แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: หวังหนิวตุ้น
ฉันต้องนอนโรงพยาบาลหลายวันเพื่อให้อาการคงที่สักหน่อย

วังหยาง เพื่อนบ้านที่ส่งฉันมาโรงพยาบาล เขากลับมีน้ำใจมาก วิ่งขึ้นวิ่งลง ช่วยฉันเดินเรื่องกระบวนการต่างๆ

“พี่สาว พี่ไม่โทรศัพท์หาสามีพี่หรือครับ”

มือที่ดื่มน้ำของฉันชะงักเล็กน้อย

“ไม่ต้องบอก ฉันเตรียมหย่ากับเขาแล้ว”

วังหยางร้อง “อ๋า” ออกมาครั้งหนึ่ง สีหน้าประดักประเดิด

ฉันรู้สึกผิดอยู่บ้าง

“ขอโทษนะ ฉันไม่ควรจะพูดเรื่องพวกนี้กับนาย”

วังหยางยิ้มร่าเริง โบกมือไปมา บอกไม่เป็นไร

นี่ทำให้ฉันคิดถึงโจวเฉิงอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้แสดงสีหน้าดีๆ ให้ฉันมานานมากแล้ว

ทุกครั้งที่พูดจา ไม่ใช่มีสีหน้าท่าทางหงุดหงิด ก็ขมวดคิ้ว ถลึงตา

ราวกับฉันพูดมากขึ้นสองสามประโยคล้วนเป็นการรบกวนเขา และกำลังสงสัย ไม่ไว้วางใจในตัวเขา

เสียงสั่นของข้อความในโทรศัพท์มือถือดึงความคิดฉันกลับมา

โจวเฉิงส่งรูปมาหนึ่งรูป เป็นผ้าพันคอผ้าไหมน่าเกลียดผืนหนึ่ง

“ซื้อของขวัญวันเกิดให้คุณ พอใจแล้วสินะ”

ฉันมองโลโก้แบรนด์ที่ผ้าพันคอผ้าไหมเผยออกมา แล้วไปเลื่อนดูไทม์ไลน์ของซูอวี่โหรว ก็เห็นกระเป๋าแอร์เมสที่เธอโพสต์ใหม่อย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ

“ตั้งครรภ์แล้วไม่สบาย กระเป๋ารักษาได้ทุกโรค! ขอบคุณของขวัญของอาเฉิง~”

ฉันยิ้มเยาะ ผ้าพันคอผ้าไหมผืนนี้ ว่าแล้วเชียวว่าเป็นสินค้าที่ขายยกชุดพร้อมกับกระเป๋าแบรนด์นี้

คาดว่าน่าเกลียดเกินไป ซูอวี่โหรวไม่ต้องการ โจวเฉิงจึงนำมาเป็นของขวัญให้ฉัน

“ฉันไม่ต้องการ เก็บไว้ให้ซูอวี่โหรวเช็ดกระเป๋าเถอะ”

การตอบกลับของฉันทำให้โจวเฉิงระเบิดอารมณ์ในเสี้ยวพริบตา โทรศัพท์มาด่าทันที

“คุณอย่าเอาแต่ใจ หึงมั่วซั่วแบบนี้จะได้ไหม ผมกับอวี่โหรวเป็นเพื่อนที่คอยสนับสนุน ให้กำลังใจ เข้าใจจิตใจกันและกันเป็นอย่างดี ไม่ใช่ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงอันต่ำทรามอย่างที่คุณคิด

“หากผมมีความรู้สึกอะไรกับอวี่โหรวจริงๆ ยังจะมีโอกาสให้คุณได้แต่งงานกับผมเพื่อเสพสุขด้วยหรือ”

เสพสุขหรือ

สองคำนี้ทำให้ฉันหน้ามืดจริงๆ

ฉันคบหาเป็นแฟนกับโจวเฉิงตอนมหาวิทยาลัยปีสอง ในปีนั้นซูอวี่โหรวเพิ่งไปแลกเปลี่ยนที่ยุโรป

ตอนนั้นฐานะครอบครัวของโจวเฉิงธรรมดามาก ฉันแทบจะไม่ได้เสพสุขอะไรเลย

หลังเรียนจบ เขาก็เริ่มทำธุรกิจ ภายนอกมองดูหรูหรา แต่ความจริงแล้วกลับต้องประหยัดเงินไปเสียทุกอย่าง มักจะตกอยู่ในสภาพอึดอัดเพราะค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลของบริษัท

จนกระทั่งสองปีก่อนหน้านี้ถึงได้ดีขึ้นเพราะธุรกิจประสบความสำเร็จ

แต่ฉันคุ้นชินกับการประหยัด และสงสารโจวเฉิงที่ลำบาก จึงไม่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย และเพราะเรื่องไม่มีลูก วันๆ จึงถูกแม่สามีเร่งรัดและด่าว่า

ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าฉันได้เสพสุขอะไรจากเขา

“พี่สาว ดื่มโจ๊กร้อนๆ หน่อยเถอะครับ”

วังหยางเพิ่งออกไปรับอาหารเดลิเวอรี่ เดินเข้ามา ก็เรียกฉันกิน

เสียงดังเข้าไปในโทรศัพท์มือถือ โจวเฉิงอึ้งไปหลายวินาที และโมโหโดยสมบูรณ์

“ใครอยู่ข้างคุณ เวินฉิง คุณนึกว่าจงใจหาคนมาคนหนึ่งแล้วจะสามารถยั่วยุผมได้หรือ”

“ให้ไอ้ผู้ชายนั่นไสหัวไปเดี๋ยวนี้ อย่ามาทำให้บ้านผมสกปรก!”

ฉันทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว บอกเขาว่า ฉันปวดท้อง กำลังอยู่ที่โรงพยาบาล

โจวเฉิงนิ่งเงียบไปสองวินาที จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา

“ผมรู้แล้ว คุณนี่ไร้เดียงสามากจริงๆ เห็นอวี่โหรวตั้งครรภ์แล้ว ก็ไม่สบายท้อง จึงใช้ลูกไม้แบบเดียวกันมาดึงความสนใจผมสินะ?”

“คุณคงไม่ได้คิดจะบอกว่า คุณก็ตั้งครรภ์ด้วยหรอกนะ คนเขลาเบาปัญญาที่หลับหูหลับตาเลียนแบบผู้อื่น มีแต่จะทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงและขบขัน!”

