มัสยาไม่รอช้า รีบพุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำด้วยความตกใจ ความรีบร้อนทำให้มือไม้สั่นไปหมด หล่อนไม่เคยอาบน้ำเร็วขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
ทุกอย่างผ่านไปอย่างฉุกละหุกจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ เส้นผมที่เคยใช้เวลาดูแลอย่างพิถีพิถัน ต้องรวบขึ้นอย่างลวกๆ เสื้อผ้าถูกสวมแบบเร่งรีบ และแทบไม่มีเวลาส่องกระจกดูความเรียบร้อยเลย
เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด กระโปรงทรงเอ และเสื้อกั๊กสีกรมท่าทับด้านนอก นี่มันไม่ใช่ชุดที่หล่อนคุ้นเคย แต่หล่อนก็ไม่มีเวลามากพอที่จะมาคิดเรื่องนั้นในตอนนี้
“เร็วค่ะ! ไปกันเถอะค่ะ!”
ริสาเรียกก่อนจะดึงแขนมัสยาออกจากห้อง
มัสยากึ่งเดินกึ่งวิ่งตามริสาไปตามทางเดิน แรงหอบทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนหัวใจจะเต้นไม่เป็นจังหวะ
นอกจากความรีบร้อนแล้ว หล่อนยังไม่ชินกับการต้องทำอะไรภายใต้เวลาจำกัดแบบนี้ด้วย
เมื่อไปถึงโถงประชุมพนักงาน ทุกคนยืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกคนอยู่ในชุดฟอร์มเหมือนกันหมด สร้างบรรยากาศที่เป็นทางการและเคร่งครัดมาก
และตรงหน้า...
ปริญญ์ยืนอยู่ที่นั่น ร่างสูงสง่าของเขาแผ่ออร่าอำนาจที่ทำให้ทั้งห้องเงียบลงแทบจะทันที ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองพนักงานแต่ละคนราวกับจับผิด ไม่มีใครกล้าส่งเสียง ทุกคนดูเคร่งเครียดเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
มัสยารีบจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะเข้าแถวเคียงข้างริสา หล่อนพยายามไม่เงยหน้าขึ้นมอง แต่ความอยากรู้ทำให้หล่อนเผลอเหลือบสายตาขึ้นไปมองบุคคลที่เป็นต้นเหตุของชีวิตใหม่ที่หล่อนไม่เคยต้องการ
เขายังคงดูดีไร้ที่ติเหมือนเมื่อวาน
สูทที่สวมเนี้ยบกริบ ทุกกระดุมติดเข้ารูปอย่างไม่มีที่ติ
ดวงตาเฉียบคมของเขายังคงแฝงความเย็นชา ริมฝีปากที่เม้มแน่นยิ่งทำให้ใบหน้าของเขาดูน่าเกรงขามเข้าไปอีก
มัสยาหัวใจสั่นวูบโดยไม่รู้ตัว หล่อนเกลียดตัวเองที่รู้สึกเช่นนี้ หัวใจเต้นแรงเพราะเขา แต่ก็พยายามควบคุมตัวเองให้เป็นปกติ
‘เขามันใจร้าย...’
