Share

EP.4 มารับเมีย

4

มารับเมีย

เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อยพอตื่นขึ้นมาอาการแฮงค์ก็เล่นงานอินทิราในทันที คว้าขวดน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องมาดื่มทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา ความเคยชินทำให้เพียงควานหาก็เจอสิ่งที่อยากได้โดยไม่ต้องหันมอง เธออยู่บ้านหลังนี้ นอนในห้องนี้มาเท่าอายุ อะไรวางตรงไหนมีแค่เธอที่รู้ ยันตัวเองขึ้นนั่งพิงหัวเตียง กระดกดื่มน้ำเข้าไปหลายอึก ทว่าพอลืมตาขึ้นมาอินทิราก็ได้พบว่ามีใครบางคนนั่งอยู่ที่ปลายเตียง

พรวด!!!

น้ำเปล่าพุ่งออกจากปากในทันใด เธอรีบยกมือขึ้นปิดปาก กุลีกุจอดึงผ้าห่มไปเช็ดหน้าเขาที่เปียกชุ่มไปหมด คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน แล้วทำไมแม่กับย่าถึงอนุญาตให้เขาขึ้นมาถึงบนห้องนอนเธอได้ แล้วทำไม…ทำไมเขาดูสร่างเมา ไม่สิ ทำไมเขาดูเหมือนคนที่ไม่ได้เมาเลยสักนิด เพียงวันเดียวคนเราเปลี่ยนจากหน้าเป็นหลัง…ได้ขนาดนี้เลยหรือ

“เมื่อก่อนชอบแคะขี้มูกป้าย เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาเล่นน้ำลายแล้วหรือไง?” เหนือนทีปาดหยาดน้ำออกจากใบหน้า ขณะเดียวกันก็ปัดผ้าห่มที่อินทิราพยายามดึงมาเช็ดหน้าให้เขา

“พี่เหนือเข้ามาได้ยังไง? แล้ว…ไม่สิ ขอโทษที่พ่นน้ำใส่หน้า ก็อิงค์ตกใจนี่ อยู่ๆ เข้ามาในห้องคนอื่นได้ยังไง?”

“คนอื่นเหรอ? ได้ข่าวว่าเมื่อวานเราแต่งงานกันแล้ว” น้ำเสียงของคุณสามีนั้นเรียบนิ่งทว่าสายตาที่มองภรรยานั้นแสนจะกวนประสาทชอบกล

“ก็…” ก็ใช่เราแต่งงานกันแล้ว แต่มันใช่การแต่งงานปกติทั่วไปหรือไง อีกอย่างมีคู่สามีภรรยาที่ไหนบ้างที่เพิ่งจะได้พูดคุยกันไม่ถึงห้าประโยคด้วยซ้ำหลังจากที่เจอหน้ากันครั้งแรกในรอบสิบปี

“เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลยนะ” ไล่สายตามองหญิงสาวในสภาพเพิ่งตื่นนอน ยอมรับเลยว่าเธอสวย จัดว่าสวยมาก ขนาดหน้าสดแถมมีน้ำลายบูดเลอะขอบปากเธอก็ยังดูน่ามอง ผิวขาวเนียนน่าสัมผัส ลอนผมยาวๆ ที่ปรกใบหน้าเล็กน้อยทำให้เธอดูน่าค้นหา ถ้าไม่บอกว่าชื่ออิงค์ ไม่มีทางที่เขาจะจำได้ว่าเธอคือยัยอิงค์อ้วนขี้มูกเปียกที่ชอบร้องไห้วิ่งตามเขาตอนเด็กๆ

“ใช่ เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลย แต่ตอนนี้ขอความเป็นส่วนตัวก่อนได้ไหม?” อินทิรารู้สึกไม่เป็นตัวเองเมื่อถูกจ้องมองเป็นเวลานาน ดึงผ้าห่มมากอดไว้เพราะเพิ่งได้สติว่าเธอนั้นไม่ใส่สวมบรา แล้วสายตาไอ้พี่เหนือก็หื่นกามสุดๆ

“รีบกอบโกยเวลาส่วนตัวซะ เพราะหลังจากนี้…เธอจะไม่มีมันอีกแล้ว” ว่าจบร่างสูงก็ลุกขึ้นยืน ล้วงสองมือลงกระเป๋ากางเกงยีนสีซีด “อ้อ! เก็บเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวด้วยล่ะ พร้อมแล้วจะได้ไปกันเลย”

“ไปไหน?”

