ความเดิมตอนที่แล้ว
‘กลิ่นแก้ว’ เป็นนิยายชุด ‘หอมรัญจวน’ ซึ่งประกอบไปด้วยนิยายสั้นจำนวน 4 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ กลิ่นจันทร์ กลิ่นนวล กลิ่นนาง และกลิ่นแก้ว
เนื้อเรื่องใช้ตัวละครหลักร่วมกัน แต่แยกเป็น 4 คู่ พระ-นาง สามารถแยกอ่านได้
เรื่องราวเริ่มต้นจาก พระเกษตรานพคุณ (คุณพระนพ) เดินทางมารับราชการที่หัวเมือง โดยมีผู้ใต้บังคับบัญชาติดตามมาด้วย 3 คน ได้แก่ หลวงธรณีพิทักษ์ (หลวงปาน) ขุนชลาสินธุ์อนุรักษ์ (ขุนเปลว) และ หมื่นพิบูลย์ไพศาล (หมื่นขวัญ)
หน้าที่ของ คุณพระนพ คือ ตรวจตราดูว่าประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจเรื่องใดบ้าง พืชพันธุ์มีพร้อมสำหรับปลูกไหม น้ำดีไหม ดินดีไหม ติดขัดปัญหาใดที่ต้องการให้ทางการช่วยหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบเรื่องการเก็บภาษีที่นาว่าถูกต้องเหมาะสมแล้วใช่ไหม
.
.
เมื่อเข้ามาในพื้นที่ คุณพระนพกลับพบว่าในตำบลแห่งนี้ ผู้ที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมากสุดคือ กำนันเดช
กำนันเดชเลี้ยงนักเลงหัวไม้ไว้มากมาย ทำตัวเป็นพ่อพระ ให้ชาวบ้านกู้หนี้ยืมสินโดยเอาที่ดินที่นามาขัดเอาไว้ แต่แล้วก็ปลอมสัญญาการกู้เงิน เก็บดอกเบี้ยรายวัน โดยไอ้นาทเป็นคนเก็บเงิน
ถ้าเรือนไหนไม่มีดอกเบี้ย ไม่มีเงินต้นมาคืน ก็ต้องส่งลูกมาขัดดอก ลูกชายก็ไปเป็นคนรับใช้หรือไม่ก็มาเป็นลูกน้องไอ้นาท ลูกสาวถ้าหน้าตาดีก็ต้องไปเป็นนางบำเรอกำนัน ถ้าหน้าตาธรรมดาก็ไปเป็นคนรับใช้ จนกว่าครอบครัวจะหาเงินมาใช้หนี้ได้
คุณพระนพต้องหาหลักฐานเอาผิดกำนันเดชให้ได้ แต่ไม่มีชาวบ้านคนใดเลยที่ให้ความร่วมมือเป็นพยานให้ จน จันทร์ เด็กสาวชาวบ้านมาขอให้คุณพระนพช่วย จันทร์ต้องการเงินไปไถ่ที่นาของพ่อแม่คืน หล่อนยอมเป็นเมียขัดดอกของคุณพระนพ ดีกว่าต้องตกเป็นเมียของกำนันเดช ติดตามได้ในเรื่อง ‘กลิ่นจันทร์’
กำนันเดชติดใจ นวล แม่ค้าขายปลาหน้าสวยในตลาด นวลขายปลาเก่ง ปากไว จึงมีเงินมาส่งดอกเบี้ยไม่ได้ขาด กำนันนึกสนุกปล่อยให้นวลส่งดอกมาเรื่อยๆ เพราะไม่อยากหักหาญน้ำใจ
