‘หนูดาว... คิดให้ดีนะลูก แม่เข้าใจว่าไม่มีใครหรอกที่อยากจะแต่งงานหลายครั้ง แต่แม่ก็อยากให้หนูตรองดูให้ดี คุณทวิชเขาดีกับแม่กับยายมาก จะมีผู้ชายคนไหนล่ะลูกที่เขาจะมาสนใจแม่ม่ายอย่างหนู นี่มัน 2 ปีแล้วนะลูก ที่เขาเทียวไปเทียวมาแบบนี้ หนูจะไม่ลองให้โอกาสตัวเองและให้โอกาสเขาดูสักครั้งหรือลูก จะมีผู้ชายคนไหนที่จะดีกับแม่กับยายได้เท่าพ่อวิชอีกล่ะลูก’
‘ยายก็อยากเห็นหนูดาวมีความสุขนะลูก อยากให้ครอบครัวของเรากลับมามีความสุขเหมือนเดิม ยายอยากอุ้มเหลนสักครั้งก่อนที่ยายจะหมดลม หนูดาว... ลืมเรื่องที่ผ่านไปแล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเถอะลูก นะหนูดาวของยาย ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ยายจะได้เห็นหนูแต่งงาน ขอให้ยายได้เห็นหนูมีความสุข ให้พ่อธนินเขาหมดห่วง ยายก็จะได้นอนตายตาหลับซะที’
‘รับปากแต่งงานกับพ่อวิชเถอะนะลูก ถือว่าแม่กับยายขอร้องเป็นครั้งสุดท้ายนะหนูดาว ทำเพื่อแม่กับยายอีกครั้งได้มั้ย’
น้ำตาของยายที่เอ่อคลอยามเอ่ยถึงพ่อของเธอและน้ำเสียงสั่นเครือของแม่ นั่นคือเหตุผลที่เธอตกลงปลงใจแต่งงานครั้งที่ 3 กับทวิช แม้จะไม่ได้รักเขาก็ตาม อาจเพราะว่าเธอก็อยากจะพิสูจน์ว่าเธอไม่ใช่ ‘ผู้หญิงกินผัว’ อย่างที่ผู้ชายทุกคนหวาดกลัว อย่างที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้มาสนิทชิดเชื้อ
แต่หากเธอรู้ว่าผลแห่งการตัดสินใจในครั้งนั้นจะทำให้มีวันนี้ เธอจะไม่มีวันยอมแต่งงานกับใครอีกแน่ จะได้ไม่มีใครต้องตายเพราะเธออีก
“พี่วิช... ดาวขอโทษ ดาวไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ ฮือ... ดาวขอโทษ...”
ธนิษฐาเปล่งเสียงร้องไห้โฮ เพราะเธอรับไม่ได้อีกแล้ว เธอไม่ได้อยากเป็นเช่นนี้ ไม่อยากอยู่กับคำประณามหยามเหยียด ไม่อยากต้องอดทนต่อสายตาดูถูกดูแคลนปนรังเกียจจากญาติพี่น้องของเจ้าบ่าวที่จ้องมองมาที่เธอด้วยความแค้นเคือง จนบางครั้งเธอก็รู้สึกว่ามันเจือไปด้วยความเกรงกลัวในสิ่งที่เธอเป็นเสียด้วยซ้ำ
หยาดน้ำตาไหลอาบลงเป็นสายพร้อมกับก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจุกรั้งที่ลำคอ สิ่งที่เผชิญอยู่นี้ไม่ต่างจากเธอถูก ‘คำสาป’ ที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองไปทำกรรมอะไรมา จึงทำให้การแต่งงานทั้ง 3 ครั้งต้องจบลงด้วยเจ้าบ่าวตายในวันวิวาห์ทั้ง 3 คน หรือจริงๆ แล้วเธอจะเป็นอย่างที่เขาพูดกัน
‘ผู้หญิงกินผัว’
“ดาวไม่ใช่... ดาวไม่เป็นอย่างนั้น... ฮือ... พ่อขา... ดาวไม่ได้เป็นอย่างนั้น... ฮือ...”
