อลิษาทิ้งตัวนอนบนเตียงด้วยท่าตะแคงข้าง โชว์แผ่นหลังขาวนวลพร้อมแอ่นก้นยั่วยวนสามี“พี่อิน ท่านี้ปลอดภัยนะคะ”อินทัชเข้าไปประกบภรรยาจากด้านหลัง ริมฝีปากบางไล่จูบตั้งแต่ไหล่ แผ่นหลัง ลงไปถึงก้นงอน ฟอนเฟ้นซาลาเปาสองลูกด้วยใบหน้า จมูก และปาก“อะ อื้อ”คุณหมอฝากรอยรักสีกุหลาบไว้บนก้อนกลมทั้งคู่อย่างละจุด เขาไม่รังเกียจเลยที่ใช้ปากหรือใบหน้ากับส่วนต่าง ๆ ในร่างกายภรรยา ในเมื่อเขาชอบอลิษา ชอบทุกอย่างที่เป็นเธอ ไม่ว่าจะศีรษะหรือปลายเท้าอินทัชก็ไม่รังเกียจทั้งนั้น“อ๊า พี่อิน”ลำรักถูกสอดลึกเข้าไปช่องทางชุ่มชื้นอย่างระมัดระวัง อลิษาแอ่นก้นขึ้นสู้ แหงนหน้าครวญครางเสียงกระเส่า“ลิษา” อินทัชซุกไซ้จมูกโด่งกับซอกคอชื้นเหงื่อ “ดีที่สุดเลย ซี้ด ลิษา”ได้รับคำชมจากสามีร่างกายก็ตอบรับทันที อินทัชครางเสียงต่ำเมื่อถูกบีบรัดจากภายใน เขาแช่กายค้างไว้เพียงครู่ก็เริ่มขยับจากช้า เป็นเร็วรัว“อ๊ะ อ๊ะ พี่อิน ฮื่อ ลิษาเสียว ดีจังค่ะ อ๊า”“พี่ก็รู้สึกดี” อินทัชเม้มจูบใบหูขาว “ดีที่สุดเลยคนดี”คุณหมอยกขาเรียวขึ้นเพื่อเปิดทางให้ตัวเองเข้าไปได้ลึกกว่าเดิม เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั่วห้องนอนกว้าง เตียงนอนขยับไหวตา
ธุรกิจของอลิษาขยายตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากจะเป็นบริษัทหาคู่แล้ว ผู้บริหารยังสาวมีโปรเจกต์ขยายธุรกิจให้เป็นบริษัทรับจัดงานแต่งด้วย เรียกได้ว่าทั้งหาคู่และจัดงานให้ จบครบในที่เดียวเกือบสองเดือนแล้วที่ธุรกิจใหม่เปิดตัวขึ้น เงินลงทุนที่เข้ามาหนุนไม่ใช่จากใครอื่นไกลเลย สามีของอลิษาเอง อินทัชลงทุนเป็นเงินจำนวนแปดหลัก และเข้ามาถือหุ้นสามสิบเปอร์เซนต์ ส่วนอลิษานั้นถือเจ็ดสิบ จากธุรกิจเจ้าของคนเดียวถูกเปลี่ยนเป็นห้างหุ้นส่วน นอกจากอลิษาแล้วน้อง ๆ ในที่ทำงานต่างก็นับถืออินทัชเป็นบอสด้วยอีกคนถึงจะไม่ได้เข้ามาบริหารเต็มตัว แต่เพราะอินทัชมักจะมารับมาส่งอลิษาเป็นประจำ เขาจึงคุ้นเคยกับพนักงานทุกคนเป็นอย่างดี อินทัชใช้ความคุ้นเคยฝากฝังภรรยาให้น้อง ๆ ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ เพราะอลิษายังทำงานปกติแม้จะท้องใหญ่โตขึ้นทุกวันก็ตามยิ่งช่วงไหนที่มีงานแต่ง อลิษาจะลงมาควบคุมงานด้วยตัวเอง แบกท้องโย้ ๆ ไปไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง อย่างเช่นวันนี้“ไม้ ตรงนั้นเลื่อนอีกหน่อย อืม.. นั่นแหละ สวยแล้ว”อลิษาชี้นิ้วสั่งน้องให้เลื่อนป้ายชื่อบ่าวสาว มืออีกข้างดันเอวไว้เพราะเริ่มปวดหลัง“เดี๋ยวตรงนี้ผมจัดการต่อเอง พี่ลิษาอย่ายืนน
