อู๋เสียนจงผู้นี้เป็นบุตรชายคนที่สาม ของนายท่านอู๋เจียงสงกับอนุภรรยาคนที่สอง เขามีอายุห่างจากพี่ชายคนรอง อย่างลู่เวินอยู่ห้าปี เพิ่งจะมีโอกาสได้เข้ามาช่วยงานในกิจการของตระกูล หลังจากลู่เวินถูกไล่ออกจากตระกูลมาแม้เขาจะไม่ได้เก่งกาจหรือฉลาดไปเกือบทุกเรื่องอย่างลู่เวิน แต่อู๋เสียนจงถือว่ามีไหวพริบ เอาต
เลี่ยงซูที่ขี่ม้ากลับมายังตำบลหย่งฝูอีกครั้ง และเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าเริ่มทยอยออกจากร้าน เขานั่งอยู่ร้านน้ำชาฝั่งตรงข้าม ซึ่งเห็นทุกอย่างที่หน้าร้านเป็นอย่างดีจนลูกค้าออกไปจนหมด ทุกคนจึงเริ่มเก็บกวาดทำความสะอาด ก่อนจะยืนส่งกลุ่มของเซียวหนิงหลงกลับบ้านเช่า พร้อมกับเถาใส่อาหารหลายชั้นเลี่ยงซูแน่ใจว่า
เซียวหนิงหลงเดินตรงไปเคาะประตูห้องแรก ที่ลู่เวินกับบุตรชายพักอยู่ด้วยกัน ลู่เวินเกือบจะส่งเสียงดังถามออกมา ยังดีที่เซียวหนิงหลงใช้สัญญาณมือบอกเอาไว้ได้ทันจากนั้นลู่เวินจึงให้เขาเดินตามเข้าไป เพื่อพูดคุยกันในห้องแทนการยืนอยู่หน้าประตู ป้องกันคนที่กำลังจะลงมืออย่างเลี่ยงซูได้เป็นอย่างดี“อาเซียวพวกเจ
“จับตัวมันขึ้นมานั่งตอบคำถามของข้าดี ๆ”“พะ พะ พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดถึงมีวรยุทธ์ขั้นสูงทุกคน”เซียวหนิงหลงมิได้ใส่ใจคำถามของเลี่ยงซู “ข้าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของเจ้า แต่เจ้าจำเป็นต้องตอบคำถามของข้าเท่านั้น ตันเจียงไปเชิญท่านน้าลู่เวินออกมาที่นี่ด้วย”ขณะที่รอลู่เวินออกมาจากห้อง เซียวหนิงหลงทำเ
“หวังสบายจากความคิดของคนอื่นสินะ ครอบครัวท่านน้าช่างโชคดีจริง ๆ ที่ออกมาจากตระกูลนี้ได้ มีบิดาเห็นแก่ตัวเช่นนั้น นอกจากท่านน้าลู่เวินแล้วคนอื่น ๆ คงมีนิสัยเช่นเดียวกันหมดจวนกระมัง บ้านเช่านั่นอยู่ที่ไหนบอกทางให้กับคนของข้าเดี๋ยวนี้” เห็นแก่ตัวตั้งแต่หัวหงอกจนหัวดำ“นายท่านสามเช่าบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่ด
อู๋เสียนจงถูกเซียวหนิงหลงลงโทษจนหมดสภาพ เขากลายเป็นคนพิการยิ่งกว่าหลานชายของตน แต่เซียวหนิงหลงไม่ได้ใจดำจนเกินไปนัก ยังอนุญาตให้เจียวมิ่งไปเชิญท่านหมอเกา มาช่วยรักษาแผลของอู๋เสียนจง ก่อนจะจ่ายเงินจ้างสำนักคุ้มภัย นำตัวไปส่งถึงหน้าประตูจวนพร้อมกับจดหมายไม่มีชื่อผู้เขียน ระหว่างการเดินทางอู๋เสียนจงได
“ข้าขอไม่ปิดบังท่านพ่อบ้าน เมื่อสัปดาห์ก่อนที่เมืองหย่งจินกับตำบลหย่งฝู ได้ต่อสู้กับทหารแคว้นตงหนานพวกมันบุกเข้ามาทางภูเขาจำนวนหลักหมื่น แต่ยังถือว่าโชคดีที่มีทหารจากเมืองหลวงไปช่วยไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้นป่านนี้คงเสียเมืองหย่งจินให้แคว้นตงหนานแล้วขอรับและตอนนี้ที่ชายแดนกำลังตึงเครียดเป็นอย่างมาก เพรา
“ฮือ ๆ ๆ จงเอ๋อร์ทำไมเจ้าถึงได้คิดทำเรื่องเช่นนั้นเล่า แม่แค่อยากให้พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ใดเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” อนุเจินที่ได้อ่านจดหมาย บอกเล่าเรื่องราวชั่วร้ายของอู๋เสียนจงก็ได้แต่ตัดพ้อออกไปอู๋เสียนจงที่พูดไม่ได้มีเพียงเสียงอือ ๆ ออกมาพร้อมเสียงสะอื้นไห้ เพรา
“ถึงเจ้าไม่พูดข้าก็คิดจะลงมืออยู่แล้ว เมื่ออู๋เจียงสงกลับไปถึงเมืองหลวง อาจตายเพราะความตกใจจนเกินเหตุ หรือไม่ก็คงตรอมใจจนตายก็เป็นได้ เจ้าอย่าห่วงเลยข้าจะจัดการให้เมืองหลวงไม่มีชื่อตระกูลอู๋อีกต่อไป” เซียวหนิงหลงพูดคำไหนคำนั้นและเขาไม่เคยทำไม่สำเร็จ“ขอบคุณมากขอรับ รอให้ข้าฝึกวรยุทธ์ได้เก่งมากกว่านี
