มีหลายคนเคยพูดเอาไว้ว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปไวเสมอ ไอรินไม่เคยเชื่อคำพูดเหล่านั้น สำหรับเธอไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ เวลาก็ยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ ตามหน้าที่ของมันไอรินไม่เคยสนใจว่าเวลาจะผ่านไปเร็วหรือช้า เธอมาจากครอบครัวชนชั้นล่างของสังคม มีแม่เป็นครูบนดอยสูง ที่ต้องสอนคนเดียวเกือบทุกวิชา แต่รายได้กลับสวนทางเพียงเพราะเป็นครูที่อยู่บนดอย ความรักในวิชาชีพ และสงสารเด็ก ๆ ที่ด้อยโอกาส ทำให้ครูไอยราไม่กล้าทิ้งเด็กเหล่านั้นแล้วลงมาทำงานในเมือง ช่วงวัยประถมไอรินจึงเติบโตอยู่ที่นั่น มีครูคนเดียวคือแม่วัยมัธยม ไอรินได้เข้าไปเรียนในตัวเมือง แต่ก็เป็นแค่โรงเรียนวัดเล็ก ๆ โชคดีที่เธอเรียนเก่ง หัวไว ช่วงมัธยมปลายจึงสอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดได้ เธอตั้งใจเรียนอย่างหนักจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ได้ พร้อมกับทุนเปล่าช่วยค่าเทอมจนกว่าจะเรียนจบทุนช่วยแค่ค่าเทอม แปลว่าที่เหลือเธอต้องจ่ายเองทั้งหมด ทั้งค่ากิน ค่าที่พัก และค่าอุปกรณ์การเรียน เพราะไม่อยากรบกวนเงินเดือนอันน้อยนิดของแม่ ไอรินจึงทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย อาศัยรูปร่างหน้าตารับงานออกบูธต่าง ๆ บางครั้งถ้าโชคดีก็ได้รับงานพริตตี้ที่ไ
งานวันเกิดปีที่สามสิบของลูกสาวท่านทูตเรียบง่ายกว่าที่คิด แพทริเซียแค่ชวนเพื่อนสนิทมาปาร์ตี้ด้วยกัน เพื่อก้าวข้ามวัยเลขสองเข้าสู่วัยเลขสามอย่างสวยงาม เพื่อนหลายคนของดีไซน์เนอร์สาวลงทุนบินจากยุโรปมาถึงประเทศไทย บางคนมาไม่ได้ก็ส่งเป็นของขวัญราคาแพงมาให้ปาร์ตี้เล็ก ๆ มีคนร่วมงานแค่สิบคนถ้วน ถ้าไม่นับรวมเจ้าของงานก็เหลือแค่เก้า แพทริเซียแนะนำให้พลชรู้จักกับเพื่อนที่มีหลากหลายเชื้อชาติ และเพราะพลชเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในงาน เพื่อน ๆ ของเจ้าของวันเกิดจึงอดแซวไม่ได้ว่าแพทริเซียต้องการจะเปิดตัวแฟนใหม่หรือเปล่า เจ้าของวันเกิดพยายามปฏิเสธเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเชื่อ“คุณดีนนน คุณกำลังจีบเพื่อนฉันเหรอคะ” หญิงสาวตาสีฟ้า เส้นผมยาวสีบลอนด์ทองถามเสียงอ้อแอ้เริ่มดึก หลาย ๆ คนก็เริ่มเมามาย แม้แต่เจ้าของวันเกิดอย่างแพทริเซียเองก็เริ่มหน้าแดง ร่างบอบบางพิงอกกว้างเพราะรู้สึกว่าโลกหมุนเร็วเกินไป เรียกเสียงโห่แซวจากบรรดาเพื่อน ๆ ที่เห็นเหตุการณ์“แพทบอกว่ายังไม่ได้คบ แปลว่าคุณกำลังจีบเพื่อนฉันสิน้าาา เทคแคร์ดีขนาดนี้ น่าอิจฉาจัง”พลชไม่ได้ต่อบทสนทนา เขาพยุงแพทริเซียไปนั่งที่โซฟา ขยับออกห่างเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ด
