อินทัชรอจนกระทั่งภรรยาฟื้น และทันทีที่ลืมตาอลิษาก็มีอาการเวียนหัวและอาเจียนอีกครั้ง แต่ในท้องไม่มีอะไรให้ออกมาแล้วจึงได้แต่ส่งเสียงโอ้กอ้ากกอดกระโถนที่อินทัชหามาให้อย่างอ่อนแรงเขาสงสารอลิษาจับใจ วันแรกของการแพ้ท้องย่ำแย่เกินไป ไม่มีอาการก่อนหน้า ไม่มีสัญญาณเตือนอะไรทั้งนั้น แต่พอเป็นปุ๊ปก็หนักทันที“คุณหมอ ลิษาเป็นอะไรไปคะ”ว่าที่คุณแม่ที่ยังไม่รู้ตัวว่าจะมีเบบี๋ถามเสียงพร่า จิบน้ำที่อินทัชป้อน ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง“ผมอยากให้คุณอัลตร้าซาวด์”“โรคร้ายเหรอคะ” อลิษาน้ำตาคลอทันที ความอ่อนไหวมากมายจากไหนไม่รู้ทำให้เธออยากร้องไห้ขึ้นมาดื้อ ๆอินทัชส่ายหน้า เขาจูบหน้าผากเนียนปลอบขวัญภรรยา และเลือกที่จะยังไม่บอกเรื่องผลเลือดกับอลิษา เพราะเขาอยากมั่นใจกว่านี้ด้วยการอัลตร้าซาวด์ เขาไม่อยากเห็นอลิษาผิดหวังอีก ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้จะสูงถึง 90% แล้วก็ตาม“ลองซาวด์ก่อนนะครับ แล้วผมถึงจะตอบได้”“ก็ได้ค่ะ”คุณหมอจูบหน้าผากภรรยาอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวไปเตรียมอุปกรณ์ ระหว่างนั้นมีพยาบาลมาถอดน้ำเกลือ ก่อนจะให้อลิษานั่งรถเข็นแล้วพาเธอไปที่ห้องตรวจภายในห้องตรวจไม่กว้างมาก มีอุปกรณ์ที่อลิษาไม่รู้จ
“อึก..”อลิษายกถังขนาดเล็กที่พยาบาลเตรียมไว้ให้ขึ้นมา จากนั้นก็..“อ้วก!”ดูเหมือนว่าอาการแพ้ท้องของอลิษาจะไม่ดีขึ้นเลย อินทัชจ่ายยาที่พอจะช่วยให้ภรรยาดีขึ้น รวมถึงวิตามิน B6 ให้กิน แต่อาการคุณแม่ลูกสองกลับดีขึ้นเพียงนิดเดียวแค่นิดเดียวเท่านั้นอลิษาอาเจียนจนน้ำตาไหล หลังจากวางถังลงเธอก็ทิ้งตัวนอนอย่างหมดแรง อะไร ๆ ที่กินเข้าไปถูกพ่นออกมาจนหมด ในท้องเธอตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือเลย“เด็ก ๆ”คนเป็นแม่ลูบท้องที่ยังแบนราบเบา ๆ เอ่ยพูดกับลูกแม้จะรู้ว่าพวกเขายังไม่ได้ยิน“ใจดีกับแม่หน่อยได้ไหมคะลูก อย่างน้อย ๆ ก็ให้แม่กินอะไรได้บ้าง หนูจะได้ไม่หิวไงคะเด็กดี”อลิษาทนไหวกับอาการแพ้ท้อง จะอาเจียนหนักแค่ไหนเธอไม่เคยบ่น ขอเพียงอย่างเดียว ขอให้เธอกินอะไรได้บ้าง เพราะในร่างกายนี้มีอีกสองชีวิตที่กำลังเจริญเติบโต และทั้งสองชีวิตนี้ก็ต้องการสารอาหารที่มากกว่าน้ำเกลือจากหนึ่งวันเป็นสามวัน จากสามวันเป็นอาทิตย์ อลิษาต้องอยู่ในห้องนี้มาเป็นอาทิตย์แล้ว อินทัชไม่ไว้ใจให้ภรรยากลับบ้าน ถึงที่นั่นจะมีหมอเก่ง ๆ ถึงสามคน แต่อุปกรณ์และยาไม่ได้มีพร้อมเหมือนที่นี่ส่วนอินทัชเองก็กินนอนกับอลิษา เช้ามาเขาลงไปทำงาน ตกเท
