สายตาที่แสดงความไม่พอใจของผู้เป็นแม่ที่จ้องมองมาในทันทีที่เธอเหยียบย่างเข้าสู่คฤหาสน์หลังงามที่ปลูกสร้างบนพื้นที่เกือบ 10 ไร่ในย่านชานเมือง ทำให้ธนิษฐาต้องพยายามข่มใจไม่ให้เผลอแสดงอารมณ์ ‘เหนื่อยใจ’ ซึ่งก็คืออารมณ์ที่แท้จริงในขณะนี้ออกไป
ร่างงามระหงพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ พ่นออกจากปากเบาๆ ราวกับอยากให้ความหนักใจทั้งหลายนั้นมลายหายไปพร้อมกับลมหายใจออก เพราะยิ่งนานวัน ความอึดอัดที่เธอแบกรับมาตลอดเกือบ 5 ปี มันก็ยิ่งเติมเต็มจนแทบจะทะลักออกมาจากหัวใจของเธออยู่แล้ว
เธออยากให้ความอึดอัดนี้มันจบลงเสียที อย่างน้อยที่สุดก็ให้จบไปพร้อมๆ กับ ‘ตราบาป’ ครั้งล่าสุดที่เพิ่งประทับไว้บนหน้าผากของเธอ เพราะต่อแต่นี้ไปไม่ว่าจะเดินทางไปไหน ใกล้หรือไกล ขอเพียงมีคนรู้จักและจดจำเธอได้ ฉายา ‘หญิงกินผัว’ ‘ม่ายผัว 3’ หรือว่า ‘หญิง 3 ผัว’ คงจะอยู่คู่กับเธอไปจนวันตาย เพราะเรื่องแบบนี้แหละที่คนชอบพูดกันนัก ดีไม่ดีเธออาจกลายเป็นตำนานที่ยังคงมีชีวิตอยู่ก็ได้
“ถอนหายใจทำไมยัยดาว อย่ามามองแม่แบบนี้นะ แม่บอกเราแล้วว่าไม่ให้ไป เราก็ไม่เชื่อแม่ แล้วยังไงล่ะ เจอเขาด่าหรือว่าไล่ตะเพิดมาอีกล่ะ ถึงได้มามองแม่ด้วยสายตาแบบเนี้ย”
ระพีพรรณอดไม่ได้ที่จะเปิดฉากก่อน ใจจริงอยากจะต่อว่าให้มากกว่านี้ที่ธนิษฐาขัดคำสั่งแอบไปงานศพของทวิชหลายครั้ง และทุกครั้งก็ไม่วายจะถูกญาติทางฝ่ายโน้นแสดงท่าทีรังเกียจหรือไม่ก็ถูกด่าว่าให้เสียหาย แต่พอเห็นสายตาของลูกสาวที่มองมายังเธอแบบเหนื่อยอกเหนื่อยใจมันก็ทำให้เธอต้องยั้งคำพูดไว้ แต่ไม่วายจะเหน็บเจ็บๆ ให้ธนิษฐารู้ว่า ผลของการที่เธอไม่เชื่อฟังคำพูดของแม่ สุดท้ายแล้วมันเป็นยังไง
ธนิษฐาไม่ได้ตอบว่าอะไรแต่ก็แสดงความหนักใจออกมาแทน อกอวบอิ่มที่อยู่ในเชิ้ตผ้าซาตินสีดำสะท้อนขึ้นลงตามแรงที่ต้องการสะกดกลั้น ริมฝีปากสีชมพูบอบบางเม้มเข้าหากันแน่นก่อนจะตัดสินใจเลี้ยวเดินไปอีกทาง การหลีกเลี่ยงที่จะกระทบกระทั่งคงจะดีที่สุดในเวลานี้ เพราะเธอคงไม่มีเรี่ยวแรงจะคิดอ่านอะไรมาแย้งแม่ได้
“นี่ยัยดาวจะไปไหน แม่ยังพูดกับเราไม่รู้เรื่องเลยนะ ยัยดาว!”
