ห้าสิบปีต่อมาชุมชนแดนเหนือสุดนั้นมีธรรมเนียมหนึ่งที่จัดขึ้นพร้อม ๆ กันทุกปีสำหรับทุกคนและทุกคนเผ่าพงศ์ที่ก้าวเข้าสู่วัยหนุ่มสาว นั่นคืองานชุมนุมดอกไม้ที่เกิดขึ้นในช่วงที่อากาศอบอุ่นและท้องฟ้าสว่างที่สุดในการจัดงานขึ้นมาสามวันโดยเฉพาะเป็นงานที่ให้คนหนุ่มสาวมาพบปะพูดคุยและแลกช่อดอกไม้ของกันและกัน แน่นอนว่าจุดประสงค์ก็คงจะเหมือนการเปิดตัวและมองหาคู่แต่งงานให้กับคนรุ่นใหม่ที่เติบโตพอจะสร้างครอบครัวได้แล้วนั่นเองดังนั้นทั้งเมืองพวกคนจะแขวนพวงหรีดดอกไม้ที่หน้าประตูบ้าน ตกแต่งร่างกายด้วยช่อดอกไม้หลากสี ยกเว้นผู้ใหญ่ที่เติบใหญ่แล้วจะใช้เพียงดอกไม้สีขาวเท่านั้นแต่...ถ้าผู้ใหญ่คนใดยังโสดและประสงค์จะแต่งงานใหม่สำหรับคนที่เป็นม่าย คนเหล่านั้นก็จะประดับช่อดอกไม้หลากสีและแซมด้วยดอกไม้สีขาวเข้าไปด้วยคนข้ารู้เรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดีเพราะเฝ้าสังเกตผู้คนบนหอคอยสูงหลายครั้งหลายหนคงไม่ใช่เพียงหลายหนหรอก...ข้าเฝ้ามองมาหลายสิบปีแล้วกระมั้ง...“ท่านแม่” เสียงใสของเลย์อานาเรียกข้าจากข้างหลังประตูห้องชั้นที่ห้าของหอคอย แน่นอนว่าพอข้าหันก็พบกับบุตรสาวผู้ที่ในวันนี้นางสวมชุดสีแดงเข้มตัวงาม ใบหน้านั้นเปล
วูบ! กระแสลมแรงสายหนึ่งพัดสวนลมอีกทิศขึ้นมา เข้าช่วยขับไล่กลิ่นเหม็นเน่าให้เบาบางลงในเวลานี้ข้าเปิดประสาทสัมผัสมังกรและปลดปล่อยลมหายใจที่ซ้อนเอาไว้ออกมา ในเมื่ออสูรร้ายมากมายถึงเพียงนี้ก็ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนและคอยออกล่าพวกมันอีกแล้วฉึก! ข้าพุ่งหอกไปข้างทิ่มแทงอสูรส่วนหนึ่งเป็นเส้นตรง จากนั้นก็เสกหอกหินเล่มใหม่ขึ้นมา ทว่าคราวนี้ข้าพ่นไฟมังกรเคลือบมันเอาไว้ เพื่อให้การฟาดฟันนั้นรุนแรงมากขึ้นพรึบ! ข้าตวัดตัวหมุนพลางออกท่วงท่ามากมาย กวัดแกว่งดาบเป็นวงคลื่นเปลวไฟเข้าแผดเผาอสูรที่ล้อมเอาไว้อยู่ อสูรทั่วไปนั้นง่ายดายที่จะจัดการนัก โดยเฉพาะอสูรที่ส่วนใหญ่ยังไม่เติบโตในระดับหนึ่ง แต่กระนั้นพวกมันก็ไหลทะลักออกจากปากอสูรยักษ์ราวกับห่าฝน มากมายนับไม่ถ้วนสีจนข้าคิดว่าจะต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปยังอสูรยักษ์เบื้องหน้าแทน...อสูรตัวนี้ขนาดของมันนับแล้วเอาหอคอยยี่สิบหลังมามัดรวมกันเอาไว้ได้เชียว...มันน่าจะเหมือนราชินีมดที่ให้กำเนิดมดงานใต้ดินมากมาย เพราะแบบนั้นมันถึงผลิตลูกอสูรตัวจ้อยออกมาได้จำนวนมากขนาดนี้ฮืม? ข้าฉงนไปครู่หนึ่งเมื่อพบว่าบุคคลปริศนาที่ยากจะสังเกตใบหน้านั้นโฉบเข้ามาแล้วเหวี่ยงร่างของข
