หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของคนทั้งสองก็ดูเหมือนจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น วันนี้เป็นวันหยุด ชวิณบอกว่าจะมารับน้ำค้างที่คอนโดแล้วพาไปพบใครบางคน น้ำค้างลงมารอไม่ถึงสามนาทีรถของเขามาก็มาถึง พอเข้ามานั่งในรถแล้วชวิณเอี้ยวตัวมาหอมแก้มเธอเบา ๆ น้ำค้างไม่ค่อยชินกับคุณวิณในโหมดอ่อนโยนจึงรีบโยกตัวหลบ"ทำอะไรคะ""แค่ดมดูเฉยว่าใช้น้ำหอมกลิ่นอะไร""ใครเขาฉีดน้ำหอมที่หน้า""เหรอ ไม่ได้ฉีดจริงด้วย"เขาเอี้ยวตัวฉวยโอกาสหอมแก้มเธออีกครั้งอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้น้ำค้างเสียท่าหลบไม่ทัน"แล้วหอมกลิ่นอะไรนะ""แป้งเด็กค่ะ""แป้งเด็กจริง ๆ ด้วย ผมชอบกลิ่นนี้จัง"เขายิ้มจนตาหยีแล้วออกรถสู่ถนนกว้าง ใช้เวลาราวสี่สิบนาทีก็ถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ น้ำค้างเคยมาที่นี่หนึ่งครั้งตอนที่ถูกศรุตเรียกพบ แต่ชวิณไม่ได้พาไปที่บ้านหลังที่ศรุตอาศัยอยู่ เขาขับรถเลยไปอีกหลังหนึ่งที่อยู่ในที่ดินแปลงเดียวกัน เป็นบ้านขนาดกลางมีสวนกุหลาบโอบล้อม เมื่อจอดรถแล้วชายหนุ่มก็จูงมือเธอให้เดินเข้าไปด้านในผู้หญิงที่นั่งอยู่บนรถเข็นในมือถักโครเชต์เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มกว้าง ขจีพรยังมีใบหน้าสวยงามแม้ว่าจะมีร่องรอยของกาลเวลาให้เห็นบ้าง หากเธอไม่ใช่คนพ
ทั้งสองอยู่คุยกับขจีพรราวชั่วโมงกว่าเห็นจะได้ จากนั้นก็ขอตัวกลับ พอเข้ามาในรถแล้วน้ำค้างก็รีบถอดสร้อยใส่กล่องไว้คืน ชวิณมองสีหน้าเป็นกังวลของเธอแล้วอมยิ้ม"ไม่ใช่ถูก ๆ นะ น่าจะไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้าน ขอบอกว่าเส้นนั้นแม่ผมรักมาก ไม่ได้ให้ใครง่าย ๆ""งั้นวันหลังคุณวิณเอาไปคืนคุณแม่เลยนะคะ"หญิงสาวอ้าปากค้าง มือที่ถือกล่องกำมะหยี่สั่นเทาเพราะกลัวว่าจะเผลอทำหาย ถ้าซุ่มซ่ามทำหายไปล่ะแย่เลย เธอจะหาเงินที่ไหนมาชดใช้คืนตั้งสามสิบล้าน"เรื่องอะไรล่ะ ได้ของแม่มาแล้วก็ต้องรับผิดชอบลูกชายเค้าสิ"น้ำค้างหน้างอ รีบเก็บกล่องกำมะหยี่ใส่กระเป๋าแล้วกอดเอาไว้แน่น อยู่ดีไม่ว่าดีหาเหาใส่หัวเอาของล้ำค่าแบบนี้มาดูแล ต่อไปเธอต้องเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำแน่ ๆ เพราะคิดว่าเก็บไว้ที่ไหนก็คงไม่ปลอดภัยพอ ไม่เอาแล้วได้มั้ยสร้อยประจำตระกูลผู้ดีเนี่ยขณะที่รถเคลื่อนตัวผ่านบ้านใหญ่ น้ำค้างเหลือบเห็นศรุตนั่งจิบกาแฟยามบ่ายอยู่ใต้เงาร่มไม้ในสวน เธอจึงสะกิดแขนชวิณให้หยุดรถก่อน เขามองตามปลายนิ้วเรียวที่กำลังชี้ไปที่ชายสูงวัยแล้วเลิกคิ้วสูง"มีอะไรครับ""คุณศรุตนั่งอยู่ตรงนั้นค่ะ เราเข้าไปทักทายท่านกันเถอะค่ะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว"เขาทำหน
