หย่าที่ 2
โหรวฮูหยิน
ยังคงมีเวลาอีกหลายเดือน หลังคำสั่งแต่งตั้งอย่างน้อยหกสิบวัน กำลังทหารในมือเซียวโหวถึงจะเตรียมพร้อมเดินทางได้ ถังโหรวจะอย่างไรเคยร่วมเดินทางไปกับกองทัพ แทบจะกล่าวได้เต็มปากว่านางโตมากับทัพเซียว
ชีวิตต้องดำเนินต่อไป หลังวางแผนรับมือ นางก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ซ้ำยังคิดเข้าข้างตัวเอง ไม่แน่สามีใจร้ายของนางอาจลืมนางไปแล้ว
“นายหญิงขอรับ เฉินไท่ไท่ขอเข้าพบ ตอนนี้รออยู่ที่โถงชั้นนอก”
เสียงจากพ่อบ้านชราดังขึ้น ภายในห้องหนังสือ นางกล่าวโดยไม่เงยหน้าว่า “ไม่พบ” บอกว่าข้าปวดหัว
พ่อบ้านยืนอยู่หน้าประตูมิได้เปิดเข้ามากล่าวรับคำ หงอี้ยืนอยู่ข้างๆ นายสาวต้องสบถอย่างชิงชังรังเกียจว่า “ตัวอุบาทยังไม่ยอมแพ้คิดกินเนื้อหงส์ ฮูหยินไม่ด่าไปตรงๆ ซักรอบ บ่าวว่าเดี๋ยวเขาก็ส่งคนมาอีก”
ถังโหรวนั่งอ่านบันทึกเดินทางเงียบๆ ต้องเงยหน้ามองสาวใช้ปากกล้า ดุด่านางไปว่า “นิสัยแบบนี้ไงเจ้าถึงแต่งไม่ออกไม่มีคนเอา!”
“…”
โถงกลางรับแขก
เฉินไท่ไท่รู้ตัวว่าถูกปฏิเสธก็กลับไปอย่างมีมารยาท หากแต่พอขึ้นรถม้าของตนได้ นางก็ด่าทอถังโหรวว่า “น่าชิงชักนัก คิดว่าตนสูงส่งนักหรือ หากมิใช่หลานชายข้าตาต่ำพอใจในตัวเจ้า แม้แต่หน้าบ้านเจ้าข้าก็ไม่อยากจะเหยียบ!”
สาวใช้ข้างๆ ต้องช่วยพัดวีด่าสมทบไปว่า “หากนางเป็นสตรีดีงาม ไฉนท้องไม่มีพ่อ คุณชายเราต้องถูกนางยั่วยวนแน่ๆ มิเช่นนั้นด้วยฐานะนาง ไหนเลยถูกใจคุณชายเราได้”
สองนายบ่าวช่วยกันสาปส่งถังโหรวตลอดทางกลับ เพราะรู้สึกเสียหน้าที่ถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ขัดใจหลานชายไม่ได้ ไท่ไท่อายุหกสิบกว่าจึงต้องออกโรงบากหน้าทาบทามหยกแตกสลายชิ้นนี้
ที่คฤหาสน์ตระกูลเฉิน เฉินคุนพอพบผู้ย่ากลับมาก็ตรงไปสอบถาม แต่เขากับผิดหวังอีกครั้ง คำตอบก็ได้เพียงว่า “นางไม่ให้พบ!” ตามมาด้วยผู้ย่าหายใจฟึดฟัดเข้าเรือนของตนเองไป
“หมิงเทา! มิใช่เจ้าบอกว่านางเมามายอยู่หอหรูซุนสามวันสามคืนหรือ ทำไมนางยังหลบหน้าข้าอีก!”