“บอสเรียกหาฉันทำไมวะไมค์” วิลล์ที่เพิ่งมาถึงหน้าห้องทำงานเจ้านาย เอ่ยถามไมค์ที่กำลังคุยงานกับไอรินอย่างเคร่งเครียด“ไม่รู้เหมือนกัน”ไมค์ตอบผ่าน ๆ ก่อนจะหันไปคุยงานต่อ จนกระทั่งไอรินลุกจากไป เขาก็พบว่าวิลล์ยังยืนอยู่ที่เดิม“ทำไมยังไม่เข้าไปอีก”“กลัวว่ะ” วิลล์ยื่นมือให้เพื่อนดู มันสั่นเทาขัดกับภาพลักษณ์ชายหนุ่มตัวโต “ไม่รู้ว่าวันนี้จะโดนอะไรอีก”ไมค์ส่ายหน้าเบา ๆ เขาเห็นใจเพื่อน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงดีช่วงนี้บอสอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จากที่ปกติเข้มงวดอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งหนักกว่าเก่า แค่ส่งงานช้าไม่ถึงนาทีก็เตรียมใจได้เลยว่าต้องถูกต่อว่า ขนาดไมค์ที่แทบไม่เคยถูกตำหนิยังไม่รอดทั้งสองสบตาอย่างรู้กัน คนนอกอย่างพวกเขามองปราดเดียวก็รู้แล้ว ว่าสาเหตุที่ทำให้อารมณ์เจ้านายไม่คงที่คืออะไร ส่วนเจ้าตัว.. บอสอาจจะไม่รู้จริง ๆ หรือรู้.. แต่ไม่ยอมรับมันไมค์วางมือลงบนไหล่กว้างของเพื่อนสนิท บีบเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ“รีบเข้าไปเถอะ เดี๋ยวจะยิ่งหนัก”“เฮ้อออ! เออ” วิลล์ปลงตก หลังประตูบานหรูนั้นเป็นเหมือนแดนประหารสำหรับเขา “เลิกงานแล้วไปดื่มกันหน่อยนะไมค์ เครียดว่ะ”“อืม”วิลล์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก
สามเดือนต่อมา.“พี่รินจ๋าาาาา”เสียงเรียกสดใส มาพร้อมกับเสียงหอบหายใจแฮ่ก ๆ เมื่อร่างเล็กกระจิดริดวิ่งเข้ามาใกล้ ไอรินละสายตาจากหนังสือไปมองด้วยแววตาขบขัน“คำแก้ว จะวิ่งมาเร็ว ๆ ทำไม พี่ไม่ได้หนีไปไหนซะหน่อย เดี๋ยวก็ล้มจนได้ ดูสิ.. หอบเป็นลูกหมาเลยเรา”“ไม่ได้ ๆ คำแก้วต้องรีบเพราะครูให้มาตามพี่รินจ้ะ”“แม่เหรอ” ไอรินเลิกคิ้วสูงด้วยความฉงน “แม่ให้มาตามพี่จริง ๆ เหรอคำแก้ว”“จริงจ้ะ”“แล้วตอนนี้แม่อยู่ที่ไหนล่ะ”“ครูอยู่ที่โรงเรียนจ้ะพี่ริน” เด็กน้อยตอบเสียงใส “พี่รินรีบไปหาครูเถอะจ้ะ เดี๋ยวคำแก้วถูกดุว่าเถลไถล”ไอรินหลุดหัวเราะ ยื่นมือไปบีบปากที่ยื่นออกมาน้อย ๆ ของคำแก้ว ครูไอยราดุมาก เด็ก ๆ มักจะพูดกันแบบนั้นแต่ก็จริงอย่างที่เด็ก ๆ พูดกัน แม่ของเธอดุมากจริง ๆ จำได้ว่าสมัยเด็ก ๆ ไอรินไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไหร่ ถูกแม่ทำโทษให้อดขนมเป็นประจำแต่ก็เป็นเพราะแม่และครูคนนี้นี่แหละ ที่คอยสั่งสอนและผลักดัน จนไอรินเติบโตขึ้นมาเป็นไอรินได้อย่างทุกวันนี้“ก็ได้ ๆ คำแก้วพาพี่ไปสิ”“ได้เล้ย คำแก้วจะนำทางพี่รินเอ๊ง!”ไอรินหัวเราะด้วยความเอ็นดู คำแก้ว เด็กสาวตัวน้อยวัยแปดขวบเป็นลูกสาวของผู้ใหญ่บ้าน
