“เดือนนี้ชีวาคงไม่มีเงินจ้างคนงานเกินกว่าสิบคน ไหนจะคุณแม่กับคุณพี่อีก” ขวัญชีวาถอนหายใจเบาๆ
คุณดวงพรสั่งให้ขวัญชีวาเรียกพี่สาวฝาแฝดของตนว่า คุณพี่ เสมอและห้ามเรียกชื่อเล่นของดวงชีวันอีกด้วยขวัญชีวาจะต้องเทิดทูนราวกับว่าดวงชีวันเป็นเจ้าหญิงส่วนตัวเธอคือสาวใช้ผู้ต่ำต้อย แต่ขวัญชีวาก็ไม่เคยโต้แย้งหรือคัดค้านคำสั่งของคุณดวงพรเลยไม่ว่าผู้เป็นแม่จะให้ทำอะไรขวัญชีวาก็เต็มใจทำให้ด้วยอยากเอาใจผู้เป็นแม่และลึกๆ แล้วหญิงสาวคิดว่าหากตนตามใจแม่แล้ว แม่ก็อาจจะรักเธอเหมือนกับที่รักพี่สาวนั่นเอง
“คุณหนูขาดอีกเท่าไหร่คะ เดี๋ยวนมจะช่วยอีกแรง”
“อย่าเลยค่ะ แค่นมนวลเลี้ยงดู ดูแลเอาใจใส่ชีวามาตั้งแต่จำความได้ชีวาก็ทดแทนพระคุณไม่หวาดไม่ไหวแล้วค่ะ” หญิงสาวยิ้มกว้างให้ผู้เป็นแม่นม ร่างบอบบางที่บางจนแทบจะปลิวลมเข้ามาสวมกอดนวลตองไว้ใบหน้าเรียวเล็กที่ประกอบด้วยเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มซบลงกับอกนุ่มที่เต็มไปด้วยไออุ่นของแม่นมตนอย่างออดอ้อนและเพื่อแสวงหาความอบอุ่นอิ่มเอมใจที่ขวัญชีวาไม่เคยได้รับจากแม่ที่แท้จริงเลยสักครั้ง
“คุณหนูไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ค่ะ ให้พวกเขาลำบากเสียบ้างจะได้รู้ว่าเงินมันหายากแค่ไหน”
“สงสารคุณแม่ค่ะ ท่านอายุมากแล้ว คุณพี่ก็ไม่เคยทำงานจะลำบากเปล่าๆ”
“โถ แม่คุณของนวล..” นวลตองลูบเรือนผมสลวนยาวถึงกลางหลังของหญิงสาวที่นางเลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกจนบัดนี้ยี่สิบสองปีแล้วอย่างเวทนา ดูเอาเถิดขนาดว่าแม่กับพี่สาวไม่เคยใส่ใจแม้แต่เศษเสี้ยวความรู้สึกของตน
“แล้วนี่ทำอาหารเย็นรึยังคะ เดี๋ยวคุณแม่จะดุเอา”
“นมทำเสร็จหมดแล้วค่ะ คุณหนูจะทานก่อนมั้ยคะแล้วขึ้นไปพักผ่อน”
“ชีวาจะทานแล้วก็จะออกไปดูในไร่สักหน่อยค่ะ มีส้มบางต้นยืนต้นตาย ชีวาว่าจะคัดต้นที่อ่อนแอทิ้งแล้วดูแลพวกที่แข็งแรงไว้แล้วใส่ปุ๋ยบำรุงมันใหม่ ส่วนพื้นที่ที่เหลือชีวาจะปลูกผักขายค่ะ”
“ทำคนเดียวจะไหวรึคะ”
“ชีวามีพี่ ชายแดน ช่วยค่ะ พี่แดนบอกว่าจะมาช่วยทำแปลงผักและจัดการวางระบบน้ำในส่วนผักให้” หญิงสาวยิ้มหวานให้พลางลุกขึ้นเดินไปยังห้องครัวซึ่งทุกวันขวัญชีวาจะรับประทานอาหารร่วมกับแม่นมและคนรับใช้ในบ้านโดยไม่มีโอกาสจะได้นั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับแม่และพี่สาวตั้งแต่คุณเทวัญบิดาของเธอได้จากไปเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งเมื่อก่อนนี้ครั้งที่บิดายังมีชีวิตอยู่ มีคนทำงานบนเรือนหลังงามนี้อยู่ร่วมสิบคนแต่บัดนี้เหลือเพียงนวลตองกับสาวใช้อีกสองคนที่กำลังจะขอลาออกอีกไม่กี่วันข้างหน้า...
