“เอาหนูกานพลูมาด้วยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวมีคนช่วยดู” แล้วกรรณิการ์ก็หันมาบอกบิดาว่า
“คุณลักษณ์มีลูกสาวตัวเล็กหนึ่งคนค่ะ คุณพ่อ”
“งั้นก็มาทั้งแม่ทั้งลูกนั้นแหล่ะ จะได้ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง แล้วพ่อของเด็กไม่ว่าอะไรใช่ไหม” ปลายเสียงท่านนายพลหม้ายเข้มขึ้นเล็กน้อย
“เราอยู่กันสองคนแม่ลูกค่ะ” ลักษณ์นันท์ก้มหน้าตอบ พลตรีจักรนิ่งไปเล็กน้อยในใจรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูกอีกครั้ง
“งั้นก็เอาตามนี้จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา เด็กจะได้ไม่ต้องตื่นแต่เช้า ที่จริงฉันอยากจะผูกปิ่นโตมื้อเย็นที่ร้านด้วย สะดวกไหมล่ะ”
“คุณพ่อ” กรรณิการ์หันมาสบตาบิดาอย่างไม่คาดฝัน
แววตาที่สดชื่นอย่างประหลาดในดวงตาคู่คมที่นิ่งเฉยของพลตรีจักร ทำให้กรรณิการ์ไม่อาจแปลความหมาย ได้แต่เข้าใจว่าบิดาคงถูกใจรสมือของลักษณ์นันท์เป็นแน่ จึงได้อยากกินอาหารจากร้านนี้ทุกวัน
“ให้คนรถไปรับก็ได้ถ้าลูกไม่ว่าง ช่วยทิ้งที่อยู่ร้านและราคาไว้ด้วย คิดตามจริงไม่ต้องเกรงใจเพราะเราต้องรู้จักกันไปอีกนาน”
“ค่ะ” ลักษณ์นันท์ก้มหน้ารับคำเหมือนเคย พลตรีจักรยิ้มแล้วเดินจากไปทิ้งให้กรรณิการ์ยืนงงกับความเปลี่ย
กรรณิการ์ไม่เข้าใจท่าทีของรวิชเลยว่าเป็นอะไรไป เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเหมือนคนเจ้าอารมณ์อย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่ดูภายนอกแล้วไม่น่าจะเป็นคนเช่นนั้น แต่ยังไม่ทันคิดอะไรต่อสาวใช้ก็มาแจ้งว่า คุณหญิงมุกดามาพบพลตรีจักรที่ห้องรับแขก หญิงสาวจึงต้องออกไปรับแขกที่มาใหม่ทันที“อร่อยไหมคะ” ลักษณ์นันท์ถามบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนตะโก้เผือกที่กรรณิการ์ให้คนไปซื้อให้เป็นของกินระหว่างทางกลับบ้านของเด็กหญิงกานพลู ท่าทางว่าหนูน้อยจะชอบมากเลยเพราะกินหมดคนเดียวทั้งชิ้น“ลักษณ์ต้องมาค้างที่บ้านนี้คืนเดียวใช่ไหม” รวิชเอ่ยถามเขาใช้ความคิดตลอดทางที่ขับรถกลับมาว่า จะใช้เหตุผลข้อไหนในการห้ามไม่ให้ลักษณ์นันท์รับงานนี้ แต่ตอนนี้คงห้ามไม่ทันแล้วและคงต้องคิดต่อไปว่าจะทำอย่างไรที่จะไม่ต้องไปที่นั่นอีกโดยไม่จำเป็น“ค่ะ ลักษณ์จะเอายายหนูมาด้วยจะได้ไม่ต้องห่วง”“กับข้าวหลายอย่างเหรอ เยอะมาหรือเปล่า ให้พี่มาช่วยหรือหาคนมาเพิ่มไหม ลักษณ์จะได้ไปส่งทันตอนเช้า”“คือยังไงคะ” หญิงสาวฟังแล้วงง“พี่ว่าเราไม
