บทที่ 5 แชตหลุด
ร่างระหงผิวขาวราวน้ำนมค่อยเดินเยื้องย่างบนรองเท้าส้นสูงสีครีม ดาราสาวพราวเสน่ห์สวยคมอย่างสาวไทยแท้ ผมดำขลับดกหนาหยักศกธรรมชาติปล่อยสยายกลางแผ่นหลัง
ไอริณขยับร่างเคลื่อนไหวเป็นจังหวะอย่างรู้ดีว่าควรทิ้งสะโพกแบบใดถึงทิ้งความร้อนลวกเป็นทางตามจังหวะก้าวเดินได้
มือเล็กเรียวสะบัดปลายผมหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะตัวเธอเองต้องการมัดผมแต่ไม่อาจทำได้เพราะติดสัญญารับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับครีมบำรุงผมยี่ห้อดังของเมืองไทย แต่อย่างไรเธอเป็นคนมีความอดทนสูง ตัวเลขมหาศาลทำให้เธอสามารถทนทานกับเหงื่อไคลความร้อนรอบต้นคอได้มหาศาลเช่นกัน
ตึก ตึก ตึก!
เสียงส้นร้องเท้าราคาแพงสีครีมกระทบพื้นกระเบื้องเป็นจังหวะ ไอริณยกมือเลื่อนแว่นกันแดดบนใบหน้าขยับขึ้นพาดบนศีรษะเมื่อเธอเดินเข้าใกล้ประตูห้องทำงานของผู้บริหารอาวุโสสถานีโทรทัศน์ชื่อดัง
ดวงตาสีน้ำตาลอมดำไม่เหมือนใครดูแปลกตา ชำเลืองมองเลขานุการหน้าห้องทำงานของท่านบริหารสถานียิ้มหวานส่งให้ก่อนเพื่อเปิดทาง
“สวัสดีค่ะคุณพิชญา ไม่ทราบว่าท่านพิษณุเรียกไอริณมาวันนี้เรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ”
สีหน้ายิ้มหวานแต่ไม่มากของเลขานุการทำให้เธอเสียวสันหลังจนขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง
“ไม่มีอะไรมากค่ะคุณไอริณ แต่ท่านพิษณุเรียกผู้จัดการส่วนตัวของคุณไอริณมาด้วยนะคะ ไม่เห็นมาด้วยกัน”
“กำลังตามมาค่ะ”
“ถ้างั้นเดี๋ยวดิฉันแจ้งท่านพิษณุก่อนนะคะว่าท่านจะให้คุณไอริณเข้าไปเลยไหม”
“ค่ะ”
ระหว่างยืนรอเธอกวาดสายตาไปยังรอบโถงกว้างที่มีพนักงานนั่งเรียงรายซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาวเมืองกรุงแต่งตัวตามแฟชั่นราคาแพง ตกเย็นออกแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนฝูง
สายตาของบรรดาสาว ๆ ในโถงทำงานต่างลอบมองเธอเป็นตาเดียว แต่ยังไม่ทันได้จับสังเกตอะไรมากไปกว่านั้น เสียงหวานนุ่มของเลขานุการหน้าห้องท่านพิษณุพลันดังขึ้น
“คุณไอริณคะ เชิญค่ะ”
ร่างระหงของดาราสาวสวยวัยยี่สิบเจ็ดปีหุ่นดี ทรวดทรงอกเอวงามพร้อมสมเป็นดาราดัง พาร่างเยื้องย่างเข้าห้องทำงานของท่านพิษณุทันทีไม่รอช้า
ห้องทำงานของผู้บริหารสว่างจ้าด้วยแสงสว่างจากภายนอกหน้าต่างจนเธอสามารถมองเห็นทุกอย่างภายในห้อง ด้วยความคุ้นเคยเพราะไอริณเป็นดาราในสังกัดของโทรทัศน์ช่องนี้มาเนิ่นนาน เดินเข้าออกห้องบริหารเป็นว่าเล่นตลอดเวลาหลายปี ทำให้เธอจัดแจงเดินไปนั่งยังโซฟาด้านข้างทันทีโดยไม่รอให้ท่านพิษณุเอ่ยอนุญาต
“สวัสดีค่ะท่าน”
หลังจากนั่งลงเรียบร้อยพับขาอย่างดีกันโป๊เพราะวันนี้เลือกสวมใส่กระโปรงตัวสั้น จึงค่อยยกมือไหว้นอบน้อมอย่างทุกครั้งที่เจอท่านพิษณุ
“อืม เป็นไงช่วงนี้”
“ดีค่ะท่าน ไม่ทราบว่าท่านเรียกไอริณมามีเรื่องหรือเปล่าคะ หรือมีงานใหม่”
น้ำเสียงกระตือรือร้นขึ้นมาเมื่อพูดถึงงานใหม่เพราะตอนนี้ไอริณเสมือนดาราว่างงาน ช่องโทรทัศน์ไม่ป้อนงานให้เธอมาหลายเดือนแล้ว ให้เธอไปแค่ออกงานสังสรรหรืองานโชว์ตัวตามอีเว้นท์เท่านั้น ซึ่งงานพวกนี้เป็นงานน่าเบื่อ ไม่ท้าทายความสามารถของเธอมากพอ
