“ผมบอกว่าไม่ก็ไม่ไง เลิกเซ้าซี้ได้แล้ว เชิญออกไป ผมจะกินข้าว” เขาทำเสียงเข้มคนฟังยืนอึ้งไม่กล้าพูดอะไรต่อ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกไป เธอก็เห็นใครอีกคนเดินยิ้มหวานมาแต่ไกลจากหลังร้าน“กลับมาแล้วเหรอคะ กานพลู พี่รวิช”เสียงหวานมาพร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่น กรรณิการ์หยุดยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกดี แม่สวย พ่อหล่อมิน่าเล่า ลูกสาวถึงได้น่ารักขนาดนี้และดูท่าทางว่าคุณพ่อจะหวงลูกมากเสียด้วย“คุณแม่คะ พี่คนนี้” เด็กหญิงกานพลูชี้มาที่กรรณิการ์ที่ยังยืนอยู่“คะ รับอะไรคะ” มารดาของเด็กหญิงเพิ่งเห็นว่ามีลูกค้าหน้าใหม่ยืนอยู่ในร้านด้วย“เอ่อ คือ” กรรณิการ์รับมุกไม่ถูกแต่เพราะรอยยิ้มแสนหวานนั่น ทำให้เธอรู้สึกว่าอยากอยู่ที่นี่ต่อ“ไม่ทราบว่ากำลังทำแกงอะไรอยู่คะ กลิ่นหอมเชียว”“แกงส้มผักรวมค่ะ แต่ว่าเป็นเมนูของวันพรุ่งนี้นะคะ” มารดาของเด็กหญิงตอบเสียงหวาน“ถ้างั้น เอ่อ” กรรณิการ์เหลือบไปมองกับข้าวที่สองพ่อลูกนั่งกินกัน&l
“ไม่เป็นไรค่ะ คนชอบคิดว่าพี่รวิชเป็นพ่อยายกานพลูเป็นประจำอยู่แล้ว คุณคิดอีกคนก็ไม่แปลก ว่าแต่วันนี้มีอะไรหรือเปล่าคะ” ลักษณ์นันท์หันมาหาหญิงสาว เนื่องจากว่าส่งอาหารถุงให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว“มีค่ะ ว่าแต่หนูกานพลูกับ เอ่อ คุณรวิชไม่เป็นอะไรแน่นะคะ จะไปหาหมอวันนี้ก็ได้นะคะ” กรรณิการ์ยังไม่วางใจ“เมื่อวานพี่รวิชบอกว่าคุณแค่เฉี่ยวเท่านั้น แล้วแกกับยายหนูก็ไม่ได้เป็นอะไรเลยสักนิด อย่าห่วงเลยนะคะ ว่าแต่คุณมาที่นี่มีอะไรคะ หรือว่าอยากได้กับข้าวมื้อเย็น”“ไม่ใช่กับข้าวมื้อเย็นค่ะ แต่เป็นกับข้าวมื้อเพลต่างหาก” กรรณิการ์ยิ้มหวานเอ่ยในสิ่งที่ต้องการลักษณ์นันท์ทำหน้างงเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ได้เอ่ยถามอะไรเพราะมีลูกค้าเข้าร้าน กรรณิการ์รอจนกระทั่งลูกค้าออกจากร้านไปหมดแล้ว จึงอธิบายต่อว่า“เดือนหน้าจะเป็นวันเกิดของคุณพ่อ ปีนี้ท่านอยากจัดงานทำบุญที่บ้าน ฉันก็เลยอาสาเป็นแม่งานให้ค่ะ” กรรณิการ์เอ่ยต่อไปอีกว่า“ต้มมะระที่ซื้อไปเมื่อวาน ฉันให้คุณพ่อลองชิม ท่านถูกใจมากถามว่าซื้อที่ไหน ฉันยังไม่ได้เล
เพราะนามสกุลของผู้หญิงคนนั้น และจากการสืบประวัติผ่านออน์ไลน์เพียงแค่เสี้ยววินาที รวิชจึงไม่อยากให้ลักษณ์นันท์ยุ่งเกี่ยวกับคนที่เข้ามาใหม่อีก“โธ่ ก็แค่ทำให้ชิมค่ะ ยังไม่ได้ตกลงว่าจะได้งานไหม พี่รวิชอย่าคิดมากค่ะ ลักษณ์ก็ทำสุดฝีมือเหมือนทุกครั้งนั่นแหล่ะ อีกอย่างช่วงนี้มันเงียบถ้าได้งานเหมาก็น่าจะดีนะคะ” หญิงสาวนึกว่าเรื่องอะไรอย่างน้อยก็ให้ได้ชิมรสชาติอาหารก่อนว่าถูกปากไหม