แต่จนแล้วจนรอดนวลก็ไม่ยอม กำนันจึงสั่งไอ้นาทไปจัดการ ไอ้นาทข่มขู่ไม่ให้คนหาปลาส่งปลาให้นวลขาย บุกไปเทปลาทิ้งและเผาบ้าน เพื่อบีบให้นวลจำยอมต้องเป็นเมียกำนัน
แต่นวลก็ได้ หลวงปาน คอยช่วยเหลือให้รอดพ้นในทุกครั้ง และถ้าต้องเป็นเมียกำนันเพราะถูกบังคับ สู้หล่อนเป็นเมียของคนที่รักจะดีกว่า แม้จะเป็นรักแรกพบก็ตาม ติดตามได้ในเรื่อง ‘กลิ่นนวล’
กำนันเดชแค้นจัดไม่ได้นวลเป็นเมีย จึงข่มขู่พระอรรถชัยข้าราชการในท้องที่ซึ่งออกตัวเป็นพยานว่านวลส่งเงินต้นและดอกเบี้ยครบแล้ว กำนันแก้เผ็ดพระอรรถชัยโดยการขอเป็นลูกเขย ไม่อย่างนั้นจะแฉว่าพระอรรถชัยรับเงินสินบนจากตน
กำไล ไม่ยอมแต่งงานกับกำนันเดช คนเดียวที่จะช่วยหล่อนได้คือคุณพระนพ ที่เรือนคุณพระนพกำไลเจอกับ ขุนเปลว ผู้ชายที่มองหล่อนด้วยสายตาเหยียดหยาม เพราะครั้งหนึ่งหล่อนเคยอยากเป็นเมียคุณพระนพ ติดตามได้ในเรื่อง ‘กลิ่นนาง’
คุณพระนพหาหลักฐานเอาผิดกำนันเดชได้ เพราะมีผู้ใหญ่หลายท่านคอยให้ความช่วยเหลือ และมีคนส่งข่าวในเรือนกำนันมาเป็นระยะ ทำให้เรื่องร้ายๆ ที่จะเกิดคลี่คลายได้ทุกครั้ง ซึ่งคนนั้นก็คือ แก้วตา หลานสาวเพียงคนเดียวของกำนันเดช
แก้วตาไม่อยากให้ลุงของเธอทำผิดมากไปกว่านี้ และไม่อยากให้คุณพระนพกับผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นอันตราย โดยเฉพาะ หมื่นขวัญ ผู้ชายที่ทำให้หล่อนอุ่นจากกายไปจนถึงหัวใจ ติดตามได้ในเรื่อง ‘กลิ่นแก้ว’
ดังนั้นทุกเรื่องอ่านแยกได้นะคะ เพราะแต่ละคู่ก็มีเรื่องราวของตัวเองค่ะ แต่ถ้าจะให้ดี อ่านเรียงกันทั้ง 4 เรื่องนะ จะได้อรรถรสมากที่สุดค่ะ
ยามดึกสงัด แต่กลับมีเสียงหนึ่งแผ่วเบาแทรกเข้ามา จนคนที่เฝ้าระวังเพราะวางใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องเงี่ยหูฟังทิศทางของเสียง จ๋อม! จ๋อม!จังหวะเบา ทว่าหนักแน่นค่อนข้างเป็นกระชั้นถี่ ฟังดูรู้ว่าเร่งรีบ‘หมื่นพิบูลย์ไพศาล’ หรือ ‘ขวัญ’ ขยับตัวอย่างแผ่วเบาเข้าไปหลบเร้นอยู่ใต้ชายคาของศาลาริมน้ำ ดวงตาคมเข้มเขม่นมองไปยังลำน้ำที่ไหลผ่านหน้าเรือน แม้จะมืดแต่ตาที่เคยชินกับแสงก็ทำให้เห็นบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหว ใกล้เข้ามาและใกล้เข้ามาเรือพายลำเล็กมี 2 คนอยู่ในเรือ กำลังเบนหัวเข้าฝั่ง ตรงมาเทียบที่ท่าน้ำหน้าเรือน ‘พระเกษตรานพคุณ’จากรูปร่างและท่าทางของทั้งคู่ทำให้ขวัญส่ายหน้า และเกือบจะทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างเอือมระอา แต่ก็ยั้งไว้ได้ทัน จึงเปลี่ยนมาพ่นลมออกจากปากระบายความหงุดหงิด แววตาที่เคยอบอุ่นอยู่เสมอเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขณะจ้องไปยังคนที่ก้าวขึ้นท่ามาก่อน ท่าทางเหมือนจะสั่งให้คนในเรือรออยู่ตรงนี้ นั่นทำให้เขาขยับกายรอจนร่างอรชรค่อยๆ จดฝีเท้าเบากริบเข้ามาใกล้ ขวัญก็เข้าไปขวางหน้าทันที“ว้าย!”ฝ่ามือทาบปิดปากกระจับน้อยๆ รั้งเอวคอดเข้าหาตัว ก่อนจะกระซิบ“ชู่วววว... ผมเอง ห
ดวงตาสวยหวานแต่ดูหวาดหวั่นอย่างที่สุด มองตรงไปยังศาลาชานเรือน ที่นั่น ‘แก้วตา’ เห็น ‘กำนันเดช’ ลุงของหล่อนนั่งนิ่งมาสักพักหนึ่งแล้ว เหมือนท่านกำลังรอคอยใครอยู่ แน่นอนว่าแก้วตาก็รอคอยไปพร้อมๆ กับท่านด้วยเช่นกัน เพราะเรื่องราวที่อาจเกิดขึ้นแล้วเมื่อคืน หล่อนคาดเดาผลลัพธ์ไม่ได้เลย แต่ก็หวังให้เป็นไปในทิศทางดี อย่าให้สิ่งใดร้ายๆ กระทำการได้สำเร็จสายตาหวาดหวั่นยังมองคุณลุง ทว่าหยาดน้ำตากลับค่อยๆ เอ่อล้น เมื่อนึกไปถึงค่ำคืนที่ผ่านมาเมื่อคืนหลังจากไปแจ้งข่าวที่เรือนคุณพระนพ ว่าเหตุการณ์ร้ายๆ อาจจะเกิดขึ้น เพราะนาทรับคำสั่งจากคุณลุงให้ไปเผาเรือนคุณพระนพและเรือนคุณพระอรรถ หากมีใครขวางก็ให้ฆ่าไม่เว้นแต่คนทางนั้นกลับยืนยันว่าหาทางรับมือได้ พร้อมกำชับหล่อนหนักหนาว่า ‘ห้าม’ มาแจ้งข่าวใดๆ อีก‘คุณแก้วตา ต้องจำคำที่ผมบอกให้ดี ห้าม! เด็ดขาด ห้ามคุณแก้วตาให้พี่นิ่มหรือใครก็ตาม มาแจ้งข่าวที่เรือนคุณพระเด็ดขาด ผมห้าม!’น้ำเสียงของ ‘หมื่นพิบูลย์ไพศาล’ หรือ ‘หมื่นขวัญ’ ยามเอ่ยคำว่า ‘ห้าม!’ นั้นคือห้ามจริงจัง เด็ดขาด แต่ถ้าไม่ให้มาแจ้งแล้วรอให้หมื่นขวัญไปติดตามข่าวเอง มันจะช้าไปน่ะสิ‘ถ้ามัวแต่รอหมื่นขว