บ่าวติดตามคนสนิทกล่าวอย่างจนปัญญาว่า โถ่คุณชาย นางเมาจริง! แต่เรื่องที่หลบหน้าท่านเกี่ยวอันใดกับเรื่องนี้ขอรับ
ชายหนุ่มนิ่งคิด นี่เป็นไปไม่ได้ ปกติแม่นางโหรวไม่เคยเสียกริยา หากไม่มีเรื่องสะเทือนใจ นางไหนเลยแสดงความทุเรศออกมาขนาดนี้ นอกเสียจากว่านางถูกชายชู้ของนางทอดทิ้ง
เฉินคุนคิดว่าตนเดาไม่ผิด เขาติดพันนางสองปีกว่า คอยสืบเรื่องเกี่ยวกับนางตลอด นอกจากชายชู้ลับที่มิทราบว่าเป็นใครคนนั้น นางก็ไม่เห็นคบหาบุรุษใดอีก
“เออ...หรือเจ้าว่าข้าเดาผิดไปหมิงเทา นางใช่เสียใจเรื่องอื่นใดหรือไม่”
หมิงเทาคิดในใจ “ข้าจะไปรู้ได้ยังไง นี่เป็นท่านคาดเดาอยู่ผู้เดียว” แต่ปากยังกล่าวตอบเจ้านายไปว่า แม่นางโหรวร่ำรวยเงินทอง นางจะมีเรื่องอะไรให้เสียใจได้อีก
“อืมมม ถูกของเจ้า ก่อนหน้านางยังดีๆ อยู่เลย เป็นเรื่องอะไรทำให้นางทุกข์ใจได้ปานนั้น”
ตามความเข้าใจ เฉินคุนไม่เชื่อว่าผู้หญิงที่โดดเด่นทั้งหน้าตาและฐานะนางนี้ จะมีเรื่องใดให้กลัดกลุ้มได้นอกจากความรัก ทั้งความรักของนางต้องไม่สมหวังแน่ๆ
ว่าแล้วเขาก็สั่งหมิงเทาให้ส่งคนไปจับตามองคฤหาสน์ของนางไว้ ติดตามดูว่าช่วงนี้นางเป็นทุกข์อันใด
***
นับจากย้ายมาอยู่ในเมืองถงหลิน ความผิดพลาดหนึ่งเดียวของถังโหรวคือคบหาสหาย แต่นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะสหายการค้าผู้นี้จำเป็นต้องคบหา เนื่องจากเขาเป็นผู้กุมการค้ากับชนเผ่านอกด่าน ซึ่งน้อยคนนักจะมีความสามารถมากพอทำได้
เฉินคุนวัยยี่สิบกว่า เขาแต่งงานมาแล้วหนึ่งครั้งภรรยาเสียชีวิตตั้งแต่สองปีก่อน จากนั้นเขาก็ตั้งหน้าตั้งตาจะครอบครองถังโหรวให้ได้ หนักสุดถึงขั้นใช้ย่ามาหลอกลวงให้นางร่วมงานเลี้ยง แล้วประกาศต่อทุกคนว่าเขามีใจให้นาง
วันนั้นนางอับอายมาก ไม่นานคนทั้งเมืองถงหลินรับรู้กันไปทั่ว ว่าผู้นำตระกูลเฉินคบหากับนาง ปกติชื่อเสียงนางในชนชั้นชาวบ้านร้านตลาดก็มิได้ดีอยู่แล้ว พอเจอเรื่องนี้เข้าไป จึงเกิดข่าวเสียหายตามมาอีกหลายเรื่อง
ถังโหรวรู้สึกตนไม่ได้รับความเป็นธรรม นางก็แค่ท้องไม่มีพ่อเท่านั้นเอง พวกเขาก็นินทาว่านางเป็นเมียน้อยคนนั้นบางคนนี้บ้าง พอเฉินคุนบอกว่าชอบนาง ทุกคนก็มองว่านางเล่นชู้กับเขาอีก ทั้งๆ ที่นางยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
เพราะเพื่อกันทางคนนอก ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ถังโหรวไม่รับรู้ ที่จริงแล้วเฉินคุนยังป่าวประกาศกับสหายตนเอง ว่าเขาได้ครอบครองนางแล้ว จนชนชั้นคหบดีในเมืองรู้กันหมด ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน “…”
ถังโหรวอยู่ชายแดนเป็นเช่นไร เซียวฉีที่อยู่ไกลถึงเมืองหลวงหาได้สนไม่ ยามนี้เขาเพียงวุ่นวายอยู่กับการเตรียมเสบียงเดินทัพ ทั้งยังต้องนำนักโทษที่ถูกเนรเทศจำนวนหนึ่งติดตามไปด้วย ไหนต้องสู้รบตบมือกับองค์หญิงชิงถิง แต่ละวันหาได้อยู่สงบสุขสบายไม่
“หลบไป! พวกเจ้ากล้าขวางข้า!”
ห่างจากเมืองหลวงไปไม่ไกล นี่เป็นจุดตั้งค่ายกองกำลังส่วนตัวทัพเซียว เว่ยชิงถิงถือดีว่าตนมีศักดิ์ฐานะสูงส่ง นางเดินส่ายอาดๆ ฝ่าวงทหารยาม บุกเข้าไปยังกระโจมแม่ทัพ เพื่อพบหน้าชายคนรักของนาง
“กงจู่ ไม่รู้ระเบียบกองทัพหรือ สตรีห้ามเข้ามาในค่าย!”