ท่านพิษณุ หรือ พิษณุ สินธุเตชะไพศาล นั่งตำแหน่งผู้บริหารอาวุโสสูงสุดของบริษัทแห่งนี้ควบประธานบริษัทไปด้วยในตัว ส่งสายตาปรามอย่างชายสูงวัยหกสิบกว่าปี แม้ว่าท่านพิษณุจะยังดูกระชุ่มกระชวยแข็งแรง แต่ริ้วรอยบนใบหน้ายังเห็นได้ชัด
ร่างท้วมเล็กน้อยเพราะนั่งทำงานอยู่กับที่เป็นเวลานานจนไม่มีเวลาออกกำลังกาย ผิวขาวจัดอย่างคนจีน และที่สำคัญนัยน์ตารู้ทันคมดุราวกับเครื่องสแกนจับผิดตลอดเวลา
“ไอริณ เธอเป็นดาราในสังกัดของฉันมากี่ปีแล้วนะ”
“เกือบแปดปีแล้วค่ะ ตั้งแต่ไอริณเข้ามาอยู่เมืองกรุงเทพใหม่ ๆ”
“ใช่ ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กตัวดำร่างสูง แล้วดูเธอสิตอนนี้เปล่งประกายเจิดจ้า ดาราดังของเมืองไทย ใครเห็นต่างต้องพากันอิจฉา”
ไอริณนั่งเงียบฟังท่านพิษณุ เธอทั้งเคารพรักดั่งเป็นพ่อแท้ ๆ และหวาดเกรงบารมีไปด้วยพร้อมกัน
“ค่ะท่าน”
“ค่ะท่าน! เธอพูดได้แค่นี้เหรอไอริณ เธอก็รู้ว่าที่ฉันเรียกมาเพราะเรื่องอะไร”
เสียงตะคอกดังขึ้นจนไอริณสะดุ้งเฮือก
“ท่านพิษณุใจเย็น ๆ สิค่ะ”
บทที่ 6 เรียลริตี้“ใจเย็น เธอบอกให้ฉันใจเย็น นอกจากภาพหลุดจูบนัวเนียกับลูกชายฉันแล้ว ยังมีแซตหลุด!”ข่าวล่าสุดเมื่อวานนี้ดังกระหึ่มไปทั่วโลกโซเซียล แซตหลุดระหว่างเธอกับภรรยาของภูมิ ลูกชายท่านพิษณุ“มันไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดนะคะ”“ไม่ใช่! โอ๊ย ไอริณ เดี๋ยวนะฉันจะอ่านให้ฟัง”คิ้วเรียวคันศรขมวดมุ่นพยายามข่มอารมณ์โกรธที่ปะทุขึ้นเมื่อนึกถึงประโยคแซตเมื่อวาน“ไงไอริณ เมื่อวานภูมิบอกไปค้างกับเธอ แล้วไง ค้างแล้วไง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า เปล๊า แค่อยากจะถามว่าแย่งผัวชาวบ้านสนุกมากไหม ผัวชาวบ้าน 555 ได้นอนกับภูมิแล้วเหรอถึงเรียกผัว”ท่านพิษณุหยุดไปเมื่อถึงประโยคเด็ดหลังจากนี้ ใบหน้าท่านแดงก่ำอายเกินกว่าจะอ่านออกมาได้ ไอริณจึงต่อประโยคให้เพราะอ่านมาแล้วหลายรอบจำจนขึ้นใจ“ประโยคถัดไปของคุณพัดคือ ฉันไม่ได้นอนกับผัวแต่ยังดีกว่าอีกระหรี่นอนอ้าขาแลกกับงานแสดง ส่วนไอริณเลยตอกกลับคุณพัดไปว่า ฉันนอนอ้าขาเปิดให้คุณภูมิยังดีกว่าให้หอยปิดสนิทจนหยากไย่ขึ้น”แม้ว่าน้ำเสียงของไอริณราบเรียบแต่ท่านพิษณุกลับหน้าแดงก่ำโบกมือให้ไอริณหยุดพูด“พอ ๆ หยุด ไม่ต้องสาธยายออกมา นี่ไม่อายฉันบ้างหรือไงไอริณ”“อายทำไมคะ แค่ประโ
บทที่ 7 บางปลาม้าไอริณพูดพึมพำไม่ดังมากนักแต่ท่านพิษณุยังได้ยิน นั่งเอามือประกบบนตักมองดาราสาวแล้วอมยิ้ม“ใช่ เราจะถ่ายไปออนแอร์ไป ให้สถานการณ์สดมันพาไป”“ท่านคะ มันไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอคะ”เป็นเชอรี่เริ่มกังวล การถ่ายไปออนแอร์ไปเสี่ยงอย่างยิ่ง ไม่เหมือนถ่ายเสร็จแล้วตัดต่อ ตรวจดูให้แน่ใจแล้วถึงออกอากาศ“ผมอยากให้เรียลริตี้นี้สมจริงที่สุด ตัดต่อน้อยที่สุด และที่สำคัญเงินลงทุนน้อยที่สุด”ไอริณเริ่มใจไม่ดีคว้าแฟ้มในมือเชอรี่มาเปิดออกดูแผนงานลำดับต่อไปทันที“ทะ ท่าน ท่านพิษณุ นี่มันบางปลาม้า!!”“ใช่ ไอริณ บางปลาม้า เราจะกลับไปบ้านเกิดของเธอเพื่อหวนกลับคืนบ้านนา ทบทวนความทรงจำวัยเยาว์เก่า ๆ โดยเฉพาะแฟนเก่า”“แฟนเก่า?”เชอรี่ทวนคำเหลือบตามองเพื่อนดาราที่กำลังกวาดตามองแต่ละตัวอักษรบนหน้าแฟ้มอย่างตื่นตะลึงตาเบิกโพลง“ใช่ แฟนเก่า ผมได้ข่าวมาว่าแฟนเก่าของคุณคือกำนันจอมพล”“อะไรนะ ไอริณ แกไม่เคยบอกฉัน”เสียงเชอรี่สูงขึ้นเอี้ยวหน้าจ้องไอริณที่ยังก้มหน้าอ่านแฟ้มปากสั่น“มะ มันไม่มีสคริปต์”“ใช่แล้วไอริณ ผมอยากให้มันสดมาก ๆ ผมคุยกับเจ้าเป็กไว้แล้ว”“เป็ก! ท่านพิษณุอย่าบอกนะว่าเป็นเจ้านั่น ที่มันเคย