อลิษาตื่นแต่เช้าพร้อมกับใบหน้าที่สดชื่นกว่าทุก ๆ วัน หันไปมองเตียงที่อินทัชใช้นอนก็พบว่าคุณหมอหายไปแล้วตื่นเร็วกว่าเธออีกแล้วเพราะว่าวันนี้จะได้กลับบ้านอลิษาจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ หลังจากดูอาการมาเป็นเวลาสิบวันเต็ม คุณหมออินทัชก็ไว้ใจให้คุณแม่ของแฝดกลับไปพักที่บ้านได้ อาการแพ้ของอลิษาลดน้อยลงมากหลังจากอัลตร้าซาวด์เมื่อสี่วันก่อน เธอสามารถกินอาหารได้ไม่ต้องให้น้ำเกลืออีกแล้ว ไม่ได้แพ้ท้องทั้งวันจนอ่อนแรง จะแพ้ก็เฉพาะช่วงเช้าที่ตื่นนอนเท่านั้น“อึก!”แค่นึกถึงอาการก็มา อลิษาหยิบถังที่ช่วงนี้กอดบ่อยกว่าสามีขึ้นมากอดพร้อมโก่งคออาเจียน อาหารมื้อเย็นที่ยังไม่ย่อยถูกดันออกมาจนหมดอีกแล้ว พออาเจียนเสร็จท้องก็ร้องครวญครางหาอาหารมาเติมเต็มทันทีก๊อก ก๊อก“ลิษา ผมเองนะครับ”“อึก! คุณหมอ”“ลิษา!”อินทัชเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมถุงหูหิ้วในมือ เห็นภาพที่ภรรยานั่งกอดถังอาเจียนก็รีบปรี่เข้ามาดูแล เอาถังไปทำความสะอาดโดยไม่รังเกียจ ช่วยประคองร่างเพรียวเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัว ล้างหน้าล้างปากจนสดชื่นขึ้น“ดีขึ้นไหมครับ”“ค่ะ แต่ลิษาหิวจัง”“อีกซักพักอาหารก็มาแล้วครับ อดทนหน่อยนะ”อลิษาพยักหน้ารับเพร
น่าแปลก.. พอเข้าสัปดาห์ที่แปด อาการแพ้ท้องก็หายไปเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นไม่มีอาการเวียนหัวตอนเช้า รู้สึกอยากอาเจียน หรือกินอะไรไม่ได้อีกต่อไป แม่ลูกสองกินทุกอย่างที่ขวางหน้า เหมือนชดเชยช่วงเวลาสองสัปดาห์กว่า ๆ ที่กินอะไรไม่ได้ให้เต็มที่อินทัชไม่ค่อยกล้าห้ามเพราะกลัวว่าภรรยาจะโกรธอีก รวมถึงอลิษาก็ชอบยกลูก ๆ มาอ้างว่าที่กินเยอะเพราะลูกหิว กินกันเก่งจนจะกลายเป็นหมูในท้องเธออยู่แล้ว เขาจนปัญญาเลยได้แต่เตือนกลาย ๆ ไป ยังดีที่คนท้องอ่อนไม่ได้ดื้อดึงอะไรที่ไม่ดีต่อลูกน้อยทั้งสอง อลิษาไม่ทำยกเว้นเรื่องเดียว..“เอางานมาทำที่บ้านก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอลิษา คุณจะรีบกลับไปทำงานทำไม ยังท้องอ่อน ๆ อยู่เลยนะครับ”“แต่ถ้าลิษาท้องโตกว่านี้คุณหมอก็จะบอกว่าห้ามไปเพราะท้องแก่ใช่ไหมคะ” อลิษาดักอย่างรู้ทัน อยู่กันมาจนถึงป่านนี้ถ้าไม่รู้ก็คงไม่ใช่ผัวเมีย คุณหมออินทัชน่ะขี้กังวลเกินไป กังวลกับทุกเรื่องทั้ง ๆ ที่บางเรื่องมันไม่ได้น่ากังวลขนาดนั้น“ผมเป็นห่วงคุณ”“คนท้องไม่ใช่คนปกติลิษารู้ แต่คนท้องก็ไม่ใช่คนป่วยติดเตียงนะคะ” อลิษาสอดแขนเข้าไปกอดรัดเอวสอบ “ให้ลิษาไปทำงานเถอะนะคะ อยู่แต่บ้านลิษาเบื่อ ลิษา
