4
มารับเมีย
เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อยพอตื่นขึ้นมาอาการแฮงค์ก็เล่นงานอินทิราในทันที คว้าขวดน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องมาดื่มทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา ความเคยชินทำให้เพียงควานหาก็เจอสิ่งที่อยากได้โดยไม่ต้องหันมอง เธออยู่บ้านหลังนี้ นอนในห้องนี้มาเท่าอายุ อะไรวางตรงไหนมีแค่เธอที่รู้ ยันตัวเองขึ้นนั่งพิงหัวเตียง กระดกดื่มน้ำเข้าไปหลายอึก ทว่าพอลืมตาขึ้นมาอินทิราก็ได้พบว่ามีใครบางคนนั่งอยู่ที่ปลายเตียง
พรวด!!!
น้ำเปล่าพุ่งออกจากปากในทันใด เธอรีบยกมือขึ้นปิดปาก กุลีกุจอดึงผ้าห่มไปเช็ดหน้าเขาที่เปียกชุ่มไปหมด คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน แล้วทำไมแม่กับย่าถึงอนุญาตให้เขาขึ้นมาถึงบนห้องนอนเธอได้ แล้วทำไม…ทำไมเขาดูสร่างเมา ไม่สิ ทำไมเขาดูเหมือนคนที่ไม่ได้เมาเลยสักนิด เพียงวันเดียวคนเราเปลี่ยนจากหน้าเป็นหลัง…ได้ขนาดนี้เลยหรือ
“เมื่อก่อนชอบแคะขี้มูกป้าย เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาเล่นน้ำลายแล้วหรือไง?” เหนือนทีปาดหยาดน้ำออกจากใบหน้า ขณะเดียวกันก็ปัดผ้าห่มที่อินทิราพยายามดึงมาเช็ดหน้าให้เขา
“พี่เหนือเข้ามาได้ยังไง? แล้ว…ไม่สิ ขอโทษที่พ่นน้ำใส่หน้า ก็อิงค์ตกใจนี่ อยู่ๆ เข้ามาในห้องคนอื่นได้ยังไง?”
“คนอื่นเหรอ? ได้ข่าวว่าเมื่อวานเราแต่งงานกันแล้ว” น้ำเสียงของคุณสามีนั้นเรียบนิ่งทว่าสายตาที่มองภรรยานั้นแสนจะกวนประสาทชอบกล
“ก็…” ก็ใช่เราแต่งงานกันแล้ว แต่มันใช่การแต่งงานปกติทั่วไปหรือไง อีกอย่างมีคู่สามีภรรยาที่ไหนบ้างที่เพิ่งจะได้พูดคุยกันไม่ถึงห้าประโยคด้วยซ้ำหลังจากที่เจอหน้ากันครั้งแรกในรอบสิบปี
“เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลยนะ” ไล่สายตามองหญิงสาวในสภาพเพิ่งตื่นนอน ยอมรับเลยว่าเธอสวย จัดว่าสวยมาก ขนาดหน้าสดแถมมีน้ำลายบูดเลอะขอบปากเธอก็ยังดูน่ามอง ผิวขาวเนียนน่าสัมผัส ลอนผมยาวๆ ที่ปรกใบหน้าเล็กน้อยทำให้เธอดูน่าค้นหา ถ้าไม่บอกว่าชื่ออิงค์ ไม่มีทางที่เขาจะจำได้ว่าเธอคือยัยอิงค์อ้วนขี้มูกเปียกที่ชอบร้องไห้วิ่งตามเขาตอนเด็กๆ
“ใช่ เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลย แต่ตอนนี้ขอความเป็นส่วนตัวก่อนได้ไหม?” อินทิรารู้สึกไม่เป็นตัวเองเมื่อถูกจ้องมองเป็นเวลานาน ดึงผ้าห่มมากอดไว้เพราะเพิ่งได้สติว่าเธอนั้นไม่ใส่สวมบรา แล้วสายตาไอ้พี่เหนือก็หื่นกามสุดๆ
“รีบกอบโกยเวลาส่วนตัวซะ เพราะหลังจากนี้…เธอจะไม่มีมันอีกแล้ว” ว่าจบร่างสูงก็ลุกขึ้นยืน ล้วงสองมือลงกระเป๋ากางเกงยีนสีซีด “อ้อ! เก็บเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวด้วยล่ะ พร้อมแล้วจะได้ไปกันเลย”
“ไปไหน?”
“กลับบ้านไง จนถึงตอนนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอว่าผัวมารับเมียกลับบ้าน…มีผ้ารอให้ซักตะกร้าเบ้อเร่อเลย” ทำท่าทำทางกวนประสาทแล้วก็หันหลังเดินออกไปจากห้องนอนพร้อมรอยยิ้ม
“เหอะ! นี่ฉันแต่งงานมาซักผ้าเหรอวะ?!”
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จอินทิราก็ลงมาที่ชั้นล่างของบ้าน พอเห็นว่าเหนือนทีกำลังนั่งคุยอยู่กับแม่และย่าเธอก็มามุมซ่อนตัวเองเพื่อแอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน ซึ่งจากที่ฟังพอจะเดาออกว่าเธอมาไม่ทันได้ยินเรื่องสำคัญ
“ย่าไม่ขออะไรมากหรอกนะเหนือ ย่าขอแค่อย่าทิ้งน้อง…อย่าทำให้น้องต้องโดดเดี่ยว อิงค์น่ะไม่เคยออกไปอยู่ที่ไหน ขนาดตอนไปเรียนที่ญี่ปุ่นก็ยังโทรมาร้องไห้กับที่บ้านอยู่ทุกวัน” เห็นสายตาของย่า ได้ยินน้ำเสียงที่ท่านเป็นห่วง อินทิราก็ทำหน้าเศร้า
“คุณย่าทิพย์ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะไม่ทำให้อิงค์โดดเดี่ยวแน่นอน ยังไงซะอิงค์ก็เป็นเหมือนน้องสาวของผมคนหนึ่ง”
“น้องสาวกับเมียมันไม่เหมือนกันหรอกนะเหนือ อาเข้าใจนะว่าการแต่งงานครั้งนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นจากความรัก แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว และเหนือเองก็ยืนยันว่าจะให้มันเป็นไปแบบนี้ อาอยากให้เหนือมองว่าน้องเป็นเมีย เป็นภรรยา ผัวเมียน่ะต้องเคารพซึ่งกันและกัน มีอะไรผิดพลาดนิดหน่อยก็ต้องให้อภัยกัน อาไม่ห่วงเรื่องงานบ้านงานเรือนของลูกสาวหรอก เพราะอามั่นใจว่าที่ผ่านมาอาสอนเขาได้เป็นอย่างดี แต่ที่อาห่วง…ไปอยู่กรุงเทพอิงค์เขาไม่มีใครเลย เขามีแต่เหนือที่เป็นสามี อาฝากน้องด้วยนะลูก” คนเป็นแม่ย่อมห่วงลูกสาวเป็นธรรมดา เวลานี้ก็ได้แต่หวังว่าลูกเขยจะรักษาคำพูดตัวเอง
“ครับคุณอา”
“ที่จริงต้องเรียกว่าแม่แล้วไม่ใช่เหรอ?” พิสมัยเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่เหนือนทีจะพยักหน้าตอบรับ
“ครับคุณแม่”
“ไหนป้าทิพย์บอกว่าจะมารับพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ?” อินทิราออกจากที่หลบซ่อนเดินเข้ามาหยุดยืนมองคนที่โตกว่าทั้งสาม “อิงค์ยังไม่พร้อมเลย ยังไม่ได้เก็บของเลยด้วยซ้ำ”
“ก็เอาไปแค่เสื้อผ้าชุดสองชุดก็ได้ ที่เหลือไปซื้อใหม่ที่กรุงเทพ” เหนือนทีฉายแววคนเจ้าบงการขึ้นมา
“หรือไม่แม่จะช่วยเก็บแล้วส่งไปให้ทีหลัง ป้าทิพย์โทรมาบอกแม่เมื่อเช้าว่าพี่เหนือเขาจะมารับอิงค์วันนี้”
“ทำไมต้องรีบขนาดนั้นด้วย?”
