“แล้วเมื่อไรเพชรจะพร้อม หรือว่ายังจัดการปัญหาไม่ลงตัว” สายตานางจับจ้องไปที่บุตรชายจนอีกฝ่ายต้องเบือนหน้าหนี
คุณหญิงมุกดารู้ทุกเรื่องที่ต้องการอยากรู้ และสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการจะทำได้อย่างไม่สนใจสิ่งใด นางปรารถนาให้ลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝามีคนดูแล และผู้หญิงคนนั้นก็ควรเป็นคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะมาเป็นศรีสะใภ้ของตระกูล
ที่สำคัญนางอายุมากขึ้นทุกวัน ย่อมอยากจะได้เห็นหน้าหลานก่อนจะล้มหายตายจากไป ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คืออยากเป็นผู้ที่เลือกแม่ของหลาน หรือเมียของลูกด้วยตัวของตัวเอง
ไม่ใช่ให้พชรไปคว้าผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้าบ้าน หรือเลี้ยงเป็นเมียเก็บไว้ที่ไหนสักแห่ง และใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ยอมแต่งงาน
“งานที่บริษัทวุ่นวายยังไม่ลงตัว ถ้าแต่งงานไปตอนนี้ผมเกรงว่าจะทำงานได้ไม่เต็มที่ครับ” ชายหนุ่มตัดสินใจเอ่ยตรงไปตรงมา
“บริษัทเรามีคนเก่งๆ ตั้งมาก ตั้งแต่สมัยคุณพ่ออยู่ก็มีคนที่ไว้ใจได้ หรือถ้าเพชรคิดว่างานมันมากเกินไป แม่จะเข้าไปช่วยอีกแรงก็ได้ เพชรจะได้มีเวลาไปสร้างครอบครัวมีเมียมีลูกให้สมบูรณ์เสียที”
“ผมว่า อย่าเพิ่งพูดเรื่องแต่งงานเลยครับ ผมยังไม่อยากคิดตอนนี้ ผมอยากทำงานให้เต็มที่เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
“ถ้างั้นยังไม่แต่งก็ได้ แต่ถ้าแม่อยากจะให้เพชรหมั้นไว้ก่อนล่ะ” หญิงวัยกลางคนยอมถอย เพราะรู้ดีว่าถ้าขืนดึงดันจะเอาชนะคงมีแต่แพ้กับแพ้แน่
“จะให้หมั้นกับใครล่ะครับ ผมยังไม่เห็นจะมีใครที่รู้สึกอยากจะหมั้นด้วยเลยสักคน” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ใจนึกถึงใครบางคนที่ป่านนี้คงอยู่ที่คอนโดแล้ว
“เรื่องนี้แม่จัดการให้ รับรองว่าผู้หญิงคนนี้จะทำให้ลูกแม่มีความสุข อยู่ด้วยแล้วมีแต่เรื่องดีๆ สบายใจไม่ปวดหัว ที่สำคัญคุณสมบัติเหมาะสมกับลูกชายแม่ที่สุด”
“คุณแม่ครับ ผู้หญิงที่คุณแม่พูดไม่ได้หากันได้ง่ายๆ นะครับ ใครสักคนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่ใช่ว่าจะเจอทุกคนเสียเมื่อไร” เขาส่ายหน้าเล็กน้อย รู้สึกอยากจะกลับไปหาที่สบายใจส่วนตัวของตนเองแล้ว
“เพชร ฟังแม่นะลูก ชั่วคราวกับถาวรแค่ชื่อมันก็ต่างกันแล้ว คนที่เราจะใช้ชีวิตอยู่กันไปจนแก่เฒ่าหรือตายจากกัน มันควรเป็นอะไรที่ต้องเกื้อกูลช่วยเหลือซึ่งกันและกันทั้งทางใจและทางสังคม แม่ไม่รู้ว่าผู้หญิงของเพชรให้ความสุขกายสบายใจในแบบไหน แต่ผู้หญิงที่แม่เลือกให้รับรองว่าชาตินี้ลูกจะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว และเธอจะเป็นนางแก้วที่ประเสริฐเหมาะสมในการเป็นเมียและแม่ของลูกมากที่สุด”
“ครับ ผมเชื่อคุณแม่ แล้วผมจะรอดูว่านางแก้วของคุณแม่จะจุติลงมาจากฟ้าตอนไหน หวังว่าจะเป็นนางแก้วที่ไม่ต้องให้ผมตามง้องอนเอาใจ หรือหาของดีๆ แพงๆ ไปประเคนเพื่อประดับบารมีนางแก้วนะครับ”
“ย่ะ รับรองว่าฉันจะหานางแก้วคนนั้นมาให้ได้ คอยดูเถอะ”
เสียงเปิดประตูทำให้ลักษณ์นันท์วางหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ แล้วหันไปมองหาต้นเสียงทันที พชรก้าวเข้ามาด้วยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเขา
