เส้นทางทอดยาวผ่านโถงทางเดินที่เงียบสงัด จนมาถึงอาคารอพาร์ตเมนต์สูงหกชั้นที่อยู่ด้านหลังของโรงแรมหรู ซึ่งถูกใช้เป็นที่พักของพนักงาน
เมื่อขึ้นบันไดไปถึงชั้นสาม พนักงานหยุดที่หน้าห้องหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูให้
มัสยาก้าวเข้าไปด้านใน ห้องพักขนาดเล็กที่มีเพียงเตียง โต๊ะเล็ก และหน้าต่างบานเดียว ความเรียบง่ายของมันตอกย้ำว่าหล่อนไม่ได้มาอยู่ที่นี่ในฐานะแขก แต่เป็นเพียงแค่พนักงานที่ต้องทำงานชดใช้หนี้สิ้นเท่านั้น
“นี่คือห้องของคุณค่ะ”
พนักงานกล่าวก่อนจะยื่นกุญแจให้
“พักผ่อนให้เต็มที่นะคะ พรุ่งนี้คุณต้องเริ่มงานแต่เช้า”
มัสยามองไปรอบห้อง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ อย่างปลงตก
นี่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่... ที่หล่อนไม่สามารถปฏิเสธได้สินะ
ปริญญ์นั่งอยู่ในห้องพักหรูหราบนชั้นสูงสุดของโรงแรมที่เป็นของเขาเอง
ห้องพักกว้างขวาง ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นและโทนสีเข้ม เผยให้เห็นถึงความเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหรูหรา
พื้นไม้สีเข้มขับให้เฟอร์นิเจอร์สีเทาและดำดูเคร่งขรึม ผนังบางส่วนถูกแทนที่ด้วยกระจกใสบานใหญ่ ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืนได้อย่างชัดเจน
เขามักเลือกค้างที่นี่ เพราะไม่ต้องการเสียเวลาเดินทางกลับบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร ที่นั่นเงียบสงบก็จริง แต่กว้างขวางและว่างเปล่าเกินไปสำหรับเขา
ปริญญ์เดินไปหยุดที่หน้าต่างกระจก ดวงตาคมกริบทอดมองออกไปยังท้องฟ้าที่ประดับด้วยแสงไฟระยิบระยับของเมือง ใบหน้าเคร่งเครียดเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น...
ผู้หญิงคนนั้น...
มัสยา
หล่อนสวยมาก... สวยจนแทบทำให้เขาต้องหันกลับไปมองซ้ำอีกครั้ง
ใบหน้าของหล่อนราวกับภาพวาดที่ถูกบรรจงสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน คิ้วเรียวโก่งรับกับดวงตากลมโตที่แม้จะแฝงความดื้อรั้น แต่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ดึงดูดอย่างน่าประหลาด
จมูกโด่งได้รูป รับกับริมฝีปากอวบอิ่มที่ยามเม้มแน่นยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับใบหน้าหวาน
เรือนร่างอรชร แต่มีส่วนโค้งเว้าสมบูรณ์แบบอย่างน่าทึ่ง ทุกอิริยาบถของหล่อนช่างดูเป็นธรรมชาติ และสะกดสายตาเขาไว้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
แต่เขาก็รู้ดีว่าเบื้องหลังความงดงามนั้น มีความดื้อรั้นซ่อนอยู่ และนั่นคือสิ่งที่เขาไม่อยากรับมือ
มัสยาไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาอยากยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะรู้ดีว่าหล่อนจะต้องทำให้ชีวิตอันสงบสุขของเขาปั่นป่วนอย่างแน่นอน
แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก
คุณปู่ต้องการให้มัสยาเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาของเขา แต่เขาต่อรองกับท่าน ขอให้หล่อนมาอยู่ในฐานะพนักงานเสียก่อน จนกว่าหล่อนจะพิสูจน์ให้เขาเห็นได้ว่าตัวหล่อนคู่ควรกับตำแหน่งนั้น ซึ่งคุณปู่ก็ยินยอม
