น้ำค้างหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินมาขึ้นรถ ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็มาถึงจุดชมวิวที่ว่า เนื่องจากตอนนี้ยังเช้าอยู่ก็เลยไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเลยสักคน มองลงไปจากจุดที่เป็นผาสูงเห็นทะเลหมอกสีขาวผืนใหญ่ ไกลออกไปสุดลูกหูลูกตาเป็นภูเขาเลือนราง น้ำค้างหยุดยืนห่างจากขอบหน้าผาไกลพอสมควร สาเหตุนั่นก็เพราะว่าเธอเป็นคนกลัวความสูง แค่ยืนมองจากตรงนี้ขาก็สั่นพั่บ ๆ แล้ว"เราสามารถเดินเข้าไปจนถึงเขตที่เขากั้นเชือกไว้ได้นะ""ไม่เอาค่ะ""มาเถอะน่า""ไม่ค่ะ น้ำ...เอ่อ""กลัว ?""มาเถอะ ไม่ต้องกลัว"บอกพร้อมกับหงายฝ่ามือให้เธอจับ ชวิณอยากพาน้ำค้างไปยังจุดชมวิวที่สวยที่สุด ซึ่งบริเวณนั้นก็ไม่ได้ถือเป็นอันตรายประการใด เพียงแค่อีกคนไม่กล้าไปเพราะกลัวความสูง น้ำค้างหลุบมองฝ่ามือใหญ่แล้วค่อย ๆ ยื่นมือออกไปวางบนฝ่ามือของเขาด้วยท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ"ไม่ต้องกลัว ผมไม่ปล่อยมือคุณหรอก"เขาบอกพลางยิ้มเล็กน้อย เธอสืบเท้าตามหลังไปเรื่อย ๆ และเผลอบีบมือเขาอย่างแรงด้วยความประหม่า จนมาถึงจุดที่สามารถมองเห็นวิวรอบ ๆ ได้อย่างเต็มตาค่อยบรรเทาความเกร็งลงไปบ้าง ภาพเบื้องหน้านั้นสวยงามมาก สวยจนน้ำค้างเผลอพูดอะไรตลกๆ ออกมา"สวยมากเล
ชวิณตัดสินใจว่าจะค้างอยู่ที่นี่อีกคืน แล้วพรุ่งนี้ค่อยเดินทางกลับแต่เช้า คืนนี้เขาไม่ได้ผลักไสตัวเองออกไปนอนในรถเหมือนเมื่อวาน เพราะมิสเตอร์ฌอนเลื่อนนัดก็เท่ากับว่าห้องที่จองเอาไว้กลายเป็นห้องว่างทั้งสองออกจากรีสอร์ทตั้งแต่ตีห้า ใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมงก็ถึงบริษัท พอมาถึงก็แยกย้ายกันไปเคลียร์งานที่ค้างนานหลายวัน สำหรับชวิณไม่เท่าไรหรอกเพราะไม่สามารถมีใครเร่งรัดเอาอะไรกับเขาได้ แต่สำหรับน้ำค้างนี่สิ..."ผมต้องได้ข้อมูลครบภายในยี่สิบนาทีนะ"บอกเพียงเท่านั้นก็เดินเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว น้ำค้างทำหน้าบูดก่อนจะหยิบจับงานขึ้นมาทำมือระวิง ตัวเองเป็นคนพาออกไปเถลไถลเองแท้ ๆ แต่พอถึงเวลาจะเอางานก็มาเร่งมาจี้เอาแบบนี้ทุกทีเลย!ขณะที่กำลังก้มหน้าเตรียมรายงานอยู่นั้น ได้มีเงาร่างของคนผู้หนึ่งเดินมาหยุดเบื้องหน้า น้ำค้างเงยหน้าขึ้นมาพบว่าคน ๆ นั้นคือลิลลี่ ในมือของลิลลี่ถือกาแฟมาด้วยสองแก้ว เป็นกาแฟเย็นหนึ่งแก้ว ส่วนอีกแก้วเป็นกาแฟร้อน ซึ่งน้ำค้างคาดว่าน่าจะเป็นอเมริกาโน่ร้อนที่ชวิณชอบดื่ม เห็นทีว่าวันนี้คงไม่ต้องรีบกุลีกุจอชงกาแฟแล้วล่ะ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน..."วิณอยู่มั้ย""อยู่ค่ะ"พอได้คำตอบ
น้ำค้างกลับเข้ามาในห้องทำงานพร้อมกับกาแฟที่ชวิณขอ แต่ไม่เห็นลิลลี่อยู่แล้ว เธอจึงวางแก้วกาแฟเอาไว้บนโต๊ะ แล้วเดินอ้อมมาที่ข้างหน้ารอรับคำสั่ง ทว่ารออยู่นานชวิณก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร ดังนั้นน้ำค้างจึงเป็นฝ่ายพูดก่อน"คุณลิลลี่ไปแล้วเหรอคะ""แล้วเห็นอยู่มั้ยล่ะ""เธอมาทำไมเหรอคะ""อยากรู้ไปทำไม""ก็ถ้ามาทวงคุณวิณคืนน้ำไม่ให้นะคะ"ชายหนุ่มชะงักมือที่กำลังจับปากกา เงยหน้าขึ้นมองพลางคิดไปว่าน้ำค้างหึงหวง ริมฝีปากหยักยกโค้งขึ้นเล็กน้อย เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงไม่ได้ตึงเครียดเหมือนเมื่อครู่"ทำไมล่ะ""ก็ยังไม่ครบหนึ่งปีนี่คะ สัญญาระหว่างเรายังไม่จบ""แค่นั้น ?""ถ้าถึงวันนั้นจริง...คุณวิณจะใจหายมั้ยคะ"เสียงของเธอดูแผ่วลงจากเดิม ชวิณคิดอยู่ครู่สั้น ๆ ก่อนตอบ"คงไม่ มาทำงานก็เจอหน้ากันทุกวันอยู่แล้วนี่""ก็คงเป็นแบบนั้นสินะคะ"เป็นคำตอบที่ฟังแล้วรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย น้ำค้างไม่รู้ว่ากำลังคาดหวังอะไรในตัวเขาอยู่กันแน่ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าเขาจะตอบแบบนี้แต่เธอก็ยังถาม ยิ่งเห็นลิลลี่วนกลับมาในชีวิตชวิณน้ำค้างก็เริ่มใจไม่ดี ไม่ใช่เพราะเ
"รู้ได้ไงว่าไม่มี""รู้ก็แล้วกันค่ะ"ถึงมีก็ให้คนอื่นไปหมดแล้ว คนอื่นที่ว่าน้ำค้างหมายถึงลิลลี่ และคงอีกไม่นานชวิณต้องใจอ่อนแน่ ๆ พอถึงวันนั้นคงจะเป็นเขาอีกนั่นแหละที่เร่งรัดขอให้เธอหย่าให้ไว ๆ"ออกไปได้แล้ว ไปรีบเคลียร์งานตัวเองให้เสร็จนู่นไป หากวันนี้เลทเกินเวลาเลิกงานบอกไว้ก่อนว่าผมไม่รอ""ก็รีบ ๆ เซ็นให้สักทีสิคะ ได้ลายเซ็นคุณวิณปุ๊บน้ำจะออกไปปั๊บเลย ไม่อยู่รกหูรกตาแน่นอนค่ะ"ชวิณกัดฟันกรอดแต่ก็ยอมเซ็นชื่อลงในหนังสือสัญญาให้น้ำค้าง หลังจากหญิงสาวเดินออกไปได้ไม่นานเขาก็เดินตามหลังมา"ผมจะออกไปข้างนอก เดี๋ยวเลิกงานจะกลับมารับ""รับทราบค่ะ ไปดีมาดีนะคะสามี"เป็นครั้งแรกที่น้ำค้างเรียกชวิณแบบนั้น เขาไม่ได้ถือสาแต่ลอบยิ้มบาง ๆ เธอมองเขาเดินหายไปจนลับตาแล้วค่อยนั่งลงทำงานของตนเองต่อ จากนั้นพศินได้มาหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานของน้ำค้างพร้อมกับยื่นแฟ้มเอกสารอันหนึ่งมาให้"ทำไมถึงเอามาให้เองล่ะคะ""วันนี้คุณปัทลาครับ ผมต้องรบกวนคุณน้ำไปล่าลายเซ็นไอ้วิณให้ที""ได้ค่ะ เดี๋ยววันจันทร์น้ำเอาให้คุณวิณเซ็นแล้วจะถือกลับไปให้คุณพีทนะคะ"พศินพยักหน้ารับทราบแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานของตนเอง กระทั่งปร
พศินได้ถามแบบนั้นก็จริงแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ ที่พูดไปก็เพราะอยากยั่วโมโหชวิณ การที่น้ำค้างไม่ได้บอกว่าแต่งเพราะรักหรือไม่ เขาตีความเอาเองว่าเธอคงไม่ได้แต่งงานกับน้องชายเพราะรัก ชวิณพยายามระงับความโกรธจนถึงที่สุด ปิดประตูรถกระแทกเสียงดังก่อนจะเดินกลับไปที่รถของตัวเองด้วยใบหน้าขรึมตึงพอกลับมานั่งในรถแล้วก็ขับรถออกไปทันที ตลอดทางเขาไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ น้ำค้างเองก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามเพราะรู้ว่าชวิณกำลังโมโห แต่เขามีสิทธิ์อะไรมาโมโหล่ะ ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายปล่อยให้เธอนั่งรอจนดึกไม่ยอมมารับเสียที พศินใจดีอาสามาส่งก็ดีเท่าไรแล้ว ชวิณควรจะขอบคุณพศินจึงจะถูกเมื่อกลับถึงบ้านเธอเดินตามเขาเข้าบ้านเงียบ ๆ ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ชัดเจนก็ยิ่งมั่นใจว่าชวิณต้องดื่มมาอีกแล้วแน่ ๆ ชายหนุ่มเดินมาหยุดที่โซฟา กระชากเนกไทออกแล้วปาทิ้งลงที่พื้นอย่างอารมณ์เสีย น้ำค้างมองแล้วก็สะดุ้งตาม"บอกให้รอทำไมไม่รอ""รอแล้วค่ะ แต่คุณวิณไม่มารับสักที คุณพีทอยู่รอเป็นเพื่อนค่ะ เห็นว่าน้ำรอนานก็เลยอาสามาส่ง""แล้วก็เลยบอกมันด้วยเหรอว่าผมจ้างคุณแต่งงาน""คุณวิณพูดอะไร น้ำไม่เข้าใจ""ผมถามว่าคุณบอกมันด้วยมั้ยว่าผมจ้างคุณแต่งงาน""น้ำ
ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มอีกรอบ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดก่อนจะถอดโยนทิ้งไป จากนั้นหันกลับมาละเลงฝ่ามือกับอกเต่งตึง สอดมือเข้าไปใต้ยกทรงสกิดเม็ดบัวที่กำลังแข็งเป็นไตเพราะถูกเล้าโลมอย่างหนัก สัมผัสแรกที่เขาแตะต้องทำให้น้ำค้างสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตากลมโตที่ปิดสนิทเบิกขึ้น รีบกอดกุมหน้าอกตัวเองไว้ แต่มีหรือที่ชวิณจะปล่อยให้เธอปัดป้อง เขาจับมือเธอตรึงไว้กับที่นอนอีกรอบแล้วซุกใบหน้าลงกลางอกอวบ"อื้อ""ไม่เป็นไรหรอก อย่าเกร็ง"น่าตลก เสือที่กำลังจ้องตะครุบเหยื่อบอกเหยื่อว่าไม่ต้องหวั่นวิตก และแล้วยกทรงก็ถูกปลดตะขอออกง่ายดาย น้ำค้างรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ เมื่ออกอวบสัมผัสกับอุณหภูมิเย็นเฉียบ ชวิณไม่รอช้าโน้มใบหน้าลงไปดูดดื่มเม็ดบัวสีหวานอย่างหิวกระหาย ลากลิ้นร้อนตวัดเลียฐานเต้าอวบจนชื้น น้ำค้างเสียวซ่านขนลุกเกรียว มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พวงแก้มทั้งสองของเธอร้อนวูบวาบ เพื่อไม่ให้หลุดเสียงครางน่าอับอายจึงกัดปากกลั้นเสียงเอาไว้สติสัมปชัญญะของน้ำค้างเตลิดไปไกล นอกจากไม่ขัดขืนแต่กลับให้ความยินยอมพร้อมทำตามใจเขาทุกอย่าง ร่างกายของเธออ่อนปวกเปียกไปหมด ไม่ว่าเขาสัมผัสตรงที่ใดก็คล้ายว่
ยังไม่ทันจะตอบเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นก่อน ทันทีที่รับสายชวิณก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป"โทรจากไหนนะครับ ใครเป็นอะไร...