“ฉันไม่รู้จ้ะอา แต่มันต้องเป็นคนในเรือนเราแน่ๆ เพราะไม่มีทางที่ไอ้คุณพระนพกับลูกน้องของมัน จะรู้ว่าฉันจะไปรอบเผาเรือนจ้ะ เพราะฉันก็คุยกับอาที่เรือนนี้เท่านั้น พอฉันไปถึง พวกมันก็มีอาวุธครบมือ ทั้งตีทั้งฟันจนพวกฉันแทบจะหนีกันไม่ทันเลยจ้ะ”“ไม่ใช่ว่ามึงไปทำทะเล่อทะล่า ให้พวกมันจับได้ก่อนรึ”“ไม่จ้ะอา เรือเบนหัวเข้าท่าน้ำ พวกมันก็มาดักรออยู่แล้วจ้ะ เรือนไอ้คุณพระนพ เป็นไอ้ปานกับไอ้มิ่ง ส่วนเรือนไอ้คุณพระอรรถ เป็นไอ้เปลวกับไอ้ขวัญจ้ะ มันมีอาวุธเตรียมพร้อมรับมือ”“แล้วมึงไม่ได้ทิ้งหลักฐานไว้ใช่ไหม”“เอ่อ.. ไม่เหลือจ้ะอา”“แปลว่าอะไรของมึงไอ้นาท”“ทิ้งไว้ทั้งหมดจ้ะ แค่กระโจนลงน้ำ หนีจะเอาชีวิตรอดกลับมาให้ครบทุกคนก็ยากแล้วจ้ะอา”“ไอ้ฉิบหาย! แล้วมึงก็โง่ ทิ้งหลักฐานไว้มันดูรึ!”“มันก็แค่ถังใส่น้ำมันจ้ะอา ถ้ามันจับตัวคนของเราไม่ได้ มันก็สาวมาไม่ถึงอาอยู่แล้ว”“แล้วมึงคิดเหรอว่า คนอย่างไอ้คุณพระนพมันจะไม่รู้ว่ากูเป็นคนสั่งน่ะ ก็ทีมันยังดักรอมึงได้เลย มึงนี่มันโง่ดักดานไม่เปลี่ยนเลยนะไอ้นาท อยู่กับกูมาตั้งหลายปี หัวมึงมันก็มีแต่ขี้ ไม่ได้ฉลาดขึ้นมาสักนิด โง่เง่าอยู่อย่างไร ก็โง่เง่าอยู่อย่างนั้น
ค่ำคืนมาเยือน แก้วตานั่งแปรงผมอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หันมองนิ่มที่กำลังจัดเตรียมที่หลับที่นอนให้ ตลอดทั้งวันนี้ตั้งแต่รุ่งสางก็มีสิ่งที่ทำให้หล่อนว้าวุ่นใจหลายอย่าง จึงไม่อยากอยู่ตามลำพัง อยากพูดคุยกับนิ่ม ซักซ้อมทางหนีทีไล่กันให้มากกว่านี้ แต่กลับกลายเป็นว่าตั้งแต่นิ่มออกจากห้องไปยามสาย ก็หายไปเลย แล้วเพิ่งกลับเข้ามาตอนนี้ เมื่อเข้ามาแล้วก็แทบจะไม่ได้พูดอะไรกับหล่อน ถามคำตอบคำ หน้าก็ไม่มอง เหมือนคนอยู่ในภวังค์ตลอดเวลาแก้วตามองนิ่มที่ก้มหน้าก้มตาใช้ผ้าผืนเล็กปัดเศษฝุ่นบนที่นอน ก่อนจะไปนำผ้าห่มออกมาจากตู้แล้วมาวางเตรียมไว้“พี่นิ่ม”แค่เรียกเบาๆ ภาพที่สะท้อนจากกระจกเงาก็เห็นว่านิ่มสะดุ้งจนตัวโยน นั่นทำให้แก้วตาหันกลับมาโดยเร็ว ในขณะที่นิ่มยิ่งก้มหน้าลงต่ำดั่งกลัวหล่อนจะเห็นใบหน้าแก้วตาก้าวเข้าประชิด ทรุดร่างลงนั่งตรงหน้า“พี่นิ่ม เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าไม่สบาย”“ไม่... นิ่มไม่เป็นอะไรค่ะ”นิ่มละล่ำละลักพูดก้มหน้า เหมือนต้องการจะหลบ“หน้าโดนอะไรมารึ”“ไม่นะคะ ไม่ได้โดนอะไร”“เช่นนั้นก็เงยหน้ามองฉันสิ พี่นิ่ม พี่ก้มหน้าทำไม มองหน้าฉัน”“นิ่มจะไปออกไปแล้วค่ะ คุณแก้วตาพักผ่อนนะคะ”