ถ้าไม่ ลักษณ์นันท์ก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว“แต่ว่า...” รวิชทำท่าจะขัดอีกครั้งแต่หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า“วันเสาร์นี้พี่รวิชไปกับลักษณ์นะคะ ว่างหรือเปล่า”“แล้วยายกานพลูล่ะ” รวิชถามถึงเด็กหญิง“ลักษณ์จะให้ป้าแจ่มมาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ กับข้าวที่จะทำไปให้ชิมลักษณ์จะทำไปจากบ้านเลย จะได้ไม่เสียเวลา”“โอเค ให้พี่ช่วยอะไรก็บอก ไม่มีปัญหา” ชายหนุ่มจำต้องเงียบ แต่ในหัวคิดหาหนทางที่จะทำอย่างไรให้งานนี้จบตั้งแต่ยังไม่เริ่มพชรเดินเข้าบ้านด้วยท่าทางซังกะตาย โดยมีสายตาขอ
“นั่นมันก็เรื่องของบ้านเขานี่ครับ เราเป็นแขกไว้ไปวันงานเลยก็ได้ คุณแม่อยากหาของขวัญอะไรให้ก็ตามใจเลย”“โธ่ เจ้าเพชร เราเป็นคู่หมั้น ใจคอจะไม่คิดไปช่วยหนูกรรณเตรียมงานเลยหรือไง อีกอย่างช่วงนี้เรากับหนูกรรณก็ไม่ค่อยได้เจอกันไม่ใช่เหรอ” มารดาดักคอ“ผมยุ่ง คุณแม่ไปเถอะครับ แล้วถ้าอยากจะเพิ่มเติมอะไรคุณแม่กับคุณกรรณก็ปรึกษากันไปเลย ผมสนับสนุนเป็นสปอนเซอร์ให้เต็มที่ เท่านี้ใช่ไหมครับที่คุณแม่จะคุยด้วย งั้นผมขอตัวไปพักผ่อนก่อน” บุตรชายลุกขึ้นยืนเตรียมจะก้าวเดินขึ้นห้อง“เจ้าเพชร” น้ำเสียงคุณหญิงมุกดาดูอ่อนล้าเต็มที่“เมื่อไรแกจะทำใจเรื่องนั้นได้ แล้วกลับมาอยู่ในชีวิตจริงเสียที”พชรชะงักฝีเท้าเล็กน้อย เข้าใจสิ่งที่มารดาเอ่ยว่าหมายถึงอะไร แม้ว่าในส่วนลึกของหัวใจจะเจ็บปวดผิดหวังแค่ไหนแต่คนอย่างพชร ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น“ผมลืมเรื่องบ้าพวกนั้นไปหมดแล้ว และผมก็ใช้ชีวิตในวันนี้เหมือนคนปกติ คุณแม่ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นครับ”แม้ปากจะพูดว่าไม่รู้สึก แต่คุณหญิงมุก
กรรณิการ์ลุ้นใจหายใจคว่ำกับเมนูอาหารหลากหลายที่อยู่บนโต๊ะ เมื่อบิดาตักอาหารคำแรกเข้าปากจวบจนคำสุดท้าย ด้วยสีหน้านิ่งเฉยไม่พูดไม่จา จวบจนกระทั่งรับประทานลูกตาลลอยแก้วเป็นของหวานจานสุดท้าย“ใช้ได้ไหมคะ คุณพ่อ” กรรณิการ์รีบถามด้วยความอยากรู้“ไปซื้อที่ไหนมา ลูก” บิดาย้อนถามด้วยความสงสัยรสชาติอาหารไม่มีที่ติ ทุกจานกลมกล่อมเสียจนแทบไม่อยากอิ่ม ยิ่งโดยเฉพาะขนมหวานลูกตาลลอยแก้วด้วยแล้ว หวานชื่นใจดีต่อสุขภาพเหลือเกิน ทุกเมนูถูกใจเขายิ่งนัก ทำให้อดนึกถึงภรรยาที่จากไปผู้มีเสน่ห์ปลายจวักเช่นเดียวกัน“ซื้อที่ไหนไม่สำคัญหรอกค่ะคุณพ่อ สำคัญว่าถูกปากหรือเปล่า คุณพ่อชอบไหม พอจะเป็นเมนูเลี้ยงพระในวันเกิดคุณพ่อปีนี้ได้หรือเปล่าคะ” กรรณิการ์ยิ้มหวาน รู้สึกดีใจที่เห็นบิดามีความสุขกับอาหารบนโต๊ะ ซึ่งล้วนเป็นเมนูโปรดของพลตรีจักรแทบทั้งนั้น“ว่าแต่บอกได้หรือยังว่า ไปซื้อมาจากไหน วันหลังพ่อจะได้ให้ไปซื้ออีก” ชายวัยกลางคนซัก“ร้านเดิมที่วันก่อนลูกไปซื้อต้มจืดมะระให้คุณพ่อไงคะ” หญิงสาวเอ่ย“อ้อ ถือว่าฝีมือใช้ได้เลยนะ แม่ครัวน่าจะอายุมากแล้วซิ คงทำมานานรสชาติถึงได้กลมกล่อมแบบนี้” “ใครบอกคะคุณพ่อ แม่ครัวยังสาว
