่อน พวกนางเห็นข้าแล้วรู้สึกขัดเคืองเช่นนี้ก็เป็นธรรมดามิใช่หรือ” หยางชิวเหยาพูดพลางส่งสายตาหยอกล้อให้กับหานอี้หลง สามีของตน นางรู้ดีว่าชายหนุ่มเช่นหานอี้หลงที่ทั้งมีตำแหน่ง อำนาจและแสนดีเช่นนี้ ย่อมเป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั้งหลายเป็นธรรมดา
“เหยาเอ๋อร์...แล้วเจ้าเล่า...ข้าเนื้อหอมกับเจ้าด้วยหรือไม่” หานอี้หลงรีบหยอดคำหวานให้หยางชิวเหยาในทันทีที่มีโอกาส
“ข้าเหนื่อยจะพูดกับท่านแล้ว” หยางชิวเหยาปรายตามองค้อนขวับใส่หานอี้หลงในทันที เขามักเป็นเช่นนี้อยู่เสมอจนนางเริ่มรู้สึกชินชาเสียแล้ว แต่ที่น่าแปลกใจคือนางกลับมิเคยรู้สึกใจเต้นแรงแม้สักครั้งหนึ่ง นั่นเป็นสิ่งที่หยางชิวเหยาได้แต่รู้สึกผิดต่อหานอี้หลงอยู่ลึกๆ ภายในใจ
หานอี้หลงหัวเราะร่าออกมากับท่าทีปั้นปึ่งของหยางชิวเหยาอย่างรู้สึกชอบใจ ก่อนจะกอบกุมมือของหยางชิวเหยาเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าสิ่งมีค่าตรงหน้าจะหลุดลอยออกไปจากชีวิตของเขาก็ไม่ปาน
บทที่ 5 คำพูดเสียดแทงเจียงอันเล่อที่หัวเสียเรื่องหานอี้หลงและหยางชิวเหยา นางยังคงรู้สึกหงุดหงิดใจไม่หาย หัวใจของนางเต็มไปด้วยความคับข้องหมองใจ เจียงอันเล่อจึงตัดสินใจปลีกตัวออกมาเดินเล่นในสวนเพื่อคลายความรู้สึกที่เกาะกินจิตใจในตอนนี้ให้สงบลงเจียงอันเล่อเดินทอดน่องไปตามทางอย่างเลื่อนลอย ความคิดกังวลสับสนว้าวุ่นในใจปะปนผสมผสานจนนางรู้สึกปวดหัวไปหมด ใบหน้างดงามของนางมีความเคร่งเครียดปรากฏชัด ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น แววตาเรียวงามเต็มไปด้วยความว้าวุ่นใจและความผิดหวังขณะเดินไปเรื่อยๆ สายตาของเจียงอันเล่อก็พลันสะดุดเข้ากับร่างของหยางชิวเหยาที่กำลังนั่งอยู่ในศาลากลางสวนเพียงลำพัง ใบหน้าขาวละมุนของนางดูอ่อนโยนแต่แฝงด้วยความเหนื่อยล้า นางกำลังนั่งพิงเสาไม้ มองสระน้ำเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอยเจียงอันเล่อหยุดชะงักทันทีที่เห็นอีกฝ่าย นางเบือนหน้าเตรียมหันหลังกลับอย่างมิคิดจะเข้าไปเสวนาด้วย แต่แล้วความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวเจียงอันเล่อตัดสินใจสาวเท้าเข้าไปภายในศาลาและประจันหน้ากับหยางชิวเหยาอย่างไม่รอช้า“ฮูหยินหาน ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่าน” เสียงของเจียงอันเล่อดังขึ้นอย่างไม่ลังเล ดวงตาเรีย
บทที่ 6 ปรับแผนในห้องโถงใหญ่ของเรือนสกุลเจียง เจียงเสิ่นเย่วนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สลักลวดลายมังกรอย่างสง่างาม ใบหน้าคมคายดุเข้มฉายแววเคร่งเครียด ริมฝีปากหนาเม้มแน่น มือหนาวางบนโต๊ะไม้เนื้อแข็ง พร้อมเคาะเบาๆ อย่างไม่สบอารมณ์เจียงอันเล่อที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านข้าง พร้อมกับกำลังนั่งก้มหน้ามองพื้นด้วยใบหน้าสลด“เล่อเอ๋อร์” เสียงทุ้มต่ำของเจียงเสิ่นเย่วดังขึ้นพร้อมสายตาดุดัน “เจ้าเป็นอันใดหรือ...