“แล้วนี่ พี่ต้อยกับพี่ติ่ง ไปไหนคะ หรือว่าลาออกไปแล้ว..” หญิงสาวถามหาสาวใช้สองพี่น้องซึ่งก็อยู่กับครับครัวเธอมากว่าสิบปีแล้ว
“ยังไม่ไปไหนหรอกค่ะคุณหนู พี่ต้อยไปเก็บผักมาค่ะ”
“ส่วนพี่ติ่งน่ะ ไปตกปลามาค่ะ.. นี่ได้ปลาช่อนตัวใหญ่มาด้วย พรุ่งนี้เราจะทำแกงส้มปลาช่อนทอดกรอบกันค่ะ” ต้อยสาวใช้ร่างท้วมเดินนำหน้าติ่งน้องสาวซึ่งมีรูปร่างผอมแกร็นแตกต่างจากตนมากมาด้วยรอยยิ้มกว้าง
“คุณหนูอย่าคิดผลักไสพี่ต้อยกับพี่ติ่งไปเสียให้ยาก”
“ใช่ค่ะ พวกเราจะอยู่เคียงข้างคุณหนูนะคะไม่ว่าคุณหนูจะไม่มีเงินเดือนให้พวกเรา พวกเราก็จะอยู่ที่นี่ค่ะ” สองพี่น้องบอกนายสาวด้วยรอยยิ้ม ขวัญชีวาน้ำตารื้นด้วยความตื้นตัน
“ขอบคุณมากนะคะพี่ๆ” หญิงสาวพนมมือไหว้ทั้งสองอย่างซาบซึ้งน้ำใจจนทั้งสองพี่น้องต้องรีบเข้ามาประคองมือเรียวเล็กที่กรำงานหนักไว้อย่างสงสารและตื้นตันในความอ่อนน้อมของผู้เป็นนาย
“โธ่ คุณหนูขาอย่าไหว้พวกเราเลยค่ะ ที่พวกเราทำเนี่ยยังไม่คุ้มค่าข้าวแดงแกงร้อนที่คุณท่านเมตตาเราสองพี่น้องเลยนะคะ” ต้อยยิ้มให้อย่างจริงใจซึ่งน้องสาวก็พยักหน้าเห็นด้วย
“เอาล่ะ เอาข้าวของไปเก็บก่อนไปแล้วมากินข้าวกัน” นวลตองบอกด้วยรอยยิ้มตื้นตันใจและนึกขอบคุณทั้งสองสาวที่ยังสำนึกในบุญคุณที่คุณเทวัญได้เมตตาชุบเลี้ยงมา
ทางด้านดวงชีวันที่ยังคงหงุดหงิดกับคำพูดของผู้เป็นแม่อยู่นั้นก็ได้โทรศัพท์หาแฟนหนุ่มชาวบราซิลของตนหวังว่าจะพูดคุยกับเขาเรื่องการเดินทางไปบราซิลด้วยกัน หญิงสาววาดฝันไว้นักหนาว่าจะต้องพบกับชีวิตที่เริดหรูอลังการกับแฟนหนุ่มชาวบราซิลซึ่งร่ำรวยล้นฟ้า เธอจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่าอยู่ที่นี่อย่างแน่นอนหากได้แต่งงานกับ โรนัลโด้ โกเมซ นักธุรกิจหนุ่มชาวบราซิลซึ่งเป็นคนรักของเธอนั่นเอง
“มัวทำอะไรอยู่นะ ไม่รับโทรศัพท์.. โอ๊ย หงุดหงิด..” หญิงสาวโยนโทรศัพท์เครื่องหรูที่ได้มาจากเงินที่ขวัญชีวาไปสอนดนตรีไทย ซึ่งดวงชีวันไม่เคยคิดจะสนใจหรอกว่าน้องสาวฝาแฝดจะต้องทำงานวันละกี่ชั่วโมงหรือต้องทำงานหนักเท่าไหร่จึงสามารถนำเงินกว่าสองหมื่นบาทมาซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้ให้เธอ ในขณะที่คนหาเงินใช้โทรศัพท์รุ่นเก่าซึ่งเป็นแบบปุ่มกดแสนธรรมดา...
“เอาไว้พรุ่งนี้เรากลับกรุงเทพฯ ดีกว่า คุณแม่นะคุณแม่ไม่รู้จะเรียกเรากลับมาทำไมกับเรื่องแค่นี้ ใครอยากจะแต่งงานกับคนแก่คราวพ่อกัน.. ให้นังชีวาแต่งกับตาแก่นั่นไปเถอะ ฮ่าๆ” ว่าแล้วหญิงสาวก็คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่คิดจะใส่ใจคนที่อยู่แบกรับภาระที่ตนคิดจะทิ้งมันไว้ให้กับคนที่เธอมองว่าเป็นเบี้ยล่างของตนมาตลอดยี่สิบสองปี..
“นังชีวา อยากรู้นักมันจะทำหน้ายังไงที่ได้ผัวแก่ ฮ่าๆ” หากเธอไม่แต่งงานกับตาแก่นั่นคุณแม่ของเธอก็ต้องให้ขวัญชีวาแต่งแทนซึ่งมันทำให้เธอพอใจมากที่ขวัญชีวาจะได้สามีแก่คราวพ่อ และความทุกข์ความลำบากตกต่ำของขวัญชีวาคือสิ่งที่เธอพอใจเป็นที่สุด...
บทที่ 5.แม้ก่อนหน้านี้ธีโอจะบ่ายเบี่ยงและประกาศต่อหน้าบิดาว่าไม่ยินยอมทำตามความประสงค์ของท่านเท่าไหร่ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมจำนนต่อพินัยกรรมและการ์ดเชิญสีชมพูที่บิดาวางลงตรงหน้า“เอาล่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรหรอกนะ ถ้ายังไงฉันก็เชิญแกไปร่วมงานแต่งงานของฉันกับเมียใหม่ด้วยละกัน อีกอย่างพินัยกรรมนี้ฉันให้แกดูไว้เพื่อจะได้เป็นพยานให้ฉันด้วย..”