“อืม...” ข้าค่อย ๆ ลืมตาขึ้นรับแสงยามบ่ายที่สาดส่องผ่านม่านผ้าลงมา สองข้างหูคล้ายจะได้ยินเสียงสนทนาที่รุนแรงเกิดขึ้นชอบกล แต่กระนั้นร่างกายที่อ่อนล้ากลับไม่ปรารถนาจะขยับเขยื้อนสักนิด สุดท้ายข้านอนแผ่ราบกับเตียงพลางแอบฟังเสียงจากภายนอกแทนเสียงของทาริก...เจ้าลูกคนที่หกของข้ากลับมาแล้วอย่างนั้นสินะ จะว่าไปนี่ก็ครบกำหนดแล้วที่อีกฝ่ายไปยังสถานีวิจัยประตูอสูรที่แดนใต้สุดน่ะ ดูเหมือนจะหิ้วของฝากแล้วดิ่งตัวกลับมาหาข้าเลยกระมั้ง“เจ้าบอกข้าเดี๋ยวนี่นะ เจ้าเข้ามาทำอะไรในห้องของแม่ข้ากัน” เสียงของทาริกเข้มขึ้นผิดปกติ คล้ายกับนักเลงมนุษย์ซึ่งพร้อมจะหาเรื่องคู่สนทนาซึ่งอยู่ตรงข้ามกันเสียชัดเจน ส่วนเจ้าคู่สนทนาที่อีกฝ่ายคิดจะวิวาทด้วยนั้นคงจะเป็น...ทาแรน?ข้าชะงักจากนั้นก็พลันชันตัวลุกขึ้นยืนทันที สองมือลนลานทำสิ่งใดไม่ถูก รู้เพียงว่าต้องรีบคว้าเสื้อผ้าอาภรณ์เข้าสวมใส่ให้เรียบร้อยแย่จริง! สภาพของข้าดูแล้วไม่สมควรออกไปสักนิดเดียว...ข้าคิดจากนั้นก็ปล่อยให้ทาแรนจัดการไปก่อนอย่างไรเสีย...คนฉลาดแบบทาแรนก็ย่อมมองออกได้ไม่ยากว่านั่นคือทาริก บุตรชายที่เขาไม่มีโอกาสได้เฝ้าเลี้ยงจนเติบใหญ่เหมือนลูกคนอื
หกเดือนต่อมาข้าลืมตาตื่นขึ้นทุกเช้าเช่นเคย ครั้นจัดการรวบผมเผ้าให้เข้าทรงแล้วข้าก็ลุกขึ้นยืนส่องกระจกเงินบานใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้องจามกิจวัตรประจำวัน ทว่ายามนี้ที่หน้าท้องของข้ากลับพองโตขึ้นเป็นเนินเสียแล้ว ระยะครรภ์อยู่ที่ไตรมาสที่สองพอดิบพอดีทาแรนนั้นขยันขันแข็งมากกับลูกคนที่เจ็ด...ไม่สิ...ในท้องนี้นะมีลูกคนที่แปดด้วยคน ทั้งสองเป็นครรภ์มังกรแฝดที่หายากยิ่งเลยทีเดียวเชียวแน่นอนว่าทาแรนภูมิใจเป็นอย่างมาก เขาโอ้อวดเรื่องนี้กับโรเดียอริที่สนิทสนมด้วยเสียจนอีกฝ่ายรำคาญไม่น้อย แต่ถึงแบบนั้นโรเดียก็ยังยอมมาเข้าร่วมงานสมรสของพวกเราสองคน…งานในวันนั้นมีมังกรมากมายเข้าร่วม มังกรที่สตรีต่างก็เข้ามาลูบท้องข้า หวังว่าพลางกระซิบกระซาบของเคล็ดลับพิเศษที่ทำให้ตั้งท้องบ่อยครั้งเจ้าทำท่าไหน?สถานที่ใด?กลางคืนหรือกลางวัน?ทำเอาข้าตอบไม่ถูกเลยทีเดียว ได้แต่บอกว่าเพราะพรของทวยเทพที่มอบให้ทาแรนนั้น ข้าเลยตั้งครรภ์อย่างง่ายดาย กลายเป็นเวลาพวกนางที่พอมีลูกสักตนสองตนแล้ว ต่างก็หมายมองลูกของข้าแทนนั่นเพราะพรก็เหมือนคำสาปตรงที่ว่า...มันสืบทอดผ่านสายเลือดเช่นเดียวกัน เพราะงั้นงานนี้ลูกชายลูกสาวที่ยังโสดถ