“คุณหมอ คุณหมอเป็นมาเฟียเหรอคะ”แค่ก!อินทัชสำลักน้ำดื่มจนหน้าแดง ดวงตาสองข้างเบิกกว้างด้วยความตกใจนี่ภรรยาไปเอามาจากไหนว่าหมออย่างเขาเป็นมาเฟีย หรือนี่จะเป็นอาการแพ้ท้องอีกรูปแบบหนึ่งที่อินทัชไม่เคยเจอ“ทำไมมองลิษาแบบนั้นล่ะคะ” อลิษาปากคว่ำ คุณสามีมองเธอเหมือนเห็นตัวประหลาดไปได้ “ลิษาก็แค่สงสัย เพราะอีตาไตรภพทำท่าเหมือนกลัวคุณขนาดนั้น”“หืม ไม่น่าจะกลัวผมนะครับ เขาน่าจะกลัวพ่อผมมากกว่า”“คุณพ่อน่ะเหรอคะ” อลิษาเบิกตากว้าง “หรือว่า.. คุณพ่อจะเป็นมาเฟีย!”“ไปกันใหญ่แล้วครับลิษา ไม่ใช่ครับ พ่อผมเป็นหมอธรรมดานี่แหละ” อินทัชรีบปฏิเสธ เขากลัวว่าภรรยาจะคิดไปไกล แล้วเชื่อว่าคุณหมอพีระเป็นมาเฟียจริง ๆอินทัชนึกภาพไม่ออกเลย ถ้าหมอพีระเป็นมาเฟีย แล้วหมออิงอรจะเป็นอะไร ในเมื่อพ่อเขากลัวแม่ขนาดนั้น“แล้วทำไมล่ะคะ ผู้ชายคนนั้นค่อนข้างมีอิทธิพลเลยนะ เขารู้จักคนเยอะ มีธุรกิจหลายอย่าง ทำไมเขาต้องกลัวหมอธรรมดา ๆ ด้วย”“หมอธรรมดาที่เป็นเจ้าหนี้น่ะครับ”“เจ้าหนี้???” อลิษาทวนคำเพราะคิดไม่ถึง นี่พีคยิ่งกว่าเป็นมาเฟียอีกนะเป็นเจ้าหนี้เศรษฐีแบบนั้น ครอบครัวของสามีเธอต้องร่ำรวยขนาดไหนกัน“อืม.. เรื่องมันค่
เรื่องบางเรื่อง บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศออกไป ถ้าการกระทำมันชัดเจนในตัวของมันอยู่แล้ว“คุณหมอ ลิษาใส่กางเกงตัวนี้ไม่ได้แล้วค่ะ”อลิษาฟ้องสามีที่นั่งรดน้ำต้นไม้ทีละต้นระหว่างรอภรรยาแต่งตัว เธอยื่นกางเกงยีนส์ตัวเก่งที่ตอนนี้ไม่สามารถใส่ได้อีกต่อไปให้เขาดู ก่อนตั้งครรภ์อลิษาเอวเพียงยี่สิบสามนิ้วเท่านั้น แต่ตอนนี้มันขยายเป็นยี่สิบห้านิ้วแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลูกหมูตัวใหญ่ หรือเธอกินเยอะไปจนอ้วนเอง“ใส่ไม่ได้ก็เก็บไว้ก่อนสิครับ ไว้ลูกคลอดค่อยใส่ก็ได้”“จริงด้วย” อลิษาเก็บกางเกงตัวโปรดเข้าตู้เสื้อผ้าตู้เดียวกับสามี “คอยดูนะคะ ลิษาจะไม่ยอมให้ลูกหมูทำหุ่นลิษาพังแน่ ๆ คลอดเมื่อไหร่เอวลิษาจะต้องกลับมายี่สิบสามนิ้วให้ได้”“คุณทำได้อยู่แล้วครับ”อินทัชให้กำลังใจภรรยา ก่อนจะหันกลับไปรดน้ำต้นไม้ต่อ ปล่อยให้คุณแม่ลูกสองเดินวนในห้องแต่งตัวเพื่อเก็บเสื้อผ้าบางส่วนเข้าตู้เดียวกันกับเขาถึงพวกเขาจะไม่ได้บอกใครอย่างเป็นทางการ แต่ทุกคนในบ้านต่างก็รู้ดีว่าอินทัชกับอลิษากำลังใช้ชีวิตคู่ด้วยกันจริง ๆ ห้องนอนเก่าของฝ่ายภรรยาถูกทิ้งร้าง ส่วนห้องนอนของฝ่ายสามีก็ถูกเติมเต็มด้วยข้าวของของผู้หญิงทีละนิด
เพื่อความสบายใจของคุณพ่อ คุณแม่อย่างอลิษาจึงไม่เคยอิดออดเลยที่ต้องเข้าตรวจทุกอาทิตย์ และเมื่อพ้นสัปดาห์ที่สิบสามความดันของอลิษาก็กลับมาเป็นปกติ น้ำหนักตัว น้ำตาลในเลือด ทุกอย่างเป็นปกติจนอินทัชใจชื้นขึ้นแต่คุณหมอไม่ประมาท เขาให้อลิษามาตรวจทุกอาทิตย์เหมือนเดิม ภรรยาคุณหมออินทัชเข้าออกสถาบันจนเจ้าหน้าที่รู้จักกันทุกคน