ธนิษฐายังคงคร่ำครวญกับตัวเองจนไม่รู้เลยว่า ณ ลานจอดรถไม่ได้มีเธออยู่เพียงผู้เดียว แต่ยังมีใครอีกคนที่ยืนหลบมุมอยู่ใต้ต้นลั่นทมใหญ่ภายในบริเวณลานวัด ใครบางคนที่มองเธอไม่ต่างจากคนในศาลาสวดศพ
ดวงตาคมเข้มฉายความร้อนแรงราวมีดวงไฟแผดเผานั้นกำลังมองมาที่เธออย่างมาดร้าย ซึ่งหากบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป เขาคงใช้ศาลเตี้ยพิพากษาเธอให้สมกับความผิดที่มั่นใจว่าเธอ ‘ร้ายลึก’ ไม่ได้ใสซื่อดังสิ่งที่เห็น
ทั้งหมดนั้นคือ ‘สิ่งลวง’ ที่หญิงเจนสนามอย่างเธอขยันทำเสียจนชาชิน จนกลายเป็นละครฉากหนึ่งที่เธอเล่นจริงอย่างสมบทบาทที่สุด แต่เพราะทำไม่ได้ เขาจึงต้องรอคอยผลการชันสูตรเพื่อชี้มูลความผิดของเธอเท่านั้น และรับรองว่าเธอจะได้รับการตอบแทนความผิดในครั้งนี้อย่างสาสม
.
.
เปลวไฟสีแดงโชติช่วงจากหัวจ่ายแก๊สด้านล่างพวยพุ่งขึ้นมาจนล้อมโลงสีขาวขลิบทองจนทั่ว ก่อนที่ประตูสี่เหลี่ยมกว้างเพียงพอที่จะนำพาบุคคลด้านในไปสู่สัมปรายภพจะปิดลง ดั่งเป็นสัญญาณให้รับรู้ว่าโลกแห่งความเป็นและโลกแห่งความตายได้ถูกแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ท่ามกลางเสียงร้องไห้ดังระงมของคนในครอบครัว กรามแกร่งต้องขบเข้าหากันแน่นจนเป็นสัน ดวงตาคมเข้มแดงก่ำจ้องมองไปยังรูปภาพหน้าศพ พยายามแล้วที่จะสะกดกลั้นหยาดน้ำตาไม่ให้รินไหลแต่ก็ทำไม่ได้ ต้องปล่อยให้ความทุกข์ละลายไปกับหยาดน้ำที่ค่อยๆ ไหลออกมา
หากเขารู้ว่าวันเวลาจะสั้นขนาดนี้ เขาจะไม่เห็นอะไรสำคัญเกินกว่าที่จะมาร่วมงานแต่งงานให้ได้ ได้เห็นหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี อย่างน้อยที่สุดหากข้อสันนิษฐานของเหล่าญาติๆ เป็นจริง เขาก็อาจจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง ไม่ใช่ต้องจบสิ้นที่เมรุอย่างนี้
นิ้วมือปาดน้ำตาที่ยังคงรินไหลไม่ขาดสาย ญาติผู้พี่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือรอยยิ้ม และความที่เป็นคนอารมณ์ดีอยู่เสมอจึงทำให้ที่ใดก็ตามที่มี ‘ทวิช’ อยู่ ที่นั่นจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนรอบข้าง แต่ในวันนี้ล่ะ แม้ทวิชจะอยู่ใกล้แค่ประตูกั้น แต่เสียงรอบด้านของเขากลับกลายเป็นเสียงร้องไห้ดังระงม
“ผลชันสูตรมาแล้วนะฮาสท์”