ฉันบีบโทรศัพท์มือถือแน่น บอกตัวเองไม่หยุดว่า อย่าโมโหเด็ดขาด และไม่ต้องเสียใจ

ตอนนี้ครรภ์ของฉันทนรับความทรมานไม่ไหว

“โจวเฉิง ฉันไม่ได้ต้องการบีบให้คุณกลับมา ขออวยพรให้คุณกับซูอวี่โหรวสนุกนะ ทางฉันก็มีคนดูแล ไม่มีคุณ ก็ยังใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม อีกอย่างยังผ่อนคลายไม่น้อย”

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันตัดสายโทรศัพท์ก่อนโจวเฉิง

เขาส่งข้อความมาชุดใหญ่ด้วยความโมโห พูดไปพูดมา ก็หนีไม่พ้นการโทษฉันว่าชอบหาเรื่อง ไม่มีเหตุผล ต้องทำให้เขาอารมณ์เสียให้ได้

รวมถึงให้ฉันอย่าเสียใจในภายหลัง อย่าไม่ถึงวัน ก็ไปหาเขา ร้องไห้ยอมรับผิด ขอร้องให้เขาให้อภัย

ฉันโยนโทรศัพท์มือถือไปอีกด้าน ยกโจ๊กร้อนๆ ขึ้นมาดื่มทีละคำๆ

สองวันให้หลัง คุณหมอบอกว่าอาการคงที่ สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว

วังหยางขับรถมารับฉัน

ฉันบอกว่ารบกวนเขาเกินไปแล้ว ตัวเองเรียกแท็กซี่กลับไปก็ได้

วังหยางยิ้มแจ่มใส บอกว่าเพื่อนบ้านช่วยกันเล็กน้อย ล้วนเป็นเรื่องสบายๆ ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร

ในใจฉันรู้สึกอึดอัดระลอกหนึ่ง

โจวเฉิงขับรถมารับฉันน้อยมาก

แต่เพียงแค่โทรศัพท์กริ๊งเดียวของซูอวี่โหรว ไกลแค่ไหน เขาก็จะไปรับด้วยตัวเอง

“คุณก็ไม่ใช่ว่าไม่มีรถ ตัวเองขับเองไม่ได้หรือ”

ฉันเพียงแค่บ่นนิดๆ หน่อยๆ ประโยคเดียว ก็ถูกเขาโจมตีกลับมา

“อวี่โหรวไม่มีใบขับขี่ ผมไปรับเธอก็เป็นเรื่องสมควร หากเธอเรียกแท็กซี่แล้วเจอคนไม่ดี คุณจะรับผิดชอบหรือ”

ฉันเพิ่งเปิดประตูรถ กำลังจะเข้าไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ แขนก็ถูกคว้าหมับอย่างแรง

โจวเฉิงยืนอยู่ด้านหลังฉันด้วยสีหน้าทะมึน ฉันถูกทำให้สะดุ้งตกใจ

“คุณมาได้อย่างไรน่ะ”

สองวันนี้ฉันไม่ได้รับข้อความใหม่จากเขา หรือว่าโจวเฉิงจะยังคิดถึงและแคร์ฉันอยู่ เพิ่งกลับประเทศ ก็มารับฉันที่โรงพยาบาล?

เขากวาดตามองวังหยางอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง น้ำเสียงโมโหมาก

“คุณยังจะกล้าพูดอีก ผมกลับถึงบ้าน อาหารเต็มโต๊ะล้วนขึ้นราและส่งกลิ่นเหม็นแล้ว!”

“เวินฉิง สรุปว่าคุณทำอะไรได้บ้างห๊ะ แม่บ้านครอบครัวอื่น อย่างน้อยก็สามารถดูแลลูก ทำงานบ้านได้ ส่วนคุณคลอดลูกไม่ได้สักคน ตอนนี้กระทั่งเรื่องต่างๆ ในชีวิตประจำวันของผม คุณก็จะไม่ปรนนิบัติแล้วใช่ไหม”

การตำหนิเหล่านี้ทำลายความคิดเพ้อเจ้อสุดท้ายทั้งหมดของฉัน

ฉันดึงมือเขาออก น้ำเสียงเย็นชา

“ฉันไม่ได้บอกหรือว่าตัวเองนอนโรงพยาบาล กับภรรยาตัวเอง กับคนไข้คนหนึ่ง คุณไม่มีความเป็นห่วงสักนิด มีแต่จะโทษว่าฉันไม่เก็บกวาด ทำงานบ้านหรือ”

โจวเฉิงพิจารณามองฉันขึ้นๆ ลงๆ ด้วยแววตาสงสัย “ผมเห็นว่าสีหน้าคุณดีมาก ป่วยอะไรที่ไหน อย่าแสร้งทำอีกเลย!”

หลายวันมานี้ ต้องขอบคุณที่วังหยางวิ่งขึ้นวิ่งลง นำซุปตุ๋นและของบำรุงมาให้ฉันดื่มทุกวัน

ถึงได้รักษาใบหน้าซีดเหลืองของฉันให้ดีขึ้นเล็กน้อย

คราวนี้เขาได้ยินคำพูดของโจวเฉิง ก็ลงจากรถ คิดจะอธิบายแทนฉัน

ฉันส่ายหน้าเบาๆ หยุดเขา ให้เขาไปก่อน

แต่ที่ฉันคิดไม่ถึงก็คือ โจวเฉิงไม่ได้พาฉันกลับบ้านพักผ่อน แต่จอดรถอยู่นอกบาร์แทน

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ก็แค่มีลูกกับคนอื่น ถึงขั้นต้องหย่าเลยเหรอ?   บทที่ 3