“พี่ลิษาคะ คุณหมออินทัชมาแล้วนะคะ”“ให้คุณหมอเข้ามารอในห้องเลยมะปราง พี่ยังทำงานไม่เสร็จ”“ทำงานหนักไปแล้วนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแทนมะปราง อินทัชเข้ามาทันได้ยินพอดี “เย็นแล้ว เลิกงานได้แล้วครับ”“อีกนิดนึงค่ะพี่อิน ลิษาอ่านตรงนี้นิดเดียว”มะปรางสบตากับหมออินทัช ส่ายหน้าเบา ๆ เพื่อบอกให้รู้ว่าเธอเองก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วเช่นกัน ช่วงนี้อลิษากำลังทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้กับโปรเจกต์ที่ล้นมือ เดือนนี้มีลูกค้าต้องการนัดเดทกันวันละสองคู่เป็นอย่างต่ำ แถมยังมีงานแต่งอีกอาทิตย์ละงาน พนักงานที่มากขึ้นยังไม่เพียงพอต่อภาระที่แบกอยู่บนบ่าอลิษาทนเห็นน้อง ๆ ทำงานหนักฝ่ายเดียวไม่ไหว เธอจึงลงมาช่วยเท่าที่จะทำได้ เมื่อก่อนตอนที่บริษัทยังเล็ก ๆ อลิษาก็ทำเองเกือบทุกอย่างอยู่แล้ว เธอรู้ระบบงานของน้อง ๆ ดีคงจะมีแต่น้อง ๆ นี่แหละที่ไม่สบายใจ บอสของพวกเขาท้องโตอุ้ยอ้ายขนาดนี้แต่ยังต้องทำงานหนัก ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง สุดท้ายเมื่อไม่รู้จะห้ามยังไงก็ได้แต่โทรเรียกหมออินทัชมาจัดการอินทัชเองก็รับมือกับภรรยาได้ยากเหมือนกัน เขาไม่อยากบีบบังคับเธอมากเกินไป เมื่อก่อนอลิษาบาลานซ์งานและเวลาพักได้ดี ไม่หักโหม ไม่ทำงา
“คุณพ่อคุณแม่กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว” อินทัชเอ่ยอย่างเหนื่อยล้า แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มสบายใจอลิษาไม่เป็นอะไรแล้ว และลูกหมูทั้งสองก็แข็งแรงดีอลิษามีภาวะแท้งคุกคาม รกลอกตัวออกจากผนังมดลูกก่อนกำหนด จึงทำให้มีเลือดซึมไหลออกมาอย่างที่เห็น โชคยังดีที่รู้เร็ว หากรู้ช้ากว่านี้หรือรกลอกแบบไม่เปิดเผย ไม่มีเลือดไหลเตือนอาจจะเป็นอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้จะให้พูดว่าการที่มีเลือดออกเป็นข้อดีก็พูดได้ไม่เต็มปาก แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีการแจ้งเตือนใด ๆ แล้วเกิดการสูญเสียขึ้นมาจริง ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นอินทัชคงตายทั้งเป็นที่จริงแล้วภาวะแท้งทุกคามมักจะเกิดขึ้นในครรภ์ที่ยังอ่อนได้มากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าอายุครรภ์ยี่สิบสี่สัปดาห์ของอลิษาจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าคนเป็นแม่มีปัจจัยเสี่ยง อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ในกรณีของอลิษา ปัจจัยเสี่ยงของเธอคือตั้งครรภ์แฝด และทำงานหนักอินทัชไม่คิดว่าจะเจอเรื่องนี้กับครอบครัวของตัวเอง เขามั่นใจว่าดูแลภรรยาดีมากพอ นัดตรวจครรภ์อาทิตย์ที่แล้วอลิษายังปกติดีทุกอย่างเรื่องราวในครั้งนี้ทำให้อินทัชต้องรอบคอบมากกว่าเดิม ทั้งที่เขาคิดว่าตัวเองดูแลภรรยาดี