สนามบินนานาชาติอินชอน ประเทศเกาหลีใต้.“เร่งหน่อย ฉันกำลังจะสาย”สุ้มเสียงทุ้มติดเคร่งเครียดทำให้คนฟังเหงื่อตก วิลล์รีบสาวเท้าตามร่างสูงของเจ้านาย ที่ถ้าเขาเผลอแวบเดียวอาจจะกลืนหายไปกับฝูงชนก็ได้ บอสเดินไวจนเขาที่สูงพอ ๆ กันยังตามแทบไม่ทัน ไม่กี่อึดใจพลชก็เข้าไปนั่งประจำบนรถคันหรู โดยที่ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำวิลล์รีบขึ้นไปนั่งข้างคนขับ ยังดีที่เดี๋ยวนี้เขาไม่ต้องขับรถเองบ่อยเท่าแต่ก่อน แต่ก็ไม่ได้แปลว่างานจะน้อยลงเมื่อคืนเขาได้นอนไปแค่สามชั่วโมง เพราะต้องเดินทางมาที่เกาหลีแต่เช้า สับเปลี่ยนให้ไมค์ที่เพิ่งลงเครื่องที่บินมาจากเซี่ยงไฮ้ได้พักผ่อนบ้างส่วนบอส รายนั้นยังไม่ได้นอนแม้แต่นาทีเดียววิลล์เหลือบตามองคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง บอสไม่ได้ใช้เวลาบนรถงีบหลับ กลับกัน.. เขายังอ่านเอกสารในไอแพดต่อเหมือนไม่ใช่คนที่อดนอนมาเกินสามสิบชั่วโมงเป็นแบบนี้มาตลอด ตั้งแต่ไอรินลาออกไป“พักบ้างเถอะครับบอส เดี๋ยวจะล้มป่วยเอา”วิลล์เตือนด้วยความหวังดี เพราะอยู่ด้วยกันบ่อย วิลล์ถึงได้รู้ดีว่าใบหน้าภายใต้หน้ากากราบเรียบนั้นทรุดโทรมลงแค่ไหน และที่สำคัญ พลชใช้ชีวิตแบบนี้มาเป็นเดือนแล้ว ร่างกายของคนเราต่อให้แ
นักธุรกิจหลายพันล้านที่ใคร ๆ ต่างให้ความเคารพ ในเวลานี้กำลังนั่งกอดเข่าทั้งสองข้างเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ดวงตาที่ล้อมรอบไปด้วยร่องรอยหมองคล้ำมองเหม่อออกไปอย่างไร้จุดหมายพลชนั่งแบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้ว ตั้งแต่เพื่อนถูกโทรตามเพราะมีเคสคลอดฉุกเฉิน สูตินรีแพทย์อย่างวายุถึงจะอยากสั่งสอนเพื่อนต่ออีกสักหน่อย แต่หน้าที่ย่อมสำคัญกว่า ก่อนไปยังไม่วายทิ้งคำถามให้คนป่วยไว้ถามตัวเอง ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไปจริง ๆ‘มึงถามตัวเองให้ดี ๆ ว่ามึงรักคุณไอรินเขาหรือเปล่า ถ้ารัก ก็รีบไปตามเขากลับมา แต่ถ้าไม่ มึงก็เชิญเป็นแบบนี้ต่อไปเถอะ’ รัก.. อย่างนั้นเหรอตั้งแต่เล็กจนโตพลชเติบโตมาในครอบครัวที่พร้อมหน้า เขาได้รับความรักเต็มที่อย่างที่เด็กคนหนึ่งสมควรจะได้รับ แต่สิ่งที่เป็นตะกอนในใจเขาเสมอมาคือเรื่องของสายเลือดแม็กซ์เวลแด๊ดเป็นลูกเมียน้อย ทำให้เขาเป็นทายาทสายรองของตระกูล ถึงจะแยกตัวออกมาทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จ แต่เรื่องชาติกำเนิดของเขามักจะถูกดูแคลนเสมอเมื่อถึงวันรวมญาติ พลชไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงให้ค่าลูกหลานสายตรงที่ไม่เอาไหน มากกว่าลูกหลานสายรองที่ประสบความสำเร็จคำตอบมันง่ายมาก เพราะเ
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น คนป่วยที่หมอย้ำนักย้ำหนาว่าต้องนอนพักอีกอย่างน้อยหนึ่งถึงสองวัน ยื่นคำขาดว่าจะออกจากโรงพยาบาลให้ได้ พลชไม่ได้โวยวาย แต่เขาใช้สายตากดดันจนใครก็เอาไม่อยู่ ท้ายที่สุดอาจารย์หมอที่เป็นเจ้าของไข้ก็เป็นฝ่ายยกธงขาว ยินยอมเซ็นอนุญาตให้นักธุรกิจหนุ่มออกจากโรงพยาบาลได้ในครึ่งชั่วโมงต่อมาไมค์ถูกเรียกตัวมารับเจ้านายแทนวิลล์ ที่ตอนนี้คงกำลังวุ่นอยู่กับปีศาจแพทริเซีย