ครับ เดี๋ยวผมจะรีบไป""มีอะไรเหรอคะ""ลี่เกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล"พูดจบชวิณก็คว้ากุญแจรถแล้วรีบรุดออกจากบ้านไป ปล่อยให้น้ำค้างยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ที่เดิม ก่อนนั้นเธอเคยคิดว่าชวิณจะตัดขาดกับลิลลี่ได้จริง แต่พอเห็นแววตาห่วงใยของชวิณเมื่อครู่นี้ ทำให้น้ำค้างได้รู้อะไรหลายอย่าง เธอทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา มองตามไฟรถของชวิณที่เคลื่อนห่างออกไปไกลทุกที พอเขาไปจนลับตาแล้วจึงลุกเดินไปล็อกประตูบ้าน ทว่าก็อดตัดพ้อต่อว่าในใจไม่ได้เมื่อคืนนี้เพิ่งมีอะไรกันแท้ ๆ แต่แค่นอนด้วยไม่ได้หมายความว่าเขาจะจริงจังด้วยวันนี้ที่น้ำค้างหายไปทั้งวันก็เพื่อไปตามเรื่องมิสเตอร์ฌอน ทราบมาว่ามิสเตอร์ฌอนมีเพื่อนคนไทยที่สนิทกันอยู่หนึ่งคน เธอจึงเดินทางไปหาเพื่อขอให้เขาช่วยเพื่อที่ชวิณจะได้เจอลูกค้าสำคัญรายนั้นอีกครั้ง ยังไม่ทันได้ตอบคำถามที่เขาถาม แต่ดูเหมือนว่าชวิณจะมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าและไม่อยากจะฟังแล้วกระทั่งเวลาตีหนึ่ง น้ำค้างคิดว่าเขาน่าจะนอนเฝ้าลิลลี่อยู่ที่โรงพยาบาล ดังนั้นจึงปิ
ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ทำให้อึดอัด เธอยอมรับว่าน้อยใจ เมื่อคืนนี้ก็ไม่ยอมกลับไปนอนที่บ้าน แสดงว่าคงอยากเอาใจใส่ลิลลี่ด้วยเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นก็เชิญไปเอาใจใส่กันต่อให้หนำใจไปเลย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขานั่นแหละที่ใจอ่อนเอง อย่างที่ลิลลี่พูดเอาไว้ไม่มีผิด ทั้งสองคนคงผูกพันกันมากกว่าที่คนอื่นคิดน้ำค้างไม่อยากมามัวเสียเวลาสนใจเรื่องของพวกเขาอีก หลังจากกลับจากโรงพยาบาลแล้วจึงรีบนำเอกสารไปส่งให้พศิน เธอนั่งทำงานต่อไปจนถึงเวลาเลิกงาน พอกลับถึงบ้านก็ดูเหมือนว่าชวิณจะยังไม่กลับมา นั่งดูทีวีได้สักพักเสียงท้องก็เริ่มร้อง จึงเดินเข้าครัวไปหยิบบะหมี่คัพมาเปิดชงกับน้ำร้อน ขณะที่กำลังซดบะหมี่อยู่นั้นประตูบ้านก็เปิดออก เธอเงยหน้าขึ้นมองเห็นชวิณเดินมาพร้อมถุงอาหารที่ซื้อมาจากข้างนอก"ผมซื้อมื้อเย็นมา มีหลายอย่างเลยนะ"พูดจบก็วางอาหารเหล่านั้นลงบนโต๊ะ แล้วเดินไปหยิบจานชามมาเท ทว่ายังไม่ทันที่ชวิณจะพูดอะไรเธอก็ลุกเอาถ้วยบะหมี่ที่กินหมดแล้วไปทิ้งขยะ จากนั้นทำท่าจะเดินออกจากห้องครัว ขณะที่ยังเดินไปได้ไม่ไกลเสียงของเขาก็ไล่ตามหลัง"เป็นอะไร ตั้งแต่ตอนอยู่โรงพยาบาลแล้วนะ""ก็เปล่านี่คะ""ถ
บทส่งท้ายหลังจากค่ำคืนอันร้อนแรงผ่านไป ลิลลี่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเวลาเกือบเที่ยง เธอพยายามกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องเพื่อมองหาผู้ชายที่นอนด้วยกันเมื่อคืน ทว่าหนุ่มรูปหล่อโปรไฟล์ดีกลับหายไป เมื่อคืนนี้ลิลลี่นั่งจิบไวน์ที่ไนต์คลับแห่งหนึ่งกับหนุ่มนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ที่วัลลภติดต่อมาให้ เธอรู้สึกว่าชื่นชอบเขาคนนั้นและคุยกันถูกคอจึงชวนมาต่อที่โรงแรม สุดท้ายจบลงที่การมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง"อาร์บี" ลิลลี่เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างเริ่มไม่ชอบมาพากล