เหตุใดเจ้าจึงใช้วาจาหยาบคายต่อหน้าฮูหยินหานเช่นนั้น”เจียงอันเล่อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตากลมโตแฝงแววขัดเคืองใจ ริมฝีปากอิ่มที่มักยิ้มแย้ม กลับเม้มแน่นเหมือนต้องการกลั้นคำพูดไว้ นางอยากตะโกนว่าเหตุใดใต้เท้าหานจึงโง่งมหลงรักหยางชิวเหยาที่ไม่ได้รักเขา แต่ก็กลั้นใจไม่พูดออกมา“เฮ้อ...เล่อเอ๋อร์ เจ้าก็รู้ว่าข้าอุตส่าห์พยายามรักษาความสัมพันธ์กับใต้เท้าหานมาช้านาน แล้วเหตุใดวันนี้เจ้ากลับทำเรื่องไม่สมควรจนทำให้ใต้เท้าหานโกรธเคืองถึงเพียงนี้ เจ้ามิรู้หรอกหรือว่าใต้เท้าหานรักใคร่ฮูหยินของเขามาเพียงใด”เจียงอันเล่อได้แต่สะบัดหน้าหนีพร้อมกับความหงุดหงิดใจ ยิ่งบิดาของตนกล่าวเช่นนั้นก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกเดือด
บทที่ 7 ฝากฝังวันถัดมาเจียงเสิ่นเย่วและเจียงอันเล่อก็เดินทางออกจากจวน ทั้งสองก้าวเท้าขึ้นไปบนรถม้าที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย ก่อนที่คนขับจะบังคับม้าตรงไปยังด้านหน้าของสำนักโยธา“เล่อเอ๋อร์...แม้เจ้าจะพรางตัวเช่นนี้ แต่ข้าก็อดรู้สึกหวาดหวั่นใจไม่ได้ทีเดียว” เจียงเสิ่นเย่วกล่าวออกมาพร้อมจ้องมองบุตรสาวตรงหน้า หญิงสาวที่มัดผมรวบขึ้นศีรษะดั่งเช่นชายหนุ่ม ทั้งยังแต่งกายเฉกเช่นบุรุษด้วยชุดผ้าต่วนสีเทา รูปร่างเล็กผิวขาวซีดจนดูนุ่มนิ่ม เจียงเสิ่นเย่วยังคงมองบุตรสายด้วยสายตาเป็นกังวล แม้ว่าฝีมือในการแต่งหน้าพรางตัวของแม่นมหลินจะดีเยี่ยมแต่ด้วยรูปร่างที่แตกต่างจากชายหนุ่มอย่างลิบลับ ก็ทำให้เขายังคงไม่สบายใจอยู่ดี“ท่านพ่ออย่าได้กังวลไปเลย ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่มิให้ผู้ใดจับได้” เจียงอันเล่อยื่นมือไปบีบมือหนาของบิดาเอาไว้ พร้อมมองเขาด้วยสายตาออดอ้อน“ข้าจะลองดูแล้วกัน” เจียงเสิ่นเย่วเบือนหน้าหนีอย่างนึกระอาใจ นี่คงเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ของตนหรือไม่กันแน่“เช่นนั้นเจ้าจงจำไว้ ต่อไปนี้เจ้าคือ “หลงซีอ่าว” เด็กหนุ่มกำพร้าไร้ซึ่งญาติมิตรและชาติกำเนิด”“ขอรับนายท่าน ต่อไปนี้ซีอ่าวจะ
บทที่ 8 ลองภูมิหานอี้หลงก้าวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของหลงซีอ่าว เขาจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาคมกริบอย่างต้องการจับพิรุธ“เอ่อ...ใต้เท้าหานเชิญท่านว่ามาเถิด” หลงซีอ่าวเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก เสียงของเขานุ่มนวลราวกับผู้หญิง ดวงตากลมโตจ้องมองหานอี้หลงอย่างไม่กะพริบตาหานอี้หลงถึงกับกระแอมออกมาพร้อมเบือนสายตาหนีออกไปอย่างรู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูกเจียงเสิ่นเย่วที่ยืนอยู่ด้านข้างพลางส่งสายตาอย่างเป็นกำลังใจและหนักใจอยู่ในเวลาเดียวกัน บุตรสาวของเขาเป็นเด็กสาวที่อยู่แต่ในเรือนหลัง ตำราที่เคยศึกษาล้วนแล้วแต่เป็นเพียงตำราสอนหญิงเท่านั้น หากแต่นางกลับมีความมั่นใจอย่างน่าประหลาดว่าจะสามารถชนะใจหานอี้หลงได้ ซึ่งคนเป็นพ่อเช่นเขาจึงได้แต่เออออไปตามนางอย่างนึกห่วงใยหานอี้หลงหันหลังให้หลงซีอ่าวพร้อมกับยกมือขึ้นไพล่หลังไว้อย่างใช้ความคิด ชายหนุ่มผู้นี้ทำให้เขาอดตั้งคำถามในใจไม่ได้ว่าเขาจะมีความสามารถเช่นที่เจียงเสิ่นเย่วยกยอจริงหรือไม่“ข้าจะถามเจ้าเรื่องง่ายๆ ก่อนก็แล้วกัน” หานอี้หลงกล่าวด้วย น้ำเสียงเข้มขรึม คิ้วหนาขมวดแน่นเป็นปมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “ในงานก่อสร้างเขื่อน หากต้องขุดลอกดินลึกถึงส
บทที่ 9 เริ่มงานบรรยากาศในจวนสกุลเจียงเย็นเยือกและสงบเงียบในยามพลบค่ำ เจียงเสิ่นเย่วและเจียงอันเล่อเดินทางกลับจากการจัดการตามแผนที่วางไว้อย่างเรียบร้อยเจียงเสิ่นเย่วก้าวเข้ามาภายในห้องโถงใหญ่พร้อมกับบุตรสาวด้วยความรู้สึกสงสัยที่ติดอยู่ในใจในความฉลาดหลักแหลมของบุตรสาวที่มีอย่างมิอาจเชื่อได้ มือใหญ่ยังคงกำวนกันไปมาอย่างใช้ความคิดและชั่งใจอยู่นาน หน้าผากของเขาขมวดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายเจียงเสิ่นเย่วจึงตัดสินใจหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเจียงอันเล่ออีกครั้ง พร้อมกับจ้องมองบุตรสาวด้วยสายตาที่จับพิรุธอยู่ในที“เล่อเอ๋อร์...แม้ว่าเจ้าจะได้เข้าทำงานที่สำนักโยธาแล้ว แต่ข้ากลับอดรู้สึกสงสัยไม่ได้...เจ้าคิดสิ่งประดิษฐ์เช่นนี้ขึ้นมาได้เช่นใด” เจียงเสิ่นเย่วเอ่ยขึ้นมาอย่างต้องการคลายความค้างคาในใจที่มี ปลายสายตาคมกริบยังคงจับจ้องไปยังบุตรสาวอย่างไม่กะพริบตาเจียงอันเล่อได้แต่ยิ้มบางออกมาพร้อมกับใบหน้าที่มีสีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อต้องพบกับคำถามดังกล่าวของบิดาเจียงอันเล่อเม้มปากแน่นอย่างต้องการตั้งสติ ก่อนจะกล่าวออกไปอย่างหน้าตาย “ท่านพ่อ...ตัวข้าเป็นเพียงหญิงสาวภายในจวนจะหาได้มีความรู้อั
บทที่ 10 ผู้ช่วยเจียงอันเล่อกลับมาที่จวนด้วยสภาพอ่อนล้า วันนี้ทั้งวันนางได้แต่ยกเอกสารขึ้นลงไปมาจนร่างกายปวดร้าวไปทั้งตัว ทั้งยังหงุดหงิดใจที่ได้ยินข่าวเรื่องหานอี้หลงอีกต่างหาก “เฮ้อ...ท่านจะตายเพราะนางอยู่แล้วยังไม่สำนึกอีก” เจียงอันเล่อได้แต่ก่นด่าในใจด้วยความหงุดหงิดหลีอันรีบเข้ามาปรนนิบัตินายหญิงของตนอย่างรวดเร็ว หลังจากเจียงอันเล่ออาบน้ำเป็นที่เรียบร้อย นางก็ล้มตัวลงนอนในทันที ความเหนื่อยล้าที่ก่อตัวขึ้นอย่างมาก ทำให้เปลือกตาของนางที่หนักอึ้งปิดลงไปอย่างรวดเร็วในที่สุดยามเช้าที่แสงแดดเริ่มทอประกาย เจียงอันเล่อเดินทางมาถึงด้านหน้าของสำนักโยธาอย่างกระตือรือร้นอีกครั้ง นางก้าวเดินเข้าสู่ด้านในด้วยท่าทีคล่องแคล่วและมั่นใจ มวยผมที่มัดรวบขึ้นเหนือหัวเฉกเช่นบุรุษกับชุดขุนนางสีกรมท่าที่ดูหลวมโคร่งกว่าชายหนุ่มทั่วไปแอบซ่อนอำพรางเรือนร่างหญิงสาวไว้ได้อย่างมิดชิดเมื่อเจียงอันเล่อก้าวเท้าเข้าสู่ห้องทำงานใหญ่ของสำนัก ดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นด้วยความตื่นเต้น รอยยิ้มเล็กผุดขึ้นที่มุมปากพร้อมกับมือที่กำแน่นขึ้นมาตรงกลางห้องโถงใหญ่หานอี้หลงกำลังยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยเอ
บทที่ 11 ตรากตรำเจียงอันเล่อนั่งตัวตรงอยู่ด้านหน้าโต๊ะไม้ใหญ่ กองเอกสารปึกใหญ่เรียงรายอยู่บนโต๊ะไม้สัก ข้างๆ กันมีแผนผังเมืองและแบบแปลนต่างๆ กระจัดกระจายอยู่ทั่ว สายตาจดจ่ออยู่กับแบบร่างที่นางพยายามวาดขึ้นมาอย่างตั้งใจ ดวงตากลมโตมีรอยคล้ำจากการอดหลับอดนอนติดต่อกันหลายคืน เส้นผมยาวสลวยถูกรวบไว้ลวกๆเจียงอันเล่อขะมักเขม้นกับการศึกษาเอกสารและข้อมูลอย่างเอาเป็นเอาตาย เดิมพันของรางวัลจากหานอี้หลงเป็นแรงผลักดันให้นางข่มกลั้นความเหนื่อยล้าและความง่วงจากการอดหลับอดนอนเอาไว้ เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นบนหน้าผากในยามที่นางใช้สมองขบคิดอย่างหนักหลีอันเดินเข้ามาด้านในห้องอย่างนึกเป็นห่วง ร่างกายของเจียงอันเล่อนั้นบอบบางและอ่อนแอ นางเกรงว่านายหญิงของนางจะทนความเหน็ดเหนื่อยไม่ไหวจนทรุดป่วยเอาได้“คุณหนูเจ้าคะ หยุดสักครู่ก่อนเถิดเจ้าคะ ข้าทำอาหารเบาท้องมาให้ท่านทานเจ้าค่ะ” หลีอันวางจานอาหารใบเล็กลงบนโต๊ะพร้อมกับเอ่ยเรียกเจียงอันเล่ออีกครั้ง“เจ้าวางเอาไว้ก่อนเถิด ข้ายังไม่หิว” เจียงอันเล่อเอ่ยลอยๆ โดยที่มิได้เงยหน้าขึ้นมองหลีอันแม้แต่น้อย สายตายังคงเพ่งมองเส้นสายที่นางวาดลงบนกระดาษอย่างไม่อาจละสายตา“คุณ
บทที่ 12 เสนอความคิดผ่านไปสิบห้าวันเต็มที่เจียงอันเล่อทุ่มเทให้กับงานนี้ นางแทบไม่ได้หลับได้นอน แม้กระทั่งอาหารแต่ละมื้อก็แทบจะลืมไปเสียสิ้น เจียงอันเล่อใช้เวลาเกือบทั้งหมดในห้องตั้งแต่พลิกอ่านเอกสารเก่าที่หานอี้หลงมอบให้ไปจนถึงการร่างแบบแปลนใหม่ให้สมบูรณ์ที่สุด รวมทั้งนางยังให้บ่าวชายในเรือนช่วยทำโครงสร้างไม้ขึ้นมาเป็นต้นแบบเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจอีกด้วยเจียงอันเล่อถือแบบร่างที่นางลงทุนลงแรงไปอย่างมากมุ่งหน้าตรงไปยังห้องทำงานของหานอี้หลง หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นและดีใจในความสำเร็จของตนเอง เจียงอันเล่อเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าหานอี้หลงจะต้องทึ่งกับความคิดของนางอย่างไม่ยากนักเป็นแน่ห้องทำงานใหญ่ของหานอี้หลงยังคงสงบนิ่งเหมือนเดิม กลิ่นหอมของไม้สนลอยอบอวลในอากาศ หานอี้หลงยังคงยืนอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานด้วยท่าทางสุขุมและเคร่งเครียด ใบหน้าหล่อเหลาราวกับไอดอลในยุคสมัยใหม่ในขณะที่หว่างคิ้วกับขมวดเข้าหากันอย่างคนกำลังใช้ความคิดยิ่งขับให้ชายหนุ่มดูมีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลอย่างมากเจียงอันเล่อเหม่อลอยมองหน้าหานอี้หลงอย่างปลาบปลื้ม นางยกยิ้มกว้างขึ้นมา พร้อมกับอดคิดมิได้ว่าหากหาน
