ค่ำคืนมาเยือน แก้วตานั่งแปรงผมอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หันมองนิ่มที่กำลังจัดเตรียมที่หลับที่นอนให้ ตลอดทั้งวันนี้ตั้งแต่รุ่งสางก็มีสิ่งที่ทำให้หล่อนว้าวุ่นใจหลายอย่าง จึงไม่อยากอยู่ตามลำพัง อยากพูดคุยกับนิ่ม ซักซ้อมทางหนีทีไล่กันให้มากกว่านี้ แต่กลับกลายเป็นว่าตั้งแต่นิ่มออกจากห้องไปยามสาย ก็หายไปเลย แล้วเพิ่งกลับเข้ามาตอนนี้ เมื่อเข้ามาแล้วก็แทบจะไม่ได้พูดอะไรกับหล่อน ถามคำตอบคำ หน้าก็ไม่มอง เหมือนคนอยู่ในภวังค์ตลอดเวลา
แก้วตามองนิ่มที่ก้มหน้าก้มตาใช้ผ้าผืนเล็กปัดเศษฝุ่นบนที่นอน ก่อนจะไปนำผ้าห่มออกมาจากตู้แล้วมาวางเตรียมไว้
“พี่นิ่ม”
แค่เรียกเบาๆ ภาพที่สะท้อนจากกระจกเงาก็เห็นว่านิ่มสะดุ้งจนตัวโยน นั่นทำให้แก้วตาหันกลับมาโดยเร็ว ในขณะที่นิ่มยิ่งก้มหน้าลงต่ำดั่งกลัวหล่อนจะเห็นใบหน้า
แก้วตาก้าวเข้าประชิด ทรุดร่างลงนั่งตรงหน้า
“พี่นิ่ม เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าไม่สบาย”
“ไม่... นิ่มไม่เป็นอะไรค่ะ”
นิ่มละล่ำละลักพูดก้มหน้า เหมือนต้องการจะหลบ
“หน้าโดนอะไรมารึ”
“ไม่นะคะ ไม่ได้โดนอะไร”
“เช่นนั้นก็เงยหน้ามองฉันสิ พี่นิ่ม พี่ก้มหน้าทำไม มองหน้าฉัน”
“นิ่มจะไปออกไปแล้วค่ะ คุณแก้วตาพักผ่อนนะคะ”
“ไม่พี่นิ่ม อย่าเพิ่งไป อยู่ก่อน”
แก้วตารั้งข้อมือของนิ่มเอาไว้ แต่นิ่มยังอิดออด พยายามบิดมือจะออกไปให้ได้ ซ้ำยังไม่ยอมเงยหน้ามอง นั่นยิ่งเพิ่มความสงสัย คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันแน่น ค่อยๆ เอื้อมมือไปแตะที่ข้างแก้มของนิ่ม
“อุ๊ย!”
และเสียงร้องบ่งบอกว่าเจ็บก็ทำให้แก้วตาประคองหน้านิ่มให้แหงนขึ้นโดยเร็ว
“พี่นิ่ม! ใครทำพี่!”
แค่นั้นนิ่มก็รีบคว้ามือตะครุบปิดปากตัวเองเอาไว้ ทรุดร่างลงแทบพื้น พร้อมกับเปล่งเสียงร้องไห้ทันที
แก้วตามองร่างสั่นสะอื้นที่พยายามไม่ให้มีเสียงเล็ดลอด มองซีกหน้าบวมช้ำและปากแตกด้วยความตกใจ ก่อนกอดนิ่มเอาไว้และร้องไห้ไปด้วยกัน
“พี่นิ่ม... ฉันขอโทษนะพี่ ฉันขอโทษ...”
.
.