หล่อนบอกตัวเองในใจซ้ำๆ
มัสยาสูดหายใจเข้าลึก พยายามกดความรู้สึกวุ่นวายในใจไว้ หล่อนจะไม่ยอมให้ตัวเองเผลอใจไปกับเสน่ห์ของคนใจร้ายแบบนี้เป็นอันขาด
สายตาคมกริบของปริญญ์สะดุดหยุดอยู่ที่
มัสยาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่เขาจะกวาดสายตามองทั่วโถงประชุม แล้วจึงกล่าวเสียงเย็นชา“ดูเหมือนว่าเราจะมีพนักงานใหม่ที่ยังไม่รู้ระเบียบของที่นี่”
มัสยารู้ได้ทันทีว่าเขาหมายถึงใคร หัวใจหล่อนเต้นแรงขึ้น
“การมาตรงเวลาเป็นสิ่งพื้นฐานของการทำงาน ถ้าคุณคิดจะใช้ชีวิตแบบตามใจตัวเองเหมือนที่ผ่านมา ผมขอแนะนำให้คุณปรับตัวตั้งแต่วันนี้ เพราะที่นี่... ไม่มีที่ว่างสำหรับคนที่ไม่ตรงต่อเวลา”
มัสยากำมือแน่น ความอับอายแล่นเข้าสู่ใบหน้าของหล่อน
“ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาสายค่ะ” หล่อนแย้งเสียงเรียบ แต่หนักแน่น “แต่ดิฉันไม่ทราบล่วงหน้าว่าที่นี่จะเข้างานเร็วขนาดนี้ค่ะ”
ปริญญ์เลิกคิ้วเล็กน้อย ราวกับประหลาดใจกับคำตอบของหล่อน
“คุณจะบอกว่า คุณไม่ได้ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่คุณจะต้องมาทำงานมาก่อนเลยหรือ”
มัสยากลืนน้ำลาย ก่อนตอบอย่างซื่อตรง
“ก็ฉัน... ไม่คิดว่าจะต้องมาทำงานแบบนี้นี่คะ”
ปริญญ์จ้องหล่อนอยู่อีกครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นชา
“ถ้าอย่างนั้น นี่จะเป็นโอกาสแรกที่คุณจะได้เรียนรู้ ว่าทุกอย่างที่นี่มีกฎเกณฑ์ และคุณต้องทำตาม”
“ดิฉันเข้าใจค่ะ”
มัสยากล่าวตอบเสียงเรียบ แม้ภายในใจจะเต็มไปด้วยคำถามมากมายก็ตาม
ปริญญ์พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพูดกับพนักงานทั้งหมด
“เริ่มงานได้”
บรรยากาศตึงเครียดคลายลง มัสยาถอนหายใจเบาๆ แต่หล่อนรู้ดีว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
หลังจากเสร็จสิ้นโฮมรูม มัสยาถูกมอบหมายให้ไปทำงานในแผนกแม่บ้านโดยตรง ภารกิจแรกของหล่อนคือ การทำความสะอาดห้องพักแขก
ริสาพามัสยาไปที่ห้องพักที่ต้องทำความสะอาดก่อนแขกเข้าพัก
หล่อนวางอุปกรณ์ทำความสะอาดลงก่อนจะหันมายิ้มให้มัสยา
“เริ่มจากการปูเตียงก่อนนะคะ”
มัสยาขมวดคิ้วมองเตียง
“มันไม่ได้ปูไว้อยู่แล้วเหรอ?”
ริสาหัวเราะ “ค่ะ แต่เราต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนทุกครั้งที่มีแขกเช็คเอาท์”
มัสยาลองจับมุมผ้าปูเตียง แต่มันกลับหลุดลุ่ยและไม่ตึงเหมือนที่ริสาทำให้ดู
ริสาส่ายหน้ายิ้มๆ
“คุณต้องสอดมุมให้แน่นค่ะ แบบนี้”
ริสาทำให้ดูอีกครั้ง
มัสยาลองทำตาม แต่ใช้แรงมากเกินไปจนปลายเตียงยับย่น
“โอ้ย ทำไมมันยากขนาดนี้”
ริสาหัวเราะออกมาอีก “เดี๋ยวก็ชินค่ะ ลองอีกครั้ง”
มัสยาสูดหายใจลึก ตั้งใจลองใหม่ คราวนี้ดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
ริสาพยักหน้า
“ดีขึ้นแล้วค่ะ”
หลังจากนั้น ริสาสอนให้มัสยาเช็ดกระจก เช็ดโต๊ะ และดูดฝุ่น แม้ว่าทุกอย่างจะดูง่าย แต่สำหรับ
มัสยา มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าที่คิด แต่หล่อนก็ไม่ยอมแพ้หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ หล่อนปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก ถอนหายใจยาว
