“ข้ารู้จักเขา เขาคือถังป๋อเหวินคนรักของสนมเหอกุ้ยเฟย” ห้าวเทียนฮ่องเต้กล่าวน้ำเสียงราบเรียบเยว่ฮองเฮาถึงกับตะลึงที่สนมเหอกุ้ยเฟยกล้าสวมหมวกเขียวให้ห้าวเทียนฮ่องเต้ แต่ที่ทำให้แปลกใจกว่าคือห้าวเทียนฮ่องเต้รู้เรื่องนี้แต่เขากลับไม่โกรธและไม่คิดจะลงทัณฑ์พวกเขาทั้งสอง“เจ้าทำเช่นนี้เพราะเกลียดฮองเฮาที่ทำให้เจ้ากับคนรักไม่สมหวังสินะ” ห้าวเทียนฮ่องเต้เอ่ยถาม“เพคะ หม่อมฉันเกลียดที่ฮองเฮาทรงเสนอให้พระองค์รับหม่อมฉันเข้ามาเป็นสนมทั้งที่หม่อมฉันไม่ต้องการและยังทรงทำร้ายหม่อมฉันอยู่บ่อยครั้ง” สนมเหอกุ้ยเฟยเอ่ยตอบ“ข้าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ทั้งที่ข้าให้คนไปตรวจดูแล้วแท้ๆ ว่าสนมที่ข้าจะรับเข้ามามีใครมีคู่หมั้นคู่หมายแล้วหรือยัง หรือมีคนที่ชอบพออยู่แล้วหรือไม่ แต่ตอนนั้นประวัติของเจ้ากลับไม่มีบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย” เยว่ฮองเฮาเอ่ยสนมเหอกุ้ยเฟยนิ่งเงียบไม่ได้เอ่ยต่อ เพราะนางไม่ได้มีคู่หมั้นหมายจริงๆ อย่างที่เยว่ฮองเฮาทรงตรัส ถึงเขากับนางจะรักกันแต่ก็ได้แต่หลบๆ ซ่อนๆ เพราะฐานะทางบ้านฝ่ายชายไม่คู่ควรกันกับนาง จึงไม่แปลกที่ฮองเฮาส่งคนไปตรวจสอบแล้วจะไม่เจอ นางรอเขาสอบให้ได้เป็นขุนนางเสียก่อนจึงค
“ท่านอ๋องสาม ท่านกำลังกล่าวเรื่องอันใดหม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยเพคะ หม่อมฉันมีอำนาจอันใดที่จะส่งเสริมบัณฑิตถังป๋อเหวินให้เป็นขุนนางได้” สนมเหอกุ้ยเฟยเอ่ยเพื่อแก้ต่างให้ตนเอง“พระสนมเหอกุ้ยเฟยท่านยังไม่คิดจะยอมรับผิดอีกใช่หรือไม่”“หม่อมฉันก็รับผิดในส่วนที่หม่อมฉันได้กระทำแล้ว ตามที่หม่อมฉันได้ทูลให้ฮองเฮาฟังไปเมื่อครู่”“ในเมื่อเจ้ายังปากแข็ง ไม่ยอมรับความจริงเช่นนั้นข้าจะดูสิว่าเจ้าจะยังกล้าปฏิเสธอีกหรือไม่”ตอนเฟยห้าวหลานเข้ามายังตำหนักหูเตี๋ยพร้อมองครักษ์ที่หิ้วมือสังหารกับถังป๋อเหวินเข้ามา ก็พบว่านางกำนัลของสนมเหอกุ้ยเฟยมีท่าทีแปลกๆ เมื่อเห็นหน้ามือสังหารกับถังป๋อเหวิน จึงได้ให้องครักษ์พาตัวไปสอบสวน เมื่อองครักษ์เข้ามาบอกเฟยห้าวหลานว่านางกำนัลผู้นั้นยอมสารภาพ แต่จะบอกกับผู้ที่มีอำนาจมากกว่าสนมเหอกุ้ยเฟยเท่านั้น เขาจึงได้ออกไปเพื่อรับฟังคำสารภาพของนางกำนัลเฟยห้าวหลานเรียกองครักษ์ให้นำนางกำนัลผู้นั้นเข้ามา เมื่อสนมเหอกุ้ยเฟยเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นนางกำนัลของตน แต่ก็ยังทำสีหน้าราวไม่ทุกข์ไม่ร้อนอันใด“ว่าอย่างไรพระสนมเหอกุ้ยเฟย ท่านมีอันใดจะพูดหรือไม่” เฟยห้าวหลานเอ่ยถามพร้อมยกยิ