เสียงของญาติที่เอ่ยบอกเป็นสัญญาณให้ทุกคนที่อยู่บนเมรุรีบรุดลงมาด้านล่าง เพราะอยากรู้ว่าสิ่งที่ทุกคนสันนิษฐานกับสิ่งที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์ออกมาจะตรงกันมากน้อยเพียงใด สรุปแล้วมันคือความบังเอิญที่เจ้าบ่าวของเธอคนนั้นต้องมาตายในวันวิวาห์ทุกคน หรือมีใครจงใจให้เป็นอย่างนั้นกันแน่
“ไม่จริ๊ง! มันต้องฆ่าลูกฉัน พวกมัน แม่มัน ยายมัน ร่วมมือกันฆ่าตาวิช ไม่มีทางที่ตาวิชจะตายเอง ไม่มีทาง! ไม่จริ๊ง! เอิ้ก...”เสียงกรีดร้องคร่ำครวญดังออกมาจากแม่ของทวิช ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเรอเอิ้กอ้ากเพราะลมตีขึ้นฉับพลัน พร้อมๆ กับเหล่าญาติพี่น้องที่วิ่งวุ่นหายาลมยาหอมอีกครั้ง“ทำไมผลชันสูตรถึงออกมาว่าพี่วิชหัวใจวายล่ะครับคุณตำรวจ ไม่มีใครสงสัยครอบครัวเจ้าสาวเลยเหรอครับ ผมทราบว่าสามีอีก 2 คนของเธอก็หัวใจวายตายเหมือนกัน” เขาถามเพราะเริ่มไม่แน่ใจกับผลชันสูตรที่เจ้าหน้าที่เอามาให้ เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาบอกว่าบางอาชีพเงินก็ซื้อได้อย่างง่ายดาย“ทางเรามีประวัติที่คุณทวิชไปพบแพทย์เมื่อ 3 เดือนก่อนนะครับ”“พบแพทย์” หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ดวงตาจับจ้องมองนายตำรวจเจ้าของคดีแทบจะไม่กะพริบ เขาต้องการคำตอบที่กระจ่างชัดเจนกว่านี้“ครับ คุณทวิชไปพบแพทย์เพราะมีอาการเจ็บหน้าอกและหัวใจเต้นผิดปกติ เมื่อ 3 เดือนที่แล้วนะครับ ซึ่งตรงนี้ผมไม่ทราบว่าคุณทวิชได้บอกญาติๆ ไว้บ้างหรือไม่” นายตำรวจวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“พี่วิชน่ะเหรอครับป่วยเป็นโรคหัวใจ ไม่น่าจะเป็นไปได้ เขาทั้งออกกำลังกายทั้งดู
สายตาที่แสดงความไม่พอใจของผู้เป็นแม่ที่จ้องมองมาในทันทีที่เธอเหยียบย่างเข้าสู่คฤหาสน์หลังงามที่ปลูกสร้างบนพื้นที่เกือบ 10 ไร่ในย่านชานเมือง ทำให้ธนิษฐาต้องพยายามข่มใจไม่ให้เผลอแสดงอารมณ์ ‘เหนื่อยใจ’ ซึ่งก็คืออารมณ์ที่แท้จริงในขณะนี้ออกไปร่างงามระหงพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ พ่นออกจากปากเบาๆ ราวกับอยากให้ความหนักใจทั้งหลายนั้นมลายหายไปพร้อมกับลมหายใจออก เพราะยิ่งนานวัน ความอึดอัดที่เธอแบกรับมาตลอดเกือบ 5 ปี มันก็ยิ่งเติมเต็มจนแทบจะทะลักออกมาจากหัวใจของเธออยู่แล้วเธออยากให้ความอึดอัดนี้มันจบลงเสียที อย่างน้อยที่สุดก็ให้จบไปพร้อมๆ กับ ‘ตราบาป’ ครั้งล่าสุดที่เพิ่งประทับไว้บนหน้าผากของเธอ เพราะต่อแต่นี้ไปไม่ว่าจะเดินทางไปไหน ใกล้หรือไกล ขอเพียงมีคนรู้จักและจดจำเธอได้ ฉายา ‘หญิงกินผัว’ ‘ม่ายผัว 3’ หรือว่า ‘หญิง 3 ผัว’ คงจะอยู่คู่กับเธอไปจนวันตาย เพราะเรื่องแบบนี้แหละที่คนชอบพูดกันนัก ดีไม่ดีเธออาจกลายเป็นตำนานที่ยังคงมีชีวิตอยู่ก็ได้“ถอนหายใจทำไมยัยดาว อย่ามามองแม่แบบนี้นะ แม่บอกเราแล้วว่าไม่ให้ไป เราก็ไม่เชื่อแม่ แล้วยังไงล่ะ เจอเขาด่าหรือว่าไล่ตะเพิดมาอีกล่ะ ถึงได้มามองแ
