“นั่นลูกมองหาใครกัน...” คุณดารณีแกล้งถาม“ก็ เอ่อ...เปล่านี่ครับ” ชายหนุ่มรีบเฉไฉ หันมาอ้อนลูกสาวกลบเกลื่อนความรู้สึก“ไงน้องมิว ไปเที่ยวสนุกตั้งหลายวัน คิดถึงพ่อดิวไหมครับ”“คิดถึงสิคะ น้องมิวซื้อขนมมาฝากพ่อดิวกับอาแคทด้วย อยู่ในถุงนั่นไง น้องมิวชิมแล้วอร่อยทุกอย่างเลยนะคะ”เด็กหญิงชี้ไปที่ถุงของฝากบนโต๊ะกลางห้อง ก่อนจะผละจากอ้อมกอดของพ่อแท้ๆ วิ่งกลับไปหาผู้เป็นแม่ พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้พ่ออีกคนอย่างมีความสุข ดูเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น และทำให้ดิฐกรรู้สึกว่าเขากลายเป็นส่วนเกินไปโดยปริยายส่วนเกินที่ไม่มีใครต้องการ...“ตายจริง ดูสิคะ พูดถึงของฝาก มี่มัวแต่ยุ่งๆ จนลืมเอาของฝากให้น้องแคทเลย”“ไม่เป็นไรนะครับที่รัก เดี๋ยวเราค่อยแวะเอาไปให้ที่บ้านก็ได้นี่นา เห็นว่าคุณพ่อพี่ก็บ่นคิดถึงน้องมิวอยู่ จะได้แวะเยี่ยมพวกท่านด้วย” คีรินปลอบภรรยาสาวเสียงอ่อนโยน“งั้นก็ได้ค่ะ”“พูดถึงหนูแคท ป้าก็ชักคิดถึง ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้เจอกันเลย ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง” คุณดารณีแกล้งบ่นลอยๆ พลางลอบสังเกตท่าทีลูกชายเงียบๆ“ก็ดีนะครับ เห็นว่าช่วงนี้เจ้าตัวฮอตมาก กำลังเดินสายไปนัดดูตัวเป็นว่าเล่นเลย”ดิฐกรหัวใจก
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...” เสียงเพลงวันเกิดดังมาจากมุมหนึ่งของห้อง พร้อมกับร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินถือเค้กน่ารักออกมาทำให้เจ้าของวันเกิดสาวถึงกับยกมือปิดปากน้ำตารื้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนจัดเซอร์ไพร์สวันเกิดให้เธอ และที่สำคัญที่สุดเขาคนนั้นคือชายผู้เป็นรักแรกและคนแรกของเธอ “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู...ยู” พอเพลงจบชายหนุ่มก็ยื่นเค้กวันเกิดมาตรงหน้าของเจ้าของวันเกิด “อธิษฐานก่อนเป่าสิมี่” มี่ หรือ มิรันดา ยิ้มรับก่อนหลับตาลงเพื่ออธิษฐานขอพรวันเกิดในใจ...‘ขอให้พี่ดิวรักมี่คนเดียว และเราสองคนได้อยู่ร่วมฉลองวันเกิดแบบนี้ในทุกๆ ปีตลอดไป’เมื่ออธิษฐานเสร็จหญิงสาวก็รีบลืมตาขึ้น และเป่าเทียนวันเกิดจนดับทั้งหมด“สุขสันต์วันเกิดนะมี่ พี่มีของขวัญพิเศษให้ด้วยนะ หลับตาก่อนสิ” หญิงสาวมองหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายอย่างสงสัย แต่ก็ยอมหลับตาลงรอคอยหากแล้วอะไรบางอย่างก็ทาบลงที่ต้นคอของเธอเบาๆ ทำให้ลมหายใจสะดุด หัวใจเต้นรัวแรง เมื่อหูได้ยินเสียงอ่อนโยนกระซิบที่ข้างหูเบาๆ“เป็นแฟนกันนะมี่...”มิรันดาหัวใจกระตุกวาบรีบลืมตาขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างดีใจจนพูดไม่ออก ม
