ตอนที่ 2
1/3
"สวัสดีอีกครั้งค่ะ ชื่อน้ำค้าง เสมอเหมือน เรียกสั้น ๆ ว่าน้ำก็ได้ค่ะ อายุ 25 ปี"
"เดี๋ยว ๆ นี่ 25?"
เขายกมือขึ้นมาปราม นี่เธออายุแค่นี้จริง ๆ นะเหรอ อายุห่างกับเขาตั้งเจ็ดปีแหนะ แต่ดูสภาพแล้วเหมือนพี่สาวของแม่มากกว่า ตอนที่เข้ามาในห้องไม่เข้าใจผิดยกมือไหว้ก็ดีเท่าไรแล้ว
"ค่ะ 25 ต่อเลยนะคะ สถานภาพโสดค่ะ มีประสบการณ์ทำงานมาแล้วสามปี งานอดิเรก"
"พอครับ"
น้ำค้างเบรกเอี๊ยดหุบปากลงฉับ แล้วจ้องมองนาฬิกาแขวนเรือนใหญ่ด้านหลังชายหนุ่ม ขณะนี้เข็มวินาทีกำลังเดินต๊อกแต๊กใกล้ถึงเลขห้า
5..4..3...2...1
"ขออเมริกาโน่ร้อนครับ"
โห...พอดีเป๊ะ เป็นเหมือนที่ปัทมาพูดเอาไว้ไม่มีผิด น้ำค้างพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนจะเดินออกมาแล้วตรงไปยังห้องพักเบรกพนักงาน หยิบกระปุกกาแฟที่อยู่ในตู้เปิดฝาดม แล้วค้นหาวิธีชงอเมริกาโน่จากอินเทอร์เน็ต เธองมอยู่นานและคาดว่านี่น่าจะเป็นสิ่งที่ชวิณต้องการ พอเสร็จแล้วก็ยกมาวางไว้บนโต๊ะทำงานของเขา กาแฟร้อน ๆ ส่งกลิ่นอายหอมฟุ้งไปทั่วห้อง ชวิณยกขึ้นมาเป่าฟู่ ๆ ก่อนจะจิบแต่...
พรวด!
ละอองสีดำถูกพ่นออกมาจากปากกระจายไปทั่วโต๊ะ น้ำค้างกระโดดหลบแทบไม่ทัน พอพ่นออกมาแล้วเขาก็ไอแค่ก ๆ ไปหลายครั้ง เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่โหมดสงบ ชวิณเงยหน้าขึ้นมาจ้องเธออย่างเอาเรื่อง
"นี่มันเรียกว่าเอสเพรสโซ่ซ็อต"
"เอ่อ ขะ...ขอโทษค่ะ น้ำไม่เคยทำค่ะ งั้นท่านประธาน"
"เรียกคุณวิณ"
"คะ?"
"เรียกแค่คุณวิณก็พอ แล้วอีกอย่างท่านประธานน่ะพ่อผม"
น้ำค้างยิ้มแห้ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบไปหาผ้ามาเช็ดทำความสะอาดให้ไว เธอรุดออกจากห้องไปที่ห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดของแม่บ้าน ขณะที่กำลังกำลูกบิดได้มีเสียงคนคุยกันดังออกมาจากข้างใน
"นี่ป้าเจ้ย ได้ข่าวว่าคุณลิลลี่จะหมั้นกับคุณพีท จริง ๆ เหรอป้า"
"ชู่! นังแจ่ม เอ็งอย่าไปพูดแบบนี้ให้คุณวิณได้ยินนะเว้ย ไม่งั้นเอ็งตกงานข้าไม่รู้ด้วยนะ"
"เอ้า ถ้าแจ่มเป็นคุณลิลลี่แจ่มก็เลือกคุณพีทนะป้า หล่อ สุภาพ อบอุ่น เสียดายอย่างเดียวไม่น่าเกิดมาเป็นลูกเมียน้อยคุณศรุตเลย"
"อีนังแจ่ม! บอกว่าอย่าพูด ๆ ไปทำงาน! อย่ามัวแต่นินทาเจ้านายอยู่เลย แต่ถ้าข้าเป็นคุณลิลลี่ก็เลือกคุณพีทเหมือนแกนั่นแหละโว้ย คริ ๆ"
"โอ้ยป้า แก่ปูนนี้แล้วอย่าไปอยากเป็นคุณลิลลี่เลย"
ทั้งสองหัวเราะคิกคักแล้วดันหลังกันเดินออกมา แต่ก็ต้องเจอกับน้ำค้างที่ยืนเซ่ออยู่หน้าห้อง พอเห็นหน้าเธอแม่บ้านทั้งสองทำหน้าเหมือนเห็นผี ตกใจส่งเสียงอุทานลั่น น้ำค้างเห็นฝั่งนั้นแหกปากร้องเธอก็ร้องตามอย่างลืมตัว แต่พอตั้งสติได้จึงรีบบอกไป
"เอ่อ...มาหาผ้าเช็ดโต๊ะอ่าค่ะ พอจะมีสักผืนมั้ยคะ จะเอาไปเช็ดโต๊ะทำงานให้คุณวิณ"
"หนูเป็นเลขาคนใหม่ของคุณวิณเหรอลูก"
ป้าแม่บ้านอาวุโสถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น ส่วนแม่บ้านอีกคนก็ยื่นหน้ามาใกล้ ๆ รอฟัง
"จ้ะ หนูชื่อน้ำ เป็นลาเข เอ้ย! เลขาใหม่ของคุณวิณจ้ะ"
"เอ ปกติคุณวิณไม่เคยรับเลขาอายุเกินสามสิบห้าเข้าทำงานมาก่อนเลยนะป้า"
แม่บ้านที่ชื่อแจ่มหันไปกระซิบแม่บ้านที่ชื่อเจ้ย แล้วค่อยหันกลับมาหัวเราะแหะ ๆ ให้น้ำค้าง น้ำค้างยกยิ้มตอบกลับปากสั่นดิก ๆ อยากบอกเหลือเกินว่าเธอเพิ่งยี่สิบห้าโว้ย คนยี่สิบห้านี่ถือว่ายังสาว ไม่ใช่สาวใหญ่ด้วยนะ เป็นสาวกำลังพอดีกินเข้าใจไหม!