ในฤดูหนาวป่าส่วนใหญ่ของแดนเหนือปกคลุมด้วยหิมะ ใบไม้ต้นหญ้าต่างก็ร่วงโรยตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือนแล้ว ครั้นพอฤดูหนาวมาถึงพวกมันก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ที่ถูกถอนขนจนโกร๋น แต่ถึงแบบนั้นอีกไม่นานบรรดาเมล็ดพันธุ์ที่ฝังอยู่ข้างใต้ก็จะตื่นขึ้นในฤดูกาลถัดไปข้าชอบฤดูกาลนั้นที่สุด เวลาที่ฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ป่าจะกลายเป็นสีเขียวอีกหน ในตอนนั้นดอกไม้นานาชนิดก็จะบานสะพรั่งเป็นเต็มเนินดินและทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพรสาณฑ์ของตอนบนทวีป ครั้นพอสายลมพัดผ่านมากลิ่นหอมก็จะโชยราวกับกำยานในวิหารของเทพพฤกษายิ่งนักข้าชอบช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิที่สุด...เพราะมันเป็นเวลาที่กระแสลมทั้งหมดจะละจากทิศเหนือจะพัดลงไปยังทิศใต้ สายลมจะนำพาอากาศเย็น ๆ จะแผ่เข้าปกคลุมทางใต้ของทวีป ซึ่งเป็นหมุดหมายที่เหล่ามังกรของวายุเทพจะบินลงไปเที่ยวเล่นประสามังกรของวายุเทพตอนนี้มังกรวายุตนนั้นคงจะไม่อยู่ที่ตอนเหนือแล้ว หากว่าคิดตามหลักการของเหล่ามังกรลมทั่วไป ๆ เท่าที่ข้ารู้มาจากสัตว์น้อยใหญ่ในป่าเมื่อต้นฤดูใบไม้ผลิปีนี้นั้น...ตัวข้าได้ฟื้นคืนจากการจำศีลช่วงฤดูใบไม้ผลิ ข้าหลับในรังมังกรเล็ก ๆ ที่อาศัยการตบแต่งอย่างเรียบง่าย มันเป็นรั
เจ็บ! ข้ากรีดร้องพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเผาะ ๆ อาบสองข้างแก้มของตน บัดนี้ความเจ็บปวดราวกับช่วงล่างจะปริแตกนั้นทำให้ข้ายากจะรู้สึกไปกับความวาบหวามที่ผุดพรายอยู่ทั่วร่างได้อย่างอิ่มเอมเจ้าสิ่งนั้นของอีกฝ่ายใหญ่โตนัก ส่วนข้าก็เล็กแคบเหลือเกิน!จริงดังคำที่เขาว่ากัน...ว่าสองอย่างที่ไม่สอดคล้องกันย่อมไม่เหมาะสมจะเข้าคู่กันจริง ๆ นั่นล่ะ!“อึก!” ข้ากัดฟันพลางดิ้นรนถอยหนี ทว่าไม่เป็นผลนักเมื่อถูกพละกำลังของอีกฝ่ายกดทับเอาไว้ สะโพกของข้าถูกยึดจับ ไหล่ถูกกดไม่ให้เคลื่อนห่างกายร่างของอีกฝ่าย ดูแล้วไร้หนทางจะขัดขืนยิ่งนัก“เหตุใดเจ้าไม่ปรารถนาจะมีคู่กัน มังกรสาวตนอื่นต่างก็ทอดกายให้ข้าหลับนอนรวมกับพวกนาง แต่เจ้ากลับไม่ปรารถนา...ช่างน่าสนใจนัก…” มังกรวายุเอ่ยขึ้นพลางโน้มใบหน้าลงมาใกล้ข้าอย่างใคร่รู้ปลายลิ้นของอีกฝ่ายตวัดเลียหยาดน้ำตาของข้าคล้ายจะปลอบโยนทว่ากลับขู่ให้ข้ากลัวมากยิ่งขึ้น ครั้นพอถูกจุมพิตอีกหนใจข้าก็รู้สึกขนลุกไม่น้อย“บอกข้ามาว่าการทดสอบของเจ้าคือสิ่งใดกันแน่ แล้วข้าจะพิสูจน์ให้เจ้ายอมรับข้าอย่างยินยอมทั้งใจ”ดูคำพูดนั่นสิ!มาถึงตรงนี้แล้วยังต้องทำให้มันชอบธรรมอย่างงั้นอีกรึ?ข้าโมโหแ