เมื่อเห็นหน้าก็รู้ทันทีว่าเมียเจ้านายมา“คุณอลิษา สวัสดีค่ะ”เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ยกมือไหว้ภรรยาคุณหมออินทัช อลิษารับไหว้พร้อมยื่นขนมที่ซื้อติดไม้ติดมือมาให้เจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลเธอทุกครั้งระหว่างรอพบอินทัช“ช็อกโกแลตจากสวิสฯ น้ำตาลน้อย ไม่อ้วนค่ะ”“ขอบคุณค่ะคุณอลิษา”“หมออินทัชล่ะคะ ประชุมเสร็จหรือยัง”“ยังเลยค่ะ ดูเหมือนว่าการประชุมน่าจะยืดเยื้อ คุณอลิษาจะนั่งรอที่ห้องรับรองหรือจะเข้าไปรอในห้องคุณหมอดีคะ”“เข้าไปรอในห้องคุณหมอค่ะ ห้องรับรองให้คนอื่นใช้ดีกว่า”อลิษาเคยเข้าไปนั่งรอในห้องรับรองครั้งหนึ่งแล้วเกิดเรื่องขึ้น เพราะเธอภรรยาของหมออินทัชผู้เป็นเจ้าของสถาบันนี้ เจ้าหน้าที่เลยคิดกันไปเองว่าไม่ควรให้ใครเข้ามาใช้ห้องร่วมกับเธอผลคือ.. ผู้ใช้บริการคนอื่น ๆ ต้องไปใช
คุณปู่คุณย่าพอรู้ข่าวว่าจะได้ทั้งหลานชายและหลานสาวต่างก็ดีใจจนตัวลอย เย็นวันนั้นอาหารทุกอย่างที่อลิษาชอบถูกยกขึ้นโต๊ะ พอรู้ชื่อหลาน ๆ สองคุณหมออาวุโสก็พากันเรียกหาขุนเขาพาดาตลอดเวลา เป็นภาพครอบครัวที่แสนอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก ความสุขหลังจากมื้อเย็นจบลงอินทัชก็พาอลิษาขึ้นห้องนอนทันที ทั้งคู่ผลัดกันเข้าไปอาบน้ำ และออกมานั่งเช็ดผมเป่าผมให้กัน พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวันให้กันฟัง“ลูกค้าที่ไตรภพหาให้บอกเลิกสัญญาเกินกว่าครึ่งเลยค่ะ” อลิษาบ่นอุบ “ลอบกัดกันนี่นา”“คุณลำบากหรือเปล่าครับ”“ไม่เลยค่ะ ลิษามีลูกค้าของตัวเองอยู่แล้ว เสียลูกค้าของไตรภพไปมันก็กระทบบ้าง แต่ไม่ได้เดือดร้อน ดีนะคะที่ลิษาไม่ได้หวังพึ่งพาใครตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นน่าจะเจ็บหนักเลยล่ะค่ะ”“อย่าเครียดนะครับ”อินทัชเอ่ยปลอบกึ่งขอร้อง เขานั่งอยู่บนเตียง ในขณะที่อลิษานั่งอยู่บนเก้าอี้ คุณหมอใช้ผ้าสะอาดเช็ดไปตามเส้นผมยาวจนเริ่มหมาด หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นใช้ไดร์เป่าแทนนานหลายนาทีกว่าเส้นผมนุ่มจะแห้งสนิท อลิษาผมหนาและยาวสลวย เธอมีเส้นผมที่ตรงโดยไม่ต้องใช้ที่หนีบ ปกติเธอจะม้วนเส้นผมให้เป็นลอนคลื่
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไม่หรอกครับ พี่เป็นหมอ เรื่องแบบนี้ง่ายนิดเดียว”ง่ายนิดเดียวของอินทัช มันไม่ได้ง่ายเลย..