“กลับบ้านไง จนถึงตอนนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอว่าผัวมารับเมียกลับบ้าน…มีผ้ารอให้ซักตะกร้าเบ้อเร่อเลย” ทำท่าทำทางกวนประสาทแล้วก็หันหลังเดินออกไปจากห้องนอนพร้อมรอยยิ้ม

“เหอะ! นี่ฉันแต่งงานมาซักผ้าเหรอวะ?!”

อาบน้ำแต่งตัวเสร็จอินทิราก็ลงมาที่ชั้นล่างของบ้าน พอเห็นว่าเหนือนทีกำลังนั่งคุยอยู่กับแม่และย่าเธอก็มามุมซ่อนตัวเองเพื่อแอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน ซึ่งจากที่ฟังพอจะเดาออกว่าเธอมาไม่ทันได้ยินเรื่องสำคัญ

“ย่าไม่ขออะไรมากหรอกนะเหนือ ย่าขอแค่อย่าทิ้งน้อง…อย่าทำให้น้องต้องโดดเดี่ยว อิงค์น่ะไม่เคยออกไปอยู่ที่ไหน ขนาดตอนไปเรียนที่ญี่ปุ่นก็ยังโทรมาร้องไห้กับที่บ้านอยู่ทุกวัน” เห็นสายตาของย่า ได้ยินน้ำเสียงที่ท่านเป็นห่วง อินทิราก็ทำหน้าเศร้า

“คุณย่าทิพย์ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะไม่ทำให้อิงค์โดดเดี่ยวแน่นอน ยังไงซะอิงค์ก็เป็นเหมือนน้องสาวของผมคนหนึ่ง”

“น้องสาวกับเมียมันไม่เหมือนกันหรอกนะเหนือ อาเข้าใจนะว่าการแต่งงานครั้งนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นจากความรัก แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว และเหนือเองก็ยืนยันว่าจะให้มันเป็นไปแบบนี้ อาอยากให้เหนือมองว่าน้องเป็นเมีย เป็นภรรยา ผัวเมียน่ะต้องเคารพซึ่งกันและกัน มีอะไรผิดพลาดนิดหน่อยก็ต้องให้อภัยกัน อาไม่ห่วงเรื่องงานบ้านงานเรือนของลูกสาวหรอก เพราะอามั่นใจว่าที่ผ่านมาอาสอนเขาได้เป็นอย่างดี แต่ที่อาห่วง…ไปอยู่กรุงเทพอิงค์เขาไม่มีใครเลย เขามีแต่เหนือที่เป็นสามี อาฝากน้องด้วยนะลูก” คนเป็นแม่ย่อมห่วงลูกสาวเป็นธรรมดา เวลานี้ก็ได้แต่หวังว่าลูกเขยจะรักษาคำพูดตัวเอง

“ครับคุณอา”

“ที่จริงต้องเรียกว่าแม่แล้วไม่ใช่เหรอ?” พิสมัยเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่เหนือนทีจะพยักหน้าตอบรับ

“ครับคุณแม่”

“ไหนป้าทิพย์บอกว่าจะมารับพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ?” อินทิราออกจากที่หลบซ่อนเดินเข้ามาหยุดยืนมองคนที่โตกว่าทั้งสาม “อิงค์ยังไม่พร้อมเลย ยังไม่ได้เก็บของเลยด้วยซ้ำ”

“ก็เอาไปแค่เสื้อผ้าชุดสองชุดก็ได้ ที่เหลือไปซื้อใหม่ที่กรุงเทพ” เหนือนทีฉายแววคนเจ้าบงการขึ้นมา

“หรือไม่แม่จะช่วยเก็บแล้วส่งไปให้ทีหลัง ป้าทิพย์โทรมาบอกแม่เมื่อเช้าว่าพี่เหนือเขาจะมารับอิงค์วันนี้”

“ทำไมต้องรีบขนาดนั้นด้วย?”