กลางดึกแก้วตายังคงนอนกระสับกระส่ายเพราะคิดถึงสิ่งที่นิ่มเผชิญมา คุณลุงโหดร้ายเกินกว่าที่หล่อนคาดคิดเอาไว้จริงๆ
‘นิ่มบอกกำนันตามที่คุณแก้วตาบอกค่ะ ว่าคุณแก้วตามีระดู เป็นไข้ แล้วก็ไม่ได้ออกไปไหนเลย นิ่มอยู่ดูแลไม่ห่าง แต่เหมือนกำนันจะไม่เชื่อ’
นิ่มพูดพลางแตะแก้มตัวเองแล้วยิ่งสั่นสะอื้น ใบหน้าที่บวมช้ำทั้งสองข้างกับริมฝีปากที่แตก บ่งบอกว่าไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่ถูกตบ
‘กำนันคาดโทษไว้ค่ะ ว่าถ้าจับได้ว่านิ่มโกหก จะฆ่านิ่มหมกคันนาค่ะ’
สีหน้า แววตา เสียงกลั้วสะอื้นบ่งบอกว่าสิ่งที่นิ่มเผชิญมามันโหดร้าย ตรงตามที่หมื่นขวัญบอกทุกอย่าง ว่าถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูคุณลุง หล่อนคงไม่เป็นอะไร แต่คนที่หล่อนใช้งานคงไม่อาจรอดชีวิต
แก้วตาครุ่นคิด โทษตัวเองว่าไม่ควรใช้ให้นิ่มไปทำอะไรแบบนั้น หากเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับนิ่มหรือกับคนอื่นๆ หล่อนคงไม่ให้อภัยตัวเอง
ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอีก เมื่อคิดถึงภาพใบหน้าบวมช้ำของนิ่ม นี่แค่การทำร้ายยังร้ายแรงขนาดนี้ แล้วถ้าถูกฆ่าตายเล่า
แก้วตาน้ำตาไหลพราก สั่นสะอื้นในอกจนนอนไม่ได้ ได้แต่พลิกตัวกระสับกระส่าย หัวใจสั่นหวิวเพราะเกิดความหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยกลัวเกรงคุณลุงของตัวเองมากขนาดนี้มาก่อน ทว่าไม่ได้กลัวว่าคุณลุงจะทำร้ายหล่อน แต่กลัวว่าท่านจะทำร้ายทุกคนที่เข้ามาขัดขวางทางต่างหาก โดยเฉพาะคนทางฝั่งของคุณพระนพ คุณลุงคนไม่มีความปรานี
เมื่อไม่อาจฝืนตัวให้นอนหลับได้ แก้วตาก็ลุกขึ้นนั่ง มองผ่านความมืดไปยังหน้าต่างห้อง ก่อนจะเลิกมุ้งขึ้น กะว่าจะไปรับลมสักหน่อยน่าจะทำให้ง่วงมากขึ้น
แต่ยังไม่ทันจะก้าวลงจากเตียง ร่างที่ก้าวมาประชิดพร้อมกับทาบมือปิดปากก็ทำให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง สัญชาตญาณบ่งบอกถึงอันตรายและหล่อนต้องสู้
“คุณแก้วตาครับ”
ทว่าเสียงทุ้มคุ้นเคยที่ดังอยู่ข้างหูก็ทำให้หยาดน้ำตาท่วมท้น
แก้วตาพยักหน้าว่ารู้แล้วว่าเขาเป็นใคร และทันทีที่ฝ่ามือใหญ่เคลื่อนออกจากปาก ร่างแบบบางก็หันหาอ้อมกอด ซุกหน้าลงไปสั่นสะอื้นกับอกเขา
“คุณแก้วตา”
เนิ่นนานทีเดียวที่ขวัญปล่อยให้แก้วตาร้องไห้กับอกของตนเอง นับเป็นครั้งแรกที่เห็นหล่อนโศกเศร้าขนาดนี้ เพราะตั้งแต่แรกเห็นกันครั้งแรกที่ตลาดกลางบ้าน