“พี่ดิว มี่ไม่ไหวแล้ว เร็วอีกหน่อยได้ไหม”คำร้องขอนั่นถูกตอบกลับด้วยการห่มสะโพกเข้าหากายสาวอย่างรัวแรงในเมื่อดิฐกรเองก็ใกล้จะถึงฝั่งฝันแสนวาบหวามเต็มทีแล้วเหมือนกัน มือหนาช้อนบั้นท้ายแน่นเด้งของแฟนสาวก่อนกดลงมากระแทกเร็วๆ แรงๆ อีกเพียงไม่กี่ที ทั้งเธอและเขาก็ทะยานขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดทั้งคู่“เฮ้อ...เหนื่อยชะมัด”ชายหนุ่มบ่นอุบ ก่อนถอดถอนตัวตนออกจากความฉ่ำชื้นของดอกไม้งามที่ถูกเขาเชยชมจนหนำใจ ก่อนที่จะทิ้งตัวนอนตะแคงหันข้างให้ร่างอ้อนแอ้นของแฟนสาวที่ยังคงสั่นกระตุกจากแรงพิศวาสอันเร่าร้อนไม่หายมิรันดาปรายตามองคนรักหรือต้องเรียกว่าสามีก็คงได้ แม้จะยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน หรือจดทะเบียนกันอย่างเป็นทางการ แต่เขาและเธอก็เข้าหอกันมายาวนานนับตั้งแต่วันเกิดของเธอในปีนั้นพอความรัญจวนในกายค่อยๆ บรรเทาลง หญิงสาวก็หันไปกอดคนรักจากด้านหลัง“ฮื้อ...ร้อน! ยังไม่อิ่มอีกหรือไง พอเถอะวันนี้พี่เหนื่อยแล้ว พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้าด้วย มี่เลิกกวนได้ไหมพี่ขอล่ะ”มิรันดาชะงักกึก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบ่นเช่นนี้ เมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นแฟนกันใหม่ๆ ทุกครั้งที่มีอะไรกันเสร็จ ดิฐกรก็จะนอนกอดเธอแล้วหลับไปพร้อม
พูดน่ะมันง่าย แต่ทำนี่สิยาก‘ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ งั้นแกต้องเอาด้วยกล แกรู้ไหมว่ายัยมุกมันได้แต่งงานเพราะอะไร’ คนพูดทำหน้าเจ้าเล่ห์‘เพราะอะไรล่ะ’‘ท้องไง มันปล่อยท้อง แล้วก็ค่อยบอกผัว ผัวมันก็เลยต้องยอมแต่งด้วย แกก็ลองใช้วิธีนี้ดูสิเผื่อได้ผล’‘บ้า! แต่ฉันไม่ได้ท้องจริงๆ นี่’จะเอาอะไรมาท้อง ในเมื่อเขาป้องกันตลอด ส่วนเธอก็กินยาคุมไม่เคยขาด‘เอาน่า อยู่กินกัน ทำการบ้านทุกวันมันก็ต้องท้องซักวันสิน่า’“พี่ดิว มี่อยากแต่งงาน ถ้าพี่ยังไม่พร้อมเราไปจดทะเบียนกันก่อนก็ได้นะ มี่โอเค...”คำนั้นทำให้คนที่บอกเหนื่อยและง่วงถึงกับผุดลุกขึ้นหันมามองด้วยสีหน้าหงุดหงิด“แต่พี่ไม่โอเค พี่ยังไม่พร้อมจะแต่งงานตอนนี้”คำนั้นทำให้มิรันดาถึงกับหน้าเสีย“พี่หมายความว่ายังไง ไม่พร้อมคืออะไร ถ้าหมายถึงเงิน มี่ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากพี่นี่คะ”มิรันดาเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ของเธอเสียไปเมื่อหลายปีก่อน เธอต้องอยู่กับยาย แต่ไม่นานท่านก็เสียไปด้วยโรคมะเร็งอีกคน ทำให้เธอไม่เหลือใครอีก ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบหาเงินส่งเสียตัวเองเรียน จนมาพบเขา ชีวิตถึงได้ดีขึ้นบ้าง“พี่บอกยังไม่พร้อมก็คือยังไม่พร้อมสิ จะถามเซ้าซี้อะไรมากม