“เอาหนูกานพลูมาด้วยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวมีคนช่วยดู” แล้วกรรณิการ์ก็หันมาบอกบิดาว่า“คุณลักษณ์มีลูกสาวตัวเล็กหนึ่งคนค่ะ คุณพ่อ”“งั้นก็มาทั้งแม่ทั้งลูกนั้นแหล่ะ จะได้ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง แล้วพ่อของเด็กไม่ว่าอะไรใช่ไหม” ปลายเสียงท่านนายพลหม้ายเข้มขึ้นเล็กน้อย“เราอยู่กันสองคนแม่ลูกค่ะ” ลักษณ์นันท์ก้มหน้าตอบ พลตรีจักรนิ่งไปเล็กน้อยในใจรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูกอีกครั้ง“งั้นก็เอาตามนี้จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา เด็กจะได้ไม่ต้องตื่นแต่เช้า ที่จริงฉันอยากจะผูกปิ่นโตมื้อเย็นที่ร้านด้วย สะดวกไหมล่ะ”“คุณพ่อ” กรรณิการ์หันมาสบตาบิดาอย่างไม่คาดฝันแววตาที่สดชื่นอย่างประหลาดในดวงตาคู่คมที่นิ่งเฉยของพลตรีจักร ทำให้กรรณิการ์ไม่อาจแปลความหมาย ได้แต่เข้าใจว่าบิดาคงถูกใจรสมือของลักษณ์นันท์เป็นแน่ จึงได้อยากกินอาหารจากร้านนี้ทุกวัน“ให้คนรถไปรับก็ได้ถ้าลูกไม่ว่าง ช่วยทิ้งที่อยู่ร้านและราคาไว้ด้วย คิดตามจริงไม่ต้องเกรงใจเพราะเราต้องรู้จักกันไปอีกนาน”“ค่ะ” ลักษณ์นันท์ก้มหน้ารับคำเหมือนเคย พลตรีจักรยิ้มแล้วเดินจากไปทิ้งให้กรรณิการ์ยืนงงกับความเปลี่ย
กรรณิการ์ไม่เข้าใจท่าทีของรวิชเลยว่าเป็นอะไรไป เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเหมือนคนเจ้าอารมณ์อย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่ดูภายนอกแล้วไม่น่าจะเป็นคนเช่นนั้น แต่ยังไม่ทันคิดอะไรต่อสาวใช้ก็มาแจ้งว่า คุณหญิงมุกดามาพบพลตรีจักรที่ห้องรับแขก หญิงสาวจึงต้องออกไปรับแขกที่มาใหม่ทันที“อร่อยไหมคะ” ลักษณ์นันท์ถามบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนตะโก้เผือกที่กรรณิการ์ให้คนไปซื้อให้เป็นของกินระหว่างทางกลับบ้านของเด็กหญิงกานพลู ท่าทางว่าหนูน้อยจะชอบมากเลยเพราะกินหมดคนเดียวทั้งชิ้น“ลักษณ์ต้องมาค้างที่บ้านนี้คืนเดียวใช่ไหม” รวิชเอ่ยถามเขาใช้ความคิดตลอดทางที่ขับรถกลับมาว่า จะใช้เหตุผลข้อไหนในการห้ามไม่ให้ลักษณ์นันท์รับงานนี้ แต่ตอนนี้คงห้ามไม่ทันแล้วและคงต้องคิดต่อไปว่าจะทำอย่างไรที่จะไม่ต้องไปที่นั่นอีกโดยไม่จำเป็น“ค่ะ ลักษณ์จะเอายายหนูมาด้วยจะได้ไม่ต้องห่วง”“กับข้าวหลายอย่างเหรอ เยอะมาหรือเปล่า ให้พี่มาช่วยหรือหาคนมาเพิ่มไหม ลักษณ์จะได้ไปส่งทันตอนเช้า”“คือยังไงคะ” หญิงสาวฟังแล้วงง“พี่ว่าเราไม
