4
มารับเมีย
เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อยพอตื่นขึ้นมาอาการแฮงค์ก็เล่นงานอินทิราในทันที คว้าขวดน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องมาดื่มทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา ความเคยชินทำให้เพียงควานหาก็เจอสิ่งที่อยากได้โดยไม่ต้องหันมอง เธออยู่บ้านหลังนี้ นอนในห้องนี้มาเท่าอายุ อะไรวางตรงไหนมีแค่เธอที่รู้ ยันตัวเองขึ้นนั่งพิงหัวเตียง กระดกดื่มน้ำเข้าไปหลายอึก ทว่าพอลืมตาขึ้นมาอินทิราก็ได้พบว่ามีใครบางคนนั่งอยู่ที่ปลายเตียง
พรวด!!!
น้ำเปล่าพุ่งออกจากปากในทันใด เธอรีบยกมือขึ้นปิดปาก กุลีกุจอดึงผ้าห่มไปเช็ดหน้าเขาที่เปียกชุ่มไปหมด คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน แล้วทำไมแม่กับย่าถึงอนุญาตให้เขาขึ้นมาถึงบนห้องนอนเธอได้ แล้วทำไม…ทำไมเขาดูสร่างเมา ไม่สิ ทำไมเขาดูเหมือนคนที่ไม่ได้เมาเลยสักนิด เพียงวันเดียวคนเราเปลี่ยนจากหน้าเป็นหลัง…ได้ขนาดนี้เลยหรือ
“เมื่อก่อนชอบแคะขี้มูกป้าย เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาเล่นน้ำลายแล้วหรือไง?” เหนือนทีปาดหยาดน้ำออกจากใบหน้า ขณะเดียวกันก็ปัดผ้าห่มที่อินทิราพยายามดึงมาเช็ดหน้าให้เขา
“พี่เหนือเข้ามาได้ยังไง? แล้ว…ไม่สิ ขอโทษที่พ่นน้ำใส่หน้า ก็อิงค์ตกใจนี่ อยู่ๆ เข้ามาในห้องคนอื่นได้ยังไง?”
“คนอื่นเหรอ? ได้ข่าวว่าเมื่อวานเราแต่งงานกันแล้ว” น้ำเสียงของคุณสามีนั้นเรียบนิ่งทว่าสายตาที่มองภรรยานั้นแสนจะกวนประสาทชอบกล
“ก็…” ก็ใช่เราแต่งงานกันแล้ว แต่มันใช่การแต่งงานปกติทั่วไปหรือไง อีกอย่างมีคู่สามีภรรยาที่ไหนบ้างที่เพิ่งจะได้พูดคุยกันไม่ถึงห้าประโยคด้วยซ้ำหลังจากที่เจอหน้ากันครั้งแรกในรอบสิบปี
“เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลยนะ” ไล่สายตามองหญิงสาวในสภาพเพิ่งตื่นนอน ยอมรับเลยว่าเธอสวย จัดว่าสวยมาก ขนาดหน้าสดแถมมีน้ำลายบูดเลอะขอบปากเธอก็ยังดูน่ามอง ผิวขาวเนียนน่าสัมผัส ลอนผมยาวๆ ที่ปรกใบหน้าเล็กน้อยทำให้เธอดูน่าค้นหา ถ้าไม่บอกว่าชื่ออิงค์ ไม่มีทางที่เขาจะจำได้ว่าเธอคือยัยอิงค์อ้วนขี้มูกเปียกที่ชอบร้องไห้วิ่งตามเขาตอนเด็กๆ
“ใช่ เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลย แต่ตอนนี้ขอความเป็นส่วนตัวก่อนได้ไหม?” อินทิรารู้สึกไม่เป็นตัวเองเมื่อถูกจ้องมองเป็นเวลานาน ดึงผ้าห่มมากอดไว้เพราะเพิ่งได้สติว่าเธอนั้นไม่ใส่สวมบรา แล้วสายตาไอ้พี่เหนือก็หื่นกามสุดๆ
“รีบกอบโกยเวลาส่วนตัวซะ เพราะหลังจากนี้…เธอจะไม่มีมันอีกแล้ว” ว่าจบร่างสูงก็ลุกขึ้นยืน ล้วงสองมือลงกระเป๋ากางเกงยีนสีซีด “อ้อ! เก็บเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวด้วยล่ะ พร้อมแล้วจะได้ไปกันเลย”
“ไปไหน?”
“กลับบ้านไง จนถึงตอนนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอว่าผัวมารับเมียกลับบ้าน…มีผ้ารอให้ซักตะกร้าเบ้อเร่อเลย” ทำท่าทำทางกวนประสาทแล้วก็หันหลังเดินออกไปจากห้องนอนพร้อมรอยยิ้ม
“เหอะ! นี่ฉันแต่งงานมาซักผ้าเหรอวะ?!”