“ก็แล้วจะรอช้าทำไม แต่งงานกันแล้วก็ต้องรีบย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันสิ ยังต้องจัดการเรื่องทะเบียนสมรสอีก ทำทุกอย่างให้เสร็จแล้วจะได้ไปฮันนิมูน”
“ฮันนิมูน?” นี่มันเรื่องตลกชัดๆ นอกจากเหนือนทีจะทำเหมือนวันก่อนเขาไม่ได้ทุรนทุรายจะเป็นจะตายที่ถูกเจ้าสาวหนีไปแล้ว เขายังทำเหมือนว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นเรื่องปกติที่ปิดท้ายด้วยการไปฮันนิมูน
“เกาหลีเจ็ดวันเจ็ดคืน” เขาว่า
“เดี๋ยว…เรื่องแบบนี้มันต้องปรึกษากันก่อนหรือเปล่า? เราแต่งงานกันเมื่อวาน เจอหน้ากันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ คุยกันยังไม่ถึงสิบประโยคเลยมั้ง อยู่ๆ จะไปฮันนิมูนกันสองต่อสองเนี่ยนะ?” อินทิราตั้งตัวไม่ทัน อดคิดไม่ได้ว่าบางทีเหนือนทีอาจจะดื่มเหล้ามากจนสติฟั่นเฟือนไปแล้ว
“หรือเธอคิดว่าเราแต่งงานกันปลอมๆ?”
“ก็แล้วมันไม่ใช่หรือไง? ถ้าพี่เหนือไม่โดนเจ้าสาวเทก่อนงานแต่ง…เราก็คงไม่ได้แต่งงานกันนี่”
“อิงค์!” นวลจันทร์เอ็ดลูกสาวขึ้นมาในทันที พอรู้ตัวว่าพลั้งปากอินทิราก็หน้าหุบเหลือไม่ถึงสองนิ้ว เม้มปากเข้าหากันพลางก้มหน้าแอบช้อนสายตามองเหนือนทีที่ตอนนี้นั่งนิ่งไปแล้ว
“อิงค์ขอโทษค่ะ อิงค์ไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงเรื่องนั้น แต่ว่า…”
“นี่เป็นการแต่งงานจริงๆ ผมไม่ได้วางแผนจะหย่าหลังจากนี้…ในเมื่อแม่ผมเลือกอิงค์ ผมก็จะยอมรับการตัดสินใจของท่าน ถ้าหมดเรื่องที่จะพูดแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ” ร่างสูงยกมือไหว้พิสมัยและนวลจันทร์ก่อนจะลุกขึ้นยืน ไม่ลืมที่จะหันไปหาอินทิราที่ยืนรู้สึกผิด “พี่ไปรอที่รถ สิบนาทีคิดว่าเธอน่าจะเก็บของเสร็จนะ”
“ไม่น่าเลยอิงค์ลูก! ดูท่าพี่เหนือเขาจะโกรธนะ” นวลจันทร์ถอนหายใจออกมาหลังจากที่ลูกเขยพ้นประตูออกไปแล้ว
“ก็อิงค์ไม่ได้ตั้งใจ”
“ย่าว่าทางที่ดีอิงค์อย่าไปรื้อฟื้นเรื่องผู้หญิงคนนั้นเลยนะลูก เราก็เห็นกันอยู่ว่าเหนือเขาดูจะเสียใจมาก”
“อิงค์รู้ค่ะย่า เมื่อกี้อิงค์พลั้งปากจริงๆ”
“ไปเก็บของเถอะลูก เดี๋ยวแม่ขึ้นไปช่วย”
นวลจันทร์มีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกต้องสอนลูกสาวอยู่หลายเรื่อง หวังจะใช้เวลาที่เก็บของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าเพื่อพูดคุย แม้เวลาเพียงสิบนาทีจะสอนได้ไม่มาก แต่ก็ดีกว่าไม่ได้บอกกล่าวอะไรเลย
“อิงค์จำคำแม่ไว้นะลูก เป็นเมียน่ะ…ไม่ใช่แค่ต้องดูแลอาหาร เสื้อผ้าหรือความสะอาดในบ้าน แต่ต้องดูแลอย่างอื่นด้วย” ก็เคาะเขินที่ต้องมาพูดเรื่องแบบนี้กับลูกสาว แต่นวลจันทร์มองว่าอินทิรายังไม่ประสีประสาเท่าไรนัก “เรื่องบนเตียงก็สำคัญ”
“แม่พูดเรื่องอะไรเนี่ย!” อินทิราเขินจนแก้มแดงเมื่อได้ยินแม่พูดถึงเรื่องบนเตียง
“แม่ไม่ได้พูดเล่นนะอิงค์…เรื่องกับข้าวกับปลา เรื่องดูแลบ้านเรือนแม่ไม่ห่วง แม่ห่วงแต่ว่าอิงค์จะไม่ยอมทำหน้าที่เมีย การให้ความสุขผัวก็เป็นหน้าที่สำคัญที่เมียต้องทำ อิงค์เลือกที่จะแต่งงานกับพี่เขาแล้ว อิงค์จะต้องเติบโตไปอีกขั้น ในเมื่อพี่เขาก็บอกว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรือแต่งเพื่อบังหน้า เขาพูดเองว่าไม่ได้คิดเรื่องหย่า แล้วดูค่าสินสอดที่เขาให้เรามาสิ มันก็เหมือนหลักค้ำประกันว่าพวกเขายินดีที่จะต้อนรับอิงค์ไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เพราะแบบนั้นแล้วอิงค์ก็ต้องให้ความรักความเอาใจใส่กับพี่เขา ต้องคอยปรนนิบัติ เชื่อฟังพี่เขา อย่าดื้อ พี่เขาโตกว่าอิงค์เขาพูดอะไรอิงค์ก็ต้องฟัง ถึงบางสิ่งจะไม่ถูกใจก็อย่าเพิ่งเถียงไปในทันที ให้เก็บมาคิดก่อน”
“ค่ะแม่”