เรื่องที่เพื่อนพูดมามันก็มีเหตุผล บางทีหากเราได้ห่างกันสักพัก ไม่แน่ว่าอะไรๆ มันก็คงดีขึ้น ความรู้สึกที่เคยมีให้กัน เมื่ออยู่ใกล้มากไปมันก็จืดจางทำให้เบื่อหน่ายกันได้เหมือนกัน พอเว้นระยะให้กันเสียบ้างอะไรๆ คงดีขึ้น ชายหนุ่มครุ่นคิดหาทางออกในใจ“ทำแบบนี้มันจะดีจริงๆ เหรอแก”มิรันดาถามปลายสายพลางมองสิ่งที่อยู่ในมืออย่างลังเลใจ“แกจะคิดมากทำไมวะ ลองดูก็ไม่เสียหายนี่หว่า ก็แกบอกเองว่าผัวแกเขาเปลี่ยนไป ก็ลองใช้วิธีนี้ เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้นก็ได้นะ”“แล้วถ้าเขาจับได้ล่ะ”“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้น่า ลองดูก่อน แกแค่นี้นะ ลูกฉันร้องหิวนมแล้ว”มิรันดาถอนหายใจเฮือก เมื่อปลายสายกดตัดการติดต่อไปดื้อๆ ทิ้งให้เธอว้าวุ่นคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดีท่าทีที่เปลี่ยนไปของคนรักมันทำให้เธอหวั่นไหวและกลัวใจเหลือเกินว่าเขาจะขอสะบั้นความสัมพันธ์ของเราลงวนวันใดวันหนึ่ง หากเธอไม่หาทางผูกเขาไว้ ก็คงต้องเสียเขาไปสักวัน“เอาวะ ลองดูก็ไม่เสียหลายนี่” หญิงสาวเรียกความเชื่อมั่น พลางหยิบของในมือใส่ถุงซิปล็อกและหย่อนลงในกล่องของขวัญที่เธอเตรียมไว้พลางมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสี่ทุ่มหลังจากที่เธอเอ่ยปากเรื่องแต่งงานกับดิฐกร
“พอดีวันนี้ที่แผนกเขามีกินเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่น่ะ แล้วก็เลยฉลองวันเกิดให้ พี่เลยกลับดึกไปหน่อย”มิรันดาชะงักไป ในขณะที่เธอรอเขา แต่เขากลับไปมีความสุขกับคนอื่นโดยไม่คิดบอกกันก่อนสักคำเนี่ยนะ“งั้นเหรอคะ”“มี่...” ชายหนุ่มเผลอเรียก เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของอีกฝ่าย“มี่เตรียมของขวัญวันเกิดให้พี่ด้วยนะ” มิรันดาฝืนยิ้มให้คนรัก ทั้งที่ในใจกำลังเจ็บปวด พลางหันไปหยิบกล่องของขวัญส่งให้“นี่ไงคะ สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่ดิว”“มี่...พี่มีเรื่องอยากคุย...”“พี่ดิวลองเปิดดูสิคะ ว่าชอบไหม” หญิงสาวรีบตัดบทไม่อาจกลั้นน้ำตาที่รื้นขึ้นมากลบสองตาไว้ได้อีกต่อไป ริมฝีปากสั่นระริกพยายามแย้มยิ้มให้เขาดิฐกรใจอ่อนยวบเมื่อเห็นน้ำตาคนรัก เขาไม่ได้ยื่นมือไปรับของขวัญกล่องนั้นมา ได้แต่ยืนนิ่งขึง สมองคิดทบทวนคำพูดของเพื่อนรัก‘ลองห่างกันดูสักพักไหมล่ะ ลองดู เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น บางทีคนอยู่ด้วยกันทุกวันเห็นหน้ากันก็มีเหม็นเบื่อกันได้ ถ้าลองห่างกัน มึงจะได้มีเวลาสำรวจหัวใจตัวเองดูว่ามึงยังรักน้องมี่อยู่ไหม’“มี่...เราลองห่างกันสักพักดีไหม แยกกันอยู่สักพัก เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น”คำนั้นราวสายฟ้าฟาดเปรี้ยงแสกหน้า