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จอินทิราก็ลงมาที่ชั้นล่างของบ้าน พอเห็นว่าเหนือนทีกำลังนั่งคุยอยู่กับแม่และย่าเธอก็มามุมซ่อนตัวเองเพื่อแอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน ซึ่งจากที่ฟังพอจะเดาออกว่าเธอมาไม่ทันได้ยินเรื่องสำคัญ
“ย่าไม่ขออะไรมากหรอกนะเหนือ ย่าขอแค่อย่าทิ้งน้อง…อย่าทำให้น้องต้องโดดเดี่ยว อิงค์น่ะไม่เคยออกไปอยู่ที่ไหน ขนาดตอนไปเรียนที่ญี่ปุ่นก็ยังโทรมาร้องไห้กับที่บ้านอยู่ทุกวัน” เห็นสายตาของย่า ได้ยินน้ำเสียงที่ท่านเป็นห่วง อินทิราก็ทำหน้าเศร้า
“คุณย่าทิพย์ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะไม่ทำให้อิงค์โดดเดี่ยวแน่นอน ยังไงซะอิงค์ก็เป็นเหมือนน้องสาวของผมคนหนึ่ง”
“น้องสาวกับเมียมันไม่เหมือนกันหรอกนะเหนือ อาเข้าใจนะว่าการแต่งงานครั้งนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นจากความรัก แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว และเหนือเองก็ยืนยันว่าจะให้มันเป็นไปแบบนี้ อาอยากให้เหนือมองว่าน้องเป็นเมีย เป็นภรรยา ผัวเมียน่ะต้องเคารพซึ่งกันและกัน มีอะไรผิดพลาดนิดหน่อยก็ต้องให้อภัยกัน อาไม่ห่วงเรื่องงานบ้านงานเรือนของลูกสาวหรอก เพราะอามั่นใจว่าที่ผ่านมาอาสอนเขาได้เป็นอย่างดี แต่ที่อาห่วง…ไปอยู่กรุงเทพอิงค์เขาไม่มีใครเลย เขามีแต่เหนือที่เป็นสามี อาฝากน้องด้วยนะลูก” คนเป็นแม่ย่อมห่วงลูกสาวเป็นธรรมดา เวลานี้ก็ได้แต่หวังว่าลูกเขยจะรักษาคำพูดตัวเอง
“ครับคุณอา”
“ที่จริงต้องเรียกว่าแม่แล้วไม่ใช่เหรอ?” พิสมัยเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่เหนือนทีจะพยักหน้าตอบรับ
“ครับคุณแม่”
“ไหนป้าทิพย์บอกว่าจะมารับพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ?” อินทิราออกจากที่หลบซ่อนเดินเข้ามาหยุดยืนมองคนที่โตกว่าทั้งสาม “อิงค์ยังไม่พร้อมเลย ยังไม่ได้เก็บของเลยด้วยซ้ำ”
“ก็เอาไปแค่เสื้อผ้าชุดสองชุดก็ได้ ที่เหลือไปซื้อใหม่ที่กรุงเทพ” เหนือนทีฉายแววคนเจ้าบงการขึ้นมา
“หรือไม่แม่จะช่วยเก็บแล้วส่งไปให้ทีหลัง ป้าทิพย์โทรมาบอกแม่เมื่อเช้าว่าพี่เหนือเขาจะมารับอิงค์วันนี้”
“ทำไมต้องรีบขนาดนั้นด้วย?”
“ก็แล้วจะรอช้าทำไม แต่งงานกันแล้วก็ต้องรีบย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันสิ ยังต้องจัดการเรื่องทะเบียนสมรสอีก ทำทุกอย่างให้เสร็จแล้วจะได้ไปฮันนิมูน”
“ฮันนิมูน?” นี่มันเรื่องตลกชัดๆ นอกจากเหนือนทีจะทำเหมือนวันก่อนเขาไม่ได้ทุรนทุรายจะเป็นจะตายที่ถูกเจ้าสาวหนีไปแล้ว เขายังทำเหมือนว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นเรื่องปกติที่ปิดท้ายด้วยการไปฮันนิมูน
“เกาหลีเจ็ดวันเจ็ดคืน” เขาว่า
“เดี๋ยว…เรื่องแบบนี้มันต้องปรึกษากันก่อนหรือเปล่า? เราแต่งงานกันเมื่อวาน เจอหน้ากันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ คุยกันยังไม่ถึงสิบประโยคเลยมั้ง อยู่ๆ จะไปฮันนิมูนกันสองต่อสองเนี่ยนะ?” อินทิราตั้งตัวไม่ทัน อดคิดไม่ได้ว่าบางทีเหนือนทีอาจจะดื่มเหล้ามากจนสติฟั่นเฟือนไปแล้ว
“หรือเธอคิดว่าเราแต่งงานกันปลอมๆ?”