บทที่ 8 กำนันจอมพลรูปหล่อ“แต่ว่า แค่คนแต่งตัวไอริณก็ปาไปสามคนแล้วนะคะท่านพิษณุ”“ถ้างั้นให้ไอริณแต่งตัวเอง แต่ที่จริงมันไม่ต้องแต่งตัวเลยเพราะเราจะไม่แต่งหน้า”“ท่านหมายความว่าอย่างไร”เป็นเชอรี่ที่เป็นคนถามออกมา“ไอริณเป็นคนสวยธรรมชาติอยู่แล้ว เจ้าเป็กมันเลยบอกว่าทำไมไม่ลองหน้าสดดู ถ้าจะแต่งบ้างก็แค่งลองพื้นเขียนขอบตาบ้างเพื่อกันไม่ให้หน้าซีดก็พอ”“หน้าสด! หน้าสด!”ไอริณลืมตัวถึงขนาดตะโกนออกมา ชะโงกตัวโน้มไปด้านหน้าท่านพิษณุส่งสายตากราดเกรี้ยว“ไอริณยอมตายดีกว่าถ้าจะให้ไอริณหน้าสด!!”“ฮ่า ฮ่า คุณนี่ตลกไม่เปลี่ยนเลยไอริณ ไปสิ ไปตายเลย โน้นประตู”“ขอโทษค่ะท่านพิษณุ”ไอริณหน้าชาแดงก่ำรีบเอ่ยขอโทษน้ำเสียงกดต่ำลง“ตกลงตามนี้ เอาแฟ้มกลับไปได้เลย เราจะเริ่มถ่ายทำอีกสองอาทิตย์ อ้อ อีกเรื่อง ผมเกือบลืมเสียสนิท”เชอรี่และไอริณจ้องท่านพิษณุตั้งใจฟังเต็มที่“กำนันจอมพลบอกว่าต้องเป็นไอริณโทรไปเองเท่านั้น ถึงจะยอมคุยด้วย”“อะไรนะ อะไรนะ! ไอ้บ้านั่น ไอ้กำนันเฮงซวยมันให้ไอริณโทรไปหา”“ฮ่า ฮ่า ผมเพิ่งจะรู้ว่าคุณสนิทกับกำนันคนดังมากจริง ๆ อย่าลืมโทรสะล่ะ อีกสองอาทิตย์ต้องเริ่มถ่ายทำแล้ว”ไอริณหน้าถอด
บทที่ 9 มะปรางกำนันจอมพล ผู้ที่กำลังถูกพูดถึงนั่งสบายใจริมระเบียงหลังเล็กในหมู่บ้านห่างไกลจากบางปลาม้าราวแปดสิบกิโลเมตรมองท้องฟ้ามืดมิดผ่านทุ่งราวข้าวยาวสุดลูกตา ฤดูเกี่ยวข้าวกำลังใกล้เข้ามา ปีนี้ข้าวออกรวงดีน้ำท่าสมบูรณ์ เขาคงต้องวุ่นสักหน่อย“พี่พล”เสียงหวานใสนุ่มของมะปราง สาวร่างอวบอิ่มผิวสีน้ำผึ้งแต่เนียนลออ ทำให้เขาเอี้ยวหน้ากลับไปทางโซฟาอีกด้าน“ว่าไง”“ปีนี้มะปรางเรียนจบแล้ว”“แล้วคิดไว้หรือยังว่าจะทำงานที่ไหน”“มะปรางว่าจะสมัครลูกจ้างชั่วคราวแถวนี้ จะได้อยู่รับใช้พี่พลใกล้ ๆ”จอมพลดับบุหรี่แล้วหยิบแก้วเบียร์ขึ้นจิบก่อนวางแก้วลงหันไปหาเด็กสาวตรง ๆ“มะปรางไม่ต้องอยู่รับใช้พี่ก็ได้ ไปทำงานที่อยากทำ ลองไปสมัครงานที่กรุงเทพไหม”“แต่มะปรางอยากอยู่กับพี่พล”สาวร่างอวบพุ่งตัวสวมกอดโดยพลันซบใบหน้าถูลำตัวเข้ากับร่างแข็งแกร่งจนคนร่างโตต้องสวมกอดไว้“เราเคยคุยกันหลายครั้งแล้วว่าระหว่างเราไม่ได้เป็นอะไรกัน พี่ไม่เคยว่าถ้ามะปรางมีคนอื่น”“แต่มะปรางรักพี่พล”“มะปราง! เริ่มแรกเราตกลงกันไว้ว่าอย่างไร”มือแกร่งบีบต้นแขนสาวร่างอวบดันออกแล้วจ้องหน้าจนมะปรางต้องหลุบตาหนี“ค่ะมะปรางจำได้ พี่พลจะ