“ก็แล้วจะรอช้าทำไม แต่งงานกันแล้วก็ต้องรีบย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันสิ ยังต้องจัดการเรื่องทะเบียนสมรสอีก ทำทุกอย่างให้เสร็จแล้วจะได้ไปฮันนิมูน”

“ฮันนิมูน?” นี่มันเรื่องตลกชัดๆ นอกจากเหนือนทีจะทำเหมือนวันก่อนเขาไม่ได้ทุรนทุรายจะเป็นจะตายที่ถูกเจ้าสาวหนีไปแล้ว เขายังทำเหมือนว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นเรื่องปกติที่ปิดท้ายด้วยการไปฮันนิมูน

“เกาหลีเจ็ดวันเจ็ดคืน” เขาว่า

“เดี๋ยว…เรื่องแบบนี้มันต้องปรึกษากันก่อนหรือเปล่า? เราแต่งงานกันเมื่อวาน เจอหน้ากันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ คุยกันยังไม่ถึงสิบประโยคเลยมั้ง อยู่ๆ จะไปฮันนิมูนกันสองต่อสองเนี่ยนะ?” อินทิราตั้งตัวไม่ทัน อดคิดไม่ได้ว่าบางทีเหนือนทีอาจจะดื่มเหล้ามากจนสติฟั่นเฟือนไปแล้ว

“หรือเธอคิดว่าเราแต่งงานกันปลอมๆ?”

“ก็แล้วมันไม่ใช่หรือไง? ถ้าพี่เหนือไม่โดนเจ้าสาวเทก่อนงานแต่ง…เราก็คงไม่ได้แต่งงานกันนี่”

“อิงค์!” นวลจันทร์เอ็ดลูกสาวขึ้นมาในทันที พอรู้ตัวว่าพลั้งปากอินทิราก็หน้าหุบเหลือไม่ถึงสองนิ้ว เม้มปากเข้าหากันพลางก้มหน้าแอบช้อนสายตามองเหนือนทีที่ตอนนี้นั่งนิ่งไปแล้ว

“อิงค์ขอโทษค่ะ อิงค์ไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงเรื่องนั้น แต่ว่า…”

“นี่เป็นการแต่งงานจริงๆ ผมไม่ได้วางแผนจะหย่าหลังจากนี้…ในเมื่อแม่ผมเลือกอิงค์ ผมก็จะยอมรับการตัดสินใจของท่าน ถ้าหมดเรื่องที่จะพูดแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ” ร่างสูงยกมือไหว้พิสมัยและนวลจันทร์ก่อนจะลุกขึ้นยืน ไม่ลืมที่จะหันไปหาอินทิราที่ยืนรู้สึกผิด “พี่ไปรอที่รถ สิบนาทีคิดว่าเธอน่าจะเก็บของเสร็จนะ”

“ไม่น่าเลยอิงค์ลูก! ดูท่าพี่เหนือเขาจะโกรธนะ” นวลจันทร์ถอนหายใจออกมาหลังจากที่ลูกเขยพ้นประตูออกไปแล้ว

“ก็อิงค์ไม่ได้ตั้งใจ”

“ย่าว่าทางที่ดีอิงค์อย่าไปรื้อฟื้นเรื่องผู้หญิงคนนั้นเลยนะลูก เราก็เห็นกันอยู่ว่าเหนือเขาดูจะเสียใจมาก”

“อิงค์รู้ค่ะย่า เมื่อกี้อิงค์พลั้งปากจริงๆ”