“เอะอะอะไรกันแม่พรรณ เสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน อ้าว... หนูดาวกลับมาแล้วเหรอลูก เป็นยังไงล่ะคนทางนั้นเขาว่ายังไงบ้าง ไหนๆ มาคุยให้ยายฟังสิ”
หญิงชราร่างท้วมกวักมือเรียกหลานสาวก่อนจะเดินตรงไปยังลูกสาวที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ที่ชุดโซฟาสุดหรูที่หลานเขยคนที่สองสั่งนำเข้ามาให้จากฝรั่งเศส
“ว่าไงล่ะแม่พรรณ เอะอะอะไรลูก หนูดาวเป็นยังไงบ้างลูก ทางนั้นเขาว่ายังไงบ้าง”
รุจีหันไปถามลูกสาวในน้ำเสียงปรามไม่ให้ใช้อารมณ์ ก่อนจะหันไปถามหลานสาวย้ำอีกครั้งเพราะอยากรู้ว่าญาติๆ ของทวิชจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เพราะในเมื่อทั้งแม่และยายห้ามแล้วว่าไม่ให้ไป แต่ธนิษฐาก็ยังรั้นที่จะไปให้ได้
“จะยังไงล่ะคะแม่ แค่สวดคืนแรกก็โดนทางนั้นไล่ออกมาจากงานยังกับยัยดาวน่ะเป็นหมูเป็นหมา วันเผาก็ถูกกีดกันไม่ให้เข้าไปในงานอีก และเช้านี้จะเหลืออะไร อยากจะไปช่วยเขาเก็บกระดูก สีหน้าแบบนี้ก็คงจะได้เข้าไปหรอกนะ”
“แม่พรรณ แม่ถามหนูดาว ไม่ได้ถามเรานะ หนูดาว... ว่ายังไงล่ะลูก”
ธนิษฐาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับผู้เป็นยาย ย้ายมานั่งอยู่แทบพื้น ดวงตาสวยหวานทว่าแดงก่ำเพราะต้องการสะกดเก็บทุกความรู้สึกเอาไว้กับตัวเอง แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงปรานีของผู้เป็นยาย ทั้งดวงตาผ่านพ้นวันเวลาที่อ่อนโยนนั้นคล้ายกับจะปลุกปลอบใจ ความเข้มแข็งที่เธอพยายามยึดไว้ก็พังทลายลง
“ยายคะ ฮือ...”
ท่อนแขนเรียวเสลาโอบกอดรอบเอวของผู้เป็นยายก่อนจะซบใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาลงที่หน้าตัก ทุกความเจ็บช้ำถูกระบายให้ผู้เป็นยายฟัง ทั้งคำพูดด่าว่าจากญาติพี่น้องของทวิช ทั้งคำนินทาในทุกที่ที่เธอเหยียบย่าง เธอไม่มีสิทธิแม้แต่จะได้บอกลาทวิชเป็นครั้งสุดท้าย แม้จะไม่ได้รักมากมายแต่เมื่อเธอเลือกเขาเป็นคู่ชีวิตแล้ว เธอก็พร้อมจะมอบกายและใจให้กับเขา แต่สิ่งที่เธอทำได้คือเพียงยืนมองควันไฟลอยคลุ้งออกจากปล่องเมรุเท่านั้น
และสำหรับเช้าวันนี้ที่เธอหวังว่าอาจจะได้บอกลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย แต่เมื่อเห็นบรรดาญาติและแม่ของเขาที่ร้องไห้คร่ำครวญยามที่สัปเหร่อพาเขาออกมาจากประตูทางออก เธอก็ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะเดินเข้าไปบอกลา ไม่ใช่กลัวจะถูกด่าว่า แต่เพราะไม่อาจทนเห็นทวิชที่เป็นเพียงเถ้ากระดูกสีขาวได้ เพราะนั่นมันยิ่งสะท้อนถึงคำประณามหยามเหยียดให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“หนูมันเป็นผู้หญิงกินผัว หนูฆ่าพวกเขา หนูฆ่าคุณอาวุฒิ ฆ่าพี่อุเทน และหนูก็ฆ่าพี่วิชอีกคน ยาย... หนูจะทำยังไงดี ฮือ... มีแต่คนรังเกียจหนู หนูไม่ไหวแล้ว หนู...” ความอัดอั้นถูกระบายออกทั้งคำพูดและหยาดน้ำตา เพราะเธอรับสภาพแบบนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ
“กรี๊ดดดดด...”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่ดังลั่นทำให้บรรดาแขกเหรื่อที่กำลังจะเดินทางกลับและเจ้าภาพที่ยืนส่งแขกอยู่หน้างานพร้อมใจกันมองไปยังที่มาของเสียงอย่างตื่นตกใจ ก่อนที่เจ้าภาพทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจะวิ่งตรงไปยังทิศทางซึ่งก็คือ ห้องหอที่เพิ่งส่งตัวบ่าวสาวเข้าไปได้ไม่ถึง 5 นาทีดี แต่ยังไม่ทันที่จะเปิดประตูคนจากด้านในก็เปิดออกมาเสียก่อน ใบหน้าสวยตื่นตระหนกเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาร่ำร้องเรียกหาให้คนช่วยเจ้าบ่าวของเธอ “ช่วยด้วยค่ะ... ช่วยด้วย ช่วยเขาด้วย อย่าให้เขาเป็นอะไรไปนะ ช่วยด้วย... ฮือ...”ร่างงามระหงในชุดเจ้าสาวสีขาวดูบอบบางน่าทะนุถนอมทรุดลงแทบพื้นพลางสั่นสะอื้น เพราะเธอไร้เรี่ยวแรงใดๆ ที่จะพยุงร่างกายให้ลุกขึ้นได้อีกแล้ว ดวงตาฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาได้แต่มองบรรดาญาติของฝ่ายชายและเจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่ต่างพยายามช่วยปฐมพยาบาลเจ้าบ่าวหมาดๆ ของเธออย่างต่อเนื่องความโกลาหลเกิดขึ้นรอบตัว ทว่าไม่ว่าในห้องหอรอรักที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามนี้จะมากมายไปด้วยผู้คนเข้าออก ทั้งญาติของเจ้าบ่าวที่เดินไปมา ทั้งเจ้าหน้าที่ของรถบริการฉุกเฉินที่รีบเร่งเข้ามาพร้อมอุปกรณ์กู้ชีพอย่างเร่งด่
“นี่เราทำบาปทำกรรมกับคนพวกนั้นจริงๆ เหรอเนี่ย เราเป็นสาเหตุให้พวกเขาตาย เราเป็นผู้หญิง...”คำนั้นละไว้ฐานที่เข้าใจเพราะไม่กล้าแม้แต่จะพูดมันออกมา แค่คิดก็เจ็บปวดหัวใจเสียจนหยาดน้ำตาต้องทะลักไหลออกมาอีก“ฮือ... เราเป็นอย่างที่เขาว่า ฮือ...” ใบหน้าฉ่ำชื้นไปด้วยน้ำตาซบลงที่พวงมาลัย ไหล่เล็กสั่นไหวจากแรงสะอื้นที่มีแต่จะถาโถมเพิ่มขึ้นจากหัวใจที่สั่นสะท้าน เมื่อหวนนึกถึงครั้งแรกที่ต้องเผชิญหน้ากับคำว่า ‘ม่ายผัวตาย’เริ่มจาก ‘สราวุฒิ’ สามีคนแรกของเธอ พ่อม่ายเสี่ยใหญ่เจ้าของร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ แม้จะไม่ได้รักชอบในเชิงชู้สาว เพราะสราวุฒินั้นอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับพ่อของเธอ ทั้งครอบครัวก็ยังสนิทสนมกันตั้งแต่เธอยังเด็ก แต่ความสม่ำเสมอช่างเอาอกเอาใจ ตั้งแต่เธอเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยจนเรียนจบ ก็ทำให้แม่และยายอยากให้เธอรับปากแต่งงานกับเขา เพื่อเธอจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาและมีคนดูแลปกป้องแทนพ่อที่เสียชีวิตไปแล้วเธอจึงตัดสินใจที่จะแต่งงานกับเขา เพื่อตอบแทนบุญคุณแม่กับยายที่อุตส่าห์ส่งเสียเลี้ยงดูเธอจนเรียนจบ แม้ว่าพ่อจะจากไปกว่า 5 ปีแล้วก็ตาม อีกอย่างฐานะร่ำรวยของสราวุฒิก็จะทำให้แ
‘หนูดาว... คิดให้ดีนะลูก แม่เข้าใจว่าไม่มีใครหรอกที่อยากจะแต่งงานหลายครั้ง แต่แม่ก็อยากให้หนูตรองดูให้ดี คุณทวิชเขาดีกับแม่กับยายมาก จะมีผู้ชายคนไหนล่ะลูกที่เขาจะมาสนใจแม่ม่ายอย่างหนู นี่มัน 2 ปีแล้วนะลูก ที่เขาเทียวไปเทียวมาแบบนี้ หนูจะไม่ลองให้โอกาสตัวเองและให้โอกาสเขาดูสักครั้งหรือลูก จะมีผู้ชายคนไหนที่จะดีกับแม่กับยายได้เท่าพ่อวิชอีกล่ะลูก’‘ยายก็อยากเห็นหนูดาวมีความสุขนะลูก อยากให้ครอบครัวของเรากลับมามีความสุขเหมือนเดิม ยายอยากอุ้มเหลนสักครั้งก่อนที่ยายจะหมดลม หนูดาว... ลืมเรื่องที่ผ่านไปแล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเถอะลูก นะหนูดาวของยาย ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ยายจะได้เห็นหนูแต่งงาน ขอให้ยายได้เห็นหนูมีความสุข ให้พ่อธนินเขาหมดห่วง ยายก็จะได้นอนตายตาหลับซะที’‘รับปากแต่งงานกับพ่อวิชเถอะนะลูก ถือว่าแม่กับยายขอร้องเป็นครั้งสุดท้ายนะหนูดาว ทำเพื่อแม่กับยายอีกครั้งได้มั้ย’น้ำตาของยายที่เอ่อคลอยามเอ่ยถึงพ่อของเธอและน้ำเสียงสั่นเครือของแม่ นั่นคือเหตุผลที่เธอตกลงปลงใจแต่งงานครั้งที่ 3 กับทวิช แม้จะไม่ได้รักเขาก็ตาม อาจเพราะว่าเธอก็อยากจะพิสูจน์ว่าเธอไม่ใช่ ‘ผู้หญิงกินผัว’ อย่างที่ผู้
“ไม่จริ๊ง! มันต้องฆ่าลูกฉัน พวกมัน แม่มัน ยายมัน ร่วมมือกันฆ่าตาวิช ไม่มีทางที่ตาวิชจะตายเอง ไม่มีทาง! ไม่จริ๊ง! เอิ้ก...”