“เลี้ยงทั้งพระเลี้ยงทั้งคนค่ะ ส่วนขนมมงคลส่งขึ้นรถไปแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยจัดใส่จาน คุณณิการ์ลองชิมลูกตาลลอยแก้วหรือยังคะ” ลักษณ์นันท์เปิดหม้ออีกใบ เพียงแค่ได้กลิ่นกรรณิการณ์ก็น้ำลายสอขึ้นมาทันที ลูกตาลลอยแก้วน่าตาน่ากินแค่กลิ่นก็รู้ว่าอร่อยแค่ไหน“วันนั้นเห็นว่าท่านชอบ ก็เลยหาลูกตาลมาทำขนมให้ ลักษณ์พยายามเลือกแต่อ่อนๆ หวังว่าท่านจะถูกใจนะคะ”“อะไรที่คุณลักษณ์ทำ คุณพ่ออร่อยทั้งนั้นแหล่ะค่ะ” กรรณิการ์เอ่ยต่อไปอีกว่า“ตั้งแต่ที่ผูกปิ่นโต แม่บ้านก็แทบจะตกงานแล้วค่ะ”“ทำไมล่ะคะ” ลักษณ์นันท์ถามด้วยความแปลกใจ“ก็คุณพ่อน่ะซิคะ ไม่ยอมกินอาหารที่บ้านเลย ปิ่นโตแบ่งเป็นมื้อเช้ากับมื้อเย็น ส่วนกลางวันบางทีท่านก็ออกไปกับเพื่อนบ้าง หรือไม่ก็แค่ขนมผลไม้นิดหน่อย บอกว่าจะรอกินฝีมือคุณลักษณ์”ลักษณ์นันท์รู้สึกดีใจในความเมตตาของพลตรีจักร และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าของวันเกิดในวันพรุ่งนี้จะพอใจเมนูอาหารเหล่านี้ที่จัดขึ้นมาให้“ชิมลูกตาลหน่อยนะคะ ดูว่าหวานไปไหม”
“หมายความว่าไง” คนฟังชักจะเริ่มโมโห หมอนี่ท่าทางพูดไม่รู้เรื่องจริงๆ“ลักษณ์คงไม่ทันความเจ้าเล่ห์เอาเปรียบของคนบางคน ถึงได้ตกลงจะไปค้าง แต่ผมไม่ยอมให้ลักษณ์โดนเอาเปรียบแน่”“ใครเอาเปรียบใคร พูดดีๆ นะ คุณรวิช” กรรณิการ์เริ่มเสียงดังบ้างแล้ว“คุณให้ลักษณ์ไปค้างที่บ้าง อ้างโน่นอ้างนี่ แต่จริงๆ คือจะให้ไปช่วยงานก็บอกมาเถอะ”“เข้าใจผิดแล้วค่ะคุณรวิช ฉันแบ่งหน้าที่ให้ทุกคนครบและตอนนี้ทุกอย่างคงดำเนินใกล้เรียบร้อยแล้ว เย็นนี้คุณลักษณ์ไปถึงบ้านก็คงแค่เตรียมข้าวของที่จะต้องใช้พรุ่งนี้เช้า ซึ่งฉันก็จัดลูกมือเตรียมไว้ให้แล้ว และสั่งคนให้เตรียมห้องให้หนูกานพลูกับคุณลักษณ์เรียบร้อยเช่นกัน ถ้าคุณรวิชคิดมากไม่ไว้วางใจก็เชิญตามไปเฝ้าดูได้เลยนะคะ เดี๋ยวฉันจะให้เด็กเตรียมห้องพักไว้ให้คุณรวิชอีกห้องหนึ่งด้วย”กรรณิการ์ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินสวนออกไปทันที ไม่พูดไม่จาอะไรอีก ในขณะที่รวิชได้แต่มองตามด้วยสายตาที่ขุ่นเคืองใจท้านักใช่ไหม ได้ ... เขาจะตามไปดูแลสองแม่ลูกแน่อย่าได้หวังให้ใครมาใช้ลั
“ไม่เป็นไร พี่ยังไม่หิว แล้วนี่ลูกใคร หลานณิการ์เหรอ” พชรก้มลงมองหน้าเด็กน้อยที่จ้องตาแป๋วเขาในเวลานี้ดวงตาคู่นี้คุ้นเคยนัก ใบหน้าก็เหมือนว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน หน้าตาน่าเอ็นดูเสียจนอยากจะจับมาอุ้ม“ลูกเพื่อนณิการ์ค่ะ พี่เพชรไม่รู้จักหรอก” ว่าแล้วกรรณิการ์ก็ก้มลงมากระซิบให้เด็กหญิงตัวน้อยยกมือไหว้ชายหนุ่ม“สวัสดีค่ะ ลุงเพชร” เด็กหญิงกานพลูทำตามอย่างว่าง่าย“ชื่ออะไรคะ ไหนบอกลุงหน่อย” พชรถามด้วยรอยยิ้มย่อตัวลงมาอุ้มเด็กหญิง“กานพลูค่ะ” เด็กหญิงขานเสียงแจ๋วพชรรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นรอยยิ้มของหนูน้อยกานพลูแล้วก็ยิ่งหลงรัก เขาอุ้มกานพลูไว้ไม่ยอมปล่อยห่างตัว“คุณแม่เรียกแล้วค่ะ เดี๋ยวน้าณิการ์พาไปหาคุณแม่นะคะ” กรรณิการ์รู้จากสาวใช้ว่าลักษณ์นันท์ตามหากานพลู จึงคิดได้ว่าสมควรที่จะพาเด็กหญิงกลับไปหาแม่แล้ว“แม่อยู่ไหนคะ” พชรชวนคุย“เดี๋ยวณิการ์พาไปเองค่ะ ไปค่ะ หนูกานพลู ลาลุงเพชรก่อนค่ะ”“สวัสดีค่ะ” ก
