ตอนที่ 1
2/3
"แล้วพักที่ไหนคะ การเดินทางมาทำงานสะดวกมั้ยเอ่ย"
"พักห่างจากที่นี่ประมาณสามกิโลค่ะ"
"อ้าว งั้นก็ใกล้เลยสิ เอ่อ...คุณวิณ คุณวิณคะ"
ปัทมาเอียงหน้าไปทางชายหนุ่มแล้วทำทีเป็นเรียกเบา ๆ ฝ่ายนั้นขยับตัวเงยหน้าขึ้นมาแต่เปลือกตายังปิดสนิทอยู่ มือข้างที่ค้ำยันขมับก็ยังอยู่ท่าเดิม
"คุณวิณมีอะไรจะถามอีกมั้ยคะ"
เขาโบกมือ เป็นอันเข้าใจว่าไม่มีอะไรอยากจะถาม ปัทมาเห็นแบบนั้นก็หันมาลอบยิ้มให้น้ำค้าง
"งั้นเดี๋ยวทางเราโทรแจ้งผลนัดสัมภาษณ์นะคะ จะทราบผลไม่เกินสามวัน"
จะ...จบ จบแล้วเหรอ?
หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็ยกมือขึ้นไหว้ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ส่วนปัทมายื่นใบสมัครงานทั้งหมดให้ชวิณ
"คุณวิณเลือกคนไหนคะ"
"แล้วแต่คุณปัทเลยครับ ขอตัวนะ"
เขาพูดพร้อมกับเปิดเปลือกตาขึ้นมาช้า ๆ แล้วลุกเดินจากไปโดยไม่ได้มองใบสมัครเหล่านั้นเลยสักนิด นั่นก็เพราะเมื่อคืนนี้ดื่มหนักจนค่อนสว่าง สาเหตุมาจากผู้หญิงที่รักกำลังจะหมั้นหมายกับคนอื่น
ไม่สิ ไม่ใช่คนอื่น แต่มันคือไอ้พศิน พี่ชายต่างมารดาที่แย่งชิงทุกอย่างไปจากเขา...
เกิดก่อน ใจเย็น มีความเป็นผู้นำ ฉลาดปราดเปรื่อง บุคลิกดี สมบูรณ์แบบสุดจะบรรยาย
นั่นหมายถึงชวิณ? เปล่าหรอก หมายถึงพศินต่างหาก
เมื่อคิดถึงใบหน้าที่คลับคล้ายคลับคลากับตนชวิณเริ่มหัวร้อน พศินอายุห่างจากเขาสองปี เป็นลูกที่เกิดจากเมียสาขาสองของศรุต พูดง่าย ๆ ก็คือเมียน้อยนั่นแหละ
น่าตลกมั้ยล่ะ เป็นลูกเมียน้อยแท้ ๆ แต่ดันเสือกเกิดก่อนลูกเมียหลวง ลูกอิจฉาก็งี้...
นั่นคือสิ่งที่ชวิณคิดเองเออเอง แต่แท้จริงแล้วลูกอิจฉา No.1 ก็เขานี่แหละ ทุกครั้งที่ด่าพศินด่าไปก็อายปากไป เพราะมันเหมือนเอากระจกมาตั้งไว้ให้เงาสะท้อนเข้าหาตัวเอง
นอกจากหน้าตาที่หล่อเหลาตีคู่กันมา พศินยังวางตัวดีจนผู้เป็นพ่อยกย่องออกหน้าออกตาไม่ต่างจากลูกเมียหลวง หลายปีที่ผ่านมาชวิณต้องแย่งชิงเพื่อรักษาสิทธิ์ของตนเองอย่างถึงที่สุด แม้ว่าเขาจะเกิดจากครรภ์เมียแต่งแต่ศรุตไม่เคยเอนเอียงไปทางลูกคนไหนเลยสักทาง ถ้าอยากได้อะไรมาเป็นของตนก็ต้องวัดกันที่ความสามารถเท่านั้น
ชวิณไม่ใช่ลูกชายที่ว่านอนสอนง่ายตามแบบฉบับที่ศรุตต้องการ เขาแข็งกระด้างและมีความก้าวร้าวในบางครั้ง ยอมหักไม่ยอมงอให้ใครหน้าไหน บวกหมดไม่สนลูกใคร ไม่เว้นแม้แต่พ่อแท้ ๆ แต่คนที่เขายอมลงให้ก็พอมีอยู่บ้าง นั่นคือขจีพรผู้เป็นแม่ และลิลลี่ผู้หญิงที่รักมานานเป็นสิบ ๆ ปี
ลิลลี่ คือผู้หญิงที่เขารัก...แต่ไม่ใช่ผู้หญิงที่รักเขา
ลิลลี่กับชวิณเรียนมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาล พ่อของทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน ลูก ๆ จึงมีความสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก และก็ไม่แคล้วไปสนิทกับพศินด้วยอีกคน เมื่อหลายปีก่อนลิลลี่ชอบติดตามพ่อมาเที่ยวเล่นบ้านชวิณบ่อย ๆ เขาไม่รู้ว่าความรักเริ่มบังเกิดขึ้นเมื่อไร รู้ตัวอีกทีก็ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว ชวิณตกหลุมรักเพื่อนสมัยเด็ก รักแบบหัวปักหัวปำ รักแบบไม่มองสาวคนไหน รักทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีใจให้
และ...นี่คือจุดเริ่มต้นความบรรลัยของชีวิต
หลังจากกลับมาถึงห้องพักแล้วน้ำค้างก็ได้รับข้อความจากปัทมา เป็นข้อความที่ส่งมาว่าอีกสามวันให้เริ่มงานได้เลย ไม่มีการเก็บไปพิจารณาใด ๆ ทั้งนั้น เพราะตำแหน่งนี้ถูกล็อกมงเอาไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว ถึงจะรู้ผลการสัมภาษณ์ดีแก่ใจแต่เธอก็ไม่วายกระโดดโลดเต้น วาดฝันว่าจะมีเงินเด้งเข้าบัญชีในทุกสิ้นเดือน และจะได้นำเงินนั้นไปผ่อนจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แม่