ชิงถิงน้ำตาคลอเบ้า อีกหน่อยเดียวก็ร้องไห้แล้ว
“พี่ใหญ่เซียว ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”
องค์หญิงชิงถิงพอมาก็ถูกเรียกกงจู่อย่างเหินห่าง นางความจริงคิดมาขอร้องให้เข้าเปลี่ยนใจ แต่ฟังจากน้ำเสียงไม่ต้องกล่าวออกมานางก็ทราบได้ เพื่อหลบหน้านางแล้ว เขาถึงกับเลือกไปลำบากอยู่ชายแดน
เซียวฉีไม่ต้องการเสวนากับเผือกร้อนมาก เขาลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน บอกว่าองค์หญิงเดี๋ยวเราไปส่งขึ้นรถม้าฐานะท่านไม่สมควรออกนอกวัง
กล่าวเพียงเท่านี้ ชิงถิงกงจู่พลันร้องไห้โฮออกมา
รถม้าแล่นออกไป เซียวฉีไม่แม่แต่ยืนชมดู ส่งคนเสร็จเดินกลับเข้าค่ายทันที
“เมื่อครู่ผู้ใดยืนยาม ลงโทษตามกฎกองทัพ!”
ไม่มีคำอ้อนวอน ทหารเฝ้ายามสี่คนได้แต่ทำสีหน้าสิ้นหวัง คิดในใจ “หนี้รักเป็นท่านตอแย โถ่แม่ทัพพวกข้ายืนอยู่เฉยๆ กับถูกโทษฟาดโบย” “…”
***
รถม้าคันงาม ขันทีและนางกำนัลนับสิบได้แต่เดินตามด้วยความท้อแท้ ขนาดพวกเขาเป็นเพียงบ่าวไพร่ในตำหนักยังรู้สึกเสียหน้า องค์หญิงก็ยังไม่รู้จักเข็ดหลาบ ตอนนี้เป็นยังไงละ บีบบังคับโหวเซียวจนเขาทนไม่ไหว สุดท้ายก่อเรื่องต่อยปากเสนาบดีเย่กลางท้องพระโรง!
แม้ชาวบ้านรอบนอกจะลือกันไปว่า เพราะความเห็นต่าง และถืออำนาจบาตรใหญ่ โหวเซียวถึงกับไม่เห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตา ต่อยตีขุนนางคนสำคัญของราชสำนักกลางที่ประชุม
คำกล่าวโทษนี้รุนแรงยิ่ง ถึงแม้จะเป็นความจริงกึ่งหนึ่งเท็จกึ่งหนึ่ง แต่หลังจากเปิดประชุมวันรุ่งขึ้น เซียวโหวถูกขุนนางอวี๋ซือกว่าครึ่งร้อยรวมชื่อกันเขียนฎีกาฟ้องร้อง
นอกจากบรรดาศักดิ์โหว ตำแหน่งทางทหารของเซียวฉีจัดว่าสูงมาก เขาเป็นต้าเจียวจวินผู้บัญชาการตึกตูตู ซึ่งเป็นศูนย์กลางบัญชาทัพของภาคกลางทั้งหมด หากแต่หลังจากถูกฟ้อง ฮ่องเต้ลดตำแหน่งเขาลงสองขั้น ให้ไปประจำการชายแดนทิศเหนือ สลับตำแหน่งกับต้าเจียงจวินหลี่เหิง ที่บัดนี้อายุย่างเข้าเลขเจ็ดแล้ว
หากแต่อีกด้าน กับมีข่าวฉาวของเชื้อพระวงศ์ต้าเว่ย ว่ากันว่าที่เซียวโหวต่อยปากเสนาบดีเย่ ต้นเหตุมาจากองค์หญิงใหญ่ ชิงถิงกงจู่บุตรสาวแท้ๆ ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเอง
ความวุ่นวายในท้องพระโรงวันนั้นไม่มีผู้ใดกล้าปริปาก นี่ถือเป็นหน้าตาราชสำนัก เซียวฉีที่ถูกลดขั้นก็มิได้ร่ำร้องโวยวายไม่ยอมรับ เขาเพียงสั่งการบ่าวไพร่ ดูแลจวนโหวให้ดี ส่วนตนควบม้าออกจากเมืองคืนนั้นเลย นำคนสนิททั้งหมดเดินทางไปยังค่าย ซึ่งเป็นกองกำลังส่วนตัวของตนตั้งแต่สมัยอยู่เมืองหลิงอัน