“ผมจะยอมแต่งงานกับแม่นั่นก็ได้ครับ แต่ต้องตามข้อแม้ของผม”“หึ ไม่ต้อง.. ฉันไม่ต้องการข้อแม้ของแกหรอกธีโอ..” คุณธัชทำเสียงสูงเมินหน้าหนีลูกชายอย่างเย็นชา ธีโอเม้มปากแน่นอย่างไม่ชอบใจ เขากับบิดาต้องมีเรื่องหมางใจกันเพราะผู้หญิงบ้านไร่บ้านสวนคนนั้นมันน่าโมโหนัก“ผมแค่จะบอกว่าผมจะจดทะเบียนกับเจ้าหล่อนเท่านั้นส่วนพินัยกรรมของคุณพ่อก็จะยังคงเหมือนเดิม ผมไม่ใช่คนงกเงินขนาดที่จะไม่ยอมให้เมียมีแต่ตัวหรอกครับ คุณพ่ออย่าห่วงเลย..”“เอาเป็นว่าฉันจะลองคิดดู แต่จริงๆ แล้วฉันก็อยากมีเมียเด็กนะ คงจะชุ่มชื่นหัวใจดี”“คุณพ่อ..”“หึหึ ฉันพูดจริง” คุณธัชหันมามองลูกชายด้วยแววตาเป็นประกายเท่านั้นเองคนเป็นลูกก็เดือดดาลทันที“ผมไม่ยอมหรอก ผมจะรับผู้หญิงคนนี้เป็นเมียเองอย่างที่พ่
บทที่6. “เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันเลยนะ ฉันมีสินสอดทองหมั้นมาตามที่เธอเรียกร้องและข้อตกลงระหว่างเราที่ฉันได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ เธอคงไม่คิดจะเปลี่ยนอะไรหรอกใช่ไหม..” คุณธัชกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานน้ำเสียงดูห่างเหินไว้ตัวอย่างเห็นได้ชัด“ค่า ไม่มีค่า ฉันขอแค่สินสอดทองหมั้นตามที่ตกลงไว้เพื่อจะได้เอามาพัฒนาปรับปรุงไร่ของเราเท่านั้นล่ะคะ ไม่อยากให้ความฝันของคุณพี่ต้องล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา”“งั้นก็ดี นี่สัญญาและนี่คือเงินสินสอด แต่รอสักครู่คนของฉันกำลังพานายอำเภอมา..” คุณธัชเอ่ยขึ้นทำให้คุณดวงพรซึ่งกำลังจะเอื้อมมือมายกพานใส่เงินสินสอดไปนั้นชะงักหดมือกลับยิ้มแหยๆ แล้วเมินหน้าหนีแววตาของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ คุณธัชปรายตามองอย่างสมเพชแล้วมองเลยไปยังหญิงสาวที่นั่งก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จาอยู่อย่างสนใจ“เป็นไงบ้างหนูชีวัน จำลุงได้ไหม”“คือ มะ ไม่ค่อยได้ค่ะ”หญิงสาวตอบเบาๆ น้ำเสียงกังวานไพเราะถูกใจคุณธัชนักซึ่งเขามั่นใจได้เลยว่าลูกสาวของเพื่อนรักจะเป็นภรรยาที่ดีของลูกชายได้“ก็อย่างว่านะ ลุงไม่ได้อยู่เมืองไทยเกือบยี่สิบปี..”“อุ้ย นายอำเภอมาแล้ว เชิญเลยค่ะท่าน นวลเอ๊ยหาน้ำหาท่ามาให้นายอำเภอเร็
บทที่7.“คุณแม่ไปแล้ว คุณแม่ทิ้งพวกเราไปแล้ว นมขาแล้วเราจะอยู่ยังไง..”“อย่าร้องค่ะคุณหนู ถึงไม่มีคุณแม่เราก็อยู่กันมาได้ไม่ใช่เหรอคะ ที่ผ่านมาเราไม่เคยได้พึ่งพาอะไรจากคุณแม่เลยนี่คะ ไม่มีพวกเขาเราก็อยู่กันได้ค่ะ เชื่อนมสิคะ” นวลตองยิ้มให้บางๆ ขวัญชีวาพยักหน้าอย่างยอมรับในโชคชะตาของตน “อีกอย่าง การจดทะเบียนสมรสของคุณหนูกับคุณธีโอก็ไม่ได้มีผลอะไรเพราะเขาไม่สนใจคุณหนูเลยสักนิดซึ่งก็เป็นการดีแล้วนี่คะ อีกอย่างคุณหนูมีสิทธิ์เต็มที่ในการบริหารจัดการที่นี่เหมือนเดิม แค่ห้าปีเท่านั้นแล้วไร่นี้ก็จะกลับมาเป็นของคุณหนูเหมือนเดิม และคราวนี้จะไม่มีใครเอามันไปได้อีก.. สู้ๆ นะคะ เพื่อไร่ดวงใจและคุณพ่อ..” นวลตองเช็ดน้ำตาออกจากแก้มใสของขวัญชีวาเบาๆ“จริงด้วยค่ะ แบบนี้ชีวาก็สามารถทำอะไรได้ตามใจโดยไม่ต้องกลัวว่าคุณแม่กับคุณพี่ดุด่าเอา”“จริงค่ะ แบบนี้ล่ะดีแล้วไม่มีคนใจร้ายคอยรังแก” พี่ต้อยพี่ติ่งเสริมทันด้วยด้วยรอยยิ้มสดชื่น“ขอบคุณมากๆ นะคะทุกๆ คน” ขวัญชีวายิ้มกว้างด้วยความรู้สึกปรอดโปร่งมากขึ้น... หญิงสาวสูดหายใจลึกๆ มองไปรอบๆ ด้วยความหวังอันเรืองรอง...ทางด้านคุณดวงพรที่หอบเงินสินสอดกว่าห้าสิบล้านก