“วันนี้อิงค์อาจจะยังไม่รักพี่เหนือเขา แต่แม่เชื่อว่าสักวันอิงค์จะรักแน่…ผู้หญิงเราเวลาที่มอบกายให้ใครไปแล้ว ก็เหมือนจะมอบใจให้เขาด้วยในเวลาเดียวกัน แม่ก็ได้แต่หวังว่าพี่เหนือเขาจะเห็นความดี ความน่ารักของลูกสาวแม่ แล้วรักลูกแม่ในสักวัน แต่ขอให้อิงค์รู้ไว้นะลูก เมื่อไหร่ที่พี่เขาทำไม่ดี เมื่อไหร่ที่ทนไม่ไหว กลับมาบ้านเรา…แม่กับย่าอยู่รอรับอิงค์เสมอ”
“แม่จ๋า” ลูกสาวโผเข้ากอดผู้เป็นแม่พร้อมดวงตาแดงก่ำ นึกแล้วก็ใจหาย…อยู่ๆ เธอก็ได้แต่งงาน อยู่ๆ ก็ต้องย้ายไปอยู่กับผู้ชายไกลถึงกรุงเทพ วันก่อนเธอยังนั่งคัดลูกมังคุดที่สวนอยู่เลย วันนี้จะไปเป็นสะใภ้ไฮโซอยู่ในเมืองเสียแล้ว
5เป็นเมียพี่ต้องอดทนอินทิราขึ้นรถมากับเหนือนที จดจำสิ่งที่แม่สอนได้หมดทุกอย่างและมีเรื่องหนึ่งที่เธอลืมคิดไปสนิทใจ แต่งงานเป็นผัวเป็นเมียเรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องสำคัญ นั่นก็แปลว่าเธอต้องนอนกับเขาน่ะสิ แค่คิดหัวใจดวงน้อยก็เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ แล้ว เกิดมาเธอไม่เคยมีแฟน ไม่มีเคยมีวันไนท์สแตนด์กับใครที่ไหน จูบแรกยังไม่เคยเสียไปเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องถามถึงเรื่องอย่างว่าเลย เธอมีคำถามในใจอยู่มากมาย ถามไปก็มองใบหน้าหล่อเหลาไปด้วย ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกหวั่นไหว ยิ่งมองก็ยิ่งอยากจะเข้าไปอยู่ในใจเขา วันเดียวคงไม่อาจทำให้เขาลืมคนรักเก่าได้แน่ แต่ถ้าสามเดือนล่ะ? ถ้าเธอทำดีทุกอย่าง เป็นเมียที่ดีของเขา หากเธอว่านอนสอนง่ายอย่างที่แม่บอก สามเดือนมันจะมากพอให้เขาลืมผู้หญิงที่ชื่อมิรินทร์คนนั้นไปได้ไหม“รู้ตัวว่าหล่อมาก จ้องขนาดนั้น…คิดอะไรกับพี่หรือไง?” คนถูกจ้องรู้ตัว เอ่ยถามเสียงเรียบโดยที่ไม่ได้หันไปมอง“คิด” พอถูกถามเธอก็ตอบทันควัน ตอบแบบไม่ยั้งคิดอะไรทั้งนั้น“ฮะ?” แน่นอนว่าคำตอบของเธอทำให้เหนือนทีแปลกใจจนต้องหันกลับไปมองหน้า ก็เขานั้นรู้เสียที่ไหนว่าเธอรู้สึกยังไง เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นรักแรกของเธอ“พี่
6ผัวที่ดีจะไม่ปล่อยให้เมียหิวซ่า!!!น้ำถังใหญ่ถูกยกมาสาดใส่หน้าลูกชายที่เมาหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงในห้องหอของโรงแรมหรูที่จัดงานแต่งงานเมื่อคืน ต้นคิดเตือนภรรยาแล้วว่าอย่าทำ แต่สามีไม่อาจขัดใจคนเป็นภรรยาได้ บ้านอื่นทำได้หากแต่ไม่ใช่ที่บ้านหลังนี้ ทิพย์นารียกเรื่องธุรกิจให้ต้นคิดดูแล แต่พอเป็นเรื่องลูกชาย เรื่องในบ้านเธอต้องได้จัดการทุกอย่าง“เหนือ! ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”“คุณ…ก็เห็นอยู่ว่าลูกเพิ่งเจอกับอะไรมา ผมว่าเราปล่อยไปก่อนดีไหม?” ต้นคิดพยายามยับยั้ง แต่ก็เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา มันไม่เคยเป็นผลอะไรทั้งนั้น“เจ้าเหนือ! ตื่นขึ้นมา!!!” ไม่เพียงตะโกนเรียกลูกชาย แต่คนเป็นแม่เข้าไปกระชากตัวคนที่ยังไม่สร่างเมาให้ลงมาจากเตียง กลีบกุหลาบยังอยู่ ชุดเจ้าสาวแขนอยู่ตรงนั้น ทว่าเจ้าตัวไม่อยู่แล้ว “ตั้งสติเดี๋ยวนี้เลยนะเจ้าเหนือ!”“อึก!” ลูกชายลืมตาขึ้นมองดูหน้าแม่ สะอึกเอากลิ่นละมุดออกจากปาก“จะว่าแม่ซ้ำเติมแกก็ได้นะ แต่เห็นแล้วใช่ไหมว่าคนที่แกเลือกสุดท้ายก็หันหลังใส่แล้วก็หนีแกไป! หนำซ้ำ…หนูอิงค์ที่แกไม่คิดจะไยดีกลับมาช่วยกู้หน้าแก หน้าพ่อกับแม่ขึ้นมา!”“ยัยอิงค์อ้วนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ นึกย