อินทัชเป็นหมอก็จริง แต่เขาไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กมืออาชีพ เขามีหน้าที่ทำคลอด ดูแลแม่และเด็กเกี่ยวกับสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ไม่เคยต้องใช้ชีวิตกับเด็กทั้งวันทั้งคืนคนเดียว และก็ใช่ อินทัชมีลูกถึงสามคน สองแฝดก็อายุหกขวบกว่าแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่อินทัชต้องอยู่กับลูกเพียงลำพังโดยไม่มีพี่เลี้ยงที่เชี่ยวชาญอยู่ด้วยหนิงและไหม พี่เลี้ยงสองพี่น้องลากลับบ้านกะทันหันเพราะแม่ป่วย คุณหมออิงอรและคุณหมอพีระก็ไปฮันนีมูนรอบที่สี่สิบห้าเมื่ออาทิตย์ แม่ของภรรยาก็ไปปฏิบัติธรรมบนเขาตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน เหลือแค่อินทัชและอลิษาเพียงสองคนที่ต้องเลี้ยงลูกทั้งสามเอง ซึ่งในตอนแรกพวกเขาไม่กังวลเลย เลี้ยงลูกเองก็ไม่ได้ยา
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่เด็กน้อยกำลังรอใครบางคนที่จะมาเคาะประตูตอนเจ็ดโมงตรงต่างหากเครื่องปรับอากาศยังคงทำงานของมัน นาฬิกาก็ยังเดินต่อเรื่อย ๆ ทว่าคนที่ต้องไปโรงเรียนไม่มีทีท่าว่าจะยอมลุกง่าย ๆ แม้ว่าจะไม่เหลือความง่วงงุนแล้วก็ตามพาดาจะรอให้หม่าม้ามาปลุกพาดา ภาวิดา เด็กหญิงวัยห้าขวบที่ติดแม่ยิ่งกว่าใคร แม้ว่าปีหน้าจะต้องเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว แต่สาวน้อยก็ยังติดหม่าม้าไม่เปลี่ยน ถึงจะไม่ได้นอนห้องเดียวกันแล้ว แต่ก็ต้องรอให้หม่าม้ามาปลุก แล้วจุ๊บหน้าผากอรุณสวัสดิ์ทุกวัน หากวันไหนไม่ได้ทำ วันนั้นเด็กน้อยจะรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ค่อยดีเข็มสั้นของนาฬิกาเดินดังติ๊กต๊อก เข็มยาวค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้เลขสิบสองอย่างเชื่องช้า พาดาจ้องมองมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ภาวนาให้มันไปถึงซะทีและในที่สุดก๊อก ก๊อก“คนสวยขา” เสียงหวานข
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอดเวลาที่อินทัชตรวจเช็กว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่ เธอทั้งปวดท้อง ทั้งเจ็บช่องคลอด แต่คนเป็นแม่กลับไม่บ่น หรืองอแงจะเปลี่ยนใจแม้แต่วินาทีเดียว“ปากมดลูกเปิดแค่สองเซน ยังบล็อคหลังไม่ได้นะครับ” อินทัชบอกข่าวที่ไม่ค่อยน่ายินดีให้ภรรยารับรู้ “ลิษาจะทนไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหว..”“ไหวค่ะ อึก ลิษาไหว”“ลิษาครับ”“พี่อิน อึก ครั้งนี้ลิษาอยากคลอดธรรมชาติ.. นะคะ”คุณหมอพยักหน้ารับ แม้จะห่วงแค่ไหนแต่เขาเคารพการตัดสินใจของภรรยาเสมอ และอีกอย่าง ครั้งนี้ร่างกายของอลิษาพร้อมสำหรับการคลอดกว่าครั้งที่แล้ว อายุวันคลอดเกือบตรงกับที่เขาคำนวนเอาไว้ ความดันไม่สูงเกินไป ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ให้ต้องกังวล“ถ้าไม่ไหวบอกพี่นะ พี่ต้องไปดูคนอื่นก่อน”อลิษาทำได้แค่พยักหน้ารับ นึกน้อยใจลูกที่อยากเกิดก่อนวันจริงตั้งสี่วัน และมันดั