“ไปเก็บของเถอะลูก เดี๋ยวแม่ขึ้นไปช่วย”

นวลจันทร์มีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกต้องสอนลูกสาวอยู่หลายเรื่อง หวังจะใช้เวลาที่เก็บของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าเพื่อพูดคุย แม้เวลาเพียงสิบนาทีจะสอนได้ไม่มาก แต่ก็ดีกว่าไม่ได้บอกกล่าวอะไรเลย

“อิงค์จำคำแม่ไว้นะลูก เป็นเมียน่ะ…ไม่ใช่แค่ต้องดูแลอาหาร เสื้อผ้าหรือความสะอาดในบ้าน แต่ต้องดูแลอย่างอื่นด้วย” ก็เคาะเขินที่ต้องมาพูดเรื่องแบบนี้กับลูกสาว แต่นวลจันทร์มองว่าอินทิรายังไม่ประสีประสาเท่าไรนัก “เรื่องบนเตียงก็สำคัญ”

“แม่พูดเรื่องอะไรเนี่ย!” อินทิราเขินจนแก้มแดงเมื่อได้ยินแม่พูดถึงเรื่องบนเตียง

“แม่ไม่ได้พูดเล่นนะอิงค์…เรื่องกับข้าวกับปลา เรื่องดูแลบ้านเรือนแม่ไม่ห่วง แม่ห่วงแต่ว่าอิงค์จะไม่ยอมทำหน้าที่เมีย การให้ความสุขผัวก็เป็นหน้าที่สำคัญที่เมียต้องทำ อิงค์เลือกที่จะแต่งงานกับพี่เขาแล้ว อิงค์จะต้องเติบโตไปอีกขั้น ในเมื่อพี่เขาก็บอกว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรือแต่งเพื่อบังหน้า เขาพูดเองว่าไม่ได้คิดเรื่องหย่า แล้วดูค่าสินสอดที่เขาให้เรามาสิ มันก็เหมือนหลักค้ำประกันว่าพวกเขายินดีที่จะต้อนรับอิงค์ไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เพราะแบบนั้นแล้วอิงค์ก็ต้องให้ความรักความเอาใจใส่กับพี่เขา ต้องคอยปรนนิบัติ เชื่อฟังพี่เขา อย่าดื้อ พี่เขาโตกว่าอิงค์เขาพูดอะไรอิงค์ก็ต้องฟัง ถึงบางสิ่งจะไม่ถูกใจก็อย่าเพิ่งเถียงไปในทันที ให้เก็บมาคิดก่อน”

“ค่ะแม่”

“วันนี้อิงค์อาจจะยังไม่รักพี่เหนือเขา แต่แม่เชื่อว่าสักวันอิงค์จะรักแน่…ผู้หญิงเราเวลาที่มอบกายให้ใครไปแล้ว ก็เหมือนจะมอบใจให้เขาด้วยในเวลาเดียวกัน แม่ก็ได้แต่หวังว่าพี่เหนือเขาจะเห็นความดี ความน่ารักของลูกสาวแม่ แล้วรักลูกแม่ในสักวัน แต่ขอให้อิงค์รู้ไว้นะลูก เมื่อไหร่ที่พี่เขาทำไม่ดี เมื่อไหร่ที่ทนไม่ไหว กลับมาบ้านเรา…แม่กับย่าอยู่รอรับอิงค์เสมอ”

“แม่จ๋า” ลูกสาวโผเข้ากอดผู้เป็นแม่พร้อมดวงตาแดงก่ำ นึกแล้วก็ใจหาย…อยู่ๆ เธอก็ได้แต่งงาน อยู่ๆ ก็ต้องย้ายไปอยู่กับผู้ชายไกลถึงกรุงเทพ วันก่อนเธอยังนั่งคัดลูกมังคุดที่สวนอยู่เลย วันนี้จะไปเป็นสะใภ้ไฮโซอยู่ในเมืองเสียแล้ว

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status