วันนี้ชายหนุ่มมีนัดไปกินอาหารเย็นกับมารดา ทีแรกหญิงสาวคิดว่าเขาจะกลับไปนอนบ้านเสียด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจะกลับมาที่คอนโดอีก
“ทำไมกลับเร็วจังคะ ลักษณ์คิดว่าคุณเพชรจะกลับไปนอนบ้านเสียอีก” หญิงสาวถามด้วยรอยยิ้ม เอื้อมมือไปรับเสื้อสูทจากมือชายหนุ่ม
“ก็กินข้าวเสร็จต่างก็แยกย้าย ปล่อยให้คุณแม่ไปตามหานางแก้วในฝันต่อไป ส่วนฉันกลับมาหาเธอดีกว่า” พชรรวบเอวสวยได้รูปเข้ามาใกล้ แล้วก้มลงหอมแก้มสาวให้ชื่นใจ
“กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนไหมคะ” ลักษณ์นันท์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ก็ดีเหมือนกัน” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ลักษณ์นันท์รีบไปจัดการความเรียบร้อยในห้องน้ำ ในขณะที่พชรเดินตามไปอย่างสบายใจ
น้ำในอ่างใกล้เต็มแล้วและเชื่อว่ามันคงอุ่นได้ที่ ลักษณ์นันท์เตรียมทุกอย่างพร้อม เหลือแค่รอให้พชรก้าวลงไปเท่านั้น หญิงสาวหันมาจัดการกับเสื้อผ้าของชายหนุ่มทีละชิ้นจนเขาพร้อมที่จะอาบน้ำแล้ว
“ฉันจัดการต่อเอง ออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวตามไป” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำ ลักษณ์นันท์เก็บเสื้อผ้าที่ถอดออกแล้วเดินออกไปอย่างรู้หน้าที่
เสียงจากในครัวทำให้พชรเดินออกมาดู ลักษณ์นันท์กำลังเก็บล้างอะไรอยู่ที่อ่างล้างจาน ที่แท้เธอออกมาอุ่นนมให้เขาและกำลังจะเอาเข้าไปให้
“คุณเพชรอาบน้ำเสร็จแล้วเหรอคะ เดี๋ยวลักษณ์...”
“ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว นี่ออกมาทำอะไรอีก” เขาเห็นแก้วนมวางในถาด“ลักษณ์ตั้งใจออกมาอุ่นนมให้คุณค่ะ”“พอได้แล้ว ไปนอนดีกว่า นานๆ ฉันจะกลับบ้านแต่วันนะ” ว่าแล้วเขาก็จับมือเธอเดินเข้าไปในห้องนอนร่างเล็กล้มตัวลงนอนพร้อมกับอีกคนที่ล้มลงเคียงข้าง ลักษณ์นันท์สัมผัสได้ถึงแรงกอดที่พชรรั้งตัวเธอเข้าไปในอ้อมแขน ลมหายใจอุ่นๆ รดลงที่ข้างใบหูและเรื่อยลงมาที่แก้มสาว ความอบอุ่นจากสัมผัสที่แสนคุ้นเคยซึ่งเขามอบให้เสมอ“นอนเถอะ ทีหลังไม่ต้องทำอะไรให้ฉันขนาดนี้ ดูแลตัวเองบ้างนะ รู้ไหม” เสียงกระซิบที่อ่อนโยนและห่วงใยคือยาใจให้กับคนฟัง“ที่ลักษณ์ทำ ยังไม่เท่าที่คุณเพชรทำให้นะคะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างเจียมตัว“แค่ทำให้ฉันสบายใจ ไม่ทำอะไรวุ่นวายหรือทำให้ปวดหัวก็พอแล้ว”ลักษณ์นันท์ขยับตัวเข้านอนหนุนแขนตามแรงรั้งของชายหนุ่ม ตอนนี้พชรกอดเธอไว้หลวมๆ แล้วก้มลงมาหอมหน้าผากอย่างสบายใจ“เธออยู่แบบนี้มีความสุขไหม” จู่ๆ เขาก็ถามพชรกำลังคิดถึงเรื่องที่คุยกับมารดาเมื่อตอนหัวค่ำ แล้วก็อดคิดถึงคนในอ้อมกอดไม่ได้ หากเขาตกลงแต่งงานกับผู้หญิงที่แม่เลือกให้จริงๆ แล้วลักษณ์นันท์จะอยู่อย่างไรต่อชายหนุ่มยอมรับว่า ‘ขาด’ แม่สาวน้อยใน
“คุณแม่ครับ ผม เอ่อ”น้ำเสียงคนที่พูดอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเห็นสายตาคาดคั้นรอฟังคำตอบอย่างจะกินเลือดกินเนื้อของคนที่นั่งตรงข้ามด้วยแล้ว รวิชรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ อย่างไรบอกไม่ถูกคำพูดที่กำลังจะออกจากปากมีผลกับบริษัททัวร์เล็กๆ ที่เพิ่งฟื้นจากพิษสถานการณ์โรคระบาดร้ายแรงของโลกเมื่อไม่นานมานี้เขาต้องคิด คิด แล้วก็คิดให้หนักๆ ก่อนจะตอบอะไรออกมาเพราะนั่นคือสิ่งที่บอกว่าบริษัทจะอยู่หรือไป“ว่าไง ตกลงจะทำหรือไม่ทำ” คุณหญิงมุกดาถามเสียงเข้ม สายตาจับจ้องมองชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้าอย่างเอาเรื่องนางเรียกรวิชมาพบในวันนี้ก็เพราะมีเรื่องสำคัญให้ช่วย หลังจากที่รอคำตอบจากลูกชายตัวดีมาร่วมเดือน ไม่มีทีท่าว่าพชรจะให้คำตอบที่พอใจได้ และนางก็รู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ไม่มีคำตอบนั้นแต่มันก็ไม่ยากสำหรับคนอย่างคุณหญิงมุกดาที่อยากจะได้อะไร แล้วไม่มีคำว่า ไม่ได้!