ตอนที่ 53 บทสรุปของนิยายค่ำคืนในเมืองหลวงสงบเงียบลงหลังจากความวุ่นวายภายในวังหลวงได้จบสิ้นลง เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลาเหตุการณ์ในครั้งนั้นส่งผลให้เจียงเสิ่นเย่วถูกริบทรัพย์สินจนหมดสิ้นเหลือเพียงเงินทองบางส่วนเพื่อประทังชีวิตอย่างไม่ยากลำบากนัก เขาถูกกักบริเวณอยู่ภายในจวนสกุลเจียงโดยมีทหารควบคุมเพื่อมิให้ติดต่อผู้ใดซึ่งอาจเป็นการกบฏขึ้นอีกในภายหลัง ส่วนเหล่าขุนนางที่เกี่ยวข้อง บ้างก็ถูกประหาร บ้างก็ถูกเนรเทศจนมิเหลือสิ้นในขณะที่องค์หญิงห้าหงอวิ๋นชิว เจียงอันเล่อรู้ดีว่านางมีความทะเยอทะยานอยากมีอำนาจเพื่อปกป้องตนเองจากความโหดร้ายของวังหลวงมากเพียงใด การร่วมมือกันในครั้งนี้จึงทำให้นางได้รับความโปรดปรานจากหงจูเหลียง รวมถึงได้รับพระราชทานตรายศสำหรับละเว้นโทษให้กับนางอีกด้วยในขณะที่หงฟางซินแม้จะเป็นบุตรชายคนเล็ก แต่เพราะความเฉลียวฉลาดและผลงานชิ้นดังกล่าว เดิมทีหงจูเหลียงตั้งใจจะมอบตำแหน่งรัชทายาทให้แก่เขา แต่หงฟางซินกลับปฏิเสธด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทำให้ตำแหน่งรัชทายาทจึงยังคงเป็นของพี่ชายของตนสืบต่อไป ส่วนฮองเฮาเม่งฉีเต๋อนั้นไม่ว่าจะเป็นบุตรคนใดของนางเป็นรัชทาย
ตอนที่ 52 ล้อมจับท้องฟ้ายามราตรีถูกแต่งแต้มด้วยแสงพลุที่แตกกระจายเป็นประกายระยิบระยับ งานเลี้ยงเฉลิมฉลองชัยชนะของจางลู่เหวินถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในพระราชวัง หงจูเหลียงประทับบนบัลลังก์สูงสุด ล้อมรอบไปด้วยเหล่าขุนนางที่มาร่วมงานเลี้ยง เสียงเครื่องดนตรีบรรเลงขับกล่อม ผสมกับเสียงหัวเราะของเหล่าขุนนางและแขกที่มาร่วมงาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้นเจียงเสิ่นเย่วได้รับเทียบเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย เขาสวมอาภรณ์หรูหราตามฐานะ ใบหน้าคงความสง่างามและเยือกเย็นเฉกเช่นทุกครั้ง แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความหวาดระแวง แผนการใหญ่ของเขากำลังใกล้จะเริ่มต้นขึ้น การที่หงจูเหลียงเชิญเขามาร่วมงานในค่ำคืนนี้มิรู้ว่าจะมีแผนการร้ายอันใดหรือไม่ แต่คนอย่างเขาเมื่อขึ้นหลังเสือแล้วก็มิอาจลงได้โดยง่าย เจียงเสิ่นเย่วจึงข่มใจปั้นหน้านิ่งขรึมและวางท่าอย่างสง่างามเพียงเท่านั้น“ท่านพ่อ...” เจียงอันเล่อมองบิดาของตนจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามด้วยแววตาแห่งความรู้สึกผิดและวิตกกังวล นางรับรู้ได้ถึงพายุแห่งความเปลี่ยนแปลงที่กำลังใกล้เข้ามา ดวงตาของหานอี้หลงที่ยืนอยู่ด้านข้างของนางฉายแววความห่วงใยในตัวหญิงสาวข้างก
ตอนที่ 51 เดินแผนการสายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาที่บานหน้าต่างกระทบกับผิวบางที่เปลือยเปล่าของเจียงอันเล่อ นางขยับกายซุกไซ้เข้ากระชับกับแผงอกหนาอุ่นนุ่ม ก่อนจะเหลือบมองหานอี้หลงที่นอนอยู่เคียงข้าง ใบหน้าของเขาสงบนิ่ง ดวงตาปิดสนิทกับลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เจียงอันเล่อยกยิ้มขึ้นมาอย่างรู้สึกตื้นตันใจ นางมิกล้าคิดหวังว่านางจะสมหวังเช่นนี้ เจียงอันเล่อหลับตาลงอีกครั้ง ดวงตาปิดสนิทพร้อมกับหลับใหลไปในที่สุดช่วงสายของวันใหม่หงฟางซินมายืนรออยู่ที่ด้านหน้าจวน เมื่อเขาเห็นเจียงอันเล่อและหานอี้หลงเดินออกมาพร้อมกัน คิ้วทั้งสองข้างของหงฟางซินก็กระตุกขึ้นมาในทันที สายตาของเขาฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจน “เล่อเอ๋อร์...