“มี่! นี่มัน...” ดิฐกรอุทานลั่น หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตัวชาไปหมดเมื่อเห็นของที่อยู่ในกล่อง แท่งตรวจครรภ์ที่มีขีดสีแดงขึ้นชัดสองขีด เขาไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้จักว่ามันคืออะไร“มี่ท้อง! ลูกของพี่”มิรันดาโพล่งออกไป สองมือเย็นเฉียบกุมกันไว้แน่น ตามองอาการตกใจของอีกฝ่ายอย่างลุ้นและรู้สึกผิดไปพร้อมกัน“มี่...”“มี่ตั้งใจจะให้เป็นของขวัญวันเกิดเซอร์ไพร์สพี่”เซอร์ไพร์สเหรอ...ใช่ตอนนี้เขาทั้งเซอร์ไพร์สและงุนงงเหมือนโดนชกสมองจนมึนชาไปแล้วเขาอยากเว้นระยะห่างกับเธอเพื่อสำรวจหัวใจ แต่เธอกลับบอกว่ากำลังมีลูกกับเขาเสียนี่ เขาควรดีใจที่มีลูก แต่ทำไมนะ มันถึงไม่ได้รู้สึกดีใจอย่างที่คิด“พี่รู้แบบนี้แล้ว ยังจะขอเลิกกับมี่อยู่อีกไหม” เธอท้าวัดใจเขาไปตรงๆ ต่อให้ไม่รักเธอแล้ว แต่เขาก็ควรรักเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองบ้างสิ“มี่...พี่ขอเวลาหน่อย พี่ขอเวลาคิดหน่อยได้ไหม”คำนั้นของเขาทำให้หญิงสาวสตั้นไปชั่วขณะ“คิดเหรอ พี่จะคิดอะไร หรือยังคิดจะทิ้งมี่กับลูก ไปอยู่ห่างกันสักพักอีกงั้นเหรอ นี่พี่จะทิ้งพวกเราได้ลงคอจริงเหรอ”“ไม่! ไม่ใช่ พี่ไม่ได้ทิ้งมี่กับลูก ก็แค่...” ดิฐกรยกมือปาดเลือดที่หางคิ้ว ก่อนจะสบถ
“มี่...”“เป่าเทียนสิคะพี่ดิว” หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตาพลางยื่นเค้กในมือไปตรงหน้าเขา ทำให้อีกฝ่ายนิ่งอึ้งไป หากสุดท้ายชายหนุ่มก็ยอมทำตามที่เธอต้องการเทียนวันเกิดค่อยๆ ดับทีละเล่มสองเล่มจนท้ายที่สุดก็ดับจนหมด ราวกับความรักของเขาที่มีต่อเธอที่ตอนนี้มันคงมอดจนไม่เหลืออีกต่อไป“สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่ดิว”“อืม...งั้นพี่ไปก่อนนะ มี่ก็รีบพักผ่อนได้แล้ว”มิรันดายิ้มเย็นชา เธอจะนอนหลับลงได้อย่างไรในคืนนี้ เขาช่างพูดง่ายเหลือเกิน ไม่สิ เธอต่างหากที่ง่าย ง่ายจนเขาไม่เห็นค่า อยากทิ้งก็ทิ้งกันได้ลงคอ“พี่ดิวคะ...คำถามสุดท้าย พี่ยังรักมี่อยู่ไหม”คำถามนั้นทำให้คนที่กำลังหันหลังจะเดินจากไปชะงักเท้านิ่งกับที่ แต่ไม่ได้หันกลับไปมองด้านหลังเกรงว่าเขาจะใจอ่อน“ไม่รู้สิ ตอนนี้พี่เองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”พูดจบเขาก็เปิดประตูเดินออกไปโดยไม่เหลียวหลัง ทิ้งให้คนที่เหลืออยู่มองตามหลังเขาไปจนลับตา ก่อนที่เธอจะเข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรงในคำตอบที่ได้ยินในที่สุดสิ่งที่เธอกลัวมาตลอดก็เกิดขึ้นหลังจากเสียพ่อแม่และยายไป ดิฐกรก็เป็นหลักยึดเดียวในชีวิต แต่ตอนนี้หลักที่ว่าก็ดันไม่มั่นคงเสียแล้วมิรันดาร้องไห้โ
“นั่นลูกมองหาใครกัน...” คุณดารณีแกล้งถาม“ก็ เอ่อ...เปล่านี่ครับ” ชายหนุ่มรีบเฉไฉ หันมาอ้อนลูกสาวกลบเกลื่อนความรู้สึก“ไงน้องมิว ไปเที่ยวสนุกตั้งหลายวัน คิดถึงพ่อดิวไหมครับ”“คิดถึงสิคะ น้องมิวซื้อขนมมาฝากพ่อดิวกับอาแคทด้วย อยู่ในถุงนั่นไง น้องมิวชิมแล้วอร่อยทุกอย่างเลยนะคะ”เด็กหญิงชี้ไปที่ถุงของฝากบนโต๊ะกลางห้อง ก่อนจะผละจากอ้อมกอดของพ่อแท้ๆ วิ่งกลับไปหาผู้เป็นแม่ พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้พ่ออีกคนอย่างมีความสุข ดูเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น และทำให้ดิฐกรรู้สึกว่าเขากลายเป็นส่วนเกินไปโดยปริยายส่วนเกินที่ไม่มีใครต้องการ...