“คุณลักษณ์คะ”เสียงกรรณิการ์ดังมาก่อนตัว รวิชเดินหน้าบึ้งออกมารับแขก แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังกรรณิการ์“คุณรวิช คุณลักษณ์ล่ะคะ” กรรณิการ์หันมาเห็นรวิชยืนนิ่งมองตรงมาทางนี้“ลักษณ์อยู่ในบ้าน” รวิชพูดเสียงเบา สายตามองประสานคนที่ยืนอยู่ด้านหลังซึ่งมีสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกรู้สึกสิ่งใดแต่เขารู้ดีว่า นั่นคือสัญญาณบางอย่างที่บอกให้รู้ว่าอะไรจะเกิดต่อไป“คุณลักษณ์” กรรณิการ์ยิ้มหวานเมื่อเห็นลักษณ์นันท์เดินตามออกมาพร้อมเด็กหญิงกานพลู“คุณพ่อให้เอาอันนี้มาให้ค่ะ” พูดจบกรรณิการ์ก็จับมือลักษณ์นันท์ขึ้นพร้อมวางซองสีขาวในมือ“คุณพ่อกำชับมาว่าห้ามส่งคืน ถ้าคุณลักษณ์ไม่รับท่านจะเสียใจมาก” กรรณิการ์พูดเสียงเจื้อยแจ้วแล้วหันมาเล่นกับเด็กหญิงตัวน้อย“เอ่อ คือ” ลักษณ์นันท์พูดอะไรไม่ออก รู้ดีว่าซองที่ถือในมือคืออะไรแต่ที่ทำให้กระอักกระอ่วนใจก็คือ สายตาที่จับจ้องมองอยู่ตลอดเวลาของคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามนั่นต่างหาก“แค่นี้ใช่ไหม” รวิชตัดบทแล้วเข้ามาอุ้มหนูน้อยกานพลู“เชิญกลับไปได้แล้ว ลักษณ์เหนื่อยมาก เราอยากจะพักผ่อน” พูดจบรวิชก็หันหลังเดินเข้าบ้านไปทันทีกรรณิการ์ไม่ถือสาคำพ
“พี่รวิชปิดบริษัทหลายปีแล้วค่ะ ตอนนี้เห็นว่ามาเปิดพอร์ตหุ้นของตัวเองแล้วก็มีโครงการว่าจะทำอย่างอื่นด้วย”“งั้นก็แสดงว่าโอเคซิ ดูแลเด็กกับผู้หญิงหนึ่งคนได้ไม่ลำบาก แล้วทำไมต้องไปเป็นแม่ครัวรับทำกับข้าวด้วย” พชรย้ำถามคำเดิมอีก แต่ลักษณ์นันท์เลือกที่จะไม่ตอบและใช้วิธีนิ่งแทน“หรือว่าช่วยกันหารายได้เอาไว้เป็นค่าเล่าเรียกเด็ก ก็ดีนะ สองแรงแข็งขันทำงานต่อไปจะได้สบาย ว่าแต่...”“คุณเพชรกลับไปเถอะค่ะ แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก” ลักษณ์นันท์ตัดสินใจเอ่ย“ต่อไปลักษณ์กับคุณกรรณิการ์ก็ไม่มีอะไรต้องเจอกันอีก เราทุกคนควรไปตามทางชีวิตของตัวเอง”“ใช่ เราทุกคนควรไปตามทางชีวิตของตัวเอง” พชรย้ำคำของหญิงสาวหนักแน่น ลักษณ์นันท์นับหนึ่งถึงร้อยบอกตัวเองว่าจะไม่ต่อปากต่อคำอีก“วันนี้เธอก็มีทางของเธอ ฉันก็มีทางของฉัน ทางที่มันไม่ควรจะได้เจอกันอีกเลย” ปลายเสียงเขาเน้นท้ายประโยคชัดเจน“ค่ะ ไม่ควรจะเจอกันอีกเลย เชิญคุณเพชรกลับไปเถอะค่ะ แล้วอย่ามาที่นี่อีก” ลักษณ์นันท์ย้ำครั้งที่สอง“เธอพูดสองหนแล้วนะว่าอย่ามาที่นี่ ถ้าฉันบอกคุณแม่ว่าเจอเธอกับนายรวิชที่งาน ...”“คุณหญิงก็จะสั่งไม่ให้คุณมาที่นี่อีก และฉันก็จะไม่ให้คุณเ
