เป็นอีกครั้งที่เฟยฮวาลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด แต่คราวนี้เป็นความเจ็บปวดที่มาจากบริเวณกลางหลัง หญิงสาวร้องซี๊ดเมื่อรับรู้ถึงสมุนไพรที่ถูกบดจนละเอียดกำลังทาลงมาที่กลางหลังอีกครั้ง เฟยฮวากัดริมฝีปากของตนเองแน่น บริเวณขอบตาปรากฏหยดน้ำตาคลอ ๆ อยู่หางตาเล็กน้อย
"คุณหนู นายท่านช่างใจร้ายกับท่านเหลือเกิน เฆี่ยนตีรุนแรงเช่นนี้ ทั้งไม่ยอมให้ยามารักษา ซินซินต้องขออภัยที่ต้องนำสมุนไพรไม่มีราคามารักษาบาดแผลให้ท่าน" ผู้เรียกตัวเองว่าซินซินกล่าวจบก็ค่อย ๆ ทาสมุนไพรลงที่แผลจากเฆี่ยนตีให้คุณหนูของตนอย่างเบามือที่สุด กลิ่นเหม็นเขียวของสมุนไพรที่ถูกบดจนละเอียดลอยอบอวลไปทั่วห้อง จนกระทั่งหลังจากที่ทำอะไรเสร็จแล้วเฟยฮวาจึงถูกประคองใ้ลุกขึ้นนั่งเหยียดตรง นางมองการกระทำของซินซินอยู่นาน เมื่อเห็นว่าถ้วยยาเหม็นเขียวที่ยื่นมาตรงหน้าก็ทำหน้าเหยเกใช้มือดันถ้วยยาคืนกลับไปให้ซินซิน "เหม็นแบบนี้ใครจะไปกินได้กัน" "คุณหนู หากคุณหนูไปกินจะไม่หายเอานะเจ้าค่ะ ยานี้เหม็นเขียวก็จริงอยู่แต่จะช่วยทำให้อาการและความเจ็บปวดของคุณหนูลดลงได้เยอะเลยนะเจ้าคะ หากไม่ดูดค่ำคืนนี้คุณหนูคงได้ไข้ขึ้นอีกแน่ ๆ" "เฮ้อ ก็ได้ ๆ ฉันยอมกินแล้วก็ได้ ไม่ต้องทำหน้าจะร้องไห้แบบนั้นหรอก" เฟยฮวายอมยกถ้วยยาสีขาวขึ้นค่อย ๆ กินของเหลวในนั้นจนหมดแล้วส่งถ้วยกลับคืนให้ซินซิน หลังจากที่ซินซินรับถ้วยยาคืนกลับมานางก็ทรุดตัวนั่งลงปล่อยโฮเสียงดังจนทำให้เฟยฮวาถึงกับนั่งงงเป็นไก่ตาแตก แล้วรีบขยับตัวลงมานั่งปลายเตียงก้มตัวตบไหล่ซินซินเบา ๆ "จู่ ๆ ก็ร้องไห้ออกมา เป็นอะไรไป คนพวกนั้นรังแกอะไรเธอหรือเปล่า?" เฟยฮวาเอ่ยถาม ซินซินส่ายหน้าไปมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเฟยฮวา ขยับตัวเข้าไปเอาหน้าฟุบลงบนตักของนาง แต่ก่อนทุกครั้งที่เวลาซินซินร้องห่มร้องไห้ นางก็มักจะชอบฟุบหลงเป็นตักของคุณหนูของตน ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ซินซินทำเช่นนี้ นางเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายท่านจึงได้จงเกลียดจงชังคุณหนูเซี่ยผู้นี้นัก ตั้งแต่เล็กจนโตที่นางคอยเป็นเพื่อนเล่นดูแลคุณหนูเซี่ยผู้นี้ก็ไม่เคยเห็นนางได้รับความรักของผู้เป็นบิดาเลยแม้แต่น้อย อดไม่ได้ที่จะสงสัยและสงสารในตัวคุณหนูผู้อาภัพคนนี้เหลือเกิน เฟยฮวาตัดสินใจยื่นมือลูบลงที่ศีรษะของซินซินเบา ๆ ก่อนที่หัวสมองจะนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง "ซินซิน ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้หรือเปล่าว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงเอาแต่เรียกฉันว่าคุณหนู แล้วคนพวกนั้นคือใครกันเหรอ?" ซินซินที่ได้ยินคุณหนูของตนกล่าวออกมาเช่นนั้นก็เบิกตากว้างพร้อมทั้งยกมือขึ้นปิดปากปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมาอีกครั้ง "ฮึก..