"เอ่อ แล้วเมื่อกี้นี้หนูบอกจะเอาอะไรนะ"
"ผ้าจ้ะ ผ้าสักหนึ่งผืน เมื่อกี้นี้คุณวิณพ่นกาแฟหกเลอะโต๊ะทำงาน"
"ป้า ๆ ปกติจะเห็นแต่คุณวิณเวอร์ชันพ่นไฟ วันนี้คุณวิณพ่นกาแฟด้วยแฮะ"
แม่บ้านแจ่มยังไม่หยุดกระซิบกระซาบ เป็นการกระซิบที่ได้ยินกันครบทุกคนไม่เว้นแม้แต่น้ำค้าง เธอหัวเราะทั้งที่หน้ายังชาอยู่ เสียงลือเสียงเล่าอ้างเรื่องความร้ายกาจของเจ้านายคงไม่ใช่เล่น ๆ แม้แต่แม่บ้านที่ไม่ได้ทำงานคลุกคลีกับชวิณยังรู้เรื่องเขามากมายขนาดนี้
"เดี๋ยวป้าเอามาให้นะหนู รอแป๊ป"
แล้วป้าแม่บ้านอาวุโสก็เดินกลับเข้าไปในห้อง จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดโต๊ะสะอาดผืนหนึ่งออกมาให้
พอน้ำค้างได้ผ้าแล้วก็เดินกลับมาห้องทำงานของเจ้านายหนุ่ม เห็นชวิณกำลังตรวจสอบอีเมลสีหน้าเคร่งเครียด เธอค่อย ๆ ย้ายเอกสารบนโต๊ะออกไปวางที่อื่น แล้วค่อยเช็ดโต๊ะทำงานให้เขาจนสะอาดดี พอโต๊ะสะอาดแล้วก็ขนของเดิมกลับมาวาง
"ไม่มีเอกสารรายงานก่อสร้าง"
"คะ?"
"ให้เวลาแค่ 3 นาที ไม่พูดซ้ำ"
เป็นอันต้องวิ่งแจ้นออกมาพริ้นต์เอกสารรายงานการก่อสร้าง ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดทำให้น้ำค้างเหงื่อตก เธอรีบเร่งมือสุดชีวิต ทว่าห้องถ่ายเอกสารอยู่ห่างจากห้องทำงานของชวิณหนึ่งห้อง พอได้เอกสารดังกล่าวมาแล้วก็ยื่นให้เขา เขารับเอกสารแล้วก็เงยหน้ามองคนตัวเล็กที่ยืนหอบแฮก ๆ ก่อนจะถอนหายใจส่ายหน้าไปมา
"ผมเป็นคนค่อนข้างตรงต่อเวลา เสพติดความสมบูรณ์แบบมาก"
...ยกเว้นตอนเมาสินะพ่อคุณ
น้ำค้างค้านอยู่ในใจเผลอแสยะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว พอเขาเห็นเธอยกยิ้มก็ย่นคิ้วเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจ ในตอนที่เขากำลังพูดหรืออธิบายอะไรให้ฟังห้ามยิ้มแบบนี้เด็ดขาด ชวิณไม่ชอบ!
เอาล่ะ...ถูกหมายหัวแล้วหนึ่ง
"ยิ้มอะไร"
"คะ?"
พอรู้ตัวก็อยากตีปากตัวเองจริง ๆ เชียว น้ำค้างกลอกตาไปมาก่อนจะตอบเพื่อเอาใจเขา
"ขอโทษค่ะ คุณวิณดูดีจนมองเพลิน ปากมันก็เลยยิ้มไปเอง"
"ไม่ใช่คนแรกหรอกนะที่คิดแบบนี้"
เอ้า...หลงตัวเองไปอีก
ตอนที่ 22/3"ต่อนะครับ ผมเสพติดความสมบูรณ์แบบ ชนิดที่เรียกได้ว่าต้องเป็นคนย้ำคิดย้ำทำถึงจะร่วมงานกับผมได้ ถ้ายังไงป้า...เอ่อ ถ้ายังไงคุณก็ช่วยละเอียดรอบคอบมากหน่อย ประเมินทดลองงาน 4 เดือน ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ผมเอาออกเข้าใจนะ?""ขะ เข้าใจค่ะ""เมื่อครู่ที่ผมสำลักกาแฟ ขอเอามาหักคะแนนในการประเมินทดลองงานด้วยแล้วกัน""ห้ะ เอ่อ...เรื่องนั้น"แบบนี้ก็ได้เหรอ? ตัวเองเป็นคนดื่มเองสำลักเองแท้ ๆ เชื่อแล้วว่าคุณวิณไม่ธรรมดาเหมือนที่ข้างนอกพูดกัน น้ำค้างคิดหนักกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ จำใจต้องเออออไปตามเรื่องตามราว เธอน่ะหรือจะกล้าเถียง ขืนเถียงออกไปสักครึ่งคำมีหวังต้องถูดเฉดหัวออกไปหางานใหม่"ค่ะ น้ำจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก"หลังจากบอกกล่าวแล้วชวิณก็ค่อย ๆ เปิดเอกสารที่เธอนำมาดูทีละหน้า ดูไปก็ทำหน้าเครียดไป น้ำค้างยืนตัวแข็งทื่ออยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขาไม่ไปไหน เธอกลัวว่าถ้าหากเขาเรียกใช้แล้วจะหาเธอไม่เจอ พอเห็นว่าเธอยืนค้ำหัวอยู่ชวิณก็เงยหน้าขึ้นมาสบตา ทว่าเจอกับใบหน้าแป้นแล้นที่กำลังยิ้มแฉ่ง"ไปครับ""คุณวิณจะไปคุยงานกับลูกค้าข้างนอกเหรอคะ""คุณน่ะ..." ชวิณอยากพูดแรง ๆ ว่าให้ไสหัวออกไปแต่ก็ยั