ภายในรถม้า ต่อหน้าคนที่ชอบชิงถิงแสดงความอ่อนแออย่างเต็มที่ หากแต่พอออกห่างจากเขา นางกลับมาเป็นดื้อดึงเอาแต่ใจ สั่งขันทีนำทางให้ตรงไปยังวัดหลางซือ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของไทเฮาหรือก็คือย่าของนาง
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่ยินยอม นางงดงามน่ารัก ทั้งยังมีศักดิ์ฐานะกงจู่ หากจะกล่าวถึงความสัมพันธ์เก่าก่อน นางก็ติดตามพัวพันเขามาตั้งแต่ยังเป็นองครักษ์วังเจ้า ตอนที่เสด็จพ่อนางยังเป็นเพียงอ๋องผู้หนึ่งของแผ่นดิน
หากแต่นางไม่เคยนึก ในวันที่บิดานางเรืองอำนาจ เพียงแค่บุรุษผู้หนึ่งนางกับชิงมาไม่ได้ สี่ปีก่อนเขาก็หนีสมรสพระราชทานด้วยการชิงแต่งภรรยาก่อน นางถึงกับส่งมือสังหารไปฆ่าคนทิ้ง เขากับจัดการคนของนางคนแล้วคนเล่า ทั้งยังเปิดโปงนางกับเสด็จพ่อจนถูกลงโทษกักบริเวรไปหลายเดือน
ครั้งนี้ก็เช่นกัน นางวางแผนเสียดิบดี ในงานเลี้ยงคณะทูตแสร้งเป็นตกน้ำให้เขาช่วย พอถูกอุ้มขึ้นมานางยังได้รับการช่วยเหลือจากขุนนางใหญ่หลายคน พูดจาสนับสนุนให้เขารับผิดชอบ คิดไม่ถึงเขาจะหักหน้านาง บอกว่า หากสตรีทุกคนแตะเนื้อต้องตัวนิดหน่อยก็ต้องรับเป็นภรรยา เช่นนั้นบรรดาหมอชายทั้งหลายจะทำยังไง
นางเป็นถึงองค์หญิงเลยนะ เขาหักหน้านางท่ามกลางคนหมู่มากแบบนี้ได้ยังไง!
ภายในวิหาร ชิงถิงกงจู่กอดท่านย่าของตนร่ำไห้ กระซิก กระซิก นางกล่าวว่า “ฮือ ฮือ เสด็จย่าต้องช่วยชิงเอ๋อ หากไม่ได้แต่งกับเขา ผู้หลานจะโกนผมบวชชี!”
เว่ยไทเฮาหัวจะปวด นี่มิใช่ครั้งแรก สมัยก่อนตอนอยู่วังเจ้า นางไม่คาดฝันมาก่อนว่าหลานสาวจะนึกชอบองครักษ์ในจวน หากเป็นแต่ก่อนคงมิใช่เรื่องยาก ลูกชายนางเพียงมีคำสั่งออกไป เจ้าหนุ่มแซ่เซียวย่อมไม่กล้าขัด แต่ว่าตอนนี้กับทำไม่ได้ เขาเป็นฮ่องเต้ของแผ่นดินแล้วไหนเลยออกคำสั่งมั่วซั่วจนถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์
“ชิงเอ๋อฟังย่า ไม่แน่ศักดิ์ฐานะกงจู่ทำให้เขาไม่กล้ารับรักเจ้า เอาเช่นนี้ ย่ามีแผนการ เจ้าคิดฟังหรือไม่”
ชิงถิงพยักหน้า ขอเพียงมีหนทาง จะให้ทำอะไรนางก็ทำทั้งนั้นละ เพราะนางชอบเขาจริงๆ
ไทเฮากล่าว ไม่แน่เซียวฉีอาจจะคิดว่าแต่งกับเจ้าไม่ใช่เรื่องดี เจ้าลองคิดดู เป็นราชบุตรเขยก็รับอนุไม่ได้ ยามเข้าพบภรรยายังต้องทำความเคารพ เขาในเมื่อเป็นบุรุษห้าวหาญ ควบม้าไล่ฆ่าศัตรูนับหมื่น หากเจ้าเป็นเขา เจ้ายอมรับได้หรือ?