“เลี้ยงทั้งพระเลี้ยงทั้งคนค่ะ ส่วนขนมมงคลส่งขึ้นรถไปแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยจัดใส่จาน คุณณิการ์ลองชิมลูกตาลลอยแก้วหรือยังคะ” ลักษณ์นันท์เปิดหม้ออีกใบ เพียงแค่ได้กลิ่นกรรณิการณ์ก็น้ำลายสอขึ้นมาทันที ลูกตาลลอยแก้วน่าตาน่ากินแค่กลิ่นก็รู้ว่าอร่อยแค่ไหน“วันนั้นเห็นว่าท่านชอบ ก็เลยหาลูกตาลมาทำขนมให้ ลักษณ์พยายามเลือกแต่อ่อนๆ หวังว่าท่านจะถูกใจนะคะ”“อะไรที่คุณลักษณ์ทำ คุณพ่ออร่อยทั้งนั้นแหล่ะค่ะ” กรรณิการ์เอ่ยต่อไปอีกว่า“ตั้งแต่ที่ผูกปิ่นโต แม่บ้านก็แทบจะตกงานแล้วค่ะ”“ทำไมล่ะคะ” ลักษณ์นันท์ถามด้วยความแปลกใจ“ก็คุณพ่อน่ะซิคะ ไม่ยอมกินอาหารที่บ้านเลย ปิ่นโตแบ่งเป็นมื้อเช้ากับมื้อเย็น ส่วนกลางวันบางทีท่านก็ออกไปกับเพื่อนบ้าง หรือไม่ก็แค่ขนมผลไม้นิดหน่อย บอกว่าจะรอกินฝีมือคุณลักษณ์”ลักษณ์นันท์รู้สึกดีใจในความเมตตาของพลตรีจักร และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าของวันเกิดในวันพรุ่งนี้จะพอใจเมนูอาหารเหล่านี้ที่จัดขึ้นมาให้“ชิมลูกตาลหน่อยนะคะ ดูว่าหวานไปไหม”
เพียงแต่...“ลักษณ์ เอ่อ” ลักษณ์นันท์ก้มหน้าไม่รู้จะพูดอย่างไรดี“ทำไมถึงไม่ตกลง ไม่มั่นใจฉันหรือไม่อยากอยู่กับฉันกันแน่” พชรเองก็เริ่มน้อยใจแล้วเหมือนกันลักษณ์นันท์ที่เขาเคยรู้จักไม่เป็นแบบนี้ หรือว่าช่วงเวลาห้าปีที่หายไป หากไม่มีกานพูลเป็นโซ่ทองคล้องใจ พชรอาจจะเสียเธอไปตลอดกาลก็ได้ เพียงแค่คิดถึงตรงนี้เขาก็อึดอัดหายใจไม่ออกแล้ว“คิดว่าฉันอยากแต่งงานเพราะลูกงั้นเหรอ” พชรถามตรงไปตรงมา ลักษณ์นันท์ไม่ตอบ การไม่ตอบของเธอทำให้เขาเอ่ยต่อไปว่า“กานพูลคือของขวัญที่ดีที่สุดในความสัมพันธ์ของเรา ฉันดีใจ เต็มใจ มีความสุขและอยากจะเฝ้ามองดูกานพูลเติบโตไปพร้อมๆ กับเธอนะ ลักษณ์นันท์” ชายหนุ่มเอื้อมมือมากุมมือไว้“ลักษณ์รู้ค่ะ รู้ว่าคุณรักกานพูลมากแค่ไหน และลักษณ์ก็ขอบคุณที่คุณเพชรไม่เคยปล่อยมือเราสองคนแม่ลูกเลย เพียงแต่”“เพียงแต่อะไร” เขารีบถามซ้ำ“ลักษณ์อยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ลักษณ์แข็งแรงและดูแลตัวเองได้ วันข้างหน้าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ลักษณ์จะดูแลลูกของเราได้เป็นอย่างดี”พชรพูดไม่ออกเพราะเข้าใจความคิดและความรู้สึกของหญิงสาว ในขณะที่ลักษณ์นันท์ก็ไม่รู้จะพูดคำไหนจากใจได้อีก เธออยากเป็นทั้งแม่ที