“ตายจริง ดูสิคะ พูดถึงของฝาก มี่มัวแต่ยุ่งๆ จนลืมเอาของฝากให้น้องแคทเลย”“ไม่เป็นไรนะครับที่รัก เดี๋ยวเราค่อยแวะเอาไปให้ที่บ้านก็ได้นี่นา เห็นว่าคุณพ่อพี่ก็บ่นคิดถึงน้องมิวอยู่ จะได้แวะเยี่ยมพวกท่านด้วย” คีรินปลอบภรรยาสาวเสียงอ่อนโยน“งั้นก็ได้ค่ะ”“พูดถึงหนูแคท ป้าก็ชักคิดถึง ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้เจอกันเลย ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง” คุณดารณีแกล้งบ่นลอยๆ พลางลอบสังเกตท่าทีลูกชายเงียบๆ“ก็ดีนะครับ เห็นว่าช่วงนี้เจ้าตัวฮอตมาก กำลังเดินสายไปนัดดูตัวเป็นว่าเล่นเลย”ดิฐกรหัวใจก
เขาก็ยิ่งกดดันกับภาระหัวหน้าครอบครัว จึงต้องการมีทายาทไว้สืบสกุลและสานต่อธุรกิจต่างๆ ในมือ แต่กลับได้ลูกสาวมาถึงสองคน และพอท้องที่สามเขาจึงคาดหวังว่าจะได้ลูกชายสมใจเสียที แต่แล้วก็กลับต้องผิดหวังอีกหนเมื่อลูกคนสุดท้องคลอดมาเป็นผู้หญิง พร้อมกับที่หมอบอกว่าเด็กคลอดยากจนเกือบทำให้แม่เสียชีวิต แถมสุขภาพหลังคลอดของคุณมารตีก็มีปัญหาจนไม่อาจตั้งครรภ์ได้อีก ยิ่งสร้างความผิดหวังให้คนเป็นสามีอย่างมากและเพราะเหตุนี้ทำให้แคทรียาพยายามทำทุกอย่างตามที่พ่อแม่ต้องการมาตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องการใช้ชีวิต ราวกับเธอต้องการชดเชยความผิดหวังของทั้งสอง กระทั่งยอมถูกจับคลุมถุงชนแต่งงานกับลูกชายเพื่อนรักของคุณราเมศร์ตามสัญญา ทั้งที่ลูกสาวอีกสองคนต่างปฏิเสธหัวชนฝาหมดไม่มีใครยอมโดนพ่อบังคับจับคลุมถุงชนมีเพียงลูกสาวคนสุดท้องคนนี้ที่อาสาตามใจพ่อกับแม่ ยอมทั้งที่รู้ว่าผู้ชายที่พ่อแม่หมายตาไม่เคยรักหรือมีใจให้เธอเลยสักนิด นั่นเพราะเขามีเจ้าของหัวใจอยู่ก่อนแล้ว“แคทต้องทำยังไงพ่อถึงจะหายโกรธ เลิกลงโทษแคทเสียทีคะ เอาอย่างนี้ไหม พ่อกับแม่หาใครก็ได้มาดูตัวอีกหน คราวนี้แคทสัญญาว่าจะยอมแต่งกับเขา ไม่ว่าผู้ชาย
“ยัยแคท! ไม่นะลูก…”เสียงคนเป็นแม่กรีดร้องลั่น ทิ้งถาดผลไม้ในมือ รีบถลาเข้าไปคว้าตัวลูกสาวลงมาจากขอบหน้าต่างได้อย่างหวุดหวิด“แม่!”“ทำไมทำแบบนี้ลูก ฮือ...หนูไม่รักแม่แล้วเหรอ ทำไมถึงได้คิดสั้นแบบนี้” คุณมารตีกอดลูกสาวแน่นจนแทบหายใจไม่ออก“แม่คะ แคทไม่ได้จะ...”