เยว่ลี่อิงถึงจะอยากรู้เหตุผลจากเฟยห้าวเทียนว่าทำไมเขาถึงไม่รู้สึกรู้สาที่โดนสวมหมวกเขียวถึงเพียงนี้ แต่ในเมื่อเขายังไม่อยากอธิบายนางจึงไม่คิดจะเอ่ยถาม นางหันไปเห็นสนมเหอกุ้ยเฟยพยายามลุกขึ้นจึงได้สั่งให้ขันทีฉีเข้ามาพยุง และให้นางไปนั่งข้างถังป๋อเหวินโดยให้ขันทีฉีและองครักษ์คอยคุมตัวนางไว้ให้ดีอย่าให้ไปทำร้ายใครได้อีก“ดูจากที่สนมเหอกุ้ยเฟยคิดจะฆ่าเจ้า เพราะเจ้ารู้เรื่องที่สนมเหอกุ้ยเฟยไม่อยากให้ผู้ใดรู้กระมัง” เยว่ฮองเฮาเอ่ยถามนางกำนัลเถียน“ใช่แล้วเพคะ”“เช่นนั้นเจ้าบอกเราได้หรือไม่”“ได้เพคะ แต่ยกเว้นเรื่องพระสนมเหอกุ้ยเฟยทรงบอกรักและทรงนัดเจอกันกับคุณชายถังป๋อเหวินได้หรือไม่เพคะ”เพียงเยว่ฮองเฮาพยักหน้าตอบรับนางกำนัลเถียนก็เริ่มเล่าทุกอย่างให้ฟัง สนมเหอกุ้ยเฟยเดิมที่ไม่ได้มีใจคิดร้าย แต่โดนเยว่ฮองเฮารังแกบวกกับ เรื่องที่นางไม่ได้สมหวังในรักจึงรวมกันเป็นความแค้น และความคิดนางต้องมาเปลี่ยนไปเมื่อท่านเสนาบดีกรมคลังรู้เรื่องสนมเหอกุ้ยเฟยกับถังป๋อเหวิน จึงสั่งให้คนไปทำร้ายถังป๋อเหวินเพราะเรื่องนี้ถังป๋อเหวินจึงได้เขียนจดหมายราวตัดพ้อตนเองว่า แม้แต่ตนเองเขาก็ยังไม่สามารถปกป้องได้ และเป็
ตำหนักเล่อโซ่วถางเมื่อกลับจากตำหนักหูเตี๋ยเยว่ลี่อิงก็มาหาไทเฮาที่ตำหนักเพื่อถวายพระพรไทเฮาและมาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ไทเฮาฟังตามที่รับปากไว้ ไม่เพียงเยว่ลี่อิงที่มา เยว่ลี่หรง เฟยห้าวเทียน และเฟยห้าวหลานก็ตามมาด้วย ไทเฮาจึงชวนให้ทานข้าวเย็นด้วยกันที่ตำหนัก“สนมฉินหวงกุ้ยเฟยช่างบังอาจยิ่งนัก ถึงว่าข้าถึงไม่มีโอกาสได้อุ้มหลานเสียที” ไทเฮาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโหเมื่อได้ยินเยว่ลี่อิงเล่าให้ฟังแต่ทุกคนต่างนิ่งเงียบไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงเรื่องที่เฟยห้าวเทียนไม่ได้เข้าหอกับพวกนาง เพราะพวกเขาไม่อยากให้ไทเฮาเป็นกังวลและต้องมานั่งฟังไทเฮาบ่นเรื่องนี้“แต่ไม่เป็นไรอีกไม่นานข้าก็จะได้อุ้มหลานจากเยว่ฮองเฮาแล้ว จริงหรือไม่ฝ่าบาท” หญิงชรายิ้มอย่างเบิกบาน“พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่”เฟยห้าวเทียนรีบตอบรับมารดาทันทีแน่นอนอยู่แล้วเรื่องที่เยว่ลี่อิงกับเฟยห้าวเทียนเข้าหอกันมีหรือข่าวดีเช่นนี้เกากงกงจะไม่มารายงานไทเฮา เพียงรู้ข่าวก็ยิ้มร่าเริงมาทั้งวันจนถึงตอนนี้ แม้แต่เรื่องพระสนมที่ทำความผิดมากมายก็ยังไม่ทำให้อารมณ์ของไทเฮาขุ่นมัวได้นาน“เยว่ฮองเฮาเจ้าจะต้องบำรุงร่างกายให้มากๆ และมีหลานให้ข้าเร็วๆ เข้าใจหรือไ