เสียงกรีดร้องคร่ำครวญดังออกมาจากแม่ของทวิช ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเรอเอิ้กอ้ากเพราะลมตีขึ้นฉับพลัน พร้อมๆ กับเหล่าญาติพี่น้องที่วิ่งวุ่นหายาลมยาหอมอีกครั้ง“ทำไมผลชันสูตรถึงออกมาว่าพี่วิชหัวใจวายล่ะครับคุณตำรวจ ไม่มีใครสงสัยครอบครัวเจ้าสาวเลยเหรอครับ ผมทราบว่าสามีอีก 2 คนของเธอก็หัวใจวายตายเหมือนกัน” เขาถามเพราะเริ่มไม่แน่ใจกับผลชันสูตรที่เจ้าหน้าที่เอามาให้ เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาบอกว่าบางอาชีพเงินก็ซื้อได้อย่างง่ายดาย“ทางเรามีประวัติที่คุณทวิชไปพบแพทย์เมื่อ 3 เดือนก่อนนะครับ”“พบแพทย์” หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ดวงตาจับจ้องมองนายตำรวจเจ้าของคดีแทบจะไม่กะพริบ เขาต้องการคำตอบที่กระจ่างชัดเจนกว่านี้“ครับ คุณทวิชไปพบแพทย์เพราะมีอาการเจ็บหน้าอกและหัวใจเต้นผิดปกติ เมื่อ 3 เดือนที่แล้วนะครับ ซึ่งตรงนี้ผมไม่ทราบว่าคุณทวิชได้บอกญาติๆ ไว้บ้างหรือไม่” นายตำรวจวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“พี่วิชน่ะเหรอครับป่วยเป็นโรคหัวใจ ไม่น่าจะเป็นไปได้ เขาทั้งออกกำลังกายทั้งดู
สายตาที่แสดงความไม่พอใจของผู้เป็นแม่ที่จ้องมองมาในทันทีที่เธอเหยียบย่างเข้าสู่คฤหาสน์หลังงามที่ปลูกสร้างบนพื้นที่เกือบ 10 ไร่ในย่านชานเมือง ทำให้ธนิษฐาต้องพยายามข่มใจไม่ให้เผลอแสดงอารมณ์ ‘เหนื่อยใจ’ ซึ่งก็คืออารมณ์ที่แท้จริงในขณะนี้ออกไปร่างงามระหงพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ พ่นออกจากปากเบาๆ ราวกับอยากให้ความหนักใจทั้งหลายนั้นมลายหายไปพร้อมกับลมหายใจออก เพราะยิ่งนานวัน ความอึดอัดที่เธอแบกรับมาตลอดเกือบ 5 ปี มันก็ยิ่งเติมเต็มจนแทบจะทะลักออกมาจากหัวใจของเธออยู่แล้วเธออยากให้ความอึดอัดนี้มันจบลงเสียที อย่างน้อยที่สุดก็ให้จบไปพร้อมๆ กับ ‘ตราบาป’ ครั้งล่าสุดที่เพิ่งประทับไว้บนหน้าผากของเธอ เพราะต่อแต่นี้ไปไม่ว่าจะเดินทางไปไหน ใกล้หรือไกล ขอเพียงมีคนรู้จักและจดจำเธอได้ ฉายา ‘หญิงกินผัว’ ‘ม่ายผัว 3’ หรือว่า ‘หญิง 3 ผัว’ คงจะอยู่คู่กับเธอไปจนวันตาย เพราะเรื่องแบบนี้แหละที่คนชอบพูดกันนัก ดีไม่ดีเธออาจกลายเป็นตำนานที่ยังคงมีชีวิตอยู่ก็ได้“ถอนหายใจทำไมยัยดาว อย่ามามองแม่แบบนี้นะ แม่บอกเราแล้วว่าไม่ให้ไป เราก็ไม่เชื่อแม่ แล้วยังไงล่ะ เจอเขาด่าหรือว่าไล่ตะเพิดมาอีกล่ะ ถึงได้มามองแ
“ไม่จริ๊ง! มันต้องฆ่าลูกฉัน พวกมัน แม่มัน ยายมัน ร่วมมือกันฆ่าตาวิช ไม่มีทางที่ตาวิชจะตายเอง ไม่มีทาง! ไม่จริ๊ง! เอิ้ก...”