“กรี๊ดดดดด...”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่ดังลั่นทำให้บรรดาแขกเหรื่อที่กำลังจะเดินทางกลับและเจ้าภาพที่ยืนส่งแขกอยู่หน้างานพร้อมใจกันมองไปยังที่มาของเสียงอย่างตื่นตกใจ ก่อนที่เจ้าภาพทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจะวิ่งตรงไปยังทิศทางซึ่งก็คือ ห้องหอที่เพิ่งส่งตัวบ่าวสาวเข้าไปได้ไม่ถึง 5 นาทีดี แต่ยังไม่ทันที่จะเปิดประตูคนจากด้านในก็เปิดออกมาเสียก่อน ใบหน้าสวยตื่นตระหนกเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาร่ำร้องเรียกหาให้คนช่วยเจ้าบ่าวของเธอ “ช่วยด้วยค่ะ... ช่วยด้วย ช่วยเขาด้วย อย่าให้เขาเป็นอะไรไปนะ ช่วยด้วย... ฮือ...”ร่างงามระหงในชุดเจ้าสาวสีขาวดูบอบบางน่าทะนุถนอมทรุดลงแทบพื้นพลางสั่นสะอื้น เพราะเธอไร้เรี่ยวแรงใดๆ ที่จะพยุงร่างกายให้ลุกขึ้นได้อีกแล้ว ดวงตาฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาได้แต่มองบรรดาญาติของฝ่ายชายและเจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่ต่างพยายามช่วยปฐมพยาบาลเจ้าบ่าวหมาดๆ ของเธออย่างต่อเนื่องความโกลาหลเกิดขึ้นรอบตัว ทว่าไม่ว่าในห้องหอรอรักที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามนี้จะมากมายไปด้วยผู้คนเข้าออก ทั้งญาติของเจ้าบ่าวที่เดินไปมา ทั้งเจ้าหน้าที่ของรถบริการฉุกเฉินที่รีบเร่งเข้ามาพร้อมอุปกรณ์กู้ชีพอย่างเร่งด่
“นี่เราทำบาปทำกรรมกับคนพวกนั้นจริงๆ เหรอเนี่ย เราเป็นสาเหตุให้พวกเขาตาย เราเป็นผู้หญิง...”คำนั้นละไว้ฐานที่เข้าใจเพราะไม่กล้าแม้แต่จะพูดมันออกมา แค่คิดก็เจ็บปวดหัวใจเสียจนหยาดน้ำตาต้องทะลักไหลออกมาอีก“ฮือ... เราเป็นอย่างที่เขาว่า ฮือ...” ใบหน้าฉ่ำชื้นไปด้วยน้ำตาซบลงที่พวงมาลัย ไหล่เล็กสั่นไหวจากแรงสะอื้นที่มีแต่จะถาโถมเพิ่มขึ้นจากหัวใจที่สั่นสะท้าน เมื่อหวนนึกถึงครั้งแรกที่ต้องเผชิญหน้ากับคำว่า ‘ม่ายผัวตาย’เริ่มจาก ‘สราวุฒิ’ สามีคนแรกของเธอ พ่อม่ายเสี่ยใหญ่เจ้าของร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ แม้จะไม่ได้รักชอบในเชิงชู้สาว