บทที่.8.“ต้องไหวสิคะ ตอนนี้ชีวาก็ทำงานในไร่เป็นเกือบทุกอย่างแล้ว รถไถชีวาก็ขับได้แล้ว ไม่ได้ยากนี่คะหากเราคิดจะทำ ตอนนี้ใครๆ ก็หันมาทำการเกษตรกันแล้วค่ะ เพราะมันเป็นงานที่ยั่งยืน เราจะทำตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไงคะ ค่อยๆ ก้าว ค่อยๆ สร้างภูมิคุ้มกันให้คนในบ้านก่อน เรื่องซื้อที่คืนจากพี่แดนนั้นยังอีกยาวไกลค่ะแต่ชีวาจะซื้อคืนให้ได้แน่ๆ” หญิงสาวบอกด้วยรอยยิ้มมุ่งมั่น“ใช่ค่ะ งานพวกนี้เก่งหมด แต่ทำอาหารไม่เป็น”“โธ่ นมขา มันไม่ใช่แนวของชีวานี่คะ เป็นแค่ลูกมือนมน่ะดีแล้ว เพราะชีวาหั่นผักสวยกว่าใครๆ” หญิงสาวยิ้มกว้างไม่ได้รู้เขินอายที่ตนทำอาหารไม่เป็น “คุยอะไรกันอยู่จ๊ะสาวๆ” เสียงนุ่มทุ้มแสนสุภาพคุ้นหูดังขึ้น ชายแดน ชายหนุ่มที่ถูกพูดถึง เดินยิ้มร่าเข้ามาหาพร้อมทั้งไหว้นวลตองอย่างนอบน้อม“พี่แดนมาพอดีเลยค่ะ ชีวากำลังนินทาพี่ค่ะ” หญิงสาวบอกยิ้มๆ ชายหนุ่มจึงหัวเราะเบาๆ“สงสัยนินทาพี่เรื่องมาขอข้าวกินฟรีที่บ้านบ่อยๆ ล่ะสิ”“แหม.. พี่แดนคิดว่าชีวางกหรือไงคะ”“ถ้าไม่นินทาเรื่องนี้แล้วนินทาเรื่องอะไรจ๊ะ”“ชีวากำลังคุยกับนมนวลเรื่องการขยับขยายกิจการของเราค่ะ พี่แดนมาก็ดีแล้ว ชีวามีเรื่องจะปร
บทที่ 9.ใบหน้าหล่อเหลาตึงจัดเมื่อวันนี้เขาถูกบิดาเรียกมาเพียงเพื่อจะพูดถึงผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ตนไม่เคยใส่ใจหรือไม่คิดจะจดจำเลยสักนิด“คุณพ่อก็รู้ว่าผมไม่ได้เต็มใจอยากจะเอาแม่นั่นเป็นเมีย”“จะอยากได้หรือไม่เขาก็เป็นเมีย เอาน่า พ่อแค่อยากอุ้มหลานและหนูชีวาก็น่าจะเป็นแม่ที่ดีมีหลานที่น่ารักให้พ่อได้”“อ้อ ชื่อชีวาหรอกหรือ ผมจำไม่ได้เลยว่าเมียผมชื่อนี้” ธีโอแค่ยิ้มหยันๆ“หนูชีวา ชื่อขวัญชีวา สวยน่ารัก และเก่งมาก หึ.. พ่อล่ะอยากหนุ่มแน่นกว่านี้นัก รับรองเลยว่าจะไม่ปล่อยให้หนูชีวาหลุดมือไปเลยล่ะ..” คำพูดของบาดเหมือนเทน้ำมันราดบนกองไฟดวงตาคมของธีโอวาววับขึ้นมาทันที คุณธัชลอบยิ้มธีโอนั้นหวงตนมากไม่ยอมให้ใครเข้ามาวอแวซึ่งคุณธัชเองก็ไม่คิดจะหาหญิงสาวคนไหนมาแทนที่ภรรยาที่เสียชีวิตไปนานแล้ว ซึ่งข้อนี้เองคุณธัชจึงพูดยั่วลูกชายและมันก็ได้ผล “อย่าคิดหาใครมาแทนที่แม่ของผมเสียให้ยาก นอกจากคุณแม่แล้วไม่มีผู้หญิงคนไหนเหมาะกับคุณพ่อหรอก”“แล้วแกล่ะ ผู้หญิงคนไหนจะเหมาะ.. อย่าบอกนะว่าแม่สาวๆ สังคมที่วันๆ เอาแต่แต่งตัวสวยอวดกัน แล้วก็ควงกันลอยไปลอยมางานการไม่ทำ ทำแต่จะจับผู้ชายหน้าโง่สักคนเป็น
บทที่10.“ทำไมมารอบนี้ดูดีขึ้นตั้งเยอะวะ” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเมื่อเห็นป้ายทางเข้าไร่เมื่อเห็นว่าป้ายไร่ดวงใจซึ่งเขาจำได้ดีว่าเมื่อสองปีที่แล้วป้ายไร่นั้นผุพังห้อยต่องแต่งสีซีดจางแทบมองไม่เห็นว่ามันเขียนว่าอย่างไรและเขาก็เกือบจะขับรถเลยไปทิศทางอื่น หากบิดาไม่บอกว่าทางนี้คือทางเข้าไร่ แล้วต้นไม้ในไร่หลายร้อยต้นยืนต้นตายและแคระแกร็นหญ้าสูงท่วมหัวดูแห้งแล้งและขาดการเอาใจใส่ แต่ตอนนี้มันดูเขียวขจีมีต้นไม้หลายต้นถูกปลูกขึ้นใหม่ หญ้าที่เคยสูงท่วมหัวแห้งกรอบไม่มีให้เห็น แต่หญ้าถูกตัดให้โล่งเตียนดูสบายตาและดูร่มรื่นขึ้น เขาเห็นสวนผักหลากหลายชนิดอยู่ข้างทางมีคนสองคนกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับแปลงผักสายน้ำที่พวยพุ่งออกจากท่อน้ำสปริงเกอร์หมุนไปรอบๆ ทำให้บริเวณโดยรอบชุ่มฉ่ำแปลงดอกดาวเรืองและดอกไม้หลากสีที่ปลูกเพื่อล่อแมลงอยู่รอบๆ แปลงผักก็สวยงามน่ามองธีโอขับรถไปเรื่อยๆ และมองสำรวจไร่ดวงใจที่ดูสวยงามมากขึ้นอย่างอดทึ่งไม่ได้ กระถางดอกไม้และไม้ประดับที่วางเรียงรายอย่างสวยงามตลอดทางเดินเข้าสู่ตัวบ้านที่ถูกทาสีใหม่และปรับปรุงตกแต่งดูน่าอยู่มาก เพราะเค้าโครงเดิมของบ้านไม้หลังนี้สวยอยู่แล้วและเป็นแบบบ้านแบบ