“พี่ลิษา ทำไมมาบริษัทอีกแล้วล่ะคะ”มะปรางรีบเข้าไปประคองร่างอุ้ยอ้ายของอลิษาทันทีที่เห็นเธอเดินออกมาจากลิฟต์ อีกด้านมีคุณหมออินทัชประคองอยู่แล้วก็จริง แต่คนสนิทอย่างมะปรางก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี เพราะตอนนี้พี่สาวของเธอท้องโตเกินไปแค่เจ็ดเดือนครึ่งเท่านั้น แต่ท้องกลับใหญ่เหมือนจะคลอดวันนี้พรุ่งนี้ให้ได้ มะปรางเชื่อแล้วว่าลูกหมูกินจุ เพราะอลิษาไม่ได้อ้วนขึ้นเลย มีแค่พุงที่ขยายใหญ่เท่านั้น“เบื่อน่ะสิ” อลิษาทิ้งตัวนั่งบนโซฟานุ่มช้า ๆ “อยู่บ้านเฉย ๆ พี่เบื่อ เลยขอพี่อินมาเล่นกับน้อง ๆ ที่ออฟฟิศ”อินทัชพูดสำทับ “ผมมีเคสครับ ไม่สะดวกพาลิษาไปเที่ยวไหนแก้เบื่อ เลยอยากจะรบกวนฝากภรรยาไว้กับทุกคนวันหนึ่ง”“ไม่เป็นไรเลยค่ะคุณหมอ ไม่ต้องกังวลนะคะ พวกเราจะดูแลพิ่ลิษาเป็นอย่างดี”“ขอบคุณครับ”อินทัชขอบคุณมะปราง ก่อนจะหันกลับมากำชับภรรยา“ลิษา ห้ามทำอะไรเกินตัวเด็ดขาดนะครับ ไปเข้าห้องน้ำก็ให้น้องติดไปด้วยซักคน อย่าไปคนเดียว”“ค่ะพี่อิน”“แล้วก็ห้ามทานของหวานด้วย อย่าลืมนะครับว่าล่าสุดค่าน้ำตาลไม่ค่อยดีเท่าไหร่”"ค่าาา" อลิษาหน้ามุ่ย ค่าน้ำตาลเกินมานิดเดียวเอง แต่อินทัชพูดถึงไม่หยุดที่จริงอลิษาคุมอาหาร
“ลิษา อาบน้ำได้แล้วครับ ดึกแล้วนะ” อินทัชเอ่ยเตือนภรรยาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เพราะถึงเวลาที่ต้องเข้านอนของคุณแม่ลูกสองแล้วขนาดท้องที่ใหญ่กว่าปกติทำให้อลิษาต้องพึ่งพาอินทัชหลาย ๆ เรื่อง รวมถึงเรื่องอาบน้ำด้วย ตั้งแต่เข้าเดือนที่เจ็ดทั้งคู่ก็อาบน้ำด้วยกันเป็นประจำ อินทัชบอกว่าเขาไม่อยากให้อลิษาต้องอยู่คนเดียวแม้แต่นาทีเดียว เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องฉุกเฉินขึ้นแล้วแก้ไขไม่ทันอลิษาไม่อยากขัดใจสามี เธอเข้าใจว่าเขากังวลว่าเธอกับลูกจะมีอันตราย อีกอย่างเธอกับอินทัชก็อยู่กินกันมาตั้งเท่าไหร่ เห็นกันทุกซอกทุกมุมจนไม่มีอะไรต้องมานั่งอายแล้ว และที่สำคัญ มีสามีคอยอาบน้ำให้ก็สบายดีเหมือนกันนับวันคนท้องก็ชักจะขี้เกียจขึ้นเรื่อย ๆ คุณสามีก็ช่างตามใจ ก่อนลูกหมูจะเสียหมูก็อาจจะเป็นเธอนี่แหละที่เสียคน“พี่อิน อุ้ม”“ลิษา” คุณหมออินทัชส่ายหน้าเบา ๆ แต่ก็ยอมเดินมาช้อนร่างภรรยาขึ้น “ฮึบ!”“พี่อิน! ทำไมต้องทำเหมือนลิษาหนักมากด้วย” อลิษาฟาดไหล่สามีพร้อมทำหน้างอง้ำ เมื่อก่อนที่อินทัชอุ้มเธอไม่เห็นจะส่งเสียงอะไรแบบนี้ออกมาเลย แถมเดี๋ยวนี้พอขอให้อุ้มก็ชอบทำหน้าเหมือนกินยาขมตลอดเธอไม่ได้หนักซะหน่อย หน