7ไซซ์ห้าสิบหกอินทิราอิ่มจนจุก เอาเข้าจริงโอมากาเสะที่เห็นว่าเป็นคำเล็กๆ กินไปกินก็ทำเอาอิ่มจนแทบเดินไม่ไหว กินเสร็จคุณสามีก็พามาช็อปปิ้งของกินเข้าบ้าน รถเข็นคันใหญ่เต็มไปด้วยของสดและของใช้จำเป็น สองคนที่เป็นเหมือนพี่น้องวัยเด็กเดินไปคุยไป เถียงกันบ้าง ล้อเลียนกันบ้างตามประสาหนุ่มสามที่ยังไม่ได้เสน่หาต่อกัน ที่จริงหากจะพูดให้ถูก…มีฝ่ายหนึ่งที่เสน่หาอยู่ฝ่ายเดียวต่างหาก“เอารสไหน?” อินทิราหยิบคุกกี้ชนิดนิ่มสองรสชาติขึ้นมาถามเหนือนที เป็นรสวานิลลากับช็อกโกแลต ซึ่งเธอกินได้ทั้งสองรส ไม่ว่าเขาจะเลือกรสไหนเธอก็โอเคทั้งนั้น แต่ยังไงก็อยากจะถาม…มันเป็นคำถามอ้อมๆ ที่ทำให้เธอได้รู้จักเขามากขึ้น เพราะเอาเข้าจริงถึงจะเจอกันมาตั้งแต่เด็ก แต่พอโตขึ้นมาก็ต่างแยกย้าย เธอแทบไม่รู้อะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขาเลย“พี่ไม่ชอบกินคุกกี้ เธอชอบรสไหนก็เอารสนั้นแหละ” สามีไม่ได้รู้สึกสนุกกับการช็อปปิ้งของกินของใช้เข้าบ้าน ตอนนี้ใจเขากำลังจดจ่ออยู่กับบางสิ่งบางอย่างในโทรศัพท์มือถือ“งั้นเอาช็อกโกแลต” ว่าแล้วก็วางคุกกี้รสช็อกโกแลตลงในรถเข็น ก่อนที่เดินหยิบขนมต่อไปเรื่อยๆ โดยมีคุณสามีทำหน้าที่เข็นรถเข็นตามมา“
8รักอิงค์สิ…พี่เหนือรักอิงค์ได้นะเวลาผ่านไปพักใหญ่…สองคนผัวเมียยังคงนั่งดื่มด้วยกันแต่ย้ายจากที่บาร์เครื่องดื่มมาเป็นที่โซฟาหนังสีขาวตัวยาวในห้องนั่งเล่น เขาและเธอคุยกันหลายเรื่อง ทั้งเรื่องสมัยเด็ก เรื่องเรียนลามไปถึงเรื่องงาน เป็นค่ำคืนที่ยาวนานทว่าต่างฝ่ายกับไม่รู้สึกเบื่อ เหนือนทีเพิ่งจะได้รู้ว่าอินทิราเป็นคนคุยสนุก เธอรับมุกเขาได้ตลอด แล้วก็หัวเราะมุกของเขาแทบทุกมุก นานแล้วที่เขาไม่ได้หัวเราะจนสุดเสียง และไม่คิดว่าจะหัวเราะได้ง่ายๆ อีกครั้งหลังจากที่มีเรื่องให้ต้องเจ็บช้ำมาหยกๆอินทิราดูหนังแนวเดียวกับที่เหนือนทีดู ฟังเพลงใกล้เคียงกับที่เขาฟัง ตลกมุกเดียวกับเขาโดยไม่ต้องพยายาม มุมมองต่างๆ ก็ค่อนข้างไปในทางเดียวกัน มันเป็นความบังเอิญที่เหมาะเจาะ เพราะถ้าให้พูดกันตรงๆ เขาและเธอไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนกัน น่าแปลกใจที่ทำไมถึงมีรสนิยมใกล้เคียงกันแบบนี้“ฮะๆๆ ใช่ๆ อิงค์ก็ชอบหนังโจว ซิง ฉือ แล้วก็ต้องดูพากย์ไทยที่พันธมิตรพากย์ด้วยนะ เรื่องที่ชอบที่สุดคือ…อะไรนะ เรื่องนั้นอะที่มีวลี ‘เจ๊สี่น้ำหดอดล้างตูด’ อะ” อินทิราพูดไปก็หัวเราะไป“คนเล็กหมัดเทวดา”“ใช่ๆ ฉากนี้คือฮามากเลย อิงค์ดูเรื่องนี
*WARNING*มีฉากและบทพูดชวนคลื่นไส้ ไม่เหมาะสมในการอ่านระหว่างทานอาหารนะคะ9เมียต้องช่วยผัวหาเงินจูบไม่ประสีประสาก็ทำให้รู้สึกได้ เหนือสิ่งอื่นใดเหนือนทีก็คือผู้ชายคนหนึ่ง ต่อให้กำลังเสียใจแต่เมื่อถูกจู่โจมด้วยสัมผัสนุ่มนิ่มมีหรือที่เขาจะทนไหว ยิ่งเป็นคนที่ชอบเรื่องใต้สะดืออยู่แล้ว ยิ่งมีความเมามายมาเคลือบคลอเอาไว้ รีบคว้าลำคอเล็กของอีกฝ่ายมาควบคุม จูบตอบด้วยจังหวะที่เร่าร้อนและลึกซึ้ง ครั้งนี้เขาเปิดปากเธอได้สำเร็จ จากที่เป็นฝ่ายตั้งรับในตอนแรก เวลานี้เขากำลังรุกสอดลิ้นอุ่นร้องเข้าโพรงปากเล็ก ตวัดเกี่ยวแล้วดูดดุน ขณะที่วาดลวดลายความร้อนแรงเขาก็สอนอินทิราไปในครางเดียวกัน สลับจังหวะเดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้า เอียงใบหน้าไปมาเพื่อปรับเปลี่ยนมุมจูบ ในตอนที่หญิงสาวเริ่มหายใจไม่ทัน เขาก็ถอนจูบให้เธอได้กอบโกยอากาศ แต่ก็ไม่ปล่อยไว้นาน…ประกบปากจูบขบกลีบปากล่าง ดูดกลีบปากบนอย่างต่อเนื่องแค่จูบคงไม่เพียงพอ ความต้องการของเหนือนทีพุ่งไปไกลเกินกว่านี้ คว้าคนตัวเล็กให้ขึ้นมานั่งคร่อมบนตัก…มือหนาเริ่มล้วงลึกเข้าใต้เสื้อ คว้าตรงไหนได้ก็ขย้ำขยำอย่างมันมือ เธอคนนี้ซ่อนรูป…มองด้วยตาจากภายนอกดูเหมือนไม่มีอะไร