"คุณว่าพ่อกับแม่ผมเค้ารักกันมั้ย"หลังจากขับรถออกมาได้ระยะหนึ่งชวิณเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ น้ำค้างเอียงหน้ามองใบหน้าครึ่งเสี้ยวของชายหนุ่มแล้วยิ้มบาง ๆ"ถามอะไรอย่างนั้นล่ะคะ""ไม่รู้สิ""คุณขจีพร""คุณแม่"ยังไม่ทันได้พูดจบเขาก็เปลี่ยนสรรพนามให้เธอเรียกแม่ของเขาใหม่ ตอนอยู่ที่บ้านก็ยังเห็นเรียกขจีพรว่าคุณแม่เสียงเจื้อยแจ้ว พออยู่กับเขาสองคนทำไมถึงเรียกคุณขจีพรซะแล้วล่ะ"คุณแม่ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก ถึงหย่าร้างกับคุณศรุตได้ก็""ทำไมไม่เรียกพ่อผมว่าคุณพ่อด้วย""ตอนที่ยังไม่หย่าก็เรียกคุณพ่อนะคะ ตอนนี้หย่าแล้วไม่ว่าน้ำจะเรียกคุณขจีพร คุณศรุต หรือคุณพ่อคุณแม่ก็คงไม่ผิด""ย้ำจังว่าหย่าแล้ว" เขาเอ่ยเสียงแผ่ว"เอาแต่ขัดแบบนี้ตกลงที่ถามนี่จริงจังมั้ยคะ""จริงจังสิครับ คุณคิดว่าไงล่ะ""น้ำคิดว่าถึงคุณแม่เดินไม่ได้แต่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงสิ้นไร้ไม้ตอก ต่อให้เลิกกับคุณพ่อไปก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินทอง ถ้าได้กลับไปใช้นามสกุลเดิมก็ถือว่ายังเป็นผู้ดีเก่าอยู่ แต่ที่คุณแม่ไม่ไปไหน ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับคุณพ่อ เค้าสองคนน่าจะมีเยื่อใยแก่กันอยู่ บางคู่อยู่กันไปแบบทั้งรักทั้งแค้น แต่ดูเหมือนว่าคุณแม่จ
แสงที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาปลุกหญิงสาวให้ตื่น มองดูนาฬิกาที่หัวเตียงเป็นเวลาเกือบเก้าโมงเช้าแล้ว พอนึกขึ้นได้ว่ากุญแจร้านเบเกอรีอยู่ที่ตนเองก็เริ่มลนลาน กลัวว่าลูกน้องจะเข้าร้านไม่ได้แล้วยืนคอยนาน น้ำค้างรีบคว้าเอาผ้าขนหนูมาพันกายแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ พอกลับออกมาเห็นชวิณนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์แล้วรู้ว่าตัวเองพลาดท่าเข้าอย่างจัง เขาหว่านล้อมจนเธอยินยอมให้ค้างคืน อ้างนู่นอ้างนี่สารพัด และแน่นอนว่าชวิณไม่ได้นอนนิ่งเป็นพระอิฐพระปูน แต่รวบหัวรวบหางจนเธอยอมคล้อยตามอย่างว่าง่าย สุดท้ายก็จบที่การได้เสียกันเหมือนตอนเป็นสามีภรรยาตามเคย"คุณวิณตื่นเดี๋ยวนี้เลย!"เขาลืมตาขึ้นมาแล้วแกล้งทำท่าทีงัวเงียทั้งที่ตื่นตั้งแต่ห้านาทีก่อนแล้ว พอลุกขึ้นได้ก็เดินโทง ๆ เข้ามาซุกจมูกคมกับซอกคอขาว"หอมจัง อาบน้ำแล้วเหรอ""รีบหน่อยค่ะ น้ำต้องรีบไปเปิดร้าน ป่านนี้น้อง ๆ คงกำลังยืนรอที่หน้าร้านแล้วแน่เลย""อา...เข้าใจละ"เมื่อรถมาจอดหน้าร้าน มะเฟืองและพนักงานอีกคนก็กำลังยืนรออยู่หน้าร้านจริง ๆ พอเห็นน้ำค้างลงมาจากรถของชวิณต่างมองเป็นตาเดียวกัน พวกเธอกำลังสงสัยว่าเจ้าของร้านคบหาก