    “คืนนี้อวี่โหรวเชิญเพื่อนๆ มาปาร์ตี้ ฉลองที่เธอตั้งครรภ์”ไม่รอให้ฉันปฏิเสธ โจวเฉิงก็ตัดทางถอยของฉันก่อน“เธอคิดถึงคุณมาก อยากให้คุณมาแสดงความยินดีด้วย คุณอย่าได้ไม่รู้จักดีชั่วเชียว!”ฉันยิ้มเยาะ บอกว่าได้ถึงอย่างไร หัวใจฉันก็ตายไปแล้ว ทนายที่จะจัดการเรื่องหย่าก็ติดต่อเรียบร้อยแล้วไม่มีทางถูกวิธีการเหล่านั้นของซูอวี่โหรวทำร้ายได้อีกเข้าไปนั่งในห้องส่วนตัว ซูอวี่โหรวที่แต่งตัวจัดเต็มมาสายฉันนอนโรงพยาบาลหลายวัน ไม่ทันได้เตรียมตัวสักนิด หน้าตาไม่เรียบร้อย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเมื่อเทียบกันแล้ว เธอเหมือนดอกไม้สดสวยพร่างพราวผู้คนรอบด้านพากันสรรเสริญเยินยอ ชมเชยกันไม่ขาดปาก“แนวคิดของจิตรกรสาวสวยของพวกเราทันสมัย ปฏิเสธคนตามจีบเยอะขนาดนั้น เพียงเพราะตัวเองอยากเป็นคุณแม่ยังโสด”“ใครให้อวี่โหรวมีเงินและมีเวลาว่างล่ะ คนเดียวก็เลี้ยงลูกได้นะ~ไม่ใช่หญิงแก่หน้าเหลืองที่ยื่นมือขอเงินสามีพวกนั้นนี่!”สายตาผู้คนรอบๆ คล้ายจะมองและไม่ได้มองมาทางฉัน แฝงไปด้วยแววเสียดสี เห็นเป็นเรื่องตลกซูอวี่โหรวยิ้มแล้วสั่งเหล้ามามากมาย บอกว่าคืนนี้เธอเลี้ยงเองทุกคนแนะนำว่า ไม่สู้เล่น Truth or dare

  • ก็แค่มีลูกกับคนอื่น ถึงขั้นต้องหย่าเลยเหรอ?   บทที่ 4

    โจวเฉิงตะลึงไปหลายวินาที แล้วรีบย่อตัวลงมากอดฉันเอาไว้ล้มนิดเดียว ทำไมเลือดออกได้”ฉันลองคิดจะลุกขึ้น แต่กลับเหงื่อออกท่วมตัว ริมฝีปากสั่นระริกขึ้นมา“รีบโทรหา 120 ส่งฉันไปโรงพยาบาลเร็วเข้า!”ซูอวี่โหรวแหวกกลุ่มคน เดินเข้ามา “พวกเธออย่าทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม นี่ประจำเดือนมาแล้วสินะ”เธอบอกว่าฉันโอเวอร์แอคติ้งเกินไป หากรู้สึกไม่สบาย จะกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนก็ได้สีหน้าโจวเฉิงเปลี่ยนเป็นผิดหวังมาก“คุณไม่ได้ตั้งครรภ์อย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ”ฉันคิดจะอธิบาย แต่ความเจ็บปวดรุนแรงระลอกหนึ่งที่ท้องน้อย บีบให้ฉันต้องกัดฟันแน่น ถึงจะสามารถทนได้สุดท้ายโจวเฉิงก็คว้าตัวฉันขึ้นมา เดินไปทางนอกประตู พลางเอ่ยว่า เขายังต้องรั้งอยู่เป็นเพื่อนซูอวี่โหรว และจะช่วยฉันเรียกรถกลับบ้านเมื่อประตูเปิดออก ฉันกับวังหยางทักทายกันเขาส่งเสียง “ไง” บอกว่าทำไมพี่ฉิงถึงมาเที่ยวเล่นที่บาร์กันแต่เขาก็สังเกตเห็นรอยเลือดที่มากขึ้นเรื่อยๆ บนกางเกงฉันได้ทันที จึงมีสีหน้าเปลี่ยนไป“ทำไมถึงเลือดออกอีกแล้ว คุณหมอกำชับแล้วไม่ใช่หรือว่า ให้พี่ดูแลครรภ์ให้ดี!”ด้วยความเร่งรีบ เขาตะโกนเสียงดังมาก โจวเฉิงและกลุ่มคนท

  • ก็แค่มีลูกกับคนอื่น ถึงขั้นต้องหย่าเลยเหรอ?   บทที่ 5

    วังหยางก็ค้นพบอาหารที่โจวเฉิงซื้อมาเช่นกัน จึงตะลึงอยู่บ้าง“อาหารของร้านอาหารละแวกโรงพยาบาลมีเยอะมากที่เหมาะจะให้คนป่วยกิน พี่ชาย คุณสามารถเลือกร้านที่ไม่เหมาะสมที่สุดออกมาได้ ก็ยอดเยี่ยมจริงๆ!”ฉันเห็นโจวเฉิงขบกรามแน่น อดทนอดกลั้นจึงไม่ได้บันดาลโทสะ เพียงแต่เอ่ยเสียงอึมครึมว่า หลังจากนี้ เขาจะเข้าครัวทำอาหารให้ฉันกินด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้วังหยางยุ่งเรื่องคนอื่นวังหยางไม่ยอมถอยให้สักนิดเดียว บอกตรงๆ ว่าเขาไม่วางใจ“ผมดูแลพี่สาวเป็นอย่างดีจนออกจากโรงพยาบาล ไม่ถึงวันหนึ่ง คนก็แท้งลูกเสียแล้ว คุณไม่มีความน่าเชื่อถือเลยด้วยซ้ำ”โจวเฉิงขมวดคิ้วแน่น “เวินฉิงเป็นภรรยาฉัน นายจะทำดีหวังผลอะไร ไม่รู้ว่าต้องรักษาระยะห่างกับผู้หญิงที่มีสามีหรอกหรือ”ฉันวางช้อนอย่างแรง น้ำเสียงแดกดัน“คุณมีสิทธิ์อะไรไปว่าคนอื่น ใครจะไม่มีขอบเขตไปกว่าคุณอีก อาศัยเด็กหลอดแก้วให้คนอื่นคลอดลูกแล้วยังไม่รู้สึกว่าล้ำเส้น”วังหยางเบิกตากว้าง เหลือบมองโจวเฉิงด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเหลือเชื่อหลายครั้งโจวเฉิงอดกลั้นจนหน้าดำหน้าแดง หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงกระแทกประตูจากไปแล้ว แต่วันนี้ถึงกับสามารถทนได้ นั่งลงบน