บทที่11. เหมือนโลกหยุดหมุนอีกครั้งหนุ่มสาวมองสบตากันนิ่งอยู่ชั่วครู่แม้ในระยะที่ไม่ใกล้นักแต่เหมือนมีสายใยบางอย่างที่ทำให้ใจสองดวงเต้นกระหน่ำและไหวสะท้านอย่างไม่อาจจะอธิบายได้...“เธอเป็นลูกสาวของเพื่อนคุณลุงค่ะ ริสาจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร หน้าตาน่ารักดีนะคะ แต่เธอมีคนรักแล้ว” นริสาเอ่ยขึ้นน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความอิจฉาไม่น้อย“อ้อ เหรอครับ” ไม่รู้ทำไมธีโอถึงได้รู้สึกหงุดหงิดที่รู้ว่าเจ้าหล่อนมีเจ้าของแล้ว ชายหนุ่มตัดใจเดินตามริสาไปหานายอำเภอวันชัยแต่ดวงตากลมโตและใบหน้ากระจุมกระจิ๋มน่ารักของสาวเจ้ายังคงรบกวนจิตใจเขาไม่หาย ผู้หญิงหน้าตาลักษณะอ่อนหวานแบบนี้ไม่เคยอยู่ในลิสต์ในสเป๊กของคู่ควงของเขาเลยแต่ทำไมเขาถึงได้กระวนกระวายคิดถึงแต่เจ้าหล่อนกันนะ ธีโอหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้นแต่ชายหนุ่มพยายามระงับอารมณ์และสีหน้าให้เป็นปกติ...ในขณะเดียวกันนั้นเองขวัญชีวาเองก็รู้สึกว่าร่างกายของเธอชาวาบตั้งแต่หัวจรดเท้าที่เห็น เขา สามีในนามของเธอปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ดีที่ว่าเธอเล่นเพลงจบแล้วจึงเห็นเขา หากว่าเห็นธีโอตอนที่กำลังเล่นดนตรีอยู่ไม่แน่ว่าเธออาจจะเล่นผิดเพี้ยนไปก็ได้ด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง..เขามาทำไม แต่เ
บทที่12.เหมือนโลกหยุดหมุนอีกครั้งหนุ่มสาวมองสบตากันนิ่งอยู่ชั่วครู่แม้ในระยะที่ไม่ใกล้นักแต่เหมือนมีสายใยบางอย่างที่ทำให้ใจสองดวงเต้นกระหน่ำและไหวสะท้านอย่างไม่อาจจะอธิบายได้...“เธอเป็นลูกสาวของเพื่อนคุณลุงค่ะ ริสาจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร หน้าตาน่ารักดีนะคะ แต่เธอมีคนรักแล้ว” นริสาเอ่ยขึ้นน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความอิจฉาไม่น้อย“อ้อ เหรอครับ” ไม่รู้ทำไมธีโอถึงได้รู้สึกหงุดหงิดที่รู้ว่าเจ้าหล่อนมีเจ้าของแล้ว ชายหนุ่มตัดใจเดินตามริสาไปหานายอำเภอวันชัยแต่ดวงตากลมโตและใบหน้ากระจุมกระจิ๋มน่ารักของสาวเจ้ายังคงรบกวนจิตใจเขาไม่หาย ผู้หญิงหน้าตาลักษณะอ่อนหวานแบบนี้ไม่เคยอยู่ในลิสต์ในสเป๊กของคู่ควงของเขาเลยแต่ทำไมเขาถึงได้กระวนกระวายคิดถึงแต่เจ้าหล่อนกันนะ ธีโอหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้นแต่ชายหนุ่มพยายามระงับอารมณ์และสีหน้าให้เป็นปกติ...ในขณะเดียวกันนั้นเองขวัญชีวาเองก็รู้สึกว่าร่างกายของเธอชาวาบตั้งแต่หัวจรดเท้าที่เห็น เขา สามีในนามของเธอปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ดีที่ว่าเธอเล่นเพลงจบแล้วจึงเห็นเขา หากว่าเห็นธีโอตอนที่กำลังเล่นดนตรีอยู่ไม่แน่ว่าเธออาจจะเล่นผิดเพี้ยนไปก็ได้ด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง..เขามาทำไม แต่เห
บทที่15.“อรุณสวัสดิ์ครับนมนวล ชีวา..” ชายหนุ่มเรียกแม่นมของเธอเช่นเดียวกับที่เธอเรียกอย่างสนิทสนม แล้วเขาไปสนิทสนมกันตอนไหน..“ค่ะ..” หญิงสาวตอบรับสั้นๆ แล้วเดินเข้าบ้านไปเพราะไม่รู้จะคุยอะไรกับเขา ความอึดอัดแปลกๆ อัดแน่นอยู่ในอก“นมตั้งโต๊ะอาหารเลยนะคะคุณหนู”“ค่ะ” ขวัญชีวาบอกเบาๆ แล้วเดินออกไป ชายหนุ่มมองตามหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาไปอย่างครุ่นคิดเช่นเดียวกันว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี... มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้เลย...หนุ่มสาวนั่งรับประทานอาหารกันเงียบๆ โดยที่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันจนเมื่ออิ่มแล้วขวัญชีวาก็ลุกขึ้นแล้วพูดกับเขาก่อน“ฉันไม่รู้ว่าคุณมาที่นี่ทำไมนะคะ แต่เราควรคุยกันให้จบๆ กันไป จะได้ไม่ต้องอึดอัดกันทั้งสองฝ่าย” ธีโอเงยหน้ามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างทึ่งๆ จากเมื่อคืนที่เขาเห็นเธอนิ่งเงียบท่าทางสงบเสงี่ยมอ่อนหวานเรียบร้อยที่เขาคิดว่าเธอจะต้องว่านอนสอนง่ายไม่มีฤทธิ์มีเดชอะไร แต่แววตาของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ธีโอรู้ได้ทันทีว่า ขวัญชีวาเป็นคนประเภท อ่อนนอกแข็งใน...“พูดมาก็ดีแล้ว ฉันเองก็มีเรื่องจะคุยกับเธอเหมือนกัน”“ถ้าอย่างนั้นเชิญที่ห้องทำงานค่ะ” หญิงสาวเดินนำหน้าไปก่อนธีโอถอ