“ว่าไง จะคิดอีกนานไหม” หญิงวัยกลางคนย้ำ“คุณแม่ครับ เรื่องนี้ผมไม่อยากยุ่ง ให้ผมทำอย่างอื่นดีกว่า” รวิชแอบถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับเตรียมรับสภาพว่าจะได้คำตำหนิใดๆ กลับมา“ได้ ถ้าเธอไม่ทำงั้นฉันจ้างคนมาจัดการเอง กลับไปได้แล้ว”ผิดคาด ! ไม่มีคำต่อว่าใดๆ
ลมเย็นที่พัดโชยมาเป็นระยะไม่ทำให้หัวใจของลักษณ์นันท์สงบลงได้ รวิชนัดเธอมาพบที่สวนสาธารณะใกล้คอนโดหลังเลิกงาน เมื่อได้ฟังสิ่งที่ชายหนุ่มพูดจบ สีหน้าของหญิงสาวก็หมองหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด “พี่ขอโทษ ถ้าทำให้น้องลักษณ์ไม่สบายใจ” รวิชถอนหายใจออกมาดังๆ ด้วยความกลัดกลุ้ม เขาเองก็ไม่ได้อยากมามีส่วนในเรื่องนี้ด้วยหรอก แต่เพราะคำว่าบุญคุณที่ค้ำคออยู่ต่างหากที่ทำให้รวิชต้องขันอาสามาเป็นผู้เจรจาในเรื่องนี้เสียเอง ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าสิ่งที่คุณหญิงมุกดาต้องการไม่มีวันเป็นไปได้แน่ รวิชรู้ใจเพื่อนรักอย่างพชรดีว่าไม่มีวันปล่อยลักษณ์นันท์ไปไหนแน่ เขาไม่รู้หรอกว่าที่มาที่ไปของความสัมพันธ์นี้เกิดจากอะไร แต่ที่มองเห็นและรู้แน่ชัดก็คือ ลักษณ์นันท์เป็นผู้หญิงคนเดียวและคนแรกที่พชรให้อยู่ข้างกายแม้ว่าจะไม่ต้องการให้ใครรู้ก็ตาม และเชื่อว่าลักษณ์นันท์เองก็ทำใจยากที่จะตัดใจจากเพื่อนรักเช่นกัน “อย่าพูดแบบนั้นซิคะ ลักษณ์ต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่รวิชที่เอาเรื่องนี้มาบอก” ลักษณ์นันท์ฝืนยิ้มเล็กน้อย “แล้วจะทำอย่างไรต่อไป พี่ว่าคุณหญิงมุกดาไม่ปล่อยเรื่องนี้แน่ แล้วนายเพช
“เข้าใจแล้วทำไมไม่หยิบเช็คไป หรือว่ายังไม่พอต้องการอะไรอีกว่ามาเลย ฉันให้ได้ทุกอย่างขอแค่เธอออกไปจากชีวิตตาเพชร” “ลักษณ์ไม่ต้องการอะไรแล้วค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตามจริง “ลักษณ์ขอแค่เวลาได้บอกคุณเพชรเองได้ไหมคะ” “เธอจะเรียกร้องอะไรจากลูกชายฉันอีก ฉันต้องการให้เธอไปให้เร็วที่สุด เดี๋ยวนี้ได้ยิ่งดี แล้วถ้าเธอยังดื้อดึงหรือบอกตาเพชรให้มามีปัญหากับฉันล่ะก็ ฉันบอกเลยนะว่าเธอคิดผิด” “ลักษณ์ไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นค่ะ เพียงแต่อยากขอบคุณและบอกลาคุณเพชรแค่นั้น” “ไม่เห็นจำเป็น” หญิงวัยกลางคนยักไหล่เบาๆ “เรื่องของเธอกับตาเพชรก็แค่เรื่องอย่างว่า ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีความผูกพันอะไรเลยสักนิด หรือว่าเธอมีปัญหาอะไร” สายตาคมจ้องมองราวกับจะค้นหา “ลักษณ์แค่อยากลาคุณเพชรเท่านั้นค่ะ” หญิงสาวยืนยันคำเดิม “ถ้างั้นฉันจะบอกให้ เธอรับเช็คนี้แล้วรีบไปเก็บของซะ หวังว่าพรุ่งนี้ฉันจะไม่เห็นเธอที่คอนโดลูกชายฉันอีกนะ ถ้าไม่อยากนั้นล่ะก็ อย่าหาว่าฉันใจร้าย” พูดจบคุณหญิงมุกดาก็ลุกขึ้นก้าวเดินออกไป แต่แล้วนางก็หยุดชะงักเหมือนคิดอะไรออกหันมาพูดกับหญิงสาวต