รวิชพาสองแม่ลูกกลับบ้านเรียบร้อย ลักษณ์นันท์นั่งเงียบไม่พูดอะไรเลยสักคำตลอดทาง ส่วนเด็กหญิงกานพลูพอขึ้นรถก็หลับปุ๋ยสบายใจจนถึงบ้าน ถึงลักษณ์นันท์ไม่พูดอะไร แต่รวิชก็พอเดาความรู้สึกของเธอได้“ยายหนูล่ะ” รวิชทักเมื่อเห็นหญิงสาวเดินลงมาจากชั้นบน“หลับสบายเลยไม่ปลุกค่ะ”เธอไม่อยากฟุ้งซ่านกับเหตุการณ์ที่เพิ่งพบเจอมาสดๆ ร้อนๆ จึงเลือกที่จะเก็บล้างทำความสะอาดโดยไม่พูดไม่จาอะไรทั้งนั้น เรื่องของพชรกับกรรณิการ์ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเก็บมาคิดให้รกสมองนั่นคือชีวิตคนอื่น ส่วนเธอและกานพลูมีชีวิตที่ต้องก้าวเดินต่อไป“ลักษณ์” รวิชที่ตามเข้ามาช่วยเรียกชื่อเธอเบาๆ“พี่รวิชรู้อยู่แล้วใช่ไหมคะ” ลักษณ์นันท์ถามโดยไม่มองหน้าพอมาปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด นับตั้งแต่วันแรกที่กรรณิการ์เข้ามาในชีวิต มิน่าเล่ารวิชถึงได้พยายามกีดกันไม่ให้รู้จัก หรือแม้แต่การรับงานทำอาหารเลี้ยงพระในวันนี้ก็ด้วยเช่นกันเขาเพียรพยายามโน้มน้าวใจให้ยกเลิกแต่เป็นลักษณ์นันท์เองที่อยากมีรายได้ในยามสถานการณ์เช่นนี้ ก็ใครจะไปรู้เล่าว่ามันสะกิดแผลที่คิดว่าหายแล้วให้กลับมาเจ็บปวดเจียนตายได้อีกครั้งเพียงแค่เห็นหน้าโดยไม่มีการพูดจา สายตา ท่า
“คุณลักษณ์คะ”เสียงกรรณิการ์ดังมาก่อนตัว รวิชเดินหน้าบึ้งออกมารับแขก แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังกรรณิการ์“คุณรวิช คุณลักษณ์ล่ะคะ” กรรณิการ์หันมาเห็นรวิชยืนนิ่งมองตรงมาทางนี้“ลักษณ์อยู่ในบ้าน” รวิชพูดเสียงเบา สายตามองประสานคนที่ยืนอยู่ด้านหลังซึ่งมีสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกรู้สึกสิ่งใดแต่เขารู้ดีว่า นั่นคือสัญญาณบางอย่างที่บอกให้รู้ว่าอะไรจะเกิดต่อไป“คุณลักษณ์” กรรณิการ์ยิ้มหวานเมื่อเห็นลักษณ์นันท์เดินตามออกมาพร้อมเด็กหญิงกานพลู“คุณพ่อให้เอาอันนี้มาให้ค่ะ” พูดจบกรรณิการ์ก็จับมือลักษณ์นันท์ขึ้นพร้อมวางซองสีขาวในมือ“คุณพ่อกำชับมาว่าห้ามส่งคืน ถ้าคุณลักษณ์ไม่รับท่านจะเสียใจมาก” กรรณิการ์พูดเสียงเจื้อยแจ้วแล้วหันมาเล่นกับเด็กหญิงตัวน้อย“เอ่อ คือ” ลักษณ์นันท์พูดอะไรไม่ออก รู้ดีว่าซองที่ถือในมือคืออะไรแต่ที่ทำให้กระอักกระอ่วนใจก็คือ สายตาที่จับจ้องมองอยู่ตลอดเวลาของคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามนั่นต่างหาก“แค่นี้ใช่ไหม” รวิชตัดบทแล้วเข้ามาอุ้มหนูน้อยกานพลู“เชิญกลับไปได้แล้ว ลักษณ์เหนื่อยมาก เราอยากจะพักผ่อน” พูดจบรวิชก็หันหลังเดินเข้าบ้านไปทันทีกรรณิการ์ไม่ถือสาคำพ