“ทำไมถึงเลือกมาที่นี่ล่ะครับ”อินทัชวาดแขนรอบเอวภรรยา ริมฝีปากนุ่มฝังเข้ากับซอกคอหอมกรุ่น เขาได้ยินเสียงครางอื้อออกมาจากอลิษา ก่อนที่เธอจะเอียงคอเล็กน้อยให้เขาสัมผัสได้มากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ“พอก่อนค่ะ” อลิษารีบคว้ามือที่ป้วนเปี้ยนบริเวณเอวเอาไว้ เธอเอียงหน้ากลับมาขยิบตาให้คุณหมอ “คืนนี้นะคะ ตอนนี้ยังสว่างอยู่เลย”“ปกติลิษาของพี่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเวลานี่ครับ”“แหม ก็ต้องมีบ้างสิคะ”อินทัชหัวเราะ ทว่าสุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยภรรยาแต่โดยดีสถานที่ฮันนีมูนของพวกเขาเป็นสถานที่เดียวกับเมื่อหกปีที่แล้ว อลิษาเลือกรีสอร์ทเดิม ห้องพักเดิม กิจกรรมเดิม ๆ เหมือนต้องการมารื้อฟื้นความหลังมากกว่ามาฮันนีมูนมื้อเย็นแรกของการมาฮันนีมูน ไม่พ้นต้องเป็นหมูกระทะเจ้าเก่าเจ้าเดิมเมื่อหกปีที่แล้ว วันนี้คุณหมออินทัชสามารถบริการภรรยาได้เต็มที่ เพราะเขาเรียนรู้มาหลายครั้งแล้วว่าหมูกระทะต้องกินยังไง“ทานเยอะ ๆ นะครับ” คุณหมอคีบหมูชิ้นที่มีมันน้อยที่สุดให้ภรรยา “อย่าทานมันเยอะนะครับ ไม่ดีต่อสุขภาพ”"พี่อินว่าลิษาอ้วนขึ้นไหมคะ"อินทัชหน้าตาตื่น “พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลยนะครับ แค่ห่วงสุขภาพของลิษาเท่านั้
ช่วงชีวิตกว่าสามสิบสี่ปีที่ผ่านมาของอลิษา มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งความทุกข์ ความสุข ตื่นเต้น สมหวัง และผิดหวัง แต่คงมีแค่ไม่กี่เหตุการณ์ในชีวิต ที่อดีตผู้บริหารไฟแรงลูกสอง จะสลักลึกมันไว้ในความทรงจำตลอดไปหนึ่ง วันที่เธอเปิดบริษัทเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมาสอง วันที่เธอให้กำเนิดสองแฝดและสาม วันนี้.. วันแต่งงานของเธอกับคุณหมออินทัช สามีคนแรกและคนเดียวของเธอ“อู้วหู้ววว!! หม่าม้าสวยจังเลยค่ะ พี่ขูน หม่าม้าสวยเนอะ ๆ”“อื้อ สวย”เสียงเจือยแจ้วร้องลั่นห้องเมื่อพี่หนิง พี่เลี้ยงเปิดประตูห้องแต่งตัวเจ้าสาวให้เด็ก ๆ เข้ามาหาหม่าม้า พาดาในชุดสีขาวกระโปรงฟูฟ่องวิ่งเข้ามาหาหม่าม้าเป็นคนแรก อลิษาอุ้มร่างอวบอัดขึ้นมากอดหอม ดวงตาโตเฉี่ยวฉายแววพอใจเมื่อเห็นลูกสาวในวันนี้“คนสวยของหม่าม้า”วันนี้พาดาแต่งตัวน่ารักน่าชัง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนถูกดัดและสวมมงกุฎดอกไม้สีขาวประดับ ใบหน้าน่ารักถูกแต่งแต้มสีสันพอประมาณ แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อตามธรรมชาติเพราะเล่นซนมา“พี่ขุนมาหาหม่าม้าหน่อยสิครับ”เด็กขายขุนเขาเดินเข้ามาคนเป็นแม่แต่โดยดี ถ้าวันนี้พาดาน่ารักแล้ว ขุนเขาคงเรียกได้ว่าหล่อออร่าจับ เด็