“ลักษณ์คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วค่ะ ลักษณ์จะไปจากคุณเพชรเอง” “แล้วไอ้เพชรจะยอมง่ายๆ เหรอ” “ลักษณ์คงต้องหาวิธี แต่ลักษณ์ไม่อยากให้คุณเพชรกับคุณหญิงมีปัญหากัน” “เอาล่ะ จะทำอะไรก็ตัดสินใจทำซะ พี่ว่าคุณหญิงคงไม่อยู่เฉยแน่ พี่ไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายมากไปกว่านี้ เพราะคนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือลักษณ์นะ” “ขอบคุณค่ะพี่รวิช ลักษณ์จะรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยค่ะ” ลักษณ์นันท์รับคำหนักแน่น คงถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้วว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดี ตั้งแต่ที่ถูกกระชากกระเป๋า พชรก็ไม่ยอมปล่อยให้ลักษณ์นันท์ห่างสายตาเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวยังหาโอกาสพูดเรื่องที่ตัดสินใจไม่ได้เช่นกัน เพราะทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข จนเธอไม่อาจทำลายบรรยากาศดีๆ นั้นได้ “พรุ่งนี้ฉันมีประชุมที่หัวหิน ไปด้วยกันนะ” พชรเอ่ยระหว่างที่ทั้งสองนั่งรับประทานอาหารด้วยกันในร้านอาหาร “คุณเพชรไปหัวหินกี่วันคะ ลักษณ์จะได้จัดกระเป๋าให้” “แค่ศุกร์เสาร์น่ะ แต่เรากลับวันอาทิตย์เย็นๆ ดีกว่า ไปเที่ยวกันสักวันดีไหม” “ได้ค่ะ” หญิงสาวร
“ค่ะ” ลักษณ์นันท์รับคำเสียงแผ่วเบาแล้วหันหลังจะเดินเข้าห้อง แต่แล้วจู่ๆ พชรก็เข้ามาคว้าตัวเธอไปสวมกอด “ฉันจะไม่ยอมให้คุณแม่ทำอะไรเธออีก” เขากระซิบที่ข้างหูกระชับตัวเธอเข้าหาแน่นขึ้นอีก “ลักษณ์ไม่เป็นไรค่ะ” เธอไม่อยากให้เขาเป็นกังวลจึงรีบบอก “เธอรู้ใช่ไหมว่าเรื่องวันก่อนเป็นฝีมือคุณแม่ แล้วทำไมไม่บอกฉัน” ชายหนุ่มค่อยๆ จับคนในอ้อมกอดให้หันหน้ามาหา “ลักษณ์ไม่อยากให้คุณเพชรมีปัญหา แล้วอีกอย่าง... “อีกอย่างอะไร” เขาเชยคางสวยได้รูปขึ้นสบตาคู่ที่หลบลงไม่มองหน้า “อย่าบอกนะว่าคิดจะแก้ปัญหาเรื่องนี้เอง ถ้าทำแบบนั้นไม่มีทางชนะคุณแม่ได้ แล้วในที่สุดเธอก็จะต้องไปจากฉัน” พชรพูดไม่ผิดหรอก เพราะจนบัดนี้ลักษณ์นันท์ยังหาทางออกเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ ทางเดียวที่คิดได้แต่ไม่กล้าทำก็คือ การเดินออกจากชีวิตของชายคนนี้ตามความต้องการของคุณหญิงมุกดาทว่า ความกลัวและความอาลัยในความผูกพันที่มีมานาน เป็นเหมือนโซ่ตรวนให้เธอไปไหนไม่ได้ แค่คิดว่าจะไปก็เจ็บปวดหัวใจเหลือเกินแล้ว “หรือว่าเธออยากไปจากฉันจริงๆ” พชรกระซิบถาม ปลายนิ้วไล้เบาๆ ที่ข้
“แล้วนี่ตกลงคิดได้หรือยังว่าจะทำอะไร เย็นนี้เจ้าเพชรมันต้องถามอีกแน่” “ก็โรคระบาดแบบนี้ ลักษณ์ไม่อยากลงทุนอะไรเลยค่ะ มันเสี่ยงเกินไป” ลักษณ์นันท์พูดตามตรง “ก็คิดๆ ไว้ แล้วถ้ามีโอกาสก็เริ่มต้นทำซะ New Normal ไปเลย ไหนๆ ก็ทำแล้ว”รวิชเสนอไอเดียดีๆ อีกหลายอย่าง ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น แค่เห็นเบอร์ที่ติดต่อเข้ามาชายหนุ่มก็แทบจะหมดอารมณ์ ขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ด้านนอกทันที “ครับ คุณหญิง”รวิชตั้งสติขานรับทันทีที่กดรับสาย และเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรโต้แย้งกลับไปได้เลย เพราะคุณหญิงมุกดาบัญชาการมาตามสายโทรศัพท์ด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว ก่อนจะปิดท้ายสั้นๆ ว่า “คืนนี้ทุกอย่างต้องเรียบร้อย”รวิชไม่มีโอกาสได้รับคำหรือปฏิเสธแม้แต่คำเดียว คุณหญิงมุกดาก็วางสายไปทันที