เสียงหวีดหวิวของสายลมค่อย ๆ ปลุกข้าจากภวังค์อันยาวนานหลังจากที่ข้าถูกเคี่ยวกรำติดต่อกันจนข้าลืมสิ้นวันเวลา ตอนนี้ที่ยอดเขานี่กลายเป็นสถานที่อาศัยอยู่แห่งใหม่ของข้าไปแล้ว อาจเพราะมันอยู่สูงและตั้งบนหน้าผาชันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะหาหนทางลงไปจากที่นี่ได้ถึงถ้ำนี้จะครบครันไปด้วยเครื่องเรือนอำนวยความสะดวกสบาย ทว่าพอสองขาของข้าไม่ได้ย่ำเหยียบที่พื้นดิน จิตใจก็พลันห่อเหี่ยวไม่เป็นสุขทาแรนไม่ได้ขังข้า ไม่ได้ห้ามข้าลงไป ตัวของเขานั้นไม่ได้ล่ามตรวนหรือใช้เวทมนตร์อันใดเลย เป็นข้าเองที่ไม่กล้าจะปีนเขาลูกนี้ลงไปต่างหากเขาในแดนเหนือนั้นยามที่ฤดูหนาวมาเยือน อากาศจะไม่ค่อยดีนัก บ่อยครั้งที่มีพายุหิมะคะนองซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีฟ้าแลบฟ้าร้องทำเอาข้าตื่นตกใจไปหมด ข้าเลยต่อรองให้ทาแรนพาข้าลงไปอาบน้ำชำระกายที่ทะเลสาบใกล้ ๆ แทน ครั้นพอกลับไปที่รังใต้โพรงไม้บรรพกาลของข้ารู้ตัวอีกทีพวกกระรอกฝูงใหญ่ก็ยึดรังของข้าไปเสียแล้ว...สำหรับรังมังกรที่ถูกทิ้งร้างไปนานนั้น ก็มักจะถูกสัตว์น้อยใหญ่เข้ามาอาศัยพักพิง นั่นเพราะกลิ่นอายมังกรสามารถกำบังศัตรูผู้ล่าตามธรรมชาติของพวกมันได้เป็นอย่างดี นานวันเข้าจำนว
กลิ่นเนื้อย่างเตาหินหอม ๆ ลอยเตะจมูกของข้าจนข้างปากมีหยดน้ำลายไหลย้อยออกมาด้วยความหิวโหยนัก ในเวลานี้ข้าตื่นขึ้นมาพร้อมกับกระเพาะที่ส่งเสียงร้องดังไม่หยุดเสียแล้วเวลานี้ย่างกรายเข้าฤดูใบไม้ผลิอย่างเป็นทางการ หิมะที่ปกคลุมพื้นที่โดยรอบมลายหายไปจนสิ้น ยกเว้นเพียงส่วนของยอดเขาที่ยังคงสภาพเอาไว้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนักทว่าเหนือสิ่งอื่นใจคือ...เวลานี้ทาแรนทำรังใหม่ให้ข้าแล้ว แน่นอนว่ามันน่าทึ่งเหลือเกินที่ทาแรนใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนเท่านั้นในการสร้างรังแห่งนี้ให้กับข้า นั่นเพราะวัน ๆ หนึ่งของทาแรนนอกจากจะต้องล่าสัตว์ทำอาหารมาป้อนข้าที่วันหนึ่งเอาแต่กิน ๆ นอน ๆ แล้ว เขายังแบ่งเวลาไปแบกหินและวัสดุก่อสร้างมากมายกลับมาทำรังได้ด้วย“ทาแรน...” ข้าเรียกชื่อเจ้ามังกรวายุพลางเช็ดที่หางตาเล็กน้อย เมื่อคืนพึ่งจะเปลี่ยนที่นอนใหม่จึงไม่ชินอยู่บ้าง ยังไงเสียอากาศข้างบนกับอากาศข้างล่างก็ไม่เหมือนกัน ในที่สูงนั้นอากาศน้อยนิดนัก พอมาข้างล่างเต็มไปด้วยแมกไม้มากมายอากาศจึงอัดแน่นไปหมดข้าไม่แปลกใจที่เลยที่พวกมนุษย์เวลาปีนเขาสูง ๆ แล้วจะหมดสติกันง่ายนัก...“ข้าย่างเนื้อเอาไว้เสร็จแล้ว เจ้าลงมาเถิด”
หกเดือนต่อมาข้าลืมตาตื่นขึ้นทุกเช้าเช่นเคย ครั้นจัดการรวบผมเผ้าให้เข้าทรงแล้วข้าก็ลุกขึ้นยืนส่องกระจกเงินบานใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้องจามกิจวัตรประจำวัน ทว่ายามนี้ที่หน้าท้องของข้ากลับพองโตขึ้นเป็นเนินเสียแล้ว ระยะครรภ์อยู่ที่ไตรมาสที่สองพอดิบพอดีทาแรนนั้นขยันขันแข็งมากกับลูกคนที่เจ็ด...ไม่สิ...