ดูท่าความสัมพันธ์ของพวกเจ้าจะดีขึ้นมากกว่าที่ข้าคิดไว้” หงฟางซินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงประชดประชัน พลางพ่นลมหายใจออกมาเบาๆหานอี้หลงปรายตามองหงฟางซินอย่างไม่สบอารมณ์ เขายิ้มเยาะก่อนเอ่ยกลับออกมา “ข้ากับฮูหยินรักใคร่กันดี แล้วท่านเกี่ยวอันใดด้วยเล่า”“เจ้า” หงฟางซินกัดฟันแน่น นัยน์ตาวาวโรจน์ด้วยความขุ่นเคือง มือที่กำหมัดแน่นสั่นเล็กน้อยราวกับต้องการระงับอารมณ์ของตนเอง“พอได้แล้ว ทั้งสองคนน
ตอนที่ 50 ยอมทิ้งศักดิ์ศรีเจียงอันเล่อยิ้มเจื่อนขึ้นมาเมื่อเห็นว่าหานอี้หลงยังคงนิ่งเฉย นางกะพริบตาเพื่อไล่หยาดน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น ดวงตาคู่งามฉายแววแน่วแน่ พยายามรักษาศักดิ์ศรีของตนไว้ให้คงอยู่ แม้ว่าในใจจะแหลกสลายไปแล้วก็ตาม“พรุ่งนี้ข้าจะส่งหนังสือหย่าให้ท่าน หวังว่าท่านจะมิทำให้ข้าลำบากใจอีก” เจียงอันเล่อกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับสั่นเครือแม้ว่าจะพยายามรักษาท่าทีมากเพียงใดก็ตาม นางตัดสินใจหมุนกายเตรียมก้าวเดินออกจากห้องไปเสียหานอี้หลงยืนนิ่งราวกับถูกตรึงเอาไว้ ความรู้สึกต่างๆ ประเดประดังเข้าใส่ราวกับคลื่นมหาสมุทร ดวงตาคมกริบที่เคยแน่วแน่ฉายแววเจ็บปวดอย่างที่สุด เมื่อเจียงอันเล่อหันหลังให้กับเขา ความรู้สึกหวาดกลัวพลันแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจจนหานอี้หลงแทบหายใจไม่ออก“เล่อเอ๋อร์” หานอี้หลงร้องเรียกออกมา ก่อนจะโถมตัวเข้าสวมกอดร่างบางจากทางด้านหลังเอาไว้แน่น อ้อมแขนแกร่งรัดแน่นราวกับกลัวว่านางจะสลายหายไปในพริบตา“เล่อเอ๋อร์...ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไปเลย ข้ามีเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น” น้ำเสียงของหานอี้หลงสั่นไหวอย่างที่มิเคยเป็นมาก่อน ศีรษะก้มต่ำซบลงที่ลาดไหล่ของเจี
ตอนที่ 49 เหนี่ยวรั้งครั้งสุดท้ายหานอี้หลงกระชากแขนเจียงอันเล่อเข้าปะทะกับแผงอกเข้าอย่างจัง ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วห้องมีเพียงเสียงลมหายใจที่ติดขัดของทั้งสองคน พร้อมสายตาที่จ้องมองกันอย่างมิมีใครยอมใคร“เจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่” หานอี้หลงตะคอกออกมาอย่างหมดความอดทน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยโทสะ ความหึงหวงแผ่ซ่านไปทั่วร่างราวกับเพลิงที่ไม่มีวันดับ ดวงตาดุดันจ้องมองร่างบางที่เบื้องหน้า“ใต้เท้า...ท่านต่างหากที่คิดจะทำอันใดกันแน่” เจียงอันเล่อโต้กลับในทันที“เฮอะ...ฮูหยินของข้าออกตะลอนไปทั่วเมืองกับชายอื่น เจ้าจะให้ข้านั่งรออยู่ที่จวนเฉยๆ เช่นนั้นหรือ”“เพี๊ยะ...” เจียงอันเล่อยกมือขึ้นสะบัดไปที่ใบหน้าของหานอี้หลงจนเต็มแรง “ใต้เท้า...