10ไม่ใช่ตัวแทน!อินทิรานั่งมองกระดาษแผ่นในมือที่มีชื่อของเธอและเหนือนที มันคือกระดาษใบเดียวที่บ่งบอกว่าเธอนั้นได้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาแล้ว รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก วันนี้ทั้งวันหมดไปกับการจดทะเบียนสมรส มอบสินสอดเป็นเงินสด ทองแท่ง สุดท้ายก็จบที่การโอนบ้านหลังใหญ่จากชื่อเหนือนทีมาเป็นชื่อเธอ ซึ่งทางกฎหมายแล้วทุกอย่างที่อินทิราได้รับในวันนี้จะเป็นของเธอเพียงแต่ผู้เดียว ไม่นับว่าเป็นสินสมรส มันหมายความว่าในอนาคตหากทั้งสองต้องหย่าร้าง เหนือนทีไม่อาจเรียกร้องอะไรคืนได้แม้เพียงเศษเสี้ยว ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมาพบปะและพูดคุยรับรู้ถึงการเป็นสามีภรรยากันของทั้งคู่ มอบหลักค้ำประกันว่านับจากนี้พี่เหนือจะต้องดูแลหนูอิงค์ในฐานะสามีอย่างดีที่สุด เสร็จสิ้นเรื่องสำคัญก็ร่วมโต๊ะอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาสองครอบครัวก่อนที่พิสมัยกับนวลจันทร์จะเดินทางกลับจันทบุรีให้เงินให้ทองรวมถึงบ้านยังไม่พอ เหนือนทียังพาอินทิราไปซื้อรถ…ซึ่งรถที่เขาเลือกให้เธอนั้นเป็นรถยนต์สี่ประตูยี่ห้อหรูจากฝั่งยุโรป ตัวท็อปออกมาใหม่ล่าสุด เปิดตัวด้วยโฉมใหม่ที่ล้ำสมัยสมรรถนะดีสมราคาเจ็ดล้านห้าแสนบาท ระบบนิรภัยแบบดีเยี่ยม จ่ายด้วย
11ง้อไม่เป็น“คุยกันหน่อย”เสร็จจากงานคุณสามีก็เข้ามาในห้องนอน ทิ้งตัวนั่งลงที่ปลายเตียงพร้อมส่งสายตามองดูภรรยาสาวที่กำลังเช็ดผมที่อยู่โต๊ะเครื่องแป้ง เห็นชุดนอนที่เธอใส่แล้วเขาก็อยากจะหลุดขำ เสื้อยืดเก่า ๆ กับกางเกงขายาวย้วย ๆ อดคิดไม่ได้ว่าเธอไม่คิดจะหาชุดนอนเซ็กซี่เย้ายวนมายั่วอารมณ์หื่นของเขาสักนิดเลยหรือยังไง? สงสัยว่าเธอคนนี้จะไม่เสน่หาอะไรในตัวเขาเลยอย่างนั้นสินะ“มีอะไรก็พูดมา” อินทิราทำเสียงแข็ง มองหน้าชายหนุ่มผ่านกระจกใส ขณะเดียวกันก็แอบรู้สึกประหม่าแล้วก็โกรธเขาในคราวเดียวกัน เขาคงไม่แคร์อะไรเธอเลยจริง ๆ ถึงได้กล้าเรียกเธอเป็นชื่อแฟนเก่าแบบนั้น อีกอย่าง…ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ตอนเก็บของต้องรีบขนาดไหนกันเธอถึงได้หยิบเอาชุดนอนเก่า ๆ แบบนี้ออกมา! พรุ่งนี้จะเอาแบล็กการ์ดที่เขาให้ไปรูดถลุงซื้อเสื้อผ้าแพง ๆ มาให้หมด!“นั่นพูดกับผัวเหรอ? แม่เธอไม่ได้สอนหรือไงว่าพูดกับผู้ใหญ่ต้องพูดเพราะ ๆ โดยเฉพาะกับผัวที่แก่กว่าตั้งห้าปี แต่ไม่แน่…แม่อาจจะสอนแล้วแต่แมวดื้อมันเคยจำอะไรซะที่ไหน”“มีอะไรก็พูดมาสิคะพี่เหนือ!”“ประชด?”“จะเอายังไงกันแน่? พูดไม่พอก็บ่น…พอพูดเพราะก็หาว่าประชด อิงค์ตามใจ
12พอแล้วได้ไหม?สองขาเรียวเล็กถูกจับให้ตั้งชันแล้วถ่างออก เจ้าของร่างกายรีบเอามือไปปกปิดของสงวนอันชุ่มฉ่ำอย่างเร็วไว น่าอายออกจะตายที่ต้องมาเปิดเผยส่วนหวงห้ามให้ใครได้เห็น ทว่ากลับถูกคนหื่นกระหายปัดออกในทันที ไม่ว่าเธอจะปิดมันกี่ครั้ง เขาก็จ้องแต่จะปัดออกลูกเดียว พอเริ่มรำคาญก็ใช้มือข้างที่ว่างรวบข้อมือเธอไว้แน่น ไม่พูดไม่จา…เพียงจ้องมองกายสาวที่แผ่หลาอยู่ตรงหน้า จะพูดว่าสวยก็คงไม่ถูกเสียทีเดียว สำหรับเธอคนนี้คงต้องใช้คำว่ารัก มันจุ่มจิ๋มสมชื่อ…แดงก่ำตรงจุดที่เขาเพิ่งสัมผัส รอยแยกปิดสนิททั้ง ๆ ที่เขาจับขาให้ถ่างออกตั้งกว้าง ไรขนเรียงกันสวย…ที่สำคัญคืออวบอูมเสียเหลือเกินเขาอยากจะโลมเลีย อยากจะซุกไซ้เอาหน้าไปแนบแล้วโกยกินความฉ่ำน้ำที่ปริ่มจนทะลัก อยากลิ้มลองว่าของสดใหม่จะหวานสักแค่ไหน ผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน ไม่ขอการันตีว่าอินทิรามีจุ่มจิ๋มสวยกว่าทุกคน แต่ที่กล้าพูดได้เต็มปากคือ…เขาไม่เคยอยากจะลงลิ้นให้ใครมากเท่าเธอ ต่อให้เป็นคนที่คิดขอแต่งงานอย่างมิรินทร์ก็ตาม ไม่ได้คิดว่าเสน่หาอะไรในตัวเธอ แต่ก็ให้เหตุผลไม่ได้ว่าเพราะอะไรเธอถึงได้ดึงดูดเขานัก“พี่เหนือเลิกจ้องแบบนั้นได้ไหม?” อินทิรา