“พี่รวิชปิดบริษัทหลายปีแล้วค่ะ ตอนนี้เห็นว่ามาเปิดพอร์ตหุ้นของตัวเองแล้วก็มีโครงการว่าจะทำอย่างอื่นด้วย”“งั้นก็แสดงว่าโอเคซิ ดูแลเด็กกับผู้หญิงหนึ่งคนได้ไม่ลำบาก แล้วทำไมต้องไปเป็นแม่ครัวรับทำกับข้าวด้วย” พชรย้ำถามคำเดิมอีก แต่ลักษณ์นันท์เลือกที่จะไม่ตอบและใช้วิธีนิ่งแทน“หรือว่าช่วยกันหารายได้เอาไว้เป็นค่าเล่าเรียกเด็ก ก็ดีนะ สองแรงแข็งขันทำงานต่อไปจะได้สบาย ว่าแต่...”“คุณเพชรกลับไปเถอะค่ะ แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก” ลักษณ์นันท์ตัดสินใจเอ่ย“ต่อไปลักษณ์กับคุณกรรณิการ์ก็ไม่มีอะไรต้องเจอกันอีก เราทุกคนควรไปตามทางชีวิตของตัวเอง”“ใช่ เราทุกคนควรไปตามทางชีวิตของตัวเอง” พชรย้ำคำของหญิงสาวหนักแน่น ลักษณ์นันท์นับหนึ่งถึงร้อยบอกตัวเองว่าจะไม่ต่อปากต่อคำอีก“วันนี้เธอก็มีทางของเธอ ฉันก็มีทางของฉัน ทางที่มันไม่ควรจะได้เจอกันอีกเลย” ปลายเสียงเขาเน้นท้ายประโยคชัดเจน“ค่ะ ไม่ควรจะเจอกันอีกเลย เชิญคุณเพชรกลับไปเถอะค่ะ แล้วอย่ามาที่นี่อีก” ลักษณ์นันท์ย้ำครั้งที่สอง“เธอพูดสองหนแล้วนะว่าอย่ามาที่นี่ ถ้าฉันบอกคุณแม่ว่าเจอเธอกับนายรวิชที่งาน ...”“คุณหญิงก็จะสั่งไม่ให้คุณมาที่นี่อีก และฉันก็จะไม่ให้คุณเ
“คุณเพชร อย่า” หญิงสาวรีบห้ามเมื่อริมฝีปากร้อนกำลังจะเคลื่อนลงมาที่เนินอก ฝ่ามือข้างหนึ่งกำลังจะคืบคลานเข้ามาใต้เสื้อยืดตัวเก่งเป้าหมายของพชรคือสิ่งที่อยู่ด้านหลัง ตะขอชุดชั้นในที่เขากำลังจะปลดเพื่อที่จะเชยชมสิ่งที่โหยหามานาน แต่แล้วสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าก็ล่มสลายอย่างไม่เป็นท่า เมื่อมีเสียงร่ำไห้จ้าของเด็กหญิงกานพลูดังขึ้นเรียกสติที่กำลังเตลิดเปิดเปิงของลักษณ์นันท์ให้กลับมาทันที เธอลืมทุกสิ่งแม้แต่แรงเสน่หาตรงหน้า วิ่งหน้าตาตื่นขึ้นไปดูลูกสาวที่อยู่ด้านบนทันทีหัวใจคนเป็นแม่ตกใจจนต้องรีบเข้าไปกอดเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้ขวัญเสียอยู่ที่พื้นห้องนอน ลักษณ์นันท์รีบสำรวจเนื้อตัวลูกสาวว่ามีอาการบาดเจ็บที่ตรงไหนบ้าง ทุกอย่างของกานพลูดูปกติดี ยกเว้นที่หน้าผากซึ่งมีรอยบวมช้ำอย่างเห็นได้ชัด“เกิดอะไรขึ้นลูก เจ็บตรงไหนบ้าง” น้ำเสียงคนเป็นแม่สั่นเครือแทบขาดใจ“เจ็บค่ะ” เด็กหญิงสะอื้นเบาๆ ในอ้อมอกยกมือแตะที่หน้าผากเพื่อบ่งบอกอาการให้รับรู้“ไหนดูซิคะ หายเจ็บนะลูกนะ ขวัญเอ๊ยขวัญมา” ลักษณ์นันท์เช็ดน้ำตาที่แก้มทั้งสองของบุตรสาวแล้วเป่าลมเบาๆ ที่หน้าผากนั่น“หนูจะเอาอะไร ทำไมไม่เรียกแม่คะ สะดุดผ้าอีกแล้
เพียงแต่...“ลักษณ์ เอ่อ” ลักษณ์นันท์ก้มหน้าไม่รู้จะพูดอย่างไรดี“ทำไมถึงไม่ตกลง ไม่มั่นใจฉันหรือไม่อยากอยู่กับฉันกันแน่” พชรเองก็เริ่มน้อยใจแล้วเหมือนกันลักษณ์นันท์ที่เขาเคยรู้จักไม่เป็นแบบนี้ หรือว่าช่วงเวลาห้าปีที่หายไป หากไม่มีกานพูลเป็นโซ่ทองคล้องใจ พชรอาจจะเสียเธอไปตลอดกาลก็ได้ เพียงแค่คิดถึงตรงนี้เขาก็อึดอัดหายใจไม่ออกแล้ว“คิดว่าฉันอยากแต่งงานเพราะลูกงั้นเหรอ” พชรถามตรงไปตรงมา ลักษณ์นันท์ไม่ตอบ การไม่ตอบของเธอทำให้เขาเอ่ยต่อไปว่า“กานพูลคือของขวัญที่ดีที่สุดในความสัมพันธ์ของเรา ฉันดีใจ เต็มใจ มีความสุขและอยากจะเฝ้ามองดูกานพูลเติบโตไปพร้อมๆ กับเธอนะ ลักษณ์นันท์” ชายหนุ่มเอื้อมมือมากุมมือไว้“ลักษณ์รู้ค่ะ รู้ว่าคุณรักกานพูลมากแค่ไหน และลักษณ์ก็ขอบคุณที่คุณเพชรไม่เคยปล่อยมือเราสองคนแม่ลูกเลย เพียงแต่”“เพียงแต่อะไร” เขารีบถามซ้ำ“ลักษณ์อยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ลักษณ์แข็งแรงและดูแลตัวเองได้ วันข้างหน้าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ลักษณ์จะดูแลลูกของเราได้เป็นอย่างดี”พชรพูดไม่ออกเพราะเข้าใจความคิดและความรู้สึกของหญิงสาว ในขณะที่ลักษณ์นันท์ก็ไม่รู้จะพูดคำไหนจากใจได้อีก เธออยากเป็นทั้งแม่ที
นี่เป็นครั้งแรกที่พชรรู้สึกประหม่าที่สุดในชีวิต เพราะเขาได้ตัดสินใจทำเรื่องใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ นั่นคือการขอลักษณ์นันท์แต่งงาน ฟังดูมันเหมือนง่าย แต่เอาเข้าจริงกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหลังกลับมาจากต่างประเทศเขาก็ตัดสินใจคุยกับคุณหญิงมุกดาตรงไปตรงมา เรื่องจัดการสองแม่ลูกให้ถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี แต่ความมั่นใจที่คิดว่าทุกอย่างง่ายทลายลงเหลือศูนย์เมื่อมารดาเอ่ยว่า‘ฉันไม่ขัดเรื่องที่แกคิดจะทำเลย แต่แกเคยถามเจ้าตัวเขาไหมว่าอยากแต่งงานกับแกหรือเปล่า’‘ทำไมคุณแม่พูดแบบนั้นล่ะครับ ผมกับลักษณ์เป็นผัวเมียกัน มีลูกด้วยกัน แน่นอนว่าเราย่อมอยากแต่งงานกันอยู่แล้ว’‘เป็นแม่ของลูกก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเป็นเมียแกไปตลอดชีวิตนี่’ หญิงวัยกลางคนย้อน‘คุณแม่ บังคับหรือมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีกหรือเปล่าครับ’ คนฟังชักใจคอไม่ดี‘คนอย่างฉันตรงไปตรงมา ไม่ต้องหลบซ่อน ไม่ต้องมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรทั้งนั้น ถ้าแกอยากแต่งก็ทำให้ถูกต้อง ส่วนคนถูกขอจะแต่งหรือไม่แต่ง เรื่องนี้ฉันไม่รับรู้กับแกด้วยนะ’พชรคิดวนไปมาหลายวัน ยิ่งคิดความมั่นใจก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ จริงอย่างที่มารดาพูด เขาไม่เคยถามลักษณ์นันท์
“ลักษณ์ทราบค่ะ แต่ลักษณ์ไม่อยากรบกวนให้ใครต้องดูแลเราแม่ลูก” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วเอ่ยต่อว่า“พอคุณหญิงหายดีแล้ว ลักษณ์กับลูกก็จะไปค่ะ ส่วนคุณเพชรอาจจะอยากเจอลูกบ้าง ลักษณ์ขอความกรุณาให้พ่อลูกได้พบกันบ้างจะได้ไหมคะ เรื่องลักษณ์กับคุณเพชรจะไม่มีอะไรต่อไปแน่นอนค่ะ”ลักษณ์นันท์รู้ดีว่าคุณหญิงมุกดาคงไม่ยอมรับตนแน่ และเธอก็ไม่อยากเป็นสาเหตุให้ใครต้องผิดใจกัน แค่กานพูลเป็นที่ยอมรับ ได้รู้จัก ได้รับความรักจากพ่อและย่า แค่นี้ก็เกินสิ่งที่คาดฝันไว้แล้วสำหรับเธอและพชร เรื่องราวระหว่างซินเดอร์เรลล่ากับเจ้าชายไม่มีอยู่ในชีวิตจริง เธอกับเขาจะยังคงสถานะคำว่าพ่อและแม่ของกานพูลตลอดไป“นี่เธอคงมองว่าฉันเป็นย่าใจร้าย