บทที่ 24 เดินทางไกลในที่สุดแผนการก่อสร้างเขื่อนที่หานอี้หลงยื่นถวายฎีกาก็ผ่านความเห็นชอบจากหงจูเหลียง เขาได้รับออกคำสั่งให้หานอี้หลงเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างเขื่อนที่เมืองเตียงอัน“ซีอ่าว...เจ้าไปเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะออกเดินทางไปดูพื้นที่ที่เมืองเตียงอันในวันรุ่งขึ้น” คำสั่งของหานอี้หลงทำเอาเจียงอันเล่อถึงกับหน้าถอดสี ในคราก่อนที่นางไปพักค้างคืนกับหานอี้หลงก็ทำเอาเจียงหว่านชิงถึงกับเต้นเร่าพร้อมกับประกาศจะให้เจียงอันเล่อลาออกจากงานราชการ ครั้งนั้นยังโชคดีที่เจียงเสิ่นเย่วเข้ามาทักท้วงพร้อมกับยกแม่น้ำทั้งห้ามาปลอบโยนเจียงหว่านชิงทำให้นางสงบลงได้บ้าง แต่เจียงหว่านชิงก็ยังคงคาดโทษเจียงอันเล่อเอาไว้และสั่งห้ามมิให้นางไปค้างแรมข้างนอกอีก“เอ่อ...ใต้เท้า...การเดินทางนับว่าไกลนัก...ข้าเกรงว่าข้าจะมิสะดวก...ครั้งนี้ข้าขอมิร่วมเดินทางไปกับท่านได้หรือไม่” เจียงเสิ่นเย่วกล่าวเสียงเบาราวกับสายลมที่พัดโชยจนแทบไร้เสียง“เหลวไหล...เจ้าเป็นผู้วางโครงร่าง...หากเจ้ามิไปแล้วใครจะร่วมตรวจสอบไปพร้อมข้าเล่า” หานอี้หลงเอ็ดขึ้นมาเมื่อนึกว่าหลงซีอ่าวคงสำอางมากเกินไปจนกลัวความลำบากดั่งเช่นครั้งที่ไปเดินสำรวจ
ตอนที่ 25 ความจริงประจักษ์ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างจากกระโจมไม่มากนัก เจียงอันเล่อนั่งลงพิงกายไปกับลำต้นหนา ดวงตาคู่งามเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ นางนั่งเหม่อลอยอยู่ครู่ใหญ่ทีเดียว ก่อนจะเผลอหลับไปโดยมิรู้ตัวรุ่งเช้าหานอี้หลงออกจากกระโจมพร้อมกับเสื้อคลุมผ้าหนา เขาเดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์และตรวจดูความเรียบร้อย แต่แล้วหานอี้หลงกลับต้องหยุดชะงักไป เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปเห็นร่างบางของหลงซีอ่าวนอนขดตัวอยู่ใต้ต้นไม้“ซีอ่าว...เจ้ามานอนอันใดที่นี่” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่ก้าวเข้ามาใกล้ เจียงอันเล่อสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ นางรีบลุกขึ้นยืนพลางกล่าวแก้ตัวออกมา “ใต้เท้า...เมื่อคืนข้าออกมานั่งชมดาว แล้วเผลอหลับไปเมื่อใดมิทราบขอรับ”หานอี้หลงมองเจียงอันเล่อด้วยสายตาที่อ่านได้ยาก แต่แล้วเสียงจามของเจียงอันเล่อก็ดังขึ้น “ฮัดชิ้ว...” เจียงอันเล่อพลางยกมือขึ้นลูบจมูกไปมา อากาศอันหนาวสะท้านทำให้นางเริ่มเป็นหวัดขึ้น“เจ้ารีบกลับกระโจมเสีย แล้วอย่าทำเรื่องโง่เง่าเช่นนี้อีก”เจียงอันเล่อโค้งกายพร้อมกับสูดจมูกฟุดฟิดไปมา ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวเดินกลับไปที่กระโจมโดยม