ท่านอย่าได้คิดว่าดูถูกข้าเช่นนี้”หานอี้หลงยกมือขึ้นลูบใบหน้า พร้อมกับแสยะยิ้มขึ้นมาจนดูน่าหวาดกลัว เขากระชากแขนของเจียงอันเล่อเข้าหาตัวอีกครั้ง “งั้นข้าควรคิดเช่นใด...เจ้าลองตอบข้ามาสักหน่อย”เจียงอันเล่อสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขา นางเชิดหน้าขึ้นอย่างทระนง ทว่าดวงตาของนางกลับมีร่องรอยของความผิดหวังลึกซึ้ง นางกวาดตามองหานอี้หลงอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินตรงไปยั
ตอนที่ 48 ร้อนใจในยามสายของวันหนึ่ง เจียงอันเล่อที่นั่งพลิกอ่านสารลับที่หลีอันเพิ่งนำมามอบให้ ดวงตางดงามแต่นิ่งลึกฉายแวววิตกกังวลใจขึ้นมาในทันที คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน นางเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะกำสารลับไว้ในมือแน่นขึ้น “ถึงเวลาแล้วสินะ”“หลีอันรีบเตรียมรถม้าให้ข้าที” เจียงอันเล่อรีบสั่งหลีอันอย่างเร่งร้อน พลางเงยหน้ามองออกไปภายนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าสีครามที่ดูงดงามราวกับภาพวาดกลับมิอาจกลบเกลื่อนความรู้สึกอึดอัดภายในใจที่มี เจียงอันเล่อมิรอช้าอีกต่อไป นางรีบเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดเรียบง่าย คลุมทับด้วยผ้าคลุมสีเข้มแล้วรีบออกจากจวนไปอย่างเงียบๆในขณะเดียวกันภายในห้องอักษรของจวนสกุลหาน หานอี้หลงนั่งอยู่หลังโต๊ะใหญ่ ม้วนเอกสารกระจัดกระจายอยู่เบื้องหน้า จ้าวกงยืนรายงานความเคลื่อนไหวของกองกำลังลับที่เตรียมซุ่มโจมตีจางลู่เหวินตามแผนการที่วางเอาไว้เป็นอย่างดี แต่หานอี้หลงกลับเพียงพยักหน้ารับอย่างเหม่อลอยราวกับจิตใจมิได้อยู่กับตัว“ใต้เท้า...ทหารลับรอเพียงคำสั่งจากท่าน...ชีวิตของแม่ทัพจางย่อมอยู่ในเงื้อมมือของเราขอรับ”ทันใดนั้นพ่อบ้านก็เดินเข้ามาด้วยท่าทีลังเลใจ เขาเดินเข้ามาวางของว่างตรงหน
ตอนที่ 47 เดินตามวิถีทางภายในจวนสกุลหานกลับเข้าสู่บรรยากาศที่อึมครึม เจียงอันเล่อเอาแต่อยู่ภายในเรือนของตนเอง นางไม่คิดย่างกรายออกไปที่ใด วันๆ เอาแต่นั่งหน้าเคร่งเครียดกับเอกสารที่กองตรงหน้า มีเพียงหลีอันที่คอยวิ่งเข้าวิ่งออกภายในเรือนโดยมิให้ผู้ใดเข้าพบ แม้กระทั่งเงาของหานอี้หลงก็แทบจะมิได้พบเจอเช่นกัน ตั้งแต่วันนั้นมาความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหานอี้หลงก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงหานอี้หลงออกจากจวนตั้งแต่เช้าตรู่และกลับมาในยามดึกเสมอ เขาหาได้มาหานางเฉกเช่นเคย ราวกับคนทั้งสองมิได้อยู่ร่วมจวนเดียวกัน จะมีก็แต่เพียงพ่อบ้านที่คอยเทียวไปเทียวมา รายงานความเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่ายให้ทั้งสองรับทราบอย่างอ่อนอกอ่อนใจ“ยามพวกท่านรักกันก็ตัวติดกันเป็นตังเม ยามโกรธเคืองกัน ไฉนเลยจึงมาลงเอาที่ข้าเพียงผู้เดียว” พ่อบ้านบ่นอุบเมื่อเข้ามารายงานความเคลื่อนไหวของหานอี้หลงให้ฮูหยินของจวนฟัง นางเพียงพยักหน้ารับพร้อมกับปัดมือไล่เขาออกไปในขณะที่หานอี้หลงเองเมื่อรายงานความคืบหน้าของเจียงอันเล่อเสร็จ หานอี้หลงก็เพียงเอ่ยถามเพียงว่านางได้พบผู้ใดหรือไม่ เมื่อได้คำตอบที่พึงพอใจ เขาก็โบกมือไล่เขาออกไปอย่างนึกรำคาญวันน