  • ก็แค่มีลูกกับคนอื่น ถึงขั้นต้องหย่าเลยเหรอ?   บทที่ 6

    เผชิญหน้ากับการถามด้วยท่าทางเปี่ยมไปด้วยเหตุผลของโจวเฉิง ฉันไม่มีอารมณ์จะแยกแยะวิเคราะห์อะไรอีกเขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองผิด“หนึ่งนาทีสามารถปริ้นท์ข้อตกลงการแต่งงานออกมาได้หนึ่งร้อยฉบับ คุณหลบเลี่ยงไป ก็ไม่มีประโยชน์”โจวเฉิงลุกขึ้นด้วยความโมโห เก้าอี้ล้มกระแทกพื้นดังตึงเขาเดินวนไปวนมาเหมือนสุนัขที่อารมณ์พลุ่งพล่าน พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้สงบ“ภรรยา หากคุณถือสาจริงๆ ผมสามารถเขียนหนังสือรับประกัน ทำพินัยกรรมก็ได้! ผมรับรองว่าจะไม่ยอมรับลูกของอวี่โหรว และไม่มีทางมอบทรัพย์สินให้เด็กสืบทอด แบบนี้คุณคงวางใจได้แล้วสินะ”ฉันถอนหายใจยาวทำไมตลอดมาเขาถึงไม่เข้าใจเลยนะว่า ทรัพย์สินสามารถทำพินัยกรรมได้ ตัวอักษรสีดำเขียนชัดบนกระดาษสีขาวแต่ความรู้สึกล่ะความรู้สึกสามารถพูดว่าไม่ให้ก็ไม่ให้ได้หรือหลังจากนั้นเห็นเด็กโตขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นยิ่งเหมือนตัวเองขึ้นเรื่อยๆเลือดข้นกว่าน้ำ จะไม่หวั่นไหวได้อย่างไรหากฉันยังเชื่อใจอีก เช่นนั้นก็เป็นคนที่โง่ที่สุดในโลกแล้ว“โจวเฉิง คุณยินยอมปกป้องใครสิบปี ยินยอมมีลูกกับใคร ยินยอมให้เงินใครใช้ ฉันล้วนไม่แคร์”“ฉันรักคุณมาแปดปีแล้ว ถึงขั้นยอมอดท

  • ก็แค่มีลูกกับคนอื่น ถึงขั้นต้องหย่าเลยเหรอ?   บทที่ 7

    ฉันไม่รู้เรื่องนี้เลยสักนิดจริงๆครุ่นคิดให้ละเอียด วังหยางที่ยังเป็นวัยรุ่นอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่คนเดียว ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย ก็อาศัยอยู่ที่คอนโดด้านนอก ฐานะครอบครัวไม่ธรรมดาจริงๆแต่อย่างไร ฉันก็ไม่ได้คิดเชื่อมโยงทางที่เขาเป็นลูกชายของประธานบริษัทแห่งนี้เลยเพิ่งเอ่ยถึงเขา วังหยางก็เรียกฉันไปที่ห้องทำงานรอบหนึ่งได้สติกลับคืนมา ถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีเรื่องสำคัญต้องรายงานบริษัทของครอบครัววังหยางทำการค้าวัตถุโบราณของล้ำค่าระดับไฮเอนด์โดยเฉพาะ ในภายหลังเขาเปิดบริษัทผลงานทางด้านศิลปะยุคปัจจุบันอีกแห่งด้วยตัวเองแม้ว่าบริษัทใหม่จะรวมผลงานทางด้านศิลปะกับเครื่องประดับอัญมณีอันทันสมัยจะไม่ได้ซื้อขายด้วยเงินก้อนโตเป็นประจำเหมือนสินค้าระดับไฮเอนด์ แต่บุกเบิกตลาดใหม่ ทำได้ไม่เลวยิ่งที่บังเอิญก็คือ ภาพวาดหลายชิ้นของซูอวี่โหรวก็ดำเนินการประมูลที่นี่ด้วย ราคายังไม่น้อย ล้วนประมาณแสนหยวนอีกอย่างก็ค้นพบปัญหาของเธอพอดีภาพของเธอ เลียนแบบการผสมผสานจากผลงานของจิตรกรตัวเล็กๆ หลายคนก่อนหน้านี้ไม่ถูกพบโดยการประเมิน แต่กลับถูกจับออกมาได้จากข้อมูลที่ฉันนำมาใช้“ผู้จัดการวัง ฉันคิดว่า หาก

  • ก็แค่มีลูกกับคนอื่น ถึงขั้นต้องหย่าเลยเหรอ?   บทที่ 8

    ฉันครุ่นคิดเล็กน้อย ก็เข้าใจแล้ว วันนี้โจวเฉิงจะต้องมาแสร้งทำเป็นมีความรู้สึกลึกซึ้งใต้อาคารบริษัทอีกแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับซูอวี่โหรวเขาน่าจะแสดงตัวกับประชาสัมพันธ์ว่าเป็นสามีของฉัน ดังนั้นถึงเข้ามาได้สำหรับการปรากฏตัวของโจวเฉิง ซูอวี่โหรวก็ตะลึงมากเช่นกันหลังตะลึง เธอก็โกรธกว่าเดิม เล่าเรื่องที่ฉันรังแกเธออีกรอบ“เวินฉิงริษยาที่คุณดีกับฉันมาตลอด จะต้องฉวยโอกาสนี้แก้แค้นฉันแน่นอน!”เผชิญหน้ากับสายตาซุบซิบนินทารอบด้าน โจวเฉิงจึงโมโหเพราะอับอายอยู่บ้าง“คุณพูดเหลวไหลอะไรน่ะ เสี่ยวฉิงไม่ใช่คนประเภทนั้น! อีกอย่างเรื่องประเภทนี้จะใช่เรื่องที่เธอซึ่งเป็นพนักงานตัวเล็กๆ มีอำนาจตัดสินใจได้หรือ”ซูอวี่โหรวเบิกตากว้างอย่างตะลึง ราวกับรู้จักโจวเฉิงเป็นครั้งแรก“คุณถึงกับช่วยเธอ ไม่เชื่อฉันหรือ”ฉันกอดอก มองสองคนนี้ทะเลาะกันด้วยสายตาเย็นชาไม่ต้องพูดถึงซูอวี่โหรว กระทั่งฉันก็ยังประหลาดใจเล็กน้อย โจวเฉิงถึงกับไม่ได้ช่วยอีกฝ่ายโดยไม่แยกแยะถูกผิดหากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน เขาต้องด่าฉันเปิงไปนานแล้ว“อวี่โหรว คุณอย่าอ่อนไหวขนาดนี้จะได้ไหม มีปัญหาอะไร ทุกคนสามารถคุยกันดีๆ ได้ คุณ