บทที่ 26 ร้อนรนภายในกระโจม เจียงอันเล่อยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าของหานอี้หลงที่บัดนี้เขาเอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตากับเอกสารโดยมิได้เอ่ยสิ่งใดออกมาจวบจนกระทั่งผ่านไปเกือบชั่วยาม หานอี้หลงเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร พร้อมหรี่ตามองเจียงอันเล่ออย่างชั่งใจอีกครั้ง “นี่ก็ดึกมาแล้ว เจ้าก็นอนข้างเตียงของข้าก็แล้วกัน ข้ามิต้องการให้เจ้าไปรบกวนเหล่าทหาร พรุ่งนี้พวกเขายังมีงานที่ต้องทำอีกมาก”หานอี้หลงสั่งเสร็จก็ก้าวเท้าเดินเตรียมเดินออกไปด้านนอก“ใต้เท้า...ท่านจะออกไปที่ใด...นี่ก็ดึกมาแล้วท่านยังมินอนอีกหรือ” เจียงอันเล่อเอ่ยถามทั้งที่ตนเองรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งร่างกาย“เจ้านอนก่อนเถิด” หานอี้หลงพูดจบก็เดินออกจากกระโจมไปในทันทีเจียงอันเล่องุนงงกับปฏิกิริยาดังกล่าว แต่เพราะความเหนื่อยล้าที่มากเกินรับไหวทำให้นางรีบปูที่นอนของตนลงบนพื้นด้านข้างเตียงของหานอี้หลง เจียงอันเล่อที่เหนื่อยล้าเต็มทน พอนางหัวถึงหมอนนางก็หลับลงไปอย่างง่ายดายค่ำคืนนั้นหานอี้หลงมิได้กลับมาที่กระโจมอีก เขาได้แต่ครุ่นคิดอย่างหนักกับสิ่งที่ได้รับรู้ในตอนนี้และคิดหาวิธีจัดการแก้ไขปัญหาอันยุ่งยากที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคตจวบจนกระทั่งช่วงสายของวั
บทที่ 27 สำรวจหน้างานแสงแรกของวันสาดส่องกระทบผืนดิน หานอี้หลงยืนนิ่งอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ ใบหน้าของเขาแสดงสีหน้าเคร่งขรึมและจริงจัง ดวงตาคมกริบทอดสายตาสำรวจบริเวณต่างๆ ด้วยความมุ่งมั่น เสื้อคลุมสีน้ำตาลเข้มปลิวไสวไปตามแรงลมล้อกับสายน้ำที่ไหลเชี่ยวจนชวนให้รู้สึกหวาดหวั่นเจียงอันเล่อสวมเสื้อบุรุษสีตุ่นยืนอยู่ด้านหลังหานอี้หลง นางก้มลงหยิบดินตรงบริเวณริมฝั่งน้ำขึ้นมาตรวจสอบด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมกับเอ่ยปากแสดงความคิดเห็นออกมา “แม่น้ำสายนี้เป็นจุดสำคัญของการสร้างเขื่อน หากมีการขุดลอกเพิ่มเติมจะช่วยลดกระแสน้ำเชี่ยวในช่วงฤดูฝนได้มาก”หานอี้หลงหันหลังมามองเจียงอันเล่ออย่างชั่งใจเล็กน้อย ความจริงที่ปรากฏขึ้นทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเจียงอันเล่อกล่าวรายงานเรื่องสำคัญเกี่ยวกับงานตรงหน้าต่อไป นั่นจึงทำให้หานอี้หลงเบนความสนใจและตั้งใจฟังสิ่งที่นางเสนอออกมา “แล้วเช่นใดต่อ”หานอี้หลงและเจียงอันเล่อเดินทอดไปตามแนวริมฝั่งแม่น้ำพร้อมทั้งพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นทั้งในเรื่องแผนการก่อสร้าง เรื่องทิศทางน้ำและทิศทางลม รวมถึงปัญหาในเรื่องต่างๆ แม้รองเท้าหนังนิ่มของนางจะเริ่มเปียกช