บทที่ 10 จันทน์กะพ้อคนร่างโตยืดกายขึ้นเตรียมพร้อม ส่วนมะปรางลงไปนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นด้านล่างแล้วความเงียบผ่านเข้ามาในโทรศัพท์อยู่สักพัก จอมพลได้ยินเสียงสูดลมหายใจก่อนตามมาด้วยเสียงถอนหายใจ ปากหนาจึงคลี่ออกยิ้มมุมปากรอคอยให้เธอเอ่ยชื่อออกมา“ฉัน ฉัน บ้าจริง!”รอยยิ้มยิ่งกว้างกว่าเดิมเมื่อคนปลายสายสบถออกมา มือแกร่งจับศีรษะของมะปรางไว้ดันลงระหว่างรอฟังชื่อ“ฉันไอริณ”“ผมไม่รู้จักคนชื่อนี้”มือเรียวบางกำโทรศัพท์แน่นแหงนใบหน้าขึ้นสูงสะกดกลั้นอารมณ์โกรธ หลับตาแน่นตะโกนด่าท่ออยู่ในใจก่อนกัดฟันพูดลอดไรฟัน“กำนันคงจำเสียงผู้หญิงได้ไม่หมด เพราะคงผ่านหูมาเยอะ”แผ่นหลังไอริณสะท้านขึ้นเมื่อได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะในลำคอ ยิ่งทำให้ดาราสาวโกรธจัดจนอยากขว้างโทรศัพท์ทิ้ง“ถ้าไม่มีอะไร ผมคงขอตัวก่อน กำลัง เออ ค่อนข้างยุ่ง”“บ้าจริง! กำนัน อย่าวางหูนะ ฉัน ฉันจันทน์กะพ้อ”ปลายสายเงียบงันไปอย่างน่าแปลกใจจนไอริณคิดว่ากำนันหนุ่มวางสายไปแล้ว แต่แล้วกลับได้ยินเสียงผู้หญิงแผ่วเบาจึงทำให้รู้ว่าค่อนข้างยุ่งคงหมายถึงกำลังอยู่กับผู้หญิง“ฉันคงโทรเข้ามาขัดจังหวะพอดี ต้องขออภัยกำนันคนดังด้วย”“ไม่เลย พี่ว่างคุยกับน้
บทที่ 11 ทองประศรี“จริงหรือเปล่าจ้ะพ่อ”เสียงหวานใสดั่งเด็กหญิงอ่อนวัยแปดขวบปีดวงตากลมโตหวานซึ้งผิดไปจากผู้พ่อที่ดวงตาคมเข้มแข็งกร้าว“จริง ลูกก็รู้ว่าคนอย่างพ่อไม่พูดเล่น”รอยยิ้มกว้างพลันปรากฏบนใบหน้าหวานกระโดดขึ้นจากพื้นเรือนกลางวงกินข้าว“เย้ เย้ คุณไอริณจะมาบ้านเรา”“เบา ๆ หน่อย กระโดกกระเดกปานนี้ คุณไอริณมาเห็นเขาเดี๋ยวจะหาว่าย่าไม่สั่งไม่สอน”ทองประศรีฉุดมือหลานสาวกระตุกให้นั่งลงดั่งเก่า ใบหน้าหญิงวัยกลางคนค่อนไปทางสูงวัยยิ้มกว้างเหมือนหลานสาวจนรอยย่นขึ้นหางตา กำนันคนดังไม่ยิ้มหัวด้วย ยังคงนั่งกินข้าวล้อมวงกับพื้นข้างบิดา“มึงไม่ดีใจหรือ ไอ้พล”“ไม่เลยสักนิด จันทน์กะพ้อจะนำปัญหามา”“แต่มึงก็รับปากเขาไปแล้ว”จอมพลชะงักมือเพียงเล็กน้อยก่อนตักข้าวด้วยช้อนแกงแบบสั้นที่พบเห็นทั่วไปตามวัด ที่บ้านยังนั่งทานข้าวล้อมวงกับพื้นเรือนตรงชานกลางเรือน เพราะพ่อกับแม่ต้องการให้หลานสาวได้รู้จักวิถีดั้งเดิมของที่บ้านตัวเขาปกติมานอนเพียงวันจันทน์ถึงวันพุธ ส่วนวันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์กลับไปนอนบ้านหลังใหม่ที่เพิ่งปลูกมาได้ไม่กี่ปี“เอ็งต้องเลิกเรียกหนูไอริณว่าจันทน์กะพ้อได้แล้ว เขาเป็นดาราดัง เปลี
บทที่ 12 มาแล้วบางปลาม้ารถตู้โดยสารขับออกจากกรุงเทพมหานครมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ไอริณเงยหน้าขึ้นจากแผนงานคร่าว ๆ อันใหม่ที่เชอรี่เพิ่งได้รับมาเมื่อเช้า“นอนบ้านกำนัน!! อะไรกัน! ทำไมนอนบ้านกำนัน ไม่ ไม่เด็ดขาด! ฉันจะกลับไปนอนบ้าน”ผู้กำกับเป็กเอี้ยวหน้ามาจากเบาะหน้าก่อนเบะปาก“คงไม่ได้ ถามจริงเถอะไอริณ คุณสร้างบ้านใหญ่โตมโหฬารปานนั้น ยิ่งกว่าบ้านเจ้าสัวในกรุงเทพ ขืนเราไปถ่ายทำนอนบ้านคุณ แล้วเรตติ้งคุณมันจะดีขึ้นได้ยังไง”ไอริณหน้าแดงก่ำ อันที่จริงเธอค่อนข้างภาคภูมิใจกับบ้านหลังนั้นด้วยซ้ำเพราะมันคือเงินที่เธอหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง แต่พอออกจากปากผู้กำกับลามกเธอกลับอาย เพราะแท้จริงเธอต้องการให้ทุกคนในหมู่บ้านรับรู้ว่าเธอรวยแค่ไหน โดยเฉพาะกำนันคนดัง“แต่เราถ่ายกันกลางวัน กลางคืนฉันขอกลับไปนอนบ้าน”“ดูท่าไอริณจะยังอ่านแผนงานไม่หมด เราทำเรียลริตี้ยี่สิบสี่ชั่วโมง”“ห๊ะ!! อะไรนะ อะไรนะ”“ได้ยินไม่ผิด ในห้องนอนจะติดกล้องวงจรปิดเพื่อให้ผู้ชมดูคุณจนถึงสี่ทุ่มถึงตัดเป็นฉายวนซ้ำของเมื่อกลางวัน”“นี่มันบ้าชัด ๆ เราทำแบบนั้นไม่ได้นะ มันสดและเรียลเกินไป พวกคุณจะยิ่งทำให้มันเสีย”เชอรี่ทนไม่ไหวแทรกขึ้น