วันนี้คุณหมออินทัชทำงานด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น มีหลายครั้งหลายคราที่คุณพ่อลูกสองหลุดยิ้มออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และถึงรอยยิ้มคุณหมอจะน่ามองแค่ไหน แต่ถ้าจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาไม่มีเหตุผลแบบนี้ มันก็แอบทำให้ใครหลาย ๆ คนตกใจเหมือนกัน“วันนี้มีเรื่องราวดี ๆ อะไรหรือเปล่าคะ”บุศยาอดใจไม่ไหวจนต้องสอบถามออกไป ทุกครั้งที่เธอเข้ามาในห้อง ก็จะได้เห็นหมออินทัชนั่งประสานมือไว้ใต้คาง เหม่อ และยิ้มทุกครั้ง“คุณบุศ” อินทัชยิ้มกว้างอวดฟันขาว “อีกไม่นานผมขอเชิญคุณบุศที่งานแต่งของผมนะครับ”“งานแต่งคุณหมอ กับใครหรือคะ”คำถามของบุศยาทำให้รอยยิ้มของคุณหมอกระตุก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น แต่งงานกับใครอย่างนั้นเหรอ“ผมก็ต้องแต่งกับภรรยาของผมสิครับ”“คะ เอ๊ะ แต่ว่าพวกคุณแต่งงานกันแล้ว..”“พวกเราแค่จดทะเบียนกันเฉย ๆ ยังไม่เคยจัดงานจริงจังครับ” อินทัชอธิบาย “ผมอยากจัดงานเล็ก ๆ ที่มีแต่คนสนิท คุณบุศเองก็อยู่กับผมมาหลายปี ผมเลยอยากชวนให้ไปร่วมงานด้วย แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ”“สะดวกค่ะ สะดวกมาก วันไหนเดือนไหน ดิฉันไปแน่นอนค่ะ”“ไว้ผมจะบอกอีกที”อินทัชลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เก็บของทุก
อลิษาพลิกตัวไปมาเป็นรอบที่สิบ เวลาเดินมาถึงเที่ยงคืนตรงแต่ดวงตาโตเฉี่ยวยังคงเปิดโพลง จนกระทั่งสบเข้ากับดวงตาของสามีที่มองมา“พี่อิน ลิษาขอโทษค่ะ ลิษาทำให้พี่อินตื่นใช่ไหมคะ”“เปล่าครับ พี่ยังไม่หลับ” อินทัชตอบเสียงนุ่มตามอุปนิสัย “ลิษาเครียดเรื่องพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ”อลิษาหน้าเจื่อนลง “ลิษาดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“นอกจากจะดูง่ายแล้ว พี่ยังรู้สึกไม่ต่างจากลิษาเท่าไหร่ด้วย”“พี่อิน..”คนเป็นพ่อแม่มองตากันในความมืด ก่อนที่อลิษาจะซุกใบหน้าเข้าหาอกกว้าง เหมือนกับทุกครั้งที่จิตใจไม่สงบ“ลิษากลัวค่ะ”มือใหญ่ลูบเส้นผมนุ่มเบา ๆ เขาปล่อยให้ภรรยาระบายความไม่สบายใจออกมา“ตั้งแต่เกิดมาลูกไม่เคยห่างจากอกลิษาเลย แต่นี่พวกเขากำลังจะได้ไปเจอกับโลกใบใหม่ โลกที่กว้างกว่าเดิม ลิษากลัวว่าโลกภายนอกจะทำร้ายพวกเขาค่ะ”“พี่ก็กลัว” อินทัชสารภาพตามตรง“ถ้าอย่างนั้นเราให้ลูกเรียนโฮมสกูลดีไหมคะ หรือไม่.. พวกเราก็สอนทั้งสองคนเอง ลูกแค่สองคนลิษาสอนได้สบายมาก”“แต่นั่นก็ไม่ต่างอะไรจากการปิดกั้นลูก ๆ จากโลกภายนอก มันไม่โหดร้ายไปเหรอครับ”ถึงจะกลัว แต่อินทัชก็เข้าใจดีว่าคนเป็นพ่อแม่ไม่มีทางจะปกป้องลูกได้ตลอดไป เขาเ