“คุณเพชร อย่า” หญิงสาวรีบห้ามเมื่อริมฝีปากร้อนกำลังจะเคลื่อนลงมาที่เนินอก ฝ่ามือข้างหนึ่งกำลังจะคืบคลานเข้ามาใต้เสื้อยืดตัวเก่งเป้าหมายของพชรคือสิ่งที่อยู่ด้านหลัง ตะขอชุดชั้นในที่เขากำลังจะปลดเพื่อที่จะเชยชมสิ่งที่โหยหามานาน แต่แล้วสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าก็ล่มสลายอย่างไม่เป็นท่า เมื่อมีเสียงร่ำไห้จ้าของเด็กหญิงกานพลูดังขึ้นเรียกสติที่กำลังเตลิดเปิดเปิงของลักษณ์นันท์ให้กลับมาทันที เธอลืมทุกสิ่งแม้แต่แรงเสน่หาตรงหน้า วิ่งหน้าตาตื่นขึ้นไปดูลูกสาวที่อยู่ด้านบนทันทีหัวใจคนเป็นแม่ตกใจจนต้องรีบเข้าไปกอดเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้ขวัญเสียอยู่ที่พื้นห้องนอน ลักษณ์นันท์รีบสำรวจเนื้อตัวลูกสาวว่ามีอาการบาดเจ็บที่ตรงไหนบ้าง ทุกอย่างของกานพลูดูปกติดี ยกเว้นที่หน้าผากซึ่งมีรอยบวมช้ำอย่างเห็นได้ชัด“เกิดอะไรขึ้นลูก เจ็บตรงไหนบ้าง” น้ำเสียงคนเป็นแม่สั่นเครือแทบขาดใจ“เจ็บค่ะ” เด็กหญิงสะอื้นเบาๆ ในอ้อมอกยกมือแตะที่หน้าผากเพื่อบ่งบอกอาการให้รับรู้“ไหนดูซิคะ หายเจ็บนะลูกนะ ขวัญเอ๊ยขวัญมา” ลักษณ์นันท์เช็ดน้ำตาที่แก้มทั้งสองของบุตรสาวแล้วเป่าลมเบาๆ ที่หน้าผากนั่น“หนูจะเอาอะไร ทำไมไม่เรียกแม่คะ สะดุดผ้าอีกแล้
เธอไม่คิดว่าเขาจะมีน้ำใจกับเด็กน้อยและตนมากขนาดนี้ ค่ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงหมดไปเกือบหมื่น ลักษณ์นันท์ไม่มีปัญญามอบสิ่งดีขนาดนี้ให้ลูกแน่“รวิชไปไหน” เขายังต้องการคำตอบที่ค้างคาใจในเวลานี้มันน่าแปลกที่ในบ้านหลังนี้ไม่มีร่องรอยของรวิชเลยแม้แต่น้อย พชรสังเกตว่าทุกอย่างมีเพียงเรื่องราวของสองแม่ลูกเท่านั้น จะเป็นไปได้อย่างไรหากว่าเด็กหญิงที่นอนอยู่บนเตียงคือสายใยระหว่างรวิชและลักษณ์นันท์นิสัยของรวิชไม่ใช่คนไม่รับผิดชอบทั้งในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ความเป็นเพื่อนที่มีมายาวนานระหว่างเขาและรวิชไม่ใช่แค่สั้นๆ แม้ว่าในช่วงห้าปีหลังจะมีความขุ่นเคืองใจที่ไร้การอธิบายก็ตามแต่พชรเชื่อว่า รวิชไม่ใช่คนที่จะทิ้งหรือไร้ความรับผิดชอบแน่ๆ โดยเฉพาะกับเด็กหญิงกานพลูด้วยแล้ว ลูกย่อมสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด“พี่รวิชมาพรุ่งนี้ค่ะ” ลักษณ์นันท์ไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไรดีตลอดห้าปีที่ผ่านมารวิชเป็นเหมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวไปแล้ว เขาแวะเวียนมาที่นี่ทุกวันเพื่อช่วยดูแลเธอและลูกเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะค้างคืนที่นี่“พรุ่งนี้งั้นเหรอ นี่กานพลูเจ็บขนาดนี้ยังจะมาพรุ่งนี้อีกเ