บทที่ 13 ถึงบ้านกำนันแล้ว“ทวดของทวดเป็นไทยพวนมาจากลาว เข้ามารู้สึกจะช่วงรัชกาลที่ห้า ฝรั่งเศสรุกหนักจนเมืองลาวเสียเมืองไป บางส่วนจึงพากันอพยพลงมากระจัดกระจายไปทั่ว ทวดของทวด หรืออาจจะยิ่งกว่าทวด ตัวฉันเองก็ไม่แน่ใจนักเดินเท้ามาด้วยและหยุดที่เมืองนี้”ดวงตาไอริณคล้ายระลึกความหลังมองไปยังแปลงผักข้างลำน้ำท่าจีน“เราก็อยู่อย่างพวกไทยพวนเป็นกลุ่มก้อนในหมู่บ้านเล็ก ยายทำแปลงผักส่วนแม่ไปขายของตลาดเก้าห้อง รายได้ยังน้อยจนซื้อชุดใหม่ไม่ได้ ฉันแช่เสื้ออยู่หลายวันแต่มันก็ซักไม่ออก เลยต้องใส่ไปโรงเรียนทั้งแบบนั้น”ไอริณหยุดชะงักไปเหมือนนึกอะไรขึ้นได้“แล้วยังไง เสื้อมันแค่เปื้อนหรือเปล่า ไม่เห็นเป็นอะไร”“พวกเพื่อนต่างชี้มาแล้วล้อว่ามันเปื้อนเพราะฉัน ฉันนอนกับพื้น”“อะไรนะ นอนกับพื้น คืออะไร!”ไอริณมองหน้าเพื่อนนิ่งแล้วยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มเศร้าอย่างเด็กสาวคนที่เชอรี่เคยเห็นเมื่อครั้งไอริณเพิ่งเข้าเมืองกรุง“มันเป็นเรื่องเก่าน่ะ อย่าไปใส่ใจเลย”“ถึงแล้ว”เสียงผู้กำกับแทรกเข้ามาทำให้ไอริณและเชอรี่มองออกไปข้างนอก หัวรถกำลังเลี้ยวเข้ารั้วบ้านหลังใหญ่แบบเรือนแฝดไทยโบราณ“หลังใหญ่เหมือนกันนะไอริณ”“ร
ตอนพิเศษ 2“คัท คัท!!”ดาราสาวเงยหน้าขึ้นจากพื้นในท่าก้มกราบเมื่อได้ยินเสียงผู้กำกับสั่งคัท ใบหน้าหวานยังเปื้อนคราบน้ำตาจากบทนางวันทองในเรื่องขุนแผนขุนช้างฉบับรีเมคไอริณกวาดตามองโดยรอบผ่านนัยน์ตาฉ่ำน้ำ เห็นเด็กในกองกำลังปิดไฟเก็บของ ตอนนี้คงราวสามทุ่มแล้ว“คุณไอริณคะ”เสียงเปี้ยกดังขึ้นด้านข้างพร้อมผ้าเช็ดหน้ายื่นส่งมาให้เธอ“ขอบใจจ๊ะ”“กำนันรอนานแล้วค่ะ”“บอกให้เขารออีกเดี๋ยว ขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”ไอริณ ดาราดังลุกขึ้นจากพื้นเรือนไม้ทรงไทยโบราณริมลำน้ำสุพรรณบุรี เดินลงบ้านหางตามองเห็นคนร่างสูงแกร่งผิวสีเข้มยืนหน้าเง้ารอ ตั้งแต่เมื่อเย็นฮึ สมน้ำหน้า คนร่างเล็กเดินตัดใต้ถุนเรือนตรงไปยังเต้นท์สำหรับนักแสดงเพื่อเปลี่ยนชุด“เชอรี่”“ว่าไง”“คืนนี้นอนบ้านแม่เราหรือเปล่า”“คงไม่ ขับกลับกรุงเทพเลย ผู้กำกับสั่งพักกองสามวัน”“สามวัน! อะไรกัน พักอีกแล้ว”เชอรี่เงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์ เพ่งมองเพื่อนรักกำลังถอดชุดเปลี่ยนเสื้อผ้า“ก็ผัวใครล่ะ มายืนหน้าบึ้งรอเมียอยู่ได้”“กะ ก็ พี่พลเขาแค่เป็นห่วง”ดาราสาวเสียงอ่อยลงหยิบเสื้อผ้าชุดเดรสขึ้นสวม แม้ปากพูดประชดประชันแต่ใจจริงนั่นพองฟู“ห่วงหรือหวง