เมื่อเฟยห้าวเทียนเห็นว่าทำเช่นไรเยว่ลี่อิงก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมให้เขาค้างที่ตำหนัก และเขาเองก็ไม่คิดที่จะกลับไปนอนที่ตำหนักตนเองอย่างแน่นอน จึงได้อ้างเรื่องการหาหลักฐานที่นางยังหาไม่ได้มาเป็นข้ออ้าง“เจ้ายังหาหลักฐานเอาผิดสนมฉินหวงกุ้ยเฟยไม่ได้ใช่หรือไม่ วันนี้ถึงยังไม่ตัดสินความให้จบ” เฟยห้าวเทียนเอ่ยพร้อมจดจ้องใบหน้างามเพื่ออ่านความคิดของนางเยว่ลี่อิงที่นั่งทำสีหน้าไม่พอใจก็เปลี่ยนสีหน้าไปในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเฟยห้าวเทียน เพราะมันเป็นอย่างที่เฟยห้าวเทียนพูดจริงๆ นางยังไม่สามารถที่จะหาหลักฐานมากพอที่จะใช้มัดตัวสนมฉินได้ ที่จริงหากเป็นนางสนมนางอื่นเพียงหลักฐานที่วางยาห้ามครรภ์สนมทั้งหลายก็อาจมากเพียงพอ แต่สำหรับสนมฉินหวงกุ้ยเฟยมันไม่ง่ายเช่นนั้นเลย เพราะถ้าความผิดไม่มากพอท่านอัครเสนาบดีพ่อของนางย่อมเข้ามาช่วยเหลือนางเป็นแน่ห้าวเทียนฮ่องเต้โบกมือเพื่อไล่นางกำนัลขันทีในห้องออกไป ทุกคนต่างหันมามองที่เยว่ฮองเฮาว่าจะปฏิเสธหรือไม่ เพราะตั้งแต่เข้าห้องมาคนหนึ่งไล่คนหนึ่งเรียกจนพวกเขาทำตัวไม่ถูก แต่เมื่อเห็นว่าเยว่ฮองเฮานิ่งเงียบพวกเขาเลยรีบออกไปทันทีเกากงกงรีบเอ่ยให้ทุกคนถอยห่างจากหน้
สองคืนที่ผ่านมาเยว่ฮองเฮาต้องฝืนตัวเองให้เคยชินกับมือหนวดปลาหมึกที่ไม่อยู่สุข ไม่เช่นนั้นนางคงไม่เป็นอันได้นอน เพราะเขาไม่เพียงกอดแต่ยังลูบไล้นางอยู่ตลอดทั้งคืน แต่วันนี้หลี่ฟางซินออกจากตำหนักเย็นวันแรกนางเลยคิดว่าคงจะได้นอนอย่างเป็นสุขเสียที เพราะตั้งแต่วันที่ออกเดินทางจนถึงวันนี้นางยังไม่ได้นอนแบบเต็มอิ่มสักวันวันนี้เพียงตะวันลับขอบฟ้าไม่นานเยว่ฮองเฮาก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวเขานอนแล้ว นางอยากจะชดเชยให้ร่างกายตัวเองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่เพียงนางเอนตัวลงบนที่นอน อี้หงก็เดินเข้ามารายงานว่าห้าวเทียนฮ่องเต้เสด็จมาเยว่ฮองเฮาชักสีหน้าไม่พอใจทันทีที่ได้ยิน แต่ถึงอย่างไรนางก็ต้องต้อนรับเขา เพราะยังเหลืออีก3วันที่นางรับปากเขาไว้ แต่ยังไม่ทันที่นางจะลงจากเตียงบุรุษผู้นั้นก็เข้ามาด้านในห้องเสียแล้ว“เจ้าจะนอนแล้วอย่างนั้นหรือ เจ้าไม่สบายหรือเปล่า” ห้าวเทียนฮ่องเต้ไม่เคยเห็นนางเข้านอนเร็วขนาดนี้เลยคิดเป็นห่วงว่านางจะไม่สบาย“หม่อมฉันไม่ได้เป็นอะไรเพคะ เพียงแต่หลายวันมานี้มีคนกวนยามหลับเสมอ วันนี้ไม่มีผู้ใดกวนเลยอยากนอนเร็วขึ้นหน่อย”นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน“เช่นนั้นหรือ