“ก็แล้วมันไม่ใช่หรือไง? ถ้าพี่เหนือไม่โดนเจ้าสาวเทก่อนงานแต่ง…เราก็คงไม่ได้แต่งงานกันนี่”
“อิงค์!” นวลจันทร์เอ็ดลูกสาวขึ้นมาในทันที พอรู้ตัวว่าพลั้งปากอินทิราก็หน้าหุบเหลือไม่ถึงสองนิ้ว เม้มปากเข้าหากันพลางก้มหน้าแอบช้อนสายตามองเหนือนทีที่ตอนนี้นั่งนิ่งไปแล้ว
“อิงค์ขอโทษค่ะ อิงค์ไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงเรื่องนั้น แต่ว่า…”
“นี่เป็นการแต่งงานจริงๆ ผมไม่ได้วางแผนจะหย่าหลังจากนี้…ในเมื่อแม่ผมเลือกอิงค์ ผมก็จะยอมรับการตัดสินใจของท่าน ถ้าหมดเรื่องที่จะพูดแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ” ร่างสูงยกมือไหว้พิสมัยและนวลจันทร์ก่อนจะลุกขึ้นยืน ไม่ลืมที่จะหันไปหาอินทิราที่ยืนรู้สึกผิด “พี่ไปรอที่รถ สิบนาทีคิดว่าเธอน่าจะเก็บของเสร็จนะ”
“ไม่น่าเลยอิงค์ลูก! ดูท่าพี่เหนือเขาจะโกรธนะ” นวลจันทร์ถอนหายใจออกมาหลังจากที่ลูกเขยพ้นประตูออกไปแล้ว
“ก็อิงค์ไม่ได้ตั้งใจ”
“ย่าว่าทางที่ดีอิงค์อย่าไปรื้อฟื้นเรื่องผู้หญิงคนนั้นเลยนะลูก เราก็เห็นกันอยู่ว่าเหนือเขาดูจะเสียใจมาก”
“อิงค์รู้ค่ะย่า เมื่อกี้อิงค์พลั้งปากจริงๆ”
“ไปเก็บของเถอะลูก เดี๋ยวแม่ขึ้นไปช่วย”
นวลจันทร์มีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกต้องสอนลูกสาวอยู่หลายเรื่อง หวังจะใช้เวลาที่เก็บของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าเพื่อพูดคุย แม้เวลาเพียงสิบนาทีจะสอนได้ไม่มาก แต่ก็ดีกว่าไม่ได้บอกกล่าวอะไรเลย
“อิงค์จำคำแม่ไว้นะลูก เป็นเมียน่ะ…ไม่ใช่แค่ต้องดูแลอาหาร เสื้อผ้าหรือความสะอาดในบ้าน แต่ต้องดูแลอย่างอื่นด้วย” ก็เคาะเขินที่ต้องมาพูดเรื่องแบบนี้กับลูกสาว แต่นวลจันทร์มองว่าอินทิรายังไม่ประสีประสาเท่าไรนัก “เรื่องบนเตียงก็สำคัญ”
“แม่พูดเรื่องอะไรเนี่ย!” อินทิราเขินจนแก้มแดงเมื่อได้ยินแม่พูดถึงเรื่องบนเตียง
“แม่ไม่ได้พูดเล่นนะอิงค์…เรื่องกับข้าวกับปลา เรื่องดูแลบ้านเรือนแม่ไม่ห่วง แม่ห่วงแต่ว่าอิงค์จะไม่ยอมทำหน้าที่เมีย การให้ความสุขผัวก็เป็นหน้าที่สำคัญที่เมียต้องทำ อิงค์เลือกที่จะแต่งงานกับพี่เขาแล้ว อิงค์จะต้องเติบโตไปอีกขั้น ในเมื่อพี่เขาก็บอกว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรือแต่งเพื่อบังหน้า เขาพูดเองว่าไม่ได้คิดเรื่องหย่า แล้วดูค่าสินสอดที่เขาให้เรามาสิ มันก็เหมือนหลักค้ำประกันว่าพวกเขายินดีที่จะต้อนรับอิงค์ไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เพราะแบบนั้นแล้วอิงค์ก็ต้องให้ความรักความเอาใจใส่กับพี่เขา ต้องคอยปรนนิบัติ เชื่อฟังพี่เขา อย่าดื้อ พี่เขาโตกว่าอิงค์เขาพูดอะไรอิงค์ก็ต้องฟัง ถึงบางสิ่งจะไม่ถูกใจก็อย่าเพิ่งเถียงไปในทันที ให้เก็บมาคิดก่อน”
“ค่ะแม่”
“วันนี้อิงค์อาจจะยังไม่รักพี่เหนือเขา แต่แม่เชื่อว่าสักวันอิงค์จะรักแน่…ผู้หญิงเราเวลาที่มอบกายให้ใครไปแล้ว ก็เหมือนจะมอบใจให้เขาด้วยในเวลาเดียวกัน แม่ก็ได้แต่หวังว่าพี่เหนือเขาจะเห็นความดี ความน่ารักของลูกสาวแม่ แล้วรักลูกแม่ในสักวัน แต่ขอให้อิงค์รู้ไว้นะลูก เมื่อไหร่ที่พี่เขาทำไม่ดี เมื่อไหร่ที่ทนไม่ไหว กลับมาบ้านเรา…แม่กับย่าอยู่รอรับอิงค์เสมอ”