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือทำให้เขาหลุดจากภวังค์ ปริญญ์หันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก่อนจะกดรับสายทันทีเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ
“ครับ คุณปู่”
“เป็นยังไงบ้าง ได้เจอกับหนูมัสยาแล้วใช่ไหม”
เสียงทุ้มหนักแน่นของคุณปู่ดังขึ้นจากปลายสาย
ปริญญ์ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนตอบ
“ครับ ผมให้เธออยู่ในฐานะพนักงานตามที่เราตกลงกันไว้”
“แล้วเธอว่าไงบ้าง”
“เธอไม่มีทางเลือกอื่นครับ”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบ แต่ภายในใจกลับรู้สึกถึงความวุ่นวายบางอย่างที่เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนคุณปู่จะเอ่ยขึ้นมาอย่างอยากรู้
“ปริญญ์... หลานคิดว่าเธอโอเคไหม ชอบเธอหรือบ้าง”
ปริญญ์เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนตอบเสียงเรียบ
“ผมยังไม่มีคำตอบให้คุณปู่ในตอนนี้หรอกครับ”
คุณปู่หัวเราะเบาๆ
“งั้นก็ดูแลเธอให้ดี อย่าทำให้เธอเกลียดหลานไปเสียก่อนล่ะ”
ปริญญ์ไม่ตอบอะไร เพียงแต่จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างเงียบๆ ความคิดสับสนและความกังวลเริ่มซึมลึกเข้าสู่จิตใจของเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“งั้นปู่ไม่กวนใจหลานแล้วล่ะ ฝันดีหลานรัก”
ปริญญ์หลับตาลงชั่วขณะ ก่อนจะตอบเสียงเบา
“ฝันดีครับคุณปู่”
ปลายสายเงียบไป เมื่อการสนทนาจบลง ปริญญ์ลดโทรศัพท์ลง ถอนหายใจยาว ก่อนจะหันกลับไปมองทิวทัศน์ด้านนอกอีกครั้ง
เช้าวันต่อมา เวลาหกโมงเช้า
แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านหน้าต่างห้องพักเล็กๆ ของพนักงานโรงแรม มัสยายังคงหลับสนิทอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นๆ ด้วยความเคยชิน เพราะหล่อนไม่เคยต้องตื่นเช้ามาก่อน
ตามปกติแล้ว เวลาที่หล่อนไปช่วยงานที่บริษัทของบิดา หล่อนก็จะเข้างานประมาณเก้าโมงหรือสิบโมง หรือถ้าวันไหนมีประชุมเช้า ก็เข้างานเร็วสุดประมาณแปดโมงเช้า
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งร้อน ตามมาด้วยเสียงเรียกของใครบางคน
“มัสยา! รีบตื่นเถอะค่ะ!”
มัสยาครางเบา ๆ พลิกตัวหนีแสงอาทิตย์ก่อนจะตอบเสียงงัวเงีย
“อืม... มีอะไรเหรอ...”
“อีกสิบนาทีจะโฮมรูมแล้วนะคะ! ถ้าคุณไปสาย คุณจะโดนตำหนิแน่นอน!”
คำว่า ‘โดนตำหนิ’ ทำให้มัสยาสะดุ้งสุดตัวและตื่นเต็มตา
หล่อนรีบถลาลุกจากเตียงไปเปิดประตู พบกับหญิงสาวในชุดพนักงานโรงแรมยืนอยู่ตรงหน้า เธอมีท่าทีร้อนรนแต่แฝงความเป็นมิตร ใบหน้าสดใส ผมสั้นประบ่าเข้ากับบุคลิกคล่องแคล่ว
“ฉันชื่อริสาค่ะ อยู่ห้องข้างๆ คุณ และเป็นพนักงานที่นี่เหมือนกัน”
ผู้หญิงตรงหน้าแนะนำตัวรวดเร็ว ก่อนจะยื่นชุดฟอร์มของพนักงานให้มัสยา
“นี่ค่ะ ชุดของคุณ รีบอาบน้ำแต่งตัวเถอะค่ะ คุณเหลือเวลาแค่สิบนาทีเท่านั้นนะ”
มัสยาตาเบิกกว้าง รับชุดมาถือไว้แทบไม่ทัน
“แค่สิบนาทีเองเหรอ!?”