บทที่ 28 เพียงสัมผัสหลังจากเวลาผ่านพ้นไปจนเข้าสู่วันที่ห้า หานอี้หลงหยิบกระดาษพับลงบนโต๊ะ ลมหายใจเป่าพ่นออกมาราวกับได้รับการปลดปล่อยในที่สุด เขาปรายตาขึ้นมองไปรอบๆ อย่างต้องการสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง จนกระทั่งหานอี้หลงมั่นใจในแผนงานที่ถูกตระเตรียมไว้แล้วเป็นอย่างดี“ฝากใต้เท้าดูแลงานต่อจากนี้ด้วย หากมีเรื่องอันใดให้รีบส่งม้าเร็วรายงานข้าในทันที” หานอี้หลงสั่งกำชับให้คนส่วนหนึ่งอยู่ประจำที่เมืองเตียงอันเพื่อควบคุมงานต่อจากเขา จากนั้นหานอี้หลงก็หันไปมองเจียงอันเล่อด้วยดวงตาเข้มขึ้นมา“ซีอ่าว...เจ้าไปเก็บสัมภาระให้เรียบร้อย เราจะกลับเมืองหลวงในวันนี้” หานอี้หลงกล่าวสั่งออกมา พร้อมกับความรู้สึกหนักใจขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าเจียงอันเล่อจะเป็นผู้ช่วยที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจและคลายความกังวลในงานไปได้มาก แต่ทว่าความจริงของนางนั้นก็ยิ่งทำให้เขาคิดหนักถึงวิธีจัดการเรื่องยุ่งยากที่กำลังจะตามมาจนได้ หญิงสาวที่ยังมิได้ออกเรือนหายตัวไปจากจวนเป็นเวลากว่าสัปดาห์ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของนางคงมิอาจย้อนคืนได้เป็นแน่รถม้าเริ่มเคลื่อนขบวนออกเดินทางมุ่งหน้ากลับเมืองหลวงผ่านถนนสายใหญ่จากนั้น
บทที่ 29 กักบริเวณเมื่อรถม้าเข้าจอดเทียบสนิทตรงหน้าจวนสกุลหาน เจียงอันเล่อก็รีบก้าวเท้าลงจากรถม้าอย่างไม่รอช้า “ใต้เท้า...ข้าขอตัวก่อนขอรับ” เจียงอันเล่อโค้งตัวลา ในขณะที่หานอี้หลงกำลังก้าวเท้าเดินลงจากรถม้า เขาชะงักไปชั่วขณะ แต่เจียงอันเล่อก็มิได้รอให้หานอี้หลงกล่าวสิ่งใดออกมา นางรีบจ้ำอ้าวเดินจากไปอย่างรวดเร็วหานอี้หลงได้แต่ยืนนิ่งมองร่างบางที่เดินตัวปลิวจากไปจนลับสายตา “เจ้าตามคุ้มกันซีอ่าวให้ถึงหน้าบ้านอย่างปลอดภัยด้วย” หานอี้หลงหันไปสั่งองครักษ์ข้างกายในทันที ก่อนจะหมุนกายเดินกลับเข้าไปภายในจวนของตนที่ด้านหน้าประตูจวนสกุลเจียง เสียงของสาวใช้รีบเร่งเข้ามารายงานเจียงหว่านชิงถึงการกลับมาของเจียงอันเล่อ เจียงหว่านชิงออกมายืนตรงด้านหน้าของจวนด้วยสีหน้าที่ดูเรียบเฉย แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวที่เก็บซ่อนเอาไว้เจียงอันเล่อถึงกับกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ นางรู้สึกได้ถึงบรรยากาศรอบตัวที่ตึงเครียดขึ้นมา สีหน้าของนางเจื่อนลงอย่างรู้สึกสำนึกผิด คำโกหกคำโตของนางคงถูกเปิดโปงออกมาแล้วเป็นแน่ เจียงอันเล่อได้แต่ก้มหน้าลงต่ำพยายามไม่สบตากับผู้เป็นมารดาอย่างมิกล้าสู้หน้านาง“เล่อเอ๋อร์...เ
บทที่ 30 เทศกาลโคมลอยบรรยากาศในจวนสกุลเจียงเงียบสงัดตั้งแต่รุ่งเช้า ทว่าภายในห้องของเจียงอันเล่อกลับแว่วเสียงพูดคุยของหลีอันที่พยายามเกลี้ยกล่อมนายหญิงของตนให้ลุกขึ้นจากเตียงนอน“คุณหนูเจ้าคะ วันนี้เป็นวันเทศกาลโคมลอยนะเจ้าคะ ทุกปีคุณหนูมักจะชื่นชอบเทศกาลนี้มิใช่หรือเจ้าคะ” หลีอันเอ่ยพลางจัดสำรับอาหารบนโต๊ะ แต่เมื่อเห็นเจียงอันเล่อยังคงนอนตะแคงหันหลังให้อย่างเฉยเมย นางก็ได้แต่ถอนหายใจยาวเจียงอันเล่อพลิกตัวขึ้นนั่ง สีหน้าของนางซีดเซียวจากการอดอาหารประท้วงติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ทว่าดวงตากลมโตกลับฉายแววกังวลขึ้นเมื่อได้ยินคำว่า “เทศกาลโคมลอย”เจียงอันเล่อรีบลุกขึ้นจากเตียงทันทีโดยไม่สนใจหลีอันที่มองตามอย่างงุนงง “หลีอัน...