“แม่จ๋า” ลูกสาวโผเข้ากอดผู้เป็นแม่พร้อมดวงตาแดงก่ำ นึกแล้วก็ใจหาย…อยู่ๆ เธอก็ได้แต่งงาน อยู่ๆ ก็ต้องย้ายไปอยู่กับผู้ชายไกลถึงกรุงเทพ วันก่อนเธอยังนั่งคัดลูกมังคุดที่สวนอยู่เลย วันนี้จะไปเป็นสะใภ้ไฮโซอยู่ในเมืองเสียแล้ว
5เป็นเมียพี่ต้องอดทนอินทิราขึ้นรถมากับเหนือนที จดจำสิ่งที่แม่สอนได้หมดทุกอย่างและมีเรื่องหนึ่งที่เธอลืมคิดไปสนิทใจ แต่งงานเป็นผัวเป็นเมียเรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องสำคัญ นั่นก็แปลว่าเธอต้องนอนกับเขาน่ะสิ แค่คิดหัวใจดวงน้อยก็เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ แล้ว เกิดมาเธอไม่เคยมีแฟน ไม่มีเคยมีวันไนท์สแตนด์กับใครที่ไหน จูบแรกยังไม่เคยเสียไปเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องถามถึงเรื่องอย่างว่าเลย เธอมีคำถามในใจอยู่มากมาย ถามไปก็มองใบหน้าหล่อเหลาไปด้วย ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกหวั่นไหว ยิ่งมองก็ยิ่งอยากจะเข้าไปอยู่ในใจเขา วันเดียวคงไม่อาจทำให้เขาลืมคนรักเก่าได้แน่ แต่ถ้าสามเดือนล่ะ? ถ้าเธอทำดีทุกอย่าง เป็นเมียที่ดีของเขา หากเธอว่านอนสอนง่ายอย่างที่แม่บอก สามเดือนมันจะมากพอให้เขาลืมผู้หญิงที่ชื่อมิรินทร์คนนั้นไปได้ไหม“รู้ตัวว่าหล่อมาก จ้องขนาดนั้น…คิดอะไรกับพี่หรือไง?” คนถูกจ้องรู้ตัว เอ่ยถามเสียงเรียบโดยที่ไม่ได้หันไปมอง“คิด” พอถูกถามเธอก็ตอบทันควัน ตอบแบบไม่ยั้งคิดอะไรทั้งนั้น“ฮะ?” แน่นอนว่าคำตอบของเธอทำให้เหนือนทีแปลกใจจนต้องหันกลับไปมองหน้า ก็เขานั้นรู้เสียที่ไหนว่าเธอรู้สึกยังไง เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นรักแรกของเธอ“พี่
บทนำ“ใส่ชุดนี้ให้ดูหน่อย”คุณสามียื่นชุดนอนสีขาวให้ภรรยาที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จจนตัวหอม เธอมองชุดในมือเขาแล้วนึกขึ้นได้ เห็นมันเมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่มีคนมาส่งของ มันคือชุดนอนไม่ได้นอน เป็นชุดลูกไม้ซีทรูสีขาวครีมที่ใส่ไปก็เหมือนไม่ได้ใส่ ที่จริงเธอคิดว่าเขาสั่งมันไปให้ผู้หญิงคนไหนสักคนซึ่งไม่ใช่เมียที่ถูกต้องตามกฎหมายคนนี้“ยังไม่ได้ซักนี่” รับมันไว้ในมือจับเนื้อผ้าดูก็รู้ว่าเขาเพิ่งเอามันออกมาจากกล่อง“ก็แล้วทำไมตอนที่เปิดกล่องดูเธอไม่ซักล่ะ?” สามีถามกลับ มันแปลว่าเขารู้ว่าภรรยาได้แอบเปิดกล่องชุดนอนไม่ได้นอนตัดหน้าเขาไปแล้ว“ก็อิงค์ไม่รู้ว่าพี่เหนือจะเอามาให้อิงค์ใส่” เธองอนเขามาหลายวัน งอนตั้งแต่ที่เห็นชุดนอนไม่ได้นอนมาส่งที่หน้าบ้าน เขาไม่เคยรู้ตัวอะไรทั้งนั้น…เขาไม่เคยสนใจว่าเธอที่เป็นเมียรู้สึกยังไง“งอนอยู่จริงๆ สินะ ก็ว่าทำไมมื้อเช้าเค็มแปลกๆ มาหลายวันแล้ว ใส่เกลือเยอะไป…หรือแคะขี้มูกป้าย?” เขามันเป็นคนกวนประสาท ชอบแซะชอบแซว ชอบแกล้งเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร รู้ทั้งรู้ว่าเธองอน แทนที่จะง้อกับพูดจาสุนัขไม่รับประทาน“อิงค์ไม่ตลก!” คุณเมียช้อนสายตามองคุณผัวอย่างไ