บทส่งท้ายหลังจากค่ำคืนอันร้อนแรงผ่านไป ลิลลี่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเวลาเกือบเที่ยง เธอพยายามกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องเพื่อมองหาผู้ชายที่นอนด้วยกันเมื่อคืน ทว่าหนุ่มรูปหล่อโปรไฟล์ดีกลับหายไป เมื่อคืนนี้ลิลลี่นั่งจิบไวน์ที่ไนต์คลับแห่งหนึ่งกับหนุ่มนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ที่วัลลภติดต่อมาให้ เธอรู้สึกว่าชื่นชอบเขาคนนั้นและคุยกันถูกคอจึงชวนมาต่อที่โรงแรม สุดท้ายจบลงที่การมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง"อาร์บี" ลิลลี่เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างเริ่มไม่ชอบมาพากล รีบลุกขึ้นจากเตียงคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบกาย จากนั้นเดินไปเรียกชื่อผู้ชายคนนั้นอีกครั้งที่หน้าห้องน้ำ"อาร์บีคะ อาร์บี อยู่ในนั้นรึเปล่าคะ" ทว่าเมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องน้ำกลับไร้คน "หายไปไหนนะ"หญิงสาวพึมพำแล้วเดินกลับมาที่เตียง ปลายระยะสายตาเหลือบไปเห็นลิปสติกและของใช้อื่นๆ ซึ่งควรจะอยู่ในกระเป๋าวางเกลื่อนอยู่ เธอรีบปรี่เข้าไปรวบของทุกอย่างแล้วกวาดสายตามองหากระเป๋าถือแบรนด์เนมใบละเกือบล้าน ที่น่าตกใจที่สุดแม้แต่กระเป๋าสตางค์แบรนด์เนมก็หายไปด้วย ในนั้นมีเงินสดอยู่พอสมควรแต่ไม่ได้มากเท่าราคากระเป๋า"มะ ไม่จริง...ไม่จริง!"สิ่งที่ผู้ชายคนน
ตอนที่ 11/3"ทั้งทะเบียนสมรสหรือใบหย่า สำหรับเขามันมีค่าเพียงแค่กระดาษก่อนนั้นฉันเคยคิดอย่างใสซื่อว่าความรักจะสามารถเอาชนะทุกสิ่งแต่พอถึงวันที่ฉันต้องเจ็บปวดเพราะความรักฉันถึงได้รู้ว่า...รักแท้ ยังไงก็แพ้ไม่รัก"******"คนต่อไป คุณน้ำค้าง เสมอเหมือน เชิญข้างในค่ะ"สาวหน้าตาดีคนหนึ่งเปิดประตูเดินออกมาพร้อมกับพูดขึ้น น้ำค้างเงยหน้าแล้วลุกยืนปัดกระโปรงทรงเอตัวหลวมโพรก จากนั้นขยับขาแว่นให้กระชับสันจมูกเรียว ก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนัก วันนี้เธอถูกนัดให้มาสัมภาษณ์งานที่บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า ซีวีรอยัล ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยแบบชั่วคราวหรือถาวร หลัก ๆ เลยเป็นคอนโดมิเนียมและหมู่บ้านจัดสรร รวมไปถึงโรงแรมในเครือซีวีอีกหลายแห่งต้องยอมรับว่าที่ถูกเรียกให้มาสัมภาษณ์งานวันนี้เพราะมีเส้นสาย น้ำค้างไม่ปฏิเสธเรื่องการใช้ทางลัด จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเธอตกงานมาแล้วสามเดือนเต็ม ๆ เงินสะสมในบัญชีค่อย ๆ ร่อยหรอลงเรื่อย ๆ สามปีที่ผ่านมาน้ำค้างแบกรับค่าใช้จ่ายโดยลำพังจนหลังแทบหัก มีทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่ารักษาพยาบาลของแม่ที่จ่อ