เมื่อคืนนี้กว่าที่เขาจะหลับได้ก็ทรมานอยู่นาน เช้านี้หน้าตาของเขาจึงไม่สดใสต่างจากอีกคนที่มีหน้าตาเบิกบาน แต่นางก็ได้หาสนใจเขาไม่ ที่จริงวันนี้เขาคิดจะให้นางจัดการเอง แต่ก็เป็นห่วงกลัวนางจะรับมือกับอัครเสนาบดีฉินไม่ได้จึงมาด้วยขณะที่เดินไปอุทยานเกากงกงเอ่ยขอร้องกับเยว่ฮองเฮาให้ง้อห้าวเทียนฮ่องเต้เสียหน่อย เพราะไม่เช่นนั้นวันนี้เหล่านางกำนัลขันทีคงอยู่อย่างไม่เป็นสุขเยว่ฮองเฮาหันหลังไปมองก็เห็นสายตาที่เว้าวอนของนางกำนัลขันทีที่ตามเสด็จมาจึงได้พยักหน้าตอบ ห้าวเทียนฮ่องเต้เห็นที่เกากงกงแอบกระซิบกับเยว่ฮองเฮา เขาก็แอบดีใจเล็กน้อย“ฝ่าบาทให้คนไปตามบรรดาบิดาของพวกนางมาแล้วใช่หรือไม่เพคะ”เขาเงียบไม่ยอมตอบ จนเดินมาถึงศาลาในอุทยานเขาก็เข้าไปนั่งด้านในโดยหันหน้าไปทางอื่น ทำเป็นไม่สนใจนาง“ฝ่าบาทเพคะ” น้ำเสียงออดอ้อนแต่เขาก็ยังทำเมินเฉยใส่นาง ในเมื่อเขาไม่ใส่ใจนาง นางจึงไม่คิดจะเอ่ยต่อเมื่อผ่านไปครู่หนึ่งเขาเห็นว่านางเงียบนิ่งไปนานจึงได้หันมามอง แต่คราวนี้กลายเป็นนางที่ทำเมินใส่ เมื่อเยว่ฮองเฮาเห็นว่าเขาหันมามองนาง นางก็เลยทำเป็นหันหน้าหนีเหมือนที่เขาทำกับนางในคราวแรก ห้าวเทียนฮ่องเต้ถึงกับล
หลังจากที่พระสนมเหอกุ้ยเฟยและเสนาบดีกรมคลังกลับไปแล้ว เยว่ฮองเฮาก็ถึงกับหลั่งน้ำตาไม่หยุดเพราะสงสารพ่อลูกที่พากันพยุงเดินออกไปทั้งน้ำตา ห้าวเทียนได้แต่กอดนางและเอามือลูบหลังเบาๆ เพื่อปลอบประโลม เพราะเขารู้ดีว่านางเองก็คงรู้สึกผิดที่เลือกพระสนมเหอกุ้ยเฟยเข้ามาเป็นสนมและต้องมาเจอจุดจบเช่นนี้หลายวันต่อมาในที่สุดหลักฐานสำคัญที่จะใช้มัดตัวสนมฉินและอัครเสนาบดีฉินก็มาถึง นั่นก็คือซางกวนที่จริงเขาเป็นหมอรักษาพิษและมีความรู้เรื่องพิษ เขาจึงถูกบังคับจากคนสกุลฉินให้ปรุงพิษให้องค์รัชทายาทพระองค์ก่อนและเยว่ฮองเฮา แต่เพียงอัครเสนาบดีฉินได้ข่าวว่าห้าวเทียนฮ่องเต้ยังคงสืบเรื่องการตายของพี่ชายอยู่จึงคิดจะสังหารคนปรุงยาปิดปากเขาแอบพาครอบครัวหนีไปซ่อนตัวถึงชายแดน แต่คนของอัครเสนาบดีฉินก็ยังตามเขาเจอและฆ่าลูกเมียของเขา เขาคิดจะล้างแค้นอัครเสนาบดีฉินที่ฆ่าลูกเมีย เขาจึงไปขอความช่วยเหลือจากเยว่ลี่ต้าน้องชายของเยว่ฮองเฮา เพราะซางกวนรู้ดีว่าเขาจะได้รับความคุ้มครองเพื่อมาเป็นพยานเอาผิดคนที่วางยาเยว่ฮองเฮาเยว่ลี่ต้าแอบส่งข่าวนี้มายังห้าวเทียนฮ่องเต้อย่างลับๆ เพราะไม่อยากให้บิดาและท่านแม่เป็นห่วงพี่สาวที่ถู
หลังจากที่พระสนมเหอกุ้ยเฟยและเสนาบดีกรมคลังกลับไปแล้ว เยว่ฮองเฮาก็ถึงกับหลั่งน้ำตาไม่หยุดเพราะสงสารพ่อลูกที่พากันพยุงเดินออกไปทั้งน้ำตา ห้าวเทียนได้แต่กอดนางและเอามือลูบหลังเบาๆ เพื่อปลอบประโลม เพราะเขารู้ดีว่านางเองก็คงรู้สึกผิดที่เลือกพระสนมเหอกุ้ยเฟยเข้ามาเป็นสนมและต้องมาเจอจุดจบเช่นนี้หลายวันต่อมาในที่สุดหลักฐานสำคัญที่จะใช้มัดตัวสนมฉินและอัครเสนาบดีฉินก็มาถึง นั่นก็คือซางกวนที่จริงเขาเป็นหมอรักษาพิษและมีความรู้เรื่องพิษ เขาจึงถูกบังคับจากคนสกุลฉินให้ปรุงพิษให้องค์รัชทายาทพระองค์ก่อนและเยว่ฮองเฮา