  • ก็แค่มีลูกกับคนอื่น ถึงขั้นต้องหย่าเลยเหรอ?   บทที่ 9

    วันนั้น หลังจากโจวเฉิงกับซูอวี่โหรวถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่วังหยางเรียกมาไล่ออกจากบริษัทไปอย่างเศร้าหมอง ก็ยุติการวิพากษ์วิจารณ์ไปหลายเดือนเดิมฉันยังแปลกๆ ทำไมสองคนนี้ถึงสามารถหยุดการหาเรื่องได้ขนาดนี้เสียทีที่ฉันเตรียมตัวต่อสู้กับสงครามยืดเยื้อนี้เรียบร้อยผลก็คือ ดูเหมือนบริษัทของโจวเฉิงจะเกิดปัญหา เขายุ่งจนหัวหมุนแต่สถานการณ์คล้ายจะไม่ดียิ่ง เพราะมีครั้งหนึ่งที่ซูอวี่โหรวส่งข้อความ ระเบิดอารมณ์ด่าประจานฉันอย่างบ้าคลั่งเธอถามฉันว่าไปพูดอะไรกับโจวเฉิงอีกใช่ไหม บีบให้เขายึดห้องสตูดิโอศิลปะที่เขาให้ก่อนหน้านี้คืนไปฉันไม่ตอบ เพียงแค่แคปรูปลงไทม์ไลน์ทันที“ที่แท้สตูดิโอส่วนตัวที่จิตรกรซูคุยโวมาตลอดนั้นมีสามีฉันเป็นคนซื้อให้หรือ มีเวลาว่างมาบ้าๆ บอๆ ใส่ฉัน ไม่สู้คิดว่าจะเร่งให้โจวเฉิงรีบเซ็นหนังสือข้อตกลงการหย่าอย่างไรจะดีกว่า”ฉันกับซูอวี่โหรวมีเพื่อนร่วมกันไม่น้อย ตอนแรกเป็นเธอที่ให้คนเหล่านั้นเพิ่มฉันเป็นเพื่อน เพื่อที่จะร่วมมือกันทำให้ฉันโมโหเป็นสองเท่าตอนนี้ฉันโพสต์ไทม์ไลน์ ก็ให้คนที่ประจบเธอมาตลอดได้เห็นพอดีควรจะถึงคราวเธอถูกความพ่ายแพ้ทำให้โมโหจนตายแล้วโพ

  • ก็แค่มีลูกกับคนอื่น ถึงขั้นต้องหย่าเลยเหรอ?   บทที่ 10

    เห็นรถรีบร้อนขับออกไป ความรู้สึกติดขัดที่ติดอยู่ในใจฉันมาตลอด ก็คล้ายจะหายไปทันทีน่าจะเป็นเพราะฉันรู้ว่า ในที่สุดตัวเองก็อยู่ห่างจากคนชั้นต่ำกลุ่มนี้ได้แล้วนี่คือของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดที่พระเจ้ามอบให้ฉันว่าแล้วเชียว ซูอวี่โหรวคลอดลูกชายก่อนกำหนดออกมาคนหนึ่งแต่ว่าเด็กแข็งแรงมาก ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงในที่สุดโจวเฉิงก็ยอมเซ็นชื่อในหนังสือข้อตกลงการหย่าแล้วตอนที่เดินออกจากสำนักกิจการพลเรือน เขาเรียกฉันเอาไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สมัครใจ“เวินฉิง คุณคบชู้กับวังหยางนานแล้วใช่ไหม ดังนั้นถึงได้ดื้อดึงที่จะบีบให้ผมหย่า”ฉันบอกเขาว่า แม้จะรู้นานแล้วว่ามีเพื่อนบ้านใหม่ย้ายมาอยู่ที่ห้องข้างๆ แต่ครั้งแรกที่มีภาวะแท้งคุกคาม ต้องไปโรงพยาบาลวันนั้น ถึงเป็นวันที่ฉันกับวังหยางคุยกันอย่างเป็นทางการฉันทำอะไรล้วนโปร่งใส ไม่มีสิ่งใดให้ละอาย แม้ว่าพระเจ้าจะเป็นคนมาถาม ก็ล้วนเป็นคำตอบนี้“โจวเฉิง คุณล่ะ คุณแค่ปกป้องซูอวี่โหรวอย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ หรือ หลายปีมานี้ไม่มีการอยู่ร่วมกันและความคิดที่ล้ำเส้นเลยแม้แต่น้อย?”โจวเฉิงอ้าปาก ยังไม่ได้พูด ก็ถูกฉันตัดบทแล้ว“คุณไม่ต้องตอบคำถาม ในใจฉ

บทล่าสุด

  • ก็แค่มีลูกกับคนอื่น ถึงขั้นต้องหย่าเลยเหรอ?   บทที่ 10

    เห็นรถรีบร้อนขับออกไป ความรู้สึกติดขัดที่ติดอยู่ในใจฉันมาตลอด ก็คล้ายจะหายไปทันทีน่าจะเป็นเพราะฉันรู้ว่า ในที่สุดตัวเองก็อยู่ห่างจากคนชั้นต่ำกลุ่มนี้ได้แล้วนี่คือของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดที่พระเจ้ามอบให้ฉันว่าแล้วเชียว ซูอวี่โหรวคลอดลูกชายก่อนกำหนดออกมาคนหนึ่งแต่ว่าเด็กแข็งแรงมาก ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงในที่สุดโจวเฉิงก็ยอมเซ็นชื่อในหนังสือข้อตกลงการหย่าแล้วตอนที่เดินออกจากสำนักกิจการพลเรือน เขาเรียกฉันเอาไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สมัครใจ“เวินฉิง คุณคบชู้กับวังหยางนานแล้วใช่ไหม ดังนั้นถึงได้ดื้อดึงที่จะบีบให้ผมหย่า”ฉันบอกเขาว่า แม้จะรู้นานแล้วว่ามีเพื่อนบ้านใหม่ย้ายมาอยู่ที่ห้องข้างๆ แต่ครั้งแรกที่มีภาวะแท้งคุกคาม ต้องไปโรงพยาบาลวันนั้น ถึงเป็นวันที่ฉันกับวังหยางคุยกันอย่างเป็นทางการฉันทำอะไรล้วนโปร่งใส ไม่มีสิ่งใดให้ละอาย แม้ว่าพระเจ้าจะเป็นคนมาถาม ก็ล้วนเป็นคำตอบนี้“โจวเฉิง คุณล่ะ คุณแค่ปกป้องซูอวี่โหรวอย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ หรือ หลายปีมานี้ไม่มีการอยู่ร่วมกันและความคิดที่ล้ำเส้นเลยแม้แต่น้อย?”โจวเฉิงอ้าปาก ยังไม่ได้พูด ก็ถูกฉันตัดบทแล้ว“คุณไม่ต้องตอบคำถาม ในใจฉ