ตอนที่ 23/3"คุณครับ นี่ใช่ของคุณรึเปล่าครับ""อ๋อ ค่ะ ๆ ของฉันเองค่ะ"พศินยิ้มบาง ๆ แล้วก้มมองกระดาษในมือ"แผนงานประจำวันของชวิณ...คุณเป็นเลขาคนใหม่เหรอครับ""ค่ะ ชื่อน้ำ น้ำค้าง เสมอเหมือน เป็นเลขาคนใหม่ของคุณวิณเพิ่งเริ่มงานวันนี้เป็นวันแรก คุณคือพี่ชายคุณวิณใช่มั้ยคะ""รู้จักผมด้วยเหรอครับ""น้ำเห็นประวัติของคุณในนิตยสารธุรกิจค่ะ คุณเป็นคนที่ดูดีมาก ๆ น้ำก็เลยจำหน้าได้"พูดจบเธอก็ยิ้มกว้างชูนิ้วโป้งขึ้นมาทั้งสองข้าง บ่งบอกว่านี่คือสัญลักษณ์ของการกดไลก์ ถ้ามีสัญลักษณ์กดหัวใจก็คงทำไปแล้ว พศินที่ได้เห็นแบบนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ แต่เป็นการหัวเราะที่ใช้กำปั้นหลวม ๆ บังปาก ดูเป็นผู้ดีไปอีกสิบระดับ"งั้น ตั้งใจทำงานนะครับ สู้ ๆ ครับ"เขาทิ้งท้ายประโยคให้เธอฮึบสู้ แล้วค่อยเดินหายเข้าไปในห้องทำงานที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของชวิณ น้ำค้างยืนยิ้มอยู่ที่เดิมจนพศินหายไปจนลับตา พอรู้ตัวอีกทีกระดาษที่เพิ่งจะพริ้นต์ออกมาก็ยับยู่ยี่ไปหมดแล้ว นั่นเพราะเธอเขินจนเผลอบิดกระดาษจนยับเมื่อกลับมาที่โต๊ะก็เปิดข้อมูลบอร์ดบริหารดูใหม่ เป็นข้อมูล ตำแหน่ง และรูปภาพของพศิน น้ำค้างอ่านดูด้วยความสนอกสนใจ ขณะที่กำลังน
ตอนที่ 31/3เมื่อเข้ามานั่งในรถแล้วเสียงท้องของน้ำค้างก็ร้องจ๊อก ๆ ชวิณหันขวับมามองเธอ จะว่าไปนี่ก็บ่ายสองแล้วแต่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ดังนั้นเขาจึงจอดให้เธอหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก่อนจะหันมาบอกน้ำเสียงราบเรียบ"คุณกินข้าวเลยนะ กินเสร็จแล้วก็หารถกลับเอง นี่ค่าอาหารและค่ารถกลับ""ให้น้ำเหรอคะ"พอชวิณพูดจบก็ยื่นแบงก์พันมาตรงหน้า น้ำค้างกลอกตาอย่างลังเล คิดอยู่ว่าควรรับเงินจากเขาไว้ดีหรือเปล่า ชวิณเห็นแบบนั้นก็เลยคิดว่าเธอไม่อยากได้เงินจึงชักมือกลับ แต่น้ำค้างก็รีบรวบเงินนั้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับกล่าวขอบคุณ"ขอบคุณค่ะ คุณวิณไม่ต้องห่วงนะคะ น้ำจะ...""ไม่ได้ห่วงครับ"ยังไม่ทันพูดจบประโยคเขาก็รีบพูดตัดรำคาญ น้ำค้างเม้มปากแน่นแล้วค่อยเปิดประตูรถลงไป เมื่อรถของชวิณเคลื่อนจากไปแล้วเธอไม่ได้เข้าไปทานอาหารในร้านนั้น เพราะมองเข้าไปแล้วรู้สึกว่าอาหารน่าจะแพง เงินหนึ่งพันบาทถ้าเอาไปซื้อข้าวราดแกงหรือก๋วยเตี๋ยวข้างทางก็อิ่มไปได้หลายมื้อ หรืออาจจะอยู่ได้เป็นอาทิตย์เลยก็ได้ ดังนั้นน้ำค้างจึงเดินตามฟุตบาทมาเรื่อย ๆ เพราะตั้งใจว่าจะเดินไปขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์กลับบริษัทขณะที่เดินอยู่นั้นบังเอิญสะดุดตาก
ตอนที่ 32/3หญิงสาวหันมาตามเสียงเรียก เห็นว่าเจ้าของเสียงคือพศิน เขาหลุบตามองเท้าขาวสะอาดเปลือยเปล่าของเธอแล้วย่นคิ้วด้วยความสงสัย"ทำไมไม่ใส่รองเท้าครับ"เธอยิ้มเจื่อนเกี่ยวปอยผมทัดหูแล้วตอบน้ำเสียงกระอ้อมกระแอ้มตามฉบับสาวขี้อาย อยากเป็นผู้หญิงตัวเล็กตัวน้อยสเปกสามัญในแบบฉบับที่หนุ่มไทยชื่นชอบ"รองเท้าขาดค่ะ""แล้วจะกลับทั้งอย่างนี้เหรอครับ มารถอะไรครับ""มารถโดยสารค่ะ""ป้ายรถโดยสารห่างจากนี่พอสมควร งั้นติดรถผมไปมั้ยครับ""ไปค่ะ!"เขาพูดจบปุ๊บเธอก็ตอบตกลงปั๊บ พศินเดินนำหน้าไปก่อนส่วนน้ำค้างวิ่งเท้าเปล่าตามหลังเขาไปด้วยความดีใจ ชายหนุ่มขับรถออกจากบริษัทแต่ไม่ได้ตรงไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์ทันที เขาได้ขับมาจอดอยู่หน้าร้านขายรองเท้าแล้วหันมาสบตาเธอ"มีอะไรเหรอคะ""ก็รองเท้าขาดไม่ใช่เหรอครับ พรุ่งนี้ก็ต้องใส่อยู่ดี หรือว่าที่บ้านมีรองเท้าหลายคู่"อันที่จริงน้ำค้างก็พอจะมีรองเท้าอยู่บ้าง แต่มันเป็นรองเท้าผ้าใบสำหรับใส่ออกกำลังกายและรองเท้าแตะเป็นส่วนใหญ่ไม่เหมาะที่จะใส่มาทำงาน พศินได้หันกลับไปยังร้านขายรองเท้า เมื่อน้ำค้างมองตามเห็นสภาพร้านแล้วก็กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่"ร้านนี้ต้องแพงมากแน่ ๆ"