รีบลุกขึ้นจากเตียงคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบกาย จากนั้นเดินไปเรียกชื่อผู้ชายคนนั้นอีกครั้งที่หน้าห้องน้ำ"อาร์บีคะ อาร์บี อยู่ในนั้นรึเปล่าคะ" ทว่าเมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องน้ำกลับไร้คน "หายไปไหนนะ"หญิงสาวพึมพำแล้วเดินกลับมาที่เตียง ปลายระยะสายตาเหลือบไปเห็นลิปสติกและของใช้อื่นๆ ซึ่งควรจะอยู่ในกระเป๋าวางเกลื่อนอยู่ เธอรีบปรี่เข้าไปรวบของทุกอย่างแล้วกวาดสายตามองหากระเป๋าถือแบรนด์เนมใบละเกือบล้าน ที่น่าตกใจที่สุดแม้แต่กระเป๋าสตางค์แบรนด์เนมก็หายไปด้วย ในนั้นมีเงินสดอยู่พอสมควรแต่ไม่ได้มากเท่าราคากระเป๋า"มะ ไม่จริง...ไม่จริง!"สิ่งที่ผู้ชายคนน
แสงที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาปลุกหญิงสาวให้ตื่น มองดูนาฬิกาที่หัวเตียงเป็นเวลาเกือบเก้าโมงเช้าแล้ว พอนึกขึ้นได้ว่ากุญแจร้านเบเกอรีอยู่ที่ตนเองก็เริ่มลนลาน กลัวว่าลูกน้องจะเข้าร้านไม่ได้แล้วยืนคอยนาน น้ำค้างรีบคว้าเอาผ้าขนหนูมาพันกายแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ พอกลับออกมาเห็นชวิณนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์แล้วรู้ว่าตัวเองพลาดท่าเข้าอย่างจัง เขาหว่านล้อมจนเธอยินยอมให้ค้างคืน อ้างนู่นอ้างนี่สารพัด และแน่นอนว่าชวิณไม่ได้นอนนิ่งเป็นพระอิฐพระปูน แต่รวบหัวรวบหางจนเธอยอมคล้อยตามอย่างว่าง่าย สุดท้ายก็จบที่การได้เสียกันเหมือนตอนเป็นสามีภรรยาตามเคย"คุณวิณตื่นเดี๋ยวนี้เลย!"เขาลืมตาขึ้นมาแล้วแกล้งทำท่าทีงัวเงียทั้งที่ตื่นตั้งแต่ห้านาทีก่อนแล้ว พอลุกขึ้นได้ก็เดินโทง ๆ เข้ามาซุกจมูกคมกับซอกคอขาว"หอมจัง อาบน้ำแล้วเหรอ""รีบหน่อยค่ะ น้ำต้องรีบไปเปิดร้าน ป่านนี้น้อง ๆ คงกำลังยืนรอที่หน้าร้านแล้วแน่เลย""อา...เข้าใจละ"เมื่อรถมาจอดหน้าร้าน มะเฟืองและพนักงานอีกคนก็กำลังยืนรออยู่หน้าร้านจริง ๆ พอเห็นน้ำค้างลงมาจากรถของชวิณต่างมองเป็นตาเดียวกัน พวกเธอกำลังสงสัยว่าเจ้าของร้านคบหาก
"คุณว่าพ่อกับแม่ผมเค้ารักกันมั้ย"หลังจากขับรถออกมาได้ระยะหนึ่งชวิณเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ น้ำค้างเอียงหน้ามองใบหน้าครึ่งเสี้ยวของชายหนุ่มแล้วยิ้มบาง ๆ"ถามอะไรอย่างนั้นล่ะคะ""ไม่รู้สิ""คุณขจีพร""คุณแม่"ยังไม่ทันได้พูดจบเขาก็เปลี่ยนสรรพนามให้เธอเรียกแม่ของเขาใหม่ ตอนอยู่ที่บ้านก็ยังเห็นเรียกขจีพรว่าคุณแม่เสียงเจื้อยแจ้ว พออยู่กับเขาสองคนทำไมถึงเรียกคุณขจีพรซะแล้วล่ะ"คุณแม่ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก ถึงหย่าร้างกับคุณศรุตได้ก็""ทำไมไม่เรียกพ่อผมว่าคุณพ่อด้วย""ตอนที่ยังไม่หย่าก็เรียกคุณพ่อนะคะ ตอนนี้หย่าแล้วไม่ว่าน้ำจะเรียกคุณขจีพร คุณศรุต หรือคุณพ่อคุณแม่ก็คงไม่ผิด""ย้ำจังว่าหย่าแล้ว" เขาเอ่ยเสียงแผ่ว"เอาแต่ขัดแบบนี้ตกลงที่ถามนี่จริงจังมั้ยคะ""จริงจังสิครับ คุณคิดว่าไงล่ะ""น้ำคิดว่าถึงคุณแม่เดินไม่ได้แต่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงสิ้นไร้ไม้ตอก ต่อให้เลิกกับคุณพ่อไปก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินทอง ถ้าได้กลับไปใช้นามสกุลเดิมก็ถือว่ายังเป็นผู้ดีเก่าอยู่ แต่ที่คุณแม่ไม่ไปไหน ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับคุณพ่อ เค้าสองคนน่าจะมีเยื่อใยแก่กันอยู่ บางคู่อยู่กันไปแบบทั้งรักทั้งแค้น แต่ดูเหมือนว่าคุณแม่จ
ทั้งสองอยู่คุยกับขจีพรราวชั่วโมงกว่าเห็นจะได้ จากนั้นก็ขอตัวกลับ พอเข้ามาในรถแล้วน้ำค้างก็รีบถอดสร้อยใส่กล่องไว้คืน ชวิณมองสีหน้าเป็นกังวลของเธอแล้วอมยิ้ม"ไม่ใช่ถูก ๆ นะ น่าจะไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้าน ขอบอกว่าเส้นนั้นแม่ผมรักมาก ไม่ได้ให้ใครง่าย ๆ""งั้นวันหลังคุณวิณเอาไปคืนคุณแม่เลยนะคะ"หญิงสาวอ้าปากค้าง มือที่ถือกล่องกำมะหยี่สั่นเทาเพราะกลัวว่าจะเผลอทำหาย ถ้าซุ่มซ่ามทำหายไปล่ะแย่เลย เธอจะหาเงินที่ไหนมาชดใช้คืนตั้งสามสิบล้าน"เรื่องอะไรล่ะ ได้ของแม่มาแล้วก็ต้องรับผิดชอบลูกชายเค้าสิ"น้ำค้างหน้างอ รีบเก็บกล่องกำมะหยี่ใส่กระเป๋าแล้วกอดเอาไว้แน่น อยู่ดีไม่ว่าดีหาเหาใส่หัวเอาของล้ำค่าแบบนี้มาดูแล ต่อไปเธอต้องเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำแน่ ๆ เพราะคิดว่าเก็บไว้ที่ไหนก็คงไม่ปลอดภัยพอ ไม่เอาแล้วได้มั้ยสร้อยประจำตระกูลผู้ดีเนี่ยขณะที่รถเคลื่อนตัวผ่านบ้านใหญ่ น้ำค้างเหลือบเห็นศรุตนั่งจิบกาแฟยามบ่ายอยู่ใต้เงาร่มไม้ในสวน เธอจึงสะกิดแขนชวิณให้หยุดรถก่อน เขามองตามปลายนิ้วเรียวที่กำลังชี้ไปที่ชายสูงวัยแล้วเลิกคิ้วสูง"มีอะไรครับ""คุณศรุตนั่งอยู่ตรงนั้นค่ะ เราเข้าไปทักทายท่านกันเถอะค่ะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว"เขาทำหน
หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของคนทั้งสองก็ดูเหมือนจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น วันนี้เป็นวันหยุด ชวิณบอกว่าจะมารับน้ำค้างที่คอนโดแล้วพาไปพบใครบางคน น้ำค้างลงมารอไม่ถึงสามนาทีรถของเขามาก็มาถึง พอเข้ามานั่งในรถแล้วชวิณเอี้ยวตัวมาหอมแก้มเธอเบา ๆ น้ำค้างไม่ค่อยชินกับคุณวิณในโหมดอ่อนโยนจึงรีบโยกตัวหลบ"ทำอะไรคะ""แค่ดมดูเฉยว่าใช้น้ำหอมกลิ่นอะไร""ใครเขาฉีดน้ำหอมที่หน้า""เหรอ ไม่ได้ฉีดจริงด้วย"เขาเอี้ยวตัวฉวยโอกาสหอมแก้มเธออีกครั้งอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้น้ำค้างเสียท่าหลบไม่ทัน"แล้วหอมกลิ่นอะไรนะ""แป้งเด็กค่ะ""แป้งเด็กจริง ๆ ด้วย ผมชอบกลิ่นนี้จัง"เขายิ้มจนตาหยีแล้วออกรถสู่ถนนกว้าง ใช้เวลาราวสี่สิบนาทีก็ถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ น้ำค้างเคยมาที่นี่หนึ่งครั้งตอนที่ถูกศรุตเรียกพบ แต่ชวิณไม่ได้พาไปที่บ้านหลังที่ศรุตอาศัยอยู่ เขาขับรถเลยไปอีกหลังหนึ่งที่อยู่ในที่ดินแปลงเดียวกัน เป็นบ้านขนาดกลางมีสวนกุหลาบโอบล้อม เมื่อจอดรถแล้วชายหนุ่มก็จูงมือเธอให้เดินเข้าไปด้านในผู้หญิงที่นั่งอยู่บนรถเข็นในมือถักโครเชต์เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มกว้าง ขจีพรยังมีใบหน้าสวยงามแม้ว่าจะมีร่องรอยของกาลเวลาให้เห็นบ้าง หากเธอไม่ใช่คนพ