ที่เขาเห็นนั้นคือ คุณแก้วตาหลานสาวสุดที่รักของกำนันเดช เป็นคนร่าเริง แจ่มใส และใจดี ผิดแผกไปจากกำนันเดชเสียทุกอย่าง เพราะแก้วตาดั่งจะเป็นที่รักของแม่ค้าพ่อขาย ไม่ว่าใครขายของไม่หมด หล่อนก็มักจะใจกว้างกว้านซื้อกลับไปเรือนบ่อยครั้ง
รวมทั้งนวลกับจันทร์ที่ได้รับความช่วยเหลือจากแก้วตาในบางครั้งเช่นกัน หรือจะเรื่องของคุณกำไล แก้วตาอีกนั่นแหละที่ช่วยส่งข่าว ทำให้เรื่องทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
แต่ในยามนี้แก้วตากำลังเผชิญหน้ากับสิ่งใด ถึงได้ร้องไห้คร่ำครวญขนาดนี้ จะว่าเพิ่งรู้ว่ากำนันเป็นคนร้ายกาจก็ไม่ใช่ แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะ หรือว่าหล่อนจะรู้เรื่องนั้นแล้ว เรื่องของพ่อแม่หล่อน
ความเดิมตอนที่แล้ว ‘กลิ่นแก้ว’ เป็นนิยายชุด ‘หอมรัญจวน’ ซึ่งประกอบไปด้วยนิยายสั้นจำนวน 4 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ กลิ่นจันทร์ กลิ่นนวล กลิ่นนาง และกลิ่นแก้ว เนื้อเรื่องใช้ตัวละครหลักร่วมกัน แต่แยกเป็น 4 คู่ พระ-นาง สามารถแยกอ่านได้ เรื่องราวเริ่มต้นจาก พระเกษตรานพคุณ (คุณพระนพ) เดินทางมารับราชการที่หัวเมือง โดยมีผู้ใต้บังคับบัญชาติดตามมาด้วย 3 คน ได้แก่ หลวงธรณีพิทักษ์ (หลวงปาน) ขุนชลาสินธุ์อนุรักษ์ (ขุนเปลว) และ หมื่นพิบูลย์ไพศาล (หมื่นขวัญ) หน้าที่ของ คุณพระนพ คือ ตรวจตราดูว่าประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจเรื่องใดบ้าง พืชพันธุ์มีพร้อมสำหรับปลูกไหม น้ำดีไหม ดินดีไหม ติดขัดปัญหาใดที่ต้องการให้ทางการช่วยหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบเรื่องการเก็บภาษีที่นาว่าถูกต้องเหมาะสมแล้วใช่ไหม ..เมื่อเข้ามาในพื้นที่ คุณพระนพกลับพบว่าในตำบลแห่งนี้ ผู้ที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมากสุดคือ กำนันเดช กำนันเดชเลี้ยงนักเลงหัวไม้ไว้มากมาย ทำตัวเป็นพ่อพระ ให้ชาวบ้านกู้หนี้ยืมสินโดยเอาที่ดินที่นามาขัดเอาไว้ แต่แล้วก็ปลอมสัญญาการกู้เงิน เก็บดอกเบี้ยรายว