ห้าปีผ่านไป รวิชจอดรถไว้ที่ประจำตรงริมถนน แล้วเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อรับตัวเด็กหญิงลงมาจากรถ จากนั้นทั้งสองก็เดินจูงมือกันเตรียมข้ามถนนเพื่อจะไปยังตึกแถวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อบ่ายฝนตกหนักจนตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ชายหนุ่มจึงอาสามารดาของเด็กน้อยขอเป็นผู้ไปรับเจ้าตัวที่โรงเรียนเอง “หิวไหมคะ กานพลู” รวิชก้มลงถามเด็กหญิงผมเปียที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้ม “หิวค่ะ ลุงวิช ไม่รู้ว่าแม่ลักษณ์มีอะไรให้กานพลูกินบ้าง” เด็กหญิงตัวน้อยตอบเสียงใส รวิชยิ้มหันมองถนนให้แน่ใจก่อนจะพาเด็กหญิงกานพลูข้ามถนน สองลุงหลานมาหยุดรอรถที่เกาะกลางถนน กานพลูชวนลุงรวิชของเธอคุยเจื้อยแจ้วตามปกติ วันนี้เด็กหญิงเล่าเรื่องวิชาศิลปะให้ฟังทั้งคู่พูดคุยกันสนุกสนานจากนั้นชายหนุ่มก็มองถนนซ้ายขวาอีกรอบแล้วจึงจูงมือหลานสาวเดินต่อ แต่อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงฟุตบาท เสียงล้อรถบดถนนดังลั่นใกล้ตัวจนเขาต้องหันไปมอง “กานพลู” รวิชรีบอุ้มเด็กหญิงขึ้นทันที โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร และรถคันดังกล่าวก็หยุดทันก่อนจะถึงสองลุงหลานฉิวเฉียด แต่กระนั้นสีหน้ารวิชก็มีความไม่พอใจอย่าง
เพียงแต่...“ลักษณ์ เอ่อ” ลักษณ์นันท์ก้มหน้าไม่รู้จะพูดอย่างไรดี“ทำไมถึงไม่ตกลง ไม่มั่นใจฉันหรือไม่อยากอยู่กับฉันกันแน่” พชรเองก็เริ่มน้อยใจแล้วเหมือนกันลักษณ์นันท์ที่เขาเคยรู้จักไม่เป็นแบบนี้ หรือว่าช่วงเวลาห้าปีที่หายไป หากไม่มีกานพูลเป็นโซ่ทองคล้องใจ พชรอาจจะเสียเธอไปตลอดกาลก็ได้ เพียงแค่คิดถึงตรงนี้เขาก็อึดอัดหายใจไม่ออกแล้ว“คิดว่าฉันอยากแต่งงานเพราะลูกงั้นเหรอ” พชรถามตรงไปตรงมา ลักษณ์นันท์ไม่ตอบ การไม่ตอบของเธอทำให้เขาเอ่ยต่อไปว่า“กานพูลคือของขวัญที่ดีที่สุดในความสัมพันธ์ของเรา ฉันดีใจ เต็มใจ มีความสุขและอยากจะเฝ้ามองดูกานพูลเติบโตไปพร้อมๆ กับเธอนะ ลักษณ์นันท์” ชายหนุ่มเอื้อมมือมากุมมือไว้“ลักษณ์รู้ค่ะ รู้ว่าคุณรักกานพูลมากแค่ไหน และลักษณ์ก็ขอบคุณที่คุณเพชรไม่เคยปล่อยมือเราสองคนแม่ลูกเลย เพียงแต่”“เพียงแต่อะไร” เขารีบถามซ้ำ“ลักษณ์อยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ลักษณ์แข็งแรงและดูแลตัวเองได้ วันข้างหน้าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ลักษณ์จะดูแลลูกของเราได้เป็นอย่างดี”พชรพูดไม่ออกเพราะเข้าใจความคิดและความรู้สึกของหญิงสาว ในขณะที่ลักษณ์นันท์ก็ไม่รู้จะพูดคำไหนจากใจได้อีก เธออยากเป็นทั้งแม่ที
นี่เป็นครั้งแรกที่พชรรู้สึกประหม่าที่สุดในชีวิต เพราะเขาได้ตัดสินใจทำเรื่องใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ นั่นคือการขอลักษณ์นันท์แต่งงาน ฟังดูมันเหมือนง่าย แต่เอาเข้าจริงกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหลังกลับมาจากต่างประเทศเขาก็ตัดสินใจคุยกับคุณหญิงมุกดาตรงไปตรงมา เรื่องจัดการสองแม่ลูกให้ถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี แต่ความมั่นใจที่คิดว่าทุกอย่างง่ายทลายลงเหลือศูนย์เมื่อมารดาเอ่ยว่า‘ฉันไม่ขัดเรื่องที่แกคิดจะทำเลย แต่แกเคยถามเจ้าตัวเขาไหมว่าอยากแต่งงานกับแกหรือเปล่า’‘ทำไมคุณแม่พูดแบบนั้นล่ะครับ ผมกับลักษณ์เป็นผัวเมียกัน มีลูกด้วยกัน แน่นอนว่าเราย่อมอยากแต่งงานกันอยู่แล้ว’‘เป็นแม่ของลูกก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเป็นเมียแกไปตลอดชีวิตนี่’ หญิงวัยกลางคนย้อน‘คุณแม่ บังคับหรือมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีกหรือเปล่าครับ’ คนฟังชักใจคอไม่ดี‘คนอย่างฉันตรงไปตรงมา ไม่ต้องหลบซ่อน ไม่ต้องมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรทั้งนั้น ถ้าแกอยากแต่งก็ทำให้ถูกต้อง ส่วนคนถูกขอจะแต่งหรือไม่แต่ง เรื่องนี้ฉันไม่รับรู้กับแกด้วยนะ’พชรคิดวนไปมาหลายวัน ยิ่งคิดความมั่นใจก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ จริงอย่างที่มารดาพูด เขาไม่เคยถามลักษณ์นันท์
“ลักษณ์ทราบค่ะ แต่ลักษณ์ไม่อยากรบกวนให้ใครต้องดูแลเราแม่ลูก” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วเอ่ยต่อว่า“พอคุณหญิงหายดีแล้ว ลักษณ์กับลูกก็จะไปค่ะ ส่วนคุณเพชรอาจจะอยากเจอลูกบ้าง ลักษณ์ขอความกรุณาให้พ่อลูกได้พบกันบ้างจะได้ไหมคะ เรื่องลักษณ์กับคุณเพชรจะไม่มีอะไรต่อไปแน่นอนค่ะ”ลักษณ์นันท์รู้ดีว่าคุณหญิงมุกดาคงไม่ยอมรับตนแน่ และเธอก็ไม่อยากเป็นสาเหตุให้ใครต้องผิดใจกัน แค่กานพูลเป็นที่ยอมรับ ได้รู้จัก ได้รับความรักจากพ่อและย่า แค่นี้ก็เกินสิ่งที่คาดฝันไว้แล้วสำหรับเธอและพชร เรื่องราวระหว่างซินเดอร์เรลล่ากับเจ้าชายไม่มีอยู่ในชีวิตจริง เธอกับเขาจะยังคงสถานะคำว่าพ่อและแม่ของกานพูลตลอดไป“นี่เธอคงมองว่าฉันเป็นย่าใจร้าย แม่ผัวจุ้นจ้านซินะ” น้ำเสียงหญิงวัยกลางคนประชดในที“ฉันก็ไม่ได้หัวโบราณที่จะรับสิ่งที่ลูกตัวเองต้องการไม่ได้ และฉันก็ไม่ได้อยากให้เธอทิ้งความฝันเพื่อมาเป็นแม่เป็นเมียอย่างเดียว เธอควรคิดทำอะไรเพื่อเป็นความสุขของตัวเองบ้าง”“คุณหญิง” ลักษณ์นันท์ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้“เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ไม่ได้เป็นคนผิดฝ่ายเดียว ไอ้ลูกไม่มีหัวคิดของฉันมันก็มีส่วนผิดด้วย ในเมื่อเลือกเส้นทา
คุณหญิงมุกดาไม่หลับแต่นอนมองหลานสาวที่กำลังเล่นกับมารดาอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มและเสียงหัวเราในวันนี้ ช่างต่างจากหลายวันที่ผ่านมาเหลือเกิน แม้นางจะดูแลมอบความรักเอาใจใส่แต่กานพูลก็มักจะถามถึงทั้งพ่อและแม่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับลักษณ์นันท์ด้วยแล้ว นางได้รู้ความเป็นไปจากปากของเด็กหญิงไม่น้อย“เงียบทำไม เล่นต่อซิ” คุณหญิงเอ่ยเมื่อเห็นลักษณ์นันท์ทำท่าให้บุตรสาวเบาเสียงหัวเราะลง“คุณหญิงต้องพักผ่อนมากๆ ลักษณ์พากานพูลไปข้างนอกดีไหมคะ” ลักษณ์นันท์อุ้มบุตรสาวเดินเข้ามาหาข้างเตียง“ฉันบอกเหรอว่าจะง่วง ถ้าเธอไม่เล่นกับกานพูล มาลูก มาเล่นกับย่าแทน” ว่าแล้วนางก็ทำท่าจะลุกขึ้น“อย่าค่ะ เดี๋ยวลักษณ์ดูกานพูลเอง คุณหญิงนอนเถอะค่ะ กานพูล เบาๆ เสียงหน่อยนะคะ ให้คุณย่าได้พักผ่อน” หญิงสาวหันมากำชับบุตรสาวอีกครั้ง จังหวะนั้นอาหารเย็นจากโรงพยาบาลก็มาพอดี“กินข้าวเลยไหมคะ” ลักษณ์นันท์ปล่อยบุตรสาวให้นั่งเล่นลำพัง แล้วเข้ามาดูแลคุณหญิงที่กำลังจะต้องกินข้าวกินยาตามเวลา“นี่ฉันป่วยจนกินอะไรไม่ได้เหรอเนี่ย” หญิงวัยกลางคนเห็นอาหารโรงพยาบาลแล้วถึงกับส่ายหน้า“คุณหญิงอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวลักษณ์จัดการให้” หญิงสาวเห็นกับข้