เพราะสราวุฒินั้นอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับพ่อของเธอ ทั้งครอบครัวก็ยังสนิทสนมกันตั้งแต่เธอยังเด็ก แต่ความสม่ำเสมอช่างเอาอกเอาใจ ตั้งแต่เธอเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยจนเรียนจบ ก็ทำให้แม่และยายอยากให้เธอรับปากแต่งงานกับเขา เพื่อเธอจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาและมีคนดูแลปกป้องแทนพ่อที่เสียชีวิตไปแล้วเธอจึงตัดสินใจที่จะแต่งงานกับเขา เพื่อตอบแทนบุญคุณแม่กับยายที่อุตส่าห์ส่งเสียเลี้ยงดูเธอจนเรียนจบ แม้ว่าพ่อจะจากไปกว่า 5 ปีแล้วก็ตาม อีกอย่างฐานะร่ำรวยของสราวุฒิก็จะทำให้แ
สายตาที่แสดงความไม่พอใจของผู้เป็นแม่ที่จ้องมองมาในทันทีที่เธอเหยียบย่างเข้าสู่คฤหาสน์หลังงามที่ปลูกสร้างบนพื้นที่เกือบ 10 ไร่ในย่านชานเมือง ทำให้ธนิษฐาต้องพยายามข่มใจไม่ให้เผลอแสดงอารมณ์ ‘เหนื่อยใจ’ ซึ่งก็คืออารมณ์ที่แท้จริงในขณะนี้ออกไปร่างงามระหงพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ พ่นออกจากปากเบาๆ ราวกับอยากให้ความหนักใจทั้งหลายนั้นมลายหายไปพร้อมกับลมหายใจออก เพราะยิ่งนานวัน ความอึดอัดที่เธอแบกรับมาตลอดเกือบ 5 ปี มันก็ยิ่งเติมเต็มจนแทบจะทะลักออกมาจากหัวใจของเธออยู่แล้วเธออยากให้ความอึดอัดนี้มันจบลงเสียที อย่างน้อยที่สุดก็ให้จบไปพร้อมๆ กับ ‘ตราบาป’ ครั้งล่าสุดที่เพิ่งประทับไว้บนหน้าผากของเธอ เพราะต่อแต่นี้ไปไม่ว่าจะเดินทางไปไหน ใกล้หรือไกล ขอเพียงมีคนรู้จักและจดจำเธอได้ ฉายา ‘หญิงกินผัว’ ‘ม่ายผัว 3’ หรือว่า ‘หญิง 3 ผัว’ คงจะอยู่คู่กับเธอไปจนวันตาย เพราะเรื่องแบบนี้แหละที่คนชอบพูดกันนัก ดีไม่ดีเธออาจกลายเป็นตำนานที่ยังคงมีชีวิตอยู่ก็ได้“ถอนหายใจทำไมยัยดาว อย่ามามองแม่แบบนี้นะ แม่บอกเราแล้วว่าไม่ให้ไป เราก็ไม่เชื่อแม่ แล้วยังไงล่ะ เจอเขาด่าหรือว่าไล่ตะเพิดมาอีกล่ะ ถึงได้มามองแ
“ไม่จริ๊ง! มันต้องฆ่าลูกฉัน พวกมัน แม่มัน ยายมัน ร่วมมือกันฆ่าตาวิช ไม่มีทางที่ตาวิชจะตายเอง ไม่มีทาง! ไม่จริ๊ง! เอิ้ก...”เสียงกรีดร้องคร่ำครวญดังออกมาจากแม่ของทวิช ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเรอเอิ้กอ้ากเพราะลมตีขึ้นฉับพลัน พร้อมๆ กับเหล่าญาติพี่น้องที่วิ่งวุ่นหายาลมยาหอมอีกครั้ง“ทำไมผลชันสูตรถึงออกมาว่าพี่วิชหัวใจวายล่ะครับคุณตำรวจ ไม่มีใครสงสัยครอบครัวเจ้าสาวเลยเหรอครับ ผมทราบว่าสามีอีก 2 