เสียงกรีดร้องคร่ำครวญดังออกมาจากแม่ของทวิช ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเรอเอิ้กอ้ากเพราะลมตีขึ้นฉับพลัน พร้อมๆ กับเหล่าญาติพี่น้องที่วิ่งวุ่นหายาลมยาหอมอีกครั้ง“ทำไมผลชันสูตรถึงออกมาว่าพี่วิชหัวใจวายล่ะครับคุณตำรวจ ไม่มีใครสงสัยครอบครัวเจ้าสาวเลยเหรอครับ ผมทราบว่าสามีอีก 2 คนของเธอก็หัวใจวายตายเหมือนกัน” เขาถามเพราะเริ่มไม่แน่ใจกับผลชันสูตรที่เจ้าหน้าที่เอามาให้ เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาบอกว่าบางอาชีพเงินก็ซื้อได้อย่างง่ายดาย“ทางเรามีประวัติที่คุณทวิชไปพบแพทย์เมื่อ 3 เดือนก่อนนะครับ”“พบแพทย์” หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ดวงตาจับจ้องมองนายตำรวจเจ้าของคดีแทบจะไม่กะพริบ เขาต้องการคำตอบที่กระจ่างชัดเจนกว่านี้“ครับ คุณทวิชไปพบแพทย์เพราะมีอาการเจ็บหน้าอกและหัวใจเต้นผิดปกติ เมื่อ 3 เดือนที่แล้วนะครับ ซึ่งตรงนี้ผมไม่ทราบว่าคุณทวิชได้บอกญาติๆ ไว้บ้างหรือไม่” นายตำรวจวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“พี่วิชน่ะเหรอครับป่วยเป็นโรคหัวใจ ไม่น่าจะเป็นไปได้ เขาทั้งออกกำลังกายทั้งดู
‘หนูดาว... คิดให้ดีนะลูก แม่เข้าใจว่าไม่มีใครหรอกที่อยากจะแต่งงานหลายครั้ง แต่แม่ก็อยากให้หนูตรองดูให้ดี คุณทวิชเขาดีกับแม่กับยายมาก จะมีผู้ชายคนไหนล่ะลูกที่เขาจะมาสนใจแม่ม่ายอย่างหนู นี่มัน 2 ปีแล้วนะลูก ที่เขาเทียวไปเทียวมาแบบนี้ หนูจะไม่ลองให้โอกาสตัวเองและให้โอกาสเขาดูสักครั้งหรือลูก จะมีผู้ชายคนไหนที่จะดีกับแม่กับยายได้เท่าพ่อวิชอีกล่ะลูก’‘ยายก็อยากเห็นหนูดาวมีความสุขนะลูก อยากให้ครอบครัวของเรากลับมามีความสุขเหมือนเดิม ยายอยากอุ้มเหลนสักครั้งก่อนที่ยายจะหมดลม หนูดาว... ลืมเรื่องที่ผ่านไปแล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเถอะลูก นะหนูดาวของยาย ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ยายจะได้เห็นหนูแต่งงาน ขอให้ยายได้เห็นหนูมีความสุข ให้พ่อธนินเขาหมดห่วง ยายก็จะได้นอนตายตาหลับซะที’‘รับปากแต่งงานกับพ่อวิชเถอะนะลูก ถือว่าแม่กับยายขอร้องเป็นครั้งสุดท้ายนะหนูดาว ทำเพื่อแม่กับยายอีกครั้งได้มั้ย’น้ำตาของยายที่เอ่อคลอยามเอ่ยถึงพ่อของเธอและน้ำเสียงสั่นเครือของแม่ นั่นคือเหตุผลที่เธอตกลงปลงใจแต่งงานครั้งที่ 3 กับทวิช แม้จะไม่ได้รักเขาก็ตาม อาจเพราะว่าเธอก็อยากจะพิสูจน์ว่าเธอไม่ใช่ ‘ผู้หญิงกินผัว’ อย่างที่ผู้