ในคืนหนึ่ง ขณะที่น้ำค้างปิดร้านกำลังจะกลับบ้าน แสงไฟจากรถยนต์สาดเข้ามาทำให้เธอต้องหันกลับไปมอง ชวิณเปิดประตูลงจากรถเดินเข้ามาหาเธอช้า ๆ"ไปส่งมั้ย""เรียกรถแล้วค่ะ"น้ำค้างหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันดูเวลาที่รถจะเข้ามารับ แต่ก็เหมือนว่าเธอจะถูกกดยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว ชวิณที่หลุบมองมือถือเห็นแล้วยกยิ้มมุมปาก"มาเถอะ ไม่คิดค่าโดยสาร"เขาเดินนำหน้าไปเปิดประตูรถข้างคนขับเพื่อให้น้ำค้างเข้าไปนั่ง พอเธอนั่งลงแล้วชวิณก็จัดการรัดเข็มขัดให้ ใบหน้าของคนทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบ น้ำค้างเอนหลังจนชิดพนักเบาะ ได้กลิ่นน้ำหอมที่เขาชอบใช้โชยเข้าจมูกบาง ๆ"น้ำทำเองค่ะ"มือเรียวผลักอกเขาออกเบา ๆ แล้วคว้าเข็มขัดมารัดเอง พอมาถึงหน้าคอนโดชวิณจอดให้เธอลง ส่วนเขาเดินตามหลังไปส่งจนเกือบจะถึงประตูเข้าทางเข้า เธอได้หันกลับมาเพื่อกล่าวขอบคุณเขา"ขอบคุณที่มาส่งค่ะ"ชวิณยิ้มบาง ๆ แล้วดึงเธอเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว น้ำค้างเห็นว่ามีสายตาหลายคู่มองมาก็รู้สึกอายจึงพยายามผลักไสเขาออก แต่เขายิ่งกอดแน่นมากขึ้นไปอีก"คุณวิณ!""ขออยู่อย่างนี้แค่นาทีเดียว ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปผมจะไม่มาให้เจออีกแล้ว""มะ หมายความว่า...""ไม่ใช่ว่
"ก็...เดาเอา" ปกติเป็นคนพูดตรงเหมือนขวานผ่าซาก เวลาที่โกหกจึงดูออกง่ายจะตายไป"คุณสะกดรอยตามน้ำเหรอคะ""...""โรคจิต"น้ำค้างเดินออกมายืนกอดอกรอรถอยู่ริมฟุตบาท ชวิณเดินตามหลังมาหยุดยืนข้าง ๆ"ไม่ให้ไปส่งเหรอ""เรียกรถมารับแล้ว"พอพูดจบรถก็มาจอดเทียบพอดี เขาได้แต่มองตามหลังตาละห้อย น้ำค้างเอาจริงขึ้นมาก็ดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน บางคำพูดที่เธอพูดกับเขาก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยได้ยินจากปากเธอเลยด้วยซ้ำ เธอไม่เคยเถียงไม่เคยต่อว่าเขาด้วยคำพูดเหล่านี้ เมื่อครู่ถูกต่อว่าว่าเป็นพวกโรคจิตชวิณถึงกับสะอึกไปเลยทีเดียวหลังจากวันนั้นชวิณก็หายไปสองวัน เนื่องด้วยมีธุระมาทำแถวนี้เขาจึงแวะเข้ามาในเวลากลางวัน พอเปิดประตูเดินเข้าไปในร้านมะเฟืองเห็นหน้าเขาปุ๊บก็รีบวิ่งแจ้นไปหาน้ำค้างด้วยความกลัว สาววัยรุ่นกระซิบกระซาบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงหวาดระแวง"คนนี้แหละพี่น้ำ ที่หนูบอกว่าเห็นมาด้อม ๆ มอง ๆ ที่หน้าร้านหลายวันแล้ว หน้าตาก็ดีไม่น่าเป็นโรคจิตเลย เรารีบแจ้งตำรวจเถอะค่ะ""ไม่ต้องแจ้งหรอก คนนี้เค้าเป็น...เอ่อ อาจจะเป็นลูกค้าก็ได้"เรื่องอะไรจะบอกว่าเป็นสามีเก่า ชวิณไม่ควรมีอิทธิพลในร้านหรือพนักงานของเธอ ขืนบอกไป