แม่ผัวจุ้นจ้านซินะ” น้ำเสียงหญิงวัยกลางคนประชดในที“ฉันก็ไม่ได้หัวโบราณที่จะรับสิ่งที่ลูกตัวเองต้องการไม่ได้ และฉันก็ไม่ได้อยากให้เธอทิ้งความฝันเพื่อมาเป็นแม่เป็นเมียอย่างเดียว เธอควรคิดทำอะไรเพื่อเป็นความสุขของตัวเองบ้าง”“คุณหญิง” ลักษณ์นันท์ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้“เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ไม่ได้เป็นคนผิดฝ่ายเดียว ไอ้ลูกไม่มีหัวคิดของฉันมันก็มีส่วนผิดด้วย ในเมื่อเลือกเส้นทา
คุณหญิงมุกดาไม่หลับแต่นอนมองหลานสาวที่กำลังเล่นกับมารดาอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มและเสียงหัวเราในวันนี้ ช่างต่างจากหลายวันที่ผ่านมาเหลือเกิน แม้นางจะดูแลมอบความรักเอาใจใส่แต่กานพูลก็มักจะถามถึงทั้งพ่อและแม่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับลักษณ์นันท์ด้วยแล้ว นางได้รู้ความเป็นไปจากปากของเด็กหญิงไม่น้อย“เงียบทำไม เล่นต่อซิ” คุณหญิงเอ่ยเมื่อเห็นลักษณ์นันท์ทำท่าให้บุตรสาวเบาเสียงหัวเราะลง“คุณหญิงต้องพักผ่อนมากๆ ลักษณ์พากานพูลไปข้างนอกดีไหมคะ” ลักษณ์นันท์อุ้มบุตรสาวเดินเข้ามาหาข้างเตียง“ฉันบอกเหรอว่าจะง่วง ถ้าเธอไม่เล่นกับกานพูล มาลูก มาเล่นกับย่าแทน” ว่าแล้วนางก็ทำท่าจะลุกขึ้น“อย่าค่ะ เดี๋ยวลักษณ์ดูกานพูลเอง คุณหญิงนอนเถอะค่ะ กานพูล เบาๆ เสียงหน่อยนะคะ ให้คุณย่าได้พักผ่อน” หญิงสาวหันมากำชับบุตรสาวอีกครั้ง จังหวะนั้นอาหารเย็นจากโรงพยาบาลก็มาพอดี“กินข้าวเลยไหมคะ” ลักษณ์นันท์ปล่อยบุตรสาวให้นั่งเล่นลำพัง แล้วเข้ามาดูแลคุณหญิงที่กำลังจะต้องกินข้าวกินยาตามเวลา“นี่ฉันป่วยจนกินอะไรไม่ได้เหรอเนี่ย” หญิงวัยกลางคนเห็นอาหารโรงพยาบาลแล้วถึงกับส่ายหน้า“คุณหญิงอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวลักษณ์จัดการให้” หญิงสาวเห็นกับข้
โชคดีที่คุณหญิงมุกดาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก มีเพียงแค่อาการบอบช้ำตามเนื้อตัวที่เกิดจากการล้ม และโรคความดันโลหิตสูงที่กำเริบขึ้นมาทำให้เกิดอาการวูบกระทันหันดีที่รวิชมารับกรรณิการ์กลับบ้าน จึงอุ้มคุณหญิงมุกดาส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว พชรและลักษณ์นันท์ที่รู้ข่าวรีบตามมาทันที“กานพูล” ลักษณ์นันท์เห็นหน้าลูกก็โผเข้ากอดพชรห่วงมารดาก็ห่วง คิดถึงลูกก็คิดถึงจึงได้แต่กอดกันสามคนพ่อแม่ลูกให้หายโหยหา แล้วรีบเข้าไปดูคุณหญิงมุกดาที่นอนอยู่บนเตียงทันที“คุณแม่” พชรจับมือมารดามากุมไว้ เขาเห็นสีหน้าอิดโรยก็รู้ว่าท่าทางของนางเหนื่อยมาก“คุณแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมความดันถึงขึ้นได้ล่ะครับ”โรคประจำตัวของคุณหญิงมุกดาได้รับการดูแลจากแพทย์ประจำตัวเป็นอย่างดี อีกทั้งนางเองก็ดูแลสุขภาพตัวเองเช่นกัน แต่จู่ๆ อาการเกิดกำเริบขึ้นมา