ค่ำคืนมาเยือน แก้วตานั่งแปรงผมอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หันมองนิ่มที่กำลังจัดเตรียมที่หลับที่นอนให้ ตลอดทั้งวันนี้ตั้งแต่รุ่งสางก็มีสิ่งที่ทำให้หล่อนว้าวุ่นใจหลายอย่าง จึงไม่อยากอยู่ตามลำพัง อยากพูดคุยกับนิ่ม ซักซ้อมทางหนีทีไล่กันให้มากกว่านี้ แต่กลับกลายเป็นว่าตั้งแต่นิ่มออกจากห้องไปยามสาย ก็หายไปเลย แล้วเพิ่งกลับเข้ามาตอนนี้ เมื่อเข้ามาแล้วก็แทบจะไม่ได้พูดอะไรกับหล่อน ถามคำตอบคำ หน้าก็ไม่มอง เหมือนคนอยู่ในภวังค์ตลอดเวลาแก้วตามองนิ่มที่ก้มหน้าก้มตาใช้ผ้าผืนเล็กปัดเศษฝุ่นบนที่นอน ก่อนจะไปนำผ้าห่มออกมาจากตู้แล้วมาวางเตรียมไว้“พี่นิ่ม”แค่เรียกเบาๆ ภาพที่สะท้อนจากกระจกเงาก็เห็นว่านิ่มสะดุ้งจนตัวโยน นั่นทำให้แก้วตาหันกลับมาโดยเร็ว ในขณะที่นิ่มยิ่งก้มหน้าลงต่ำดั่งกลัวหล่อนจะเห็นใบหน้าแก้วตาก้าวเข้าประชิด ทรุดร่างลงนั่งตรงหน้า“พี่นิ่ม เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าไม่สบาย”“ไม่... นิ่มไม่เป็นอะไรค่ะ”นิ่มละล่ำละลักพูดก้มหน้า เหมือนต้องการจะหลบ“หน้าโดนอะไรมารึ”“ไม่นะคะ ไม่ได้โดนอะไร”“เช่นนั้นก็เงยหน้ามองฉันสิ พี่นิ่ม พี่ก้มหน้าทำไม มองหน้าฉัน”“นิ่มจะไปออกไปแล้วค่ะ คุณแก้วตาพักผ่อนนะคะ”
“ฉันไม่รู้จ้ะอา แต่มันต้องเป็นคนในเรือนเราแน่ๆ เพราะไม่มีทางที่ไอ้คุณพระนพกับลูกน้องของมัน จะรู้ว่าฉันจะไปรอบเผาเรือนจ้ะ เพราะฉันก็คุยกับอาที่เรือนนี้เท่านั้น พอฉันไปถึง พวกมันก็มีอาวุธครบมือ ทั้งตีทั้งฟันจนพวกฉันแทบจะหนีกันไม่ทันเลยจ้ะ”“ไม่ใช่ว่ามึงไปทำทะเล่อทะล่า ให้พวกมันจับได้ก่อนรึ”“ไม่จ้ะอา เรือเบนหัวเข้าท่าน้ำ พวกมันก็มาดักรออยู่แล้วจ้ะ เรือนไอ้คุณพระนพ เป็นไอ้ปานกับไอ้มิ่ง ส่วนเรือนไอ้คุณพระอรรถ เป็นไอ้เปลวกับไอ้ขวัญจ้ะ มันมีอาวุธเตรียมพร้อมรับมือ”“แล้วมึงไม่ได้ทิ้งหลักฐานไว้ใช่ไหม”“เอ่อ.. ไม่เหลือจ้ะอา”“แปลว่าอะไรของมึงไอ้นาท”“ทิ้งไว้ทั้งหมดจ้ะ แค่กระโจนลงน้ำ หนีจะเอาชีวิตรอดกลับมาให้ครบทุกคนก็ยากแล้วจ้ะอา”“ไอ้ฉิบหาย! แล้วมึงก็โง่ ทิ้งหลักฐานไว้มันดูรึ!”