ตอนที่ 12/3"แล้วพักที่ไหนคะ การเดินทางมาทำงานสะดวกมั้ยเอ่ย""พักห่างจากที่นี่ประมาณสามกิโลค่ะ""อ้าว งั้นก็ใกล้เลยสิ เอ่อ...คุณวิณ คุณวิณคะ"ปัทมาเอียงหน้าไปทางชายหนุ่มแล้วทำทีเป็นเรียกเบา ๆ ฝ่ายนั้นขยับตัวเงยหน้าขึ้นมาแต่เปลือกตายังปิดสนิทอยู่ มือข้างที่ค้ำยันขมับก็ยังอยู่ท่าเดิม"คุณวิณมีอะไรจะถามอีกมั้ยคะ"เขาโบกมือ เป็นอันเข้าใจว่าไม่มีอะไรอยากจะถาม ปัทมาเห็นแบบนั้นก็หันมาลอบยิ้มให้น้ำค้าง"งั้นเดี๋ยวทางเราโทรแจ้งผลนัดสัมภาษณ์นะคะ จะทราบผลไม่เกินสามวัน"จะ...จบ จบแล้วเหรอ?หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็ยกมือขึ้นไหว้ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ส่วนปัทมายื่นใบสมัครงานทั้งหมดให้ชวิณ"คุณวิณเลือกคนไหนคะ""แล้วแต่คุณปัทเลยครับ ขอตัวนะ"เขาพูดพร้อมกับเปิดเปลือกตาขึ้นมาช้า ๆ แล้วลุกเดินจากไปโดยไม่ได้มองใบสมัครเหล่านั้นเลยสักนิด นั่นก็เพราะเมื่อคืนนี้ดื่มหนักจนค่อนสว่าง สาเหตุมาจากผู้หญิงที่รักกำลังจะหมั้นหมายกับคนอื่นไม่สิ ไม่ใช่คนอื่น แต่มันคือไอ้พศิน พี่ชายต่างมารดาที่แย่งชิงทุกอย่างไปจากเขา...เกิดก่อน ใจเย็น มีความเป็นผู้นำ ฉลาดปราดเปรื่อง บุคลิกดี สมบูรณ์แบบสุดจะบรรยายนั่นหมายถึงชวิณ? เปล่า
ตอนที่ 13/3"คุณชวิณจะมาทำงานเวลาแปดโมงเช้าตรงเป๊ะทุกวัน พอนั่งลงที่โต๊ะทำงานอีกห้านาทีจะเรียกหาอเมริกาโน่ร้อน หลังจากนั้นผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงคุณชวิณก็จะต้องขอดูรายงานการก่อสร้างโครงการใหม่ ก็ไฟล์ที่ป้าส่งเข้าอีเมลหนูนั่นแหละ ที่สำคัญห้ามถือแล็ปท็อปไปแบต่อหน้าให้คุณชวิณเด็ดขาดเพราะคุณชวิณไม่ชอบ น้ำต้องพริ้นต์เป็นเปเปอร์เอาไปวางไว้ให้ พอวางแล้วห้ามยืนค้ำหัวต้องถอยห่างจากหน้าโต๊ะทำงานสามก้าว"น้ำค้างฟังไปอึ้งไป แต่เท่านั้นยังไม่พอ ปัทมาเล่าต่ออย่างคล่องปาก"หลังจากดูรายงานก่อสร้างแล้ว บางวันคุณชวิณก็จะออกไปข้างนอก ถ้าออกไปคุยงานน้ำจะต้องตามคุณชวิณไปด้วย สิ่งที่น้ำต้องเตรียมคือแท็บเล็ตและปากกา เอาไว้จดข้อมูลสำคัญตอนที่คุณวิณคุยงาน ถ้าคุณวิณถามอะไรน้ำก็ต้องตอบให้ได้มากที่สุด ส่วนแท็บเล็ตกับปากกาป้าเตรียมเอาไว้ให้แล้วจ้ะ"พอพูดจบแท็บเล็ตและปากกาสไตลัสก็ถูกยื่นมาตรงหน้า น้ำค้างรับมากอดไว้แล้วเตรียมจะลุกขึ้น"ยังไม่จบจ้ะ"ห้ะ ยังไม่จบอีกเหรอ"ถ้าช่วงนี้เห็นคุณวิณเมามาทำงานบ่อย ๆ ก็ไม่ต้องตกใจนะ ไม่ต้องถามหรือไปอยากรู้อะไรทั้งนั้น ทำหน้าที่ของเราให้ดีก็พอ"น้ำค้างเริ่มคิดหนัก ไม่รู้ว่าเจ้าน
บทส่งท้ายหลังจากค่ำคืนอันร้อนแรงผ่านไป ลิลลี่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเวลาเกือบเที่ยง เธอพยายามกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องเพื่อมองหาผู้ชายที่นอนด้วยกันเมื่อคืน ทว่าหนุ่มรูปหล่อโปรไฟล์ดีกลับหายไป เมื่อคืนนี้ลิลลี่นั่งจิบไวน์ที่ไนต์คลับแห่งหนึ่งกับหนุ่มนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ที่วัลลภติดต่อมาให้ เธอรู้สึกว่าชื่นชอบเขาคนนั้นและคุยกันถูกคอจึงชวนมาต่อที่โรงแรม สุดท้ายจบลงที่การมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง"อาร์บี" ลิลลี่เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างเริ่มไม่ชอบมาพากล