  • ก็แค่มีลูกกับคนอื่น ถึงขั้นต้องหย่าเลยเหรอ?   บทที่ 9

    วันนั้น หลังจากโจวเฉิงกับซูอวี่โหรวถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่วังหยางเรียกมาไล่ออกจากบริษัทไปอย่างเศร้าหมอง ก็ยุติการวิพากษ์วิจารณ์ไปหลายเดือนเดิมฉันยังแปลกๆ ทำไมสองคนนี้ถึงสามารถหยุดการหาเรื่องได้ขนาดนี้เสียทีที่ฉันเตรียมตัวต่อสู้กับสงครามยืดเยื้อนี้เรียบร้อยผลก็คือ ดูเหมือนบริษัทของโจวเฉิงจะเกิดปัญหา เขายุ่งจนหัวหมุนแต่สถานการณ์คล้ายจะไม่ดียิ่ง เพราะมีครั้งหนึ่งที่ซูอวี่โหรวส่งข้อความ ระเบิดอารมณ์ด่าประจานฉันอย่างบ้าคลั่งเธอถามฉันว่าไปพูดอะไรกับโจวเฉิงอีกใช่ไหม บีบให้เขายึดห้องสตูดิโอศิลปะที่เขาให้ก่อนหน้านี้คืนไปฉันไม่ตอบ เพียงแค่แคปรูปลงไทม์ไลน์ทันที“ที่แท้สตูดิโอส่วนตัวที่จิตรกรซูคุยโวมาตลอดนั้นมีสามีฉันเป็นคนซื้อให้หรือ มีเวลาว่างมาบ้าๆ บอๆ ใส่ฉัน ไม่สู้คิดว่าจะเร่งให้โจวเฉิงรีบเซ็นหนังสือข้อตกลงการหย่าอย่างไรจะดีกว่า”ฉันกับซูอวี่โหรวมีเพื่อนร่วมกันไม่น้อย ตอนแรกเป็นเธอที่ให้คนเหล่านั้นเพิ่มฉันเป็นเพื่อน เพื่อที่จะร่วมมือกันทำให้ฉันโมโหเป็นสองเท่าตอนนี้ฉันโพสต์ไทม์ไลน์ ก็ให้คนที่ประจบเธอมาตลอดได้เห็นพอดีควรจะถึงคราวเธอถูกความพ่ายแพ้ทำให้โมโหจนตายแล้วโพ

  • ก็แค่มีลูกกับคนอื่น ถึงขั้นต้องหย่าเลยเหรอ?   บทที่ 8

    ฉันครุ่นคิดเล็กน้อย ก็เข้าใจแล้ว วันนี้โจวเฉิงจะต้องมาแสร้งทำเป็นมีความรู้สึกลึกซึ้งใต้อาคารบริษัทอีกแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับซูอวี่โหรวเขาน่าจะแสดงตัวกับประชาสัมพันธ์ว่าเป็นสามีของฉัน ดังนั้นถึงเข้ามาได้สำหรับการปรากฏตัวของโจวเฉิง ซูอวี่โหรวก็ตะลึงมากเช่นกันหลังตะลึง เธอก็โกรธกว่าเดิม เล่าเรื่องที่ฉันรังแกเธออีกรอบ“เวินฉิงริษยาที่คุณดีกับฉันมาตลอด จะต้องฉวยโอกาสนี้แก้แค้นฉันแน่นอน!”เผชิญหน้ากับสายตาซุบซิบนินทารอบด้าน โจวเฉิงจึงโมโหเพราะอับอายอยู่บ้าง“คุณพูดเหลวไหลอะไรน่ะ เสี่ยวฉิงไม่ใช่คนประเภทนั้น! อีกอย่างเรื่องประเภทนี้จะใช่เรื่องที่เธอซึ่งเป็นพนักงานตัวเล็กๆ มีอำนาจตัดสินใจได้หรือ”ซูอวี่โหรวเบิกตากว้างอย่างตะลึง ราวกับรู้จักโจวเฉิงเป็นครั้งแรก“คุณถึงกับช่วยเธอ ไม่เชื่อฉันหรือ”ฉันกอดอก มองสองคนนี้ทะเลาะกันด้วยสายตาเย็นชาไม่ต้องพูดถึงซูอวี่โหรว กระทั่งฉันก็ยังประหลาดใจเล็กน้อย โจวเฉิงถึงกับไม่ได้ช่วยอีกฝ่ายโดยไม่แยกแยะถูกผิดหากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน เขาต้องด่าฉันเปิงไปนานแล้ว“อวี่โหรว คุณอย่าอ่อนไหวขนาดนี้จะได้ไหม มีปัญหาอะไร ทุกคนสามารถคุยกันดีๆ ได้ คุณ