“มันก็แค่ถังใส่น้ำมันจ้ะอา ถ้ามันจับตัวคนของเราไม่ได้ มันก็สาวมาไม่ถึงอาอยู่แล้ว”“แล้วมึงคิดเหรอว่า คนอย่างไอ้คุณพระนพมันจะไม่รู้ว่ากูเป็นคนสั่งน่ะ ก็ทีมันยังดักรอมึงได้เลย มึงนี่มันโง่ดักดานไม่เปลี่ยนเลยนะไอ้นาท อยู่กับกูมาตั้งหลายปี หัวมึงมันก็มีแต่ขี้ ไม่ได้ฉลาดขึ้นมาสักนิด โง่เง่าอยู่อย่างไร ก็โง่เง่าอยู่อย่างนั้น
ดวงตาสวยหวานแต่ดูหวาดหวั่นอย่างที่สุด มองตรงไปยังศาลาชานเรือน ที่นั่น ‘แก้วตา’ เห็น ‘กำนันเดช’ ลุงของหล่อนนั่งนิ่งมาสักพักหนึ่งแล้ว เหมือนท่านกำลังรอคอยใครอยู่ แน่นอนว่าแก้วตาก็รอคอยไปพร้อมๆ กับท่านด้วยเช่นกัน เพราะเรื่องราวที่อาจเกิดขึ้นแล้วเมื่อคืน หล่อนคาดเดาผลลัพธ์ไม่ได้เลย แต่ก็หวังให้เป็นไปในทิศทางดี อย่าให้สิ่งใดร้ายๆ กระทำการได้สำเร็จสายตาหวาดหวั่นยังมองคุณลุง ทว่าหยาดน้ำตากลับค่อยๆ เอ่อล้น เมื่อนึกไปถึงค่ำคืนที่ผ่านมาเมื่อคืนหลังจากไปแจ้งข่าวที่เรือนคุณพระนพ ว่าเหตุการณ์ร้ายๆ อาจจะเกิดขึ้น เพราะนาทรับคำสั่งจากคุณลุงให้ไปเผาเรือนคุณพระนพและเรือนคุณพระอรรถ หากมีใครขวางก็ให้ฆ่าไม่เว้นแต่คนทางนั้นกลับยืนยันว่าหาทางรับมือได้ พร้อมกำชับหล่อนหนักหนาว่า ‘ห้าม’ มาแจ้งข่าวใดๆ อีก‘คุณแก้วตา ต้องจำคำที่ผมบอกให้ดี ห้าม! เด็ดขาด ห้ามคุณแก้วตาให้พี่นิ่มหรือใครก็ตาม มาแจ้งข่าวที่เรือนคุณพระเด็ดขาด ผมห้าม!’น้ำเสียงของ ‘หมื่นพิบูลย์ไพศาล’ หรือ ‘หมื่นขวัญ’ ยามเอ่ยคำว่า ‘ห้าม!’ นั้นคือห้ามจริงจัง เด็ดขาด แต่ถ้าไม่ให้มาแจ้งแล้วรอให้หมื่นขวัญไปติดตามข่าวเอง มันจะช้าไปน่ะสิ‘ถ้ามัวแต่รอหมื่นขว
ยามดึกสงัด แต่กลับมีเสียงหนึ่งแผ่วเบาแทรกเข้ามา จนคนที่เฝ้าระวังเพราะวางใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องเงี่ยหูฟังทิศทางของเสียง จ๋อม! จ๋อม!