ในท้องนี้นะมีลูกคนที่แปดด้วยคน ทั้งสองเป็นครรภ์มังกรแฝดที่หายากยิ่งเลยทีเดียวเชียวแน่นอนว่าทาแรนภูมิใจเป็นอย่างมาก เขาโอ้อวดเรื่องนี้กับโรเดียอริที่สนิทสนมด้วยเสียจนอีกฝ่ายรำคาญไม่น้อย แต่ถึงแบบนั้นโรเดียก็ยังยอมมาเข้าร่วมงานสมรสของพวกเราสองคน…งานในวันนั้นมีมังกรมากมายเข้าร่วม มังกรที่สตรีต่างก็เข้ามาลูบท้องข้า หวังว่าพลางกระซิบกระซาบของเคล็ดลับพิเศษที่ทำให้ตั้งท้องบ่อยครั้งเจ้าทำท่าไหน?สถานที่ใด?กลางคืนหรือกลางวัน?ทำเอาข้าตอบไม่ถูกเลยทีเดียว ได้แต่บอกว่าเพราะพรของทวยเทพที่มอบให้ทาแรนนั้น ข้าเลยตั้งครรภ์อย่างง่ายดาย กลายเป็นเวลาพวกนางที่พอมีลูกสักตนสองตนแล้ว ต่างก็หมายมองลูกของข้าแทนนั่นเพราะพรก็เหมือนคำสาปตรงที่ว่า...มันสืบทอดผ่านสายเลือดเช่นเดียวกัน เพราะงั้นงานนี้ลูกชายลูกสาวที่ยังโสดถ
“อืม...” ข้าค่อย ๆ ลืมตาขึ้นรับแสงยามบ่ายที่สาดส่องผ่านม่านผ้าลงมา สองข้างหูคล้ายจะได้ยินเสียงสนทนาที่รุนแรงเกิดขึ้นชอบกล แต่กระนั้นร่างกายที่อ่อนล้ากลับไม่ปรารถนาจะขยับเขยื้อนสักนิด สุดท้ายข้านอนแผ่ราบกับเตียงพลางแอบฟังเสียงจากภายนอกแทนเสียงของทาริก...เจ้าลูกคนที่หกของข้ากลับมาแล้วอย่างนั้นสินะ จะว่าไปนี่ก็ครบกำหนดแล้วที่อีกฝ่ายไปยังสถานีวิจัยประตูอสูรที่แดนใต้สุดน่ะ ดูเหมือนจะหิ้วของฝากแล้วดิ่งตัวกลับมาหาข้าเลยกระมั้ง“เจ้าบอกข้าเดี๋ยวนี่นะ เจ้าเข้ามาทำอะไรในห้องของแม่ข้ากัน” เสียงของทาริกเข้มขึ้นผิดปกติ คล้ายกับนักเลงมนุษย์ซึ่งพร้อมจะหาเรื่องคู่สนทนาซึ่งอยู่ตรงข้ามกันเสียชัดเจน ส่วนเจ้าคู่สนทนาที่อีกฝ่ายคิดจะวิวาทด้วยนั้นคงจะเป็น...ทาแรน?ข้าชะงักจากนั้นก็พลันชันตัวลุกขึ้นยืนทันที สองมือลนลานทำสิ่งใดไม่ถูก รู้เพียงว่าต้องรีบคว้าเสื้อผ้าอาภรณ์เข้าสวมใส่ให้เรียบร้อยแย่จริง! สภาพของข้าดูแล้วไม่สมควรออกไปสักนิดเดียว...ข้าคิดจากนั้นก็ปล่อยให้ทาแรนจัดการไปก่อนอย่างไรเสีย...คนฉลาดแบบทาแรนก็ย่อมมองออกได้ไม่ยากว่านั่นคือทาริก บุตรชายที่เขาไม่มีโอกาสได้เฝ้าเลี้ยงจนเติบใหญ่เหมือนลูกคนอื
วูบ! กระแสลมแรงสายหนึ่งพัดสวนลมอีกทิศขึ้นมา เข้าช่วยขับไล่กลิ่นเหม็นเน่าให้เบาบางลงในเวลานี้ข้าเปิดประสาทสัมผัสมังกรและปลดปล่อยลมหายใจที่ซ้อนเอาไว้ออกมา ในเมื่ออสูรร้ายมากมายถึงเพียงนี้ก็ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนและคอยออกล่าพวกมันอีกแล้วฉึก! ข้าพุ่งหอกไปข้างทิ่มแทงอสูรส่วนหนึ่งเป็นเส้นตรง จากนั้นก็เสกหอกหินเล่มใหม่ขึ้นมา ทว่าคราวนี้ข้าพ่นไฟมังกรเคลือบมันเอาไว้ เพื่อให้การฟาดฟันนั้นรุนแรงมากขึ้นพรึบ! ข้าตวัดตัวหมุนพลางออกท่วงท่ามากมาย กวัดแกว่งดาบเป็นวงคลื่นเปลวไฟเข้าแผดเผาอสูรที่ล้อมเอาไว้อยู่ อสูรทั่วไปนั้นง่ายดายที่จะจัดการนัก โดยเฉพาะอสูรที่ส่วนใหญ่ยังไม่เติบโตในระดับหนึ่ง แต่กระนั้นพวกมันก็ไหลทะลักออกจากปากอสูรยักษ์ราวกับห่าฝน มากมายนับไม่ถ้วนสีจนข้าคิดว่าจะต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปยังอสูรยักษ์เบื้องหน้าแทน...