"พี่น้ำคะหนูสังเกตเห็นผู้ชายคนนึงมาด้อม ๆ มอง ๆ หน้าร้านหลายวันแล้ว ชอบมาตอนค่ำ ๆ มืด ๆ พี่น้ำต้องระวังตัวนะคะ"มะเฟืองพนักงานพาร์ตไทม์เอ่ยขึ้นน้ำเสียงเป็นกังวล หลายวันมานี้เธอมักจะเห็นผู้ชายท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ชอบมาจอดรถนั่งมองในเวลาใกล้จะปิดร้าน จึงรู้สึกเป็นห่วงน้ำค้างที่ชอบอยู่ร้านจนดึกดื่นคนเดียวเป็นประจำ ที่อยู่ดึกไม่ใช่ว่าร้านเปิดขายในตอนกลางคืน แต่น้ำค้างใช้เวลาหลังหกโมงเย็นเพื่อทดลองสูตรขนมใหม่ ๆ"เหรอ พี่ไม่เคยสังเกตเลย เอาไว้วันนี้ถ้ามีอะไรผิดปกติพี่จะรีบโทรแจ้งตำรวจ ขอบใจที่เป็นห่วงนะ"มะเฟืองยกมือไหว้ลาแล้วเดินออกจากร้าน ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้วเลยขอตัวกลับก่อน ส่วนพนักงานอีกคนลาป่วยจึงไม่ได้มาทำงานบ่อยครั้งที่น้ำค้างชะเง้อมองผ่านกระจกใสออกนอกร้าน เพราะคำบอกเล่าของมะเฟืองทำให้เธอเริ่มนึกหวาดกลัว ใจจริงตั้งใจว่าจะกลับตั้งแต่ยี่สิบนาทีที่แล้ว แต่เพราะยังมีเค้กที่อบค้างไว้ในเตาอบยังไม่สุกจึงต้องรอก่อน เพื่อความปลอดภัยน้ำค้างล็อกประตูหน้าร้านเอาไว้ก่อน จนกระทั่งครบกำหนดเวลาที่ตั้งไว้เสียงเตาอบก็ร้องเตือน น้ำค้างรีบเอาขนมออกจากเตาและเก็บเข้าตู้เย็นเอาไว้สำหรับแต่งหน้าพรุ่งนี้เ
หน้าที่ตำแหน่งของชวิณก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ได้ขึ้นเป็นผู้บริหาร ซีวี รอยัล อย่างเต็มตัว หลังจากวันนั้นลิลลี่ก็แวะเวียนมาหาบ้างเป็นบางครั้งแต่ไม่บ่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะทุกครั้งที่มาก็ได้รับแค่ความเฉยชากลับไป นานเข้ากลายเป็นความห่างเหินจนในที่สุดก็หยุดตามตื้อไปเองในระหว่างหลายเดือนที่ผ่านมาชวิณมีงานมากมายจนหาเวลาพักผ่อนแทบไม่ได้ ต้องนอนดึกและตื่นเช้า ส่วนช่วงกลางวันก็หมกหมุ่นอยู่กับการทำงานจนเลยเวลาทานข้าวเที่ยงวันหนึ่งขณะที่พนักงานคนอื่น ๆ ทยอยกลับกันหมดแล้ว ชวิณที่เพิ่งจะเคลียร์งานของตัวเองเสร็จเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า ตั้งใจว่าจะพักสายตาชั่วคราว แต่สมองดันคิดฟุ้งซ่านแต่เรื่องของภรรยาเก่า เขาเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งแล้วดึงลิ้นชักเอากล่องขนมขึ้นมาดู จากนั้นหยิบเสื้อสูทและกระเป๋าเอกสารพร้อมด้วยกล่องขนมติดมือไปด้วยชวิณขับรถมาตามที่อยู่ร้านเบเกอรี พอเห็นร้านลักษณะเหมือนกับที่ปัทมาเคยพูดไว้จึงได้จอดรถนั่งมองอยู่ห่าง ๆ เมื่อเห็นคนคุ้นชินกำลังเปิดประตูเดินออกจากร้านดวงตาคู่คมเบิกกว้างขึ้น"ปิดร้านดึกขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมไม่จ้างคนงานมาช่วยล่ะ เงินก็มีตั้งเยอะนี่"เขาพึ