งามตาป่วยติดเตียงมาสองปีแล้ว จึงจำเป็นต้องจ้างพยาบาลดูแลเพราะน้ำค้างไม่สามารถดูแลเองได้ ในชีวิตนี้เธอเหลือแม่แค่คนเดียว หากต้องออกจากงานเพื่อไปดูแลแม่ก็ไม่มีคนช่วยจุนเจือเรื่องค่าใช้จ่าย นี่คือความจำเป็นของชีวิตที่ไร้ทางเลือก
น้ำค้างไม่เคยวาดฝันสิ่งใดมากไปกว่าการเห็นแม่สุขใจไร้โรคภัย และตัวเธอมีเงินติดบัญชีไว้ซัปพอร์ตความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนนี้ อาจจะไม่ได้มากมายจนเรียกตัวเองว่าคนรวย แต่ก็ขอให้ยามขัดสนไม่ต้องแหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วน้ำตาร่วง และไม่ต้องถ่ายรูปคู่กับบัตรประชาชนบ่อย ๆ ก็พอ
สามวันถัดมาน้ำค้างได้เริ่มงานวันแรก เธอตรงเข้าหาปัทมาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหางาน ทันทีที่เข้าไปนั่งหน้าโต๊ะทำงานของปัทมา แฟ้มอันหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้า นั่นคือแฟ้มประวัติความเป็นมาคร่าว ๆ ของบริษัท รวมไปถึงบุคคลสำคัญต่าง ๆ บอร์ดบริหารและตำแหน่งที่เธอควรทำความรู้จักแต่เนิ่น ๆ
ส่วนคนสำคัญที่น้ำค้างจะไม่รู้จักไม่ได้เลยคือ...ชวิณ เลิศดำรงเกียรติ
เพราะเขานี่แหละที่จะเป็นเจ้านายตัวจริงของเธอ เรื่องนี้สร้างความหนักใจให้ปัทมามากมาย หากได้เอ่ยถึงชวิณไม่มีพนักงานคนใดไม่รู้กิตติศัพท์ ห่วงก็แต่น้ำค้างที่ใสซื่อจะรับมือกับชวิณไม่ได้ก็เท่านั้น
"น้ำจะได้เป็นเลขาของคนที่นั่งหลับตอนสัมภาษณ์เหรอคะป้าปัท"
"ใช่จ้ะ นั่นแหละเจ้านายที่แท้จริงของน้ำ ป้าต้องบอกว่าตำแหน่งที่น้ำกำลังทำอยู่เรียกว่างานช้าง ใครเข้ามาทำก็อยู่ได้ไม่นาน ไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปลาออกก็กดดันตัวเองจนเส้นเลือดสมองแตกก่อน"
อ้าว...
"แต่ก็ไม่ต้องห่วงนะ ป้าจะคอยดูห่าง ๆ หากมีปัญหาอะไรก็ปรึกษาป้าได้ตลอด"
"ขอบคุณค่ะ"
น้ำค้างยกมือขึ้นไหว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองปัทมาช้า ๆ ด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง ปัทมาทอดมองนาฬิกาข้างฝา พอเห็นว่าอีกสิบนาทีจะเป็นเวลาแปดโมงตรงก็รีบเปลี่ยนท่านั่งด้วยความกระฉับกระเฉง เตรียมบอกข้อมูลคร่าว ๆ ของงานให้น้ำค้างได้ทราบ
ตอนที่ 13/3"คุณชวิณจะมาทำงานเวลาแปดโมงเช้าตรงเป๊ะทุกวัน พอนั่งลงที่โต๊ะทำงานอีกห้านาทีจะเรียกหาอเมริกาโน่ร้อน หลังจากนั้นผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงคุณชวิณก็จะต้องขอดูรายงานการก่อสร้างโครงการใหม่ ก็ไฟล์ที่ป้าส่งเข้าอีเมลหนูนั่นแหละ ที่สำคัญห้ามถือแล็ปท็อปไปแบต่อหน้าให้คุณชวิณเด็ดขาดเพราะคุณชวิณไม่ชอบ น้ำต้องพริ้นต์เป็นเปเปอร์เอาไปวางไว้ให้ พอวางแล้วห้ามยืนค้ำหัวต้องถอยห่างจากหน้าโต๊ะทำงานสามก้าว"น้ำค้างฟังไปอึ้งไป แต่เท่านั้นยังไม่พอ ปัทมาเล่าต่ออย่างคล่องปาก"หลังจากดูรายงานก่อสร้างแล้ว บางวันคุณชวิณก็จะออกไปข้างนอก ถ้าออกไปคุยงานน้ำจะต้องตามคุณชวิณไปด้วย สิ่งที่น้ำต้องเตรียมคือแท็บเล็ตและปากกา เอาไว้จดข้อมูลสำคัญตอนที่คุณวิณคุยงาน ถ้าคุณวิณถามอะไรน้ำก็ต้องตอบให้ได้มากที่สุด ส่วนแท็บเล็ตกับปากกาป้าเตรียมเอาไว้ให้แล้วจ้ะ"พอพูดจบแท็บเล็ตและปากกาสไตลัสก็ถูกยื่นมาตรงหน้า น้ำค้างรับมากอดไว้แล้วเตรียมจะลุกขึ้น"ยังไม่จบจ้ะ"ห้ะ ยังไม่จบอีกเหรอ"ถ้าช่วงนี้เห็นคุณวิณเมามาทำงานบ่อย ๆ ก็ไม่ต้องตกใจนะ ไม่ต้องถามหรือไปอยากรู้อะไรทั้งนั้น ทำหน้าที่ของเราให้ดีก็พอ"น้ำค้างเริ่มคิดหนัก ไม่รู้ว่าเจ้าน