“คุณเพชร จะทำอะไร” หญิงสาวร้องเสียงหลง ใบหน้าหวานร้อนผ่าวเมื่อเห็นเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดอย่างรวดเร็ว“ช่วยแกะกระดุมให้หน่อย” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นปกติเรื่องพวกนี้ลักษณ์นันท์เคยทำมาก่อน จะเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งในการปรนนิบัติเลยก็ว่าได้“บอกให้แกะกระดุมให้หน่อย”พชรไม่พูดเปล่าแต่ดึงมือเธอมาวางที่สาบชายเสื้อ ซึ่งเหมือนเขาจะจงใจให้กระดุมสามเม็ดสุดท้ายนั้น หญิงสาวเป็นผู้ปลดมันออกจริงๆ“ถ้าอาบน้ำสบายใจแล้วก็เชิญกลับนะคะ” ลักษณ์นันท์หันหน้าหนีก้าวเท้าจะเดินออกไป แต่แล้วก็ถูกรั้งเข้ามาในอ้อมกอดของพชรอีกครั้งลมหายใจอุ่นที่รดลงมาที่ปลายจมูก สายตาเว้าวอนที่ทำให้หัวใจลักษณ์นันท์หวั่นไหว เรือนร่างกำยำที่เธอแสนโหยหาแนบแน่นชนิดที่เรียกว่าเป็นเนื้อเดียวกัน แผ่นหลังของเธอติดอยู่ที่กำแพงเพราะแรงถาโถมนั้นไม่มีคำพูดสักคำออกจากปากใคร มีเพียงข้อความทางสายตาที่ต่างฝ่ายต่างถ่ายทอดสิ่งที่เก็บไว้เบื้องลึกในหัวใจของกันและกันเท่านั้น ไม่ต้องพูดแค่สบตาทั้งคู่ก็รู้ว่าต้องการสิ่งใด และรู้ว่าไม่มีใครสามารถทำให้ความปรารถนาของทั้งสองเป็นจริงได้ นอกจาก...ริมฝีปากของพชรเป็นผู้เอ่ยความในใจก่อนเป็นคนแรก เข
ต้นตอของสวรรค์ล่มหลับอย่างสบาย โดยมีลักษณ์นันท์และพชรนอนขนาบข้าง ลักษณ์นันท์พยายามข่มตาให้หลับและกอดลูกสาวไว้ในอ้อมอก ในขณะที่พชรนอนยิ้มมองสองแม่ลูกที่อยู่บนเตียงเดียวกันอย่างสบายใจ“ลักษณ์”เสียงเรียกราวกระซิบพร้อมกับปลายนิ้วที่สะกิดลงฝ่ามือ ลักษณ์นันท์ยังไม่หลับและรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเรียกตน แต่เธอแกล้งทำเป็นหลับและไม่ตอบสนองต่อการเรียกนั้น“ลักษณ์”พชรสะกิดที่ฝ่ามือแรงขึ้นแต่ไม่กล้าขึ้นเสียง เขาเกรงว่าเด็กหญิงตัวน้อยจะตื่นแล้วทุกอย่างจะต้องเริ่มต้นใหม่ลักษณ์นันท์โล่งอกเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายลุกขึ้นจากเตียงและไม่กวนตนแล้ว เสียงสะบัดผ้าปูนอนข้างเตียง ยิ่งทำให้มั่นใจว่าพชรคงล่าถอยและพักผ่อนในที่สุด แต่ที่ไหนได้ทุกอย่างผิดคาดเพราะจู่ๆ เธอก็ถูกอุ้มขึ้นมาจากเตียงอย่างกระทันหัน“คุณเพชร” หญิงสาวทำท่าจะดิ้นหนี แต่เขาส่งสัญญาณให้เงียบแล้วอุ้มให้มานอนที่ที่นอนข้างเตียงพชรรีบเอาหมอนข้างมาวางไว้ข้างตัวเด็กหญิงกานพลูทั้งสองด้านพร้อมตุ๊กตาที่ตัวชอบ ลูบศีรษะเด็กหญิงเบาๆ คล้ายบอกว่าฝันดี ก่อนจะกลับมาจัดการกับแม่ของกานพลูที่กำลังจะลุกขึ้นไปหาลูกสาวอีกครั้ง“นอนตรงนี้” เขาโถมตัวเองลงไปทับไว้ไม่ให้เธอล
รวิชเดาได้ถูกต้องเพียงแต่ไม่คิดว่าทุกอย่างจะรวดเร็วเช่นนี้ หลังจากที่ช่วยดูแลเด็กหญิงกานพูลจนเข้านอนเรียบร้อยเหมือนทุกวัน เขาก็กลับบ้านตามปกติและกำชับลักษณ์นันท์ว่า ต่อไปนี้หากมีอะไรให้ติดต่อได้ตลอดไม่ต้องเกรงใจรวิชไม่ทันได้สังเกตหรอกว่าหลังจากขับรถออกมาแล้ว ตนถูกใครบางคนติดตามจนถึงบ้าน แล้วเขาก็ต้องแปลกใจที่เห็นพชรยืนรออยู่ที่หน้าบ้าน“เข้ามาก่อนซิ”รวิชแปลกใจที่อีกฝ่ายมาหาตนเร็วเช่นนี้ และพอจะเดาออกได้ว่าการมาคงไม่พ้นเรื่องสองแม่ลูกเป็นแน่“นายย้ายบ้านตั้งแต่เมื่อไร” พชรก้าวเข้ามาพร้อมตั้งคำถามทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมเข้ามหาวิทยาลัยด้วยกัน