วันนี้เป็นวันอะไรนะ” เสียงของเจียงอันเล่อเบาหวิว ร่างกายอ่อนแรงจนแทบจะซวนเซลงกับพื้น หลีอันรีบเข้ามาประคองร่างของนางไปยังโต๊ะอาหาร ก่อนจะรีบคีบอาหารลงบนชามอย่างระมัดระวัง “คุณหนูทานสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ หากคุณหนูป่วยขึ้นมาจะเป็นเรื่องใหญ่นะเจ้าคะ”เจียงอันเล่อนึกถึงเหตุการณ์สำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น นางรีบคีบอาหารเข้าปากอย่างต้องการให้ร่างกายกลับมามีพลังขึ้นอีกครั้ง “เจ
บทที่ 31 หยุดยั้งยามพลบค่ำเมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีครามเข้ม เทศกาลโคมลอยในเมืองหลวงก็คึกคักเต็มไปด้วยผู้คน เสียงหัวเราะของเด็กน้อย เสียงร้องเรียกของพ่อค้าแม่ขาย และแสงโคมประดับที่สว่างไสวตลอดสองฟากฝั่งถนนสร้างบรรยากาศให้คึกคักรื่นเริงยิ่งนักเจียงอันเล่อเร่งรีบฝีเท้าไปตามทางเดินที่เบียดเสียดผู้คน จังหวะก้าวเท้าของนางกระทบไปตามพื้นถนนในท่าทีที่ร้อนรน ใบหน้าฉายแววเคร่งเครียดและวิตกกังวลต่างจากผู้คนที่หัวเราะยิ้มแย้มอย่างสนุกสนาน เจียงอันเล่อยังคงสอดส่ายสายตามองหาบุรุษผู้หนึ่งที่ในใจของนางเป็นห่วงยิ่งนัก เพียงแต่ผู้คนที่มากมายขวักไขว่ทำให้นางมองไม่เห็นคนที่ตามหาได้พบ“คุณหนูเจียง...” หงฟางซินที่เดินเคียงข้างมาตลอดเอ่ยเรียกเสียงเบา เขาพยายามยิ้มออกมาแต่น้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความสงสัยระคนผิดหวังเล็กน้อย “ดูเหมือนวันนี้เจ้าจะใจลอยมากนัก”เจียงอันเล่อเหลือบมองหงฟางซินเพียงแวบหนึ่งก่อนจะหลบสายตาของเขา “ข้า...ข้าเพียง...พวกเราไปดูการแสดงตรงนั้นเถิด” เจียงอันเล่อเฉไฉ ก่อนจะฉวยข้อมือของเขาดึงรั้งไปตามทางตรงไปยังการแสดงไฟตรงด้านหน้าหงฟางซินชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินตามเจียงอันเล่อไปโดยมิวาย
ตอนที่ 53 บทสรุปของนิยายค่ำคืนในเมืองหลวงสงบเงียบลงหลังจากความวุ่นวายภายในวังหลวงได้จบสิ้นลง เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลาเหตุการณ์ในครั้งนั้นส่งผลให้เจียงเสิ่นเย่วถูกริบทรัพย์สินจนหมดสิ้นเหลือเพียงเงินทองบางส่วนเพื่อประทังชีวิตอย่างไม่ยากลำบากนัก เขาถูกกักบริเวณอยู่ภายในจวนสกุลเจียงโดยมีทหารควบคุมเพื่อมิให้ติดต่อผู้ใดซึ่งอาจเป็นการกบฏขึ้นอีกในภายหลัง ส่วนเหล่าขุนนางที่เกี่ยวข้อง บ้างก็ถูกประหาร บ้างก็ถูกเนรเทศจนมิเหลือสิ้นในขณะที่องค์หญิงห้าหงอวิ๋นชิว เจียงอันเล่อรู้ดีว่านางมีความทะเยอทะยานอยากมีอำนาจเพื่อปกป้องตนเองจากความโหดร้ายของวังหลวงมากเพียงใด