“มาม่ะ”“ขาคนสวย อยากได้อะไรคะ”“ปาป่ะ”“ปะป๊ายังไม่เลิกงานค่ะ”“ขูน ขูน”“พี่ขุนระบายสีอยู่ตรงนี้ไงคะ”“ย่า ปู่ หนิง”"สรุปหนูจะหาใครกันแน่คะ หืม? ไหน มาให้หม่าม้าฟัดพุงหน่อยสิ”อลิษาจับร่างอ้วนกลมมาฟัดพุงด้วยความมันเขี้ยว จนสาวน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างอารมณ์ดี“คิก อ๊าย มาม่ะ คิก ๆ”อลิษาฟัดพุงลูกจนหนำใจก็เปลี่ยนเป็นหอมแก้มยุ้ยแทน นับวันพาดาก็ยิ่งน่ารักน่าฟัด ยิ่งอายุใกล้ครบหนึ่งขวบก็ยิ่งพูดเก่ง เรียกหาคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยเจือยแจ้วทั้งวันหนูน้อยตัวอ้วนกลมเพราะกินเก่ง แก้มกลมสีขาวอมชมพูน่าฟัด ดวงตาโตและขนตายาวเป็นแพ ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่ารัก นิสัยก็น่ารักน่าเอ็นดู ใครมาเยี่ยมหาเป็นต้องหลงพาดากันทุกรายส่วนขุนเขา หนุ่มน้อยจอมขรึมของทุกคน ขุนเขาเป็นเด็กชายที่มีแววหล่อเหลามาตั้งแต่เกิด บวกกับบุคลิกที่ค่อนข้างเก็บตัว สนใจแต่สิ่งที่ชอบ ทำให้ไม่ค่อยสนิทกับใครมากนัก แต่ลึก ๆ แล้วขุนเขาเป็นเด็กอารมณ์ดี ว่าง่าย ไม่เคยอารมณ์เสียหรือเอาแต่ใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว“วันเกิดปีแรกอยากได้อะไรคะ” อลิษาถามลูกทั้งสอง อีกสองวันก็ครบรอบวันที่หมูน้อยทั้งสองลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้แล้วจะว่าเร็วก็เร็ว จะบอกว่าช้าก็
จากดินเนอร์หรูบนเรือสำราญกลางแม่น้ำ กลายเป็นดินเนอร์ง่าย ๆ ในครัวที่บ้าน และมีอาหารธรรมดา ๆ อย่างไข่เจียวกับแกงจืดเพียงสองอย่างถ้าให้เทียบความโรแมนติกของบรรยากาศ ในครัวที่ยังมีกลิ่นไอของน้ำมันและเครื่องปรุง มันเทียบไม่ได้กับลมเย็น ๆ บนเรือที่วิ่งไปตามแม่น้ำ แต่ถ้าเทียบกับความพิเศษ อินทัชคิดว่ารสมือของภรรยา ยังไงก็อร่อยกว่าเชฟจากโรงแรมห้าดาวเป็นไหน ๆ“พี่เก็บเอง ลิษาไปอาบน้ำเถอะครับ”ภรรยาเป็นฝ่ายปรุงอาหารแล้ว สามีอย่างเขาก็ต้องช่วยอะไรเธอบ้าง เขาอาสาล้างจานทุกอย่างด้วยตัวเอง อินทัชจะไม่ทิ้งจานค้างคืนเพื่อสุขอนามัยที่ดี แต่ถ้าให้เรียกคนงานในบ้านก็เกรงใจ ป่านนี้คงนอนกันหมดแล้ว เขาจึงจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างระมัดระวัง“อย่าทำจานแตกนะคะ”“พี่ล้างจานเก่งนะครับ”“ค่า ลิษาเชื่อ” อลิษาหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี “พี่อิน คืนนี้เรานอนห้องข้างล่างนะคะ”“หืม ทำไมล่ะครับ”“เราไม่ได้นอนด้วยกันแบบสองต่อสองมานานแล้วนี่คะ”อลิษาสอดแขนเข้าไปกอดรัดเอวสอบ แนบใบหน้ากับแผ่นหลังกว้างเพื่อออดอ้อน“อีกอย่าง.. พี่อินยังไม่ได้ทานของหวานของลิษาเลย”“แล้วลูก..”“ลิษามีนมให้ลูกเต็มตู้ หนิงก็นอนเป็นเพื่อนเด็ก