อสูรตัวนี้ขนาดของมันนับแล้วเอาหอคอยยี่สิบหลังมามัดรวมกันเอาไว้ได้เชียว...มันน่าจะเหมือนราชินีมดที่ให้กำเนิดมดงานใต้ดินมากมาย เพราะแบบนั้นมันถึงผลิตลูกอสูรตัวจ้อยออกมาได้จำนวนมากขนาดนี้ฮืม? ข้าฉงนไปครู่หนึ่งเมื่อพบว่าบุคคลปริศนาที่ยากจะสังเกตใบหน้านั้นโฉบเข้ามาแล้วเหวี่ยงร่างของข
ห้าสิบปีต่อมาชุมชนแดนเหนือสุดนั้นมีธรรมเนียมหนึ่งที่จัดขึ้นพร้อม ๆ กันทุกปีสำหรับทุกคนและทุกคนเผ่าพงศ์ที่ก้าวเข้าสู่วัยหนุ่มสาว นั่นคืองานชุมนุมดอกไม้ที่เกิดขึ้นในช่วงที่อากาศอบอุ่นและท้องฟ้าสว่างที่สุดในการจัดงานขึ้นมาสามวันโดยเฉพาะเป็นงานที่ให้คนหนุ่มสาวมาพบปะพูดคุยและแลกช่อดอกไม้ของกันและกัน แน่นอนว่าจุดประสงค์ก็คงจะเหมือนการเปิดตัวและมองหาคู่แต่งงานให้กับคนรุ่นใหม่ที่เติบโตพอจะสร้างครอบครัวได้แล้วนั่นเองดังนั้นทั้งเมืองพวกคนจะแขวนพวงหรีดดอกไม้ที่หน้าประตูบ้าน ตกแต่งร่างกายด้วยช่อดอกไม้หลากสี ยกเว้นผู้ใหญ่ที่เติบใหญ่แล้วจะใช้เพียงดอกไม้สีขาวเท่านั้นแต่...ถ้าผู้ใหญ่คนใดยังโสดและประสงค์จะแต่งงานใหม่สำหรับคนที่เป็นม่าย คนเหล่านั้นก็จะประดับช่อดอกไม้หลากสีและแซมด้วยดอกไม้สีขาวเข้าไปด้วยคนข้ารู้เรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดีเพราะเฝ้าสังเกตผู้คนบนหอคอยสูงหลายครั้งหลายหนคงไม่ใช่เพียงหลายหนหรอก...ข้าเฝ้ามองมาหลายสิบปีแล้วกระมั้ง...“ท่านแม่” เสียงใสของเลย์อานาเรียกข้าจากข้างหลังประตูห้องชั้นที่ห้าของหอคอย แน่นอนว่าพอข้าหันก็พบกับบุตรสาวผู้ที่ในวันนี้นางสวมชุดสีแดงเข้มตัวงาม ใบหน้านั้นเปล
ห้าสิบปีต่อมาเสียงกรีดร้องของสัตว์อสูรดังขึ้นลั่นฟ้า ของเหลวสีดำมากมายพุ่งออกมาจากส่วนที่ถูกผ่าออกเป็นสองซีกไหลทะลักจนเปื้อนปลายเท้าเล็ก ๆ ซึ่งย่ำอยู่บนผืนป่าซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะมายาวนานแล้วถึงห้าเดือนเต็มห้าเดือน? ฟังแล้วอาจจะแปลกใจว่าเหตุใดหิมะถึงยาวนานเพียงนี้...หากให้ข้าพูดแล้วตอนนี้โลกเข้าสู่ความผันผวนครั้งใหญ่ แดนเหนือที่หนาวเหน็บนั้นกลับเย็นเยือกขึ้นกว่าเดิม ฤดูกาลมีเพียงหนาวครึ่งปีและไม่หนาวครึ่งปีเท่านั้น พื้นที่ทำเกษตรและป่าส่วนใหญ่หายไปเพราะฝนซึ่งตกหนักติดต่อกันสามปีเต็มเมื่อราว ๆ ห้าสิบปีก่อนหน้านั้นฝนห่าใหญ่เติมเต็มหุบเขาที่ราบต่าง ๆ กลายเป็นทะเลสาบขนาดยักษ์หลายแห่งซึ่งขับให้ชุมชนต่าง ๆ มารวมตัวกันที่ราบสูงแถวตีนเขา