ยังไม่ทันได้พูด ก็มีคนเข้ามาขัดจังหวะ ด้วยเสียงดังลั่นของคุณมารตีทำให้คนในบ้านต่างแตกตื่นรีบกรูกันเข้ามาในห้องด้วยความตกใจ ทั้งคุณราเมศร์และลูกสาวอีกสองคนที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาสมทบ“เอะอะอะไรกันคุณ ยัยแคทเป็นอะไร” คุณราเมศร์รีบปราดเข้าไปดูลูกสาวที่ยังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า“ยัยแคทค่ะ ยัยแคทจะฆ่าตัวตายค่ะคุณ ลูกจะโดดหน้าต่างฆ่าตัวตาย ฮือๆ”คำนั้นทำให้ทุกคนในห้องถึงกับตกตะลึงงันจ้องมองมาที่ตัวต้นเหตุเป็นตาเดียว“ยัยแคททำไมโง่แบบนี้ กะอีแค่ผู้ชายคนเดียว ทำไมน้องถึงต้องคิดสั้นด้วย” คริมาพี่สาวคนโตว่า พลางเข้าไปกอดน้องสาวด้วยความห่วงใย“แคท...” เปล่าสักหน่อย หญิงสาวกำลังจะเอ่ยปากแก้ตัว แต่ก็พูดอะไรไม่ออกเธอแค่คิดจะหนี ไม่ได้จะคิดสั้นเสียหน่อย“คุณพ่อคะ ดูนี่สิคะ” คาริสาพี่สาวคนรองที่ตาไวหันไปเห็นสิ่งที่นอนอยู่ในถังขยะจึงเก็บมาให
แคทรียานั่งเหม่อมองถาดอาหารตรงหน้าอย่างเบื่อหน่าย ถึงแม้จะเป็นของโปรดที่เธอชอบทุกอย่าง แต่กลับกินไม่ลงเสียนี่ ตอนนี้เธออยากได้อิสระคืนมาเต็มทีแล้ว การถูกขังไปวันๆ แบบนี้มันทำให้ชีวิตเหี่ยวเฉาชะมัดไม่รู้ว่าเขาคนนั้นจะมีชะตากรรมเช่นไรจะเป็นยังไง ป่านนี้เขาก็ตีปีกพั่บๆ น่ะสิ ไม่ต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักแล้ว แถมมีอิสระเสรีไม่โดนขัง ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไปเที่ยวที่ผับไหนสักที่ ควงสาวสวยๆ สักคนสองคนไปหาความสุขกันสบายใจเฉิบน่ะสิ“ตาบ้า! ทิ้งกันได้ลงคอ”ยิ่งคิดก็ยิ่งขุ่นเคือง สมรู้ร่วมคิดร่วมมือร่วมเตียงด้วยกันแต่ทำไมมีเพียงเธอที่ต้องรับโทษเนี่ย ใบหน้าสวยหม่นลง ทอดตามองออกไปนอกหน้าต่างที่ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มดูท่าคืนนี้ฝนจะตกหนักอีกแล้ว การรอคอยเวลาให้ผ่านไปอย่างไร้ค่าแบบนี้มันช่างน่าเบื่อเสียจริงๆเธอไม่ได้พบหน้าเขามากี่วันแล้วนะ ก็ตั้งแต่วันที่เขาพลั้งปากกับพ่อเธอนั่นล่ะ‘ผมเห็นน้องแคทเหมือนน้องสาวเท่านั้น!’คำตอบของเขายังคงวนเวียนรบกวนจิตใจเธอไม่รู้จบ ถึงคำตอบของเขามันจะเป็นเรื่องจริงและเป็นผลดีต่อเราทั้งคู่ เพราะทำให้พวกพ่อแม่ยอมรามือจากการจับคลุมถุงชนอลเวงนี่เสียที เขาลอยตัว
แคทรียาก่ายหน้าผากนอนมองเพดานห้องอย่างเบื่อหน่าย คำสั่งกักบริเวณของบิดาทำให้เธอต้องมาติดแหงกในห้องนอนแถมมีวงจรชีวิตใกล้เคียงหนอนชาเขียวเข้าไปทุกที ต้องโดนริบรถ ริบโทรศัพท์มือถือ ตัดขาดการสื่อสารทุกอย่าง หลายครั้งที่เธอคิดจะหนี แต่ก็ถูกจับได้ทุกทีทุกเช้าพี่สาวทั้งสองจะสลับกันเข้าไปดูงานที่ร้านให้ พร้อมกับเอางานเร่งด่วนที่ต้องทำกลับมาให้ ทุกวันจะมีคนเอาอาหารมาเสิร์ฟถึงห้องนอนสามมื้อ บ่ายหรือเย็นก็มีคนมารับงานที่ทำเสร็จกลับไป พอไม่มีอะไรให้ทำ เธอก็นอนฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ จนจะกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่แล้วไม่ว่าเธอจะอ้อนวอนหรือขอใช้โทรศัพท์มือถืออย่างไร แต่ก็ไม่มีใครยอมใจอ่อน เพราะเกรงว่าจะโดนลูกหลงจากคุณราเมศร์ไปด้วยนี่มันคุกชัดๆ เธอควรทำอย่างไรถึงจะหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ได้เสียที“ยัยแคทไม่ยอมกินข้าวกินปลาอีกแล้วหรือ” คุณมารตีหันไปถามแม่บ้านที่เพิ่งยกถาดอาหารออกมาจากห้องลูกสาวคนเล็กด้วยสภาพที่แทบไม่มีอะไรพร่องจากจานสักนิด“ค่ะคุณผู้หญิง เมื่อเช้าก็แทบไม่แตะเลย ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อ คุณหนูแคทจะไม่สบายเอาได้นะคะ”คนเป็นแม่ฟังแล้วชักหนักใจเป็นห่วง แต่ครั้นจะไปโน้มน้าวกับสามีก็ไม่ใช่เรื่องง่า