ผู้หญิงคนนั้นเป็นปีศาจจริง ๆ ไม่รู้ว่าเขาเคยมองว่าเธอเป็นเหมือนเจ้าหญิงไปได้ยังไงหลงผิดชัด ๆพลชนั่งร้อนใจอยู่บนรถคันหรู ที่กำลังมุ่งตรงไปยังสนามบินเพื่อให้ทันเวลาเครื่องขึ้น อย่างน้อย ๆ ในความวุ่นวายไมค์ก็หาตั๋วเครื่องบินไปเชียงรายให้เขาได้ทัน มันเป็นเที่ยวสุดท้ายของวันที่ถ้าพลาด คงต้องรอวันต่อไป หรือไม่ก็ต้องขับรถไปเอง ซึ่งพลชคงเลือกอย่างหลังมากกว่าเสียเวลานั่งรอเปล่า ๆ“ใกล้ถึงหรือยังไมค์”ถึงน้ำเสียงจะเรียบนิ่ง แต่คนที่ทำงานกับเจ้านายมานานรู้ดีว่าพลชกำลังร้อนใจแค่ไหน“อีกสามกิโลครับ ไม่เกินห้านาที”“อืม”พลชใช้ช่วงเวลาที่เหลือหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูอีกครั้ง ใบหน้าที่เคยเรียบนิ่งเสมอบิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจ
ตอนที่ยังเป็นเลขา ไอรินจะตื่นเจ็ดโมงเช้าทุกวัน งานที่บริษัทเข้าเก้าโมงเช้า เลิกหกโมงเย็น ตอนกลางคืน ถ้าวันไหนที่บอสเอาแต่ใจมากเป็นพิเศษ กว่าไอรินจะได้นอนก็เลยเที่ยงคืนไปแล้วแต่พอกลับมาอยู่บ้าน ไอรินก็ไม่สามารถตื่นหรือนอนเวลาเดิมได้อีก ทั้งแสงแดด ทั้งเสียงไก่ขัน และเสียงแม่ที่ลุกขึ้นมาเตรียมตัวไปสอน ปลุกให้ไอรินตื่นตั้งแต่ตีห้าทุกวัน แรก ๆ เธอยังไม่ชินและค่อนข้างเพลีย แต่พอใช้ชีวิตมาได้สักพัก ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง เธอเข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม และตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาช่วยแม่เตรียมอาหาร“แม่ไปโรงเรียนเถอะ เดี๋ยวแปลงผักกับไก่รินจัดการเอง” ไอรินรับหน้าที่ดูแลแปลงผัก รวมถึงให้อาหารไก่ที่เลี้ยงไว้ พอเห็นแม่พะวงหน้าพะวงหลังก็รีบเร่งให้ครูไอยราไปทำงานแม่กลัวว่าเธอจะจัดการไม่ได้ เพราะเมื่อคืนฝนตกหนัก ไม่รู้ว่าหลังบ้านจะเละขนาดไหน“ระวังลื่นนะริน”“จ้า แม่ก็ด้วยนะ”“อือ อยู่บ้านดี ๆ”ไอรินมีเงินเก็บจำนวนมากจากการทำงานกับพลชเป็นเวลาครึ่งปี คอนโดก็ไม่ต้องผ่อนอีกแล้ว ไม่มีภาระและหนี้สินที่ต้องกังวล เธอเอาเงินก้อนหนึ่งไปลงทุนเพื่อกินเงินปันผล และรับงานแปลมาทำเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่านจนเกินไปที่จริง
ช่วงเวลายาวนานที่ต้องอุ้มท้องลูกน้อยเดินทางมาถึงเดือนสุดท้าย ไอรินไม่สามารถขยับตัวได้คล่องเพราะหน้าท้องที่นูนใหญ่ ใหญ่จนบางครั้งหลายคนที่เห็นยังอดถามไม่ได้ว่าลูกแฝดหรือเปล่า คนเป็นแม่ได้แต่หัวเราะแล้วตอบไปว่าเพราะพ่อเขาบำรุงดี ลูกชายถึงได้ตัวโตจ้ำม้ำไอรินหายแพ้ท้องหลังจากเข้าเดือนที่สี่ เธอยังคงไปทำงานที่บริษัทในตำแหน่งเลขาของท่านประธานเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ทุกคนต่างรับรู้โดยทั่วกันว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นแค่เลขาทั่วไป ไอรินคือคุณนายแม็กซ์เวล