แม้พชรจะแยกไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แต่ความสนิทสนมของทั้งคู่ก็ไม่เคยจางหาย หนำซ้ำรวิชเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ ‘เก็บ’ ความลับได้เป็นอย่างดีเดิมรวิชเปิดบริษัททัวร์และใช้ที่พักเป็นที่ทำงาน แต่หลังจากเกิดเรื่องบริษัททัวร์ปิดตัวลงและทุกอย่างก็หายสาบสูญไป ตอนนั้นความโกรธและความเสียใจทำให้ไม่คิดจะสนใจตามหาการหายตัวของใครทั้งสิ้น จนกระทั่งทุกอย่างตกตะกอนนอนนิ่งอยู่ในใจ และจุดความอยากรู้บางสิ่งขึ้นทำให้เขาเริ่มใช้นักสืบตามหา“ก็ตั้งแต่
“เดี๋ยวค่ะ จะย้ายอะไรออกไปไม่ได้ทั้งนั้น นี่เป็นของที่ติดมากับบ้านนะคะ” หญิงสาวร้องห้าม เมื่อพนักงานผู้ชายคนหนึ่งกำลังจะยกเก้าอี้ตัวเก่าออกมาเพื่อเปลี่ยนตัวใหม่แทนที่“ไม่เป็นไร จัดการตามที่ตกลงกันได้เลย มานี่” พชรจับมือลักษณ์นันท์หลบพนักงานที่กำลังเดินยกของกันขวักไขว่“คุณเพชร นี่มันอะไรกันคะ จะย้ายของพวกนี้ไปไหน นี่เป็นเฟอร์นิเจอร์ของเจ้าของบ้านนะ ห้ามเอาไปไหนทั้งนั้น” ลักษณ์นันท์พูดด้วยสีหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด“ก็ผมนี่ไง เจ้าของบ้าน” พชรพูดหน้าตาเฉยแล้วหันไปยิ้มแย้มกับเด็กหญิงกานพูลที่ตนกำลังอุ้มอยู่“คุณว่าอะไรนะ” ลักษณ์นันท์ชะงักเล็กน้อยแต่เห็นรอยยิ้มของเขา ก็พอจะเดาออกได้ว่าอะไรเป็นอะไร‘ใช้เงินซื้อทุกอย่างซินะ’“คุณอยากเปลี่ยนอะไรก็ตามสบาย กานพูลมานี่ ลูก” ลักษณ์นันท์ยื่นมือไปหาลูกสาวเพื่อจะอุ้มออกมาจากอ้อมแขนของอีกคน“จะเอาลูกไปไหน คนเดินเต็มบ้าน เดี๋ยวก็ไปเกะกะหกล้มจนได้” พชรเอาตัวขวางไว้“กานพูลมานี่ ไปเก็บของกับแม่ค่ะ” หญิงสาวชวนเด็กหญิงตัวน้อยอีกครั้ง“เก็บของทำไม” พชรย้อนถามทันที“ก็ที่นี่เป็นบ้านคุณแล้วไงคะ ฉันกับลูกก็จะไปอยู่ที่อื่น”“ไม่มีใครไปไหนทั้งนั้น” เขากระชา
เพียงแต่...“ลักษณ์ เอ่อ” ลักษณ์นันท์ก้มหน้าไม่รู้จะพูดอย่างไรดี“ทำไมถึงไม่ตกลง ไม่มั่นใจฉันหรือไม่อยากอยู่กับฉันกันแน่” พชรเองก็เริ่มน้อยใจแล้วเหมือนกันลักษณ์นันท์ที่เขาเคยรู้จักไม่เป็นแบบนี้ หรือว่าช่วงเวลาห้าปีที่หายไป หากไม่มีกานพูลเป็นโซ่ทองคล้องใจ พชรอาจจะเสียเธอไปตลอดกาลก็ได้ เพียงแค่คิดถึงตรงนี้เขาก็อึดอัดหายใจไม่ออกแล้ว“คิดว่าฉันอยากแต่งงานเพราะลูกงั้นเหรอ” พชรถามตรงไปตรงมา ลักษณ์นันท์ไม่ตอบ การไม่ตอบของเธอทำให้เขาเอ่ยต่อไปว่า“กานพูลคือของขวัญที่ดีที่สุดในความสัมพันธ์ของเรา ฉันดีใจ เต็มใจ มีความสุขและอยากจะเฝ้ามองดูกานพูลเติบโตไปพร้อมๆ กับเธอนะ ลักษณ์นันท์” ชายหนุ่มเอื้อมมือมากุมมือไว้“ลักษณ์รู้ค่ะ รู้ว่าคุณรักกานพูลมากแค่ไหน และลักษณ์ก็ขอบคุณที่คุณเพชรไม่เคยปล่อยมือเราสองคนแม่ลูกเลย เพียงแต่”“เพียงแต่อะไร” เขารีบถามซ้ำ“ลักษณ์อยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ลักษณ์แข็งแรงและดูแลตัวเองได้ วันข้างหน้าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ลักษณ์จะดูแลลูกของเราได้เป็นอย่างดี”พชรพูดไม่ออกเพราะเข้าใจความคิดและความรู้สึกของหญิงสาว ในขณะที่ลักษณ์นันท์ก็ไม่รู้จะพูดคำไหนจากใจได้อีก เธออยากเป็นทั้งแม่ที