“ลิษาชักอีกแล้ว เรายื้อให้คลอดธรรมชาติไม่ได้แล้วครับ”อินทัชพูดแค่นั้น ก่อนจะออกคำสั่งเร่งด่วนให้นำอลิษาไปที่ห้องคลอดทันที หลังจากช่วงสายที่ความดันของภรรยาลดลงเล็กน้อย อินทัชก็อธิบายทุกอย่างให้เธอฟัง เรื่องที่ต้องคลอดก่อนกำหนดทำให้หัวใจคนเป็นแม่ปวดร้าว อลิษาใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะยอมรับได้ เธอร้องขอสามีว่าต้องการคลอดเอง แต่เพราะอายุครรภ์ที่ยังไม่ถึงกำหนดคลอด คุณหมออินทัชจึงต้องให้ยาเร่งคลอดเพื่อให้ปากมดลูกเปิดยังไงอลิษาก็ต้องคลอดวันนี้ อาการของเธอน่าเป็นห่วง ถ้าฝืนไว้จะเป็นอันตรายกับทั้งแม่และลูกช่วงบ่ายระหว่างที่รอให้ปากมดลูกเปิดเพียงพออลิษาเริ่มมีอาการชักเกร็งอ่อน ๆ ความดันที่เพิ่งลดลงพุ่งสูงจนน่าตกใจ อินทัชจึงรอไม่ได้อีกต่อไป ทีมพยาบาลรีบนำตัวอลิษาไปยังห้องคลอดที่เตรียมไว้ทันที ส่วนตัวเขารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดปลอดเชื้อ เตรียมตัวผ่าคลอดลูก ๆ ที่อายุเพียงสามสิบสองสัปดาห์ด้วยตัวเองคุณหมอมากประสบการณ์มือสั่นจนน่าหงุดหงิดระหว่างสวมถุงมือยาง อินทัชยอมรับว่าวันนี้เป็นวันที่เขากลัวที่สุดในชีวิต แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้เขามีสติ ข่มความกลัวไว้แล้วทำหน้าที่ให้ดีที่สุดอย่างสุดความสาม
“มันเป็นผลข้างเคียงของแม่ที่มีภาวะครรภ์เป็นพิษครับ ไม่ได้เกิดกับทุกคน แต่ก็มีโอกาส”“ลิษาจะกลับมามองเห็นได้ไหมคะ”“ลิษา..”“พี่อิน ช่วยบอกลิษาตามตรงได้ไหมคะ” อลิษาถามเสียงสะอื้น เธอกลัว.. กลัวว่าจะได้รับคำตอบที่ไม่อยากได้ยินที่สุด“อาจจะมองไม่เห็นเพียงชั่วคราว หรือ.. หรืออาจจะถาวรก็ได้ครับ”อินทัชตัดสินใจบอกความจริง อลิษามีสิทธิ์ได้รับรู้อาการของตัวเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะดีหรือร้าย..อลิษาไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอนิ่งค้าง แต่น้ำตากลับไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย หมายความว่าเธอมีโอกาสหายและมองไม่เห็นตลอดชีวิตเท่า ๆ กันอย่างนั้นเหรอและถ้าไม่หาย เธอก็จะไม่ได้เห็นหน้าลูกอีกเลยใช่ไหม“ลิษา”มือที่แสนอบอุ่นวางลงบนบ่าเล็ก ๆ เหมือนอินทัชเข้ามาทำลายความเข้มแข็งทั้งหมดของอลิษา เธอปล่อยเสียงสะอื้นออกมาราวกับจะขาดใจ“พี่อิน ฮือ ลิษากลัว กลัว ฮึก”“ไม่เป็นไรนะลิษา” อินทัชโอบกอดภรรยาด้วยหัวใจที่ขื่นขม “พี่จะทำทุกทางเพื่อให้ลิษากลับมามองเห็นให้ได้ พี่สัญญาด้วยชีวิต”“ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วย ฮึก” อลิษาตัดพ้ออย่างน่าสงสาร ทำไมโชคชะตาต้องโหดร้ายกับเธอขนาดนี้ แค่เห็นหน้าลูกยังไม่มีสิทธิ์ แบบนี้ให้เธอหมดลม