ตอนที่ 21/3"สวัสดีอีกครั้งค่ะ ชื่อน้ำค้าง เสมอเหมือน เรียกสั้น ๆ ว่าน้ำก็ได้ค่ะ อายุ 25 ปี""เดี๋ยว ๆ นี่ 25?"เขายกมือขึ้นมาปราม นี่เธออายุแค่นี้จริง ๆ นะเหรอ อายุห่างกับเขาตั้งเจ็ดปีแหนะ แต่ดูสภาพแล้วเหมือนพี่สาวของแม่มากกว่า ตอนที่เข้ามาในห้องไม่เข้าใจผิดยกมือไหว้ก็ดีเท่าไรแล้ว"ค่ะ 25 ต่อเลยนะคะ สถานภาพโสดค่ะ มีประสบการณ์ทำงานมาแล้วสามปี งานอดิเรก""พอครับ"น้ำค้างเบรกเอี๊ยดหุบปากลงฉับ แล้วจ้องมองนาฬิกาแขวนเรือนใหญ่ด้านหลังชายหนุ่ม ขณะนี้เข็มวินาทีกำลังเดินต๊อกแต๊กใกล้ถึงเลขห้า5..4..3...2...1"ขออเมริกาโน่ร้อนครับ"โห...พอดีเป๊ะ เป็นเหมือนที่ปัทมาพูดเอาไว้ไม่มีผิด น้ำค้างพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนจะเดินออกมาแล้วตรงไปยังห้องพักเบรกพนักงาน หยิบกระปุกกาแฟที่อยู่ในตู้เปิดฝาดม แล้วค้นหาวิธีชงอเมริกาโน่จากอินเทอร์เน็ต เธองมอยู่นานและคาดว่านี่น่าจะเป็นสิ่งที่ชวิณต้องการ พอเสร็จแล้วก็ยกมาวางไว้บนโต๊ะทำงานของเขา กาแฟร้อน ๆ ส่งกลิ่นอายหอมฟุ้งไปทั่วห้อง ชวิณยกขึ้นมาเป่าฟู่ ๆ ก่อนจะจิบแต่...พรวด!ละอองสีดำถูกพ่นออกมาจากปากกระจายไปทั่วโต๊ะ น้ำค้างกระโดดหลบแทบไม่ทัน พอพ่นออกมาแล้วเขาก็ไอแค่ก ๆ ไปห
ตอนที่ 22/3"ต่อนะครับ ผมเสพติดความสมบูรณ์แบบ ชนิดที่เรียกได้ว่าต้องเป็นคนย้ำคิดย้ำทำถึงจะร่วมงานกับผมได้ ถ้ายังไงป้า...เอ่อ ถ้ายังไงคุณก็ช่วยละเอียดรอบคอบมากหน่อย ประเมินทดลองงาน 4 เดือน ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ผมเอาออกเข้าใจนะ?""ขะ เข้าใจค่ะ""เมื่อครู่ที่ผมสำลักกาแฟ ขอเอามาหักคะแนนในการประเมินทดลองงานด้วยแล้วกัน""ห้ะ เอ่อ...เรื่องนั้น"แบบนี้ก็ได้เหรอ? ตัวเองเป็นคนดื่มเองสำลักเองแท้ ๆ เชื่อแล้วว่าคุณวิณไม่ธรรมดาเหมือนที่ข้างนอกพูดกัน น้ำค้างคิดหนักกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ จำใจต้องเออออไปตามเรื่องตามราว เธอน่ะหรือจะกล้าเถียง ขืนเถียงออกไปสักครึ่งคำมีหวังต้องถูดเฉดหัวออกไปหางานใหม่"ค่ะ น้ำจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก"หลังจากบอกกล่าวแล้วชวิณก็ค่อย ๆ เปิดเอกสารที่เธอนำมาดูทีละหน้า ดูไปก็ทำหน้าเครียดไป น้ำค้างยืนตัวแข็งทื่ออยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขาไม่ไปไหน เธอกลัวว่าถ้าหากเขาเรียกใช้แล้วจะหาเธอไม่เจอ พอเห็นว่าเธอยืนค้ำหัวอยู่ชวิณก็เงยหน้าขึ้นมาสบตา ทว่าเจอกับใบหน้าแป้นแล้นที่กำลังยิ้มแฉ่ง"ไปครับ""คุณวิณจะไปคุยงานกับลูกค้าข้างนอกเหรอคะ""คุณน่ะ..." ชวิณอยากพูดแรง ๆ ว่าให้ไสหัวออกไปแต่ก็ยั
ตอนที่ 23/3"คุณครับ นี่ใช่ของคุณรึเปล่าครับ""อ๋อ ค่ะ ๆ ของฉันเองค่ะ"พศินยิ้มบาง ๆ แล้วก้มมองกระดาษในมือ"แผนงานประจำวันของชวิณ...คุณเป็นเลขาคนใหม่เหรอครับ""ค่ะ ชื่อน้ำ น้ำค้าง เสมอเหมือน เป็นเลขาคนใหม่ของคุณวิณเพิ่งเริ่มงานวันนี้เป็นวันแรก คุณคือพี่ชายคุณวิณใช่มั้ยคะ""รู้จักผมด้วยเหรอครับ""น้ำเห็นประวัติของคุณในนิตยสารธุรกิจค่ะ คุณเป็นคนที่ดูดีมาก ๆ น้ำก็เลยจำหน้าได้"พูดจบเธอก็ยิ้มกว้างชูนิ้วโป้งขึ้นมาทั้งสองข้าง บ่งบอกว่านี่คือสัญลักษณ์ของการกดไลก์ ถ้ามีสัญลักษณ์กดหัวใจก็คงทำไปแล้ว พศินที่ได้เห็นแบบนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ แต่เป็นการหัวเราะที่ใช้กำปั้นหลวม ๆ บังปาก ดูเป็นผู้ดีไปอีกสิบระดับ"งั้น ตั้งใจทำงานนะครับ สู้ ๆ ครับ"เขาทิ้งท้ายประโยคให้เธอฮึบสู้ แล้วค่อยเดินหายเข้าไปในห้องทำงานที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของชวิณ น้ำค้างยืนยิ้มอยู่ที่เดิมจนพศินหายไปจนลับตา พอรู้ตัวอีกทีกระดาษที่เพิ่งจะพริ้นต์ออกมาก็ยับยู่ยี่ไปหมดแล้ว นั่นเพราะเธอเขินจนเผลอบิดกระดาษจนยับเมื่อกลับมาที่โต๊ะก็เปิดข้อมูลบอร์ดบริหารดูใหม่ เป็นข้อมูล ตำแหน่ง และรูปภาพของพศิน น้ำค้างอ่านดูด้วยความสนอกสนใจ ขณะที่กำลังน