49รัก! เมีย! ที่! สุด! เลย!ท่าทีของภรรยาออกจะเคอะเขินอยู่สักนิด เพราะคุณสามเอาแต่นอนนิ่งปลดปล่อยออกมาเพียงเสียงลมหายใจที่ถี่แรงพร้อมกับกระตุกเล็กน้อยในตอนที่โดนเรียวลิ้นเล็กแตะสัมผัสไปทั่วตัว ตอนที่บอกเขาว่าเธอนั้นจะเป็นเสือสาวที่พร้อมจะขย้ำเขาทั้งตัว เขาก็รีบถอดทั้งเสื้อทั้งกางเกงร้องขอให้เธอโกยกินกิน ยิ้มชอบใจเมื่อคนที่คอยเป็นฝ่ายรับมาตลอดตอนนี้กำลังตั้งหน้าตั้งตารุกใส่เขา เธอละเมียดละไมเลียที่หัวนม ค่อย ๆ ดูดเบา ๆ พอให้เขาได้เสียว ช้อนสายตาขึ้นมองแล้วส่งรอยยิ้ม“เวลาอิงค์เลียแบบนี้พี่เหนือชอบไหม?” เอ่ยถามพร้อมน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงเอาไว้ด้วยความกระเส่าสั่น “เวลาโดนดูดที่หัวนม…ผู้ชายเสียวเหมือนกันไหมคะ?”“อื้อ! เสียวสิ…ก็คงจะเหมือนของผู้หญิงนั่นแหละ ดูสิว่ามันแข็งไปหมดแล้ว แค่เธอเลียนิดเดียวพี่ก็แข็งไปทั้งตัว” เหมือนว่าเมียจงใจใช้ความไร้เดียงสา อยากรู้อยากเห็นมายั่วให้เขายิ่งมีอารมณ์ เวลาที่เธอเคลื่อนไหวช้า ๆ อยู่บนตัวเขา เขาสั่นไหวมีอารมณ์ความต้องการ ที่จริงอยากจะจับเธอกดให้จมกับเตียง แล้วกระหน่ำบรรเลงเพลงรักให้รู้แล้วรู้รอด แต่จำต้องทน ต้องอดกลั้นมันไว้เพราะเขาอยากลองเป็นฝ่ายรับดูบ้
48คนติดเมีย“เราไปฮันนิมูนกันจริง ๆ ดีไหม?”เหนือนทีเอ่ยขึ้นมาในตอนที่เขากำลังนอนโอบกอดให้อินทิราหนุนแขนอยู่บนเตียง ทั้งสองกลับมาคืนดีกันอย่างเป็นทางการ เคลียร์หมดทุกปัญหาที่เคยเกิดขึ้น ต่างคนต่างรู้ว่ารัก ต่างคนก็ต่างเป็นทั้งผู้ให้และผู้ได้รับ เป็นสิ่งที่ภรรยาสาวต้องการตลอด“เราก็ไปฮันนิมูนกันมาแล้วไม่ใช่เหรอ?” หญิงสาวถามกลับ เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่นอนอยู่สูงกว่าเธอ“เอาฮันนิมูนจริง ๆ สิ ครั้งก่อนที่ไปเกาหลีพี่ไปทำงาน ไม่มีเวลาได้พาเธอไปเที่ยวเลย ครั้งนี้พี่อยากให้เราได้ไปเที่ยวกันจริง ๆ ตั้งแต่ที่แต่งงานกันมา พี่ทำแต่งานจนไม่มีเวลาได้สนใจเธอเลย”“เพิ่งรู้ตัวเหรอ?” แกล้งถามพร้อมรอยยิ้ม ได้แต่สงสัยว่าจุดไหนกันที่ทำให้เหนือนทีมองทุกอย่างรอบด้านแล้วก็เป็นช่องโหว่ขึ้นมา“รู้ตัวช้าก็ดีกว่าไม่รู้ตัวเลยไม่ใช่เหรอ? พี่อยากใช้เวลากับเธอ…อยากไปเที่ยวด้วย พี่อยากให้เรามีเวลาคุยกันเยอะ ๆ”“แต่งานพี่เหนือก็เยอะไม่ใช่หรือไง? เรื่องไปเที่ยวน่ะจะไปตอนไหนก็ได้ แต่มันหลายวันแล้วนะที่อิงค์ไม่เห็นพี่เหนือออกไปทำงาน”“ก็พี่อยากอยู่กับเธอ พี่ไม่รู้สึกอยากออกจากบ้านเลย…แค่เธอไปเข้าห้องน้ำพี่ก็คิดถึงแล้ว
47เผชิญหน้าและแล้วเวลาที่อินทิรากลัวมากที่สุดก็มาถึง มันคือวันที่มิรินทร์คนรักเก่าของเหนือนทีกลับมา และมาแสดงตัวอยู่ตรงหน้าเธอ ที่บอกสามีว่ามีนัด…นั่นก็คือนัดของมิรินทร์ ทั้งสองคนมาเจอกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง พอมาถึงต่างคนก็ต่างเงียบเอาแต่จ้องมองกันและกันด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ อินทิรานั้นเคยเห็นมิรินทร์แต่เพียงในรูปถ่าย พอได้เจอตัวจริงก็ยอมรับเลยว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นคนสวย รูปลักษณ์ภายนอกดูไฮโซอย่างที่ใครเขาว่ากัน ทั้งเครื่องประดับ เสื้อผ้าและรองเท้า เป็นของแบรนด์เนมด้วยกันทั้งนั้น“เริ่มกันเลยดีไหมคะ? คุณมิรินทร์นัดฉันออกมาทำไมคะ?” สุดท้ายก็เป็นอินทิราที่เริ่มเปิดบทสนทนา กาแฟพร่องจนเหลือแค่ก้นแก้วแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมมิรินทร์ถึงต้องการจะเจอเธอ“ขอแบบไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกันนะ แล้วก็ขอแทนตัวเองว่าพี่…เพราะพี่น่าจะอายุเยอะกว่าอิงค์”“ค่ะ”“อิงค์เองก็คงรู้จักพราวฟ้า แล้วก็คงรู้แล้วด้วยว่าที่พี่ต้องหนีไปในคืนวันก่อนงานแต่งงานมันเป็นเพราะอะไร พี่แค่อยากจะบอกว่า…พี่อยากได้โอกาสน่ะ พี่กลับมาเพื่อขอโอกาสจากเหนือ พี่ผิดเอง…พี่ยอมรับความผิดทั้งหมด ที่หนีไปตอนนั้นเป็นเพราะพี่เชื่อใจเหนือไ
46ขอโทษและขอบคุณเสร็จจากมื้อเย็นอินทิราก็ขึ้นมานั่งพักบนห้องนอน รอให้อาหารย่อยอย่างเต็มที่แล้วค่อยอาบน้ำ ระหว่างที่รอก็เปิดโซเชียลดูความเคลื่อนไหวของผู้คนไปเรื่อย กระทั่งอยู่ ๆ ก็มีสายเรียกเข้าจากเบอร์แปลกโทรเข้ามา เธอรับสายนั้นโดยไม่คิดอะไร ทว่าพอได้ยินชื่อของอีกฝ่ายตัวก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที[นี่มิรินทร์นะ]“ค่ะ มีธุระอะไรเหรอคะ?”[รู้จักอยู่แล้วสินะคะ เพราะงั้นเข้าเรื่องแบบไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกัน…ฉันอยากเจอคุณเป็นการส่วนตัวค่ะ ขอเป็นพรุ่งนี้…]“เจอเพื่ออะไรคะ? ถึงฉันจะรู้จักคุณ…ถึงจะรู้ว่าคุณเป็นใครแต่เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันจนต้องมาเจอกันเป็นการส่วนตัวนี่คะ”[ทำไมเราจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันล่ะ? ก็ตอนนี้คุณอินทิรากำลังแต่งงานกับแฟนของฉันอยู่นะคะ ฉันกับเหนือ…เราสองคนยังไม่ได้เลิกกันเลย]“…”[ขอโทษที่ต้องพูดตรง ๆ แล้วฉันก็ไม่อยากให้คุณคิดว่าฉันจะมาหาเรื่องทะเลาะด้วย ฉันแค่…อยากเจอคุณสักครั้ง มาเจอกันนะคะ แล้วฉันจะส่งสถานที่นัดเจอไปให้]มิรินทร์ทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะวางสายไป ซึ่งมันเป็นเวลาเดียวกับที่เหนือนทีเข้ามาในห้องนอนพอดี แน่นอนว่าเขาได้ยิน…และต่อให้ไม่ได้ยินที่ปลายสายพูด
45พี่มีเวลาทั้งชีวิตความรักคือการกระทำไม่ใช่คำพูดเหนือนทีท่องประโยคนั้นอยู่ในใจมาตั้งแต่เช้า ไม่แน่ใจว่าเวลานี้ภรรยาเชื่อบ้างไหมว่าเขารู้ตัวแล้วว่ารักเธอจริง ๆ เขาหันหลังใส่งานที่ออฟฟิศ ไม่สนใจการประชุมใด ๆ ทั้งสิ้น ที่ทำอยู่ตอนนี้คือเก็บกวาดบ้านทั้งหลัง เริ่มตั้งแต่ปัดฝุ่น กวาดบ้าน ตามด้วยการถูพื้น จบท้ายด้วยเช็ดกระจกบานใหญ่ในบ้านทั้งหลัง นี่ไม่ใช่ตัวเขาเลย ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าจะมีวันที่คนอย่างเขามาตั้งหน้าตั้งตาทำงานบ้านเพื่อง้อเมียแบบนี้โทรศัพท์ของเขามีสายเรียกเข้าดังอยู่ไม่หยุดหย่อน แต่เขาไม่สนใจจะรับสายคนที่โทรเข้ามาเพื่อเรียกตัวให้เขาออกไปทำงาน ที่ออฟฟิศยังดำเนินงานต่อไปได้โดยไม่มีเขา แต่อินทิราอาจไม่รอเขาอีกต่อไปแล้ว เขาจะไม่เสียเธอ จะไม่ทำเธอหลุดมือไปกับแค่เพราะออกไปเซ็นเอกสารไม่กี่ใบแน่ พอเช็ดกระจกเสร็จก็ถึงเวลาที่ต้องเอาผ้าไปซัก เดินเข้ามาในห้องนอนพร้อมสภาพชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งตัว เห็นภรรยากำลังนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง เขาก็แอบยิ้ม…แปลกใจที่วันนี้เธอไม่ออกไปไหน ปกติไอ้พิชญ์จะต้องหาเรื่องชวนเธอออกไปข้างนอกไม่ใช่หรือยังไง?“วันนี้ไม่ไปไหนเหรอ?” เอ่ยถามขณะที่เอาต
44แค่เธอเท่านั้นอินทิรากลับบ้านมาในตอนเที่ยงคืน ภาพที่เห็นเป็นภาพแรกในตอนเดินเข้ามาในบ้านคือสามีที่นอนกอดขวดเหล้าอยู่ที่พื้น เป็นภาพเดียวกับที่เธอเคยเห็นเมื่อสองปีก่อน สภาพเขาสะบักสะบอม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เนื้อตัวเปียกปอนแถมยังมีรอยเลือด“พี่เหนือ?!” เห็นสภาพเขาแล้วก็ตกใจไม่น้อย รีบเข้าไปพยุงให้ลุกขึ้นนั่ง “ทำไมสภาพเป็นแบบนี้?!”“อึก! อิงค์เหรอ?” เหนือนทีถูกการ์ดซ้อมมาอย่างหนัก ก็เพราะเขาต้องการจะเข้าไปหาอินทิราในร้านไวน์ มันเป็นการกระทำโง่ ๆ ของคนไร้สติ “อิงค์กลับมาหาพี่แล้วเหรอ?”“ไปมีเรื่องกับใครมา? ทำไมเมาแบบนี้? แล้วทำไม…เลือดเต็มไปหมดแบบนี้?! ตากฝนมาด้วยเหรอ?! พี่เหนือเป็นบ้าไปแล้วหรือไง?!” เห็นสภาพเขาแบบนี้แล้วเธอจะทำใจแข็งเย็นชาใส่ได้ยังไงกัน?“อิงค์…” น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่หมองเศร้าของคนเมา สายตาที่มองเธอมันชัดเจนแล้วว่าเขากำลังทรมาน “เธอมีความสุขไหมเวลาที่อยู่กับไอ้พิชญ์?”“มาถามอะไรตอนนี้? ลุกขึ้นมา…อิงค์จะพาไปทำแผล!”“ตอบพี่สิ…เธอมีความสุขหรือเปล่าที่เราต้องกลายเป็นแบบนี้? ผู้ชายคนอื่นให้ความสุขกับเธอได้มากกว่าพี่ใช่ไหม?” เหนือนทีไม่ยอมทำตามที่อินทิราบอก ทำตัวแข็