และกำลังอุ้มท้องทายาทคนแรกของแม็กซ์เวลอยู่ นอกจากต้องให้ความเคารพแล้ว ยังต้องคอยเป็นหูเป็นตาดูแลความปลอดภัยให้ไอรินและคุณชายน้อยด้วยใคร ๆ ก็บอกว่าลูกชายในท้องของไอรินอภิชาตบุตร เพราะยังไม่ทันคลอดก็นำเรื่องราวดี ๆ มาให้ครอบครัว ไม่ว่าพลชจะหยิบจับอะไรก็สร้างเม็ดเงินและความรุ่งเรืองมาให้ PDM group เสมอ ตั้งแต่ภรรยาตั้งครรภ์พลชก็ก้าวขึ้นไปอีกขั้นในวงการธุรกิจ เขากลายเป็นชายหนุ่มอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในหลายทศวรรษที่ผ่านมา มีทรัพย์สินมากกว่าหมื่นล้านในวัยเพียงสามสิบต้น ๆในสายตาของคนนอกพลชยิ่งใหญ่ และมีอำนาจไม่ด้อยไปกว่าใคร ทว่าในสายตาข
งานแต่งของ พลช ดีน แม็กซ์เวล แน่นอนว่าย่อมต้องไม่ธรรมดา ลำพังแค่กลุ่มนักธุรกิจ นักข่าว หรือคนที่มีผลประโยชน์ต่อกันก็แทบล้นสถานที่จัดงานแล้ว จะไม่เชิญใครก็ไม่ได้ การทำธุรกิจยังไงก็อาศัยคอนเนคชั่นเป็นหลัก ถึงตอนนี้พลชจะมีอำนาจมากมายล้นฟ้า แต่ไม่มีใครรู้อนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นการคีพคอนเนคชั่นไว้จึงสำคัญไอรินที่เป็นเลขาเข้าใจตรงนี้ดี เธอไม่บ่นสักคำที่ต้องเชิญแขกเป็นพัน ๆ คน เพราะตกลงกับสามีไว้แล้วว่าพิธีสาบานตนกับสวมแหวนในโบสถ์ จะมีแค่คนสนิทเท่านั้นส่วนงานเลี้ยงจะจัดใหญ่แค่ไหน จะมีแขกกี่พันคนไอรินไม่สน เพราะเธอได้รับสิทธิพิเศษของคนที่กำลังตั้งครรภ์ ไม่ต้องออกไปเดินรับแขกให้เมื่อย แค่อยู่ร่วมงานไม่เกินชั่วโมงก็กลับห้องพักได้ ที่เหลือคนเป็นสามีจะจัดการเอง“ริน”ไอรินหันไปมองตามเสียงเรียก คุณครูไอยราที่วันนี้อยู่ในชุดแสนสวย เดินเข้ามาหาลูกสาวด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า“แม่”“เวียนหัวหรือเปล่า หนุ่มน้อยของยายดื้อไหมวันนี้”“ไม่เลย วันนี้รินไม่รู้สึกอะไรเลย”หนุ่มน้อยของตระกูลแม็กซ์เวลตอนนี้มีอายุได้สามเดือนครึ่งแล้ว หลังกลับจากอิตาลีพลชก็รีบพาไอรินไปฝากครรภ์กับเพื่อนสนิทอย่างหมอวายุ พวกเขาต
“ไอริน!!”“อื้อ ทำไมต้องตะโกน” คนที่เซซบอกสามีบ่นอุบจู่ ๆ ตอนที่ลุกขึ้นไอรินก็รู้สึกว่าโลกมันหมุนเร็วเกินไป ภาพตรงหน้าพร่าเลือนจนเสียหลักล้ม โชคดีที่สามีตัวใหญ่ยืนอยู่ด้านหลังจึงไม่เกิดเรื่องน่าอายขึ้น ไม่อย่างนั้นคนปากร้ายที่รอเหยียบย่ำคงพูดอะไรให้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจอีกไอรินฟังออกทั้งหมด สิ่งที่คนพวกนั้นพูดเธอฟังออกทุกคำ แต่ที่ไม่ตอบโต้ก็เพราะไม่ได้ใส่ใจ จิตใจของเธอล่องลอยไปหาเจลาโตรสบลูเบอร์รี่เปรี้ยวอมหวานที่เห็นเมื่อเช้า แค่คิดก็น้ำลายสอ อยากกิน อยากออกไปจากที่นี่เต็มทน“คุณไหวหรือเปล่า”“ไหวค่ะ รินไม่ได้เป็นอะไร”ไอรินดันตัวออกจากอ้อมแขนของสามี ตอนนี้ทุกคนในห้องรับแขกมองมาที่เธอเป็นตาเดียว พวกเขาทำท่าทางเหมือนเห็นตัวประหลาดที่น่ารังเกียจ ไม่มีความเกรงใจกันสักนิดไม่ยักรู้ว่าตระกูลผู้ดีเขาสั่งสอนลูกหลานกันแบบนี้“ผู้หญิงชั้นต่ำก็เป็นแบบนี้ ชอบเรียกร้องความสนใจ”“โรเบิร์ต”“ผมไม่ได้ทำอะไรใครนี่ครับคุณแม่ แค่พูดความจริง หล่อนฟังเรารู้เรื่องที่ไหน” โรเบิร์ตยักไหล่ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด ไม่ได้แตะต้องหล่อนแม้แต่ปลายก้อย ก็แค่คำพูด ที่สำคัญผู้หญิงคนนั้นก็ฟังไม่ออกฟังไม่ออก ก็แปลว่าเข