ตอนที่ 31/3เมื่อเข้ามานั่งในรถแล้วเสียงท้องของน้ำค้างก็ร้องจ๊อก ๆ ชวิณหันขวับมามองเธอ จะว่าไปนี่ก็บ่ายสองแล้วแต่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ดังนั้นเขาจึงจอดให้เธอหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก่อนจะหันมาบอกน้ำเสียงราบเรียบ"คุณกินข้าวเลยนะ กินเสร็จแล้วก็หารถกลับเอง นี่ค่าอาหารและค่ารถกลับ""ให้น้ำเหรอคะ"พอชวิณพูดจบก็ยื่นแบงก์พันมาตรงหน้า น้ำค้างกลอกตาอย่างลังเล คิดอยู่ว่าควรรับเงินจากเขาไว้ดีหรือเปล่า ชวิณเห็นแบบนั้นก็เลยคิดว่าเธอไม่อยากได้เงินจึงชักมือกลับ แต่น้ำค้างก็รีบรวบเงินนั้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับกล่าวขอบคุณ"ขอบคุณค่ะ คุณวิณไม่ต้องห่วงนะคะ น้ำจะ...""ไม่ได้ห่วงครับ"ยังไม่ทันพูดจบประโยคเขาก็รีบพูดตัดรำคาญ น้ำค้างเม้มปากแน่นแล้วค่อยเปิดประตูรถลงไป เมื่อรถของชวิณเคลื่อนจากไปแล้วเธอไม่ได้เข้าไปทานอาหารในร้านนั้น เพราะมองเข้าไปแล้วรู้สึกว่าอาหารน่าจะแพง เงินหนึ่งพันบาทถ้าเอาไปซื้อข้าวราดแกงหรือก๋วยเตี๋ยวข้างทางก็อิ่มไปได้หลายมื้อ หรืออาจจะอยู่ได้เป็นอาทิตย์เลยก็ได้ ดังนั้นน้ำค้างจึงเดินตามฟุตบาทมาเรื่อย ๆ เพราะตั้งใจว่าจะเดินไปขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์กลับบริษัทขณะที่เดินอยู่นั้นบังเอิญสะดุดตาก
ตอนที่ 32/3หญิงสาวหันมาตามเสียงเรียก เห็นว่าเจ้าของเสียงคือพศิน เขาหลุบตามองเท้าขาวสะอาดเปลือยเปล่าของเธอแล้วย่นคิ้วด้วยความสงสัย"ทำไมไม่ใส่รองเท้าครับ"เธอยิ้มเจื่อนเกี่ยวปอยผมทัดหูแล้วตอบน้ำเสียงกระอ้อมกระแอ้มตามฉบับสาวขี้อาย อยากเป็นผู้หญิงตัวเล็กตัวน้อยสเปกสามัญในแบบฉบับที่หนุ่มไทยชื่นชอบ"รองเท้าขาดค่ะ""แล้วจะกลับทั้งอย่างนี้เหรอครับ มารถอะไรครับ""มารถโดยสารค่ะ""ป้ายรถโดยสารห่างจากนี่พอสมควร งั้นติดรถผมไปมั้ยครับ""ไปค่ะ!"เขาพูดจบปุ๊บเธอก็ตอบตกลงปั๊บ พศินเดินนำหน้าไปก่อนส่วนน้ำค้างวิ่งเท้าเปล่าตามหลังเขาไปด้วยความดีใจ ชายหนุ่มขับรถออกจากบริษัทแต่ไม่ได้ตรงไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์ทันที เขาได้ขับมาจอดอยู่หน้าร้านขายรองเท้าแล้วหันมาสบตาเธอ"มีอะไรเหรอคะ""ก็รองเท้าขาดไม่ใช่เหรอครับ พรุ่งนี้ก็ต้องใส่อยู่ดี หรือว่าที่บ้านมีรองเท้าหลายคู่"อันที่จริงน้ำค้างก็พอจะมีรองเท้าอยู่บ้าง แต่มันเป็นรองเท้าผ้าใบสำหรับใส่ออกกำลังกายและรองเท้าแตะเป็นส่วนใหญ่ไม่เหมาะที่จะใส่มาทำงาน พศินได้หันกลับไปยังร้านขายรองเท้า เมื่อน้ำค้างมองตามเห็นสภาพร้านแล้วก็กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่"ร้านนี้ต้องแพงมากแน่ ๆ"
ตอนที่ 33/3หลังออกจากห้องทำงานของเขา น้ำค้างจึงเดินไปพริ้นต์เอกสารรายงานการก่อสร้างประจำวันแล้วนำมาวางไว้ให้ วันนี้เขาเงียบผิดปกติ อาจเป็นเพราะเรื่องเมื่อวานนี้ก็เป็นได้ น้ำค้างไม่กล้าทำอะไรนอกเหนือจากคำสั่ง จึงถอยห่างออกไปสามก้าวแล้วก้มหน้าวางมือประสานกัน เผื่อว่าเขาต้องการอะไรเพิ่มเติมเธอจะได้รีบหามาให้โดยด่วน"ออกไปได้แล้ว""ค่ะ"หญิงสาวเดินออกมายังไม่พ้นจากห้องก็เดินย้อนกลับไปหาเขาใหม่ แล้ววางเงินแบงก์ร้อยกับแบงก์ยี่สิบไว้บนโต๊ะ"เงินทอนเมื่อวานค่ะ น้ำใช้ไปแค่สองร้อยกว่าบาท"นี่ยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าที่เขาให้เพราะอยากจ้างเธอไปไกล