ทำให้พชรอดคิดไม่ได้ว่าตนเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้หรือเปล่า“ผมขอโทษครับ ถ้าทำอะไรให้คุณแม่ไม่สบายใจ” ชายหนุ่มก้มลงกราบที่กลางอกของมารดาลักษณ์นันท์ที่กอดเด็กหญิงกานพูลแนบอกเดินเข้ามายืนเคียงข้าง ทั้งสองสบตากันจากนั้นพชรก็อุ้มหนูน้อยไว้แทน หญิงสาวพนมมือไหว้ด้วยความนอบน้อมก้มลงกรา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมากรรณิการ์มาพบคุณหญิงมุกดาเพื่อนำของหมั้นมาคืน พร้อมกับรับอาสาพชรและลักษณ์นันท์มาช่วยดูด้วยว่ากานพูลเป็นอย่างไรบ้าง“ป้าต้องขอโทษด้วยที่เจ้าเพชรทำตัวแบบนี้” คุณหญิงมุกดาเอ่ยคำแรก“แต่ป้าก็ยังอยากให้เราสองครอบครัวได้เกี่ยวดองกันจริงๆ นะ”“คุณป้าอย่าโทษตัวเองหรือใครเลยค่ะ เรื่องแบบนี้บังคับใจกันไม่ได้ ที่สำคัญรักใครแล้วได้อยู่กับคนที่รัก ถือเป็นความสุขที่แท้จริงของคนเรานะคะ ณิการ์กับพี่เพชรเหมาะเป็นพี่น้องกันมากกว่า” กรรณิการ์เอ่ยจากใจจริง“ความรักงั้นเหรอ” หญิงวัยกลางคนส่ายหน้าแล้วเอ่ยต่อว่า“ความรักอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ ผัวเมียคู่ชีวิตต้องสนับสนุนค้ำคูนให้ต่างฝ่ายต่างเจริญเติบโตซึ่งกันและกัน หากวันหนึ่งวันใดเกิดอะไรขึ้นอีกคนก็ต้องพร้อมจะก้าวมาพยุงครอบครัวให้ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้ แต่ดูนี่ซิ ตาเพชรทำอะไรตามใจตัวเอง คิดแต่สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่คิดถึงอนาคตเลยแม้แต่น้อย”“บางที เรื่องของอนาคตก็ต้องรอดูในเวลานั้นไหมคะ แต่เรื่องของปัจจุบันคือสิ่งที่เราจะพาตัวเองไปสู่อนาคตไม่ใช่เหรอคะ คุณป้า” กรรณิการ์สบตาคนตรงหน้าแล้วพูดจากใจว่า“คุณป้าห่วงและรักพี่เพชร อยากให้
รวิชเล่าเรื่องราวหลังคืนนั้นให้เขาฟังโดยละเอียด ทำให้รู้ว่าทั้งสองมีเงื่อนไขที่ตกลงกับคุณหญิงมุกดาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ลักษณ์นันท์ก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองตั้งท้องแต่ตั้งใจจะไม่บอก รวิชจึงต้องรับหน้าที่ดูแลสองแม่ลูกจนทุกอย่างกระจ่างพชรไม่ถามเหตุผลมารดาว่าทำไมจึงทำเช่นนี้ เขารู้นิสัยคุณหญิงมุกดาดีว่าเป็นเช่นไร คำว่ารักษาหน้าตาและชื่อเสียงของตระกูลมาที่หนึ่ง จึงไม่แปลกเมื่อเรื่องลักษณ์นันท์กับรวิชซาลง คุณหญิงมุกดาจึงรีบจัดแจงให้เกิดการหมั้นระหว่างเขากับกรรณิการ์โดยเร็วที่สุด“เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว คุณแม่คงไม่ถามว่ากานพูลเป็นลูกใครนะครับ” พชรเอ่ยตรงไปตรงมา“แกคิดว่าฉันโง่หรือไง เจ้าเพชร” คุณหญิงมุกดาย้อนถามเสียงแข็งเด็กหญิงกานพูลจะเป็นลูกใครได้ ในเมื่อถอนเค้าโครงเกือบทั้งหมดของพชรออกมาขนาดนั้น นางไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล และไม่ทำอะไรที่เป็นเรื่องไร้สาระเช่นนั้นด้วย“ผมรู้ว่าคุณแม่กำลังหลงหลาน” พชรพูดด้วยรอยยิ้มอย่าว่าแต่คุณหญิงมุกดาหลงรักเด็กหญิงตัวน้อยเลย เขาเองทุกลมหายใจเข้าออกก็คิดถึงแต่ลูกสาวคนนี้ตลอดเวลา“ถ้าไง เรารับทุกคนเข้ามาอยู่ที่นี่ ทำอะไรให้ถูกต้องทั้งตามธรรมเนียมและตามกฎหมายดีไหมครับ”
