ในเย็นวันที่เซียวหนิงหลงเดินทางมาถึง พร้อมเสบียงอาหารจำนวนมาก ยามนี้พ่อครัวหลายคน กำลังช่วยกันศึกษาสูตรอาหารที่เซียวหนิงหลงมอบให้มาเมื่อยามเว่ย จึงอยากจะลองทำตามดูบ้างว่ามันจะอร่อยมากน้อยแค่ไหนซึ่งพวกเขาได้รับคำสั่งมาว่า ให้นำผักและเนื้อหมูแดดเดียวมาทำอาหารก่อน เพราะกลัวว่าหากทิ้งเอาไว้อีกหลายวันมั
“ไอหยา ลูกรักอย่าได้บอกเรื่องนี้กับแม่ของเจ้าเด็ดขาดเลยนะ พ่อไม่อยากถูกไล่ไปนอนที่ห้องหนังสืออีกแล้ว มันนอนไม่สบายตัวเอาเสียเลย เริ่มพรุ่งนี้พ่อจะค่อย ๆ เคี้ยวและทานให้ช้าลง เจ้าจับตาดูพ่อได้เพราะเราสองคน ต้องร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันจริงไหม แหะ ๆ ๆ” ชินอ๋องรีบพูดดักคอเซียวหนิงหลงเอาไว้ก่อน หากเฟิ่งเอ๋อร
เนี่ยชางหยิบนกหวีดไร้เสียงขึ้นมาเป่า เพื่อเรียกสหายในหน่วยลับออกมาพบ และพาเขาไปที่กระโจมของชินอ๋องทันที เนี่ยชางรอไม่นานคนที่มาพบเขาก็คือตันเจียง ที่ได้ยินเสียงนกหวีดไร้เสียงนี้“หืม เนี่ยชางเป็นเจ้าหรือที่เป่านกหวีดไร้เสียง เกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงได้ออกมายามนี้” ตันเจียงแปลกใจที่เนี่ยชาง ควรอยู่ในกอง
ยามดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ที่เขตพรมแดนระหว่างสองแคว้น รองแม่ทัพต่งได้ขี่ม้ามาหยุดอยู่ก่อนถึงเส้นแบ่งเขตแดน ทางฝั่งแคว้นฉู่ส่งปาเซี่ยเป็นตัวแทนขี่ม้าออกไปรับสาส์นท้าดวลการต่อสู้“แม่ทัพใหญ่กู่ผิงจ้าน มีคำพูดฝากไปถึงชินอ๋องของเจ้าด้วยว่า พรุ่งนี้จะเป็นวันสิ้นชื่อของแม่ทัพใหญ่อย่างเซียวชินอ๋องแน่นอน อ
“อ่อ พอดีเปิ่นหวางต้องให้ทหารทุกนาย ได้กินอาหารอร่อย ๆ ให้อิ่มท้องเสียก่อน ถึงจะมีแรงมาต่อสู้กับพวกเจ้าน่ะ ต้องขออภัยที่ปล่อยให้รอนานนะ” ชินอ๋องกล่าวทับถมเหล่าทหารชั้นผู้น้อยของแคว้นตงหนาน จนรู้สึกถึงความแตกต่างของผู้นำ ที่เอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างดี“เหอะ กินจนอิ่มท้องเพื่อเตรียมตัวมาตายกลางสน
“พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไรว่าข้าแอบซุ่มอยู่ตรงนี้ เพื่อยิงธนูอาบยาพิษ หรือว่ามีไส้ศึกปะปนอยู่ในแคว้นตงหนานงั้นหรือ?”“ก่อนตายยังพอจะฉลาดขึ้นมาบ้าง ทีพวกเจ้ายังส่งสายลับเข้ามาแคว้นฉู่ตั้งมากมาย ทำไมข้าจะส่งสายลับไปอยู่ในกองทัพแคว้นตงหนานบ้างไม่ได้เล่า” เซียวหนิงหลงยอกย้อนเล่นลิ้นกับมือยิงธนูไปมา“เช่นนั้
ชินอ๋องกับเซียวหนิงหลงยังคงหยุดรออยู่ที่เดิม เพื่อมองดูทหารนับแสนนายของแคว้นตงหนาน ถอยทัพจนห่างออกไปจากบริเวณเขตชายแดน จึงได้สั่งทุกคนกลับค่าย และเตรียมตัวเดินทางกลับเมืองหลวงในอีกสามวันข้างหน้าส่วนทหารที่ประจำอยู่ชายแดนก่อนหน้านี้ ได้สั่งการพวกเขาไว้แล้วว่า ห้ามหย่อนยานเรื่องการฝึกฝน ทั้งยังต้องหม
“พ่อฝากเจ้าจัดการแทนด้วยก็แล้วกัน พ่อจะไปทดลองใช้ของฝาก จากว่าที่ลูกสะใภ้ดูสักหน่อย” ชินอ๋องรีบฝากงานให้บุตรชายเป็นคนจัดการแทน ส่วนตัวเขารีบไปยังห้องอาบน้ำทันทีเซียวหนิงหลงจึงไม่รั้งอยู่ในกระโจมของบิดาอีก เขาออกมาด้านนอกเตรียมตัวจะเดินไปตรวจตราเหล่าทหาร แต่ตันเจียงที่เดินตามหลังมากับปาเซี่ย เอ่ยถาม
“เมื่อครู่พวกเจ้ายังไม่มีท่าทีจะยอมสักนิด ต้องให้เจ็บตัวเสียก่อนถึงจะยอมเปิดปากงั้นรึ หากทำตามที่บอกตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องบาดเจ็บเช่นนี้” หลี่เมิ่งยังไม่ยอมหยุดบ่นใส่พวกสีว์เปียว ที่ดื้อด้านในตอนแรกแต่พอเจ็บตัวก็เปลี่ยนท่าทีทันใด“พวกข้าผิดเองที่ทะนงตนคิดว่าคงจะสู้พวกเจ้าได้ อยากให้ข้าตอบคำถามอันใดถ้าต