“ใช่ค่ะ! รีบเข้าไปเลย!” ริสาเร่งเร้าด้วยความเป็นห่วง
ตอนที่ 4.มัสยาไม่รอช้า รีบพุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำด้วยความตกใจ ความรีบร้อนทำให้มือไม้สั่นไปหมด หล่อนไม่เคยอาบน้ำเร็วขนาดนี้มาก่อนในชีวิตทุกอย่างผ่านไปอย่างฉุกละหุกจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ เส้นผมที่เคยใช้เวลาดูแลอย่างพิถีพิถัน ต้องรวบขึ้นอย่างลวกๆ เสื้อผ้าถูกสวมแบบเร่งรีบ และแทบไม่มีเวลาส่องกระจกดูความเรียบร้อยเลยเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด กระโปรงทรงเอ และเสื้อกั๊กสีกรมท่าทับด้านนอก นี่มันไม่ใช่ชุดที่หล่อนคุ้นเคย แต่หล่อนก็ไม่มีเวลามากพอที่จะมาคิดเรื่องนั้นในตอนนี้“เร็วค่ะ! ไปกันเถอะค่ะ!”ริสาเรียกก่อนจะดึงแขนมัสยาออกจากห้องมัสยากึ่งเดินกึ่งวิ่งตามริสาไปตามทางเดิน แรงหอบทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนหัวใจจะเต้นไม่เป็นจังหวะนอกจากความรีบร้อนแล้ว หล่อนยังไม่ชินกับการต้องทำอะไรภายใต้เวลาจำกัดแบบนี้ด้วยเมื่อไปถึงโถงประชุมพนักงาน ทุกคนยืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกคนอยู่ในชุดฟอร์มเหมือนกันหมด สร้างบรรยากาศที่เป็นทางการและเคร่งครัดมากและตรงหน้า...ปริญญ์ยืนอยู่ที่นั่น ร่างสูงสง่าของเขาแผ่ออร่าอำนาจที่ทำให้ทั้งห้องเงียบลงแทบจะทันที ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองพนักงานแต่ละคนราวกับจับผิด ไม่มีใครก
ตอนที่ 5.มัสยาตาโต “อีกสิบกว่าห้องเหรอ!?”ริสาพยักหน้าอย่างขำๆ“ค่ะ รีบไปกันเถอะค่ะ ก่อนที่หัวหน้าจะมาตรวจงาน”มัสยาถอนหายใจยาว แต่ก็พยายามฮึดสู้“โอเค ไปกันเถอะ”ทั้งสองเดินออกจากห้องพักแขกที่ทำเสร็จเรียบร้อยไป เพื่อไปทำความสะอาดห้องพักที่เหลืออีกสิบกว่าห้องต่อไปภายในห้องทำงานของปริญญ์พนักงานวัยกลางคนยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขาอย่างสงบเรียบร้อย ปริญญ์เหลือบมองขึ้นจากเอกสารตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เธอเป็นยังไงบ้างครับ”เขาคิดว่ามัสยาคงจะบ่น หรือไม่ก็ต้องสร้างปัญหาแน่ๆ เมื่อเขาให้งานแม่บ้านเป็นงานแรกของหล่อน“เธอทำได้ทุกอย่างเลยค่ะ”ปริญญ์เลิกคิ้วขึ้น“ทำได้ทุกอย่าง?”“ใช่ค่ะ แม้จะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ แต่เธอก็พยายามซ้ำหลายครั้ง จนทำดีขึ้นมากค่ะ”เขาพิงพนักเก้าอี้ ก่อนจะถามอีกครั้ง“เธอไม่บ่น ไม่งอแงเลยเหรอครับ”“ไม่เห็นมีบ่นอะไรเลยนะคะ เห็นหัวเราะกับริสาสนุกเลยล่ะค่ะ”ปริญญ์หรี่ตาลง แววตาครุ่นคิด“ไม่น่าเชื่อ”“ดิฉันไม่กล้าโกหกคุณปริญญ์หรอกค่ะ”“ผมไม่ได้ว่าคุณจันทร์โกหก ผมแค่ไม่อยากเชื่อว่า คุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่ออย่างมัสยา จะทำงานบ้านได้”“บางทีคุณปริญญ์อาจจะมอ