นี่เป็นครั้งแรกที่พชรรู้สึกประหม่าที่สุดในชีวิต เพราะเขาได้ตัดสินใจทำเรื่องใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ นั่นคือการขอลักษณ์นันท์แต่งงาน ฟังดูมันเหมือนง่าย แต่เอาเข้าจริงกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหลังกลับมาจากต่างประเทศเขาก็ตัดสินใจคุยกับคุณหญิงมุกดาตรงไปตรงมา เรื่องจัดการสองแม่ลูกให้ถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี แต่ความมั่นใจที่คิดว่าทุกอย่างง่ายทลายลงเหลือศูนย์เมื่อมารดาเอ่ยว่า‘ฉันไม่ขัดเรื่องที่แกคิดจะทำเลย แต่แกเคยถามเจ้าตัวเขาไหมว่าอยากแต่งงานกับแกหรือเปล่า’‘ทำไมคุณแม่พูดแบบนั้นล่ะครับ ผมกับลักษณ์เป็นผัวเมียกัน มีลูกด้วยกัน แน่นอนว่าเราย่อมอยากแต่งงานกันอยู่แล้ว’‘เป็นแม่ของลูกก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเป็นเมียแกไปตลอดชีวิตนี่’ หญิงวัยกลางคนย้อน‘คุณแม่ บังคับหรือมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีกหรือเปล่าครับ’ คนฟังชักใจคอไม่ดี‘คนอย่างฉันตรงไปตรงมา ไม่ต้องหลบซ่อน ไม่ต้องมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรทั้งนั้น ถ้าแกอยากแต่งก็ทำให้ถูกต้อง ส่วนคนถูกขอจะแต่งหรือไม่แต่ง เรื่องนี้ฉันไม่รับรู้กับแกด้วยนะ’พชรคิดวนไปมาหลายวัน ยิ่งคิดความมั่นใจก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ จริงอย่างที่มารดาพูด เขาไม่เคยถามลักษณ์นันท์
“ลักษณ์ทราบค่ะ แต่ลักษณ์ไม่อยากรบกวนให้ใครต้องดูแลเราแม่ลูก” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วเอ่ยต่อว่า“พอคุณหญิงหายดีแล้ว ลักษณ์กับลูกก็จะไปค่ะ ส่วนคุณเพชรอาจจะอยากเจอลูกบ้าง ลักษณ์ขอความกรุณาให้พ่อลูกได้พบกันบ้างจะได้ไหมคะ เรื่องลักษณ์กับคุณเพชรจะไม่มีอะไรต่อไปแน่นอนค่ะ”ลักษณ์นันท์รู้ดีว่าคุณหญิงมุกดาคงไม่ยอมรับตนแน่ และเธอก็ไม่อยากเป็นสาเหตุให้ใครต้องผิดใจกัน แค่กานพูลเป็นที่ยอมรับ ได้รู้จัก ได้รับความรักจากพ่อและย่า แค่นี้ก็เกินสิ่งที่คาดฝันไว้แล้วสำหรับเธอและพชร เรื่องราวระหว่างซินเดอร์เรลล่ากับเจ้าชายไม่มีอยู่ในชีวิตจริง เธอกับเขาจะยังคงสถานะคำว่าพ่อและแม่ของกานพูลตลอดไป“นี่เธอคงมองว่าฉันเป็นย่าใจร้าย แม่ผัวจุ้นจ้านซินะ” น้ำเสียงหญิงวัยกลางคนประชดในที“ฉันก็ไม่ได้หัวโบราณที่จะรับสิ่งที่ลูกตัวเองต้องการไม่ได้ และฉันก็ไม่ได้อยากให้เธอทิ้งความฝันเพื่อมาเป็นแม่เป็นเมียอย่างเดียว เธอควรคิดทำอะไรเพื่อเป็นความสุขของตัวเองบ้าง”“คุณหญิง” ลักษณ์นันท์ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้“เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ไม่ได้เป็นคนผิดฝ่ายเดียว ไอ้ลูกไม่มีหัวคิดของฉันมันก็มีส่วนผิดด้วย ในเมื่อเลือกเส้นทา