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไม่หรอกครับ พี่เป็นหมอ เรื่องแบบนี้ง่ายนิดเดียว”ง่ายนิดเดียวของอินทัช มันไม่ได้ง่ายเลย..อินทัชเป็นหมอก็จริง แต่เขาไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กมืออาชีพ เขามีหน้าที่ทำคลอด ดูแลแม่และเด็กเกี่ยวกับสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ไม่เคยต้องใช้ชีวิตกับเด็กทั้งวันทั้งคืนคนเดียว และก็ใช่ อินทัชมีลูกถึงสามคน สองแฝดก็อายุหกขวบกว่าแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่อินทัชต้องอยู่กับลูกเพียงลำพังโดยไม่มีพี่เลี้ยงที่เชี่ยวชาญอยู่ด้วยหนิงและไหม พี่เลี้ยงสองพี่น้องลากลับบ้านกะทันหันเพราะแม่ป่วย คุณหมออิงอรและคุณหมอพีระก็ไปฮันนีมูนรอบที่สี่สิบห้าเมื่ออาทิตย์ แม่ของภรรยาก็ไปปฏิบัติธรรมบนเขาตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน เหลือแค่อินทัชและอลิษาเพียงสองคนที่ต้องเลี้ยงลูกทั้งสามเอง ซึ่งในตอนแรกพวกเขาไม่กังวลเลย เลี้ยงลูกเองก็ไม่ได้ยา
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่เด็กน้อยกำลังรอใครบางคนที่จะมาเคาะประตูตอนเจ็ดโมงตรงต่างหากเครื่องปรับอากาศยังคงทำงานของมัน นาฬิกาก็ยังเดินต่อเรื่อย ๆ ทว่าคนที่ต้องไปโรงเรียนไม่มีทีท่าว่าจะยอมลุกง่าย ๆ แม้ว่าจะไม่เหลือความง่วงงุนแล้วก็ตามพาดาจะรอให้หม่าม้ามาปลุกพาดา ภาวิดา เด็กหญิงวัยห้าขวบที่ติดแม่ยิ่งกว่าใคร แม้ว่าปีหน้าจะต้องเข้าเรียนชั้นประถมแล้ว แต่สาวน้อยก็ยังติดหม่าม้าไม่เปลี่ยน ถึงจะไม่ได้นอนห้องเดียวกันแล้ว แต่ก็ต้องรอให้หม่าม้ามาปลุก แล้วจุ๊บหน้าผากอรุณสวัสดิ์ทุกวัน หากวันไหนไม่ได้ทำ วันนั้นเด็กน้อยจะรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ค่อยดีเข็มสั้นของนาฬิกาเดินดังติ๊กต๊อก เข็มยาวค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้เลขสิบสองอย่างเชื่องช้า พาดาจ้องมองมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ภาวนาให้มันไปถึงซะทีและในที่สุดก๊อก ก๊อก“คนสวยขา” เสียงหวานข
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอดเวลาที่อินทัชตรวจเช็กว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่ เธอทั้งปวดท้อง ทั้งเจ็บช่องคลอด แต่คนเป็นแม่กลับไม่บ่น หรืองอแงจะเปลี่ยนใจแม้แต่วินาทีเดียว“ปากมดลูกเปิดแค่สองเซน ยังบล็อคหลังไม่ได้นะครับ” อินทัชบอกข่าวที่ไม่ค่อยน่ายินดีให้ภรรยารับรู้ “ลิษาจะทนไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหว..”“ไหวค่ะ อึก ลิษาไหว”“ลิษาครับ”“พี่อิน อึก ครั้งนี้ลิษาอยากคลอดธรรมชาติ.. นะคะ”คุณหมอพยักหน้ารับ แม้จะห่วงแค่ไหนแต่เขาเคารพการตัดสินใจของภรรยาเสมอ และอีกอย่าง ครั้งนี้ร่างกายของอลิษาพร้อมสำหรับการคลอดกว่าครั้งที่แล้ว อายุวันคลอดเกือบตรงกับที่เขาคำนวนเอาไว้ ความดันไม่สูงเกินไป ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ให้ต้องกังวล“ถ้าไม่ไหวบอกพี่นะ พี่ต้องไปดูคนอื่นก่อน”อลิษาทำได้แค่พยักหน้ารับ นึกน้อยใจลูกที่อยากเกิดก่อนวันจริงตั้งสี่วัน และมันดั