รีบลุกขึ้นจากเตียงคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบกาย จากนั้นเดินไปเรียกชื่อผู้ชายคนนั้นอีกครั้งที่หน้าห้องน้ำ"อาร์บีคะ อาร์บี อยู่ในนั้นรึเปล่าคะ" ทว่าเมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องน้ำกลับไร้คน "หายไปไหนนะ"หญิงสาวพึมพำแล้วเดินกลับมาที่เตียง ปลายระยะสายตาเหลือบไปเห็นลิปสติกและของใช้อื่นๆ ซึ่งควรจะอยู่ในกระเป๋าวางเกลื่อนอยู่ เธอรีบปรี่เข้าไปรวบของทุกอย่างแล้วกวาดสายตามองหากระเป๋าถือแบรนด์เนมใบละเกือบล้าน ที่น่าตกใจที่สุดแม้แต่กระเป๋าสตางค์แบรนด์เนมก็หายไปด้วย ในนั้นมีเงินสดอยู่พอสมควรแต่ไม่ได้มากเท่าราคากระเป๋า"มะ ไม่จริง...ไม่จริง!"สิ่งที่ผู้ชายคนน
แสงที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาปลุกหญิงสาวให้ตื่น มองดูนาฬิกาที่หัวเตียงเป็นเวลาเกือบเก้าโมงเช้าแล้ว พอนึกขึ้นได้ว่ากุญแจร้านเบเกอรีอยู่ที่ตนเองก็เริ่มลนลาน กลัวว่าลูกน้องจะเข้าร้านไม่ได้แล้วยืนคอยนาน น้ำค้างรีบคว้าเอาผ้าขนหนูมาพันกายแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ พอกลับออกมาเห็นชวิณนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์แล้วรู้ว่าตัวเองพลาดท่าเข้าอย่างจัง เขาหว่านล้อมจนเธอยินยอมให้ค้างคืน อ้างนู่นอ้างนี่สารพัด และแน่นอนว่าชวิณไม่ได้นอนนิ่งเป็นพระอิฐพระปูน แต่รวบหัวรวบหางจนเธอยอมคล้อยตามอย่างว่าง่าย สุดท้ายก็จบที่การได้เสียกันเหมือนตอนเป็นสามีภรรยาตามเคย"คุณวิณตื่นเดี๋ยวนี้เลย!"เขาลืมตาขึ้นมาแล้วแกล้งทำท่าทีงัวเงียทั้งที่ตื่นตั้งแต่ห้านาทีก่อนแล้ว พอลุกขึ้นได้ก็เดินโทง ๆ เข้ามาซุกจมูกคมกับซอกคอขาว"หอมจัง อาบน้ำแล้วเหรอ""รีบหน่อยค่ะ น้ำต้องรีบไปเปิดร้าน ป่านนี้น้อง ๆ คงกำลังยืนรอที่หน้าร้านแล้วแน่เลย""อา...เข้าใจละ"เมื่อรถมาจอดหน้าร้าน มะเฟืองและพนักงานอีกคนก็กำลังยืนรออยู่หน้าร้านจริง ๆ พอเห็นน้ำค้างลงมาจากรถของชวิณต่างมองเป็นตาเดียวกัน พวกเธอกำลังสงสัยว่าเจ้าของร้านคบหาก
"คุณว่าพ่อกับแม่ผมเค้ารักกันมั้ย"หลังจากขับรถออกมาได้ระยะหนึ่งชวิณเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ น้ำค้างเอียงหน้ามองใบหน้าครึ่งเสี้ยวของชายหนุ่มแล้วยิ้มบาง ๆ"ถามอะไรอย่างนั้นล่ะคะ""ไม่รู้สิ""คุณขจีพร""คุณแม่"ยังไม่ทันได้พูดจบเขาก็เปลี่ยนสรรพนามให้เธอเรียกแม่ของเขาใหม่ ตอนอยู่ที่บ้านก็ยังเห็นเรียกขจีพรว่าคุณแม่เสียงเจื้อยแจ้ว พออยู่กับเขาสองคนทำไมถึงเรียกคุณขจีพรซะแล้วล่ะ"คุณแม่ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก ถึงหย่าร้างกับคุณศรุตได้ก็""ทำไมไม่เรียกพ่อผมว่าคุณพ่อด้วย""ตอนที่ยังไม่หย่าก็เรียกคุณพ่อนะคะ ตอนนี้หย่าแล้วไม่ว่าน้ำจะเรียกคุณขจีพร คุณศรุต หรือคุณพ่อคุณแม่ก็คงไม่ผิด""ย้ำจังว่าหย่าแล้ว" เขาเอ่ยเสียงแผ่ว"เอาแต่ขัดแบบนี้ตกลงที่ถามนี่จริงจังมั้ยคะ""จริงจังสิครับ คุณคิดว่าไงล่ะ""น้ำคิดว่าถึงคุณแม่เดินไม่ได้แต่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงสิ้นไร้ไม้ตอก ต่อให้เลิกกับคุณพ่อไปก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินทอง ถ้าได้กลับไปใช้นามสกุลเดิมก็ถือว่ายังเป็นผู้ดีเก่าอยู่ แต่ที่คุณแม่ไม่ไปไหน ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับคุณพ่อ เค้าสองคนน่าจะมีเยื่อใยแก่กันอยู่ บางคู่อยู่กันไปแบบทั้งรักทั้งแค้น แต่ดูเหมือนว่าคุณแม่จ
ทั้งสองอยู่คุยกับขจีพรราวชั่วโมงกว่าเห็นจะได้ จากนั้นก็ขอตัวกลับ พอเข้ามาในรถแล้วน้ำค้างก็รีบถอดสร้อยใส่กล่องไว้คืน ชวิณมองสีหน้าเป็นกังวลของเธอแล้วอมยิ้ม"ไม่ใช่ถูก ๆ นะ น่าจะไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้าน ขอบอกว่าเส้นนั้นแม่ผมรักมาก ไม่ได้ให้ใครง่าย ๆ""งั้นวันหลังคุณวิณเอาไปคืนคุณแม่เลยนะคะ"หญิงสาวอ้าปากค้าง มือที่ถือกล่องกำมะหยี่สั่นเทาเพราะกลัวว่าจะเผลอทำหาย ถ้าซุ่มซ่ามทำหายไปล่ะแย่เลย เธอจะหาเงินที่ไหนมาชดใช้คืนตั้งสามสิบล้าน"เรื่องอะไรล่ะ ได้ของแม่มาแล้วก็ต้องรับผิดชอบลูกชายเค้าสิ"น้ำค้างหน้างอ รีบเก็บกล่องกำมะหยี่ใส่กระเป๋าแล้วกอดเอาไว้แน่น อยู่ดีไม่ว่าดีหาเหาใส่หัวเอาของล้ำค่าแบบนี้มาดูแล ต่อไปเธอต้องเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำแน่ ๆ เพราะคิดว่าเก็บไว้ที่ไหนก็คงไม่ปลอดภัยพอ ไม่เอาแล้วได้มั้ยสร้อยประจำตระกูลผู้ดีเนี่ยขณะที่รถเคลื่อนตัวผ่านบ้านใหญ่ น้ำค้างเหลือบเห็นศรุตนั่งจิบกาแฟยามบ่ายอยู่ใต้เงาร่มไม้ในสวน เธอจึงสะกิดแขนชวิณให้หยุดรถก่อน เขามองตามปลายนิ้วเรียวที่กำลังชี้ไปที่ชายสูงวัยแล้วเลิกคิ้วสูง"มีอะไรครับ""คุณศรุตนั่งอยู่ตรงนั้นค่ะ เราเข้าไปทักทายท่านกันเถอะค่ะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว"เขาทำหน
หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของคนทั้งสองก็ดูเหมือนจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น วันนี้เป็นวันหยุด ชวิณบอกว่าจะมารับน้ำค้างที่คอนโดแล้วพาไปพบใครบางคน น้ำค้างลงมารอไม่ถึงสามนาทีรถของเขามาก็มาถึง พอเข้ามานั่งในรถแล้วชวิณเอี้ยวตัวมาหอมแก้มเธอเบา ๆ น้ำค้างไม่ค่อยชินกับคุณวิณในโหมดอ่อนโยนจึงรีบโยกตัวหลบ"ทำอะไรคะ""แค่ดมดูเฉยว่าใช้น้ำหอมกลิ่นอะไร""ใครเขาฉีดน้ำหอมที่หน้า""เหรอ ไม่ได้ฉีดจริงด้วย"เขาเอี้ยวตัวฉวยโอกาสหอมแก้มเธออีกครั้งอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้น้ำค้างเสียท่าหลบไม่ทัน"แล้วหอมกลิ่นอะไรนะ""แป้งเด็กค่ะ""แป้งเด็กจริง ๆ ด้วย ผมชอบกลิ่นนี้จัง"เขายิ้มจนตาหยีแล้วออกรถสู่ถนนกว้าง ใช้เวลาราวสี่สิบนาทีก็ถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ น้ำค้างเคยมาที่นี่หนึ่งครั้งตอนที่ถูกศรุตเรียกพบ แต่ชวิณไม่ได้พาไปที่บ้านหลังที่ศรุตอาศัยอยู่ เขาขับรถเลยไปอีกหลังหนึ่งที่อยู่ในที่ดินแปลงเดียวกัน เป็นบ้านขนาดกลางมีสวนกุหลาบโอบล้อม เมื่อจอดรถแล้วชายหนุ่มก็จูงมือเธอให้เดินเข้าไปด้านในผู้หญิงที่นั่งอยู่บนรถเข็นในมือถักโครเชต์เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มกว้าง ขจีพรยังมีใบหน้าสวยงามแม้ว่าจะมีร่องรอยของกาลเวลาให้เห็นบ้าง หากเธอไม่ใช่คนพ