คุณหนู นี่ท่านจำอะไรไม่ได้เลยหรือเจ้าคะ?! ฮึก..คุณหนูของซินซิน" เมื่อเห็นว่าซินซินกำลังจะร้องไห้อีกครั้ง เฟยฮวาก็รีบร้องห้ามทันที "ถ้าเจ้าร้องไห้อีกละก็ข้าจะไม่คุยกับเจ้าแล้วนะ" เพื่อให้อีกฝ่ายเบาใจขึ้นได้มากกว่านี้เฟยฮวาจึงตัดสินใจเปลี่ยนสรรพนามในการพูดเพื่อให้เข้ากับสตรีที่ทำหน้าจะร้องไห้ "ฮึก..ซินซินไม่ร้องแล้วเจ้าค่ะคุณหนู คุณหนู ท่านคือบุตรสาวคนโตของสกุลเซี่ย นามของท่านคือ เซี่ยเหลียนฮวา เมื่อหลายวันก่อนคุณหนูถูกคุณหนูรอง เซี่ยชิวหรง ผลักตกน้ำจนท่านไข้ขึ้นสูงสลบไปราวสองสามวันได้ ดูแล้วคุณหนูรองคงจะคิดว่าท่านเสแสร้งจึงได้มารังควานถึงหอนอน คุณหนู บุคคลที่ท่านถามว่าเป็นผู้ใด พวกเขาคือบิดาและมารดาเลี้ยงของคุณหนูเจ้าค่ะ" เฟยฮวาเบิกตากว้างอ้าปากค้างพะงาบ ๆ อยู่นานก่อนจะลุกขึ้นพรวดวิ่งเข้าหาโต๊ะไม้ที่ตั้งคันฉ่องสีทองเอาไว้ ซินซินเองก็ตกใจรีบวิ่งเข้าไปหยุดอยู่ด้านหลังคุณหนูของตนด้วยความเป็นห่วง ยังไม่ทันที่ซินซินจะได้เอ่ยปากถามอะไรต่อ เฟยฮวาก็กรีดร้องออกมาแล้วเป็นล้มหมดสติไป กลิ่นยาหอมสมุนไพรจาง ๆ ลอยมาแตะที่จมูกอีกครั้ง เฟยฮวาสูดดมเข้าออกช้า ๆ ก่อนจะลืมตาเบิกกว้างลุกขึ้นพรวดทำให้ซินซินที่กำลังนำยาหอมจ่ออยู่สะดุ้งร้องด้วยความตกใจที่จู่ ๆ สตรีที่นอนนิ่งอยู่ก็พรวดพราดลุกขึ้นมานั่ง เฟยฮวาหันมองไปรอบ ๆ กวาดสายตามองทั่วทั้งห้องแม้แต่เพดานไม้ไม่คุ้นตาด้านบนนางก็จ้องมอง ก่อนจะก้มหน้าลงมาหยุดสายตาจ้องมองซินซินที่นั่งอยู่ข้างเตียง "คุณหนู.." "ซินซิน บอกข้าทีว่าข้ากำลังฝันไป มันเป็นแค่ฝันเพราะข้าขาดอากาศหายใจในน้ำไปหลายนาที เจ้าบอกทีว่าข้ากำลังประสาทหลอนไปเพียงผู้เดียว ภาพทุกอย่างตรงหน้าเป็นแค่จินตนาการของข้า พอข้าหลับไปแล้วตื่นลืมตาขึ้นมามันก็จะหายไป" "คุณหนู.." ซินซินมีสีหน้าสงสารในตัวคุณหนูคนโตสกุลเซี่ยอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่อาจพูดโป้ปดความจริงในตอนนี้ได้ อีกทั้งยังไม่เข้าใจว่าคุณหนูของตนนั้นเป็นอะไรไปจึงได้มีอาการเหมือนคนจิตวิปลาสไปเสียแล้ว ก่อนที่จะเป็นลมหมดสติไปนั้น เฟยฮวาพบว่าภาพที่สะท้อนออกมาจากคันฉ่องสีทองหาใช่ใบหน้าเดิมของตนเองแต่เป็นใบหน้าของสตรีที่ไม่รู้จัก หน้าตาจิ้มลิ้ม นัยน์ตาสีสวยราวดอกท้อ ริมฝีปากคล้ายผลอิงเถา ถือได้ว่าเป็นสตรีโฉมสะคราญก็ว่าได้ เฟยฮวาเองก็ไม่เคยได้พบพานกับสตรีรูปงามเช่นนี้มาก่อน หากนางเป็นผู้ชายมีร่างกายมีเลือดเนื้อคงจะได้ตกหลุมรักร่างกายนี้ไปแล้วแน่นอน "คุณหนู ข้าน้อยจะไปรินน้ำชามาให้ ท่านรอสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ" ซินซินกล่าวจบก็รีบเดินออกไป หลังจากที่บานประตูปิดลง เฟยฮวาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมทั้งยังกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ความเจ็บปวดจากบาดแผลที่เต็มตึง ๆ ข้างหลังทำให้นางต้องยกมือขึ้นกุมไหล่ตนเองร้องครางในลำคอขึ้นมา ดูท่าว่าสวรรค์คงอยากให้โอกาสตนเองเป็นแน่จึงส่งวิญญาณของนางให้มาอยู่ในร่างของสตรีสกุลเซี่ย อีกทั้งโลกใบนี้และกฎเกณฑ์ก็คงจะวุ่นวายไม่น้อย เพียงแค่มาวันแรกก็มีเรื่องเข้ามาให้ชวนปวดจิต ดันมาอยู่ในร่างของคุณหนูสกุลเซี่ยผู้อาภัพแม้แต่บิดาก็ลำเอียงไม่คิดจะเข้าข้าง สนใจแต่มารดาเลี้ยงและน้องสาวคนรอง "เหลียนฮวา ทำไมเจ้าถึงได้น่าสงสารเช่นนั้น เอาเถอะ ข้าจะใช้ชีวิตดูแลกายนี้ชดเชยความสุขให้กับเจ้าเอง หวังว่าโลกใบหน้าที่เจ้ากำลังไปเกิดจะได้พบเจอครอบครัวและบุคคลที่รักเจ้าจากใจจริง"หลังจากที่รู้และเข้าใจในเหตุการณ์ที่กำลังเจอกับตัวในตอนนี้ได้แล้วเฟยฮวาจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าในเมื่อสวรรค์ให้โอกาสนางได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แม้จะอยู่ในร่างของผู้อื่นนางก็จะใช้ชีวิตให้ดีที่สุดเพื่อชดเชยจากโลกก่อนและแทนเจ้าของกายหยาบคนเก่า "คุณหนู น้ำชาเจ้าค่ะ" ซิวซิวส่งจอกชาในมือให้คุณหนูของนาง จ้องมองใบหน้าของคุณหนูจนเฟยฮวาที่จับสังเกตได้จึงจ้องมองซินซินตอบกลับด้วยความสงสัย"ซินซิน เจ้าสงสัยในตัวข้าเช่นนั้นหรือ?" ซินซินที่ได้ยินคำถามเช่นนั้นก็ถึงกับแสดงท่าทางหวาดกลัว นางก้มหน้าก้มตาส่ายหัวรัว"เจ้าไม่เชื่อหรือว่านี่คือคุณหนูของเจ้า""ข้าน้อยไม่กล้าเจ้าค่ะ เพียงแค่คิดว่าสิ่งใดที่ทำให้คุณหนูเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้กัน แต่ก่อนคุณหนูที่ข้าน้อยรู้จัก เป็นเพียงสตรีอ่อนโยน อ่อนแอ มักถูกดูแคลนจากบิดา มารดาเลี้ยงและน้องสาวต่างมารดา พอมาในวันนี้หลังจากที่คุณหนูตื่นลืมตาขึ้นมาก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน ข้าน้อยเพียงแค่ดีใจ""ดีใจเช่นนั้นหรือ?" ซินซินพยักหน้าแล้วเงยหน้าส่งรอยยิ้มให้กับคุณหนูของนาง"ดีใจที่คุณหนูมีแรงลุกขึ้นมาสู้เพื่อตัวเองได้ในวันนี้ ที่ผ่านมาข้าน้อยต้องทนเห็นคุณหนูร้องห่มร้อง