บทที่14.“ฉันไม่ใช่ผู้ร้าย แต่เป็นสามีเธอ..” สรรพนามที่เอ่ยออกมาก็พลอยฟังดูกระด้างไปด้วย และเมื่อรู้ตัวว่าเผลอใส่อารมณ์ฉุนเฉียวกับเธอธีโอก็ถอนใจออกมาเบาๆ เมื่อคิดได้ว่าขวัญชีวากับเขาเหมือนคนแปลกหน้าจะให้เธอมองเขาด้วยสายตาเป็นมิตรชื่นชมก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าจะเป็น แม้ที่ผ่านมาจะไม่เคยมีหญิงสาวคนไหนมองเขาด้วยแววตาแบบนี้ มีแต่คนที่มองเขาด้วยแววตาชื่นชมและพร้อมจะเข้ามาหาก็เถอะ...“ขอโทษที่ทำให้ตกใจ เอาล่ะเราเข้าบ้านกันเถอะ..” หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แล้วก็ค่อยๆ ขยับตัวลงจากรถอย่างรวดเร็วโดยไม่รอเขาด้วยซ้ำ ธีโอมองตามคนที่เดินแกมวิ่งเข้าบ้านไปอย่างบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร... แต่ที่รู้แน่ๆ แก้มเมียของเขาหอมและนุ่มที่สุด.. ชายหนุ่มยกยิ้มบางๆ กับตัวเองทางด้านขวัญชีวาที่เข้ามาในห้องของตนแล้วก็ได้แต่ยืนหอบหายใจแรงๆ แล้วค่อยๆ นั่งลงบนเตียงสีหวานของตนอย่างหมดเรี่ยวแรง สัมผัสโดยไม่ตั้งใจเมื่อครู่ทำให้ใจสาวเต้นระรัวหวั่นไหวสะท้านไปทั้งกาย เธอบอกตัวเองไม่ถูกเลยว่าจะทำอย่างไรกับการปรากฏตัวขึ้นของธีโอ...จริงสิ แล้วเขาจะพักที่ไหน... ขวัญชีวาหน้าตื่นขึ้นอีกครั้งแล้วหันไปมองประตูอย่างหวาดหวั่น...ในขณะเดียวกั
บทที่13.ขวัญชีวายืนนิ่งจ้องมองชายหนุ่มที่ลุกขึ้นยืนมองเธอนิ่งอย่างตะลึงเล็กน้อยใจสาวเต้นระรัวเนื้อตัวเย็นเฉียบขึ้นมาทันทีและแทบจะก้าวขาไม่ออกเลยทีเดียวเมื่อพบเขาอีกครั้ง...ธีโอ.. ธราดล แอนเดอร์สัน สามีของเธอนั่นเอง..“หนูเล็กมานั่งตรงนี้ก่อนลูก แดนด้วยมานี่มา มารู้จักกับลูกชายเพื่อนลุงด้วย”“ค่ะคุณลุง” ขวัญชีวาซึ่งเปลี่ยนชุดมาสวมเดรสกระโปรงสีชมพูหวานๆ แบบเรียบร้อยอ่อนหวานเดินมานั่งข้างๆ นายอำเภอวันชัยโดยธีโอมองตามเธอทุกฝีก้าว...“ธีโอ นี่ชายแดนนะ เป็นลูกชายเพื่อนลุงเหมือนกันเขาเป็นเจ้าของไร่ติดกันกับไร่หนูเล็กนั่นล่ะ แดน นี่ธีโอลูกชายของไอ้ธัชเพื่อนลุง น่าจะอายุเท่ากันละมั้ง” นายอำเภอวันชัยแนะนำหนุ่มๆ ทั้งสอง“ยินดีที่ได้รู้จักครับ..” ชายแดนเป็นฝ่ายที่ค้อมศีรษะให้ก่อน ใบหน้าหล่อเหลาคมคายยิ้มละไม“ยินดีเช่นกันครับ” ธีโอเองก็ค้อมศีรษะและยิ้มให้ชายแดนเช่นกันแม้ในใจจะกรุ่นๆ เมื่อจำได้ว่าชายหนุ่มคนนี้คือคนเดียวกับที่ประคอง เมียของเขา ลงมาจากเวทีการแสดงด้วยท่าทางสนิทสนม...“ชีวามาลาคุณลุงกลับค่ะ”“แล้วกลับยังไงล่ะลูก”“ผมจะไปส่งน้องชีวาเองครับคุณพ่อ” ชายแดนจะเรียกนายอำเภอวันชัยว่าคุณพ่อเพ
บทที่12.เหมือนโลกหยุดหมุนอีกครั้งหนุ่มสาวมองสบตากันนิ่งอยู่ชั่วครู่แม้ในระยะที่ไม่ใกล้นักแต่เหมือนมีสายใยบางอย่างที่ทำให้ใจสองดวงเต้นกระหน่ำและไหวสะท้านอย่างไม่อาจจะอธิบายได้...