ๆ เกิดมายังไม่เคยเห็นใครซื่อบื้อได้ขนาดนี้ ชวิณหลุบตามองเงินแบงก์ยิบย่อยแล้วโบกมือให้เธอเอาเงินนี้แล้วรีบออกไปเขาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยกับเงินแค่ไม่กี่ร้อย ในหัวตอนนี้คิดอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องของลิลลี่กับพศิน พอพ้นเงาร่างน้ำค้างแล้วชวิณก็เดินออกมาจากห้องอย่างอารมณ์เสีย ขณะที่เดินผ่านห้องพักเบรกพนักงานได้ยินเสียงที่เล็ดลอดออกมา เป็นเสียงของปัทมากำลังคุยกับพศิน"คุณน้ำเป็นลูกสาวเพื่อนคุณปัทจริง ๆ เหรอครับ""จริงสิคะ ยัยน้ำเป็นเด็กน่ารักนะคะ แม่ป่วยออด
ตอนที่ 41/3ช่วยไม่ได้นี่นา เขารักลิลลี่มาเป็นสิบ ๆ ปี ส่วนพศินไม่ได้มีใจให้ลิลลี่เลยสักนิด ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรืออะไรทั้งนั้น เขาไม่เคยใจดีกับพศินแบบนี้มาก่อน ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ชวิณสงเคราะห์ให้เพราะเวทนา ถือซะว่าช่วยให้พี่ชายนอกคอกนั่นได้สมหวังเร็วขึ้น"หึ..."ชวิณคิดแล้วก็แค่นหัวเราะจนพนักงานศูนย์ความงามที่นั่งอยู่เคาน์เตอร์มองมาเป็นตาเดียวกัน เสียงหัวเราะของเขาเหมือนตัวร้ายในละครหลังข่าวไม่มีผิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานเกือบสองชั่วโมง ชวิณก็นั่งรอโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ ตลอดชีวิตของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เขาไม่เคยอดทนกับสิ่งใดได้นานเพราะมีนิสัยใจร้อน แต่ครั้งนี้กลับนั่งจิบเครื่องดื่มที่ทางศูนย์ความงามนำมาบริการอย่างสบายใจเฉิบ"เรียบร้อยแล้วค่ะ"เมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมอง น้ำค้างได้ถูกพาตัวเดินออกมา เธอเปลี่ยนไปราวกับคนละคน แว่นหนาเตอะถูกเปลี่ยนเป็นคอนแทคเลนส์สายตา ผมที่เคยรวบต่ำถูกปล่อยสยายดัดลอนใหญ่รับกับกรอบหน้า อีกทั้งใบหน้าที่เคยจืดชืดก็ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนสวยสะพรั่งถามจริง...นี่แปลงโฉมหรือรีโนเวท?ชวิณแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยจริง ๆ ค
บทส่งท้ายหลังจากค่ำคืนอันร้อนแรงผ่านไป ลิลลี่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเวลาเกือบเที่ยง เธอพยายามกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องเพื่อมองหาผู้ชายที่นอนด้วยกันเมื่อคืน ทว่าหนุ่มรูปหล่อโปรไฟล์ดีกลับหายไป เมื่อคืนนี้ลิลลี่นั่งจิบไวน์ที่ไนต์คลับแห่งหนึ่งกับหนุ่มนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ที่วัลลภติดต่อมาให้ เธอรู้สึกว่าชื่นชอบเขาคนนั้นและคุยกันถูกคอจึงชวนมาต่อที่โรงแรม สุดท้ายจบลงที่การมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง"อาร์บี" ลิลลี่เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างเริ่มไม่ชอบมาพากล รีบลุกขึ้นจากเตียงคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบกาย จากนั้นเดินไปเรียกชื่อผู้ชายคนนั้นอีกครั้งที่หน้าห้องน้ำ"อาร์บีคะ อาร์บี อยู่ในนั้นรึเปล่าคะ" ทว่าเมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องน้ำกลับไร้คน "หายไปไหนนะ"หญิงสาวพึมพำแล้วเดินกลับมาที่เตียง ปลายระยะสายตาเหลือบไปเห็นลิปสติกและของใช้อื่นๆ ซึ่งควรจะอยู่ในกระเป๋าวางเกลื่อนอยู่ เธอรีบปรี่เข้าไปรวบของทุกอย่างแล้วกวาดสายตามองหากระเป๋าถือแบรนด์เนมใบละเกือบล้าน ที่น่าตกใจที่สุดแม้แต่กระเป๋าสตางค์แบรนด์เนมก็หายไปด้วย ในนั้นมีเงินสดอยู่พอสมควรแต่ไม่ได้มากเท่าราคากระเป๋า"มะ ไม่จริง...ไม่จริง!"สิ่งที่ผู้ชายคนน