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าการทำงานบ้านจะเหนื่อยขนาดนี้”
ริสายิ้มบางๆ “ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของแม่บ้านค่ะ”
มัสยาหัวเราะเบาๆ แม้จะเหนื่อยก็ตาม
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมาถึงจุดนี้ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ค่อยๆ เรียนรู้ไป” ริสาปลอบ “นี่เป็นแค่ห้องแรกนะคะ เรายังต้องไปทำอีกสิบกว่าห้อง”
ตอนที่ 5.มัสยาตาโต “อีกสิบกว่าห้องเหรอ!?”ริสาพยักหน้าอย่างขำๆ“ค่ะ รีบไปกันเถอะค่ะ ก่อนที่หัวหน้าจะมาตรวจงาน”มัสยาถอนหายใจยาว แต่ก็พยายามฮึดสู้“โอเค ไปกันเถอะ”ทั้งสองเดินออกจากห้องพักแขกที่ทำเสร็จเรียบร้อยไป เพื่อไปทำความสะอาดห้องพักที่เหลืออีกสิบกว่าห้องต่อไปภายในห้องทำงานของปริญญ์พนักงานวัยกลางคนยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขาอย่างสงบเรียบร้อย ปริญญ์เหลือบมองขึ้นจากเอกสารตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เธอเป็นยังไงบ้างครับ”เขาคิดว่ามัสยาคงจะบ่น หรือไม่ก็ต้องสร้างปัญหาแน่ๆ เมื่อเขาให้งานแม่บ้านเป็นงานแรกของหล่อน“เธอทำได้ทุกอย่างเลยค่ะ”ปริญญ์เลิกคิ้วขึ้น“ทำได้ทุกอย่าง?”“ใช่ค่ะ แม้จะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ แต่เธอก็พยายามซ้ำหลายครั้ง จนทำดีขึ้นมากค่ะ”เขาพิงพนักเก้าอี้ ก่อนจะถามอีกครั้ง“เธอไม่บ่น ไม่งอแงเลยเหรอครับ”“ไม่เห็นมีบ่นอะไรเลยนะคะ เห็นหัวเราะกับริสาสนุกเลยล่ะค่ะ”ปริญญ์หรี่ตาลง แววตาครุ่นคิด“ไม่น่าเชื่อ”“ดิฉันไม่กล้าโกหกคุณปริญญ์หรอกค่ะ”“ผมไม่ได้ว่าคุณจันทร์โกหก ผมแค่ไม่อยากเชื่อว่า คุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่ออย่างมัสยา จะทำงานบ้านได้”“บางทีคุณปริญญ์อาจจะมอ
ตอนที่ 1.ท้องฟ้ายามค่ำคืนปกคลุมไปด้วยเมฆหนา รถสีดำคันหนึ่งจอดลงหน้าประตูโรงแรมระดับห้าดาวซึ่งตั้งตระหง่านสะท้อนกับแสงไฟระยิบระยับมัสยาถูกบิดาพามาส่งที่นี่ หัวใจของหล่อนหนักอึ้ง แม้หล่อนจะพยายามซ่อนความกังวลไว้ แต่ดวงตากลมโตก็ยังสั่นไหวอยู่ดี“พ่อขอโทษนะลูก...”เสียงแหบพร่าของบิดากล่าวขึ้นเบาๆ ขณะมืออันสั่นเทาวางบนบ่าของหล่อนอย่างอ่อนโยนมัสยาเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อ ดวงตาของหล่อนเต็มไปด้วยคำถามและความสับสน“พ่อคะ... ทำไมต้องเป็นมัส?”บิดาหลุบตาลง หัวใจหนักอึ้งกับคำถามของลูกสาว“ถ้ามีทางอื่น... พ่อคงไม่ให้ลูกต้องเผชิญสิ่งนี้เลย พ่อรู้ว่ามันไม่ยุติธรรม แต่... มันเป็นหนทางเดียวที่เราจะรักษาทุกสิ่งไว้ได้”“รักษาทุกอย่าง? ด้วยการส่งมัสไปอยู่กับเขาเหรอคะ”เสียงของมัสยาสั่นเครือ หัวใจของหล่อนเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวด“มัส...”ชายวัยกลางคนเอื้อมมือไปจับมือของลูกสาวไว้แน่น“พ่อรู้ว่ามันโหดร้าย แต่พ่ออยากให้มัสคิดว่านี่เป็นโอกาส โอกาสที่จะทำให้ชีวิตของลูกดีขึ้น พ่อไม่อยากเห็นลูกสาวของพ่อต้องลำบาก พ่อไม่อยากเห็นลูกต้องใช้ชีวิตอย่างขัดสนเหมือนสามสี่ปีที่พวกเราเผชิญกันมา...”มัสยาส่ายห