ยามดึกสงัด แต่กลับมีเสียงหนึ่งแผ่วเบาแทรกเข้ามา จนคนที่เฝ้าระวังเพราะวางใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องเงี่ยหูฟังทิศทางของเสียง จ๋อม! จ๋อม!จังหวะเบา ทว่าหนักแน่นค่อนข้างเป็นกระชั้นถี่ ฟังดูรู้ว่าเร่งรีบ‘หมื่นพิบูลย์ไพศาล’ หรือ ‘ขวัญ’ ขยับตัวอย่างแผ่วเบาเข้าไปหลบเร้นอยู่ใต้ชายคาของศาลาริมน้ำ ดวงตาคมเข้มเขม่นมองไปยังลำน้ำที่ไหลผ่านหน้าเรือน แม้จะมืดแต่ตาที่เคยชินกับแสงก็ทำให้เห็นบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหว ใกล้เข้ามาและใกล้เข้ามาเรือพายลำเล็กมี 2 คนอยู่ในเรือ กำลังเบนหัวเข้าฝั่ง ตรงมาเทียบที่ท่าน้ำหน้าเรือน ‘พระเกษตรานพคุณ’จากรูปร่างและท่าทางของทั้งคู่ทำให้ขวัญส่ายหน้า และเกือบจะทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างเอือมระอา แต่ก็ยั้งไว้ได้ทัน จึงเปลี่ยนมาพ่นลมออกจากปากระบายความหงุดหงิด แววตาที่เคยอบอุ่นอยู่เสมอเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขณะจ้องไปยังคนที่ก้าวขึ้นท่ามาก่อน ท่าทางเหมือนจะสั่งให้คนในเรือรออยู่ตรงนี้ นั่นทำให้เขาขยับกายรอจนร่างอรชรค่อยๆ จดฝีเท้าเบากริบเข้ามาใกล้ ขวัญก็เข้าไปขวางหน้าทันที“ว้าย!”ฝ่ามือทาบปิดปากกระจับน้อยๆ รั้งเอวคอดเข้าหาตัว ก่อนจะกระซิบ“ชู่วววว... ผมเอง ห
ดวงตาสวยหวานแต่ดูหวาดหวั่นอย่างที่สุด มองตรงไปยังศาลาชานเรือน ที่นั่น ‘แก้วตา’ เห็น ‘กำนันเดช’ ลุงของหล่อนนั่งนิ่งมาสักพักหนึ่งแล้ว เหมือนท่านกำลังรอคอยใครอยู่ แน่นอนว่าแก้วตาก็รอคอยไปพร้อมๆ กับท่านด้วยเช่นกัน เพราะเรื่องราวที่อาจเกิดขึ้นแล้วเมื่อคืน หล่อนคาดเดาผลลัพธ์ไม่ได้เลย แต่ก็หวังให้เป็นไปในทิศทางดี อย่าให้สิ่งใดร้ายๆ กระทำการได้สำเร็จสายตาหวาดหวั่นยังมองคุณลุง ทว่าหยาดน้ำตากลับค่อยๆ เอ่อล้น เมื่อนึกไปถึงค่ำคืนที่ผ่านมาเมื่อคืนหลังจากไปแจ้งข่าวที่เรือนคุณพระนพ ว่าเหตุการณ์ร้ายๆ อาจจะเกิดขึ้น เพราะนาทรับคำสั่งจากคุณลุงให้ไปเผาเรือนคุณพระนพและเรือนคุณพระอรรถ หากมีใครขวางก็ให้ฆ่าไม่เว้นแต่คนทางนั้นกลับยืนยันว่าหาทางรับมือได้ พร้อมกำชับหล่อนหนักหนาว่า ‘ห้าม’ มาแจ้งข่าวใดๆ อีก‘คุณแก้วตา ต้องจำคำที่ผมบอกให้ดี ห้าม! เด็ดขาด ห้ามคุณแก้วตาให้พี่นิ่มหรือใครก็ตาม มาแจ้งข่าวที่เรือนคุณพระเด็ดขาด ผมห้าม!’น้ำเสียงของ ‘หมื่นพิบูลย์ไพศาล’ หรือ ‘หมื่นขวัญ’ ยามเอ่ยคำว่า ‘ห้าม!’ นั้นคือห้ามจริงจัง เด็ดขาด แต่ถ้าไม่ให้มาแจ้งแล้วรอให้หมื่นขวัญไปติดตามข่าวเอง มันจะช้าไปน่ะสิ‘ถ้ามัวแต่รอหมื่นขว