“นี่เราทำบาปทำกรรมกับคนพวกนั้นจริงๆ เหรอเนี่ย เราเป็นสาเหตุให้พวกเขาตาย เราเป็นผู้หญิง...”คำนั้นละไว้ฐานที่เข้าใจเพราะไม่กล้าแม้แต่จะพูดมันออกมา แค่คิดก็เจ็บปวดหัวใจเสียจนหยาดน้ำตาต้องทะลักไหลออกมาอีก“ฮือ... เราเป็นอย่างที่เขาว่า ฮือ...” ใบหน้าฉ่ำชื้นไปด้วยน้ำตาซบลงที่พวงมาลัย ไหล่เล็กสั่นไหวจากแรงสะอื้นที่มีแต่จะถาโถมเพิ่มขึ้นจากหัวใจที่สั่นสะท้าน เมื่อหวนนึกถึงครั้งแรกที่ต้องเผชิญหน้ากับคำว่า ‘ม่ายผัวตาย’เริ่มจาก ‘สราวุฒิ’ สามีคนแรกของเธอ พ่อม่ายเสี่ยใหญ่เจ้าของร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ แม้จะไม่ได้รักชอบในเชิงชู้สาว เพราะสราวุฒินั้นอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับพ่อของเธอ ทั้งครอบครัวก็ยังสนิทสนมกันตั้งแต่เธอยังเด็ก แต่ความสม่ำเสมอช่างเอาอกเอาใจ ตั้งแต่เธอเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยจนเรียนจบ ก็ทำให้แม่และยายอยากให้เธอรับปากแต่งงานกับเขา เพื่อเธอจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาและมีคนดูแลปกป้องแทนพ่อที่เสียชีวิตไปแล้วเธอจึงตัดสินใจที่จะแต่งงานกับเขา เพื่อตอบแทนบุญคุณแม่กับยายที่อุตส่าห์ส่งเสียเลี้ยงดูเธอจนเรียนจบ แม้ว่าพ่อจะจากไปกว่า 5 ปีแล้วก็ตาม อีกอย่างฐานะร่ำรวยของสราวุฒิก็จะทำให้แ
“กรี๊ดดดดด...”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่ดังลั่นทำให้บรรดาแขกเหรื่อที่กำลังจะเดินทางกลับและเจ้าภาพที่ยืนส่งแขกอยู่หน้างานพร้อมใจกันมองไปยังที่มาของเสียงอย่างตื่นตกใจ ก่อนที่เจ้าภาพทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจะวิ่งตรงไปยังทิศทางซึ่งก็คือ ห้องหอที่เพิ่งส่งตัวบ่าวสาวเข้าไปได้ไม่ถึง 5 นาทีดี แต่ยังไม่ทันที่จะเปิดประตูคนจากด้านในก็เปิดออกมาเสียก่อน ใบหน้าสวยตื่นตระหนกเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาร่ำร้องเรียกหาให้คนช่วยเจ้าบ่าวของเธอ “ช่วยด้วยค่ะ... ช่วยด้วย ช่วยเขาด้วย อย่าให้เขาเป็นอะไรไปนะ ช่วยด้วย... ฮือ...”ร่างงามระหงในชุดเจ้าสาวสีขาวดูบอบบางน่าทะนุถนอมทรุดลงแทบพื้นพลางสั่นสะอื้น เพราะเธอไร้เรี่ยวแรงใดๆ ที่จะพยุงร่างกายให้ลุกขึ้นได้อีกแล้ว ดวงตาฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาได้แต่มองบรรดาญาติของฝ่ายชายและเจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่ต่างพยายามช่วยปฐมพยาบาลเจ้าบ่าวหมาดๆ ของเธออย่างต่อเนื่องความโกลาหลเกิดขึ้นรอบตัว ทว่าไม่ว่าในห้องหอรอรักที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามนี้จะมากมายไปด้วยผู้คนเข้าออก ทั้งญาติของเจ้าบ่าวที่เดินไปมา ทั้งเจ้าหน้าที่ของรถบริการฉุกเฉินที่รีบเร่งเข้ามาพร้อมอุปกรณ์กู้ชีพอย่างเร่งด่