ตอนพิเศษ 01“อื้อ อื้อ ม่ะ ม่ะ”เสียงเล็กอู้อี้ดังขัดใจยามโดนแย่งของรักไปจากมือ ดวงตาคมกล้าแม้ว่ายังกลมโตและใสซื่อดั่งเด็กน้อยวัยแปดเดือน แต่เมื่อมองให้ดีรู้ได้เลยว่าโตมาเมื่อไรได้กลายเป็นตัวปัญหาของหมู่บ้านแน่นอน โดยเฉพาะสาว ๆจอมพลจ้องหน้าลูกชายนิ่งในมือเขาคือของเล่นนุ่มนิ่มที่ลูกชายเอาเข้าปากมาแล้วสักพัก“จอมภพ อันนี้มันเอาเข้าปากไม่ได้”ดวงตาเล็กดื้อดึงคล้ายตัวเขาแต่ในฉบับย่อเล็กกว่ากำลังจ้องตอบก่อนตั้งท่าเบะปากคล้ายตะโกนร้องไห้หาคนช่วยคนร่างโตชะงักมองซ้ายขวาหาเมียจ๋าสุดที่รักพลันนึกได้ว่าวันนี้มีออกกองถ่ายทำซีรีซ์ที่ถ่ายค้างไว้เมื่อปีกลายเพราะท้องดันโตสะก่อน“แม่จันทน์ไม่อยู่วันนี้ มางอแงไม่ได้นะ”เสียงเข้มต่ำพยายามทำให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนหวาดหวั่น แต่เด็กชายคนนี้รู้ดีฉลาดเกินเด็ก น้ำเสียงดุดันไม่ได้ทำให้จอมภพกลัวแต่อย่างใด ยังส่งสายตาดื้อรั้นอ้าปากเตรียมแผดเสียงร้อง“พ่อจ๋า พ่อทำอะไรอยู่น่ะ เดี๋ยวจอมใจไปโรงเรียนสาย”ตึก ตึก ตึกจอมใจวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้าน ตั้งแต่แม่ไอริณแต่งงานกับพ่อก็ให้รับจอมใจมาอยู่ด้วยที่บ้านใหญ่ กลับไปนอนกับปู่ย่าเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์“ก็น้องเอาอันนี้เข
บทที่ 47**NC จบบริบูรณ์แควก!!เสียงสไบขาดทำให้ไอริณผละหน้าออกทันที“กำนัน นี่ชุดกองถ่าย”“ช่างมัน ซื้อใหม่”“อื้อ อือ”จอมพลโถมร่างให้คนร่างเล็กล้มลงนอนหงายแล้วกระชากสไบลงจนพ้นเนินนมใหญ่ทั้งสองข้าง“ไม่ใส่ชุดชั้นในเมียจ๋า”“ก็ชุดไทย ใส่แต่จุกปิดหัวนม”ไอริณดึงจุกปิดหัวนมออกทั้งสองโยนลงพื้น แล้วค่อยกอบขึ้นให้เต้าชิดกัน“กำนันชอบนมจันทน์ไหม”“อ่า สวย ชอบมากเมียจ๋า อืม เลียหน่อยนะ อ่า”จอมพลโน้มหน้าลงหาทันทีปาดลิ้นเลียวนยอดหัวนมทั้งสองข้างสลับไปมาซ้ายขวาทั้งดูดขมเม้ม“อ่า ดูดแรง ๆ สิกำนัน”“อือ เมียชอบแรง ๆ เหรอจ๊ะ กำนันจัดให้”ปากหนาครอบลงดูดแรงอีกมือคลึงขยำเต้าบีบจนเนื้อปลิ้นล้นมือ ขยับฟันกัดหัวนม“อ่า จันทน์ชอบ แรง ๆ”สองมือขยำเต้าแรงขึ้นปากครอบหัวดูดดึงเคลื่อนลงตามรอบเต้าใหญ่ทั้งขบเม้มกัด ทั้งดูดจนขึ้นรอยจ้ำทั่วใบหน้าเข้มเลื่อนลงมือกระชากผ้าถุงขึ้นตลบจนพ้นเนินสวาทแล้วมุดหน้าลงทันทีไม่รอช้า ให้ไหล่ดันต้นขาคนร่างเล็กไว้เปิดออก เอานิ้วเปิดแหวกปาดลิ้นขึ้นลงกระหายหิว“พี่รอตั้งนาน หิวจันทน์จะแย่ อยากเลียดูดแบบนี้ อ่า ซู้ดด”จอมพลใช้ปากดูดเม็ดอ่อนไหวเลื่อนนิ้วเข้าทางรักแสนหวานขยับถี่“อ่
บทที่ 46***NCปัง!!“เบา ๆ สิพี่พล รถราคาตั้งแพง”ดาราสาวบ่นอุบเมื่อลงจากรถมามองมือสีเข้มกระแทกประตูปิดใจร้อน แล้วลากมือคนร่างเล็กเข้าไปในบ้าน“เดี๋ยวซื้อให้ใหม่”“ฮื้อ รวยขนาดนั้น จันทน์ไม่ทำงานแล้วดีกว่า”“ก็ดี นอนอ้าขาอย่างเดียวพี่ชอบ”“พี่พล!”คนร่างเล็กเดินซอยเท้าถี่ตามแต่ไม่ทันใจคนร่างสูงกว่าจึงก้มลงช้อนร่างขึ้นเข้าวงแขนพาเข้าบ้านท่ามกลางสีหน้าตื่นตกใจของคนงานและป้าอ้วนที่ยืนชะเง้อมองมาจากทางโรงจอดรถเกี่ยวข้าว“มาช้า พี่รอตั้งเดือนกว่าแล้ว นี่ถ้าขืนมาช้ากว่านี้พี่คงอกแตกตาย”“แล้วทำไมไม่ไปตาม”“เรื่องอะไร เป็นคนหนีไปเองแท้ ๆ”“ชิ รู้งี้ปล่อยให้รออีกดีกว่า”จอมพลก้าวกระโดดคราวละสองขั้นขึ้นบันไดกว้างตรงไปทางห้องนอนใหญ่ทันควัน ใบหน้ายังยิ้มกว้างก้มมองคนร่างเล็กในอ้อมแขนด้วยใจพองโต“ถ้าปล่อยให้รออีกพี่จะไปบวช”“บวช!!”“ใช่ บวชมันสะเลย ให้จันทน์มาคอยยืนตักบาตรชะเง้อมองแทนบ้าง”“โรคจิต ฮ่า ฮ่า บวช คิดได้ไง ว้ายยยย!!”ตุบ!!“พูดมากนักนะเมียจ๋า”จอมพลโยนคนร่างเล็กลงเตียงแล้วปลดกางเกงพร้อมบ็อกเซอร์โยนลงพื้น เอื้อมมือหยิบสร้อยพระเครื่องออกจากรอบคอประนมมือสวดลาแล้ววางไว้บนโต๊ะข้างเตียง ปลด