“ฉันไม่รู้จ้ะอา แต่มันต้องเป็นคนในเรือนเราแน่ๆ เพราะไม่มีทางที่ไอ้คุณพระนพกับลูกน้องของมัน จะรู้ว่าฉันจะไปรอบเผาเรือนจ้ะ เพราะฉันก็คุยกับอาที่เรือนนี้เท่านั้น พอฉันไปถึง พวกมันก็มีอาวุธครบมือ ทั้งตีทั้งฟันจนพวกฉันแทบจะหนีกันไม่ทันเลยจ้ะ”“ไม่ใช่ว่ามึงไปทำทะเล่อทะล่า ให้พวกมันจับได้ก่อนรึ”“ไม่จ้ะอา เรือเบนหัวเข้าท่าน้ำ พวกมันก็มาดักรออยู่แล้วจ้ะ เรือนไอ้คุณพระนพ เป็นไอ้ปานกับไอ้มิ่ง ส่วนเรือนไอ้คุณพระอรรถ เป็นไอ้เปลวกับไอ้ขวัญจ้ะ มันมีอาวุธเตรียมพร้อมรับมือ”“แล้วมึงไม่ได้ทิ้งหลักฐานไว้ใช่ไหม”“เอ่อ.. ไม่เหลือจ้ะอา”“แปลว่าอะไรของมึงไอ้นาท”“ทิ้งไว้ทั้งหมดจ้ะ แค่กระโจนลงน้ำ หนีจะเอาชีวิตรอดกลับมาให้ครบทุกคนก็ยากแล้วจ้ะอา”“ไอ้ฉิบหาย! แล้วมึงก็โง่ ทิ้งหลักฐานไว้มันดูรึ!”“มันก็แค่ถังใส่น้ำมันจ้ะอา ถ้ามันจับตัวคนของเราไม่ได้ มันก็สาวมาไม่ถึงอาอยู่แล้ว”“แล้วมึงคิดเหรอว่า คนอย่างไอ้คุณพระนพมันจะไม่รู้ว่ากูเป็นคนสั่งน่ะ ก็ทีมันยังดักรอมึงได้เลย มึงนี่มันโง่ดักดานไม่เปลี่ยนเลยนะไอ้นาท อยู่กับกูมาตั้งหลายปี หัวมึงมันก็มีแต่ขี้ ไม่ได้ฉลาดขึ้นมาสักนิด โง่เง่าอยู่อย่างไร ก็โง่เง่าอยู่อย่างนั้น
ค่ำคืนมาเยือน แก้วตานั่งแปรงผมอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หันมองนิ่มที่กำลังจัดเตรียมที่หลับที่นอนให้ ตลอดทั้งวันนี้ตั้งแต่รุ่งสางก็มีสิ่งที่ทำให้หล่อนว้าวุ่นใจหลายอย่าง จึงไม่อยากอยู่ตามลำพัง อยากพูดคุยกับนิ่ม ซักซ้อมทางหนีทีไล่กันให้มากกว่านี้ แต่กลับกลายเป็นว่าตั้งแต่นิ่มออกจากห้องไปยามสาย ก็หายไปเลย แล้วเพิ่งกลับเข้ามาตอนนี้ เมื่อเข้ามาแล้วก็แทบจะไม่ได้พูดอะไรกับหล่อน ถามคำตอบคำ หน้าก็ไม่มอง เหมือนคนอยู่ในภวังค์ตลอดเวลาแก้วตามองนิ่มที่ก้มหน้าก้มตาใช้ผ้าผืนเล็กปัดเศษฝุ่นบนที่นอน ก่อนจะไปนำผ้าห่มออกมาจากตู้แล้วมาวางเตรียมไว้“พี่นิ่ม”แค่เรียกเบาๆ ภาพที่สะท้อนจากกระจกเงาก็เห็นว่านิ่มสะดุ้งจนตัวโยน นั่นทำให้แก้วตาหันกลับมาโดยเร็ว ในขณะที่นิ่มยิ่งก้มหน้าลงต่ำดั่งกลัวหล่อนจะเห็นใบหน้าแก้วตาก้าวเข้าประชิด ทรุดร่างลงนั่งตรงหน้า“พี่นิ่ม เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าไม่สบาย”“ไม่... นิ่มไม่เป็นอะไรค่ะ”นิ่มละล่ำละลักพูดก้มหน้า เหมือนต้องการจะหลบ“หน้าโดนอะไรมารึ”“ไม่นะคะ ไม่ได้โดนอะไร”“เช่นนั้นก็เงยหน้ามองฉันสิ พี่นิ่ม พี่ก้มหน้าทำไม มองหน้าฉัน”“นิ่มจะไปออกไปแล้วค่ะ คุณแก้วตาพักผ่อนนะคะ”