ตอนที่ 33/3หลังออกจากห้องทำงานของเขา น้ำค้างจึงเดินไปพริ้นต์เอกสารรายงานการก่อสร้างประจำวันแล้วนำมาวางไว้ให้ วันนี้เขาเงียบผิดปกติ อาจเป็นเพราะเรื่องเมื่อวานนี้ก็เป็นได้ น้ำค้างไม่กล้าทำอะไรนอกเหนือจากคำสั่ง จึงถอยห่างออกไปสามก้าวแล้วก้มหน้าวางมือประสานกัน เผื่อว่าเขาต้องการอะไรเพิ่มเติมเธอจะได้รีบหามาให้โดยด่วน"ออกไปได้แล้ว""ค่ะ"หญิงสาวเดินออกมายังไม่พ้นจากห้องก็เดินย้อนกลับไปหาเขาใหม่ แล้ววางเงินแบงก์ร้อยกับแบงก์ยี่สิบไว้บนโต๊ะ"เงินทอนเมื่อวานค่ะ น้ำใช้ไปแค่สองร้อยกว่าบาท"นี่ยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าที่เขาให้เพราะอยากจ้างเธอไปไกล ๆ เกิดมายังไม่เคยเห็นใครซื่อบื้อได้ขนาดนี้ ชวิณหลุบตามองเงินแบงก์ยิบย่อยแล้วโบกมือให้เธอเอาเงินนี้แล้วรีบออกไปเขาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยกับเงินแค่ไม่กี่ร้อย ในหัวตอนนี้คิดอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องของลิลลี่กับพศิน พอพ้นเงาร่างน้ำค้างแล้วชวิณก็เดินออกมาจากห้องอย่างอารมณ์เสีย ขณะที่เดินผ่านห้องพักเบรกพนักงานได้ยินเสียงที่เล็ดลอดออกมา เป็นเสียงของปัทมากำลังคุยกับพศิน"คุณน้ำเป็นลูกสาวเพื่อนคุณปัทจริง ๆ เหรอครับ""จริงสิคะ ยัยน้ำเป็นเด็กน่ารักนะคะ แม่ป่วยออด
ตอนที่ 41/3ช่วยไม่ได้นี่นา เขารักลิลลี่มาเป็นสิบ ๆ ปี ส่วนพศินไม่ได้มีใจให้ลิลลี่เลยสักนิด ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรืออะไรทั้งนั้น เขาไม่เคยใจดีกับพศินแบบนี้มาก่อน ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ชวิณสงเคราะห์ให้เพราะเวทนา ถือซะว่าช่วยให้พี่ชายนอกคอกนั่นได้สมหวังเร็วขึ้น"หึ..."ชวิณคิดแล้วก็แค่นหัวเราะจนพนักงานศูนย์ความงามที่นั่งอยู่เคาน์เตอร์มองมาเป็นตาเดียวกัน เสียงหัวเราะของเขาเหมือนตัวร้ายในละครหลังข่าวไม่มีผิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานเกือบสองชั่วโมง ชวิณก็นั่งรอโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ ตลอดชีวิตของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เขาไม่เคยอดทนกับสิ่งใดได้นานเพราะมีนิสัยใจร้อน แต่ครั้งนี้กลับนั่งจิบเครื่องดื่มที่ทางศูนย์ความงามนำมาบริการอย่างสบายใจเฉิบ"เรียบร้อยแล้วค่ะ"เมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมอง น้ำค้างได้ถูกพาตัวเดินออกมา เธอเปลี่ยนไปราวกับคนละคน แว่นหนาเตอะถูกเปลี่ยนเป็นคอนแทคเลนส์สายตา ผมที่เคยรวบต่ำถูกปล่อยสยายดัดลอนใหญ่รับกับกรอบหน้า อีกทั้งใบหน้าที่เคยจืดชืดก็ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนสวยสะพรั่งถามจริง...นี่แปลงโฉมหรือรีโนเวท?ชวิณแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยจริง ๆ ค
ตอนที่ 42/3หลังเลิกงานพศินขับรถกลับบ้านใหญ่ ก่อนลงจากรถเขาถอนหายใจเหนื่อย ๆ ไม่ใช่เหนื่อยกายแต่เหนื่อยใจซะมากกว่า ปกติพศินแยกไปซื้อคอนโดอยู่ลำพัง จะกลับมาที่บ้านใหญ่ก็ต่อเมื่อศรุตเรียกพบเท่านั้น แต่ครั้งนี้ดั้นด้นมาโดยที่ผู้เป็นพ่อไม่เรียกเพราะอยากคุยเรื่องงานหมั้นให้จบ ๆเขาไม่อยากหมั้นกับลิลลี่ และยิ่งไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับเธอเพราะว่าไม่รักไม่ชอบ...