“ทำไมถึงเลือกมาที่นี่ล่ะครับ”อินทัชวาดแขนรอบเอวภรรยา ริมฝีปากนุ่มฝังเข้ากับซอกคอหอมกรุ่น เขาได้ยินเสียงครางอื้อออกมาจากอลิษา ก่อนที่เธอจะเอียงคอเล็กน้อยให้เขาสัมผัสได้มากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ“พอก่อนค่ะ” อลิษารีบคว้ามือที่ป้วนเปี้ยนบริเวณเอวเอาไว้ เธอเอียงหน้ากลับมาขยิบตาให้คุณหมอ “คืนนี้นะคะ ตอนนี้ยังสว่างอยู่เลย”“ปกติลิษาของพี่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเวลานี่ครับ”“แหม ก็ต้องมีบ้างสิคะ”อินทัชหัวเราะ ทว่าสุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยภรรยาแต่โดยดีสถานที่ฮันนีมูนของพวกเขาเป็นสถานที่เดียวกับเมื่อหกปีที่แล้ว อลิษาเลือกรีสอร์ทเดิม ห้องพักเดิม กิจกรรมเดิม ๆ เหมือนต้องการมารื้อฟื้นความหลังมากกว่ามาฮันนีมูนมื้อเย็นแรกของการมาฮันนีมูน ไม่พ้นต้องเป็นหมูกระทะเจ้าเก่าเจ้าเดิมเมื่อหกปีที่แล้ว วันนี้คุณหมออินทัชสามารถบริการภรรยาได้เต็มที่ เพราะเขาเรียนรู้มาหลายครั้งแล้วว่าหมูกระทะต้องกินยังไง“ทานเยอะ ๆ นะครับ” คุณหมอคีบหมูชิ้นที่มีมันน้อยที่สุดให้ภรรยา “อย่าทานมันเยอะนะครับ ไม่ดีต่อสุขภาพ”"พี่อินว่าลิษาอ้วนขึ้นไหมคะ"อินทัชหน้าตาตื่น “พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลยนะครับ แค่ห่วงสุขภาพของลิษาเท่านั้
ช่วงชีวิตกว่าสามสิบสี่ปีที่ผ่านมาของอลิษา มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งความทุกข์ ความสุข ตื่นเต้น สมหวัง และผิดหวัง แต่คงมีแค่ไม่กี่เหตุการณ์ในชีวิต ที่อดีตผู้บริหารไฟแรงลูกสอง จะสลักลึกมันไว้ในความทรงจำตลอดไปหนึ่ง วันที่เธอเปิดบริษัทเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมาสอง วันที่เธอให้กำเนิดสองแฝดและสาม วันนี้.. วันแต่งงานของเธอกับคุณหมออินทัช สามีคนแรกและคนเดียวของเธอ“อู้วหู้ววว!! หม่าม้าสวยจังเลยค่ะ พี่ขูน หม่าม้าสวยเนอะ ๆ”“อื้อ สวย”เสียงเจือยแจ้วร้องลั่นห้องเมื่อพี่หนิง พี่เลี้ยงเปิดประตูห้องแต่งตัวเจ้าสาวให้เด็ก ๆ เข้ามาหาหม่าม้า พาดาในชุดสีขาวกระโปรงฟูฟ่องวิ่งเข้ามาหาหม่าม้าเป็นคนแรก อลิษาอุ้มร่างอวบอัดขึ้นมากอดหอม ดวงตาโตเฉี่ยวฉายแววพอใจเมื่อเห็นลูกสาวในวันนี้“คนสวยของหม่าม้า”วันนี้พาดาแต่งตัวน่ารักน่าชัง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนถูกดัดและสวมมงกุฎดอกไม้สีขาวประดับ ใบหน้าน่ารักถูกแต่งแต้มสีสันพอประมาณ แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อตามธรรมชาติเพราะเล่นซนมา“พี่ขุนมาหาหม่าม้าหน่อยสิครับ”เด็กขายขุนเขาเดินเข้ามาคนเป็นแม่แต่โดยดี ถ้าวันนี้พาดาน่ารักแล้ว ขุนเขาคงเรียกได้ว่าหล่อออร่าจับ เด็