  • ก็แค่มีลูกกับคนอื่น ถึงขั้นต้องหย่าเลยเหรอ?   บทที่ 7

    ฉันไม่รู้เรื่องนี้เลยสักนิดจริงๆครุ่นคิดให้ละเอียด วังหยางที่ยังเป็นวัยรุ่นอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่คนเดียว ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย ก็อาศัยอยู่ที่คอนโดด้านนอก ฐานะครอบครัวไม่ธรรมดาจริงๆแต่อย่างไร ฉันก็ไม่ได้คิดเชื่อมโยงทางที่เขาเป็นลูกชายของประธานบริษัทแห่งนี้เลยเพิ่งเอ่ยถึงเขา วังหยางก็เรียกฉันไปที่ห้องทำงานรอบหนึ่งได้สติกลับคืนมา ถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีเรื่องสำคัญต้องรายงานบริษัทของครอบครัววังหยางทำการค้าวัตถุโบราณของล้ำค่าระดับไฮเอนด์โดยเฉพาะ ในภายหลังเขาเปิดบริษัทผลงานทางด้านศิลปะยุคปัจจุบันอีกแห่งด้วยตัวเองแม้ว่าบริษัทใหม่จะรวมผลงานทางด้านศิลปะกับเครื่องประดับอัญมณีอันทันสมัยจะไม่ได้ซื้อขายด้วยเงินก้อนโตเป็นประจำเหมือนสินค้าระดับไฮเอนด์ แต่บุกเบิกตลาดใหม่ ทำได้ไม่เลวยิ่งที่บังเอิญก็คือ ภาพวาดหลายชิ้นของซูอวี่โหรวก็ดำเนินการประมูลที่นี่ด้วย ราคายังไม่น้อย ล้วนประมาณแสนหยวนอีกอย่างก็ค้นพบปัญหาของเธอพอดีภาพของเธอ เลียนแบบการผสมผสานจากผลงานของจิตรกรตัวเล็กๆ หลายคนก่อนหน้านี้ไม่ถูกพบโดยการประเมิน แต่กลับถูกจับออกมาได้จากข้อมูลที่ฉันนำมาใช้“ผู้จัดการวัง ฉันคิดว่า หาก

  • ก็แค่มีลูกกับคนอื่น ถึงขั้นต้องหย่าเลยเหรอ?   บทที่ 6

    เผชิญหน้ากับการถามด้วยท่าทางเปี่ยมไปด้วยเหตุผลของโจวเฉิง ฉันไม่มีอารมณ์จะแยกแยะวิเคราะห์อะไรอีกเขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองผิด“หนึ่งนาทีสามารถปริ้นท์ข้อตกลงการแต่งงานออกมาได้หนึ่งร้อยฉบับ คุณหลบเลี่ยงไป ก็ไม่มีประโยชน์”โจวเฉิงลุกขึ้นด้วยความโมโห เก้าอี้ล้มกระแทกพื้นดังตึงเขาเดินวนไปวนมาเหมือนสุนัขที่อารมณ์พลุ่งพล่าน พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้สงบ“ภรรยา หากคุณถือสาจริงๆ ผมสามารถเขียนหนังสือรับประกัน ทำพินัยกรรมก็ได้! ผมรับรองว่าจะไม่ยอมรับลูกของอวี่โหรว และไม่มีทางมอบทรัพย์สินให้เด็กสืบทอด แบบนี้คุณคงวางใจได้แล้วสินะ”ฉันถอนหายใจยาวทำไมตลอดมาเขาถึงไม่เข้าใจเลยนะว่า ทรัพย์สินสามารถทำพินัยกรรมได้ ตัวอักษรสีดำเขียนชัดบนกระดาษสีขาวแต่ความรู้สึกล่ะความรู้สึกสามารถพูดว่าไม่ให้ก็ไม่ให้ได้หรือหลังจากนั้นเห็นเด็กโตขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นยิ่งเหมือนตัวเองขึ้นเรื่อยๆเลือดข้นกว่าน้ำ จะไม่หวั่นไหวได้อย่างไรหากฉันยังเชื่อใจอีก เช่นนั้นก็เป็นคนที่โง่ที่สุดในโลกแล้ว“โจวเฉิง คุณยินยอมปกป้องใครสิบปี ยินยอมมีลูกกับใคร ยินยอมให้เงินใครใช้ ฉันล้วนไม่แคร์”“ฉันรักคุณมาแปดปีแล้ว ถึงขั้นยอมอดท

  • ก็แค่มีลูกกับคนอื่น ถึงขั้นต้องหย่าเลยเหรอ?   บทที่ 5

    วังหยางก็ค้นพบอาหารที่โจวเฉิงซื้อมาเช่นกัน จึงตะลึงอยู่บ้าง“อาหารของร้านอาหารละแวกโรงพยาบาลมีเยอะมากที่เหมาะจะให้คนป่วยกิน พี่ชาย คุณสามารถเลือกร้านที่ไม่เหมาะสมที่สุดออกมาได้ ก็ยอดเยี่ยมจริงๆ!”ฉันเห็นโจวเฉิงขบกรามแน่น อดทนอดกลั้นจึงไม่ได้บันดาลโทสะ เพียงแต่เอ่ยเสียงอึมครึมว่า หลังจากนี้ เขาจะเข้าครัวทำอาหารให้ฉันกินด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้วังหยางยุ่งเรื่องคนอื่นวังหยางไม่ยอมถอยให้สักนิดเดียว บอกตรงๆ ว่าเขาไม่วางใจ“ผมดูแลพี่สาวเป็นอย่างดีจนออกจากโรงพยาบาล ไม่ถึงวันหนึ่ง คนก็แท้งลูกเสียแล้ว คุณไม่มีความน่าเชื่อถือเลยด้วยซ้ำ”โจวเฉิงขมวดคิ้วแน่น “เวินฉิงเป็นภรรยาฉัน นายจะทำดีหวังผลอะไร ไม่รู้ว่าต้องรักษาระยะห่างกับผู้หญิงที่มีสามีหรอกหรือ”ฉันวางช้อนอย่างแรง น้ำเสียงแดกดัน“คุณมีสิทธิ์อะไรไปว่าคนอื่น ใครจะไม่มีขอบเขตไปกว่าคุณอีก อาศัยเด็กหลอดแก้วให้คนอื่นคลอดลูกแล้วยังไม่รู้สึกว่าล้ำเส้น”วังหยางเบิกตากว้าง เหลือบมองโจวเฉิงด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเหลือเชื่อหลายครั้งโจวเฉิงอดกลั้นจนหน้าดำหน้าแดง หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงกระแทกประตูจากไปแล้ว แต่วันนี้ถึงกับสามารถทนได้ นั่งลงบน