“เธอเป็นลูกสาวของเพื่อนคุณลุงค่ะ ริสาจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร หน้าตาน่ารักดีนะคะ แต่เธอมีคนรักแล้ว” นริสาเอ่ยขึ้นน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความอิจฉาไม่น้อย“อ้อ เหรอครับ” ไม่รู้ทำไมธีโอถึงได้รู้สึกหงุดหงิดที่รู้ว่าเจ้าหล่อนมีเจ้าของแล้ว ชายหนุ่มตัดใจเดินตามริสาไปหานายอำเภอวันชัยแต่ดวงตากลมโตและใบหน้ากระจุมกระจิ๋มน่ารักของสาวเจ้ายังคงรบกวนจิตใจเขาไม่หาย ผู้หญิงหน้าตาลักษณะอ่อนหวานแบบนี้ไม่เคยอยู่ในลิสต์ในสเป๊กของคู่ควงของเขาเลยแต่ทำไมเขาถึงได้กระวนกระวายคิดถึงแต่เจ้าหล่อนกันนะ ธีโอหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้นแต่ชายหนุ่มพยายามระงับอารมณ์และสีหน้าให้เป็นปกติ...ในขณะเดียวกันนั้นเองขวัญชีวาเองก็รู้สึกว่าร่างกายของเธอชาวาบตั้งแต่หัวจรดเท้าที่เห็น เขา สามีในนามของเธอปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ดีที่ว่าเธอเล่นเพลงจบแล้วจึงเห็นเขา หากว่าเห็นธีโอตอนที่กำลังเล่นดนตรีอยู่ไม่แน่ว่าเธออาจจะเล่นผิดเพี้ยนไปก็ได้ด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง..เขามาทำไม แต่เห
บทที่11. เหมือนโลกหยุดหมุนอีกครั้งหนุ่มสาวมองสบตากันนิ่งอยู่ชั่วครู่แม้ในระยะที่ไม่ใกล้นักแต่เหมือนมีสายใยบางอย่างที่ทำให้ใจสองดวงเต้นกระหน่ำและไหวสะท้านอย่างไม่อาจจะอธิบายได้...“เธอเป็นลูกสาวของเพื่อนคุณลุงค่ะ ริสาจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร หน้าตาน่ารักดีนะคะ แต่เธอมีคนรักแล้ว” นริสาเอ่ยขึ้นน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความอิจฉาไม่น้อย“อ้อ เหรอครับ” ไม่รู้ทำไมธีโอถึงได้รู้สึกหงุดหงิดที่รู้ว่าเจ้าหล่อนมีเจ้าของแล้ว ชายหนุ่มตัดใจเดินตามริสาไปหานายอำเภอวันชัยแต่ดวงตากลมโตและใบหน้ากระจุมกระจิ๋มน่ารักของสาวเจ้ายังคงรบกวนจิตใจเขาไม่หาย ผู้หญิงหน้าตาลักษณะอ่อนหวานแบบนี้ไม่เคยอยู่ในลิสต์ในสเป๊กของคู่ควงของเขาเลยแต่ทำไมเขาถึงได้กระวนกระวายคิดถึงแต่เจ้าหล่อนกันนะ ธีโอหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้นแต่ชายหนุ่มพยายามระงับอารมณ์และสีหน้าให้เป็นปกติ...ในขณะเดียวกันนั้นเองขวัญชีวาเองก็รู้สึกว่าร่างกายของเธอชาวาบตั้งแต่หัวจรดเท้าที่เห็น เขา สามีในนามของเธอปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ดีที่ว่าเธอเล่นเพลงจบแล้วจึงเห็นเขา หากว่าเห็นธีโอตอนที่กำลังเล่นดนตรีอยู่ไม่แน่ว่าเธออาจจะเล่นผิดเพี้ยนไปก็ได้ด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง..เขามาทำไม แต่เ
บทที่10.“ทำไมมารอบนี้ดูดีขึ้นตั้งเยอะวะ” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเมื่อเห็นป้ายทางเข้าไร่เมื่อเห็นว่าป้ายไร่ดวงใจซึ่งเขาจำได้ดีว่าเมื่อสองปีที่แล้วป้ายไร่นั้นผุพังห้อยต่องแต่งสีซีดจางแทบมองไม่เห็นว่ามันเขียนว่าอย่างไรและเขาก็เกือบจะขับรถเลยไปทิศทางอื่น หากบิดาไม่บอกว่าทางนี้คือทางเข้าไร่ แล้วต้นไม้ในไร่หลายร้อยต้นยืนต้นตายและแคระแกร็นหญ้าสูงท่วมหัวดูแห้งแล้งและขาดการเอาใจใส่ แต่ตอนนี้มันดูเขียวขจีมีต้นไม้หลายต้นถูกปลูกขึ้นใหม่ หญ้าที่เคยสูงท่วมหัวแห้งกรอบไม่มีให้เห็น แต่หญ้าถูกตัดให้โล่งเตียนดูสบายตาและดูร่มรื่นขึ้น เขาเห็นสวนผักหลากหลายชนิดอยู่ข้างทางมีคนสองคนกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับแปลงผักสายน้ำที่พวยพุ่งออกจากท่อน้ำสปริงเกอร์หมุนไปรอบๆ ทำให้บริเวณโดยรอบชุ่มฉ่ำแปลงดอกดาวเรืองและดอกไม้หลากสีที่ปลูกเพื่อล่อแมลงอยู่รอบๆ แปลงผักก็สวยงามน่ามองธีโอขับรถไปเรื่อยๆ และมองสำรวจไร่ดวงใจที่ดูสวยงามมากขึ้นอย่างอดทึ่งไม่ได้ กระถางดอกไม้และไม้ประดับที่วางเรียงรายอย่างสวยงามตลอดทางเดินเข้าสู่ตัวบ้านที่ถูกทาสีใหม่และปรับปรุงตกแต่งดูน่าอยู่มาก เพราะเค้าโครงเดิมของบ้านไม้หลังนี้สวยอยู่แล้วและเป็นแบบบ้านแบบ