1เขาเป็นรักแรกเหนือนที รพีสุวิวัฒน์ก็แค่ผู้ชายธรรมดาที่โชคดีเกิดมาหน้าตาดี รูปร่างเพอร์เฟคเหมือนเป็นลูกรักเทพเจ้า แถมยังมีพ่อเป็นเจ้าของธุรกิจเฟรนไชส์ไก่ทอดที่ขายไปทั่วประเทศ น้อยคนที่จะส่ายหน้าบอกว่าไม่เคยได้ลองชิมรพีไก่ทอดที่วางขายอยู่ทุกหนทุกแห่งมานับสิบปี ขายดิบขายดีจนเจ้าของนั้นเหลือกินเหลือใช้ ก็ใช่เขารวยแต่ก็ไม่ได้รวยอะไรมากมาย ก็ใช่เขาหล่อ…แต่หล่อมันกินไม่ได้ เพราะนิสัยของเขามันเหลือจะทน เขาทั้งหยิ่งยโส ปากหมาไม่รับประทานแถมยังมั่นหน้ามั่นโหนกเสียเหลือเกิน ที่สำคัญคือได้ยินว่าเขาเป็นพวกเจ้าชู้ ถึงจะหยิ่งแต่ก็กินไม่ค่อยเลือก เหมือนไม่ง่ายแต่ก็ได้ไม่ยากบรรดาเหล่าสาวน้อยสาวใหญ่พากันออกมารีวิวว่าของเขาดียังไง เดี๋ยวว่าแซ่บ เดี๋ยวเด็ดสะระตี่ บ้างก็ว่าเวลาถูกเขาลากขึ้นเตียงล่ะแหม…ฟินจนต้องครางเสียงแหบเสียงแห้ง แต่พอเขามีแฟนข่าวความคาวก็หายเงียบ ได้ยินว่าถึงจะเป็นพวกบ้าเซ็กส์มั่วผู้หญิงแต่เหนือนทีเป็นคนรักใครรักจริง พอมีตัวจริงเป็นตัวเป็นตนก็หยุดนิสัยเจ้าชู้ในทันที เห็นว่าผู้หญิงที่สามารถมัดใจเสือผู้หญิงอย่างเหนือนทีได้ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลแต่เป็นมิรินทร์ อำพลคุณากร ไฮโซสาวที่เป็นเพื
2งานแต่งงานที่แสนจะอัปยศ“แล้วทำไมถึงเป็นอิงค์ล่ะ?”คำถามนี้เป็นของย่าพิสมัย ก็เห็นกันอยู่ทนโท่ว่าในงานมีหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเหนือนทีตั้งหลายคน ทั้งเพื่อนเก่าที่จันทบุรี ทั้งเหมือนสมัยไปเรียนเมืองนอกเมืองนา หากต้องการหาใครก็ได้มาแต่งงานแทนแล้วทำไมจะต้องเป็นอินทิราหลานสาวคนเดียวของเธอ“ก็เพราะทิพย์อยากทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับคุณป้าค่ะ ทิพย์กราบขอโทษ…” ทิพย์นารียกมือไหว้พิสมัย “ขอโทษที่ไม่ได้ทำตามสัญญาตั้งแต่แรก แล้วพอเกิดเรื่องขึ้น ก็นึกอยากจะทำตามสัญญา”“สัญญาอะไรคะ?” อินทิราหันถามย่ากับแม่“สิบกว่าปีก่อนตอนที่บ้านเราไม่มีทุนจะทำรพีไก่ทอด ย่าของหลานเป็นคนช่วยเรื่องทุน…ให้ทุนมาโดยไม่คิดดอกเบี้ยแม้แต่สตางค์เดียว ป้าก็เลยให้คำสัญญาเอาไว้ ว่าหากวันหนึ่งวันใดที่เจ้าเหนือมันเติบโตพอที่จะรับผิดชอบอะไรได้แล้ว ป้าจะพาลูกชายมาสู่ขอหลาน แต่ป้าก็ไม่ได้ทำตามที่สัญญาไว้เพราะเจ้าเหนือมันดันไปมีแฟนเสียก่อน แล้วในเมื่อตอนนี้แฟนของมันหนีไปแล้ว…ป้าเลยอยากจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับย่าหลาน” ทิพย์นารีออกหน้าตอบคำถามของอินทิรา“เรื่องนี้คงต้องให้อิงค์มันตัดสินใจเอาเอง” พิสมัยว่า “ก็เห็นกันอยู่ว่าถ้าไม
3เป้าหมายที่ต้องพิชิต‘จะไม่รักแม้แต่กับเธอ’อินทิราไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากเหนือนทีตั้งแต่วันแรกที่เข้าห้องหอกับเขา เขาอาจพูดโดยไร้สติ ก็ใช่แหละเขาไม่รักเธอ เขาจะมารักมาเสน่หาอะไรกับเด็กบ้านนอกอย่างเธอ ก็เธอมันเป็นยัยอิงค์อ้วนขี้มูกเปียกที่เขาไม่เคยสนใจนี่ มันแน่นอนอยู่แล้วที่เขาต้องคิดแบบนั้นเพราะเขากำลังเจ็บปวด ที่คิดว่าคงรักใครไม่ได้อีก แต่ถามจริง! ต้องพูดออกมาด้วยเหรอ? ต้องทำร้ายทำลายน้ำใจคนที่ช่วยเขาแบบซึ่งๆ หน้าด้วยหรือไง? ทั้งๆ ที่เธอช่วยให้เขาผ่านพ้นการแต่งงานเส็งเคร็งนั้นมาได้แท้ๆเจ้าสาวสายฟ้าแลบขับรถพาย่ากับแม่กลับเมืองจันท์ในช่วงสายของอีกวัน เรื่องสินสอดหรือเรื่องที่ว่าต่อไปจะเอายังไงต่อเธอปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันเอง พอกลับมาถึงบ้านก็ตรงเข้าห้องนอนแล้วตั้งสติ ประมวลเหตุการณ์ทุกอย่างว่าเธอทำอะไรลงไป เอาโทรศัพท์มือถือที่แบตหมดออกจากกระเป๋ามาชาร์จไฟ ทิ้งตัวลงนอนแล้วมองเพดานบ้านไม้สักสองชั้นหลังใหญ่“นี่เราแต่งงานกับไอ้พี่เหนือมันแล้วจริงเหรอวะ?” ถามตัวเองแบบนี้เป็นรอบที่ร้อยแล้วเห็นจะได้ “แต่งจริงๆ หรือแต่งปลอมๆ? แล้วไอ้ที่ตอนแรกเรากะจะทำให้เขารักล่ะ? ไอ้ที่คิดว