ตอนที่ 2.ในขณะที่หล่อนกำลังนั่งจมดิ่งอยู่กับความทุกข์ทรมานของโชคชะตาอยู่นั้น ประตูห้องรับรองถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงสง่าที่ก้าวเข้ามาภายในห้องบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปในทันที เมื่อเขาปรากฏตัว ปริญญ์ก้าวเข้ามาอย่างมั่นคง แผ่ออร่าของอำนาจและความเย็นชาที่ชวนให้ผู้คนรอบข้างต้องเงียบกริบมัสยาตกตะลึงจนแทบลืมหายใจ เขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาราวกับรูปสลัก พระเจ้าคงใช้เวลาบรรจงสร้างเขาขึ้นมาอย่างพิถีพิถันโครงหน้าคมสัน คิ้วเข้มที่ขับให้ดวงตาเฉียบคมราวกับใบมีดดูดุกร้าวและทรงพลัง จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากได้รูปที่ดูหยิ่งผยองแต่ก็แฝงเสน่ห์อย่างประหลาดผิวขาวเนียนราวกับหินอ่อน ทุกรายละเอียดบนใบหน้าของเขาช่างสมบูรณ์แบบเกินไป จนมัสยาต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากหล่อนรู้ว่าเขาเป็นศัตรู เป็นผู้ชายที่บีบบังคับพ่อของหล่อนจนต้องส่งหล่อนมาอยู่ที่นี่แต่ถึงอย่างนั้น หัวใจของหล่อนกลับเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง ความเย็นชาและอำนาจที่แผ่ออกจากตัวเขายิ่งทำให้หล่อนหวั่นไหวหล่อนพยายามบอกตัวเองให้เกลียดเขา แต่กลับไม่สามารถละสายตาจากเขาได้เลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวปริญญ์หยุดยืนอยู่ตรงหน้าหล่อน ดวงตาคมกริบของเข
ตอนที่ 3.เส้นทางทอดยาวผ่านโถงทางเดินที่เงียบสงัด จนมาถึงอาคารอพาร์ตเมนต์สูงหกชั้นที่อยู่ด้านหลังของโรงแรมหรู ซึ่งถูกใช้เป็นที่พักของพนักงานเมื่อขึ้นบันไดไปถึงชั้นสาม พนักงานหยุดที่หน้าห้องหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูให้มัสยาก้าวเข้าไปด้านใน ห้องพักขนาดเล็กที่มีเพียงเตียง โต๊ะเล็ก และหน้าต่างบานเดียว ความเรียบง่ายของมันตอกย้ำว่าหล่อนไม่ได้มาอยู่ที่นี่ในฐานะแขก แต่เป็นเพียงแค่พนักงานที่ต้องทำงานชดใช้หนี้สิ้นเท่านั้น“นี่คือห้องของคุณค่ะ”พนักงานกล่าวก่อนจะยื่นกุญแจให้“พักผ่อนให้เต็มที่นะคะ พรุ่งนี้คุณต้องเริ่มงานแต่เช้า”มัสยามองไปรอบห้อง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ อย่างปลงตกนี่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่... ที่หล่อนไม่สามารถปฏิเสธได้สินะ ปริญญ์นั่งอยู่ในห้องพักหรูหราบนชั้นสูงสุดของโรงแรมที่เป็นของเขาเอง ห้องพักกว้างขวาง ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นและโทนสีเข้ม เผยให้เห็นถึงความเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหรูหราพื้นไม้สีเข้มขับให้เฟอร์นิเจอร์สีเทาและดำดูเคร่งขรึม ผนังบางส่วนถูกแทนที่ด้วยกระจกใสบานใหญ่ ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืนได้อย่างชัดเจนเขามักเลือกค้างที่นี่ เพราะไม่ต้อง
ตอนที่ 5.มัสยาตาโต “อีกสิบกว่าห้องเหรอ!?”ริสาพยักหน้าอย่างขำๆ“ค่ะ รีบไปกันเถอะค่ะ ก่อนที่หัวหน้าจะมาตรวจงาน”มัสยาถอนหายใจยาว แต่ก็พยายามฮึดสู้“โอเค ไปกันเถอะ”ทั้งสองเดินออกจากห้องพักแขกที่ทำเสร็จเรียบร้อยไป เพื่อไปทำความสะอาดห้องพักที่เหลืออีกสิบกว่าห้องต่อไปภายในห้องทำงานของปริญญ์พนักงานวัยกลางคนยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขาอย่างสงบเรียบร้อย ปริญญ์เหลือบมองขึ้นจากเอกสารตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เธอเป็นยังไงบ้างครับ”เขาคิดว่ามัสยาคงจะบ่น หรือไม่ก็ต้องสร้างปัญหาแน่ๆ เมื่อเขาให้งานแม่บ้านเป็นงานแรกของหล่อน“เธอทำได้ทุกอย่างเลยค่ะ”ปริญญ์เลิกคิ้วขึ้น“ทำได้ทุกอย่าง?”