บทที่ 9.ใบหน้าหล่อเหลาตึงจัดเมื่อวันนี้เขาถูกบิดาเรียกมาเพียงเพื่อจะพูดถึงผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ตนไม่เคยใส่ใจหรือไม่คิดจะจดจำเลยสักนิด“คุณพ่อก็รู้ว่าผมไม่ได้เต็มใจอยากจะเอาแม่นั่นเป็นเมีย”“จะอยากได้หรือไม่เขาก็เป็นเมีย เอาน่า พ่อแค่อยากอุ้มหลานและหนูชีวาก็น่าจะเป็นแม่ที่ดีมีหลานที่น่ารักให้พ่อได้”“อ้อ ชื่อชีวาหรอกหรือ ผมจำไม่ได้เลยว่าเมียผมชื่อนี้” ธีโอแค่ยิ้มหยันๆ“หนูชีวา ชื่อขวัญชีวา สวยน่ารัก และเก่งมาก หึ.. พ่อล่ะอยากหนุ่มแน่นกว่านี้นัก รับรองเลยว่าจะไม่ปล่อยให้หนูชีวาหลุดมือไปเลยล่ะ..” คำพูดของบาดเหมือนเทน้ำมันราดบนกองไฟดวงตาคมของธีโอวาววับขึ้นมาทันที คุณธัชลอบยิ้มธีโอนั้นหวงตนมากไม่ยอมให้ใครเข้ามาวอแวซึ่งคุณธัชเองก็ไม่คิดจะหาหญิงสาวคนไหนมาแทนที่ภรรยาที่เสียชีวิตไปนานแล้ว ซึ่งข้อนี้เองคุณธัชจึงพูดยั่วลูกชายและมันก็ได้ผล “อย่าคิดหาใครมาแทนที่แม่ของผมเสียให้ยาก นอกจากคุณแม่แล้วไม่มีผู้หญิงคนไหนเหมาะกับคุณพ่อหรอก”“แล้วแกล่ะ ผู้หญิงคนไหนจะเหมาะ.. อย่าบอกนะว่าแม่สาวๆ สังคมที่วันๆ เอาแต่แต่งตัวสวยอวดกัน แล้วก็ควงกันลอยไปลอยมางานการไม่ทำ ทำแต่จะจับผู้ชายหน้าโง่สักคนเป็น
บทที่.8.“ต้องไหวสิคะ ตอนนี้ชีวาก็ทำงานในไร่เป็นเกือบทุกอย่างแล้ว รถไถชีวาก็ขับได้แล้ว ไม่ได้ยากนี่คะหากเราคิดจะทำ ตอนนี้ใครๆ ก็หันมาทำการเกษตรกันแล้วค่ะ เพราะมันเป็นงานที่ยั่งยืน เราจะทำตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไงคะ ค่อยๆ ก้าว ค่อยๆ สร้างภูมิคุ้มกันให้คนในบ้านก่อน เรื่องซื้อที่คืนจากพี่แดนนั้นยังอีกยาวไกลค่ะแต่ชีวาจะซื้อคืนให้ได้แน่ๆ” หญิงสาวบอกด้วยรอยยิ้มมุ่งมั่น“ใช่ค่ะ งานพวกนี้เก่งหมด แต่ทำอาหารไม่เป็น”“โธ่ นมขา มันไม่ใช่แนวของชีวานี่คะ เป็นแค่ลูกมือนมน่ะดีแล้ว เพราะชีวาหั่นผักสวยกว่าใครๆ” หญิงสาวยิ้มกว้างไม่ได้รู้เขินอายที่ตนทำอาหารไม่เป็น “คุยอะไรกันอยู่จ๊ะสาวๆ” เสียงนุ่มทุ้มแสนสุภาพคุ้นหูดังขึ้น ชายแดน ชายหนุ่มที่ถูกพูดถึง เดินยิ้มร่าเข้ามาหาพร้อมทั้งไหว้นวลตองอย่างนอบน้อม“พี่แดนมาพอดีเลยค่ะ ชีวากำลังนินทาพี่ค่ะ” หญิงสาวบอกยิ้มๆ ชายหนุ่มจึงหัวเราะเบาๆ“สงสัยนินทาพี่เรื่องมาขอข้าวกินฟรีที่บ้านบ่อยๆ ล่ะสิ”“แหม.. พี่แดนคิดว่าชีวางกหรือไงคะ”“ถ้าไม่นินทาเรื่องนี้แล้วนินทาเรื่องอะไรจ๊ะ”“ชีวากำลังคุยกับนมนวลเรื่องการขยับขยายกิจการของเราค่ะ พี่แดนมาก็ดีแล้ว ชีวามีเรื่องจะปร
บทที่7.“คุณแม่ไปแล้ว คุณแม่ทิ้งพวกเราไปแล้ว นมขาแล้วเราจะอยู่ยังไง..”“อย่าร้องค่ะคุณหนู ถึงไม่มีคุณแม่เราก็อยู่กันมาได้ไม่ใช่เหรอคะ ที่ผ่านมาเราไม่เคยได้พึ่งพาอะไรจากคุณแม่เลยนี่คะ ไม่มีพวกเขาเราก็อยู่กันได้ค่ะ เชื่อนมสิคะ” นวลตองยิ้มให้บางๆ ขวัญชีวาพยักหน้าอย่างยอมรับในโชคชะตาของตน “อีกอย่าง การจดทะเบียนสมรสของคุณหนูกับคุณธีโอก็ไม่ได้มีผลอะไรเพราะเขาไม่สนใจคุณหนูเลยสักนิดซึ่งก็เป็นการดีแล้วนี่คะ อีกอย่างคุณหนูมีสิทธิ์เต็มที่ในการบริหารจัดการที่นี่เหมือนเดิม แค่ห้าปีเท่านั้นแล้วไร่นี้ก็จะกลับมาเป็นของคุณหนูเหมือนเดิม และคราวนี้จะไม่มีใครเอามันไปได้อีก.. สู้ๆ นะคะ เพื่อไร่ดวงใจและคุณพ่อ..” นวลตองเช็ดน้ำตาออกจากแก้มใสของขวัญชีวาเบาๆ“จริงด้วยค่ะ แบบนี้ชีวาก็สามารถทำอะไรได้ตามใจโดยไม่ต้องกลัวว่าคุณแม่กับคุณพี่ดุด่าเอา”“จริงค่ะ แบบนี้ล่ะดีแล้วไม่มีคนใจร้ายคอยรังแก” พี่ต้อยพี่ติ่งเสริมทันด้วยด้วยรอยยิ้มสดชื่น“ขอบคุณมากๆ นะคะทุกๆ คน” ขวัญชีวายิ้มกว้างด้วยความรู้สึกปรอดโปร่งมากขึ้น... หญิงสาวสูดหายใจลึกๆ มองไปรอบๆ ด้วยความหวังอันเรืองรอง...ทางด้านคุณดวงพรที่หอบเงินสินสอดกว่าห้าสิบล้านก