5เป็นเมียพี่ต้องอดทนอินทิราขึ้นรถมากับเหนือนที จดจำสิ่งที่แม่สอนได้หมดทุกอย่างและมีเรื่องหนึ่งที่เธอลืมคิดไปสนิทใจ แต่งงานเป็นผัวเป็นเมียเรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องสำคัญ นั่นก็แปลว่าเธอต้องนอนกับเขาน่ะสิ แค่คิดหัวใจดวงน้อยก็เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ แล้ว เกิดมาเธอไม่เคยมีแฟน ไม่มีเคยมีวันไนท์สแตนด์กับใครที่ไหน จูบแรกยังไม่เคยเสียไปเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องถามถึงเรื่องอย่างว่าเลย เธอมีคำถามในใจอยู่มากมาย ถามไปก็มองใบหน้าหล่อเหลาไปด้วย ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกหวั่นไหว ยิ่งมองก็ยิ่งอยากจะเข้าไปอยู่ในใจเขา วันเดียวคงไม่อาจทำให้เขาลืมคนรักเก่าได้แน่ แต่ถ้าสามเดือนล่ะ? ถ้าเธอทำดีทุกอย่าง เป็นเมียที่ดีของเขา หากเธอว่านอนสอนง่ายอย่างที่แม่บอก สามเดือนมันจะมากพอให้เขาลืมผู้หญิงที่ชื่อมิรินทร์คนนั้นไปได้ไหม“รู้ตัวว่าหล่อมาก จ้องขนาดนั้น…คิดอะไรกับพี่หรือไง?” คนถูกจ้องรู้ตัว เอ่ยถามเสียงเรียบโดยที่ไม่ได้หันไปมอง“คิด” พอถูกถามเธอก็ตอบทันควัน ตอบแบบไม่ยั้งคิดอะไรทั้งนั้น“ฮะ?” แน่นอนว่าคำตอบของเธอทำให้เหนือนทีแปลกใจจนต้องหันกลับไปมองหน้า ก็เขานั้นรู้เสียที่ไหนว่าเธอรู้สึกยังไง เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นรักแรกของเธอ“พี่
4มารับเมียเมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อยพอตื่นขึ้นมาอาการแฮงค์ก็เล่นงานอินทิราในทันที คว้าขวดน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องมาดื่มทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา ความเคยชินทำให้เพียงควานหาก็เจอสิ่งที่อยากได้โดยไม่ต้องหันมอง เธออยู่บ้านหลังนี้ นอนในห้องนี้มาเท่าอายุ อะไรวางตรงไหนมีแค่เธอที่รู้ ยันตัวเองขึ้นนั่งพิงหัวเตียง กระดกดื่มน้ำเข้าไปหลายอึก ทว่าพอลืมตาขึ้นมาอินทิราก็ได้พบว่ามีใครบางคนนั่งอยู่ที่ปลายเตียงพรวด!!!น้ำเปล่าพุ่งออกจากปากในทันใด เธอรีบยกมือขึ้นปิดปาก กุลีกุจอดึงผ้าห่มไปเช็ดหน้าเขาที่เปียกชุ่มไปหมด คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน แล้วทำไมแม่กับย่าถึงอนุญาตให้เขาขึ้นมาถึงบนห้องนอนเธอได้ แล้วทำไม…ทำไมเขาดูสร่างเมา ไม่สิ ทำไมเขาดูเหมือนคนที่ไม่ได้เมาเลยสักนิด เพียงวันเดียวคนเราเปลี่ยนจากหน้าเป็นหลัง…ได้ขนาดนี้เลยหรือ“เมื่อก่อนชอบแคะขี้มูกป้าย เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาเล่นน้ำลายแล้วหรือไง?” เหนือนทีปาดหยาดน้ำออกจากใบหน้า ขณะเดียวกันก็ปัดผ้าห่มที่อินทิราพยายามดึงมาเช็ดหน้าให้เขา“พี่เหนือเข้ามาได้ยังไง? แล้ว…ไม่สิ ขอโทษที่พ่นน้ำใส่หน้า ก็อิงค์ตกใจนี่ อยู่ๆ เข้ามาในห้องคนอื่นได้ยังไง?”