เอาคืนผู้ชายหลายใจอย่างเขา ด้วยการเอาตัวเองมาเป็นเหยื่อล่อเนี่ยนะ ยัยนี่เอาสมองส่วนไหนคิด“พลาดไปเนี่ยนะ! แล้วถ้าลูกเกิดท้องขึ้นมา เคยคิดบ้างไหมว่าจะทำอย่างไร”“คิดสิคะ เรื่องนี้เราสองคนคุยกันแล้วว่าแคทจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเอง”“ยัยแคท!” “หนูแคท!”“จริงๆ นะคะพ่อ แคทคิดแบบนั้น ในเมื่อทุกคนก็รู้ว่าทุกอย่างเป็นแผนเอาคืนของแคท ที่จริงเราสองคนไม่ได้รักกัน ขืนแต่งงานกันไป สุดท้ายก็ต้องหย่าอยู่ดี แล้วจะแต่งทำไม จริงไหมคะพี่ดิว”“จริงหรือตาดิว เรื่องที่ยัยแคทพูดมาเป็นเรื่องจริงเหรอ”คุณราเมศร์หันไปถามชายหนุ่มที่กำลังอึ้ง ประมวลผลในสมองอย่างสับสน คำพูดของแคทรียามีผลต่อหัวใจเขารุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อหากสิ่งที่เธอพูดมาคือเรื่องจริง ก็ถือว่าเธอเอาคืนเขาได้สำเร็จ เพราะตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนโง่ เป็นตัวตลกที่โดนเธอหลอกปั่นหัวเล่น จนปวดหนึบในหัวใจขึ้นมาจริงๆ เมื่อคิดว่าตัวเองอาจจะเผลอใจรักเธอขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว ได้สิ! ในเมื่อเธออยากเล่นเกมเอาคืนนัก เขาก็จะเล่นด้วย หากเธอไม่อยากแต่งกับเขา เขาก็จะทำในสิ่งตรงกันข้าม!“ตาดิว...คิดให้ดีก่อนตอบ”แคทรียารีบหันไปส่งสายตาให้เขาตอบอย่างที่เธอต้อง
“พ่อคะ จริงๆ เรื่องนี้ไม่มีอะไรเลยนะคะ แคทอธิบายได้”“แล้วที่ลูกกับตาดิวมีอะไรกันแล้ว เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า” มาคำถามแรกก็ยิงเข้าประเด็นทันที สมแล้วที่เป็นพ่อเธอ หญิงสาวกลืนน้ำลายฝืดคอ“เอ่อคือ...” สาวมั่นเริ่มอึกอัก รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เมื่อมองไปรอบห้องที่ตอนนี้พุ่งเป้ามาที่เธอ นี่มันยิ่งกว่าโดนตำรวจสอบปากคำเมื่อกี้นี้เสียอีก“คิดให้ดีก่อนตอบ เพราะถ้าพ่อจับได้ทีหลังว่าโกหก ลูกก็รู้ว่าจะเป็นยังไง” เสียงเรียบนิ่ง ดุในที ทำให้คนเป็นลูกนึกขยาดเธออาจจะมั่นหน้ากับใครทั้งโลกก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่กับบิดาของตัวเอง ความมั่นใจในตัวไม่เคยมีผล ทุกครั้งที่เธอคิดจะโกหก ต่อให้เนียนแค่ไหน เนียนชนิดคนทั้งโลกไม่มีทางจับไต๋ได้ แต่สุดท้ายก็โดนพ่อจับโป๊ะได้ทุกที เรียกว่าแพ้ทางก็ว่าได้หญิงสาวหันไปสบตาผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างหนักใจ เห็นไหม เธอก็เตือนแต่แรกแล้วว่าอย่ามาๆ เขาก็ยังดื้อแพ่งจะมา แล้วไงล่ะเนี่ย หัวจะปวด“ว่าไงตาดิว เธอเป็นลูกผู้ชายคงไม่คิดโกหกผู้ใหญ่หรอกใช่ไหม” คุณราเมศร์เบนเข็มไปทางชายหนุ่มด้วยสีหน้าจริงจังปฏิเสธไปสิ อย่ายอมรับง่ายๆ นะลูกพี่ อย่า...“ใช่ครับ เราสองคนมีอะไรกันแล้ว”“เห็นไหมคะพ่อ เรื่อ