การร่วมมือกันในครั้งนี้จึงทำให้นางได้รับความโปรดปรานจากหงจูเหลียง รวมถึงได้รับพระราชทานตรายศสำหรับละเว้นโทษให้กับนางอีกด้วยในขณะที่หงฟางซินแม้จะเป็นบุตรชายคนเล็ก แต่เพราะความเฉลียวฉลาดและผลงานชิ้นดังกล่าว เดิมทีหงจูเหลียงตั้งใจจะมอบตำแหน่งรัชทายาทให้แก่เขา แต่หงฟางซินกลับปฏิเสธด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทำให้ตำแหน่งรัชทายาทจึงยังคงเป็นของพี่ชายของตนสืบต่อไป ส่วนฮองเฮาเม่งฉีเต๋อนั้นไม่ว่าจะเป็นบุตรคนใดของนางเป็นรัชทาย
ตอนที่ 52 ล้อมจับท้องฟ้ายามราตรีถูกแต่งแต้มด้วยแสงพลุที่แตกกระจายเป็นประกายระยิบระยับ งานเลี้ยงเฉลิมฉลองชัยชนะของจางลู่เหวินถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในพระราชวัง หงจูเหลียงประทับบนบัลลังก์สูงสุด ล้อมรอบไปด้วยเหล่าขุนนางที่มาร่วมงานเลี้ยง เสียงเครื่องดนตรีบรรเลงขับกล่อม ผสมกับเสียงหัวเราะของเหล่าขุนนางและแขกที่มาร่วมงาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้นเจียงเสิ่นเย่วได้รับเทียบเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย เขาสวมอาภรณ์หรูหราตามฐานะ ใบหน้าคงความสง่างามและเยือกเย็นเฉกเช่นทุกครั้ง แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความหวาดระแวง แผนการใหญ่ของเขากำลังใกล้จะเริ่มต้นขึ้น การที่หงจูเหลียงเชิญเขามาร่วมงานในค่ำคืนนี้มิรู้ว่าจะมีแผนการร้ายอันใดหรือไม่ แต่คนอย่างเขาเมื่อขึ้นหลังเสือแล้วก็มิอาจลงได้โดยง่าย เจียงเสิ่นเย่วจึงข่มใจปั้นหน้านิ่งขรึมและวางท่าอย่างสง่างามเพียงเท่านั้น“ท่านพ่อ...” เจียงอันเล่อมองบิดาของตนจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามด้วยแววตาแห่งความรู้สึกผิดและวิตกกังวล นางรับรู้ได้ถึงพายุแห่งความเปลี่ยนแปลงที่กำลังใกล้เข้ามา ดวงตาของหานอี้หลงที่ยืนอยู่ด้านข้างของนางฉายแววความห่วงใยในตัวหญิงสาวข้างก
ตอนที่ 51 เดินแผนการสายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาที่บานหน้าต่างกระทบกับผิวบางที่เปลือยเปล่าของเจียงอันเล่อ นางขยับกายซุกไซ้เข้ากระชับกับแผงอกหนาอุ่นนุ่ม ก่อนจะเหลือบมองหานอี้หลงที่นอนอยู่เคียงข้าง ใบหน้าของเขาสงบนิ่ง ดวงตาปิดสนิทกับลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เจียงอันเล่อยกยิ้มขึ้นมาอย่างรู้สึกตื้นตันใจ นางมิกล้าคิดหวังว่านางจะสมหวังเช่นนี้ เจียงอันเล่อหลับตาลงอีกครั้ง ดวงตาปิดสนิทพร้อมกับหลับใหลไปในที่สุดช่วงสายของวันใหม่หงฟางซินมายืนรออยู่ที่ด้านหน้าจวน เมื่อเขาเห็นเจียงอันเล่อและหานอี้หลงเดินออกมาพร้อมกัน คิ้วทั้งสองข้างของหงฟางซินก็กระตุกขึ้นมาในทันที สายตาของเขาฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจน “เล่อเอ๋อร์...