พศินก้าวเท้าเข้าไปในบ้านที่ภายในอุณภูมิเย็นเฉียบ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาเป็นลูกชายที่ได้ดั่งใจศรุตทุกอย่าง แต่ครั้งนี้จะขอฝืนคำสั่งของผู้เป็นพ่อ เพราะการแต่งงานสำหรับเขาคือการเอาทั้งชีวิตผูกติดกับคน ๆ หนึ่งไปจนวันตาย ถ้าต้องเลือกแต่งงานกับใครสักคนเขาก็อยากให้คนนั้นคือคนที่เขารัก...แล้วก็รักเขาพศินยกมือขึ้นเคาะประตูห้อง หลังได้ยินเสียงอนุญาตจึงเดินเข้าไปช้า ๆ เห็นศรุตนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ ในมือถือหนังสือเล่มโปรดและสวมแว่นสายตา เมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาเป็นลูกชาย ศรุตจึงถอดแว่นตาออกวางไว้บนโต๊ะ พร้อมกับปิดหนังสือวางไว้ข้างกัน รู้ดีว่าพศินมาหาตนเพราะเรื่องอะไร"คิดอยู่แล้วว่าแกต้องมา""พ่อครับ ผมอยากจะขอพูดเรื่องงานหมั้นของผมกับลิ
ตอนที่ 43/3ภายในร้านอาหารบรรยากาศดีริมแม่น้ำเจ้าพระยา พศินไปถึงก็เจอกับลิลลี่รออยู่ก่อนแล้ว วันนี้เธอแต่งตัวสวยด้วยชุดเดรสสีชมพูอ่อน แต่งหน้าโทนสีหวานละมุน ปล่อยผมสีดำขลับยาวเหยียดตรง พอพศินนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกันลิลลี่ก็ยิ้มหวานหยด"อาหารลี่สั่งรอแล้วนะคะเดี๋ยวจะทยอยเอามาเสิร์ฟ มีแต่ของที่พี่พีทชอบทั้งนั้นเลย ลี่จำได้ว่าพี่พีทชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไร ลี่ใส่ใจพี่พีทนะคะ""เรื่องอาหารเอาไว้ก่อนเถอะ พี่ยังไม่หิว ที่นัดมาเพราะมีเรื่องจะคุย""คุย?"ชายหนุ่มชั่งใจ ก่อนจะพูดสิ่งที่ลิลลี่ไม่อยากได้ยินที่สุดในชีวิต"ลี่...เราอย่าหมั้นกันเลยนะ""อะ...อะไรนะคะ""พี่ไม่ได้รักลี่เกินไปกว่าน้องสาว ที่พี่นัดลี่ออกมาวันนี้เพราะอยากให้เราได้พูดคุยตกลงกันดี ๆ ถ้าลี่เป็นฝ่ายเปลี่ยนใจถอนหมั้นไปเองผู้ใหญ่ต้องตามใจลี่แน่""ไม่มีทางค่ะ"ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบลิลลี่ก็ปฏิเสธทันควัน เรื่องอะไรเธอจะยอมถอนหมั้นง่าย ๆ เธอรักพศินมานานหลายปี อีกนิดเดียวความฝันก็จะเป็นจริงแล้ว ลิลลี่เคยฝันว่าจะได้เป็นผู้หญิงที่เขารักและได้ยืนข้างเขาในฐานะภรรยา ทว่ากลับได้ยินผู้ชายที่ตนรักบอกว่าไม่ได้มีใจให้ เธอรู้สึกเจ็บใจจนขอบตา
บทส่งท้ายหลังจากค่ำคืนอันร้อนแรงผ่านไป ลิลลี่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเวลาเกือบเที่ยง เธอพยายามกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องเพื่อมองหาผู้ชายที่นอนด้วยกันเมื่อคืน ทว่าหนุ่มรูปหล่อโปรไฟล์ดีกลับหายไป เมื่อคืนนี้ลิลลี่นั่งจิบไวน์ที่ไนต์คลับแห่งหนึ่งกับหนุ่มนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ที่วัลลภติดต่อมาให้ เธอรู้สึกว่าชื่นชอบเขาคนนั้นและคุยกันถูกคอจึงชวนมาต่อที่โรงแรม สุดท้ายจบลงที่การมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง"อาร์บี" ลิลลี่เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างเริ่มไม่ชอบมาพากล รีบลุกขึ้นจากเตียงคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบกาย จากนั้นเดินไปเรียกชื่อผู้ชายคนนั้นอีกครั้งที่หน้าห้องน้ำ"อาร์บีคะ อาร์บี อยู่ในนั้นรึเปล่าคะ" ทว่าเมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องน้ำกลับไร้คน "หายไปไหนนะ"หญิงสาวพึมพำแล้วเดินกลับมาที่เตียง ปลายระยะสายตาเหลือบไปเห็นลิปสติกและของใช้อื่นๆ ซึ่งควรจะอยู่ในกระเป๋าวางเกลื่อนอยู่ เธอรีบปรี่เข้าไปรวบของทุกอย่างแล้วกวาดสายตามองหากระเป๋าถือแบรนด์เนมใบละเกือบล้าน ที่น่าตกใจที่สุดแม้แต่กระเป๋าสตางค์แบรนด์เนมก็หายไปด้วย ในนั้นมีเงินสดอยู่พอสมควรแต่ไม่ได้มากเท่าราคากระเป๋า"มะ ไม่จริง...ไม่จริง!"สิ่งที่ผู้ชายคนน