บทที่ 45 ใจพองเลยพ่อกำนัน อิ อิปัง!!“พี่พล พี่พล!!”“หนูไอริณ”ทองประศรีชะโงกหน้าออกมาจากบนบ้านตาโตเบิกกว้างเมื่อเห็นดาราสาวในชุดไทยสีชมพูกลีบบัวยืนอยู่ตีนบันไดบ้าน“น้าทองประศรี พี่พลล่ะ พี่พล!”“วันนี้วันพฤหัส ไอ้พลมันไปทำงาน”“ทำงาน? ทำงานที่ไหนน้าทองประศรี”“วันนี้อยู่ อบต.”“อบต.? อบต.”ไอริณผละออกจากบันไดตรงไปที่รถหรู“เดี๋ยว ๆ น้าไปด้วย น้าไปด้วย”ทองประศรีรีบสับขาลงจากบนบ้านในชุดผ้าถุงสีน้ำเงินเข้มลายดอกชบาเสื้อผ้าฝ้ายลูกไม้ธรรมดาอยู่บ้าน สวมรองเท้าแตะหูคีบง่าย ๆ วิ่งตามไปยังรถกลัวไม่ทัน“ไปทางนี้หนูไอริณ”ทองประศรีนั่งในรถทุลักทุเลเล็กน้อยเพราะโหลดเตี้ยแต่ยังนั่งได้ มือเกร็งจับคอนโซลหน้าไว้เพราะดาราสาวซิ่งเร็วจนร่างคนแก่กระชากกระแทกเบาะนั่งเอี๊ยด!!ดาราสาวกระโดดลงจากรถวิ่งขึ้นบันไดหน้าตึกที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบางปลาม้า กวาดตามองหากำนันร่างสูงแต่ไม่มี“หาใครคะ ว้าย ว้าย คุณไอริณ”เสียงน้องผู้หญิงที่บังเอิญเดินออกมาพอเห็นว่าเป็นใครร้องเสียงหลงวิ่งวนไปมาหน้าตื่น“กำนัน กำนันจอมพลอยู่ไหน”“กำนัน กำนันอยู่ไหน? กำนันไปงานในเมือง วันนี้ที่วัดหลวงพ่อโตมีงานสมโภช”“วัดหลวงพ่
บทที่ 44 เก้าสิบเจ็ดกิโลเมตรทุกอย่างเหมือนวนกลับยังจุดเดิมเรื่องราวเมื่อแปดปีก่อนราวกับว่าเหตุการณ์ไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่ความฝันดาราสาวนั่งนิ่งภายในเต้นท์แต่งตัวเพื่อเตรียมบวงสรวงเปิดกล้องซีรีซ์เรื่องใหม่ตั้งแต่ออกจากบางปลาม้าตัวเธอไม่เคยร้องไห้อีกเลยแม้ว่าภายในร่างกายบอบช้ำสักเพียงใด ดวงตากลมโตดั่งกวางอันเป็นเอกลักษณ์หม่นแสงลงทุกวัน“ไอริณ”“ว่าไง”“ไอ้ภูมิมันจะหย่าเมีย”หน้าหวานเอี้ยวหน้าไปมองหน้าผู้จัดการเพื่อนสนิททันควัน เวลาหลายปีมาแล้วที่เธอและภูมิต้องปลอมเข้าใส่ทุกคน คงถึงเวลาแล้วสินะ“เมื่อไร แล้วทรัพย์สิน”“มันยอมหารครึ่ง”“หารครึ่ง!”“ใช่ แกจะโทรหามันไหม มันอยากคุยกับแก”“ไม่อ่ะ ฉันไม่พร้อม ดีใจกับมันด้วยที่คิดได้”“เดี๋ยวนักข่าวคงอยากให้แกแถลงข่าว”“อืม เอาสิ แล้วเรียลริตี้เมื่อไรจะออนแอร์”“วันนี้ช่วงเวลาไพร์ไทม์ ออนตอนแรก”“ดีเลย สู้อุตส่าห์ไปตั้งไกลในที่สุดจะได้เวลาฉายสักที”“แกโอเคหรือเปล่า”“โอเค๊ มีอะไรที่ฉันผ่านไม่ได้อีกเชอรี่ ไม่มีแล้ว”“งั้นออกไปเถอะ เผื่อนักข่าวจะขอสัมภาษณ์”“อืม”ไอริณค่อยลุกขึ้นในชุดไทยพีเรียดเรื่องใหม่ขุนช้างขุนแผน ผนวกเวลาพอเหม
บทที่ 43 มะปราง“มาทำไม!!”“มะปราง มะปราง”สาวร่างเล็กพูดตะกุกตะกัก มองไปรอบลานบ้านเห็นคนมากมายกำลังเก็บของต่างพากันมองมาทางเธอเป็นทางเดียว ดาราสาวเองที่นั่งอยู่ใต้ถุนบ้านก็มองมายังเธอเช่นกัน“กำนัน มะปรางมันมาขอความช่วยเหลือ”ฝ้ายรีบชิงพูดแทนเพื่อนเมื่อเห็นว่ามะปรางกำลังจะไม่ไหวแล้ว“เราไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้ว ได้บอกเพื่อนหรือเปล่า”“ฝ้ายรู้ แต่กำนัน มะปรางมันกำลังแย่ มันโดนของ”“ของ?”