ดูท่าความสัมพันธ์ของพวกเจ้าจะดีขึ้นมากกว่าที่ข้าคิดไว้” หงฟางซินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงประชดประชัน พลางพ่นลมหายใจออกมาเบาๆหานอี้หลงปรายตามองหงฟางซินอย่างไม่สบอารมณ์ เขายิ้มเยาะก่อนเอ่ยกลับออกมา “ข้ากับฮูหยินรักใคร่กันดี แล้วท่านเกี่ยวอันใดด้วยเล่า”“เจ้า” หงฟางซินกัดฟันแน่น นัยน์ตาวาวโรจน์ด้วยความขุ่นเคือง มือที่กำหมัดแน่นสั่นเล็กน้อยราวกับต้องการระงับอารมณ์ของตนเอง“พอได้แล้ว ทั้งสองคนน
ตอนที่ 50 ยอมทิ้งศักดิ์ศรีเจียงอันเล่อยิ้มเจื่อนขึ้นมาเมื่อเห็นว่าหานอี้หลงยังคงนิ่งเฉย นางกะพริบตาเพื่อไล่หยาดน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น ดวงตาคู่งามฉายแววแน่วแน่ พยายามรักษาศักดิ์ศรีของตนไว้ให้คงอยู่ แม้ว่าในใจจะแหลกสลายไปแล้วก็ตาม“พรุ่งนี้ข้าจะส่งหนังสือหย่าให้ท่าน หวังว่าท่านจะมิทำให้ข้าลำบากใจอีก” เจียงอันเล่อกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับสั่นเครือแม้ว่าจะพยายามรักษาท่าทีมากเพียงใดก็ตาม นางตัดสินใจหมุนกายเตรียมก้าวเดินออกจากห้องไปเสียหานอี้หลงยืนนิ่งราวกับถูกตรึงเอาไว้ ความรู้สึกต่างๆ ประเดประดังเข้าใส่ราวกับคลื่นมหาสมุทร ดวงตาคมกริบที่เคยแน่วแน่ฉายแววเจ็บปวดอย่างที่สุด เมื่อเจียงอันเล่อหันหลังให้กับเขา ความรู้สึกหวาดกลัวพลันแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจจนหานอี้หลงแทบหายใจไม่ออก“เล่อเอ๋อร์” หานอี้หลงร้องเรียกออกมา ก่อนจะโถมตัวเข้าสวมกอดร่างบางจากทางด้านหลังเอาไว้แน่น อ้อมแขนแกร่งรัดแน่นราวกับกลัวว่านางจะสลายหายไปในพริบตา“เล่อเอ๋อร์...ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไปเลย ข้ามีเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น” น้ำเสียงของหานอี้หลงสั่นไหวอย่างที่มิเคยเป็นมาก่อน ศีรษะก้มต่ำซบลงที่ลาดไหล่ของเจี
ตอนที่ 49 เหนี่ยวรั้งครั้งสุดท้ายหานอี้หลงกระชากแขนเจียงอันเล่อเข้าปะทะกับแผงอกเข้าอย่างจัง ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วห้องมีเพียงเสียงลมหายใจที่ติดขัดของทั้งสองคน พร้อมสายตาที่จ้องมองกันอย่างมิมีใครยอมใคร“เจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่” หานอี้หลงตะคอกออกมาอย่างหมดความอดทน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยโทสะ ความหึงหวงแผ่ซ่านไปทั่วร่างราวกับเพลิงที่ไม่มีวันดับ ดวงตาดุดันจ้องมองร่างบางที่เบื้องหน้า“ใต้เท้า...ท่านต่างหากที่คิดจะทำอันใดกันแน่” เจียงอันเล่อโต้กลับในทันที“เฮอะ...ฮูหยินของข้าออกตะลอนไปทั่วเมืองกับชายอื่น เจ้าจะให้ข้านั่งรออยู่ที่จวนเฉยๆ เช่นนั้นหรือ”“เพี๊ยะ...” เจียงอันเล่อยกมือขึ้นสะบัดไปที่ใบหน้าของหานอี้หลงจนเต็มแรง “ใต้เท้า...ท่านอย่าได้คิดว่าดูถูกข้าเช่นนี้”หานอี้หลงยกมือขึ้นลูบใบหน้า พร้อมกับแสยะยิ้มขึ้นมาจนดูน่าหวาดกลัว เขากระชากแขนของเจียงอันเล่อเข้าหาตัวอีกครั้ง “งั้นข้าควรคิดเช่นใด...เจ้าลองตอบข้ามาสักหน่อย”เจียงอันเล่อสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขา นางเชิดหน้าขึ้นอย่างทระนง ทว่าดวงตาของนางกลับมีร่องรอยของความผิดหวังลึกซึ้ง นางกวาดตามองหานอี้หลงอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินตรงไปยั
ตอนที่ 48 ร้อนใจในยามสายของวันหนึ่ง เจียงอันเล่อที่นั่งพลิกอ่านสารลับที่หลีอันเพิ่งนำมามอบให้ ดวงตางดงามแต่นิ่งลึกฉายแวววิตกกังวลใจขึ้นมาในทันที คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน นางเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะกำสารลับไว้ในมือแน่นขึ้น “ถึงเวลาแล้วสินะ”“หลีอันรีบเตรียมรถม้าให้ข้าที” เจียงอันเล่อรีบสั่งหลีอันอย่างเร่งร้อน พลางเงยหน้ามองออกไปภายนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าสีครามที่ดูงดงามราวกับภาพวาดกลับมิอาจกลบเกลื่อนความรู้สึกอึดอัดภายในใจที่มี เจียงอันเล่อมิรอช้าอีกต่อไป นางรีบเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดเรียบง่าย คลุมทับด้วยผ้าคลุมสีเข้มแล้วรีบออกจากจวนไปอย่างเงียบๆในขณะเดียวกันภายในห้องอักษรของจวนสกุลหาน หานอี้หลงนั่งอยู่หลังโต๊ะใหญ่ ม้วนเอกสารกระจัดกระจายอยู่เบื้องหน้า จ้าวกงยืนรายงานความเคลื่อนไหวของกองกำลังลับที่เตรียมซุ่มโจมตีจางลู่เหวินตามแผนการที่วางเอาไว้เป็นอย่างดี แต่หานอี้หลงกลับเพียงพยักหน้ารับอย่างเหม่อลอยราวกับจิตใจมิได้อยู่กับตัว“ใต้เท้า...ทหารลับรอเพียงคำสั่งจากท่าน...ชีวิตของแม่ทัพจางย่อมอยู่ในเงื้อมมือของเราขอรับ”ทันใดนั้นพ่อบ้านก็เดินเข้ามาด้วยท่าทีลังเลใจ เขาเดินเข้ามาวางของว่างตรงหน
ตอนที่ 47 เดินตามวิถีทางภายในจวนสกุลหานกลับเข้าสู่บรรยากาศที่อึมครึม เจียงอันเล่อเอาแต่อยู่ภายในเรือนของตนเอง นางไม่คิดย่างกรายออกไปที่ใด วันๆ เอาแต่นั่งหน้าเคร่งเครียดกับเอกสารที่กองตรงหน้า มีเพียงหลีอันที่คอยวิ่งเข้าวิ่งออกภายในเรือนโดยมิให้ผู้ใดเข้าพบ แม้กระทั่งเงาของหานอี้หลงก็แทบจะมิได้พบเจอเช่นกัน ตั้งแต่วันนั้นมาความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหานอี้หลงก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงหานอี้หลงออกจากจวนตั้งแต่เช้าตรู่และกลับมาในยามดึกเสมอ เขาหาได้มาหานางเฉกเช่นเคย ราวกับคนทั้งสองมิได้อยู่ร่วมจวนเดียวกัน จะมีก็แต่เพียงพ่อบ้านที่คอยเทียวไปเทียวมา รายงานความเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่ายให้ทั้งสองรับทราบอย่างอ่อนอกอ่อนใจ“ยามพวกท่านรักกันก็ตัวติดกันเป็นตังเม ยามโกรธเคืองกัน ไฉนเลยจึงมาลงเอาที่ข้าเพียงผู้เดียว” พ่อบ้านบ่นอุบเมื่อเข้ามารายงานความเคลื่อนไหวของหานอี้หลงให้ฮูหยินของจวนฟัง นางเพียงพยักหน้ารับพร้อมกับปัดมือไล่เขาออกไปในขณะที่หานอี้หลงเองเมื่อรายงานความคืบหน้าของเจียงอันเล่อเสร็จ หานอี้หลงก็เพียงเอ่ยถามเพียงว่านางได้พบผู้ใดหรือไม่ เมื่อได้คำตอบที่พึงพอใจ เขาก็โบกมือไล่เขาออกไปอย่างนึกรำคาญวันน