แสงที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาปลุกหญิงสาวให้ตื่น มองดูนาฬิกาที่หัวเตียงเป็นเวลาเกือบเก้าโมงเช้าแล้ว พอนึกขึ้นได้ว่ากุญแจร้านเบเกอรีอยู่ที่ตนเองก็เริ่มลนลาน กลัวว่าลูกน้องจะเข้าร้านไม่ได้แล้วยืนคอยนาน น้ำค้างรีบคว้าเอาผ้าขนหนูมาพันกายแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ พอกลับออกมาเห็นชวิณนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์แล้วรู้ว่าตัวเองพลาดท่าเข้าอย่างจัง เขาหว่านล้อมจนเธอยินยอมให้ค้างคืน อ้างนู่นอ้างนี่สารพัด และแน่นอนว่าชวิณไม่ได้นอนนิ่งเป็นพระอิฐพระปูน แต่รวบหัวรวบหางจนเธอยอมคล้อยตามอย่างว่าง่าย สุดท้ายก็จบที่การได้เสียกันเหมือนตอนเป็นสามีภรรยาตามเคย"คุณวิณตื่นเดี๋ยวนี้เลย!"เขาลืมตาขึ้นมาแล้วแกล้งทำท่าทีงัวเงียทั้งที่ตื่นตั้งแต่ห้านาทีก่อนแล้ว พอลุกขึ้นได้ก็เดินโทง ๆ เข้ามาซุกจมูกคมกับซอกคอขาว"หอมจัง อาบน้ำแล้วเหรอ""รีบหน่อยค่ะ น้ำต้องรีบไปเปิดร้าน ป่านนี้น้อง ๆ คงกำลังยืนรอที่หน้าร้านแล้วแน่เลย""อา...เข้าใจละ"เมื่อรถมาจอดหน้าร้าน มะเฟืองและพนักงานอีกคนก็กำลังยืนรออยู่หน้าร้านจริง ๆ พอเห็นน้ำค้างลงมาจากรถของชวิณต่างมองเป็นตาเดียวกัน พวกเธอกำลังสงสัยว่าเจ้าของร้านคบหาก
"คุณว่าพ่อกับแม่ผมเค้ารักกันมั้ย"หลังจากขับรถออกมาได้ระยะหนึ่งชวิณเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ น้ำค้างเอียงหน้ามองใบหน้าครึ่งเสี้ยวของชายหนุ่มแล้วยิ้มบาง ๆ"ถามอะไรอย่างนั้นล่ะคะ""ไม่รู้สิ""คุณขจีพร""คุณแม่"ยังไม่ทันได้พูดจบเขาก็เปลี่ยนสรรพนามให้เธอเรียกแม่ของเขาใหม่ ตอนอยู่ที่บ้านก็ยังเห็นเรียกขจีพรว่าคุณแม่เสียงเจื้อยแจ้ว พออยู่กับเขาสองคนทำไมถึงเรียกคุณขจีพรซะแล้วล่ะ"คุณแม่ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก ถึงหย่าร้างกับคุณศรุตได้ก็""ทำไมไม่เรียกพ่อผมว่าคุณพ่อด้วย""ตอนที่ยังไม่หย่าก็เรียกคุณพ่อนะคะ ตอนนี้หย่าแล้วไม่ว่าน้ำจะเรียกคุณขจีพร คุณศรุต หรือคุณพ่อคุณแม่ก็คงไม่ผิด""ย้ำจังว่าหย่าแล้ว" เขาเอ่ยเสียงแผ่ว"เอาแต่ขัดแบบนี้ตกลงที่ถามนี่จริงจังมั้ยคะ""จริงจังสิครับ คุณคิดว่าไงล่ะ""น้ำคิดว่าถึงคุณแม่เดินไม่ได้แต่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงสิ้นไร้ไม้ตอก ต่อให้เลิกกับคุณพ่อไปก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินทอง ถ้าได้กลับไปใช้นามสกุลเดิมก็ถือว่ายังเป็นผู้ดีเก่าอยู่ แต่ที่คุณแม่ไม่ไปไหน ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับคุณพ่อ เค้าสองคนน่าจะมีเยื่อใยแก่กันอยู่ บางคู่อยู่กันไปแบบทั้งรักทั้งแค้น แต่ดูเหมือนว่าคุณแม่จ
ทั้งสองอยู่คุยกับขจีพรราวชั่วโมงกว่าเห็นจะได้ จากนั้นก็ขอตัวกลับ พอเข้ามาในรถแล้วน้ำค้างก็รีบถอดสร้อยใส่กล่องไว้คืน ชวิณมองสีหน้าเป็นกังวลของเธอแล้วอมยิ้ม"ไม่ใช่ถูก ๆ นะ น่าจะไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้าน ขอบอกว่าเส้นนั้นแม่ผมรักมาก ไม่ได้ให้ใครง่าย ๆ""งั้นวันหลังคุณวิณเอาไปคืนคุณแม่เลยนะคะ"หญิงสาวอ้าปากค้าง มือที่ถือกล่องกำมะหยี่สั่นเทาเพราะกลัวว่าจะเผลอทำหาย ถ้าซุ่มซ่ามทำหายไปล่ะแย่เลย เธอจะหาเงินที่ไหนมาชดใช้คืนตั้งสามสิบล้าน"เรื่องอะไรล่ะ ได้ของแม่มาแล้วก็ต้องรับผิดชอบลูกชายเค้าสิ"น้ำค้างหน้างอ รีบเก็บกล่องกำมะหยี่ใส่กระเป๋าแล้วกอดเอาไว้แน่น อยู่ดีไม่ว่าดีหาเหาใส่หัวเอาของล้ำค่าแบบนี้มาดูแล ต่อไปเธอต้องเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำแน่ ๆ เพราะคิดว่าเก็บไว้ที่ไหนก็คงไม่ปลอดภัยพอ ไม่เอาแล้วได้มั้ยสร้อยประจำตระกูลผู้ดีเนี่ยขณะที่รถเคลื่อนตัวผ่านบ้านใหญ่ น้ำค้างเหลือบเห็นศรุตนั่งจิบกาแฟยามบ่ายอยู่ใต้เงาร่มไม้ในสวน เธอจึงสะกิดแขนชวิณให้หยุดรถก่อน เขามองตามปลายนิ้วเรียวที่กำลังชี้ไปที่ชายสูงวัยแล้วเลิกคิ้วสูง"มีอะไรครับ""คุณศรุตนั่งอยู่ตรงนั้นค่ะ เราเข้าไปทักทายท่านกันเถอะค่ะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว"เขาทำหน
หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของคนทั้งสองก็ดูเหมือนจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น วันนี้เป็นวันหยุด ชวิณบอกว่าจะมารับน้ำค้างที่คอนโดแล้วพาไปพบใครบางคน น้ำค้างลงมารอไม่ถึงสามนาทีรถของเขามาก็มาถึง พอเข้ามานั่งในรถแล้วชวิณเอี้ยวตัวมาหอมแก้มเธอเบา ๆ น้ำค้างไม่ค่อยชินกับคุณวิณในโหมดอ่อนโยนจึงรีบโยกตัวหลบ"ทำอะไรคะ""แค่ดมดูเฉยว่าใช้น้ำหอมกลิ่นอะไร""ใครเขาฉีดน้ำหอมที่หน้า""เหรอ ไม่ได้ฉีดจริงด้วย"เขาเอี้ยวตัวฉวยโอกาสหอมแก้มเธออีกครั้งอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้น้ำค้างเสียท่าหลบไม่ทัน"แล้วหอมกลิ่นอะไรนะ""แป้งเด็กค่ะ""แป้งเด็กจริง ๆ ด้วย ผมชอบกลิ่นนี้จัง"เขายิ้มจนตาหยีแล้วออกรถสู่ถนนกว้าง ใช้เวลาราวสี่สิบนาทีก็ถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ น้ำค้างเคยมาที่นี่หนึ่งครั้งตอนที่ถูกศรุตเรียกพบ แต่ชวิณไม่ได้พาไปที่บ้านหลังที่ศรุตอาศัยอยู่ เขาขับรถเลยไปอีกหลังหนึ่งที่อยู่ในที่ดินแปลงเดียวกัน เป็นบ้านขนาดกลางมีสวนกุหลาบโอบล้อม เมื่อจอดรถแล้วชายหนุ่มก็จูงมือเธอให้เดินเข้าไปด้านในผู้หญิงที่นั่งอยู่บนรถเข็นในมือถักโครเชต์เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มกว้าง ขจีพรยังมีใบหน้าสวยงามแม้ว่าจะมีร่องรอยของกาลเวลาให้เห็นบ้าง หากเธอไม่ใช่คนพ
ในคืนหนึ่ง ขณะที่น้ำค้างปิดร้านกำลังจะกลับบ้าน แสงไฟจากรถยนต์สาดเข้ามาทำให้เธอต้องหันกลับไปมอง ชวิณเปิดประตูลงจากรถเดินเข้ามาหาเธอช้า ๆ"ไปส่งมั้ย""เรียกรถแล้วค่ะ"น้ำค้างหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันดูเวลาที่รถจะเข้ามารับ แต่ก็เหมือนว่าเธอจะถูกกดยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว ชวิณที่หลุบมองมือถือเห็นแล้วยกยิ้มมุมปาก"มาเถอะ ไม่คิดค่าโดยสาร"เขาเดินนำหน้าไปเปิดประตูรถข้างคนขับเพื่อให้น้ำค้างเข้าไปนั่ง พอเธอนั่งลงแล้วชวิณก็จัดการรัดเข็มขัดให้ ใบหน้าของคนทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบ น้ำค้างเอนหลังจนชิดพนักเบาะ ได้กลิ่นน้ำหอมที่เขาชอบใช้โชยเข้าจมูกบาง ๆ"น้ำทำเองค่ะ"มือเรียวผลักอกเขาออกเบา ๆ แล้วคว้าเข็มขัดมารัดเอง พอมาถึงหน้าคอนโดชวิณจอดให้เธอลง ส่วนเขาเดินตามหลังไปส่งจนเกือบจะถึงประตูเข้าทางเข้า เธอได้หันกลับมาเพื่อกล่าวขอบคุณเขา"ขอบคุณที่มาส่งค่ะ"ชวิณยิ้มบาง ๆ แล้วดึงเธอเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว น้ำค้างเห็นว่ามีสายตาหลายคู่มองมาก็รู้สึกอายจึงพยายามผลักไสเขาออก แต่เขายิ่งกอดแน่นมากขึ้นไปอีก"คุณวิณ!""ขออยู่อย่างนี้แค่นาทีเดียว ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปผมจะไม่มาให้เจออีกแล้ว""มะ หมายความว่า...""ไม่ใช่ว่