ชิงถิงพอฟังค่อยนึกได้ ใช่แล้ว! เราน่ารักงดงามเพียงนี้ เป็นไปไม่ได้ที่พี่ใหญ่เซียวจะไม่ชอบ ต้องเป็นแบบที่ท่านย่าคาดเดาแน่นอน!
“…”
***
หย่าที่ 3พันธมิตรการค้าเพราะมีบทเรียนจากหลายราชวงศ์ที่ผ่านมา ฮ่องเต้จึงมิกล้าจับคู่ให้กับใครสุ่มสี่สุ่มห้า ยกตัวอย่างสองร้อยกว่าปีก่อน มีฮ่องเต้หลี่จงออกราชโองการพระราชทานสมรสให้กับแม่ทัพผู้หนึ่ง ยามนั้นฮ่องเต้หาทราบไม่ ว่าหญิงสาวที่พระองค์บีบให้แต่งงานมีคนรักอยู่ก่อน เรื่องนี้กับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความแค้น เพราะชายคนรักของนางก็เป็นแม่ทัพเหมือนกันต่อมาอีกหลายปี คนรักเก่าของนางสมคบคิดกับอ๋องต่างแซ่ สุดท้ายนำมาสู่การสิ้นราชวงศ์หลี่ในตอนนั้นปัญหาส่วนตัวทางด้านสามีของตนจะเป็นยังไง เช่นเดียวกับที่เซียวฉีไม่สนใจนาง ถังโหรวเองก็ไม่ได้สนใจเขา ความจริงหากไม่มีข่าวการถูกลดตำแหน่ง นางก็ไม่ได้นึกถึงเขา เพียงคิดใช้ชีวิตของตนกับลูกๆ อยู่สุขสบายในเมืองห่างไกลแห่งนี้หากแต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป นั่นคือนางคิดถึงเขาแล้ว โดยเฉพาะตอนนี้คิดถึงมากๆ คิดถึงว่าพอเขามาจะนึกได้หรือไม่ว่าตนเคยส่งภรรมาอยู่นี่ “…”ถังโหรวคาดหวังให้เขาลืมนางไปจริงๆ!ตลอดระยะเวลาสี่ปี เขาไม่เคยถามไถ่ข่าวสารนาง ท่านพ่อก็ส่งจดหมายมาว่า เขาไม่เคยพูดถึงนางซักครั้ง ทั้งยังใช้ชีวิตอย่างปกติมาก ถึงขนาดเข้าออกหอนางโลมไปทั่ว จนผู้คนทั่วไป
หย่าที่ 4โจรรังผึ้งเกือบสองเดือนหลังราชโองการแต่งตั้ง ในที่สุดวันเดินทางเคลื่อนทัพถูกกำหนด นอกจากทหารส่วนตัวของเซียวฉีหมื่นกว่าคน เขายังต้องนำนักโทษที่ถูกเนรเทศติดตามไปด้วย คนเหล่านี้ส่วนมากเป็นครอบครัวขุนนางกระทำผิด ที่ผ่านมาใช้ชีวิตสุขสบาย พอออกเดินทางไกลจึงมีปัญหาอยู่บ้างเนื่องจากจำนวนคนมาก เส้นทางที่ใช้จึงมิใช่สายหลัก ตัดผ่านป่าเขาลำห้วย ตีคู่ขนานไปกับทางหลวงด้วยความยากลำบากนอกจากข่าวเซียวโหวเคลื่อนทัพที่ไม่ใช่เรื่องแปลก เมืองหลวงก็ยังมีอีกข่าวหนึ่งที่น่าตกใจ ฟังว่าองค์หญิงชิงถิงออกบวชแล้ว นางออกบวชเป็นนักพรตหญิงอยู่ที่อารามเมี้ยวกวนตอนแรกชาวบ้านร้านตลาดยังสงสัย นางมีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงกงจู่ ไฉนยอมทิ้งบรรดาศักดิ์ออกบวชให้ลำบาก แต่แล้วหลังเซียวโหวเดินทางครึ่งเดือน ทุกคนค่อยทราบ โถ่!ที่แท้นางคิดติดตามชายคนรัก ใช้ข้ออ้างศึกษาวิชาบำเพ็ญตน ออกเดินทางไปฝึกฝนยังสำนักหรงหู่ใครบ้างไม่ทราบ สำนักหรงหู่มีชื่อเสียงโด่งดัง ที่ผ่านมาส่งอาจารย์พรตมากวิชาเข้ารับใช้ราชวงศ์เว่ยในวังหลวง มีหน้าที่ทำนายหมู่ดาว และช่วยคำนวณฤกษ์ยามประกอบพิธีกรรมต่างๆในเมืองหลวง ผู้คนส่วนใหญ่ทราบถึงความสัมพันธ์ชิ