ตอนที่ 46 เจ้าช่างโง่ยิ่งนักหานอี้หลงอุ้มเจียงอันเล่อเข้าไปในเรือนของนางอย่างเร่งรีบ ร่างบางในอ้อมแขนสั่นเทาด้วยพิษไข้ที่เริ่มกำเริบ ดวงตาที่กลมโตปิดปรือขึ้นเล็กน้อยก่อนที่ริมฝีปากซีดจะสั่นระริกอย่างต้องการเอ่ยสิ่งใดออกมา“เหตุใดเจ้าช่างโง่เช่นนี้” หานอี้หลงพึมพำอย่างหัวเสีย เขาทั้งโกรธทั้งหงุดหงิดทั้งเป็นห่วงร่างบางในอ้อมแขนอย่างยิ่งดวงตาหม่นเศร้าจับจ้องไปที่ใบหน้าของหานอี้หลง “ใต้เท้า...ข้ามิต้องการให้ท่านทำผิดซ้ำอีก ข้ามิต้องการให้ท่านถลำลึกไปมากกว่านี้…”หัวใจของหานอี้หลงบีบรัดแน่นกับคำพูดของเจียงอันเล่อ เขาข่มความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ ก่อนจะกระซิบเสียงสั่นเครือ “เล่อเอ๋อร์...เจ้าเลิกพูดได้แล้ว เวลานี้เจ้าควรพักผ่อนเสียก่อนเถิด”ไม่นานหมอก็รีบเข้ามาด้านในพร้อมกล่องยา หานอี้หลงเดินกระสับกระส่ายไปมา คอยเฝ้ามองเจียงอันเล่ออยู่ไม่ห่างกาย“ใต้เท้า...บาดแผลจากลูกธนูมิโดนจุดสำคัญ แต่ลูกธนูนั้นอาบยาพิษไว้ จำต้องรีบขับพิษออกจากร่างกายโดยเร็วขอรับ”หานอี้หลงรีบให้คนนำยาถอนพิษมาให้หมอ “เจ้าต้องทำทุกอย่างให้นางปลอดภัย” หานอี้หลงกำชับหมออย่างกระวนกระวายหลังจากได้รับยาถอนพิษเจียงอันเล่อก็เข้าส
ตอนที่ 45 ธนูพิษช่วงสายของวันเจียงอันเล่อลืมตาตื่นขึ้นอย่างรู้สึกสดชื่น หลีอันที่ใบหน้ายิ้มแย้มเดินเข้ามาด้านในพร้อมสำรับอาหาร“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”“เจ้ามีเรื่องอันใด เหตุใดถึงดูมีความสุขเช่นนั้น” เจียงอันเล่อเอ่ยพลางลุกขึ้นผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าไปพลางหลีอันที่ช่วยแต่งกายอยู่ด้านข้างก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา “เมื่อคืนใต้เท้าอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูทั้งคืนนี่เจ้าคะ”เจียงอันเล่อชะงักพร้อมเลิกคิ้วขึ้น “ใต้เท้านอนที่นี่หรือ”“เจ้าค่ะ...ใต้เท้าเป็นห่วงคุณหนูมาก นอนเฝ้าไข้คุณหนูทั้งคืน เพิ่งออกจากจวนไปเมื่อตอนเช้าตรู่เจ้าค่ะ”เจียงอันเล่อเผลออมยิ้มขึ้นมาอย่างลืมตัว แต่เมื่อเห็นสายตาล้อเลียนของหลีอัน นางก็กระแอมออกมาเบาๆ “เจ้าจะไปทำอันใดก็ไปเถิด...อ้อแล้วเรื่องที่ข้าให้ไปสืบ มีความคืบหน้าถึงไหนแล้ว”เจียงอันเล่อลงนั่งที่โต๊ะพร้อมคีบอาหารเข้าปากอย่างหิวกระหาย หลีอันยื่นกระดาษเล็กๆ ให้กับนางในทันที เจียงอันเล่อรับกระดาษนั้นคลี่ออกอ่าน แต่แล้วใบหน้าที่แช่มชื่นก็แปรเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองในทันที ความอยากอาหารที่มีหายวับไปในพริบตา “ท่านยังมิเลิกล้มความตั้งใจอยู่อีกหรือ”เจียงอันเล่อรีบลุกขึ้นจรดพู่กัน