  • ก็แค่มีลูกกับคนอื่น ถึงขั้นต้องหย่าเลยเหรอ?   บทที่ 4

    โจวเฉิงตะลึงไปหลายวินาที แล้วรีบย่อตัวลงมากอดฉันเอาไว้ล้มนิดเดียว ทำไมเลือดออกได้”ฉันลองคิดจะลุกขึ้น แต่กลับเหงื่อออกท่วมตัว ริมฝีปากสั่นระริกขึ้นมา“รีบโทรหา 120 ส่งฉันไปโรงพยาบาลเร็วเข้า!”ซูอวี่โหรวแหวกกลุ่มคน เดินเข้ามา “พวกเธออย่าทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม นี่ประจำเดือนมาแล้วสินะ”เธอบอกว่าฉันโอเวอร์แอคติ้งเกินไป หากรู้สึกไม่สบาย จะกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนก็ได้สีหน้าโจวเฉิงเปลี่ยนเป็นผิดหวังมาก“คุณไม่ได้ตั้งครรภ์อย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ”ฉันคิดจะอธิบาย แต่ความเจ็บปวดรุนแรงระลอกหนึ่งที่ท้องน้อย บีบให้ฉันต้องกัดฟันแน่น ถึงจะสามารถทนได้สุดท้ายโจวเฉิงก็คว้าตัวฉันขึ้นมา เดินไปทางนอกประตู พลางเอ่ยว่า เขายังต้องรั้งอยู่เป็นเพื่อนซูอวี่โหรว และจะช่วยฉันเรียกรถกลับบ้านเมื่อประตูเปิดออก ฉันกับวังหยางทักทายกันเขาส่งเสียง “ไง” บอกว่าทำไมพี่ฉิงถึงมาเที่ยวเล่นที่บาร์กันแต่เขาก็สังเกตเห็นรอยเลือดที่มากขึ้นเรื่อยๆ บนกางเกงฉันได้ทันที จึงมีสีหน้าเปลี่ยนไป“ทำไมถึงเลือดออกอีกแล้ว คุณหมอกำชับแล้วไม่ใช่หรือว่า ให้พี่ดูแลครรภ์ให้ดี!”ด้วยความเร่งรีบ เขาตะโกนเสียงดังมาก โจวเฉิงและกลุ่มคนท

  • ก็แค่มีลูกกับคนอื่น ถึงขั้นต้องหย่าเลยเหรอ?   บทที่ 3

    “คืนนี้อวี่โหรวเชิญเพื่อนๆ มาปาร์ตี้ ฉลองที่เธอตั้งครรภ์”ไม่รอให้ฉันปฏิเสธ โจวเฉิงก็ตัดทางถอยของฉันก่อน“เธอคิดถึงคุณมาก อยากให้คุณมาแสดงความยินดีด้วย คุณอย่าได้ไม่รู้จักดีชั่วเชียว!”ฉันยิ้มเยาะ บอกว่าได้ถึงอย่างไร หัวใจฉันก็ตายไปแล้ว ทนายที่จะจัดการเรื่องหย่าก็ติดต่อเรียบร้อยแล้วไม่มีทางถูกวิธีการเหล่านั้นของซูอวี่โหรวทำร้ายได้อีกเข้าไปนั่งในห้องส่วนตัว ซูอวี่โหรวที่แต่งตัวจัดเต็มมาสายฉันนอนโรงพยาบาลหลายวัน ไม่ทันได้เตรียมตัวสักนิด หน้าตาไม่เรียบร้อย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเมื่อเทียบกันแล้ว เธอเหมือนดอกไม้สดสวยพร่างพราวผู้คนรอบด้านพากันสรรเสริญเยินยอ ชมเชยกันไม่ขาดปาก“แนวคิดของจิตรกรสาวสวยของพวกเราทันสมัย ปฏิเสธคนตามจีบเยอะขนาดนั้น เพียงเพราะตัวเองอยากเป็นคุณแม่ยังโสด”“ใครให้อวี่โหรวมีเงินและมีเวลาว่างล่ะ คนเดียวก็เลี้ยงลูกได้นะ~ไม่ใช่หญิงแก่หน้าเหลืองที่ยื่นมือขอเงินสามีพวกนั้นนี่!”สายตาผู้คนรอบๆ คล้ายจะมองและไม่ได้มองมาทางฉัน แฝงไปด้วยแววเสียดสี เห็นเป็นเรื่องตลกซูอวี่โหรวยิ้มแล้วสั่งเหล้ามามากมาย บอกว่าคืนนี้เธอเลี้ยงเองทุกคนแนะนำว่า ไม่สู้เล่น Truth or dare

  • ก็แค่มีลูกกับคนอื่น ถึงขั้นต้องหย่าเลยเหรอ?   บทที่ 2

    ฉันต้องนอนโรงพยาบาลหลายวันเพื่อให้อาการคงที่สักหน่อยวังหยาง เพื่อนบ้านที่ส่งฉันมาโรงพยาบาล เขากลับมีน้ำใจมาก วิ่งขึ้นวิ่งลง ช่วยฉันเดินเรื่องกระบวนการต่างๆ“พี่สาว พี่ไม่โทรศัพท์หาสามีพี่หรือครับ”มือที่ดื่มน้ำของฉันชะงักเล็กน้อย“ไม่ต้องบอก ฉันเตรียมหย่ากับเขาแล้ว”วังหยางร้อง “อ๋า” ออกมาครั้งหนึ่ง สีหน้าประดักประเดิดฉันรู้สึกผิดอยู่บ้าง“ขอโทษนะ ฉันไม่ควรจะพูดเรื่องพวกนี้กับนาย”วังหยางยิ้มร่าเริง โบกมือไปมา บอกไม่เป็นไรนี่ทำให้ฉันคิดถึงโจวเฉิงอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้แสดงสีหน้าดีๆ ให้ฉันมานานมากแล้วทุกครั้งที่พูดจา ไม่ใช่มีสีหน้าท่าทางหงุดหงิด ก็ขมวดคิ้ว ถลึงตาราวกับฉันพูดมากขึ้นสองสามประโยคล้วนเป็นการรบกวนเขา และกำลังสงสัย ไม่ไว้วางใจในตัวเขาเสียงสั่นของข้อความในโทรศัพท์มือถือดึงความคิดฉันกลับมาโจวเฉิงส่งรูปมาหนึ่งรูป เป็นผ้าพันคอผ้าไหมน่าเกลียดผืนหนึ่ง“ซื้อของขวัญวันเกิดให้คุณ พอใจแล้วสินะ”ฉันมองโลโก้แบรนด์ที่ผ้าพันคอผ้าไหมเผยออกมา แล้วไปเลื่อนดูไทม์ไลน์ของซูอวี่โหรว ก็เห็นกระเป๋าแอร์เมสที่เธอโพสต์ใหม่อย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ“ตั้งครรภ์แล้วไม่สบาย กระเป๋ารัก

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status