“ฉันไม่รู้จ้ะอา แต่มันต้องเป็นคนในเรือนเราแน่ๆ เพราะไม่มีทางที่ไอ้คุณพระนพกับลูกน้องของมัน จะรู้ว่าฉันจะไปรอบเผาเรือนจ้ะ เพราะฉันก็คุยกับอาที่เรือนนี้เท่านั้น พอฉันไปถึง พวกมันก็มีอาวุธครบมือ ทั้งตีทั้งฟันจนพวกฉันแทบจะหนีกันไม่ทันเลยจ้ะ”“ไม่ใช่ว่ามึงไปทำทะเล่อทะล่า ให้พวกมันจับได้ก่อนรึ”“ไม่จ้ะอา เรือเบนหัวเข้าท่าน้ำ พวกมันก็มาดักรออยู่แล้วจ้ะ เรือนไอ้คุณพระนพ เป็นไอ้ปานกับไอ้มิ่ง ส่วนเรือนไอ้คุณพระอรรถ เป็นไอ้เปลวกับไอ้ขวัญจ้ะ มันมีอาวุธเตรียมพร้อมรับมือ”“แล้วมึงไม่ได้ทิ้งหลักฐานไว้ใช่ไหม”“เอ่อ.. ไม่เหลือจ้ะอา”“แปลว่าอะไรของมึงไอ้นาท”“ทิ้งไว้ทั้งหมดจ้ะ แค่กระโจนลงน้ำ หนีจะเอาชีวิตรอดกลับมาให้ครบทุกคนก็ยากแล้วจ้ะอา”“ไอ้ฉิบหาย! แล้วมึงก็โง่ ทิ้งหลักฐานไว้มันดูรึ!”“มันก็แค่ถังใส่น้ำมันจ้ะอา ถ้ามันจับตัวคนของเราไม่ได้ มันก็สาวมาไม่ถึงอาอยู่แล้ว”“แล้วมึงคิดเหรอว่า คนอย่างไอ้คุณพระนพมันจะไม่รู้ว่ากูเป็นคนสั่งน่ะ ก็ทีมันยังดักรอมึงได้เลย มึงนี่มันโง่ดักดานไม่เปลี่ยนเลยนะไอ้นาท อยู่กับกูมาตั้งหลายปี หัวมึงมันก็มีแต่ขี้ ไม่ได้ฉลาดขึ้นมาสักนิด โง่เง่าอยู่อย่างไร ก็โง่เง่าอยู่อย่างนั้น
ดวงตาสวยหวานแต่ดูหวาดหวั่นอย่างที่สุด มองตรงไปยังศาลาชานเรือน ที่นั่น ‘แก้วตา’ เห็น ‘กำนันเดช’ ลุงของหล่อนนั่งนิ่งมาสักพักหนึ่งแล้ว เหมือนท่านกำลังรอคอยใครอยู่ แน่นอนว่าแก้วตาก็รอคอยไปพร้อมๆ กับท่านด้วยเช่นกัน เพราะเรื่องราวที่อาจเกิดขึ้นแล้วเมื่อคืน หล่อนคาดเดาผลลัพธ์ไม่ได้เลย แต่ก็หวังให้เป็นไปในทิศทางดี อย่าให้สิ่งใดร้ายๆ กระทำการได้สำเร็จสายตาหวาดหวั่นยังมองคุณลุง ทว่าหยาดน้ำตากลับค่อยๆ เอ่อล้น เมื่อนึกไปถึงค่ำคืนที่ผ่านมาเมื่อคืนหลังจากไปแจ้งข่าวที่เรือนคุณพระนพ ว่าเหตุการณ์ร้ายๆ อาจจะเกิดขึ้น เพราะนาทรับคำสั่งจากคุณลุงให้ไปเผาเรือนคุณพระนพและเรือนคุณพระอรรถ หากมีใครขวางก็ให้ฆ่าไม่เว้นแต่คนทางนั้นกลับยืนยันว่าหาทางรับมือได้ พร้อมกำชับหล่อนหนักหนาว่า ‘ห้าม’ มาแจ้งข่าวใดๆ อีก‘คุณแก้วตา ต้องจำคำที่ผมบอกให้ดี ห้าม! เด็ดขาด ห้ามคุณแก้วตาให้พี่นิ่มหรือใครก็ตาม มาแจ้งข่าวที่เรือนคุณพระเด็ดขาด ผมห้าม!’น้ำเสียงของ ‘หมื่นพิบูลย์ไพศาล’ หรือ ‘หมื่นขวัญ’ ยามเอ่ยคำว่า ‘ห้าม!’ นั้นคือห้ามจริงจัง เด็ดขาด แต่ถ้าไม่ให้มาแจ้งแล้วรอให้หมื่นขวัญไปติดตามข่าวเอง มันจะช้าไปน่ะสิ‘ถ้ามัวแต่รอหมื่นขว