แสงที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาปลุกหญิงสาวให้ตื่น มองดูนาฬิกาที่หัวเตียงเป็นเวลาเกือบเก้าโมงเช้าแล้ว พอนึกขึ้นได้ว่ากุญแจร้านเบเกอรีอยู่ที่ตนเองก็เริ่มลนลาน กลัวว่าลูกน้องจะเข้าร้านไม่ได้แล้วยืนคอยนาน น้ำค้างรีบคว้าเอาผ้าขนหนูมาพันกายแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ พอกลับออกมาเห็นชวิณนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์แล้วรู้ว่าตัวเองพลาดท่าเข้าอย่างจัง เขาหว่านล้อมจนเธอยินยอมให้ค้างคืน อ้างนู่นอ้างนี่สารพัด และแน่นอนว่าชวิณไม่ได้นอนนิ่งเป็นพระอิฐพระปูน แต่รวบหัวรวบหางจนเธอยอมคล้อยตามอย่างว่าง่าย สุดท้ายก็จบที่การได้เสียกันเหมือนตอนเป็นสามีภรรยาตามเคย"คุณวิณตื่นเดี๋ยวนี้เลย!"เขาลืมตาขึ้นมาแล้วแกล้งทำท่าทีงัวเงียทั้งที่ตื่นตั้งแต่ห้านาทีก่อนแล้ว พอลุกขึ้นได้ก็เดินโทง ๆ เข้ามาซุกจมูกคมกับซอกคอขาว"หอมจัง อาบน้ำแล้วเหรอ""รีบหน่อยค่ะ น้ำต้องรีบไปเปิดร้าน ป่านนี้น้อง ๆ คงกำลังยืนรอที่หน้าร้านแล้วแน่เลย""อา...เข้าใจละ"เมื่อรถมาจอดหน้าร้าน มะเฟืองและพนักงานอีกคนก็กำลังยืนรออยู่หน้าร้านจริง ๆ พอเห็นน้ำค้างลงมาจากรถของชวิณต่างมองเป็นตาเดียวกัน พวกเธอกำลังสงสัยว่าเจ้าของร้านคบหาก
"คุณว่าพ่อกับแม่ผมเค้ารักกันมั้ย"หลังจากขับรถออกมาได้ระยะหนึ่งชวิณเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ น้ำค้างเอียงหน้ามองใบหน้าครึ่งเสี้ยวของชายหนุ่มแล้วยิ้มบาง ๆ"ถามอะไรอย่างนั้นล่ะคะ""ไม่รู้สิ""คุณขจีพร""คุณแม่"ยังไม่ทันได้พูดจบเขาก็เปลี่ยนสรรพนามให้เธอเรียกแม่ของเขาใหม่ ตอนอยู่ที่บ้านก็ยังเห็นเรียกขจีพรว่าคุณแม่เสียงเจื้อยแจ้ว พออยู่กับเขาสองคนทำไมถึงเรียกคุณขจีพรซะแล้วล่ะ"คุณแม่ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก ถึงหย่าร้างกับคุณศรุตได้ก็""ทำไมไม่เรียกพ่อผมว่าคุณพ่อด้วย""ตอนที่ยังไม่หย่าก็เรียกคุณพ่อนะคะ ตอนนี้หย่าแล้วไม่ว่าน้ำจะเรียกคุณขจีพร คุณศรุต หรือคุณพ่อคุณแม่ก็คงไม่ผิด""ย้ำจังว่าหย่าแล้ว" เขาเอ่ยเสียงแผ่ว"เอาแต่ขัดแบบนี้ตกลงที่ถามนี่จริงจังมั้ยคะ""จริงจังสิครับ คุณคิดว่าไงล่ะ""น้ำคิดว่าถึงคุณแม่เดินไม่ได้แต่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงสิ้นไร้ไม้ตอก ต่อให้เลิกกับคุณพ่อไปก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินทอง ถ้าได้กลับไปใช้นามสกุลเดิมก็ถือว่ายังเป็นผู้ดีเก่าอยู่ แต่ที่คุณแม่ไม่ไปไหน ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับคุณพ่อ เค้าสองคนน่าจะมีเยื่อใยแก่กันอยู่ บางคู่อยู่กันไปแบบทั้งรักทั้งแค้น แต่ดูเหมือนว่าคุณแม่จ
ทั้งสองอยู่คุยกับขจีพรราวชั่วโมงกว่าเห็นจะได้ จากนั้นก็ขอตัวกลับ พอเข้ามาในรถแล้วน้ำค้างก็รีบถอดสร้อยใส่กล่องไว้คืน ชวิณมองสีหน้าเป็นกังวลของเธอแล้วอมยิ้ม"ไม่ใช่ถูก ๆ นะ น่าจะไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้าน ขอบอกว่าเส้นนั้นแม่ผมรักมาก ไม่ได้ให้ใครง่าย ๆ""งั้นวันหลังคุณวิณเอาไปคืนคุณแม่เลยนะคะ"หญิงสาวอ้าปากค้าง มือที่ถือกล่องกำมะหยี่สั่นเทาเพราะกลัวว่าจะเผลอทำหาย ถ้าซุ่มซ่ามทำหายไปล่ะแย่เลย เธอจะหาเงินที่ไหนมาชดใช้คืนตั้งสามสิบล้าน"เรื่องอะไรล่ะ ได้ของแม่มาแล้วก็ต้องรับผิดชอบลูกชายเค้าสิ"น้ำค้างหน้างอ รีบเก็บกล่องกำมะหยี่ใส่กระเป๋าแล้วกอดเอาไว้แน่น อยู่ดีไม่ว่าดีหาเหาใส่หัวเอาของล้ำค่าแบบนี้มาดูแล ต่อไปเธอต้องเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำแน่ ๆ เพราะคิดว่าเก็บไว้ที่ไหนก็คงไม่ปลอดภัยพอ ไม่เอาแล้วได้มั้ยสร้อยประจำตระกูลผู้ดีเนี่ยขณะที่รถเคลื่อนตัวผ่านบ้านใหญ่ น้ำค้างเหลือบเห็นศรุตนั่งจิบกาแฟยามบ่ายอยู่ใต้เงาร่มไม้ในสวน เธอจึงสะกิดแขนชวิณให้หยุดรถก่อน เขามองตามปลายนิ้วเรียวที่กำลังชี้ไปที่ชายสูงวัยแล้วเลิกคิ้วสูง"มีอะไรครับ""คุณศรุตนั่งอยู่ตรงนั้นค่ะ เราเข้าไปทักทายท่านกันเถอะค่ะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว"เขาทำหน
หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของคนทั้งสองก็ดูเหมือนจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น วันนี้เป็นวันหยุด ชวิณบอกว่าจะมารับน้ำค้างที่คอนโดแล้วพาไปพบใครบางคน น้ำค้างลงมารอไม่ถึงสามนาทีรถของเขามาก็มาถึง พอเข้ามานั่งในรถแล้วชวิณเอี้ยวตัวมาหอมแก้มเธอเบา ๆ น้ำค้างไม่ค่อยชินกับคุณวิณในโหมดอ่อนโยนจึงรีบโยกตัวหลบ"ทำอะไรคะ""แค่ดมดูเฉยว่าใช้น้ำหอมกลิ่นอะไร""ใครเขาฉีดน้ำหอมที่หน้า""เหรอ ไม่ได้ฉีดจริงด้วย"เขาเอี้ยวตัวฉวยโอกาสหอมแก้มเธออีกครั้งอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้น้ำค้างเสียท่าหลบไม่ทัน"แล้วหอมกลิ่นอะไรนะ""แป้งเด็กค่ะ""แป้งเด็กจริง ๆ ด้วย ผมชอบกลิ่นนี้จัง"เขายิ้มจนตาหยีแล้วออกรถสู่ถนนกว้าง ใช้เวลาราวสี่สิบนาทีก็ถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ น้ำค้างเคยมาที่นี่หนึ่งครั้งตอนที่ถูกศรุตเรียกพบ แต่ชวิณไม่ได้พาไปที่บ้านหลังที่ศรุตอาศัยอยู่ เขาขับรถเลยไปอีกหลังหนึ่งที่อยู่ในที่ดินแปลงเดียวกัน เป็นบ้านขนาดกลางมีสวนกุหลาบโอบล้อม เมื่อจอดรถแล้วชายหนุ่มก็จูงมือเธอให้เดินเข้าไปด้านในผู้หญิงที่นั่งอยู่บนรถเข็นในมือถักโครเชต์เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มกว้าง ขจีพรยังมีใบหน้าสวยงามแม้ว่าจะมีร่องรอยของกาลเวลาให้เห็นบ้าง หากเธอไม่ใช่คนพ
ในคืนหนึ่ง ขณะที่น้ำค้างปิดร้านกำลังจะกลับบ้าน แสงไฟจากรถยนต์สาดเข้ามาทำให้เธอต้องหันกลับไปมอง ชวิณเปิดประตูลงจากรถเดินเข้ามาหาเธอช้า ๆ"ไปส่งมั้ย""เรียกรถแล้วค่ะ"น้ำค้างหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันดูเวลาที่รถจะเข้ามารับ แต่ก็เหมือนว่าเธอจะถูกกดยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว ชวิณที่หลุบมองมือถือเห็นแล้วยกยิ้มมุมปาก"มาเถอะ ไม่คิดค่าโดยสาร"เขาเดินนำหน้าไปเปิดประตูรถข้างคนขับเพื่อให้น้ำค้างเข้าไปนั่ง พอเธอนั่งลงแล้วชวิณก็จัดการรัดเข็มขัดให้ ใบหน้าของคนทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบ น้ำค้างเอนหลังจนชิดพนักเบาะ ได้กลิ่นน้ำหอมที่เขาชอบใช้โชยเข้าจมูกบาง ๆ"น้ำทำเองค่ะ"มือเรียวผลักอกเขาออกเบา ๆ แล้วคว้าเข็มขัดมารัดเอง พอมาถึงหน้าคอนโดชวิณจอดให้เธอลง ส่วนเขาเดินตามหลังไปส่งจนเกือบจะถึงประตูเข้าทางเข้า เธอได้หันกลับมาเพื่อกล่าวขอบคุณเขา"ขอบคุณที่มาส่งค่ะ"ชวิณยิ้มบาง ๆ แล้วดึงเธอเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว น้ำค้างเห็นว่ามีสายตาหลายคู่มองมาก็รู้สึกอายจึงพยายามผลักไสเขาออก แต่เขายิ่งกอดแน่นมากขึ้นไปอีก"คุณวิณ!""ขออยู่อย่างนี้แค่นาทีเดียว ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปผมจะไม่มาให้เจออีกแล้ว""มะ หมายความว่า...""ไม่ใช่ว่