ตอนที่ 1.ท้องฟ้ายามค่ำคืนปกคลุมไปด้วยเมฆหนา รถสีดำคันหนึ่งจอดลงหน้าประตูโรงแรมระดับห้าดาวซึ่งตั้งตระหง่านสะท้อนกับแสงไฟระยิบระยับมัสยาถูกบิดาพามาส่งที่นี่ หัวใจของหล่อนหนักอึ้ง แม้หล่อนจะพยายามซ่อนความกังวลไว้ แต่ดวงตากลมโตก็ยังสั่นไหวอยู่ดี“พ่อขอโทษนะลูก...”เสียงแหบพร่าของบิดากล่าวขึ้นเบาๆ ขณะมืออันสั่นเทาวางบนบ่าของหล่อนอย่างอ่อนโยนมัสยาเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อ ดวงตาของหล่อนเต็มไปด้วยคำถามและความสับสน“พ่อคะ... ทำไมต้องเป็นมัส?”บิดาหลุบตาลง หัวใจหนักอึ้งกับคำถามของลูกสาว“ถ้ามีทางอื่น... พ่อคงไม่ให้ลูกต้องเผชิญสิ่งนี้เลย พ่อรู้ว่ามันไม่ยุติธรรม แต่... มันเป็นหนทางเดียวที่เราจะรักษาทุกสิ่งไว้ได้”“รักษาทุกอย่าง? ด้วยการส่งมัสไปอยู่กับเขาเหรอคะ”เสียงของมัสยาสั่นเครือ หัวใจของหล่อนเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวด“มัส...”ชายวัยกลางคนเอื้อมมือไปจับมือของลูกสาวไว้แน่น“พ่อรู้ว่ามันโหดร้าย แต่พ่ออยากให้มัสคิดว่านี่เป็นโอกาส โอกาสที่จะทำให้ชีวิตของลูกดีขึ้น พ่อไม่อยากเห็นลูกสาวของพ่อต้องลำบาก พ่อไม่อยากเห็นลูกต้องใช้ชีวิตอย่างขัดสนเหมือนสามสี่ปีที่พวกเราเผชิญกันมา...”มัสยาส่ายห
ตอนที่ 2.ในขณะที่หล่อนกำลังนั่งจมดิ่งอยู่กับความทุกข์ทรมานของโชคชะตาอยู่นั้น ประตูห้องรับรองถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงสง่าที่ก้าวเข้ามาภายในห้องบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปในทันที เมื่อเขาปรากฏตัว ปริญญ์ก้าวเข้ามาอย่างมั่นคง แผ่ออร่าของอำนาจและความเย็นชาที่ชวนให้ผู้คนรอบข้างต้องเงียบกริบมัสยาตกตะลึงจนแทบลืมหายใจ เขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาราวกับรูปสลัก พระเจ้าคงใช้เวลาบรรจงสร้างเขาขึ้นมาอย่างพิถีพิถันโครงหน้าคมสัน คิ้วเข้มที่ขับให้ดวงตาเฉียบคมราวกับใบมีดดูดุกร้าวและทรงพลัง จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากได้รูปที่ดูหยิ่งผยองแต่ก็แฝงเสน่ห์อย่างประหลาดผิวขาวเนียนราวกับหินอ่อน ทุกรายละเอียดบนใบหน้าของเขาช่างสมบูรณ์แบบเกินไป จนมัสยาต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากหล่อนรู้ว่าเขาเป็นศัตรู เป็นผู้ชายที่บีบบังคับพ่อของหล่อนจนต้องส่งหล่อนมาอยู่ที่นี่แต่ถึงอย่างนั้น หัวใจของหล่อนกลับเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง ความเย็นชาและอำนาจที่แผ่ออกจากตัวเขายิ่งทำให้หล่อนหวั่นไหวหล่อนพยายามบอกตัวเองให้เกลียดเขา แต่กลับไม่สามารถละสายตาจากเขาได้เลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวปริญญ์หยุดยืนอยู่ตรงหน้าหล่อน ดวงตาคมกริบของเข
ตอนที่ 5.มัสยาตาโต “อีกสิบกว่าห้องเหรอ!?”ริสาพยักหน้าอย่างขำๆ“ค่ะ รีบไปกันเถอะค่ะ ก่อนที่หัวหน้าจะมาตรวจงาน”มัสยาถอนหายใจยาว แต่ก็พยายามฮึดสู้“โอเค ไปกันเถอะ”ทั้งสองเดินออกจากห้องพักแขกที่ทำเสร็จเรียบร้อยไป เพื่อไปทำความสะอาดห้องพักที่เหลืออีกสิบกว่าห้องต่อไปภายในห้องทำงานของปริญญ์พนักงานวัยกลางคนยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขาอย่างสงบเรียบร้อย ปริญญ์เหลือบมองขึ้นจากเอกสารตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เธอเป็นยังไงบ้างครับ”เขาคิดว่ามัสยาคงจะบ่น หรือไม่ก็ต้องสร้างปัญหาแน่ๆ เมื่อเขาให้งานแม่บ้านเป็นงานแรกของหล่อน“เธอทำได้ทุกอย่างเลยค่ะ”ปริญญ์เลิกคิ้วขึ้น“ทำได้ทุกอย่าง?”