ชุมชนนอร์ทเกตเติบโตกลายเป็นเมืองใหญ่และพัฒนาระบบการปกครองกระทั่งมีราชาและสภาขุนนางน้อยใหญ่เกิดขึ้นส่วนที่เมืองใหญ่แทบชายแดนนั้นถูกเปลวไฟของอัคคีเทพแผดเผาจนล่มสลายด้วยต้นตอของรังอสูร ผู้คนมากมายไหลบ่ามายังนอร์ทเกตเพื่อแสวงหาที่อยู่ใหม่หลังหายนะของอสุรกายจากต่างแดนรุกรานแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์นี้ส่วนที่อื่น ๆ นั้นก็เช่นกัน…ข้าได้ยินว่าแผ่นดินทางตะวันออกจมสู่ห
ยี่สิบปีต่อมาครืน! ครืนนน!แผ่นดินไหวอีกแล้ว!ข้าลืมตาขึ้นอย่างฉับไวจากนั้นก็คว้าลูกคนที่ห้าขึ้นมาอุ้มเอาไว้อย่างว่องไวแม้ว่าในตอนนี้ตนเองจะท้องโตอยู่ก็ตามที ทว่ายามที่แผ่นดินไหวนั้นทุกสิ่งจะสั่นโคลงเคลงไปหมด จนข้าเป็นกังวลว่าโคมไฟที่ห้อยเพดานเอาไว้จะตกลงมากระแทกใส่เจ้าลูกชายเอาได้แม้ว่าเจ้าเด็กห้าขวบนี่จะเป็นลูกมังกร ทว่าแค่รอยถลอกซึ่งเกิดขึ้นจาง ๆ นั้น ก็กลับทำให้จิตใจของข้าปวดร้าวเกินจะทนแล้ว“ท่านแม่!” เสียงของเลย์อานาดังขึ้นเรียกข้าให้ลงมายังชั้นล่างซึ่งดูแล้วคงจะเละเทะไม่น้อย ได้ยินดังนั้นข้าจึงลงไปยังชั้นล่างพลางสังเกตดูว่ามีลูกคนใดบาดเจ็บบ้างในเวลานี้เลย์อานาอายุสี่สิบปีแล้ว นางโตและมีเค้าลางของมังกรสาววัยแรกรุ่นกลาย ๆ แล้ว กระทั่งทารีรีเองที่มีอายุครบสามสิบห้าปีนี้ก็เริ่มแตกวัยสาวตามรอยเช่นเดียวกันกับพี่คนโตของนางแต่ทาซีร์นั้นยังดูเด็กนัก ลูกชายคนนี้เหมือนเด็กหนุ่มมนุษย์ที่ยังไม่เติบโตเต็มวัยดี อาจเพราะไม่มีปีกทาซีร์จึงเหมือนข้าที่ขี้เกียจและเฉื่อยชา วันหนึ่งไม่เป็นอันทำสิ่งใด ผิดไปกับน้องสาวของตนอย่างแรนนี่ซึ่งที่อายุน้อยกว่าถึงสิบปีเชียวแรนนี่ในปีนี้อายุยี่สิบเอ็ดปีแล้
สิบห้าปีต่อมากลางฤดูใบไม้ร่วงนี้แปลกที่มีพายุฝนตั้งเค้ามาหลายอาทิตย์ เป็นเรื่องปกติของพายุฤดูใบไม้ร่วงที่คืบคลานมายังแดนเหนือเช่นเคย เพียงแต่พายุฝนในแดนเหนือนั้นไม่ได้ตกติดต่อกันเหมือนป่าเขตชื้นทางใต้ ส่วนใหญ่จะตกปรอย ๆ ไม่เป็นเวลาสลับกับห่าฝนที่สาดเทลงมาเป็นช่วง ๆ แทนอากาศในตอนนี้เองก็เริ่มจะหนาวเย็นขึ้นมาบ้างแล้ว พออากาศเย็นมาเจอกับฝนก็ยิ่งทั้งชื้นแฉะและเย็นเยือกเข้าไปใหญ่“เด็ก ๆ จะเป็นอย่างไรบ้างนะ” ข้าพึมพำจากนั้นก็นึกถึงบุตรสาวคนโตอย่างเลย์อานาที่บัดนี้มีอายุครบยี่สิบปีแล้วมีเลย์อานาอยู่คงจะไม่ต้องกังวลนัก อย่างไรนางก็สามารถดูแลน้อง ๆ ที่ยังไม่ประสาได้อย่างอยู่หมัด เป็นดังลูกคนแรกของครอบครัวที่ผ่านการขัดเกลามามากพอสมควร“ทารีรีกับทาซีร์คงจะเล่นก่อทรายกับเลย์อานากระมั้ง ส่วนแรนนี่คงหลับปุ๋ยไม่ตื่นทั้งวันได้” ทาแรนบอกข้าจากนั้นก็เดินนำหน้าข้าเข้าไปยังป่าที่ลึกมากขึ้น ป่าทางใต้ของแดนเหนือนั้นเป็นอาณาเขตที่มีชุมชนร่วมของมนุษย์ เอลฟ์ และคนแคระอาศัยอยู่ แต่ทว่าแปลกที่ป่าแห่งนี้พักหลังกลับมีสัตว์ป่าที่...ที่...แปลกประหลาดเกิดขึ้นมาพวกมันไม่ใช่สัตว์ที่มีรูปร่างพิการเพราะการสืบทอดสาย