แต่เพียงอัครเสนาบดีฉินได้ข่าวว่าห้าวเทียนฮ่องเต้ยังคงสืบเรื่องการตายของพี่ชายอยู่จึงคิดจะสังหารคนปรุงยาปิดปากเขาแอบพาครอบครัวหนีไปซ่อนตัวถึงชายแดน แต่คนของอัครเสนาบดีฉินก็ยังตามเขาเจอและฆ่าลูกเมียของเขา เขาคิดจะล้างแค้นอัครเสนาบดีฉินที่ฆ่าลูกเมีย เขาจึงไปขอความช่วยเหลือจากเยว่ลี่ต้าน้องชายของเยว่ฮองเฮา เพราะซางกวนรู้ดีว่าเขาจะได้รับความคุ้มครองเพื่อมาเป็นพยานเอาผิดคนที่วางยาเยว่ฮองเฮาเยว่ลี่ต้าแอบส่งข่าวนี้มายังห้าวเทียนฮ่องเต้อย่างลับๆ เพราะไม่อยากให้บิดาและท่านแม่เป็นห่วงพี่สาวที่ถู
เมื่อคืนนี้กว่าที่เขาจะหลับได้ก็ทรมานอยู่นาน เช้านี้หน้าตาของเขาจึงไม่สดใสต่างจากอีกคนที่มีหน้าตาเบิกบาน แต่นางก็ได้หาสนใจเขาไม่ ที่จริงวันนี้เขาคิดจะให้นางจัดการเอง แต่ก็เป็นห่วงกลัวนางจะรับมือกับอัครเสนาบดีฉินไม่ได้จึงมาด้วยขณะที่เดินไปอุทยานเกากงกงเอ่ยขอร้องกับเยว่ฮองเฮาให้ง้อห้าวเทียนฮ่องเต้เสียหน่อย เพราะไม่เช่นนั้นวันนี้เหล่านางกำนัลขันทีคงอยู่อย่างไม่เป็นสุขเยว่ฮองเฮาหันหลังไปมองก็เห็นสายตาที่เว้าวอนของนางกำนัลขันทีที่ตามเสด็จมาจึงได้พยักหน้าตอบ ห้าวเทียนฮ่องเต้เห็นที่เกากงกงแอบกระซิบกับเยว่ฮองเฮา เขาก็แอบดีใจเล็กน้อย“ฝ่าบาทให้คนไปตามบรรดาบิดาของพวกนางมาแล้วใช่หรือไม่เพคะ”เขาเงียบไม่ยอมตอบ จนเดินมาถึงศาลาในอุทยานเขาก็เข้าไปนั่งด้านในโดยหันหน้าไปทางอื่น ทำเป็นไม่สนใจนาง“ฝ่าบาทเพคะ” น้ำเสียงออดอ้อนแต่เขาก็ยังทำเมินเฉยใส่นาง ในเมื่อเขาไม่ใส่ใจนาง นางจึงไม่คิดจะเอ่ยต่อเมื่อผ่านไปครู่หนึ่งเขาเห็นว่านางเงียบนิ่งไปนานจึงได้หันมามอง แต่คราวนี้กลายเป็นนางที่ทำเมินใส่ เมื่อเยว่ฮองเฮาเห็นว่าเขาหันมามองนาง นางก็เลยทำเป็นหันหน้าหนีเหมือนที่เขาทำกับนางในคราวแรก ห้าวเทียนฮ่องเต้ถึงกับล
สองคืนที่ผ่านมาเยว่ฮองเฮาต้องฝืนตัวเองให้เคยชินกับมือหนวดปลาหมึกที่ไม่อยู่สุข ไม่เช่นนั้นนางคงไม่เป็นอันได้นอน เพราะเขาไม่เพียงกอดแต่ยังลูบไล้นางอยู่ตลอดทั้งคืน แต่วันนี้หลี่ฟางซินออกจากตำหนักเย็นวันแรกนางเลยคิดว่าคงจะได้นอนอย่างเป็นสุขเสียที เพราะตั้งแต่วันที่ออกเดินทางจนถึงวันนี้นางยังไม่ได้นอนแบบเต็มอิ่มสักวันวันนี้เพียงตะวันลับขอบฟ้าไม่นานเยว่ฮองเฮาก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวเขานอนแล้ว นางอยากจะชดเชยให้ร่างกายตัวเองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่เพียงนางเอนตัวลงบนที่นอน อี้หงก็เดินเข้ามารายงานว่าห้าวเทียนฮ่องเต้เสด็จมาเยว่ฮองเฮาชักสีหน้าไม่พอใจทันทีที่ได้ยิน แต่ถึงอย่างไรนางก็ต้องต้อนรับเขา เพราะยังเหลืออีก3วันที่นางรับปากเขาไว้ แต่ยังไม่ทันที่นางจะลงจากเตียงบุรุษผู้นั้นก็เข้ามาด้านในห้องเสียแล้ว“เจ้าจะนอนแล้วอย่างนั้นหรือ เจ้าไม่สบายหรือเปล่า” ห้าวเทียนฮ่องเต้ไม่เคยเห็นนางเข้านอนเร็วขนาดนี้เลยคิดเป็นห่วงว่านางจะไม่สบาย“หม่อมฉันไม่ได้เป็นอะไรเพคะ เพียงแต่หลายวันมานี้มีคนกวนยามหลับเสมอ วันนี้ไม่มีผู้ใดกวนเลยอยากนอนเร็วขึ้นหน่อย”นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน“เช่นนั้นหรือ