คนของเธอก็หัวใจวายตายเหมือนกัน” เขาถามเพราะเริ่มไม่แน่ใจกับผลชันสูตรที่เจ้าหน้าที่เอามาให้ เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาบอกว่าบางอาชีพเงินก็ซื้อได้อย่างง่ายดาย“ทางเรามีประวัติที่คุณทวิชไปพบแพทย์เมื่อ 3 เดือนก่อนนะครับ”“พบแพทย์” หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ดวงตาจับจ้องมองนายตำรวจเจ้าของคดีแทบจะไม่กะพริบ เขาต้องการคำตอบที่กระจ่างชัดเจนกว่านี้“ครับ คุณทวิชไปพบแพทย์เพราะมีอาการเจ็บหน้าอกและหัวใจเต้นผิดปกติ เมื่อ 3 เดือนที่แล้วนะครับ ซึ่งตรงนี้ผมไม่ทราบว่าคุณทวิชได้บอกญาติๆ ไว้บ้างหรือไม่” นายตำรวจวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“พี่วิชน่ะเหรอครับป่วยเป็นโรคหัวใจ ไม่น่าจะเป็นไปได้ เขาทั้งออกกำลังกายทั้งดู
‘หนูดาว... คิดให้ดีนะลูก แม่เข้าใจว่าไม่มีใครหรอกที่อยากจะแต่งงานหลายครั้ง แต่แม่ก็อยากให้หนูตรองดูให้ดี คุณทวิชเขาดีกับแม่กับยายมาก จะมีผู้ชายคนไหนล่ะลูกที่เขาจะมาสนใจแม่ม่ายอย่างหนู นี่มัน 2 ปีแล้วนะลูก ที่เขาเทียวไปเทียวมาแบบนี้ หนูจะไม่ลองให้โอกาสตัวเองและให้โอกาสเขาดูสักครั้งหรือลูก จะมีผู้ชายคนไหนที่จะดีกับแม่กับยายได้เท่าพ่อวิชอีกล่ะลูก’‘ยายก็อยากเห็นหนูดาวมีความสุขนะลูก อยากให้ครอบครัวของเรากลับมามีความสุขเหมือนเดิม ยายอยากอุ้มเหลนสักครั้งก่อนที่ยายจะหมดลม หนูดาว... ลืมเรื่องที่ผ่านไปแล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเถอะลูก นะหนูดาวของยาย ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ยายจะได้เห็นหนูแต่งงาน ขอให้ยายได้เห็นหนูมีความสุข ให้พ่อธนินเขาหมดห่วง ยายก็จะได้นอนตายตาหลับซะที’‘รับปากแต่งงานกับพ่อวิชเถอะนะลูก ถือว่าแม่กับยายขอร้องเป็นครั้งสุดท้ายนะหนูดาว ทำเพื่อแม่กับยายอีกครั้งได้มั้ย’น้ำตาของยายที่เอ่อคลอยามเอ่ยถึงพ่อของเธอและน้ำเสียงสั่นเครือของแม่ นั่นคือเหตุผลที่เธอตกลงปลงใจแต่งงานครั้งที่ 3 กับทวิช แม้จะไม่ได้รักเขาก็ตาม อาจเพราะว่าเธอก็อยากจะพิสูจน์ว่าเธอไม่ใช่ ‘ผู้หญิงกินผัว’ อย่างที่ผู้