3เป้าหมายที่ต้องพิชิต‘จะไม่รักแม้แต่กับเธอ’อินทิราไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากเหนือนทีตั้งแต่วันแรกที่เข้าห้องหอกับเขา เขาอาจพูดโดยไร้สติ ก็ใช่แหละเขาไม่รักเธอ เขาจะมารักมาเสน่หาอะไรกับเด็กบ้านนอกอย่างเธอ ก็เธอมันเป็นยัยอิงค์อ้วนขี้มูกเปียกที่เขาไม่เคยสนใจนี่ มันแน่นอนอยู่แล้วที่เขาต้องคิดแบบนั้นเพราะเขากำลังเจ็บปวด ที่คิดว่าคงรักใครไม่ได้อีก แต่ถามจริง! ต้องพูดออกมาด้วยเหรอ? ต้องทำร้ายทำลายน้ำใจคนที่ช่วยเขาแบบซึ่งๆ หน้าด้วยหรือไง? ทั้งๆ ที่เธอช่วยให้เขาผ่านพ้นการแต่งงานเส็งเคร็งนั้นมาได้แท้ๆเจ้าสาวสายฟ้าแลบขับรถพาย่ากับแม่กลับเมืองจันท์ในช่วงสายของอีกวัน เรื่องสินสอดหรือเรื่องที่ว่าต่อไปจะเอายังไงต่อเธอปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันเอง พอกลับมาถึงบ้านก็ตรงเข้าห้องนอนแล้วตั้งสติ ประมวลเหตุการณ์ทุกอย่างว่าเธอทำอะไรลงไป เอาโทรศัพท์มือถือที่แบตหมดออกจากกระเป๋ามาชาร์จไฟ ทิ้งตัวลงนอนแล้วมองเพดานบ้านไม้สักสองชั้นหลังใหญ่“นี่เราแต่งงานกับไอ้พี่เหนือมันแล้วจริงเหรอวะ?” ถามตัวเองแบบนี้เป็นรอบที่ร้อยแล้วเห็นจะได้ “แต่งจริงๆ หรือแต่งปลอมๆ? แล้วไอ้ที่ตอนแรกเรากะจะทำให้เขารักล่ะ? ไอ้ที่คิดว
2งานแต่งงานที่แสนจะอัปยศ“แล้วทำไมถึงเป็นอิงค์ล่ะ?”คำถามนี้เป็นของย่าพิสมัย ก็เห็นกันอยู่ทนโท่ว่าในงานมีหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเหนือนทีตั้งหลายคน ทั้งเพื่อนเก่าที่จันทบุรี ทั้งเหมือนสมัยไปเรียนเมืองนอกเมืองนา หากต้องการหาใครก็ได้มาแต่งงานแทนแล้วทำไมจะต้องเป็นอินทิราหลานสาวคนเดียวของเธอ“ก็เพราะทิพย์อยากทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับคุณป้าค่ะ ทิพย์กราบขอโทษ…” ทิพย์นารียกมือไหว้พิสมัย “ขอโทษที่ไม่ได้ทำตามสัญญาตั้งแต่แรก แล้วพอเกิดเรื่องขึ้น ก็นึกอยากจะทำตามสัญญา”“สัญญาอะไรคะ?” อินทิราหันถามย่ากับแม่“สิบกว่าปีก่อนตอนที่บ้านเราไม่มีทุนจะทำรพีไก่ทอด ย่าของหลานเป็นคนช่วยเรื่องทุน…ให้ทุนมาโดยไม่คิดดอกเบี้ยแม้แต่สตางค์เดียว ป้าก็เลยให้คำสัญญาเอาไว้ ว่าหากวันหนึ่งวันใดที่เจ้าเหนือมันเติบโตพอที่จะรับผิดชอบอะไรได้แล้ว ป้าจะพาลูกชายมาสู่ขอหลาน แต่ป้าก็ไม่ได้ทำตามที่สัญญาไว้เพราะเจ้าเหนือมันดันไปมีแฟนเสียก่อน แล้วในเมื่อตอนนี้แฟนของมันหนีไปแล้ว…ป้าเลยอยากจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับย่าหลาน” ทิพย์นารีออกหน้าตอบคำถามของอินทิรา“เรื่องนี้คงต้องให้อิงค์มันตัดสินใจเอาเอง” พิสมัยว่า “ก็เห็นกันอยู่ว่าถ้าไม