นี่เป็นครั้งแรกที่พชรรู้สึกประหม่าที่สุดในชีวิต เพราะเขาได้ตัดสินใจทำเรื่องใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ นั่นคือการขอลักษณ์นันท์แต่งงาน ฟังดูมันเหมือนง่าย แต่เอาเข้าจริงกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหลังกลับมาจากต่างประเทศเขาก็ตัดสินใจคุยกับคุณหญิงมุกดาตรงไปตรงมา เรื่องจัดการสองแม่ลูกให้ถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี แต่ความมั่นใจที่คิดว่าทุกอย่างง่ายทลายลงเหลือศูนย์เมื่อมารดาเอ่ยว่า‘ฉันไม่ขัดเรื่องที่แกคิดจะทำเลย แต่แกเคยถามเจ้าตัวเขาไหมว่าอยากแต่งงานกับแกหรือเปล่า’‘ทำไมคุณแม่พูดแบบนั้นล่ะครับ ผมกับลักษณ์เป็นผัวเมียกัน มีลูกด้วยกัน แน่นอนว่าเราย่อมอยากแต่งงานกันอยู่แล้ว’‘เป็นแม่ของลูกก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเป็นเมียแกไปตลอดชีวิตนี่’ หญิงวัยกลางคนย้อน‘คุณแม่ บังคับหรือมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีกหรือเปล่าครับ’ คนฟังชักใจคอไม่ดี‘คนอย่างฉันตรงไปตรงมา ไม่ต้องหลบซ่อน ไม่ต้องมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรทั้งนั้น ถ้าแกอยากแต่งก็ทำให้ถูกต้อง ส่วนคนถูกขอจะแต่งหรือไม่แต่ง เรื่องนี้ฉันไม่รับรู้กับแกด้วยนะ’พชรคิดวนไปมาหลายวัน ยิ่งคิดความมั่นใจก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ จริงอย่างที่มารดาพูด เขาไม่เคยถามลักษณ์นันท์
“ลักษณ์ทราบค่ะ แต่ลักษณ์ไม่อยากรบกวนให้ใครต้องดูแลเราแม่ลูก” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วเอ่ยต่อว่า“พอคุณหญิงหายดีแล้ว ลักษณ์กับลูกก็จะไปค่ะ ส่วนคุณเพชรอาจจะอยากเจอลูกบ้าง ลักษณ์ขอความกรุณาให้พ่อลูกได้พบกันบ้างจะได้ไหมคะ เรื่องลักษณ์กับคุณเพชรจะไม่มีอะไรต่อไปแน่นอนค่ะ”ลักษณ์นันท์รู้ดีว่าคุณหญิงมุกดาคงไม่ยอมรับตนแน่ และเธอก็ไม่อยากเป็นสาเหตุให้ใครต้องผิดใจกัน แค่กานพูลเป็นที่ยอมรับ ได้รู้จัก ได้รับความรักจากพ่อและย่า แค่นี้ก็เกินสิ่งที่คาดฝันไว้แล้วสำหรับเธอและพชร เรื่องราวระหว่างซินเดอร์เรลล่ากับเจ้าชายไม่มีอยู่ในชีวิตจริง เธอกับเขาจะยังคงสถานะคำว่าพ่อและแม่ของกานพูลตลอดไป“นี่เธอคงมองว่าฉันเป็นย่าใจร้าย แม่ผัวจุ้นจ้านซินะ” น้ำเสียงหญิงวัยกลางคนประชดในที“ฉันก็ไม่ได้หัวโบราณที่จะรับสิ่งที่ลูกตัวเองต้องการไม่ได้ และฉันก็ไม่ได้อยากให้เธอทิ้งความฝันเพื่อมาเป็นแม่เป็นเมียอย่างเดียว เธอควรคิดทำอะไรเพื่อเป็นความสุขของตัวเองบ้าง”“คุณหญิง” ลักษณ์นันท์ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้“เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ไม่ได้เป็นคนผิดฝ่ายเดียว ไอ้ลูกไม่มีหัวคิดของฉันมันก็มีส่วนผิดด้วย ในเมื่อเลือกเส้นทา