เวลาต่อมา สองหนุ่มสาวก็มาถึงถ้ำเสือ แคทรียาหันไปมองเพื่อนร่วมชะตากรรมที่นั่งทำหน้าเหมือนคนท้องผูกมาตลอดทาง“ถ้าอยากเปลี่ยนใจ จะกลับตอนนี้ก็ยังทันนะคะ”ดวงตาคมเข้มตวัดมองสบตาหญิงสาว“เธอรู้ได้ยังไงว่าพี่อยากเปลี่ยนใจ”“อ้าว! ก็แคทไม่ได้โง่นี่นา เห็นพี่นั่งทำหน้าเป็นตูดมาตลอดทางก็รู้แล้วว่าไม่เต็มใจ”“รู้ดีจริงนะ”“เฮ้อ...ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นว่าพี่น่ะหวงความโสดจะตาย พี่ไม่อยากแต่งงานกับแคท เลยหนีการดูตัวทุกครั้ง แล้วแคทเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับคนที่ไม่รักกันแบบพี่ด้วย แต่ถ้าขืนเราเข้าไปเจอพ่อตอนนี้แล้วโดนพ่อแคทมัดมือชกบังคับให้เราสองคนแต่งงานกันล่ะ พี่ดิวจะว่ายังไง” หญิงสาวแกล้งขู่ทีเล่นทีจริง“พี่ก็รู้นี่ว่าพ่อแคทเป็นพวกหัวโบราณสุดๆ ขืนรู้ว่าที่ผ่านมาพวกเราแอบแซ่บกันแล้วตั้งหลายครั้ง มีหวัง...ชึ้บ!” หญิงสาวทำท่าเอานิ้วชี้ปาดคอตัวเองด้วยสีหน้าสยองขั้นสุด“ในเมื่อเธอก็โสดแล้ว พี่เองก็ไม่มีใคร ถ้าต้องแต่งกันจริงๆ ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่”“อย่ามาล้อเล่น หน้าสิ่วหน้าขวานนะคะ นี่แคทซีเรียส นะ พวกเราก็แค่แกล้งๆ คบกันตบตาชาวบ้าน เพื่อจะได้ไม่ต้องถูกพ่อแม่จับคลุมถุงชน ถ้าขืนแต่งงานกันก็ผิดวัตถุประสง
“ก็ถ้ารู้ว่าต้องเสียค่าปรับแบบนี้ แคทน่าจะแถมให้อีตาบ้านั่นอีกสักหมัดสองหมัด เจ็บใจนัก”หญิงสาวบ่นอุบ จนคนฟังถึงกับส่ายหน้า ขืนไม่รีบสลบเหมือดคาที่สิ มีหวังเจ้าวรพลนั่นคงเดี้ยง ไม่ก็คงได้จองเมรุไปแล้ว แต่ถึงกระนั้นเจ้าหมอนั่นก็คงเข็ดขยาดไปไม่น้อย เมื่อเจอตอสุดแสบอย่างแคทรียาคนนี้ เห็นตัวผอมๆ เพรียวๆ ใครจะคิดว่าเจ้าหล่อนจะแรงเยอะเอาเรื่องใช่ย่อย เล่นเอาผู้ชายตัวโตกว่าสลบคาที่ไม่พอ แม่ตัวดียังขอแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายมารังควานเธออีกแต่กระนั้นเขาก็ยังไม่วางใจเมื่อเห็นแววตาอาฆาตจากอีกฝ่ายก่อนที่จะยอมแยกย้ายกลับไปแบบมือเปล่า“คิดอะไรอยู่เหรอคะพี่ดิว”“เมื่อกี้เธอเห็นสายตาของไอ้หมอนั่นไหม พี่ว่าท่าทางมันไม่น่าไว้ใจนะ ระหว่างนี้เธออย่ากลับไปพักที่คอนโดนั่นจะดีกว่านะ เพื่อความปลอดภัย”“พี่เป็นห่วงแคทด้วยเหรอคะ”“น้อยๆ หน่อย อย่าหลงตัวเอง...” แคทรียาเบ้ปากใส่“ไม่ให้พักที่คอนโดตัวเองแล้วจะให้ไปนอนที่ไหน ช่วงนี้แคทไม่อยากกลับไปนอนที่บ้านนี่นา”“งั้นก็ไปพักที่คอนโดพี่ก่อนแล้วกัน” หญิงสาวหันไปทำตาโตใส่คนใจป้ำ“ไปนอนคอนโดพี่เนี่ยนะ นี่ไม่ได้คิดมิดีมิร้ายหรือมีจุดประสงค์แ