"ก็...เดาเอา" ปกติเป็นคนพูดตรงเหมือนขวานผ่าซาก เวลาที่โกหกจึงดูออกง่ายจะตายไป"คุณสะกดรอยตามน้ำเหรอคะ""...""โรคจิต"น้ำค้างเดินออกมายืนกอดอกรอรถอยู่ริมฟุตบาท ชวิณเดินตามหลังมาหยุดยืนข้าง ๆ"ไม่ให้ไปส่งเหรอ""เรียกรถมารับแล้ว"พอพูดจบรถก็มาจอดเทียบพอดี เขาได้แต่มองตามหลังตาละห้อย น้ำค้างเอาจริงขึ้นมาก็ดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน บางคำพูดที่เธอพูดกับเขาก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยได้ยินจากปากเธอเลยด้วยซ้ำ เธอไม่เคยเถียงไม่เคยต่อว่าเขาด้วยคำพูดเหล่านี้ เมื่อครู่ถูกต่อว่าว่าเป็นพวกโรคจิตชวิณถึงกับสะอึกไปเลยทีเดียวหลังจากวันนั้นชวิณก็หายไปสองวัน เนื่องด้วยมีธุระมาทำแถวนี้เขาจึงแวะเข้ามาในเวลากลางวัน พอเปิดประตูเดินเข้าไปในร้านมะเฟืองเห็นหน้าเขาปุ๊บก็รีบวิ่งแจ้นไปหาน้ำค้างด้วยความกลัว สาววัยรุ่นกระซิบกระซาบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงหวาดระแวง"คนนี้แหละพี่น้ำ ที่หนูบอกว่าเห็นมาด้อม ๆ มอง ๆ ที่หน้าร้านหลายวันแล้ว หน้าตาก็ดีไม่น่าเป็นโรคจิตเลย เรารีบแจ้งตำรวจเถอะค่ะ""ไม่ต้องแจ้งหรอก คนนี้เค้าเป็น...เอ่อ อาจจะเป็นลูกค้าก็ได้"เรื่องอะไรจะบอกว่าเป็นสามีเก่า ชวิณไม่ควรมีอิทธิพลในร้านหรือพนักงานของเธอ ขืนบอกไป
"พี่น้ำคะหนูสังเกตเห็นผู้ชายคนนึงมาด้อม ๆ มอง ๆ หน้าร้านหลายวันแล้ว ชอบมาตอนค่ำ ๆ มืด ๆ พี่น้ำต้องระวังตัวนะคะ"มะเฟืองพนักงานพาร์ตไทม์เอ่ยขึ้นน้ำเสียงเป็นกังวล หลายวันมานี้เธอมักจะเห็นผู้ชายท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ชอบมาจอดรถนั่งมองในเวลาใกล้จะปิดร้าน จึงรู้สึกเป็นห่วงน้ำค้างที่ชอบอยู่ร้านจนดึกดื่นคนเดียวเป็นประจำ ที่อยู่ดึกไม่ใช่ว่าร้านเปิดขายในตอนกลางคืน แต่น้ำค้างใช้เวลาหลังหกโมงเย็นเพื่อทดลองสูตรขนมใหม่ ๆ"เหรอ พี่ไม่เคยสังเกตเลย เอาไว้วันนี้ถ้ามีอะไรผิดปกติพี่จะรีบโทรแจ้งตำรวจ ขอบใจที่เป็นห่วงนะ"มะเฟืองยกมือไหว้ลาแล้วเดินออกจากร้าน ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้วเลยขอตัวกลับก่อน ส่วนพนักงานอีกคนลาป่วยจึงไม่ได้มาทำงานบ่อยครั้งที่น้ำค้างชะเง้อมองผ่านกระจกใสออกนอกร้าน เพราะคำบอกเล่าของมะเฟืองทำให้เธอเริ่มนึกหวาดกลัว ใจจริงตั้งใจว่าจะกลับตั้งแต่ยี่สิบนาทีที่แล้ว แต่เพราะยังมีเค้กที่อบค้างไว้ในเตาอบยังไม่สุกจึงต้องรอก่อน เพื่อความปลอดภัยน้ำค้างล็อกประตูหน้าร้านเอาไว้ก่อน จนกระทั่งครบกำหนดเวลาที่ตั้งไว้เสียงเตาอบก็ร้องเตือน น้ำค้างรีบเอาขนมออกจากเตาและเก็บเข้าตู้เย็นเอาไว้สำหรับแต่งหน้าพรุ่งนี้เ
หน้าที่ตำแหน่งของชวิณก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ได้ขึ้นเป็นผู้บริหาร ซีวี รอยัล อย่างเต็มตัว หลังจากวันนั้นลิลลี่ก็แวะเวียนมาหาบ้างเป็นบางครั้งแต่ไม่บ่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะทุกครั้งที่มาก็ได้รับแค่ความเฉยชากลับไป นานเข้ากลายเป็นความห่างเหินจนในที่สุดก็หยุดตามตื้อไปเองในระหว่างหลายเดือนที่ผ่านมาชวิณมีงานมากมายจนหาเวลาพักผ่อนแทบไม่ได้ ต้องนอนดึกและตื่นเช้า ส่วนช่วงกลางวันก็หมกหมุ่นอยู่กับการทำงานจนเลยเวลาทานข้าวเที่ยงวันหนึ่งขณะที่พนักงานคนอื่น ๆ ทยอยกลับกันหมดแล้ว ชวิณที่เพิ่งจะเคลียร์งานของตัวเองเสร็จเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า ตั้งใจว่าจะพักสายตาชั่วคราว แต่สมองดันคิดฟุ้งซ่านแต่เรื่องของภรรยาเก่า เขาเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งแล้วดึงลิ้นชักเอากล่องขนมขึ้นมาดู จากนั้นหยิบเสื้อสูทและกระเป๋าเอกสารพร้อมด้วยกล่องขนมติดมือไปด้วยชวิณขับรถมาตามที่อยู่ร้านเบเกอรี พอเห็นร้านลักษณะเหมือนกับที่ปัทมาเคยพูดไว้จึงได้จอดรถนั่งมองอยู่ห่าง ๆ เมื่อเห็นคนคุ้นชินกำลังเปิดประตูเดินออกจากร้านดวงตาคู่คมเบิกกว้างขึ้น"ปิดร้านดึกขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมไม่จ้างคนงานมาช่วยล่ะ เงินก็มีตั้งเยอะนี่"เขาพึ