กำนันจอมพลหันกลับไปทางมะปราง สาวร่างเล็กดูหน้าหมองคล้ำนัยน์ตาลอย สติไม่อยู่กับตัวเท่าไร“เกิดอะไรขึ้น”“ฉันเล่าเอง”ฝ้ายเดินเข้าไปใกล้กำนัน เพราะไม่ต้องการให้ใครได้ยิน“มะปรางมันไปอาศรมพ่อเฒ่ามา”เพียงเท่านี้จอมพลก็เข้าใจหันกลับไปมองมะปรางด้วยสายตารังเกียจเดินถอยหลังออกมา“พี่คงช่วยมะปรางไม่ได้ กลับไปสะเถอะ”“กำนัน!! เมื่อเย็นเราเกือบโดนรถบรรทุกชนตายข้างถนน”“นั่นมันแล้วแต่เวรกรรม คนถือศีลทำหมั่นทำความดีย่อมมีสิ่งคุ้มครอง ส่วนผู้คิดร้ายย่อมทำลายตนเอง เป็นธรรมดาสัจธรรมของโลก”“กำนัน! ไม่เห็นใจไอ้มะปรางมันบ้าง มันรักกำนันมากเลยต้องทำแบบนั้น ถ้ามันตายไปบาปกรรมมันก็ตกไปที่กำนัน”“ปกติพี่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี
บทที่ 42 เอาแล้วมะปราง“มะปราง”“ว่าไงฝ้าย”“แกเอาหุ่นไปฝังแล้วหรือยัง”ฝ้ายลงนั่งข้างเพื่อนสาวตรงชุดม้าหินอ่อนหน้าคณะเรียน จ้องหน้าเพื่อนดูสีหน้าไม่ดีเลยหมองคล้ำแปลก ๆ“ฝังแล้ว ตรงแยกใหญ่ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย”“กี่วันแล้ว”ฝ้ายยืนน้ำหวานให้เพื่อนเมื่อเห็นมะปรางยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผากเม็ดใหญ่ทั้ง ๆ ที่อากาศไม่ร้อน“ขอบใจนะ หลายวันแล้วล่ะ ตั้งแต่วันที่เจอกับพี่พลครั้งสุดท้ายตรงตลาดเก้าห้อง ก็เอาไปฝังเลย”“หลายวันน่ะกี่วัน”“สามวัน”“สามวันแล้ว? มีอะไรผิดปกติไหม”“ไม่นะ ไม่มี”มะปรางเองชักใจคอไม่ดีหันมองหน้าเพื่อนมือสั่นขณะยกน้ำขึ้นดื่ม เหงื่อไหลลงปลายคางหยดลงพื้นโต๊ะหินอ่อน“ฉันว่าไม่ดีแน่ ๆ กำนันจอมพลไม่ติดต่อมาเลยใช่ไหม”“ไม่เลย ทำยังไงดี ฉันกลัว”“ตาแก่นั่นมันบอกแล้วว่าไม่รับแก้ของ เอางี้ไหม ไปเอาขึ้นมาไปคืนมัน”“จะได้ผลเหรอ รออีกสักสองวันไหม”“ไม่รอแล้วแก มองไปดูหน้าดำขนาดนี้ เหงื่อหยดไหลตลอดเวลา ฉันว่าแกจะโดนของเข้าถ้าขืนชักช้าจะแก้ไม่ทัน”มะปรางยังลังเลแต่เพื่อนสาวฉุดมือดึงขึ้น รวบกระเป๋าหนังสือเรียนขึ้นมาด้วย“ไปรถฉัน ฉันขับเอง”ฝ้ายจัดการพาเพื่อนเข้าไปนั่งในรถพาออกจากมหาวิทยาลัยใ
บทที่ 41**NC“อยู่กับพี่ กลับมาเป็นเมียพี่ กำนันบ้านนอกคนนี้ได้ไหม จันทน์คนดี”นัยน์ตาสีนิลจ้องมองนิ่งคมกล้าทั้งคาดคั้นต้องการคำตอบ แต่ไอริณไม่อาจรับปากได้จึงนิ่งเงียบ“ไม่เป็นไร พี่จะรอจนกว่าจันทน์จะพร้อม ถือสะว่าเป็นบทลงโทษของพี่”คนร่างโตโน้มหน้าลงแตะริมฝีปากหนาอุ่นบนริมฝีปากสีแดงเย้ายวน มือโอบแผ่นหลังเลื่อนไปยังซิปรูดลงพร้อมลิ้นฉกเข้าสอดใส่เอนร่างเล็กลงพื้นกระดานเย็นเยียบจากอากาศยามค่ำกลิ่นกายชายโอบล้อมคนร่างเล็กไว้ยามชะโงกง้ำด้านบนส่งจูบอ่อนหวานผิดไปจากหลายวันที่ผ่านมา ทั้งเว้าวอน ชอนไชกวาดหาน้ำหวานในโพรงปากเชื่องช้ามือเลื่อนเสื้อลงทีละน้อยจนพ้นเนินทรวง จึงเลื่อนใบหน้าลงหน้าเนื้ออวบอิ่มเต่งตึงขาวนวล“พี่พล อ่า”กายสาวแอ่นขึ้นยามปากเข้าครอบครองหัวนมเล็ก ลิ้นปาดไล้กระหวัดหยอกล้อ เร่งเร้าให้ยอดไตแข็งชันสู้ความสาก“จันทน์ อ่า”จอมพลเลื่อนหน้าขึ้นอีกครั้งสอดลิ้นเข้าสู่ปากไอริณร้อนแรงขึ้น ส่งกระแสไฟแห่งรักเข้าสู่โพรงปาก ให้คนร่างเล็กใต้ร่างได้รับรู้ว่าตัวเขานั่นเร่าร้อนมากขนาดไหน มือกระชากดึงชุดเดรสออกจากร่าง“พี่พล ที่นี่ อื้อ”“พี่ฝันถึงมานานมากจันทน์ พี่อยากให้จันทน์กลับมา แล้วพี่