เมื่อเฟยห้าวเทียนเห็นว่าทำเช่นไรเยว่ลี่อิงก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมให้เขาค้างที่ตำหนัก และเขาเองก็ไม่คิดที่จะกลับไปนอนที่ตำหนักตนเองอย่างแน่นอน จึงได้อ้างเรื่องการหาหลักฐานที่นางยังหาไม่ได้มาเป็นข้ออ้าง“เจ้ายังหาหลักฐานเอาผิดสนมฉินหวงกุ้ยเฟยไม่ได้ใช่หรือไม่ วันนี้ถึงยังไม่ตัดสินความให้จบ” เฟยห้าวเทียนเอ่ยพร้อมจดจ้องใบหน้างามเพื่ออ่านความคิดของนางเยว่ลี่อิงที่นั่งทำสีหน้าไม่พอใจก็เปลี่ยนสีหน้าไปในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเฟยห้าวเทียน เพราะมันเป็นอย่างที่เฟยห้าวเทียนพูดจริงๆ นางยังไม่สามารถที่จะหาหลักฐานมากพอที่จะใช้มัดตัวสนมฉินได้ ที่จริงหากเป็นนางสนมนางอื่นเพียงหลักฐานที่วางยาห้ามครรภ์สนมทั้งหลายก็อาจมากเพียงพอ แต่สำหรับสนมฉินหวงกุ้ยเฟยมันไม่ง่ายเช่นนั้นเลย เพราะถ้าความผิดไม่มากพอท่านอัครเสนาบดีพ่อของนางย่อมเข้ามาช่วยเหลือนางเป็นแน่ห้าวเทียนฮ่องเต้โบกมือเพื่อไล่นางกำนัลขันทีในห้องออกไป ทุกคนต่างหันมามองที่เยว่ฮองเฮาว่าจะปฏิเสธหรือไม่ เพราะตั้งแต่เข้าห้องมาคนหนึ่งไล่คนหนึ่งเรียกจนพวกเขาทำตัวไม่ถูก แต่เมื่อเห็นว่าเยว่ฮองเฮานิ่งเงียบพวกเขาเลยรีบออกไปทันทีเกากงกงรีบเอ่ยให้ทุกคนถอยห่างจากหน้
ตำหนักเล่อโซ่วถางเมื่อกลับจากตำหนักหูเตี๋ยเยว่ลี่อิงก็มาหาไทเฮาที่ตำหนักเพื่อถวายพระพรไทเฮาและมาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ไทเฮาฟังตามที่รับปากไว้ ไม่เพียงเยว่ลี่อิงที่มา เยว่ลี่หรง เฟยห้าวเทียน และเฟยห้าวหลานก็ตามมาด้วย ไทเฮาจึงชวนให้ทานข้าวเย็นด้วยกันที่ตำหนัก“สนมฉินหวงกุ้ยเฟยช่างบังอาจยิ่งนัก ถึงว่าข้าถึงไม่มีโอกาสได้อุ้มหลานเสียที” ไทเฮาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโหเมื่อได้ยินเยว่ลี่อิงเล่าให้ฟังแต่ทุกคนต่างนิ่งเงียบไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงเรื่องที่เฟยห้าวเทียนไม่ได้เข้าหอกับพวกนาง เพราะพวกเขาไม่อยากให้ไทเฮาเป็นกังวลและต้องมานั่งฟังไทเฮาบ่นเรื่องนี้“แต่ไม่เป็นไรอีกไม่นานข้าก็จะได้อุ้มหลานจากเยว่ฮองเฮาแล้ว จริงหรือไม่ฝ่าบาท” หญิงชรายิ้มอย่างเบิกบาน“พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่”เฟยห้าวเทียนรีบตอบรับมารดาทันทีแน่นอนอยู่แล้วเรื่องที่เยว่ลี่อิงกับเฟยห้าวเทียนเข้าหอกันมีหรือข่าวดีเช่นนี้เกากงกงจะไม่มารายงานไทเฮา เพียงรู้ข่าวก็ยิ้มร่าเริงมาทั้งวันจนถึงตอนนี้ แม้แต่เรื่องพระสนมที่ทำความผิดมากมายก็ยังไม่ทำให้อารมณ์ของไทเฮาขุ่นมัวได้นาน“เยว่ฮองเฮาเจ้าจะต้องบำรุงร่างกายให้มากๆ และมีหลานให้ข้าเร็วๆ เข้าใจหรือไ