วันนี้คุณหมออินทัชทำงานด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น มีหลายครั้งหลายคราที่คุณพ่อลูกสองหลุดยิ้มออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และถึงรอยยิ้มคุณหมอจะน่ามองแค่ไหน แต่ถ้าจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาไม่มีเหตุผลแบบนี้ มันก็แอบทำให้ใครหลาย ๆ คนตกใจเหมือนกัน“วันนี้มีเรื่องราวดี ๆ อะไรหรือเปล่าคะ”บุศยาอดใจไม่ไหวจนต้องสอบถามออกไป ทุกครั้งที่เธอเข้ามาในห้อง ก็จะได้เห็นหมออินทัชนั่งประสานมือไว้ใต้คาง เหม่อ และยิ้มทุกครั้ง“คุณบุศ” อินทัชยิ้มกว้างอวดฟันขาว “อีกไม่นานผมขอเชิญคุณบุศที่งานแต่งของผมนะครับ”“งานแต่งคุณหมอ กับใครหรือคะ”คำถามของบุศยาทำให้รอยยิ้มของคุณหมอกระตุก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น แต่งงานกับใครอย่างนั้นเหรอ“ผมก็ต้องแต่งกับภรรยาของผมสิครับ”“คะ เอ๊ะ แต่ว่าพวกคุณแต่งงานกันแล้ว..”“พวกเราแค่จดทะเบียนกันเฉย ๆ ยังไม่เคยจัดงานจริงจังครับ” อินทัชอธิบาย “ผมอยากจัดงานเล็ก ๆ ที่มีแต่คนสนิท คุณบุศเองก็อยู่กับผมมาหลายปี ผมเลยอยากชวนให้ไปร่วมงานด้วย แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ”“สะดวกค่ะ สะดวกมาก วันไหนเดือนไหน ดิฉันไปแน่นอนค่ะ”“ไว้ผมจะบอกอีกที”อินทัชลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เก็บของทุก
อลิษาพลิกตัวไปมาเป็นรอบที่สิบ เวลาเดินมาถึงเที่ยงคืนตรงแต่ดวงตาโตเฉี่ยวยังคงเปิดโพลง จนกระทั่งสบเข้ากับดวงตาของสามีที่มองมา“พี่อิน ลิษาขอโทษค่ะ ลิษาทำให้พี่อินตื่นใช่ไหมคะ”“เปล่าครับ พี่ยังไม่หลับ” อินทัชตอบเสียงนุ่มตามอุปนิสัย “ลิษาเครียดเรื่องพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ”อลิษาหน้าเจื่อนลง “ลิษาดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“นอกจากจะดูง่ายแล้ว พี่ยังรู้สึกไม่ต่างจากลิษาเท่าไหร่ด้วย”“พี่อิน..”คนเป็นพ่อแม่มองตากันในความมืด ก่อนที่อลิษาจะซุกใบหน้าเข้าหาอกกว้าง เหมือนกับทุกครั้งที่จิตใจไม่สงบ“ลิษากลัวค่ะ”มือใหญ่ลูบเส้นผมนุ่มเบา ๆ เขาปล่อยให้ภรรยาระบายความไม่สบายใจออกมา“ตั้งแต่เกิดมาลูกไม่เคยห่างจากอกลิษาเลย แต่นี่พวกเขากำลังจะได้ไปเจอกับโลกใบใหม่ โลกที่กว้างกว่าเดิม ลิษากลัวว่าโลกภายนอกจะทำร้ายพวกเขาค่ะ”“พี่ก็กลัว” อินทัชสารภาพตามตรง“ถ้าอย่างนั้นเราให้ลูกเรียนโฮมสกูลดีไหมคะ หรือไม่.. พวกเราก็สอนทั้งสองคนเอง ลูกแค่สองคนลิษาสอนได้สบายมาก”“แต่นั่นก็ไม่ต่างอะไรจากการปิดกั้นลูก ๆ จากโลกภายนอก มันไม่โหดร้ายไปเหรอครับ”ถึงจะกลัว แต่อินทัชก็เข้าใจดีว่าคนเป็นพ่อแม่ไม่มีทางจะปกป้องลูกได้ตลอดไป เขาเ