แคว้นจ้าวเล่อ ปกครองโดยองค์ฮ่องเต้จ้าวหรงเล่อ ในยามนี้เป็นช่วงศึกสงครามจากฝั่งชายแดนด้วยเพราะแคว้นเว่ยต้องการจะยึดครองแคว้นจ้าวขึ้นเป็นเมืองขึ้นของตน สาเหตุหนึ่งก็เพราะแคว้นจ้าวนั้นเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่หล่อเลี้ยงชาวประชา หาได้รับความทุกข์ร้อนแต่อย่างไร อีกทั้งยังมีข่าวลือว่าภายใต้ดินของแคว้นจ้าวนั้นมีขุมทรัพย์มากมายถูกฝั่งเอาไว้ จึงเป็นแคว้นที่ถูกเล็งมากที่สุดในศึกสงครามในโลกยุทธภพแห่งนี้แคว้นจ้าวมีแม่ทัพหนุ่มผู้หนึ่ง ที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพแห่งสงครามลงมาเกิดจากสวงสวรรค์ ด้วยเพราะมีฝีมือเก่งกาจในเรื่องของบู๊และบุ๊น อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นบุรุษที่เฉยชาที่สุดบนแผ่นดินแคว้นจ้าว แม่ทัพผู้นี้มีนามว่า อู๋ซีห่าว ทุกครั้งที่จับดาบออกรบเมื่อใดเขามักจะนำชัยชนะกลับมาให้เป็นที่พอใจแก่ฮ่องเต้จ้าวหรงเล่อทุกครั้งไปภายในสนามรบเวลานี้ล้วนเต็มไปด้วยศพของเหล่าทหารของทั้งสองแคว้นที่นอนตายเกลื่อนกลาดไปทั่ว มองไปทางนั้นก็มีแต่ดองโลหิตเหม็นคาวคละคลุ้งลอยมาแตะจมูก ฝั่งหนึ่งคือแคว้นจ้าวที่ยังคงเหลือทหารกว่าครึ่ง ส่วนอีกแคว้นคือแคว้นเว่ยที่กำลังจะพ่ายแพ้ในศึกสงครามครั้งนี้"ผู้ใดตัด
ท่ามกลางใจกลางเมืองหรูในเขตต้าหนาย สถานที่เขตนี้เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศชอบมาเป็นอับดับต้น ๆ ของสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตเลยก็ว่าได้ ท่ามกลางแสงสีและสถานที่น่าเที่ยวมากมายใครจะไปรับรู้ได้ว่าจะมีสถานที่หนึ่งที่จะทำให้เรื่องน่าแปลกประหลาดของกาลเวลาเกิดขึ้นได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ตัดมาทางสะพานข้ามเมืองเข้าออกแห่งใหญ่ที่มักจะมีรถสัญจรผ่านไปมาเนื่องจากตรงช่วงใจกลางสะพานแห่งนี้นั้นมีวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำใหญ่ที่งดงามจึงมักเป็นสถานที่ที่ใครหลาย ๆ คนมักจะชอบมาจอดรถเพื่อลงมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นภาพความทรงจำ ใจกลางสะพานใหญ่ขณะนี้กำลังมีร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง หล่อนกำลังยืนจับขอบสะพานเฝ้ามองไปยังวิวทิวทัศน์ด้านหน้าอย่างเหม่อลอย ก่อนที่น้ำตาสีใสจะไหลรินร่วงลงมาจากนัยน์ตาสีอำพัน ในมือของเธอกำรูปภาพใบหนึ่งเอาไว้ หล่อน ๆ ค่อยคลี่มือออกจับรูปภาพใบนั้นขึ้นมาดูทั้งน้ำตาในภาพปรากฏเป็นรูปของคนสามคนโดยที่หล่อนนั้นยืนอยู่ตรงกลาง ฝั่งข้างซ้ายมือของแฟนหนุ่มที่กำลังจะตบแต่งกันในหนึ่งเดือนข้างหน้า ส่วนด้านขวามือคือเพื่อนสนิทตั้งแต่เล็กของเธอ พวกเขาทั้งสามคนมาเที่ยวทริปที่ประเทศนี้เพราะจะฉลองกับการส
เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นจนทำให้ร่างที่นอนนิ่งอยู่ขมวดคิ้วด้วยความรำคาญแต่ทว่ายังไม่ยอมตื่นลืมตาขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งมือปริศนาคู่หนึ่งเข้ามากระชากแขนของสตรีที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างแรงแล้วโยนร่างนางจนตกลงจากเตียงลงมานั่งอยู่บนพื้น เฟยฮวาร้องซีดในลำคอเมื่อความเจ็บแสบจากที่เข่าทั้งสองข้างกระแทกกับพื้นเต็มแรงก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองบุคคลที่ยืนทำท่าทางกระฟัดกระเฟียดอยู่ตรงหน้า เฟยฮวาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจที่จู่ ๆ ก็เห็นบุคคลประหลาดในเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ไม่คุ้นตา ค่อย ๆ กวาดสายตามองดูอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความสงสัยว่าทำไมตนถึงมาอยู่กองละครถ่ายย้อนยุคได้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ตนเพิ่งจะกระโดดสะพานลอยตกลงไปในแม่น้ำอันแสนกว้างใหญ่แท้ ๆ "กะ..." ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยถามในสิ่งที่ตนเองสงสัย อีกฝ่ายก็พุ่งเข้ามาใช้ฝ่ามือตบลงบนที่พวงแก้มของเฟยฮวาจนหน้าหัน ความเจ็บแปลบที่พวงแก้มทำให้เฟยฮวาจำต้องยกมือขึ้นกุมใบหน้าของตนเอาไว้ก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น แม้จะไม่เข้าใจในเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนักแต่ตัวเธอก็ไม่ยอมให้คนที่ไม่รู้จักมาทำกิริยาต่ำทรามแบบนี้ใส่ตนหรอกไม่รอช้าเฟยฮวาลุกขึ้นพร
แคว้นจ้าวเล่อ ปกครองโดยองค์ฮ่องเต้จ้าวหรงเล่อ ในยามนี้เป็นช่วงศึกสงครามจากฝั่งชายแดนด้วยเพราะแคว้นเว่ยต้องการจะยึดครองแคว้นจ้าวขึ้นเป็นเมืองขึ้นของตน สาเหตุหนึ่งก็เพราะแคว้นจ้าวนั้นเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่หล่อเลี้ยงชาวประชา หาได้รับความทุกข์ร้อนแต่อย่างไร อีกทั้งยังมีข่าวลือว่าภายใต้ดินของแคว้นจ้าวนั้นมีขุมทรัพย์มากมายถูกฝั่งเอาไว้ จึงเป็นแคว้นที่ถูกเล็งมากที่สุดในศึกสงครามในโลกยุทธภพแห่งนี้แคว้นจ้าวมีแม่ทัพหนุ่มผู้หนึ่ง ที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพแห่งสงครามลงมาเกิดจากสวงสวรรค์ ด้วยเพราะมีฝีมือเก่งกาจในเรื่องของบู๊และบุ๊น อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นบุรุษที่เฉยชาที่สุดบนแผ่นดินแคว้นจ้าว แม่ทัพผู้นี้มีนามว่า อู๋ซีห่าว ทุกครั้งที่จับดาบออกรบเมื่อใดเขามักจะนำชัยชนะกลับมาให้เป็นที่พอใจแก่ฮ่องเต้จ้าวหรงเล่อทุกครั้งไปภายในสนามรบเวลานี้ล้วนเต็มไปด้วยศพของเหล่าทหารของทั้งสองแคว้นที่นอนตายเกลื่อนกลาดไปทั่ว มองไปทางนั้นก็มีแต่ดองโลหิตเหม็นคาวคละคลุ้งลอยมาแตะจมูก ฝั่งหนึ่งคือแคว้นจ้าวที่ยังคงเหลือทหารกว่าครึ่ง ส่วนอีกแคว้นคือแคว้นเว่ยที่กำลังจะพ่ายแพ้ในศึกสงครามครั้งนี้"ผู้ใดตัด