“นี่เราทำบาปทำกรรมกับคนพวกนั้นจริงๆ เหรอเนี่ย เราเป็นสาเหตุให้พวกเขาตาย เราเป็นผู้หญิง...”คำนั้นละไว้ฐานที่เข้าใจเพราะไม่กล้าแม้แต่จะพูดมันออกมา แค่คิดก็เจ็บปวดหัวใจเสียจนหยาดน้ำตาต้องทะลักไหลออกมาอีก“ฮือ... เราเป็นอย่างที่เขาว่า ฮือ...” ใบหน้าฉ่ำชื้นไปด้วยน้ำตาซบลงที่พวงมาลัย ไหล่เล็กสั่นไหวจากแรงสะอื้นที่มีแต่จะถาโถมเพิ่มขึ้นจากหัวใจที่สั่นสะท้าน เมื่อหวนนึกถึงครั้งแรกที่ต้องเผชิญหน้ากับคำว่า ‘ม่ายผัวตาย’เริ่มจาก ‘สราวุฒิ’ สามีคนแรกของเธอ พ่อม่ายเสี่ยใหญ่เจ้าของร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ แม้จะไม่ได้รักชอบในเชิงชู้สาว เพราะสราวุฒินั้นอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับพ่อของเธอ ทั้งครอบครัวก็ยังสนิทสนมกันตั้งแต่เธอยังเด็ก แต่ความสม่ำเสมอช่างเอาอกเอาใจ ตั้งแต่เธอเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยจนเรียนจบ ก็ทำให้แม่และยายอยากให้เธอรับปากแต่งงานกับเขา เพื่อเธอจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาและมีคนดูแลปกป้องแทนพ่อที่เสียชีวิตไปแล้วเธอจึงตัดสินใจที่จะแต่งงานกับเขา เพื่อตอบแทนบุญคุณแม่กับยายที่อุตส่าห์ส่งเสียเลี้ยงดูเธอจนเรียนจบ แม้ว่าพ่อจะจากไปกว่า 5 ปีแล้วก็ตาม อีกอย่างฐานะร่ำรวยของสราวุฒิก็จะทำให้แ
“กรี๊ดดดดด...”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่ดังลั่นทำให้บรรดาแขกเหรื่อที่กำลังจะเดินทางกลับและเจ้าภาพที่ยืนส่งแขกอยู่หน้างานพร้อมใจกันมองไปยังที่มาของเสียงอย่างตื่นตกใจ ก่อนที่เจ้าภาพทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจะวิ่งตรงไปยังทิศทางซึ่งก็คือ ห้องหอที่เพิ่งส่งตัวบ่าวสาวเข้าไปได้ไม่ถึง 5 นาทีดี แต่ยังไม่ทันที่จะเปิดประตูคนจากด้านในก็เปิดออกมาเสียก่อน ใบหน้าสวยตื่นตระหนกเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาร่ำร้องเรียกหาให้คนช่วยเจ้าบ่าวของเธอ “ช่วยด้วยค่ะ... ช่วยด้วย ช่วยเขาด้วย อย่าให้เขาเป็นอะไรไปนะ ช่วยด้วย... ฮือ...”ร่างงามระหงในชุดเจ้าสาวสีขาวดูบอบบางน่าทะนุถนอมทรุดลงแทบพื้นพลางสั่นสะอื้น เพราะเธอไร้เรี่ยวแรงใดๆ ที่จะพยุงร่างกายให้ลุกขึ้นได้อีกแล้ว ดวงตาฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาได้แต่มองบรรดาญาติของฝ่ายชายและเจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่ต่างพยายามช่วยปฐมพยาบาลเจ้าบ่าวหมาดๆ ของเธออย่างต่อเนื่องความโกลาหลเกิดขึ้นรอบตัว ทว่าไม่ว่าในห้องหอรอรักที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามนี้จะมากมายไปด้วยผู้คนเข้าออก ทั้งญาติของเจ้าบ่าวที่เดินไปมา ทั้งเจ้าหน้าที่ของรถบริการฉุกเฉินที่รีบเร่งเข้ามาพร้อมอุปกรณ์กู้ชีพอย่างเร่งด่