1เขาเป็นรักแรกเหนือนที รพีสุวิวัฒน์ก็แค่ผู้ชายธรรมดาที่โชคดีเกิดมาหน้าตาดี รูปร่างเพอร์เฟคเหมือนเป็นลูกรักเทพเจ้า แถมยังมีพ่อเป็นเจ้าของธุรกิจเฟรนไชส์ไก่ทอดที่ขายไปทั่วประเทศ น้อยคนที่จะส่ายหน้าบอกว่าไม่เคยได้ลองชิมรพีไก่ทอดที่วางขายอยู่ทุกหนทุกแห่งมานับสิบปี ขายดิบขายดีจนเจ้าของนั้นเหลือกินเหลือใช้ ก็ใช่เขารวยแต่ก็ไม่ได้รวยอะไรมากมาย ก็ใช่เขาหล่อ…แต่หล่อมันกินไม่ได้ เพราะนิสัยของเขามันเหลือจะทน เขาทั้งหยิ่งยโส ปากหมาไม่รับประทานแถมยังมั่นหน้ามั่นโหนกเสียเหลือเกิน ที่สำคัญคือได้ยินว่าเขาเป็นพวกเจ้าชู้ ถึงจะหยิ่งแต่ก็กินไม่ค่อยเลือก เหมือนไม่ง่ายแต่ก็ได้ไม่ยากบรรดาเหล่าสาวน้อยสาวใหญ่พากันออกมารีวิวว่าของเขาดียังไง เดี๋ยวว่าแซ่บ เดี๋ยวเด็ดสะระตี่ บ้างก็ว่าเวลาถูกเขาลากขึ้นเตียงล่ะแหม…ฟินจนต้องครางเสียงแหบเสียงแห้ง แต่พอเขามีแฟนข่าวความคาวก็หายเงียบ ได้ยินว่าถึงจะเป็นพวกบ้าเซ็กส์มั่วผู้หญิงแต่เหนือนทีเป็นคนรักใครรักจริง พอมีตัวจริงเป็นตัวเป็นตนก็หยุดนิสัยเจ้าชู้ในทันที เห็นว่าผู้หญิงที่สามารถมัดใจเสือผู้หญิงอย่างเหนือนทีได้ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลแต่เป็นมิรินทร์ อำพลคุณากร ไฮโซสาวที่เป็นเพื
บทนำ“ใส่ชุดนี้ให้ดูหน่อย”คุณสามียื่นชุดนอนสีขาวให้ภรรยาที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จจนตัวหอม เธอมองชุดในมือเขาแล้วนึกขึ้นได้ เห็นมันเมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่มีคนมาส่งของ มันคือชุดนอนไม่ได้นอน เป็นชุดลูกไม้ซีทรูสีขาวครีมที่ใส่ไปก็เหมือนไม่ได้ใส่ ที่จริงเธอคิดว่าเขาสั่งมันไปให้ผู้หญิงคนไหนสักคนซึ่งไม่ใช่เมียที่ถูกต้องตามกฎหมายคนนี้“ยังไม่ได้ซักนี่” รับมันไว้ในมือจับเนื้อผ้าดูก็รู้ว่าเขาเพิ่งเอามันออกมาจากกล่อง“ก็แล้วทำไมตอนที่เปิดกล่องดูเธอไม่ซักล่ะ?” สามีถามกลับ มันแปลว่าเขารู้ว่าภรรยาได้แอบเปิดกล่องชุดนอนไม่ได้นอนตัดหน้าเขาไปแล้ว“ก็อิงค์ไม่รู้ว่าพี่เหนือจะเอามาให้อิงค์ใส่” เธองอนเขามาหลายวัน งอนตั้งแต่ที่เห็นชุดนอนไม่ได้นอนมาส่งที่หน้าบ้าน เขาไม่เคยรู้ตัวอะไรทั้งนั้น…เขาไม่เคยสนใจว่าเธอที่เป็นเมียรู้สึกยังไง“งอนอยู่จริงๆ สินะ ก็ว่าทำไมมื้อเช้าเค็มแปลกๆ มาหลายวันแล้ว ใส่เกลือเยอะไป…หรือแคะขี้มูกป้าย?” เขามันเป็นคนกวนประสาท ชอบแซะชอบแซว ชอบแกล้งเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร รู้ทั้งรู้ว่าเธองอน แทนที่จะง้อกับพูดจาสุนัขไม่รับประทาน“อิงค์ไม่ตลก!” คุณเมียช้อนสายตามองคุณผัวอย่างไ