“ใช่ค่ะ แม้จะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ แต่เธอก็พยายามซ้ำหลายครั้ง จนทำดีขึ้นมากค่ะ”เขาพิงพนักเก้าอี้ ก่อนจะถามอีกครั้ง“เธอไม่บ่น ไม่งอแงเลยเหรอครับ”“ไม่เห็นมีบ่นอะไรเลยนะคะ เห็นหัวเราะกับริสาสนุกเลยล่ะค่ะ”ปริญญ์หรี่ตาลง แววตาครุ่นคิด“ไม่น่าเชื่อ”“ดิฉันไม่กล้าโกหกคุณปริญญ์หรอกค่ะ”“ผมไม่ได้ว่าคุณจันทร์โกหก ผมแค่ไม่อยากเชื่อว่า คุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่ออย่างมัสยา จะทำงานบ้านได้”“บางทีคุณปริญญ์อาจจะมอ
ตอนที่ 4.มัสยาไม่รอช้า รีบพุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำด้วยความตกใจ ความรีบร้อนทำให้มือไม้สั่นไปหมด หล่อนไม่เคยอาบน้ำเร็วขนาดนี้มาก่อนในชีวิตทุกอย่างผ่านไปอย่างฉุกละหุกจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ เส้นผมที่เคยใช้เวลาดูแลอย่างพิถีพิถัน ต้องรวบขึ้นอย่างลวกๆ เสื้อผ้าถูกสวมแบบเร่งรีบ และแทบไม่มีเวลาส่องกระจกดูความเรียบร้อยเลยเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด กระโปรงทรงเอ และเสื้อกั๊กสีกรมท่าทับด้านนอก นี่มันไม่ใช่ชุดที่หล่อนคุ้นเคย แต่หล่อนก็ไม่มีเวลามากพอที่จะมาคิดเรื่องนั้นในตอนนี้“เร็วค่ะ! ไปกันเถอะค่ะ!”ริสาเรียกก่อนจะดึงแขนมัสยาออกจากห้องมัสยากึ่งเดินกึ่งวิ่งตามริสาไปตามทางเดิน แรงหอบทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนหัวใจจะเต้นไม่เป็นจังหวะนอกจากความรีบร้อนแล้ว หล่อนยังไม่ชินกับการต้องทำอะไรภายใต้เวลาจำกัดแบบนี้ด้วยเมื่อไปถึงโถงประชุมพนักงาน ทุกคนยืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกคนอยู่ในชุดฟอร์มเหมือนกันหมด สร้างบรรยากาศที่เป็นทางการและเคร่งครัดมากและตรงหน้า...ปริญญ์ยืนอยู่ที่นั่น ร่างสูงสง่าของเขาแผ่ออร่าอำนาจที่ทำให้ทั้งห้องเงียบลงแทบจะทันที ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองพนักงานแต่ละคนราวกับจับผิด ไม่มีใครก
ตอนที่ 3.เส้นทางทอดยาวผ่านโถงทางเดินที่เงียบสงัด จนมาถึงอาคารอพาร์ตเมนต์สูงหกชั้นที่อยู่ด้านหลังของโรงแรมหรู ซึ่งถูกใช้เป็นที่พักของพนักงานเมื่อขึ้นบันไดไปถึงชั้นสาม พนักงานหยุดที่หน้าห้องหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูให้มัสยาก้าวเข้าไปด้านใน ห้องพักขนาดเล็กที่มีเพียงเตียง โต๊ะเล็ก และหน้าต่างบานเดียว ความเรียบง่ายของมันตอกย้ำว่าหล่อนไม่ได้มาอยู่ที่นี่ในฐานะแขก แต่เป็นเพียงแค่พนักงานที่ต้องทำงานชดใช้หนี้สิ้นเท่านั้น“นี่คือห้องของคุณค่ะ”พนักงานกล่าวก่อนจะยื่นกุญแจให้“พักผ่อนให้เต็มที่นะคะ พรุ่งนี้คุณต้องเริ่มงานแต่เช้า”มัสยามองไปรอบห้อง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ อย่างปลงตกนี่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่... ที่หล่อนไม่สามารถปฏิเสธได้สินะ ปริญญ์นั่งอยู่ในห้องพักหรูหราบนชั้นสูงสุดของโรงแรมที่เป็นของเขาเอง ห้องพักกว้างขวาง ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นและโทนสีเข้ม เผยให้เห็นถึงความเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหรูหราพื้นไม้สีเข้มขับให้เฟอร์นิเจอร์สีเทาและดำดูเคร่งขรึม ผนังบางส่วนถูกแทนที่ด้วยกระจกใสบานใหญ่ ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืนได้อย่างชัดเจนเขามักเลือกค้างที่นี่ เพราะไม่ต้อง