หลังจากที่รู้และเข้าใจในเหตุการณ์ที่กำลังเจอกับตัวในตอนนี้ได้แล้วเฟยฮวาจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าในเมื่อสวรรค์ให้โอกาสนางได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แม้จะอยู่ในร่างของผู้อื่นนางก็จะใช้ชีวิตให้ดีที่สุดเพื่อชดเชยจากโลกก่อนและแทนเจ้าของกายหยาบคนเก่า "คุณหนู น้ำชาเจ้าค่ะ" ซิวซิวส่งจอกชาในมือให้คุณหนูของนาง จ้องมองใบหน้าของคุณหนูจนเฟยฮวาที่จับสังเกตได้จึงจ้องมองซินซินตอบกลับด้วยความสงสัย"ซินซิน เจ้าสงสัยในตัวข้าเช่นนั้นหรือ?" ซินซินที่ได้ยินคำถามเช่นนั้นก็ถึงกับแสดงท่าทางหวาดกลัว นางก้มหน้าก้มตาส่ายหัวรัว"เจ้าไม่เชื่อหรือว่านี่คือคุณหนูของเจ้า""ข้าน้อยไม่กล้าเจ้าค่ะ เพียงแค่คิดว่าสิ่งใดที่ทำให้คุณหนูเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้กัน แต่ก่อนคุณหนูที่ข้าน้อยรู้จัก เป็นเพียงสตรีอ่อนโยน อ่อนแอ มักถูกดูแคลนจากบิดา มารดาเลี้ยงและน้องสาวต่างมารดา พอมาในวันนี้หลังจากที่คุณหนูตื่นลืมตาขึ้นมาก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน ข้าน้อยเพียงแค่ดีใจ""ดีใจเช่นนั้นหรือ?" ซินซินพยักหน้าแล้วเงยหน้าส่งรอยยิ้มให้กับคุณหนูของนาง"ดีใจที่คุณหนูมีแรงลุกขึ้นมาสู้เพื่อตัวเองได้ในวันนี้ ที่ผ่านมาข้าน้อยต้องทนเห็นคุณหนูร้องห่มร้อง
เป็นอีกครั้งที่เฟยฮวาลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด แต่คราวนี้เป็นความเจ็บปวดที่มาจากบริเวณกลางหลัง หญิงสาวร้องซี๊ดเมื่อรับรู้ถึงสมุนไพรที่ถูกบดจนละเอียดกำลังทาลงมาที่กลางหลังอีกครั้ง เฟยฮวากัดริมฝีปากของตนเองแน่น บริเวณขอบตาปรากฏหยดน้ำตาคลอ ๆ อยู่หางตาเล็กน้อย"คุณหนู นายท่านช่างใจร้ายกับท่านเหลือเกิน เฆี่ยนตีรุนแรงเช่นนี้ ทั้งไม่ยอมให้ยามารักษา ซินซินต้องขออภัยที่ต้องนำสมุนไพรไม่มีราคามารักษาบาดแผลให้ท่าน" ผู้เรียกตัวเองว่าซินซินกล่าวจบก็ค่อย ๆ ทาสมุนไพรลงที่แผลจากเฆี่ยนตีให้คุณหนูของตนอย่างเบามือที่สุดกลิ่นเหม็นเขียวของสมุนไพรที่ถูกบดจนละเอียดลอยอบอวลไปทั่วห้อง จนกระทั่งหลังจากที่ทำอะไรเสร็จแล้วเฟยฮวาจึงถูกประคองใ้ลุกขึ้นนั่งเหยียดตรง นางมองการกระทำของซินซินอยู่นาน เมื่อเห็นว่าถ้วยยาเหม็นเขียวที่ยื่นมาตรงหน้าก็ทำหน้าเหยเกใช้มือดันถ้วยยาคืนกลับไปให้ซินซิน"เหม็นแบบนี้ใครจะไปกินได้กัน" "คุณหนู หากคุณหนูไปกินจะไม่หายเอานะเจ้าค่ะ ยานี้เหม็นเขียวก็จริงอยู่แต่จะช่วยทำให้อาการและความเจ็บปวดของคุณหนูลดลงได้เยอะเลยนะเจ้าคะ หากไม่ดูดค่ำคืนนี้คุณหนูคงได้ไข้ขึ้นอีกแน่ ๆ""เฮ้อ ก็ได้ ๆ ฉันยอม
เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นจนทำให้ร่างที่นอนนิ่งอยู่ขมวดคิ้วด้วยความรำคาญแต่ทว่ายังไม่ยอมตื่นลืมตาขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งมือปริศนาคู่หนึ่งเข้ามากระชากแขนของสตรีที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างแรงแล้วโยนร่างนางจนตกลงจากเตียงลงมานั่งอยู่บนพื้น เฟยฮวาร้องซีดในลำคอเมื่อความเจ็บแสบจากที่เข่าทั้งสองข้างกระแทกกับพื้นเต็มแรงก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองบุคคลที่ยืนทำท่าทางกระฟัดกระเฟียดอยู่ตรงหน้า เฟยฮวาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจที่จู่ ๆ ก็เห็นบุคคลประหลาดในเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ไม่คุ้นตา ค่อย ๆ กวาดสายตามองดูอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความสงสัยว่าทำไมตนถึงมาอยู่กองละครถ่ายย้อนยุคได้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ตนเพิ่งจะกระโดดสะพานลอยตกลงไปในแม่น้ำอันแสนกว้างใหญ่แท้ ๆ "กะ..." ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยถามในสิ่งที่ตนเองสงสัย อีกฝ่ายก็พุ่งเข้ามาใช้ฝ่ามือตบลงบนที่พวงแก้มของเฟยฮวาจนหน้าหัน ความเจ็บแปลบที่พวงแก้มทำให้เฟยฮวาจำต้องยกมือขึ้นกุมใบหน้าของตนเอาไว้ก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น แม้จะไม่เข้าใจในเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนักแต่ตัวเธอก็ไม่ยอมให้คนที่ไม่รู้จักมาทำกิริยาต่ำทรามแบบนี้ใส่ตนหรอกไม่รอช้าเฟยฮวาลุกขึ้นพร
ท่ามกลางใจกลางเมืองหรูในเขตต้าหนาย สถานที่เขตนี้เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศชอบมาเป็นอับดับต้น ๆ ของสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตเลยก็ว่าได้ ท่ามกลางแสงสีและสถานที่น่าเที่ยวมากมายใครจะไปรับรู้ได้ว่าจะมีสถานที่หนึ่งที่จะทำให้เรื่องน่าแปลกประหลาดของกาลเวลาเกิดขึ้นได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ตัดมาทางสะพานข้ามเมืองเข้าออกแห่งใหญ่ที่มักจะมีรถสัญจรผ่านไปมาเนื่องจากตรงช่วงใจกลางสะพานแห่งนี้นั้นมีวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำใหญ่ที่งดงามจึงมักเป็นสถานที่ที่ใครหลาย ๆ คนมักจะชอบมาจอดรถเพื่อลงมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นภาพความทรงจำ ใจกลางสะพานใหญ่ขณะนี้กำลังมีร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง หล่อนกำลังยืนจับขอบสะพานเฝ้ามองไปยังวิวทิวทัศน์ด้านหน้าอย่างเหม่อลอย ก่อนที่น้ำตาสีใสจะไหลรินร่วงลงมาจากนัยน์ตาสีอำพัน ในมือของเธอกำรูปภาพใบหนึ่งเอาไว้ หล่อน ๆ ค่อยคลี่มือออกจับรูปภาพใบนั้นขึ้นมาดูทั้งน้ำตาในภาพปรากฏเป็นรูปของคนสามคนโดยที่หล่อนนั้นยืนอยู่ตรงกลาง ฝั่งข้างซ้ายมือของแฟนหนุ่มที่กำลังจะตบแต่งกันในหนึ่งเดือนข้างหน้า ส่วนด้านขวามือคือเพื่อนสนิทตั้งแต่เล็กของเธอ พวกเขาทั้งสามคนมาเที่ยวทริปที่ประเทศนี้เพราะจะฉลองกับการส