“ที่รัก ตื่นได้แล้วครับ”“อื้อ”“ตื่นได้แล้ว เครื่องจะแลนด์ดิ้งแล้วนะ”“ง่วงจัง” ไอรินปรือตาขึ้นมองใบหน้าสามี “ดีนคะ รินอยากนอนต่อจังค่ะ”“ไว้ถึงที่พักแล้วค่อยนอนต่อนะ ตอนนี้ลุกขึ้นมาก่อน”พลชพูดพลางปรับเก้าอี้ให้ภรรยา ไอรินแม้ไม่อยากตื่นแต่ก็จำใจต้องตื่น เสียงประกาศของพนักงานดังไปทั่วทั้งห้องโดยสารว่าอีกยี่สิบนาทีเครื่องจะลงจอดที่ท่าอากาศยานฟีอูมีชีโน ประเทศอิตาลีความง่วงงุนทำให้ไอรินไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าที่ควร ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไทม์โซนที่ต่าง ร่างกายที่ยังปรับตัวไม่ได้ หรือเพราะเธอแค่ขี้เกียจกันแน่เพราะช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาไอรินก็เอาแต่นอนเป็นแมวขี้เซา แม้แต่ตอนที่นั่งทำงานเธอยังหลับได้ ลำบากให้สามีต้องอุ้มเข้าไปนอนในห้องเป็นประจำเพราะกลัวว่าภรรยาจะปวดเมื่อยเนื้อตัว ไอรินทั้งรู้สึกผิดและรู้สึกขอบคุณ แต่ลึก ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ประโยชน์นอกจากจะไม่ได้ช่วยงานพลชอย่างเต็มที่แล้ว เธอยังเป็นตัวถ่วงให้เขาต้องเป็นกังวลอีก“คุณไม่ยอมตื่นมาทานข้าวเลย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากสำรวจภรรยาว่าคาดเข็มขัดดีหรือไม่เรียบร้อยแล้ว “คุณนอนตลอดสิบกว่าชั่วโมงได้ยังไง ไม่เพลียเหรอ”“ไม่เลยค่ะ รินสา
แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้ว แต่ทั้งสองคนบนเตียงก็ยังคงตระกองกอดกันไม่ปล่อย ทั้งไอรินและพลชตื่นพร้อมกันตั้งแต่ชั่วโมงก่อน แต่แทนที่พวกเขาจะเร่งรีบลุกขึ้นเตรียมตัวไปทำงานเหมือนปกติ ในวันนี้ทั้งคู่ต่างพร้อมใจกันนอนเอ้อระเหยอย่างสบายอารมณ์เหมือนคนว่างงานเพราะวันนี้ท่านประธานกับเลขาส่วนตัว ใช้สิทธิ์ลางานช่วงเช้าเพื่อไปทำธุระสำคัญ“ที่รัก ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวสาย”“อื้อ รินง่วงมากเลยค่ะ อยากนอนต่อจัง” คนง่วงปรือตาขึ้นน้อย ๆ มองหน้าคนรักอย่างออดอ้อนไอรินน่ารักจนพลชอดใจไม่ไหว เขามอบจูบแสนหวานให้เธอแม้ว่าริมฝีปากอิ่มจะบวมเจ่ออยู่แล้วก็ตาม“อื้อ อย่าค่ะ”คนถูกจูบรีบดันชายหนุ่มออกก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิด เพราะเผลอหน่อยเดียวเสื้อยืดตัวโคร่งก็ถูกถลกขึ้นสูงแล้ว ทรวงอกอิ่มที่ไร้บราห่อหุ้มถูกบีบเคล้นเบา ๆ ไอรินรีบตะครุบมือปลาหมึกเอาไว้ก่อนที่ตัวเองจะใจอ่อน“ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวสาย”“รู้ตัวแล้วเหรอว่ากำลังจะสาย” พลชยอมละมือออกแต่โดยดี “ไปอาบน้ำกันที่รัก”“ไม่เอานะคะ อ๊ะ!”แขนเรียวรีบยกขึ้นคล้องต้นคอแกร่งเมื่อถูกช้อนตัวขึ้น สะโพกมนสัมผัสได้ถึงความแข็งขืนที่ดุนดันอย่างก้าวร้าว ดวงตาคู่ส