คุณหญิงมุกดาไม่หลับแต่นอนมองหลานสาวที่กำลังเล่นกับมารดาอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มและเสียงหัวเราในวันนี้ ช่างต่างจากหลายวันที่ผ่านมาเหลือเกิน แม้นางจะดูแลมอบความรักเอาใจใส่แต่กานพูลก็มักจะถามถึงทั้งพ่อและแม่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับลักษณ์นันท์ด้วยแล้ว นางได้รู้ความเป็นไปจากปากของเด็กหญิงไม่น้อย“เงียบทำไม เล่นต่อซิ” คุณหญิงเอ่ยเมื่อเห็นลักษณ์นันท์ทำท่าให้บุตรสาวเบาเสียงหัวเราะลง“คุณหญิงต้องพักผ่อนมากๆ ลักษณ์พากานพูลไปข้างนอกดีไหมคะ” ลักษณ์นันท์อุ้มบุตรสาวเดินเข้ามาหาข้างเตียง“ฉันบอกเหรอว่าจะง่วง ถ้าเธอไม่เล่นกับกานพูล มาลูก มาเล่นกับย่าแทน” ว่าแล้วนางก็ทำท่าจะลุกขึ้น“อย่าค่ะ เดี๋ยวลักษณ์ดูกานพูลเอง คุณหญิงนอนเถอะค่ะ กานพูล เบาๆ เสียงหน่อยนะคะ ให้คุณย่าได้พักผ่อน” หญิงสาวหันมากำชับบุตรสาวอีกครั้ง จังหวะนั้นอาหารเย็นจากโรงพยาบาลก็มาพอดี“กินข้าวเลยไหมคะ” ลักษณ์นันท์ปล่อยบุตรสาวให้นั่งเล่นลำพัง แล้วเข้ามาดูแลคุณหญิงที่กำลังจะต้องกินข้าวกินยาตามเวลา“นี่ฉันป่วยจนกินอะไรไม่ได้เหรอเนี่ย” หญิงวัยกลางคนเห็นอาหารโรงพยาบาลแล้วถึงกับส่ายหน้า“คุณหญิงอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวลักษณ์จัดการให้” หญิงสาวเห็นกับข้
โชคดีที่คุณหญิงมุกดาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก มีเพียงแค่อาการบอบช้ำตามเนื้อตัวที่เกิดจากการล้ม และโรคความดันโลหิตสูงที่กำเริบขึ้นมาทำให้เกิดอาการวูบกระทันหันดีที่รวิชมารับกรรณิการ์กลับบ้าน จึงอุ้มคุณหญิงมุกดาส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว พชรและลักษณ์นันท์ที่รู้ข่าวรีบตามมาทันที“กานพูล” ลักษณ์นันท์เห็นหน้าลูกก็โผเข้ากอดพชรห่วงมารดาก็ห่วง คิดถึงลูกก็คิดถึงจึงได้แต่กอดกันสามคนพ่อแม่ลูกให้หายโหยหา แล้วรีบเข้าไปดูคุณหญิงมุกดาที่นอนอยู่บนเตียงทันที“คุณแม่” พชรจับมือมารดามากุมไว้ เขาเห็นสีหน้าอิดโรยก็รู้ว่าท่าทางของนางเหนื่อยมาก“คุณแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมความดันถึงขึ้นได้ล่ะครับ”โรคประจำตัวของคุณหญิงมุกดาได้รับการดูแลจากแพทย์ประจำตัวเป็นอย่างดี อีกทั้งนางเองก็ดูแลสุขภาพตัวเองเช่นกัน แต่จู่ๆ อาการเกิดกำเริบขึ้นมา ทำให้พชรอดคิดไม่ได้ว่าตนเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้หรือเปล่า“ผมขอโทษครับ ถ้าทำอะไรให้คุณแม่ไม่สบายใจ” ชายหนุ่มก้มลงกราบที่กลางอกของมารดาลักษณ์นันท์ที่กอดเด็กหญิงกานพูลแนบอกเดินเข้ามายืนเคียงข้าง ทั้งสองสบตากันจากนั้นพชรก็อุ้มหนูน้อยไว้แทน หญิงสาวพนมมือไหว้ด้วยความนอบน้อมก้มลงกรา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมากรรณิการ์มาพบคุณหญิงมุกดาเพื่อนำของหมั้นมาคืน พร้อมกับรับอาสาพชรและลักษณ์นันท์มาช่วยดูด้วยว่ากานพูลเป็นอย่างไรบ้าง“ป้าต้องขอโทษด้วยที่เจ้าเพชรทำตัวแบบนี้” คุณหญิงมุกดาเอ่ยคำแรก“แต่ป้าก็ยังอยากให้เราสองครอบครัวได้เกี่ยวดองกันจริงๆ นะ”“คุณป้าอย่าโทษตัวเองหรือใครเลยค่ะ เรื่องแบบนี้บังคับใจกันไม่ได้ ที่สำคัญรักใครแล้วได้อยู่กับคนที่รัก ถือเป็นความสุขที่แท้จริงของคนเรานะคะ ณิการ์กับพี่เพชรเหมาะเป็นพี่น้องกันมากกว่า” กรรณิการ์เอ่ยจากใจจริง“ความรักงั้นเหรอ” หญิงวัยกลางคนส่ายหน้าแล้วเอ่ยต่อว่า“ความรักอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ ผัวเมียคู่ชีวิตต้องสนับสนุนค้ำคูนให้ต่างฝ่ายต่างเจริญเติบโตซึ่งกันและกัน หากวันหนึ่งวันใดเกิดอะไรขึ้นอีกคนก็ต้องพร้อมจะก้าวมาพยุงครอบครัวให้ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้ แต่ดูนี่ซิ ตาเพชรทำอะไรตามใจตัวเอง คิดแต่สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่คิดถึงอนาคตเลยแม้แต่น้อย”“บางที เรื่องของอนาคตก็ต้องรอดูในเวลานั้นไหมคะ แต่เรื่องของปัจจุบันคือสิ่งที่เราจะพาตัวเองไปสู่อนาคตไม่ใช่เหรอคะ คุณป้า” กรรณิการ์สบตาคนตรงหน้าแล้วพูดจากใจว่า“คุณป้าห่วงและรักพี่เพชร อยากให้
รวิชเล่าเรื่องราวหลังคืนนั้นให้เขาฟังโดยละเอียด ทำให้รู้ว่าทั้งสองมีเงื่อนไขที่ตกลงกับคุณหญิงมุกดาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ลักษณ์นันท์ก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองตั้งท้องแต่ตั้งใจจะไม่บอก รวิชจึงต้องรับหน้าที่ดูแลสองแม่ลูกจนทุกอย่างกระจ่างพชรไม่ถามเหตุผลมารดาว่าทำไมจึงทำเช่นนี้ เขารู้นิสัยคุณหญิงมุกดาดีว่าเป็นเช่นไร คำว่ารักษาหน้าตาและชื่อเสียงของตระกูลมาที่หนึ่ง จึงไม่แปลกเมื่อเรื่องลักษณ์นันท์กับรวิชซาลง คุณหญิงมุกดาจึงรีบจัดแจงให้เกิดการหมั้นระหว่างเขากับกรรณิการ์โดยเร็วที่สุด“เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว คุณแม่คงไม่ถามว่ากานพูลเป็นลูกใครนะครับ” พชรเอ่ยตรงไปตรงมา“แกคิดว่าฉันโง่หรือไง เจ้าเพชร” คุณหญิงมุกดาย้อนถามเสียงแข็งเด็กหญิงกานพูลจะเป็นลูกใครได้ ในเมื่อถอนเค้าโครงเกือบทั้งหมดของพชรออกมาขนาดนั้น นางไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล และไม่ทำอะไรที่เป็นเรื่องไร้สาระเช่นนั้นด้วย“ผมรู้ว่าคุณแม่กำลังหลงหลาน” พชรพูดด้วยรอยยิ้มอย่าว่าแต่คุณหญิงมุกดาหลงรักเด็กหญิงตัวน้อยเลย เขาเองทุกลมหายใจเข้าออกก็คิดถึงแต่ลูกสาวคนนี้ตลอดเวลา“ถ้าไง เรารับทุกคนเข้ามาอยู่ที่นี่ ทำอะไรให้ถูกต้องทั้งตามธรรมเนียมและตามกฎหมายดีไหมครับ”