เยว่ลี่อิงถึงจะอยากรู้เหตุผลจากเฟยห้าวเทียนว่าทำไมเขาถึงไม่รู้สึกรู้สาที่โดนสวมหมวกเขียวถึงเพียงนี้ แต่ในเมื่อเขายังไม่อยากอธิบายนางจึงไม่คิดจะเอ่ยถาม นางหันไปเห็นสนมเหอกุ้ยเฟยพยายามลุกขึ้นจึงได้สั่งให้ขันทีฉีเข้ามาพยุง และให้นางไปนั่งข้างถังป๋อเหวินโดยให้ขันทีฉีและองครักษ์คอยคุมตัวนางไว้ให้ดีอย่าให้ไปทำร้ายใครได้อีก“ดูจากที่สนมเหอกุ้ยเฟยคิดจะฆ่าเจ้า เพราะเจ้ารู้เรื่องที่สนมเหอกุ้ยเฟยไม่อยากให้ผู้ใดรู้กระมัง” เยว่ฮองเฮาเอ่ยถามนางกำนัลเถียน“ใช่แล้วเพคะ”“เช่นนั้นเจ้าบอกเราได้หรือไม่”“ได้เพคะ แต่ยกเว้นเรื่องพระสนมเหอกุ้ยเฟยทรงบอกรักและทรงนัดเจอกันกับคุณชายถังป๋อเหวินได้หรือไม่เพคะ”เพียงเยว่ฮองเฮาพยักหน้าตอบรับนางกำนัลเถียนก็เริ่มเล่าทุกอย่างให้ฟัง สนมเหอกุ้ยเฟยเดิมที่ไม่ได้มีใจคิดร้าย แต่โดนเยว่ฮองเฮารังแกบวกกับ เรื่องที่นางไม่ได้สมหวังในรักจึงรวมกันเป็นความแค้น และความคิดนางต้องมาเปลี่ยนไปเมื่อท่านเสนาบดีกรมคลังรู้เรื่องสนมเหอกุ้ยเฟยกับถังป๋อเหวิน จึงสั่งให้คนไปทำร้ายถังป๋อเหวินเพราะเรื่องนี้ถังป๋อเหวินจึงได้เขียนจดหมายราวตัดพ้อตนเองว่า แม้แต่ตนเองเขาก็ยังไม่สามารถปกป้องได้ และเป็
“ท่านอ๋องสาม ท่านกำลังกล่าวเรื่องอันใดหม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยเพคะ หม่อมฉันมีอำนาจอันใดที่จะส่งเสริมบัณฑิตถังป๋อเหวินให้เป็นขุนนางได้” สนมเหอกุ้ยเฟยเอ่ยเพื่อแก้ต่างให้ตนเอง“พระสนมเหอกุ้ยเฟยท่านยังไม่คิดจะยอมรับผิดอีกใช่หรือไม่”“หม่อมฉันก็รับผิดในส่วนที่หม่อมฉันได้กระทำแล้ว ตามที่หม่อมฉันได้ทูลให้ฮองเฮาฟังไปเมื่อครู่”“ในเมื่อเจ้ายังปากแข็ง ไม่ยอมรับความจริงเช่นนั้นข้าจะดูสิว่าเจ้าจะยังกล้าปฏิเสธอีกหรือไม่”ตอนเฟยห้าวหลานเข้ามายังตำหนักหูเตี๋ยพร้อมองครักษ์ที่หิ้วมือสังหารกับถังป๋อเหวินเข้ามา ก็พบว่านางกำนัลของสนมเหอกุ้ยเฟยมีท่าทีแปลกๆ เมื่อเห็นหน้ามือสังหารกับถังป๋อเหวิน จึงได้ให้องครักษ์พาตัวไปสอบสวน เมื่อองครักษ์เข้ามาบอกเฟยห้าวหลานว่านางกำนัลผู้นั้นยอมสารภาพ แต่จะบอกกับผู้ที่มีอำนาจมากกว่าสนมเหอกุ้ยเฟยเท่านั้น เขาจึงได้ออกไปเพื่อรับฟังคำสารภาพของนางกำนัลเฟยห้าวหลานเรียกองครักษ์ให้นำนางกำนัลผู้นั้นเข้ามา เมื่อสนมเหอกุ้ยเฟยเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นนางกำนัลของตน แต่ก็ยังทำสีหน้าราวไม่ทุกข์ไม่ร้อนอันใด“ว่าอย่างไรพระสนมเหอกุ้ยเฟย ท่านมีอันใดจะพูดหรือไม่” เฟยห้าวหลานเอ่ยถามพร้อมยกยิ