“เหมือนว่าการที่เรารักกันมันจะไม่ง่ายเลยนะคะ” “ไอริน อย่าพูดแบบนี้”พลชส่ายอย่างตื่นตระหนก เขากลัว กลัวว่าประโยคต่อมาของไอรินจะทำให้หัวใจของเขาแตกสลาย“ทำไมคะ รินคิดว่า..”“ไม่นะริน! ไม่พูดคำนั้นออกมานะที่รัก”พลช ดีน แม็กซ์เวล ทรุดตัวลงไปนั่งที่พื้น ใช้สองแขนกอดรัดร่างเพรียวบางของแฟนสาวเอาไว้แน่น ซบใบหน้ากับหน้าท้องราบเรียบด้วยความหวาดกลัวสุดหัวใจเขากลัว กลัวว่าไอรินจะบอกเลิกเขากลัวว่าไอรินหายไปอีกครั้งเขากลัว“อึก”“คุณ..”ความหวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตา ชายหนุ่มวัยสามสิบสี่ปีร่ำไห้เพียงเพราะกลัวว่าคนรักจะทิ้งไป ไม่เหลือคราบนักธุรกิจดังที่มีแค่คนเกรงใจในอำนาจ ตอนนี้พลชไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นนอกจากไอริน“อย่าทิ้งผมไปนะริน ได้โปรด”“ดีนคะ”“ให้ผมทำยังไงก็ได้ อึก ผมทำได้ทุกอย่าง แต่เราไม่เลิกกันนะริน ไม่เลิกกันได้ไหม ฮึก”ไอรินอ้าปากค้าง ก่อนที่มือบางฟาดผลัวะเข้าที่ไหล่กว้างเต็มแรง ทำเอาคนที่กำลังร้องไห้หยุดชะงัก เงยหน้าขึ้นมองแฟนสาวทั้งน้ำตาทั้งเสียใจ ทั้งเจ็บตัว ทั้งงุนงง พลชเหมือนลูกหมาตัวโต ๆ ที่เจ้าของไม่พาไปเดินเล่น“เลิกอะไรคะ!” ไอรินถามเสียงเขียว ฟาดมือกับไหล่หนาอีกที “ตบปา
“ในที่สุดลูกชายซื่อบื้อของมัมก็พาหนูรินกลับมาจนได้”หลังจากกอดหอมไอรินจนหนำใจ พิมพ์ดาวก็หันไปค่อนแคะลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ถ้าไม่ตรอมใจจนเข้าโรงพยาบาล ป่านนี้คนซื่อบื้อก็ยังคงซื่อบื้อต่อไปพลชไม่ได้โกรธแม่แต่ก็หัวเราะไม่ออกเหมือนกัน แค่คิดว่าต้องเสียไอรินไปอีกครั้ง ก้อนเนื้อในอกซ้ายก็บีบรัดอย่างรุนแรง เหมือนว่ามันกำลังจะแตกสลาย“อื้ออ ดีนคะ!” ไอรินตีแขนแกร่งที่จู่ ๆ ก็เข้ามาโอบรัดรอบเอว “ทำอะไรคะ คุณมัมกับคุณแด๊ดมองอยู่นะ”“อยากกอด ผมกลัวว่ารินจะหายไป”“รินจะหายไปได้ยังไงล่ะคะ”“คงฝังใจน่ะสิ” พิมพ์ดาวเอ่ยเหมือนเข้าไปนั่งกลางใจของลูกชาย “อย่างงี้ล่ะน้า คนมันเคยพลาดมาก่อน คงกลัวว่าจะซ้ำรอยเดิมอีก”“อะไรเหรอคะคุณมัม”“ดีนกำลังกลัวว่าจะเสียรินไปอีกน่ะลูก”ไอรินทั้งเข้าใจ และเห็นใจคนรัก เธอไม่รู้หรอกว่าสามเดือนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง แต่จากสภาพทรุดโทรมที่ได้เห็น และที่วิลล์กับไมค์เล่าให้ฟังว่าพลชถึงขั้นหมดสติ ต้องหามส่งโรงพยาบาลเร่งด่วน เธอก็พอจะเดาได้ว่าเขาเองก็คงเจ็บปวดไม่ต่างกันไม่มีใครมีความสุขกับการจากลาในครั้งนั้น ไม่แปลกเลยที่พลชจะจำฝังใจ เพราะแม้แต่ตัวเธอก็ยังหลงเหลือบาดแผลเล็ก ๆ
ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันของชาวบ้าน ใช้เวลาแค่สิบวัน โรงเรียนที่ถูกปรับปรุงก็เสร็จสมบูรณ์ หลังจากให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบว่าไม่มีส่วนไหนที่ต้องแก้ไขแล้ว เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีก็ดังก้องไปทั่วดอยเล็ก ๆ แห่งนี้“ในที่สุดโรงเรียนก็เสร็จแล้ว!”“หลังจากนี้เด็ก ๆ จะได้มีอาคารเรียนดี ๆ ไม่ต้องกลัวว่าหลังคาจะรั่วตอนฝนตกอีก”“ห้องน้ำก็มิดชิดขึ้น โรงอาหารก็ใหญ่โต เด็ก ๆ โชคดีกันมากนะรู้ไหม สมัยพี่เรียนไม่มีอะไรแบบนี้หรอก ต้องตั้งใจเรียนนะ อย่าให้พวกพี่เสียแรงเปล่าล่ะ”เด็ก ๆ ต่างพากันพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน ดวงตาสุกสกาวไร้เดียงสามองโรงเรียนที่เกือบจะจำภาพเดิมไม่ได้ด้วยความตื่นเต้นยินดี นอกจากอาคารเก่าที่ถูกปรับปรุงใหม่จนแข็งแรงขึ้นแล้ว ยังมีอาคารอีกหนึ่งหลังที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ด้วย ทั้งใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่า เด็ก ๆ ตื่นเต้นจนอยากเข้าไปเรียนเสียเดี๋ยวนี้ในอาคารนั้นมีทั้งห้องสมุด ห้องวิทยาศาสตร์ แถมยังมีเครื่องคอมพิวเตอร์อีกห้าเครื่องตั้งไว้ให้เด็ก ๆ ได้ลองใช้ รวมถึงมีทีวีขนาดยักษ์ ที่ครูไอยราบอกว่าจะมีครูสอนพวกเด็ก ๆ จากในนั้นได้ยินว่าเป็นการเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม เด็ก ๆ ไม่เข้าใจสิ่งนี้ ผู
“อยู่บ้านดี ๆ นะริน ส่วนดีน เราน่ะอย่ารั้นจะไปช่วยชาวบ้านนัก เจ็บแบบนี้ยิ่งไปช่วยชาวบ้านเขาจะยิ่งเป็นกังวลจนไม่เป็นอันทำงานทำการกันพอดี”นักธุรกิจหนุ่มนั่งคอตก เถียงคุณครูไอยราไม่ออกเพราะตัวเองทำผิดจริง ๆเขาพักรักษาตัวมาได้สองวันแล้ว จุดที่ช้ำเริ่มเป็นสีม่วงเข้ม แต่เพราะยาจากไอยราทำให้รอยช้ำไม่น่ากลัวเท่าที่คิด ส่วนแผลที่แขนก็สมานกันดี พลชจึงแอบหนีไอรินไปที่โรงเรียน หวังจะช่วยหยิบจับอะไรได้บ้างแต่พอชาวบ้านเจอหน้าเขา ทุกคนก็พากันเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก จนครูไอยราต้องมาไล่ให้ว่าที่ลูกเขยกลับบ้านตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านรู้ว่าพลชคือใคร และเพราะรู้ ทุกคนถึงได้หวั่นเกรงแบบนี้ สำหรับชาวบ้านตาดำ ๆ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่แมลงศัตรูพืช แต่เป็นนายทุนอย่างพลชต่างหาก ขึ้นชื่อว่านายทุน.. ผลประโยชน์ย่อมมาก่อนทุกอย่างเสมอ ไม่รู้ว่าวันดีคืนดี จากหนุ่มลูกครึ่งแสนดีที่ชาวบ้านรักใคร่ จะกลายเป็นคนหน้าเลือดกว้านซื้อที่ดิน จนคนหาเช้ากินค่ำไม่มีที่ซุกหัวนอนวันไหน“วันนี้ชาวบ้านมองผมแปลก ๆ” พลชฟ้องคนรัก ระหว่างที่เปิดเสื้อขึ้นเพื่อให้ไอรินประคบสมุนไพรไอรินที่รู้เรื่องทุกอย่างดีไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แฟนหนุ่มยัง