จังหวะเบา ทว่าหนักแน่นค่อนข้างเป็นกระชั้นถี่ ฟังดูรู้ว่าเร่งรีบ‘หมื่นพิบูลย์ไพศาล’ หรือ ‘ขวัญ’ ขยับตัวอย่างแผ่วเบาเข้าไปหลบเร้นอยู่ใต้ชายคาของศาลาริมน้ำ ดวงตาคมเข้มเขม่นมองไปยังลำน้ำที่ไหลผ่านหน้าเรือน แม้จะมืดแต่ตาที่เคยชินกับแสงก็ทำให้เห็นบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหว ใกล้เข้ามาและใกล้เข้ามาเรือพายลำเล็กมี 2 คนอยู่ในเรือ กำลังเบนหัวเข้าฝั่ง ตรงมาเทียบที่ท่าน้ำหน้าเรือน ‘พระเกษตรานพคุณ’จากรูปร่างและท่าทางของทั้งคู่ทำให้ขวัญส่ายหน้า และเกือบจะทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างเอือมระอา แต่ก็ยั้งไว้ได้ทัน จึงเปลี่ยนมาพ่นลมออกจากปากระบายความหงุดหงิด แววตาที่เคยอบอุ่นอยู่เสมอเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขณะจ้องไปยังคนที่ก้าวขึ้นท่ามาก่อน ท่าทางเหมือนจะสั่งให้คนในเรือรออยู่ตรงนี้ นั่นทำให้เขาขยับกายรอจนร่างอรชรค่อยๆ จดฝีเท้าเบากริบเข้ามาใกล้ ขวัญก็เข้าไปขวางหน้าทันที“ว้าย!”ฝ่ามือทาบปิดปากกระจับน้อยๆ รั้งเอวคอดเข้าหาตัว ก่อนจะกระซิบ“ชู่วววว... ผมเอง ห
ความเดิมตอนที่แล้ว ‘กลิ่นแก้ว’ เป็นนิยายชุด ‘หอมรัญจวน’ ซึ่งประกอบไปด้วยนิยายสั้นจำนวน 4 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ กลิ่นจันทร์ กลิ่นนวล กลิ่นนาง และกลิ่นแก้ว เนื้อเรื่องใช้ตัวละครหลักร่วมกัน แต่แยกเป็น 4 คู่ พระ-นาง สามารถแยกอ่านได้ เรื่องราวเริ่มต้นจาก พระเกษตรานพคุณ (คุณพระนพ) เดินทางมารับราชการที่หัวเมือง โดยมีผู้ใต้บังคับบัญชาติดตามมาด้วย 3 คน ได้แก่ หลวงธรณีพิทักษ์ (หลวงปาน) ขุนชลาสินธุ์อนุรักษ์ (ขุนเปลว) และ หมื่นพิบูลย์ไพศาล (หมื่นขวัญ) หน้าที่ของ คุณพระนพ คือ ตรวจตราดูว่าประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจเรื่องใดบ้าง พืชพันธุ์มีพร้อมสำหรับปลูกไหม น้ำดีไหม ดินดีไหม ติดขัดปัญหาใดที่ต้องการให้ทางการช่วยหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบเรื่องการเก็บภาษีที่นาว่าถูกต้องเหมาะสมแล้วใช่ไหม ..เมื่อเข้ามาในพื้นที่ คุณพระนพกลับพบว่าในตำบลแห่งนี้ ผู้ที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมากสุดคือ กำนันเดช กำนันเดชเลี้ยงนักเลงหัวไม้ไว้มากมาย ทำตัวเป็นพ่อพระ ให้ชาวบ้านกู้หนี้ยืมสินโดยเอาที่ดินที่นามาขัดเอาไว้ แต่แล้วก็ปลอมสัญญาการกู้เงิน เก็บดอกเบี้ยรายว