“ข้ารู้จักเขา เขาคือถังป๋อเหวินคนรักของสนมเหอกุ้ยเฟย” ห้าวเทียนฮ่องเต้กล่าวน้ำเสียงราบเรียบเยว่ฮองเฮาถึงกับตะลึงที่สนมเหอกุ้ยเฟยกล้าสวมหมวกเขียวให้ห้าวเทียนฮ่องเต้ แต่ที่ทำให้แปลกใจกว่าคือห้าวเทียนฮ่องเต้รู้เรื่องนี้แต่เขากลับไม่โกรธและไม่คิดจะลงทัณฑ์พวกเขาทั้งสอง“เจ้าทำเช่นนี้เพราะเกลียดฮองเฮาที่ทำให้เจ้ากับคนรักไม่สมหวังสินะ” ห้าวเทียนฮ่องเต้เอ่ยถาม“เพคะ หม่อมฉันเกลียดที่ฮองเฮาทรงเสนอให้พระองค์รับหม่อมฉันเข้ามาเป็นสนมทั้งที่หม่อมฉันไม่ต้องการและยังทรงทำร้ายหม่อมฉันอยู่บ่อยครั้ง” สนมเหอกุ้ยเฟยเอ่ยตอบ“ข้าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ทั้งที่ข้าให้คนไปตรวจดูแล้วแท้ๆ ว่าสนมที่ข้าจะรับเข้ามามีใครมีคู่หมั้นคู่หมายแล้วหรือยัง หรือมีคนที่ชอบพออยู่แล้วหรือไม่ แต่ตอนนั้นประวัติของเจ้ากลับไม่มีบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย” เยว่ฮองเฮาเอ่ยสนมเหอกุ้ยเฟยนิ่งเงียบไม่ได้เอ่ยต่อ เพราะนางไม่ได้มีคู่หมั้นหมายจริงๆ อย่างที่เยว่ฮองเฮาทรงตรัส ถึงเขากับนางจะรักกันแต่ก็ได้แต่หลบๆ ซ่อนๆ เพราะฐานะทางบ้านฝ่ายชายไม่คู่ควรกันกับนาง จึงไม่แปลกที่ฮองเฮาส่งคนไปตรวจสอบแล้วจะไม่เจอ นางรอเขาสอบให้ได้เป็นขุนนางเสียก่อนจึงค
บรรยากาศในห้องโถงเงียบราวไม่มีผู้คน ผู้เป็นใหญ่ทั้งสองที่นั่งอยู่ก็ไม่คิดจะเอ่ยอันใด สร้างความอึดอัดใจให้ทุกคนจนไม่กล้าแม้แต่จะยกชาขึ้นดื่ม ทุกคนต่างรอว่า เมื่อไรจะมีคนมาทำลายความเงียบนี้ลงเสียที เวลาผ่านไปเกือบครึ่งเค่อ (1เค่อเท่ากับ15นาที) ในที่สุดสิ่งที่ทุกคนรอคอยก็มา“ถวายพระพรเสด็จพี่ ถวายพระพรพี่สะใภ้”“ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮา”“ทั้งสองไม่ต้องมาพิธี”เพียงเสียงของเฟยห้าวหลานและเยว่ลี่หรงดังขึ้นก็ทำให้เหล่านางสนมทั้งหลายระบายลมหายใจออกอย่างช้าๆ ความอึดอัดค่อยๆ ถูกระบายออกไปตามลมหายใจเยว่ฮองเฮาใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อทั้งสองเข้ามายืนข้างๆ เพราะทั้งสองตั้งแต่ที่พบกันระหว่างทางกลับก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะคุยดีต่อกัน แต่เพียงผ่านไปคืนเดียวทั้งสองกลับเดินหน้าตายิ้มแย้มเข้ามาทั้งคู่เลยทำให้นางอดดีใจไม่ได้ เพราะเรื่องที่ทำให้เขาทั้งสองหมางใจกันก็คือเรื่องของนางกับเฟยห้าวเทียนและแน่นอนที่เยว่ฮองเฮาเงียบไม่เอ่ยวาจาอันใด เพราะพระองค์ทรงรอการมาของเฟยห้าวหลานและเยว่ลี่หรงอยู่นั้นเอง เพราะยังมีผู้ที่มากับทั้งสองคนนี้ด้วยที่นางเฝ้ารอ“พวกเจ้ายังมีผู้ใดอยากสารภาพเรื่องอันใดอีกหรือไม่