“ข้าจะคอยดูแลร้านระหว่างท่านไม่อยู่เอง หากมีปัญหาอะไรข้าย่อมไม่ปล่อยไว้หรอก” หลี่เมิ่งอยากจะเจอกับพวกที่มาก่อเรื่องนานแล้ว คนแบบนี้จะพูดดีไปทำไมกันเมื่อเยวี๋ยนจิ้งห้าวแยกตัวกลับบ้านไปแล้ว พวกหลี่เฉียงกำลังจะกลับที่พักเช่นกันแต่กลับมีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นเสียก่อน ทั้งสามคน จึงหยุดฟังว่ามันคือเสียงอะไร
หลังจากพาตัวอู๋เจียงสงออกไปส่งด้านนอก ชินอ๋องและคนอื่นจึงออกมาจากด้านหลังฉากกั้น การสนทนาเมื่อครู่นั้นล้วนได้ยินกันทั่วหน้า แต่ไม่มีใครอยากพูดถึงมันอีกในเมื่อมันจบไปแล้ว จากนี้คือการเริ่มต้นใหม่อย่างแท้จริงบ้านตระกูลสวีจึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อปัญหาที่ค้างคาใจนั้นได้คลี่คลายแต่ที่แดนเหนือต
ให้ดี และประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับเซียวหนิงหลง“มะ มะ ไม่จริง ปะ ปะ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ซื่อจื่อจะมาอยู่กับครอบครัวพวกเจ้าได้อย่างไรกัน ไหนผู้คนที่เมืองหลวงบอกว่าซื่อจื่อติดตามท่านอ๋อง เพื่อไปตรวจความเป็นอยู่ของชาวบ้านตามรับสั่งของฮ่องเต้” ตอนนี้อู๋เจียงสงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกแล้วเขาพูดพึมพำก
“ถึงพวกข้าจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากนัก แต่อย่างน้อยก็พอจะรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว ครอบครัวพวกเราอยู่ที่นี่มีความสุขกันดี จะกลับไปตระกูลที่เห็นแก่ตัวของท่านทำไมกัน อาหารการกินก็แค่เศษของเหลือจากเรือนของท่าน เสื้อผ้าก็ไม่เคยได้ผ้าไหมอย่างดีเหมือนหลานคนอื่น ๆแม้แต่เรือนแยกพวกเรายังไม่มีให้อยู่ ท่านคิดว่านี่ม
“นายท่านขอรับพวกเราเดินตามไปเงียบ ๆ จะดีกว่า ดูท่าทางสองคนนี้จะพูดจริงทำจริงนะขอรับ ดูดาบที่อยู่ตรงเอวพวกเขาสิน่าจะคมมากทีเดียว ข้าว่าอย่าไปท้าทายตามที่พวกเขาเตือนไว้ดีกว่าขอรับ” พ่อบ้านอู๋ที่ขี้ขลาดพอตัวสังเกตเห็นดาบที่เอวของก้งคุน ก็ขนลุกขนชันเกรงว่ามันจะมาพาดอยู่ที่คอของเขาแทน“ขี้ขลาดไม่เข้าเรื่
การฉลองงานหมั้นหมายของสองครอบครัวเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทุกคนลิ้มลองสุราหมักท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย ซึ่งย้ายสถานที่นั่งดื่มสุราขึ้นมายังชั้นสอง ที่ลู่ชิงทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นชมทิวทัศน์เอาไว้ โดยมีเพียงกลุ่มของเจียวมิ่งที่ขึ้นมาคอยดูแลส่วนเต๋อหลินต้องคอยดูแลกลุ่มที่ติดตามชินอ๋อง แต่รสชาติของสุราหมักทำ
“ถึงเจ้าไม่พูดข้าก็คิดจะลงมืออยู่แล้ว เมื่ออู๋เจียงสงกลับไปถึงเมืองหลวง อาจตายเพราะความตกใจจนเกินเหตุ หรือไม่ก็คงตรอมใจจนตายก็เป็นได้ เจ้าอย่าห่วงเลยข้าจะจัดการให้เมืองหลวงไม่มีชื่อตระกูลอู๋อีกต่อไป” เซียวหนิงหลงพูดคำไหนคำนั้นและเขาไม่เคยทำไม่สำเร็จ“ขอบคุณมากขอรับ รอให้ข้าฝึกวรยุทธ์ได้เก่งมากกว่านี
“ชิงเอ๋อร์เจ้ายื่นมือมาพี่จะช่วยสวมให้เจ้าเอง เมื่อใส่กำไลหยกชิ้นนี้แล้วก็ถือว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นของพี่ เป็นว่าที่สะใภ้ของราชวงศ์เซียวแห่งแคว้นฉู่ หากมีใครคิดปองร้ายเจ้าโทษของคนเหล่านั้น ย่อมร้ายแรงมากกว่าปกติหลายเท่าการลงโทษย่อมมีหนักเบา หวังว่าเจ้าจะเข้าใจกฎเกณฑ์พวกนี้ บางครั้งเราไม่อาจใจดีกับคนที่