ในคืนหนึ่ง ขณะที่น้ำค้างปิดร้านกำลังจะกลับบ้าน แสงไฟจากรถยนต์สาดเข้ามาทำให้เธอต้องหันกลับไปมอง ชวิณเปิดประตูลงจากรถเดินเข้ามาหาเธอช้า ๆ"ไปส่งมั้ย""เรียกรถแล้วค่ะ"น้ำค้างหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันดูเวลาที่รถจะเข้ามารับ แต่ก็เหมือนว่าเธอจะถูกกดยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว ชวิณที่หลุบมองมือถือเห็นแล้วยกยิ้มมุมปาก"มาเถอะ ไม่คิดค่าโดยสาร"เขาเดินนำหน้าไปเปิดประตูรถข้างคนขับเพื่อให้น้ำค้างเข้าไปนั่ง พอเธอนั่งลงแล้วชวิณก็จัดการรัดเข็มขัดให้ ใบหน้าของคนทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบ น้ำค้างเอนหลังจนชิดพนักเบาะ ได้กลิ่นน้ำหอมที่เขาชอบใช้โชยเข้าจมูกบาง ๆ"น้ำทำเองค่ะ"มือเรียวผลักอกเขาออกเบา ๆ แล้วคว้าเข็มขัดมารัดเอง พอมาถึงหน้าคอนโดชวิณจอดให้เธอลง ส่วนเขาเดินตามหลังไปส่งจนเกือบจะถึงประตูเข้าทางเข้า เธอได้หันกลับมาเพื่อกล่าวขอบคุณเขา"ขอบคุณที่มาส่งค่ะ"ชวิณยิ้มบาง ๆ แล้วดึงเธอเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว น้ำค้างเห็นว่ามีสายตาหลายคู่มองมาก็รู้สึกอายจึงพยายามผลักไสเขาออก แต่เขายิ่งกอดแน่นมากขึ้นไปอีก"คุณวิณ!""ขออยู่อย่างนี้แค่นาทีเดียว ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปผมจะไม่มาให้เจออีกแล้ว""มะ หมายความว่า...""ไม่ใช่ว่
"ก็...เดาเอา" ปกติเป็นคนพูดตรงเหมือนขวานผ่าซาก เวลาที่โกหกจึงดูออกง่ายจะตายไป"คุณสะกดรอยตามน้ำเหรอคะ""...""โรคจิต"น้ำค้างเดินออกมายืนกอดอกรอรถอยู่ริมฟุตบาท ชวิณเดินตามหลังมาหยุดยืนข้าง ๆ"ไม่ให้ไปส่งเหรอ""เรียกรถมารับแล้ว"พอพูดจบรถก็มาจอดเทียบพอดี เขาได้แต่มองตามหลังตาละห้อย น้ำค้างเอาจริงขึ้นมาก็ดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน บางคำพูดที่เธอพูดกับเขาก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยได้ยินจากปากเธอเลยด้วยซ้ำ เธอไม่เคยเถียงไม่เคยต่อว่าเขาด้วยคำพูดเหล่านี้ เมื่อครู่ถูกต่อว่าว่าเป็นพวกโรคจิตชวิณถึงกับสะอึกไปเลยทีเดียวหลังจากวันนั้นชวิณก็หายไปสองวัน เนื่องด้วยมีธุระมาทำแถวนี้เขาจึงแวะเข้ามาในเวลากลางวัน พอเปิดประตูเดินเข้าไปในร้านมะเฟืองเห็นหน้าเขาปุ๊บก็รีบวิ่งแจ้นไปหาน้ำค้างด้วยความกลัว สาววัยรุ่นกระซิบกระซาบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงหวาดระแวง"คนนี้แหละพี่น้ำ ที่หนูบอกว่าเห็นมาด้อม ๆ มอง ๆ ที่หน้าร้านหลายวันแล้ว หน้าตาก็ดีไม่น่าเป็นโรคจิตเลย เรารีบแจ้งตำรวจเถอะค่ะ""ไม่ต้องแจ้งหรอก คนนี้เค้าเป็น...เอ่อ อาจจะเป็นลูกค้าก็ได้"เรื่องอะไรจะบอกว่าเป็นสามีเก่า ชวิณไม่ควรมีอิทธิพลในร้านหรือพนักงานของเธอ ขืนบอกไป