ลักษณ์นันท์ใจหล่นไปถึงตาตุ่มเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกานพูล พชรรีบกดโทรศัพท์ไปหาคุณหญิงมุกดาแต่อีกฝ่ายไม่รับสาย เขาคว้ากุญแจรถแล้วพาลักษณ์นันท์ที่น้ำตาคลอลงลิฟต์ไปที่ลานจอดเพื่อกลับบ้านทันทีเมื่อสองสามีภรรยามาถึงห้องก็พบว่ากานพูลไม่อยู่ พี่เลี้ยงที่ดูแลบอกเพียงว่าเด็กหญิงไปกับคุณหญิงมุกดา และถ่ายทอดข้อความที่อีกฝ่ายฝากไว้ว่า‘กลับบ้าน’ทีแรกพชรคิดว่าจะโทรศัพท์เพื่อหยั่งเชิงมารดา แต่เมื่อคุณหญิงมุกดาไม่ยอมรับสาย ทำให้เขาตัดสินใจเผชิญหน้าทุกสิ่งเพื่อให้ได้ลูกคืน“ลูกไม่เป็นไรแน่ลักษณ์ คุณแม่ไม่ทำร้ายกานพูลหรอก” เขาปลอบใจคนนั่งข้างๆพชรมั่นใจว่ามารดาไม่ใจไม้ไส้ระกำทำร้ายหลานตัวเองแน่ แต่คงใช้วิธีนี้บีบบังคับให้เขากลับบ้านเป็นแน่ สงสารก็แต่ลักษณ์นันท์ที่คงเป็นห่วงกานพูล และกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับมารดาอีกครั้ง“ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่ ทุกอย่างต้องดี” พชรกุมมือของหญิงสาวไว้ ลักษณ์นันท์เชื่อเช่นนั้นและหวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายในที่สุดเด็กหญิงตรงหน้าละม้ายคล้ายพ่อตัวดีที่ทำเรื่องให้ปวดหัวหลายส่วน อีกทั้งท่าทีไร้เดียงสาที่น่าเอ็นดูทำให้คุณหญิงมุกดาหลงรักในพริบตา กานพูลกินขนมและเล่นของเล่นที
“แล้วคุณอารู้เรื่องนี้หรือยัง” พชรเอ่ยถาม“ณิการ์บอกคุณพ่อก่อนมาแล้วค่ะ” หญิงสาวบอกตามตรง“คุณพ่อก็ตกใจ แต่ก็บอกว่ายินดีกับพี่เพชร คุณลักษณ์และก็น้องกานพูลด้วย คุณพ่อกระซิบว่าเอาใจช่วยให้ผ่านด่านคุณป้าได้ค่ะ”“เออ อันนี้แหล่ะเรื่องใหญ่” รวิชพยักหน้าเห็นด้วยใช่ นี่แหล่ะเรื่องใหญ่ของจริง พชรก็กำลังคิดหาวิธีรับมือกับเรื่องนี้เหมือนกัน“เพราะงั้นหาทางออกเรื่องคุณป้าดีกว่าค่ะ เรื่องณิการ์จิ๊บๆ มาก คุณลักษณ์ยิ้มหน่อย ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ” กรรณิการ์เอื้อมมือมากุมมือหญิงสาวไว้“ลักษณ์ขอโทษนะคะ แล้วก็ขอบคุณคุณณิการ์มากที่เข้าใจทุกอย่าง” ลักษณ์นันท์เอ่ยเสียงเครือ“ไม่ร้องค่ะ เลิกร้องได้แล้ว ของแบบนี้มันเป็นเรื่องของพรหมลิขิต ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ณิการ์อยู่ข้างคุณลักษณ์ค่ะ เห็นคนเขารักกันมีความสุข เผื่อว่าฟ้าจะเมตตาให้ณิการ์เจอคนดีๆ ที่รักณิการ์จริงๆ ก็ได้นะคะ สาธุ” กรรณิการ์หัวเราะเบาๆ ทำให้บรรยากาศที่อึมครึมคลายลงรวิชยกแก้วกาแฟขึ้นชูพร้อมส่งสายตาชื่นชมให้คนพูด เจ้าของเรื่องจึงหยิบแก้วกาแฟขึ้นชูรับแล้วจิบอย่างมีความสุข“ต่อไปถ้าใครจะเข้ามาหาณิการ์ต้องผ่านด่านพี่ก่อน พี่จะเป็นพี่ชายที่คอยส