โชคดีที่คุณหญิงมุกดาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก มีเพียงแค่อาการบอบช้ำตามเนื้อตัวที่เกิดจากการล้ม และโรคความดันโลหิตสูงที่กำเริบขึ้นมาทำให้เกิดอาการวูบกระทันหันดีที่รวิชมารับกรรณิการ์กลับบ้าน จึงอุ้มคุณหญิงมุกดาส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว พชรและลักษณ์นันท์ที่รู้ข่าวรีบตามมาทันที“กานพูล” ลักษณ์นันท์เห็นหน้าลูกก็โผเข้ากอดพชรห่วงมารดาก็ห่วง คิดถึงลูกก็คิดถึงจึงได้แต่กอดกันสามคนพ่อแม่ลูกให้หายโหยหา แล้วรีบเข้าไปดูคุณหญิงมุกดาที่นอนอยู่บนเตียงทันที“คุณแม่” พชรจับมือมารดามากุมไว้ เขาเห็นสีหน้าอิดโรยก็รู้ว่าท่าทางของนางเหนื่อยมาก“คุณแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมความดันถึงขึ้นได้ล่ะครับ”โรคประจำตัวของคุณหญิงมุกดาได้รับการดูแลจากแพทย์ประจำตัวเป็นอย่างดี อีกทั้งนางเองก็ดูแลสุขภาพตัวเองเช่นกัน แต่จู่ๆ อาการเกิดกำเริบขึ้นมา ทำให้พชรอดคิดไม่ได้ว่าตนเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้หรือเปล่า“ผมขอโทษครับ ถ้าทำอะไรให้คุณแม่ไม่สบายใจ” ชายหนุ่มก้มลงกราบที่กลางอกของมารดาลักษณ์นันท์ที่กอดเด็กหญิงกานพูลแนบอกเดินเข้ามายืนเคียงข้าง ทั้งสองสบตากันจากนั้นพชรก็อุ้มหนูน้อยไว้แทน หญิงสาวพนมมือไหว้ด้วยความนอบน้อมก้มลงกรา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมากรรณิการ์มาพบคุณหญิงมุกดาเพื่อนำของหมั้นมาคืน พร้อมกับรับอาสาพชรและลักษณ์นันท์มาช่วยดูด้วยว่ากานพูลเป็นอย่างไรบ้าง“ป้าต้องขอโทษด้วยที่เจ้าเพชรทำตัวแบบนี้” คุณหญิงมุกดาเอ่ยคำแรก“แต่ป้าก็ยังอยากให้เราสองครอบครัวได้เกี่ยวดองกันจริงๆ นะ”“คุณป้าอย่าโทษตัวเองหรือใครเลยค่ะ เรื่องแบบนี้บังคับใจกันไม่ได้ ที่สำคัญรักใครแล้วได้อยู่กับคนที่รัก ถือเป็นความสุขที่แท้จริงของคนเรานะคะ ณิการ์กับพี่เพชรเหมาะเป็นพี่น้องกันมากกว่า” กรรณิการ์เอ่ยจากใจจริง“ความรักงั้นเหรอ” หญิงวัยกลางคนส่ายหน้าแล้วเอ่ยต่อว่า“ความรักอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ ผัวเมียคู่ชีวิตต้องสนับสนุนค้ำคูนให้ต่างฝ่ายต่างเจริญเติบโตซึ่งกันและกัน หากวันหนึ่งวันใดเกิดอะไรขึ้นอีกคนก็ต้องพร้อมจะก้าวมาพยุงครอบครัวให้ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้ แต่ดูนี่ซิ ตาเพชรทำอะไรตามใจตัวเอง คิดแต่สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่คิดถึงอนาคตเลยแม้แต่น้อย”“บางที เรื่องของอนาคตก็ต้องรอดูในเวลานั้นไหมคะ แต่เรื่องของปัจจุบันคือสิ่งที่เราจะพาตัวเองไปสู่อนาคตไม่ใช่เหรอคะ คุณป้า” กรรณิการ์สบตาคนตรงหน้าแล้วพูดจากใจว่า“คุณป้าห่วงและรักพี่เพชร อยากให้
รวิชเล่าเรื่องราวหลังคืนนั้นให้เขาฟังโดยละเอียด ทำให้รู้ว่าทั้งสองมีเงื่อนไขที่ตกลงกับคุณหญิงมุกดาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ลักษณ์นันท์ก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองตั้งท้องแต่ตั้งใจจะไม่บอก รวิชจึงต้องรับหน้าที่ดูแลสองแม่ลูกจนทุกอย่างกระจ่างพชรไม่ถามเหตุผลมารดาว่าทำไมจึงทำเช่นนี้ เขารู้นิสัยคุณหญิงมุกดาดีว่าเป็นเช่นไร คำว่ารักษาหน้าตาและชื่อเสียงของตระกูลมาที่หนึ่ง จึงไม่แปลกเมื่อเรื่องลักษณ์นันท์กับรวิชซาลง