ตอนที่ 2.ในขณะที่หล่อนกำลังนั่งจมดิ่งอยู่กับความทุกข์ทรมานของโชคชะตาอยู่นั้น ประตูห้องรับรองถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงสง่าที่ก้าวเข้ามาภายในห้องบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปในทันที เมื่อเขาปรากฏตัว ปริญญ์ก้าวเข้ามาอย่างมั่นคง แผ่ออร่าของอำนาจและความเย็นชาที่ชวนให้ผู้คนรอบข้างต้องเงียบกริบมัสยาตกตะลึงจนแทบลืมหายใจ เขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาราวกับรูปสลัก พระเจ้าคงใช้เวลาบรรจงสร้างเขาขึ้นมาอย่างพิถีพิถันโครงหน้าคมสัน คิ้วเข้มที่ขับให้ดวงตาเฉียบคมราวกับใบมีดดูดุกร้าวและทรงพลัง จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากได้รูปที่ดูหยิ่งผยองแต่ก็แฝงเสน่ห์อย่างประหลาดผิวขาวเนียนราวกับหินอ่อน ทุกรายละเอียดบนใบหน้าของเขาช่างสมบูรณ์แบบเกินไป จนมัสยาต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากหล่อนรู้ว่าเขาเป็นศัตรู เป็นผู้ชายที่บีบบังคับพ่อของหล่อนจนต้องส่งหล่อนมาอยู่ที่นี่แต่ถึงอย่างนั้น หัวใจของหล่อนกลับเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง ความเย็นชาและอำนาจที่แผ่ออกจากตัวเขายิ่งทำให้หล่อนหวั่นไหวหล่อนพยายามบอกตัวเองให้เกลียดเขา แต่กลับไม่สามารถละสายตาจากเขาได้เลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวปริญญ์หยุดยืนอยู่ตรงหน้าหล่อน ดวงตาคมกริบของเข
ตอนที่ 1.ท้องฟ้ายามค่ำคืนปกคลุมไปด้วยเมฆหนา รถสีดำคันหนึ่งจอดลงหน้าประตูโรงแรมระดับห้าดาวซึ่งตั้งตระหง่านสะท้อนกับแสงไฟระยิบระยับมัสยาถูกบิดาพามาส่งที่นี่ หัวใจของหล่อนหนักอึ้ง แม้หล่อนจะพยายามซ่อนความกังวลไว้ แต่ดวงตากลมโตก็ยังสั่นไหวอยู่ดี“พ่อขอโทษนะลูก...”เสียงแหบพร่าของบิดากล่าวขึ้นเบาๆ ขณะมืออันสั่นเทาวางบนบ่าของหล่อนอย่างอ่อนโยนมัสยาเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อ ดวงตาของหล่อนเต็มไปด้วยคำถามและความสับสน“พ่อคะ... ทำไมต้องเป็นมัส?”บิดาหลุบตาลง หัวใจหนักอึ้งกับคำถามของลูกสาว“ถ้ามีทางอื่น... พ่อคงไม่ให้ลูกต้องเผชิญสิ่งนี้เลย พ่อรู้ว่ามันไม่ยุติธรรม แต่... มันเป็นหนทางเดียวที่เราจะรักษาทุกสิ่งไว้ได้”“รักษาทุกอย่าง? ด้วยการส่งมัสไปอยู่กับเขาเหรอคะ”เสียงของมัสยาสั่นเครือ หัวใจของหล่อนเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวด“มัส...”ชายวัยกลางคนเอื้อมมือไปจับมือของลูกสาวไว้แน่น“พ่อรู้ว่ามันโหดร้าย แต่พ่ออยากให้มัสคิดว่านี่เป็นโอกาส โอกาสที่จะทำให้ชีวิตของลูกดีขึ้น พ่อไม่อยากเห็นลูกสาวของพ่อต้องลำบาก พ่อไม่อยากเห็นลูกต้องใช้ชีวิตอย่างขัดสนเหมือนสามสี่ปีที่พวกเราเผชิญกันมา...”มัสยาส่ายห