"ก็...เดาเอา" ปกติเป็นคนพูดตรงเหมือนขวานผ่าซาก เวลาที่โกหกจึงดูออกง่ายจะตายไป"คุณสะกดรอยตามน้ำเหรอคะ""...""โรคจิต"น้ำค้างเดินออกมายืนกอดอกรอรถอยู่ริมฟุตบาท ชวิณเดินตามหลังมาหยุดยืนข้าง ๆ"ไม่ให้ไปส่งเหรอ""เรียกรถมารับแล้ว"พอพูดจบรถก็มาจอดเทียบพอดี เขาได้แต่มองตามหลังตาละห้อย น้ำค้างเอาจริงขึ้นมาก็ดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน บางคำพูดที่เธอพูดกับเขาก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยได้ยินจากปากเธอเลยด้วยซ้ำ เธอไม่เคยเถียงไม่เคยต่อว่าเขาด้วยคำพูดเหล่านี้ เมื่อครู่ถูกต่อว่าว่าเป็นพวกโรคจิตชวิณถึงกับสะอึกไปเลยทีเดียวหลังจากวันนั้นชวิณก็หายไปสองวัน เนื่องด้วยมีธุระมาทำแถวนี้เขาจึงแวะเข้ามาในเวลากลางวัน พอเปิดประตูเดินเข้าไปในร้านมะเฟืองเห็นหน้าเขาปุ๊บก็รีบวิ่งแจ้นไปหาน้ำค้างด้วยความกลัว สาววัยรุ่นกระซิบกระซาบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงหวาดระแวง"คนนี้แหละพี่น้ำ ที่หนูบอกว่าเห็นมาด้อม ๆ มอง ๆ ที่หน้าร้านหลายวันแล้ว หน้าตาก็ดีไม่น่าเป็นโรคจิตเลย เรารีบแจ้งตำรวจเถอะค่ะ""ไม่ต้องแจ้งหรอก คนนี้เค้าเป็น...เอ่อ อาจจะเป็นลูกค้าก็ได้"เรื่องอะไรจะบอกว่าเป็นสามีเก่า ชวิณไม่ควรมีอิทธิพลในร้านหรือพนักงานของเธอ ขืนบอกไป
"พี่น้ำคะหนูสังเกตเห็นผู้ชายคนนึงมาด้อม ๆ มอง ๆ หน้าร้านหลายวันแล้ว ชอบมาตอนค่ำ ๆ มืด ๆ พี่น้ำต้องระวังตัวนะคะ"มะเฟืองพนักงานพาร์ตไทม์เอ่ยขึ้นน้ำเสียงเป็นกังวล หลายวันมานี้เธอมักจะเห็นผู้ชายท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ชอบมาจอดรถนั่งมองในเวลาใกล้จะปิดร้าน จึงรู้สึกเป็นห่วงน้ำค้างที่ชอบอยู่ร้านจนดึกดื่นคนเดียวเป็นประจำ ที่อยู่ดึกไม่ใช่ว่าร้านเปิดขายในตอนกลางคืน แต่น้ำค้างใช้เวลาหลังหกโมงเย็นเพื่อทดลองสูตรขนมใหม่ ๆ"เหรอ พี่ไม่เคยสังเกตเลย เอาไว้วันนี้ถ้ามีอะไรผิดปกติพี่จะรีบโทรแจ้งตำรวจ ขอบใจที่เป็นห่วงนะ"มะเฟืองยกมือไหว้ลาแล้วเดินออกจากร้าน ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้วเลยขอตัวกลับก่อน ส่วนพนักงานอีกคนลาป่วยจึงไม่ได้มาทำงานบ่อยครั้งที่น้ำค้างชะเง้อมองผ่านกระจกใสออกนอกร้าน เพราะคำบอกเล่าของมะเฟืองทำให้เธอเริ่มนึกหวาดกลัว ใจจริงตั้งใจว่าจะกลับตั้งแต่ยี่สิบนาทีที่แล้ว แต่เพราะยังมีเค้กที่อบค้างไว้ในเตาอบยังไม่สุกจึงต้องรอก่อน เพื่อความปลอดภัยน้ำค้างล็อกประตูหน้าร้านเอาไว้ก่อน จนกระทั่งครบกำหนดเวลาที่ตั้งไว้เสียงเตาอบก็ร้องเตือน น้ำค้างรีบเอาขนมออกจากเตาและเก็บเข้าตู้เย็นเอาไว้สำหรับแต่งหน้าพรุ่งนี้เ
หน้าที่ตำแหน่งของชวิณก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ได้ขึ้นเป็นผู้บริหาร ซีวี รอยัล อย่างเต็มตัว หลังจากวันนั้นลิลลี่ก็แวะเวียนมาหาบ้างเป็นบางครั้งแต่ไม่บ่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะทุกครั้งที่มาก็ได้รับแค่ความเฉยชากลับไป นานเข้ากลายเป็นความห่างเหินจนในที่สุดก็หยุดตามตื้อไปเองในระหว่างหลายเดือนที่ผ่านมาชวิณมีงานมากมายจนหาเวลาพักผ่อนแทบไม่ได้ ต้องนอนดึกและตื่นเช้า ส่วนช่วงกลางวันก็หมกหมุ่นอยู่กับการทำงานจนเลยเวลาทานข้าวเที่ยงวันหนึ่งขณะที่พนักงานคนอื่น ๆ ทยอยกลับกันหมดแล้ว ชวิณที่เพิ่งจะเคลียร์งานของตัวเองเสร็จเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า ตั้งใจว่าจะพักสายตาชั่วคราว แต่สมองดันคิดฟุ้งซ่านแต่เรื่องของภรรยาเก่า เขาเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งแล้วดึงลิ้นชักเอากล่องขนมขึ้นมาดู จากนั้นหยิบเสื้อสูทและกระเป๋าเอกสารพร้อมด้วยกล่องขนมติดมือไปด้วยชวิณขับรถมาตามที่อยู่ร้านเบเกอรี พอเห็นร้านลักษณะเหมือนกับที่ปัทมาเคยพูดไว้จึงได้จอดรถนั่งมองอยู่ห่าง ๆ เมื่อเห็นคนคุ้นชินกำลังเปิดประตูเดินออกจากร้านดวงตาคู่คมเบิกกว้างขึ้น"ปิดร้านดึกขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมไม่จ้างคนงานมาช่วยล่ะ เงินก็มีตั้งเยอะนี่"เขาพึ