คุณหญิงมุกดาไม่หลับแต่นอนมองหลานสาวที่กำลังเล่นกับมารดาอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มและเสียงหัวเราในวันนี้ ช่างต่างจากหลายวันที่ผ่านมาเหลือเกิน แม้นางจะดูแลมอบความรักเอาใจใส่แต่กานพูลก็มักจะถามถึงทั้งพ่อและแม่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับลักษณ์นันท์ด้วยแล้ว นางได้รู้ความเป็นไปจากปากของเด็กหญิงไม่น้อย“เงียบทำไม เล่นต่อซิ” คุณหญิงเอ่ยเมื่อเห็นลักษณ์นันท์ทำท่าให้บุตรสาวเบาเสียงหัวเราะลง“คุณหญิงต้องพักผ่อนมากๆ ลักษณ์พากานพูลไปข้างนอกดีไหมคะ” ลักษณ์นันท์อุ้มบุตรสาวเดินเข้ามาหาข้างเตียง“ฉันบอกเหรอว่าจะง่วง ถ้าเธอไม่เล่นกับกานพูล มาลูก มาเล่นกับย่าแทน” ว่าแล้วนางก็ทำท่าจะลุกขึ้น“อย่าค่ะ เดี๋ยวลักษณ์ดูกานพูลเอง คุณหญิงนอนเถอะค่ะ กานพูล เบาๆ เสียงหน่อยนะคะ ให้คุณย่าได้พักผ่อน” หญิงสาวหันมากำชับบุตรสาวอีกครั้ง จังหวะนั้นอาหารเย็นจากโรงพยาบาลก็มาพอดี“กินข้าวเลยไหมคะ” ลักษณ์นันท์ปล่อยบุตรสาวให้นั่งเล่นลำพัง แล้วเข้ามาดูแลคุณหญิงที่กำลังจะต้องกินข้าวกินยาตามเวลา“นี่ฉันป่วยจนกินอะไรไม่ได้เหรอเนี่ย” หญิงวัยกลางคนเห็นอาหารโรงพยาบาลแล้วถึงกับส่ายหน้า“คุณหญิงอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวลักษณ์จัดการให้” หญิงสาวเห็นกับข้
โชคดีที่คุณหญิงมุกดาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก มีเพียงแค่อาการบอบช้ำตามเนื้อตัวที่เกิดจากการล้ม และโรคความดันโลหิตสูงที่กำเริบขึ้นมาทำให้เกิดอาการวูบกระทันหันดีที่รวิชมารับกรรณิการ์กลับบ้าน จึงอุ้มคุณหญิงมุกดาส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว พชรและลักษณ์นันท์ที่รู้ข่าวรีบตามมาทันที“กานพูล” ลักษณ์นันท์เห็นหน้าลูกก็โผเข้ากอดพชรห่วงมารดาก็ห่วง คิดถึงลูกก็คิดถึงจึงได้แต่กอดกันสามคนพ่อแม่ลูกให้หายโหยหา แล้วรีบเข้าไปดูคุณหญิงมุกดาที่นอนอยู่บนเตียงทันที“คุณแม่” พชรจับมือมารดามากุมไว้ เขาเห็นสีหน้าอิดโรยก็รู้ว่าท่าทางของนางเหนื่อยมาก“คุณแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมความดันถึงขึ้นได้ล่ะครับ”โรคประจำตัวของคุณหญิงมุกดาได้รับการดูแลจากแพทย์ประจำตัวเป็นอย่างดี อีกทั้งนางเองก็ดูแลสุขภาพตัวเองเช่นกัน แต่จู่ๆ อาการเกิดกำเริบขึ้นมา ทำให้พชรอดคิดไม่ได้ว่าตนเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้หรือเปล่า“ผมขอโทษครับ ถ้าทำอะไรให้คุณแม่ไม่สบายใจ” ชายหนุ่มก้มลงกราบที่กลางอกของมารดาลักษณ์นันท์ที่กอดเด็กหญิงกานพูลแนบอกเดินเข้ามายืนเคียงข้าง ทั้งสองสบตากันจากนั้นพชรก็อุ้มหนูน้อยไว้แทน หญิงสาวพนมมือไหว้ด้วยความนอบน้อมก้มลงกรา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมากรรณิการ์มาพบคุณหญิงมุกดาเพื่อนำของหมั้นมาคืน พร้อมกับรับอาสาพชรและลักษณ์นันท์มาช่วยดูด้วยว่ากานพูลเป็นอย่างไรบ้าง“ป้าต้องขอโทษด้วยที่เจ้าเพชรทำตัวแบบนี้” คุณหญิงมุกดาเอ่ยคำแรก“แต่ป้าก็ยังอยากให้เราสองครอบครัวได้เกี่ยวดองกันจริงๆ นะ”“คุณป้าอย่าโทษตัวเองหรือใครเลยค่ะ เรื่องแบบนี้บังคับใจกันไม่ได้ ที่สำคัญรักใครแล้วได้อยู่กับคนที่รัก ถือเป็นความสุขที่แท้จริงของคนเรานะคะ ณิการ์กับพี่เพชรเหมาะเป็นพี่น้องกันมากกว่า” กรรณิการ์เอ่ยจากใจจริง“ความรักงั้นเหรอ” หญิงวัยกลางคนส่ายหน้าแล้วเอ่ยต่อว่า“ความรักอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ ผัวเมียคู่ชีวิตต้องสนับสนุนค้ำคูนให้ต่างฝ่ายต่างเจริญเติบโตซึ่งกันและกัน หากวันหนึ่งวันใดเกิดอะไรขึ้นอีกคนก็ต้องพร้อมจะก้าวมาพยุงครอบครัวให้ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้ แต่ดูนี่ซิ ตาเพชรทำอะไรตามใจตัวเอง คิดแต่สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่คิดถึงอนาคตเลยแม้แต่น้อย”“บางที เรื่องของอนาคตก็ต้องรอดูในเวลานั้นไหมคะ แต่เรื่องของปัจจุบันคือสิ่งที่เราจะพาตัวเองไปสู่อนาคตไม่ใช่เหรอคะ คุณป้า” กรรณิการ์สบตาคนตรงหน้าแล้วพูดจากใจว่า“คุณป้าห่วงและรักพี่เพชร อยากให้
รวิชเล่าเรื่องราวหลังคืนนั้นให้เขาฟังโดยละเอียด ทำให้รู้ว่าทั้งสองมีเงื่อนไขที่ตกลงกับคุณหญิงมุกดาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ลักษณ์นันท์ก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองตั้งท้องแต่ตั้งใจจะไม่บอก รวิชจึงต้องรับหน้าที่ดูแลสองแม่ลูกจนทุกอย่างกระจ่างพชรไม่ถามเหตุผลมารดาว่าทำไมจึงทำเช่นนี้ เขารู้นิสัยคุณหญิงมุกดาดีว่าเป็นเช่นไร คำว่ารักษาหน้าตาและชื่อเสียงของตระกูลมาที่หนึ่ง จึงไม่แปลกเมื่อเรื่องลักษณ์นันท์กับรวิชซาลง คุณหญิงมุกดาจึงรีบจัดแจงให้เกิดการหมั้นระหว่างเขากับกรรณิการ์โดยเร็วที่สุด“เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว คุณแม่คงไม่ถามว่ากานพูลเป็นลูกใครนะครับ” พชรเอ่ยตรงไปตรงมา“แกคิดว่าฉันโง่หรือไง เจ้าเพชร” คุณหญิงมุกดาย้อนถามเสียงแข็งเด็กหญิงกานพูลจะเป็นลูกใครได้ ในเมื่อถอนเค้าโครงเกือบทั้งหมดของพชรออกมาขนาดนั้น นางไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล และไม่ทำอะไรที่เป็นเรื่องไร้สาระเช่นนั้นด้วย“ผมรู้ว่าคุณแม่กำลังหลงหลาน” พชรพูดด้วยรอยยิ้มอย่าว่าแต่คุณหญิงมุกดาหลงรักเด็กหญิงตัวน้อยเลย เขาเองทุกลมหายใจเข้าออกก็คิดถึงแต่ลูกสาวคนนี้ตลอดเวลา“ถ้าไง เรารับทุกคนเข้ามาอยู่ที่นี่ ทำอะไรให้ถูกต้องทั้งตามธรรมเนียมและตามกฎหมายดีไหมครับ”