“ใช่ค่ะ แม้จะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ แต่เธอก็พยายามซ้ำหลายครั้ง จนทำดีขึ้นมากค่ะ”เขาพิงพนักเก้าอี้ ก่อนจะถามอีกครั้ง“เธอไม่บ่น ไม่งอแงเลยเหรอครับ”“ไม่เห็นมีบ่นอะไรเลยนะคะ เห็นหัวเราะกับริสาสนุกเลยล่ะค่ะ”ปริญญ์หรี่ตาลง แววตาครุ่นคิด“ไม่น่าเชื่อ”“ดิฉันไม่กล้าโกหกคุณปริญญ์หรอกค่ะ”“ผมไม่ได้ว่าคุณจันทร์โกหก ผมแค่ไม่อยากเชื่อว่า คุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่ออย่างมัสยา จะทำงานบ้านได้”“บางทีคุณปริญญ์อาจจะมอ
ตอนที่ 4.มัสยาไม่รอช้า รีบพุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำด้วยความตกใจ ความรีบร้อนทำให้มือไม้สั่นไปหมด หล่อนไม่เคยอาบน้ำเร็วขนาดนี้มาก่อนในชีวิตทุกอย่างผ่านไปอย่างฉุกละหุกจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ เส้นผมที่เคยใช้เวลาดูแลอย่างพิถีพิถัน ต้องรวบขึ้นอย่างลวกๆ เสื้อผ้าถูกสวมแบบเร่งรีบ และแทบไม่มีเวลาส่องกระจกดูความเรียบร้อยเลยเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด กระโปรงทรงเอ และเสื้อกั๊กสีกรมท่าทับด้านนอก นี่มันไม่ใช่ชุดที่หล่อนคุ้นเคย แต่หล่อนก็ไม่มีเวลามากพอที่จะมาคิดเรื่องนั้นในตอนนี้“เร็วค่ะ! ไปกันเถอะค่ะ!”ริสาเรียกก่อนจะดึงแขนมัสยาออกจากห้องมัสยากึ่งเดินกึ่งวิ่งตามริสาไปตามทางเดิน แรงหอบทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนหัวใจจะเต้นไม่เป็นจังหวะนอกจากความรีบร้อนแล้ว หล่อนยังไม่ชินกับการต้องทำอะไรภายใต้เวลาจำกัดแบบนี้ด้วยเมื่อไปถึงโถงประชุมพนักงาน ทุกคนยืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกคนอยู่ในชุดฟอร์มเหมือนกันหมด สร้างบรรยากาศที่เป็นทางการและเคร่งครัดมากและตรงหน้า...ปริญญ์ยืนอยู่ที่นั่น ร่างสูงสง่าของเขาแผ่ออร่าอำนาจที่ทำให้ทั้งห้องเงียบลงแทบจะทันที ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองพนักงานแต่ละคนราวกับจับผิด ไม่มีใครก
ตอนที่ 3.เส้นทางทอดยาวผ่านโถงทางเดินที่เงียบสงัด จนมาถึงอาคารอพาร์ตเมนต์สูงหกชั้นที่อยู่ด้านหลังของโรงแรมหรู ซึ่งถูกใช้เป็นที่พักของพนักงานเมื่อขึ้นบันไดไปถึงชั้นสาม พนักงานหยุดที่หน้าห้องหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูให้มัสยาก้าวเข้าไปด้านใน ห้องพักขนาดเล็กที่มีเพียงเตียง โต๊ะเล็ก และหน้าต่างบานเดียว ความเรียบง่ายของมันตอกย้ำว่าหล่อนไม่ได้มาอยู่ที่นี่ในฐานะแขก แต่เป็นเพียงแค่พนักงานที่ต้องทำงานชดใช้หนี้สิ้นเท่านั้น“นี่คือห้องของคุณค่ะ”พนักงานกล่าวก่อนจะยื่นกุญแจให้“พักผ่อนให้เต็มที่นะคะ พรุ่งนี้คุณต้องเริ่มงานแต่เช้า”มัสยามองไปรอบห้อง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ อย่างปลงตกนี่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่... ที่หล่อนไม่สามารถปฏิเสธได้สินะ ปริญญ์นั่งอยู่ในห้องพักหรูหราบนชั้นสูงสุดของโรงแรมที่เป็นของเขาเอง ห้องพักกว้างขวาง ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นและโทนสีเข้ม เผยให้เห็นถึงความเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหรูหราพื้นไม้สีเข้มขับให้เฟอร์นิเจอร์สีเทาและดำดูเคร่งขรึม ผนังบางส่วนถูกแทนที่ด้วยกระจกใสบานใหญ่ ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืนได้อย่างชัดเจนเขามักเลือกค้างที่นี่ เพราะไม่ต้อง