ยามดึกสงัด แต่กลับมีเสียงหนึ่งแผ่วเบาแทรกเข้ามา จนคนที่เฝ้าระวังเพราะวางใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องเงี่ยหูฟังทิศทางของเสียง จ๋อม! จ๋อม!จังหวะเบา ทว่าหนักแน่นค่อนข้างเป็นกระชั้นถี่ ฟังดูรู้ว่าเร่งรีบ‘หมื่นพิบูลย์ไพศาล’ หรือ ‘ขวัญ’ ขยับตัวอย่างแผ่วเบาเข้าไปหลบเร้นอยู่ใต้ชายคาของศาลาริมน้ำ ดวงตาคมเข้มเขม่นมองไปยังลำน้ำที่ไหลผ่านหน้าเรือน แม้จะมืดแต่ตาที่เคยชินกับแสงก็ทำให้เห็นบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหว ใกล้เข้ามาและใกล้เข้ามาเรือพายลำเล็กมี 2 คนอยู่ในเรือ กำลังเบนหัวเข้าฝั่ง ตรงมาเทียบที่ท่าน้ำหน้าเรือน ‘พระเกษตรานพคุณ’จากรูปร่างและท่าทางของทั้งคู่ทำให้ขวัญส่ายหน้า และเกือบจะทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างเอือมระอา แต่ก็ยั้งไว้ได้ทัน จึงเปลี่ยนมาพ่นลมออกจากปากระบายความหงุดหงิด แววตาที่เคยอบอุ่นอยู่เสมอเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขณะจ้องไปยังคนที่ก้าวขึ้นท่ามาก่อน ท่าทางเหมือนจะสั่งให้คนในเรือรออยู่ตรงนี้ นั่นทำให้เขาขยับกายรอจนร่างอรชรค่อยๆ จดฝีเท้าเบากริบเข้ามาใกล้ ขวัญก็เข้าไปขวางหน้าทันที“ว้าย!”ฝ่ามือทาบปิดปากกระจับน้อยๆ รั้งเอวคอดเข้าหาตัว ก่อนจะกระซิบ“ชู่วววว... ผมเอง ห
ความเดิมตอนที่แล้ว ‘กลิ่นแก้ว’ เป็นนิยายชุด ‘หอมรัญจวน’ ซึ่งประกอบไปด้วยนิยายสั้นจำนวน 4 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ กลิ่นจันทร์ กลิ่นนวล กลิ่นนาง และกลิ่นแก้ว เนื้อเรื่องใช้ตัวละครหลักร่วมกัน แต่แยกเป็น 4 คู่ พระ-นาง สามารถแยกอ่านได้ เรื่องราวเริ่มต้นจาก พระเกษตรานพคุณ (คุณพระนพ) เดินทางมารับราชการที่หัวเมือง โดยมีผู้ใต้บังคับบัญชาติดตามมาด้วย 3 คน ได้แก่ หลวงธรณีพิทักษ์ (หลวงปาน) ขุนชลาสินธุ์อนุรักษ์ (ขุนเปลว) และ หมื่นพิบูลย์ไพศาล (หมื่นขวัญ) หน้าที่ของ คุณพระนพ คือ ตรวจตราดูว่าประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจเรื่องใดบ้าง พืชพันธุ์มีพร้อมสำหรับปลูกไหม น้ำดีไหม ดินดีไหม ติดขัดปัญหาใดที่ต้องการให้ทางการช่วยหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบเรื่องการเก็บภาษีที่นาว่าถูกต้องเหมาะสมแล้วใช่ไหม ..เมื่อเข้ามาในพื้นที่ คุณพระนพกลับพบว่าในตำบลแห่งนี้ ผู้ที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมากสุดคือ กำนันเดช กำนันเดชเลี้ยงนักเลงหัวไม้ไว้มากมาย ทำตัวเป็นพ่อพระ ให้ชาวบ้านกู้หนี้ยืมสินโดยเอาที่ดินที่นามาขัดเอาไว้ แต่แล้วก็ปลอมสัญญาการกู้เงิน เก็บดอกเบี้ยรายว