ลักษณ์นันท์ใจหล่นไปถึงตาตุ่มเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกานพูล พชรรีบกดโทรศัพท์ไปหาคุณหญิงมุกดาแต่อีกฝ่ายไม่รับสาย เขาคว้ากุญแจรถแล้วพาลักษณ์นันท์ที่น้ำตาคลอลงลิฟต์ไปที่ลานจอดเพื่อกลับบ้านทันทีเมื่อสองสามีภรรยามาถึงห้องก็พบว่ากานพูลไม่อยู่ พี่เลี้ยงที่ดูแลบอกเพียงว่าเด็กหญิงไปกับคุณหญิงมุกดา และถ่ายทอดข้อความที่อีกฝ่ายฝากไว้ว่า‘กลับบ้าน’ทีแรกพชรคิดว่าจะโทรศัพท์เพื่อหยั่งเชิงมารดา แต่เมื่อคุณหญิงมุกดาไม่ยอมรับสาย ทำให้เขาตัดสินใจเผชิญหน้าทุกสิ่งเพื่อให้ได้ลูกคืน“ลูกไม่เป็นไรแน่ลักษณ์ คุณแม่ไม่ทำร้ายกานพูลหรอก” เขาปลอบใจคนนั่งข้างๆพชรมั่นใจว่ามารดาไม่ใจไม้ไส้ระกำทำร้ายหลานตัวเองแน่ แต่คงใช้วิธีนี้บีบบังคับให้เขากลับบ้านเป็นแน่ สงสารก็แต่ลักษณ์นันท์ที่คงเป็นห่วงกานพูล และกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับมารดาอีกครั้ง“ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่ ทุกอย่างต้องดี” พชรกุมมือของหญิงสาวไว้ ลักษณ์นันท์เชื่อเช่นนั้นและหวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายในที่สุดเด็กหญิงตรงหน้าละม้ายคล้ายพ่อตัวดีที่ทำเรื่องให้ปวดหัวหลายส่วน อีกทั้งท่าทีไร้เดียงสาที่น่าเอ็นดูทำให้คุณหญิงมุกดาหลงรักในพริบตา กานพูลกินขนมและเล่นของเล่นที
“แล้วคุณอารู้เรื่องนี้หรือยัง” พชรเอ่ยถาม“ณิการ์บอกคุณพ่อก่อนมาแล้วค่ะ” หญิงสาวบอกตามตรง“คุณพ่อก็ตกใจ แต่ก็บอกว่ายินดีกับพี่เพชร คุณลักษณ์และก็น้องกานพูลด้วย คุณพ่อกระซิบว่าเอาใจช่วยให้ผ่านด่านคุณป้าได้ค่ะ”“เออ อันนี้แหล่ะเรื่องใหญ่” รวิชพยักหน้าเห็นด้วยใช่ นี่แหล่ะเรื่องใหญ่ของจริง พชรก็กำลังคิดหาวิธีรับมือกับเรื่องนี้เหมือนกัน“เพราะงั้นหาทางออกเรื่องคุณป้าดีกว่าค่ะ เรื่องณิการ์จิ๊บๆ มาก คุณลักษณ์ยิ้มหน่อย ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ” กรรณิการ์เอื้อมมือมากุมมือหญิงสาวไว้“ลักษณ์ขอโทษนะคะ แล้วก็ขอบคุณคุณณิการ์มากที่เข้าใจทุกอย่าง” ลักษณ์นันท์เอ่ยเสียงเครือ“ไม่ร้องค่ะ เลิกร้องได้แล้ว ของแบบนี้มันเป็นเรื่องของพรหมลิขิต ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ณิการ์อยู่ข้างคุณลักษณ์ค่ะ เห็นคนเขารักกันมีความสุข เผื่อว่าฟ้าจะเมตตาให้ณิการ์เจอคนดีๆ ที่รักณิการ์จริงๆ ก็ได้นะคะ สาธุ” กรรณิการ์หัวเราะเบาๆ ทำให้บรรยากาศที่อึมครึมคลายลงรวิชยกแก้วกาแฟขึ้นชูพร้อมส่งสายตาชื่นชมให้คนพูด เจ้าของเรื่องจึงหยิบแก้วกาแฟขึ้นชูรับแล้วจิบอย่างมีความสุข“ต่อไปถ้าใครจะเข้ามาหาณิการ์ต้องผ่านด่านพี่ก่อน พี่จะเป็นพี่ชายที่คอยส