43อากาศหายใจด้วยเงินและคอนเนคชันของเพลิงกัลป์ทำให้เหนือนทีได้มานั่งอยู่ในคอนเสิร์ตดนตรีแจ๊ส เวลานี้ชายหนุ่มกำลังเพ่งสายตามองหน้าอินทิราอย่างจดจ่อ เขามองหาเธออยู่นาน จนในที่สุดก็ได้เห็นเธอกำลังที่กำลังนั่งอยู่ไกล ๆ โดยมีพิชญ์นั่งอยู่เคียงข้าง ไม่เคยคิดฝันว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในชีวิตเขา ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเขาจะมาวิ่งตามเมียที่ออกมาเที่ยวกับผู้ชายคนอื่นยอมรับว่าเขาพลาดไปหลายเรื่อง ยอมรับว่าเขาทำตัวเอง เขารู้ว่าทำเธอเสียใจ…เขารู้ว่าสิ่งที่เธอต้องการคืออะไร อินทิราอยากได้ยินคำบอกรักจากปากเขา แต่เขากลับให้ในสิ่งที่เธอต้องการไม่ได้ เขาไม่เคยถามตัวเองเลยว่ารักเธอไหม ที่ผ่านมาไม่เคยตั้งคำถามเรื่องนี้มาก่อน จนกระทั่งวินาทีนี้…วินาทีที่เขาเกือบจะทำเธอหลุดมือ วินาทีที่กำลังนั่งมองเธอสนิทสนมนั่งยิ้มฟังเพลงแจ๊สอยู่เคียงข้างผู้ชายคนอื่นเขารักเธอไหม?คงไม่อาจตอบได้ด้วยคำคำเดียว…เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครแม้กระทั่งกับมิรินทร์ เขาไม่เคยหวงแหนใครแต่กลับหวงอินทิราจนแทบบ้า เขาไม่เคยอยากเหนี่ยวรั้งใครไว้ชีวิตได้มากเท่านี้ เขาจำได้ดีว่าความเจ็บปวดตอนที่เสียมิรินทร์ไปมันเป็นยังไง แน่นอนว่ามันต่างจา
42เพราะกูอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีอิงค์!สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือจมปลักกับความเมามาย เหนือนทีหมดที่ไป…ที่เดียวที่นึกออกคือคลับของเพลิงกัลป์ เขามาเมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน นั่งดื่มอยู่ที่เดิมจนถึงเช้า ได้แต่คิดว่าเขาเกือบจะทำมันอีกครั้งแล้ว เขาเกือบทำรุนแรงกับผู้หญิงที่รักเขาซ้ำเป็นครั้งที่สอง หากเธอไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาเขาคงพลั้งมือทำมันจริง ๆ เวลานี้ไม่ใช่แค่เธอที่เกลียดเขา เขาเองก็เกลียดตัวเองเหมือนกัน“เด็กบอกกูว่ามึงมาเมาอยู่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน…นี่มันบ่ายของอีกวันแล้วนะไอ้เหนือ” เพลิงกัลป์เดินเข้ามานั่งข้างเพื่อนที่หน้าบาร์ ถอนหายใจออกมาเมื่อได้เห็นสภาพหนักเอาการของเพื่อน“หรือกูควรหย่าให้อิงค์จริง ๆ?” ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่เมา ยิ่งดื่มก็ยิ่งคิดถึงแต่เมียที่วางแผนจะหย่ากับเขาให้ได้“อยู่ ๆ ทำไมคิดว่าควรต้องหย่า? หรือเพราะมึงกลัวว่าจะโดนเมียจ้างทนายมาฟ้องจริง ๆ?”“กูทนทรมานอิงค์ต่อไปไม่ได้แล้ว…พอเห็นน้ำตาเขา กูเหมือนจะบ้าอยู่แล้วไอ้เพลิง”“เมียมึงยกเลิกไปแล้ว…ที่ไปจ้างทนายฟ้องหย่ามึงอะ”“หมายความว่าไง?” เหนือนทีหันมองเพื่อน “นี่มึงยังไม่เลิกส่งคนตามเมียกูอีกเหรอ?”“ก็ถามกูไม่ตาม แล้วจะม
41ฝืนใจทำไม่ลงถ้าสิ่งที่ทำอยู่มันคือการกระทำของคนเห็นแก่ตัว ถ้าตอนนี้เขาก็คงกลายเป็นคนเลวในสายตาเธอแล้วจริง ๆ อย่างนั้นแล้วก็จะเลวให้ถึงที่สุดไปเลย ก็ถ้าเลวแล้วมีเธออยู่ข้างกาย เขาก็พร้อมใจที่จะเลว!“ฮึก! อิงค์เบื่อเป็นเมียที่ดีที่เชื่อฟังผัวเลวแบบพี่เหนือเหมือนหมาโง่ ๆ แล้ว!”“เธอไม่ใช่หมาโง่ พี่ไม่เอาหมามาทำเมียหรอก…เธอเป็นเด็กน้อยที่เฝ้ารักพี่ ต่อให้ตอนนี้จะทำเย็นชา ต่อให้ปากจะบอกว่าเกลียด…แต่เธอก็ยังรักอยู่ เธอยังรักพี่อยู่เต็มทั้งใจ”“…อย่าเอาความรักของอิงค์มาล้อเล่นนะ…”“ไม่ได้ล้อเล่น พี่กำลังจริงจังอยู่ จริงจังมากด้วย!”“อ๊ะ!” ภรรยาสาวร้องเสียงหลงเมื่อถูกคว้าตัวมาโยนลงบนเตียงนอนอย่างแรง สายตาสั่นสะท้านเมื่อคุณสามียกมือขึ้นเสยพี่ตัวเองตามด้วยการถอดเสื้อแล้วเข้ามาคร่อมเธอไว้ “พี่เหนือ…อิงค์ไม่ชอบแบบนี้! แก้มัดอิงค์เดี๋ยวนี้เลยนะ!”“เธอไม่ชอบแต่พี่ชอบ ถ้าเมียมันดื้อนักก็ต้องจับมัดแล้วเอาแรง ๆ นี่คือการลงโทษ” สิ้นคำนั้นคุณสามีก็ยัดเยียดจูบแสนดุดันให้กับภรรยา บดเบียดจูบแล้วสอดลิ้นเข้าตวัดดูด กวาดกลืนกินความหวานฉ่ำแล้วถอนออกมา…จ้องลึกเข้าในดวงตาสั่นไหวก่อนจะฉีกชุดนอนไม่ได้นอนของเธอ