"พี่น้ำคะหนูสังเกตเห็นผู้ชายคนนึงมาด้อม ๆ มอง ๆ หน้าร้านหลายวันแล้ว ชอบมาตอนค่ำ ๆ มืด ๆ พี่น้ำต้องระวังตัวนะคะ"มะเฟืองพนักงานพาร์ตไทม์เอ่ยขึ้นน้ำเสียงเป็นกังวล หลายวันมานี้เธอมักจะเห็นผู้ชายท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ชอบมาจอดรถนั่งมองในเวลาใกล้จะปิดร้าน จึงรู้สึกเป็นห่วงน้ำค้างที่ชอบอยู่ร้านจนดึกดื่นคนเดียวเป็นประจำ ที่อยู่ดึกไม่ใช่ว่าร้านเปิดขายในตอนกลางคืน แต่น้ำค้างใช้เวลาหลังหกโมงเย็นเพื่อทดลองสูตรขนมใหม่ ๆ"เหรอ พี่ไม่เคยสังเกตเลย เอาไว้วันนี้ถ้ามีอะไรผิดปกติพี่จะรีบโทรแจ้งตำรวจ ขอบใจที่เป็นห่วงนะ"มะเฟืองยกมือไหว้ลาแล้วเดินออกจากร้าน ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้วเลยขอตัวกลับก่อน ส่วนพนักงานอีกคนลาป่วยจึงไม่ได้มาทำงานบ่อยครั้งที่น้ำค้างชะเง้อมองผ่านกระจกใสออกนอกร้าน เพราะคำบอกเล่าของมะเฟืองทำให้เธอเริ่มนึกหวาดกลัว ใจจริงตั้งใจว่าจะกลับตั้งแต่ยี่สิบนาทีที่แล้ว แต่เพราะยังมีเค้กที่อบค้างไว้ในเตาอบยังไม่สุกจึงต้องรอก่อน เพื่อความปลอดภัยน้ำค้างล็อกประตูหน้าร้านเอาไว้ก่อน จนกระทั่งครบกำหนดเวลาที่ตั้งไว้เสียงเตาอบก็ร้องเตือน น้ำค้างรีบเอาขนมออกจากเตาและเก็บเข้าตู้เย็นเอาไว้สำหรับแต่งหน้าพรุ่งนี้เ
หน้าที่ตำแหน่งของชวิณก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ได้ขึ้นเป็นผู้บริหาร ซีวี รอยัล อย่างเต็มตัว หลังจากวันนั้นลิลลี่ก็แวะเวียนมาหาบ้างเป็นบางครั้งแต่ไม่บ่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะทุกครั้งที่มาก็ได้รับแค่ความเฉยชากลับไป นานเข้ากลายเป็นความห่างเหินจนในที่สุดก็หยุดตามตื้อไปเองในระหว่างหลายเดือนที่ผ่านมาชวิณมีงานมากมายจนหาเวลาพักผ่อนแทบไม่ได้ ต้องนอนดึกและตื่นเช้า ส่วนช่วงกลางวันก็หมกหมุ่นอยู่กับการทำงานจนเลยเวลาทานข้าวเที่ยงวันหนึ่งขณะที่พนักงานคนอื่น ๆ ทยอยกลับกันหมดแล้ว ชวิณที่เพิ่งจะเคลียร์งานของตัวเองเสร็จเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า ตั้งใจว่าจะพักสายตาชั่วคราว แต่สมองดันคิดฟุ้งซ่านแต่เรื่องของภรรยาเก่า เขาเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งแล้วดึงลิ้นชักเอากล่องขนมขึ้นมาดู จากนั้นหยิบเสื้อสูทและกระเป๋าเอกสารพร้อมด้วยกล่องขนมติดมือไปด้วยชวิณขับรถมาตามที่อยู่ร้านเบเกอรี พอเห็นร้านลักษณะเหมือนกับที่ปัทมาเคยพูดไว้จึงได้จอดรถนั่งมองอยู่ห่าง ๆ เมื่อเห็นคนคุ้นชินกำลังเปิดประตูเดินออกจากร้านดวงตาคู่คมเบิกกว้างขึ้น"ปิดร้านดึกขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมไม่จ้างคนงานมาช่วยล่ะ เงินก็มีตั้งเยอะนี่"เขาพึ