“ชิงเอ๋อร์เจ้ายื่นมือมาพี่จะช่วยสวมให้เจ้าเอง เมื่อใส่กำไลหยกชิ้นนี้แล้วก็ถือว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นของพี่ เป็นว่าที่สะใภ้ของราชวงศ์เซียวแห่งแคว้นฉู่ หากมีใครคิดปองร้ายเจ้าโทษของคนเหล่านั้น ย่อมร้ายแรงมากกว่าปกติหลายเท่าการลงโทษย่อมมีหนักเบา หวังว่าเจ้าจะเข้าใจกฎเกณฑ์พวกนี้ บางครั้งเราไม่อาจใจดีกับคนที่
“เรื่องบิดาของท่านพวกข้าจะไม่เข้าไปยุ่ง หากท่านไม่ร้องขอความช่วยเหลือ แต่คนที่ลอบติดตามมาเพื่อจัดการท่านกับครอบครัว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกข้าก็แล้วกัน เพราะเรื่องนี้คนของข้าย่อมถนัดมากกว่าการพูดคุย นายท่านสวีจะได้จัดการเรื่องสำคัญได้อย่างสบายใจ” ชินอ๋องจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของลู่เวิ
ทุกคนที่อยู่ร่วมทานอาหารยังไม่มีใครพูดอะไร เพราะกลัวว่าการทานอาหารมื้อเย็นนี้จะเสียอรรถรสจึงรอไปก่อน ระหว่างนั้นมีการพูดคุยกันเพียงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศบนโต๊ะอาหาร ส่วนตันเจียงที่ทานอาหารกับกลุ่มเจียวมิ่งด้านนอก เขาได้พูดถึงเรื่องนี้กับสหายไปบางส่วน เนื่องจากว่าทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อมเ
การมาพักผ่อนที่บ้านของตระกูลสวีผ่านมาสองวัน มีเรื่องให้ชินอ๋องและพระชายาได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ มากขึ้น ไหนจะขึ้นเขาล่าสัตว์มาทำอาหารหรือการจับปลาในแม่น้ำ ที่ไหลผ่านหลังหมู่บ้าน แม้แต่ตามไปที่ร้านอาหารเพื่อทดลองเป็นพ่อค้าแม่ค้า ก็ยังต้องการจะลองทำดูให้ครบหมดทุกอย่างทำเอาชินอ๋องผู้แข็งแกร่งถึงกับอ่อนระโ
“เป็นข้าวต้มก็ดีเหมือนกัน แต่ชิงเอ๋อร์คงทำหม้อใหญ่กว่าเดิมใช่หรือไม่ เพราะมีคนมาเพิ่มอีกหลายคนทีเดียวเจ้าอาจจะเหนื่อยมากเกินไปก็ได้นะ” เพราะคนที่มาครั้งนี้มีมากกว่าห้าสิบคน ที่พักจึงต้องตั้งกระโจมยังพื้นที่ว่างตรงข้างบ้าน“พี่ชายเซียวท่านไม่รู้อะไรซะแล้ว ตอนนี้พวกพี่เจียวมิ่งน่ะทำอาหารเป็นตั้งหลายอย
“คือว่าพี่กับตันเจียงไปตระกูลเหลียนเพิ่งกลับมา เพราะคนพวกนั้นกล่าววาจาล่วงเกินท่านน้าลู่เวิน และพูดจาไม่ดีกับเจ้าด้วย ที่สำคัญคิดหาผลประโยชน์จากกิจการร้านค้าของตระกูลสวีอีก พี่จะยอมให้คนพวกนั้นทำสำเร็จได้อย่างไร ตราบใดที่พี่ยังอยู่จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายชิงเอ๋อร์ได้ รวมถึงทุกคนในครอบครัวของชิง
กลางดึกในหมู่บ้านอันฮุยจวนของเศรษฐีประจำหมู่บ้าน ลุกโชนด้วยความร้อนแรงของแสงไฟ ร่างที่ถูกยาสลบของต่งซวินหลายสิบคน นอนเรียงรายไม่รู้สึกตัว จากความร้อนของเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ เรือนทุกหลังถูกเผาไหม้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเรือนหลังสุดท้ายที่เป็นของเหลียนตั๋วลู่ ก็ถูกจุดไฟจากฝีมือของก้งคุนที่ถือคบไฟรออยู่ เ
“จะเรียกพวกข้าว่าอะไรก็แล้วแต่ท่านเหลียนจะเรียกเถิด และใช่ท่านทำอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้สึกไม่พอใจมาก เพราะท่านเหลียนกำลังคิดจะจัดการตระกูลสวี ข้าพูดถูกใช่หรือไม่” เซียวหนิงหลงเดินเข้าไปนั่งโต๊ะกลางห้องและพูดถึงเรื่องตระกูลสวี“จะ จะ เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้ากำลังคิดจะทำอะไรกับตระกูลสวี” เหลียนตั๋วลู่เร