ตอนที่ 2.ในขณะที่หล่อนกำลังนั่งจมดิ่งอยู่กับความทุกข์ทรมานของโชคชะตาอยู่นั้น ประตูห้องรับรองถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงสง่าที่ก้าวเข้ามาภายในห้องบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปในทันที เมื่อเขาปรากฏตัว ปริญญ์ก้าวเข้ามาอย่างมั่นคง แผ่ออร่าของอำนาจและความเย็นชาที่ชวนให้ผู้คนรอบข้างต้องเงียบกริบมัสยาตกตะลึงจนแทบลืมหายใจ เขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาราวกับรูปสลัก พระเจ้าคงใช้เวลาบรรจงสร้างเขาขึ้นมาอย่างพิถีพิถันโครงหน้าคมสัน คิ้วเข้มที่ขับให้ดวงตาเฉียบคมราวกับใบมีดดูดุกร้าวและทรงพลัง จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากได้รูปที่ดูหยิ่งผยองแต่ก็แฝงเสน่ห์อย่างประหลาดผิวขาวเนียนราวกับหินอ่อน ทุกรายละเอียดบนใบหน้าของเขาช่างสมบูรณ์แบบเกินไป จนมัสยาต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากหล่อนรู้ว่าเขาเป็นศัตรู เป็นผู้ชายที่บีบบังคับพ่อของหล่อนจนต้องส่งหล่อนมาอยู่ที่นี่แต่ถึงอย่างนั้น หัวใจของหล่อนกลับเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง ความเย็นชาและอำนาจที่แผ่ออกจากตัวเขายิ่งทำให้หล่อนหวั่นไหวหล่อนพยายามบอกตัวเองให้เกลียดเขา แต่กลับไม่สามารถละสายตาจากเขาได้เลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวปริญญ์หยุดยืนอยู่ตรงหน้าหล่อน ดวงตาคมกริบของเข
ตอนที่ 1.ท้องฟ้ายามค่ำคืนปกคลุมไปด้วยเมฆหนา รถสีดำคันหนึ่งจอดลงหน้าประตูโรงแรมระดับห้าดาวซึ่งตั้งตระหง่านสะท้อนกับแสงไฟระยิบระยับมัสยาถูกบิดาพามาส่งที่นี่ หัวใจของหล่อนหนักอึ้ง แม้หล่อนจะพยายามซ่อนความกังวลไว้ แต่ดวงตากลมโตก็ยังสั่นไหวอยู่ดี“พ่อขอโทษนะลูก...”เสียงแหบพร่าของบิดากล่าวขึ้นเบาๆ ขณะมืออันสั่นเทาวางบนบ่าของหล่อนอย่างอ่อนโยนมัสยาเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อ ดวงตาของหล่อนเต็มไปด้วยคำถามและความสับสน“พ่อคะ... ทำไมต้องเป็นมัส?”บิดาหลุบตาลง หัวใจหนักอึ้งกับคำถามของลูกสาว“ถ้ามีทางอื่น... พ่อคงไม่ให้ลูกต้องเผชิญสิ่งนี้เลย พ่อรู้ว่ามันไม่ยุติธรรม แต่... มันเป็นหนทางเดียวที่เราจะรักษาทุกสิ่งไว้ได้”“รักษาทุกอย่าง? ด้วยการส่งมัสไปอยู่กับเขาเหรอคะ”เสียงของมัสยาสั่นเครือ หัวใจของหล่อนเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวด“มัส...”ชายวัยกลางคนเอื้อมมือไปจับมือของลูกสาวไว้แน่น“พ่อรู้ว่ามันโหดร้าย แต่พ่ออยากให้มัสคิดว่านี่เป็นโอกาส โอกาสที่จะทำให้ชีวิตของลูกดีขึ้น พ่อไม่อยากเห็นลูกสาวของพ่อต้องลำบาก พ่อไม่อยากเห็นลูกต้องใช้ชีวิตอย่างขัดสนเหมือนสามสี่ปีที่พวกเราเผชิญกันมา...”มัสยาส่ายห