“มาม่ะ”“ขาคนสวย อยากได้อะไรคะ”“ปาป่ะ”“ปะป๊ายังไม่เลิกงานค่ะ”“ขูน ขูน”“พี่ขุนระบายสีอยู่ตรงนี้ไงคะ”“ย่า ปู่ หนิง”"สรุปหนูจะหาใครกันแน่คะ หืม? ไหน มาให้หม่าม้าฟัดพุงหน่อยสิ”อลิษาจับร่างอ้วนกลมมาฟัดพุงด้วยความมันเขี้ยว จนสาวน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างอารมณ์ดี“คิก อ๊าย มาม่ะ คิก ๆ”อลิษาฟัดพุงลูกจนหนำใจก็เปลี่ยนเป็นหอมแก้มยุ้ยแทน นับวันพาดาก็ยิ่งน่ารักน่าฟัด ยิ่งอายุใกล้ครบหนึ่งขวบก็ยิ่งพูดเก่ง เรียกหาคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยเจือยแจ้วทั้งวันหนูน้อยตัวอ้วนกลมเพราะกินเก่ง แก้มกลมสีขาวอมชมพูน่าฟัด ดวงตาโตและขนตายาวเป็นแพ ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่ารัก นิสัยก็น่ารักน่าเอ็นดู ใครมาเยี่ยมหาเป็นต้องหลงพาดากันทุกรายส่วนขุนเขา หนุ่มน้อยจอมขรึมของทุกคน ขุนเขาเป็นเด็กชายที่มีแววหล่อเหลามาตั้งแต่เกิด บวกกับบุคลิกที่ค่อนข้างเก็บตัว สนใจแต่สิ่งที่ชอบ ทำให้ไม่ค่อยสนิทกับใครมากนัก แต่ลึก ๆ แล้วขุนเขาเป็นเด็กอารมณ์ดี ว่าง่าย ไม่เคยอารมณ์เสียหรือเอาแต่ใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว“วันเกิดปีแรกอยากได้อะไรคะ” อลิษาถามลูกทั้งสอง อีกสองวันก็ครบรอบวันที่หมูน้อยทั้งสองลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้แล้วจะว่าเร็วก็เร็ว จะบอกว่าช้าก็
จากดินเนอร์หรูบนเรือสำราญกลางแม่น้ำ กลายเป็นดินเนอร์ง่าย ๆ ในครัวที่บ้าน และมีอาหารธรรมดา ๆ อย่างไข่เจียวกับแกงจืดเพียงสองอย่างถ้าให้เทียบความโรแมนติกของบรรยากาศ ในครัวที่ยังมีกลิ่นไอของน้ำมันและเครื่องปรุง มันเทียบไม่ได้กับลมเย็น ๆ บนเรือที่วิ่งไปตามแม่น้ำ แต่ถ้าเทียบกับความพิเศษ อินทัชคิดว่ารสมือของภรรยา ยังไงก็อร่อยกว่าเชฟจากโรงแรมห้าดาวเป็นไหน ๆ“พี่เก็บเอง ลิษาไปอาบน้ำเถอะครับ”ภรรยาเป็นฝ่ายปรุงอาหารแล้ว สามีอย่างเขาก็ต้องช่วยอะไรเธอบ้าง เขาอาสาล้างจานทุกอย่างด้วยตัวเอง อินทัชจะไม่ทิ้งจานค้างคืนเพื่อสุขอนามัยที่ดี แต่ถ้าให้เรียกคนงานในบ้านก็เกรงใจ ป่านนี้คงนอนกันหมดแล้ว เขาจึงจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างระมัดระวัง“อย่าทำจานแตกนะคะ”“พี่ล้างจานเก่งนะครับ”“ค่า ลิษาเชื่อ” อลิษาหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี “พี่อิน คืนนี้เรานอนห้องข้างล่างนะคะ”“หืม ทำไมล่ะครับ”“เราไม่ได้นอนด้วยกันแบบสองต่อสองมานานแล้วนี่คะ”อลิษาสอดแขนเข้าไปกอดรัดเอวสอบ แนบใบหน้ากับแผ่นหลังกว้างเพื่อออดอ้อน“อีกอย่าง.. พี่อินยังไม่ได้ทานของหวานของลิษาเลย”“แล้วลูก..”“ลิษามีนมให้ลูกเต็มตู้ หนิงก็นอนเป็นเพื่อนเด็ก