ลักษณ์นันท์ใจหล่นไปถึงตาตุ่มเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกานพูล พชรรีบกดโทรศัพท์ไปหาคุณหญิงมุกดาแต่อีกฝ่ายไม่รับสาย เขาคว้ากุญแจรถแล้วพาลักษณ์นันท์ที่น้ำตาคลอลงลิฟต์ไปที่ลานจอดเพื่อกลับบ้านทันทีเมื่อสองสามีภรรยามาถึงห้องก็พบว่ากานพูลไม่อยู่ พี่เลี้ยงที่ดูแลบอกเพียงว่าเด็กหญิงไปกับคุณหญิงมุกดา และถ่ายทอดข้อความที่อีกฝ่ายฝากไว้ว่า‘กลับบ้าน’ทีแรกพชรคิดว่าจะโทรศัพท์เพื่อหยั่งเชิงมารดา แต่เมื่อคุณหญิงมุกดาไม่ยอมรับสาย ทำให้เขาตัดสินใจเผชิญหน้าทุกสิ่งเพื่อให้ได้ลูกคืน“ลูกไม่เป็นไรแน่ลักษณ์ คุณแม่ไม่ทำร้ายกานพูลหรอก” เขาปลอบใจคนนั่งข้างๆพชรมั่นใจว่ามารดาไม่ใจไม้ไส้ระกำทำร้ายหลานตัวเองแน่ แต่คงใช้วิธีนี้บีบบังคับให้เขากลับบ้านเป็นแน่ สงสารก็แต่ลักษณ์นันท์ที่คงเป็นห่วงกานพูล และกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับมารดาอีกครั้ง“ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่ ทุกอย่างต้องดี” พชรกุมมือของหญิงสาวไว้ ลักษณ์นันท์เชื่อเช่นนั้นและหวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายในที่สุดเด็กหญิงตรงหน้าละม้ายคล้ายพ่อตัวดีที่ทำเรื่องให้ปวดหัวหลายส่วน อีกทั้งท่าทีไร้เดียงสาที่น่าเอ็นดูทำให้คุณหญิงมุกดาหลงรักในพริบตา กานพูลกินขนมและเล่นของเล่นที
“แล้วคุณอารู้เรื่องนี้หรือยัง” พชรเอ่ยถาม“ณิการ์บอกคุณพ่อก่อนมาแล้วค่ะ” หญิงสาวบอกตามตรง“คุณพ่อก็ตกใจ แต่ก็บอกว่ายินดีกับพี่เพชร คุณลักษณ์และก็น้องกานพูลด้วย คุณพ่อกระซิบว่าเอาใจช่วยให้ผ่านด่านคุณป้าได้ค่ะ”“เออ อันนี้แหล่ะเรื่องใหญ่” รวิชพยักหน้าเห็นด้วยใช่ นี่แหล่ะเรื่องใหญ่ของจริง พชรก็กำลังคิดหาวิธีรับมือกับเรื่องนี้เหมือนกัน“เพราะงั้นหาทางออกเรื่องคุณป้าดีกว่าค่ะ เรื่องณิการ์จิ๊บๆ มาก คุณลักษณ์ยิ้มหน่อย ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ” กรรณิการ์เอื้อมมือมากุมมือหญิงสาวไว้“ลักษณ์ขอโทษนะคะ แล้วก็ขอบคุณคุณณิการ์มากที่เข้าใจทุกอย่าง” ลักษณ์นันท์เอ่ยเสียงเครือ“ไม่ร้องค่ะ เลิกร้องได้แล้ว ของแบบนี้มันเป็นเรื่องของพรหมลิขิต ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ณิการ์อยู่ข้างคุณลักษณ์ค่ะ เห็นคนเขารักกันมีความสุข เผื่อว่าฟ้าจะเมตตาให้ณิการ์เจอคนดีๆ ที่รักณิการ์จริงๆ ก็ได้นะคะ สาธุ” กรรณิการ์หัวเราะเบาๆ ทำให้บรรยากาศที่อึมครึมคลายลงรวิชยกแก้วกาแฟขึ้นชูพร้อมส่งสายตาชื่นชมให้คนพูด เจ้าของเรื่องจึงหยิบแก้วกาแฟขึ้นชูรับแล้วจิบอย่างมีความสุข“ต่อไปถ้าใครจะเข้ามาหาณิการ์ต้องผ่านด่านพี่ก่อน พี่จะเป็นพี่ชายที่คอยส