ห้าปีต่อมาท้องโต ๆ ของข้ายื่นออกมาอย่างจากเสื้อตัวยาวอย่างชัดเจน แน่นอนว่าหากมองจากที่ไกล ๆ แล้วตัวข้านั้นก็ไม่ต่างอะไรกับพวกหมาแมวที่ตัวบวมและเดินโย้เย้ไม่มีผิดนักข้าร้องขอกับทาแรนว่าจะมีลูกกันหลังจากเลย์อานาอายุได้ห้าขวบพอดี ดังนั้นที่ผ่านแม้ว่าข้ากับเขาจะมีสัมพันธ์ทางกายระหว่างกันและกันทุกวี่วัน แต่ทาแรนนั่นไม่เคยหลั่งในข้าสักนิด พอเป็นเช่นนั้นที่หน้าท้องของข้าก็ไร้ความเคลื่อนไหวมาจนถึงห้าปีเต็มจนกระทั่งเวลานี้...ข้าก็ได้ตั้งครรภ์ครั้งที่สองแล้ว...หากนับ ๆ ดูนั้นมันก็ครบห้าขวบตามอายุของเลย์อานาเป๊ะ ๆ เลย!“ลม...” ข้าพึมพำเบา ๆ ก่อนจะยื่นฝ่ามือออกไปยังนอกหน้าต่าง และสัมผัสกับสายลมจากแดนใต้ที่มาเยี่ยมเยือนแดนเหนือเสียแล้วแน่นอนว่านี่คือสัญญาณของฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สัตว์น้อยใหญ่ค่อนข้างจะมีความสุขพอสมควร ข้างใต้แหล่งน้ำจะมีพืชพรรณเติบโตมากขึ้น สาหร่ายหนาชุมช่วยหล่อเลี้ยงพวกนากกระทั่งสัตว์น้ำบางชนิดได้วางไข่ กระทั่งพวกหอยชนิดต่าง ๆ ก็จะอร่อยมากขึ้นฤดูนี้ เพราะมันจะตัวอ้วนและอวบนุ่มชวนให้น้ำลายสอเชียวแต่อากาศร้อนอย่างไรก็ย่อมต้องระมัดระวังอยู่บ้าง พวกนกที่ทำรังบนยอดไม้หากต้
ลูกมังกรน้อยซุกซนและขี้สงสัยไม่ต่างจากลูกสัตว์ชนิดอื่น ๆ ตามที่ข้าสังเกตเห็น ลูกสาวของข้าเมื่อครบหนึ่งเดือนก็เดินสองขาเตาะแตะไปมาที่ลานบ้าน วิ่งเล่นกับกองหิมะอย่างสนุกสนานไม่น้อย แน่นอนว่าทาแรนปล่อยให้ลูกสาวเรียนรู้เรื่องเหล่านี้ด้วยตนเองเขาเฝ้ามองลูกอยู่ห่าง ๆ และคอยโฉบอีกฝ่ายกลับมาหากว่าเจ้าตัวน้อยเดินออกไปไกลเกินขอบเขตที่เขากำหนดเอาไว้“เจ้าเลี้ยงลูกเก่งจังเลยนะ” ข้าถามและรู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าจะเคยเลี้ยงมังกรน้อยหรือว่าเลี้ยงสัตว์มาก่อน“ข้าเคยเลี้ยงทารกมนุษย์อยู่บ้าง ลูกมนุษย์ของสหาย จากนั้นพอลูกของสหายมีลูก ข้าก็เลี้ยงดูลูกหลานของคนผู้นั้นไปเรื่อย ๆ อยู่หลายรุ่นเชียว” ทาแรนบอกข้าเพียงเท่านั้น แต่กระนั้นนัยน์ตาอีกฝ่ายกลับเศร้าสร้อยอยู่บ้างการสนิทกับมนุษย์นั้นมีข้อเสียใหญ่หลวงอยู่ข้อหนึ่งก็เท่านั้นเอง และข้อเสียนั้นก็คืออายุขัยของมนุษย์ที่สั้นนัก อายุมนุษย์มากสุดถึงจะสองร้อยกว่าปี ทว่ามนุษย์ส่วนมากก็มักจะก้าวไม่พ้นร้อยปีแรก พวกเขาโตไว้และตายไว เหมือนแมลงที่อายุขัยสั้นไม่กี่สิบสัปดาห์เท่านั้นซึ่ง...การสนิทกับพวกมนุษย์มากเกินไปก็จะไม่พ้นที่ใจต้องเศร้าตรมนัก ความตายสำหรับมนุษย์เป็นสิ