ตอนที่ 46 เจ้าช่างโง่ยิ่งนักหานอี้หลงอุ้มเจียงอันเล่อเข้าไปในเรือนของนางอย่างเร่งรีบ ร่างบางในอ้อมแขนสั่นเทาด้วยพิษไข้ที่เริ่มกำเริบ ดวงตาที่กลมโตปิดปรือขึ้นเล็กน้อยก่อนที่ริมฝีปากซีดจะสั่นระริกอย่างต้องการเอ่ยสิ่งใดออกมา“เหตุใดเจ้าช่างโง่เช่นนี้” หานอี้หลงพึมพำอย่างหัวเสีย เขาทั้งโกรธทั้งหงุดหงิดทั้งเป็นห่วงร่างบางในอ้อมแขนอย่างยิ่งดวงตาหม่นเศร้าจับจ้องไปที่ใบหน้าของหานอี้หลง “ใต้เท้า...ข้ามิต้องการให้ท่านทำผิดซ้ำอีก ข้ามิต้องการให้ท่านถลำลึกไปมากกว่านี้…”หัวใจของหานอี้หลงบีบรัดแน่นกับคำพูดของเจียงอันเล่อ เขาข่มความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ ก่อนจะกระซิบเสียงสั่นเครือ “เล่อเอ๋อร์...เจ้าเลิกพูดได้แล้ว เวลานี้เจ้าควรพักผ่อนเสียก่อนเถิด”ไม่นานหมอก็รีบเข้ามาด้านในพร้อมกล่องยา หานอี้หลงเดินกระสับกระส่ายไปมา คอยเฝ้ามองเจียงอันเล่ออยู่ไม่ห่างกาย“ใต้เท้า...บาดแผลจากลูกธนูมิโดนจุดสำคัญ แต่ลูกธนูนั้นอาบยาพิษไว้ จำต้องรีบขับพิษออกจากร่างกายโดยเร็วขอรับ”หานอี้หลงรีบให้คนนำยาถอนพิษมาให้หมอ “เจ้าต้องทำทุกอย่างให้นางปลอดภัย” หานอี้หลงกำชับหมออย่างกระวนกระวายหลังจากได้รับยาถอนพิษเจียงอันเล่อก็เข้าส
ตอนที่ 45 ธนูพิษช่วงสายของวันเจียงอันเล่อลืมตาตื่นขึ้นอย่างรู้สึกสดชื่น หลีอันที่ใบหน้ายิ้มแย้มเดินเข้ามาด้านในพร้อมสำรับอาหาร“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”“เจ้ามีเรื่องอันใด เหตุใดถึงดูมีความสุขเช่นนั้น” เจียงอันเล่อเอ่ยพลางลุกขึ้นผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าไปพลางหลีอันที่ช่วยแต่งกายอยู่ด้านข้างก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา “เมื่อคืนใต้เท้าอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูทั้งคืนนี่เจ้าคะ”เจียงอันเล่อชะงักพร้อมเลิกคิ้วขึ้น “ใต้เท้านอนที่นี่หรือ”“เจ้าค่ะ...ใต้เท้าเป็นห่วงคุณหนูมาก นอนเฝ้าไข้คุณหนูทั้งคืน เพิ่งออกจากจวนไปเมื่อตอนเช้าตรู่เจ้าค่ะ”เจียงอันเล่อเผลออมยิ้มขึ้นมาอย่างลืมตัว แต่เมื่อเห็นสายตาล้อเลียนของหลีอัน นางก็กระแอมออกมาเบาๆ “เจ้าจะไปทำอันใดก็ไปเถิด...อ้อแล้วเรื่องที่ข้าให้ไปสืบ มีความคืบหน้าถึงไหนแล้ว”เจียงอันเล่อลงนั่งที่โต๊ะพร้อมคีบอาหารเข้าปากอย่างหิวกระหาย หลีอันยื่นกระดาษเล็กๆ ให้กับนางในทันที เจียงอันเล่อรับกระดาษนั้นคลี่ออกอ่าน แต่แล้วใบหน้าที่แช่มชื่นก็แปรเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองในทันที ความอยากอาหารที่มีหายวับไปในพริบตา “ท่านยังมิเลิกล้มความตั้งใจอยู่อีกหรือ”เจียงอันเล่อรีบลุกขึ้นจรดพู่กัน