คุณหญิงมุกดาจึงรีบจัดแจงให้เกิดการหมั้นระหว่างเขากับกรรณิการ์โดยเร็วที่สุด“เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว คุณแม่คงไม่ถามว่ากานพูลเป็นลูกใครนะครับ” พชรเอ่ยตรงไปตรงมา“แกคิดว่าฉันโง่หรือไง เจ้าเพชร” คุณหญิงมุกดาย้อนถามเสียงแข็งเด็กหญิงกานพูลจะเป็นลูกใครได้ ในเมื่อถอนเค้าโครงเกือบทั้งหมดของพชรออกมาขนาดนั้น นางไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล และไม่ทำอะไรที่เป็นเรื่องไร้สาระเช่นนั้นด้วย“ผมรู้ว่าคุณแม่กำลังหลงหลาน” พชรพูดด้วยรอยยิ้มอย่าว่าแต่คุณหญิงมุกดาหลงรักเด็กหญิงตัวน้อยเลย เขาเองทุกลมหายใจเข้าออกก็คิดถึงแต่ลูกสาวคนนี้ตลอดเวลา“ถ้าไง เรารับทุกคนเข้ามาอยู่ที่นี่ ทำอะไรให้ถูกต้องทั้งตามธรรมเนียมและตามกฎหมายดีไหมครับ”
ลักษณ์นันท์ใจหล่นไปถึงตาตุ่มเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกานพูล พชรรีบกดโทรศัพท์ไปหาคุณหญิงมุกดาแต่อีกฝ่ายไม่รับสาย เขาคว้ากุญแจรถแล้วพาลักษณ์นันท์ที่น้ำตาคลอลงลิฟต์ไปที่ลานจอดเพื่อกลับบ้านทันทีเมื่อสองสามีภรรยามาถึงห้องก็พบว่ากานพูลไม่อยู่ พี่เลี้ยงที่ดูแลบอกเพียงว่าเด็กหญิงไปกับคุณหญิงมุกดา และถ่ายทอดข้อความที่อีกฝ่ายฝากไว้ว่า‘กลับบ้าน’ทีแรกพชรคิดว่าจะโทรศัพท์เพื่อหยั่งเชิงมารดา แต่เมื่อคุณหญิงมุกดาไม่ยอมรับสาย ทำให้เขาตัดสินใจเผชิญหน้าทุกสิ่งเพื่อให้ได้ลูกคืน“ลูกไม่เป็นไรแน่ลักษณ์ คุณแม่ไม่ทำร้ายกานพูลหรอก” เขาปลอบใจคนนั่งข้างๆพชรมั่นใจว่ามารดาไม่ใจไม้ไส้ระกำทำร้ายหลานตัวเองแน่ แต่คงใช้วิธีนี้บีบบังคับให้เขากลับบ้านเป็นแน่ สงสารก็แต่ลักษณ์นันท์ที่คงเป็นห่วงกานพูล และกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับมารดาอีกครั้ง“ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่ ทุกอย่างต้องดี” พชรกุมมือของหญิงสาวไว้ ลักษณ์นันท์เชื่อเช่นนั้นและหวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายในที่สุดเด็กหญิงตรงหน้าละม้ายคล้ายพ่อตัวดีที่ทำเรื่องให้ปวดหัวหลายส่วน อีกทั้งท่าทีไร้เดียงสาที่น่าเอ็นดูทำให้คุณหญิงมุกดาหลงรักในพริบตา กานพูลกินขนมและเล่นของเล่นที
“แล้วคุณอารู้เรื่องนี้หรือยัง” พชรเอ่ยถาม“ณิการ์บอกคุณพ่อก่อนมาแล้วค่ะ” หญิงสาวบอกตามตรง“คุณพ่อก็ตกใจ แต่ก็บอกว่ายินดีกับพี่เพชร คุณลักษณ์และก็น้องกานพูลด้วย คุณพ่อกระซิบว่าเอาใจช่วยให้ผ่านด่านคุณป้าได้ค่ะ”“เออ อันนี้แหล่ะเรื่องใหญ่” รวิชพยักหน้าเห็นด้วยใช่ นี่แหล่ะเรื่องใหญ่ของจริง พชรก็กำลังคิดหาวิธีรับมือกับเรื่องนี้เหมือนกัน“เพราะงั้นหาทางออกเรื่องคุณป้าดีกว่าค่ะ เรื่องณิการ์จิ๊บๆ มาก คุณลักษณ์ยิ้มหน่อย ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ” กรรณิการ์เอื้อมมือมากุมมือหญิงสาวไว้“ลักษณ์ขอโทษนะคะ แล้วก็ขอบคุณคุณณิการ์มากที่เข้าใจทุกอย่าง” ลักษณ์นันท์เอ่ยเสียงเครือ“ไม่ร้องค่ะ เลิกร้องได้แล้ว ของแบบนี้มันเป็นเรื่องของพรหมลิขิต ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ณิการ์อยู่ข้างคุณลักษณ์ค่ะ เห็นคนเขารักกันมีความสุข เผื่อว่าฟ้าจะเมตตาให้ณิการ์เจอคนดีๆ ที่รักณิการ์จริงๆ ก็ได้นะคะ สาธุ” กรรณิการ์หัวเราะเบาๆ ทำให้บรรยากาศที่อึมครึมคลายลงรวิชยกแก้วกาแฟขึ้นชูพร้อมส่งสายตาชื่นชมให้คนพูด เจ้าของเรื่องจึงหยิบแก้วกาแฟขึ้นชูรับแล้วจิบอย่างมีความสุข“ต่อไปถ้าใครจะเข้ามาหาณิการ์ต้องผ่านด่านพี่ก่อน พี่จะเป็นพี่ชายที่คอยส