หย่าที่ 5โจรกระจอกหลังส่งมอบสินค้า เวลาก็ผ่านไปแล้วเกือบหนึ่งเดือน หากไม่ติดที่ว่าทุกๆ สามวันห้าวัน คุณชายเฉินจะส่งย่าของเขามาพบนาง ถังโหรวก็ได้หามีเรื่องใดทุกร้อนใจไม่ ลูกๆ ของนางก็เหมือนจะปรับตัวได้ หลายคืนมานี้น้อยมากที่จะงอแงเรียกหานาง“นายหญิงขอรับ คุณชายเฉินขอเข้าพบ”ในห้องหนังสือ ถังโหรวหางคิ้วกระตุก เพิ่งจะด่าทอเขาในใจ ตัวคนก็โผล่มาแล้ว“ไฉนวันนี้เขามาเองไม่ส่งเฉินไท่ไท่มา?”ในบรรดาบุรุษที่ติดพันนาง เจ้าหมอนี่นับว่ามีความพยายามสุด ผู้อื่นพอถูกนางยันกลับไปครั้งหนึ่งก็ไม่กล้าเขาหานางอีก แต่เฉินคุนกับพัวพันนางไม่เลิกรา ขนาดนางบอกว่า “ข้ามีลูกและสามีแล้วนะ!” เขายังไม่ยอมแพ้ กล่าวกับนางว่า “ท่านอย่ามาโกหกเรา ไหนสามีท่าน หากมีตัวตนจริงก็เรียกเขาออกมา เราจะเลิกตอแยท่านชั่วชีวิต!”“บอกว่าไม่พบ ข้าปวดหัว!”นางไม่ใส่ใจ ตะโกนออกไปนอกประตู พ่อบ้านได้ยินรับคำหมุนตัวกลับไปรายงานกับคนๆ นี้ นางไม่ต้องไว้หน้าอันใดก็ได้“…”ห่างจากชายแดนต้าเว่ยราวห้าสิบลี้ขบวนสินค้าของถังโหรวเพิ่งออกนอกด่านได้หนึ่งวัน ความจริงตลอดเส้นทางมุ่งไปยังชนเผ่าต่างๆ นั้นเป็นทุ่งโล่ง มีเพียงต้นไม้เกาะกลุ่มกันขึ้นเล็ก
หย่าที่ 1เมืองถงหลินขึ้นเหนือไปสามพันหกร้อยลี้ เมืองถงหลินจัดเป็นหนึ่งในชายแดนหน้าด่านต้าเว่ย เดินทางต่ออีกแค่วันเดียวก็ถึงกำแพงหมื่นลี้แล้ว ดังนั้นสถานที่ๆ แม้แต่นกยังไม่อยากขี้ใส่ จึงไม่เป็นที่นิยมของผู้อยู่ในศูนย์กลางอำนาจเช่นเมืองหลวง หากขุนนางใดได้รับแต่งตั้งตำแหน่งมานี่ แทบเท่ากับเป็นการถูกเนรเทศ ต้องถูกผู้คนไถ่ถาม ว่าตกลงท่านทำความผิดใดกันแน่“นายหญิงตื่นเร็ว! แย่แล้วเจ้าคะ! แย่แล้ว!”ใต้ผ้าห่มอย่างหนา สตรีอิ่มเอิบร่างหนึ่งถูกกอดซ้ายกอดขวา ทารกหญิงรกชายของนางได้ยินเสียงรบกวนก็พากันตื่นขึ้น ทั้งสองคลำหาความอบอุ่นอวบอิ่มโดยมิได้นัดหมาย พลันฝังศีรษะเข้าไปยังซอกแขนคนละข้าง งึมงำบอกมารดาว่าหนวกหูยิ่ง“หงอี้! เจ้าโวยวายอะไรแต่เช้า หากมิใช่เรื่องคอขาดอย่างทัพม้าเผ่าซ่งบุกเข้าด่านมา ข้าจะฟาดโบยเจ้า!”เสียงดุด่าดังจากผ้าห่มโดยที่เจ้าตัวมิทันลุก หงอี้ที่อุส่ารีบคาบข่าวมาบอกต้องกระทืบเท้า นางยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนนายสาว ใช้มือทุบ ปึง! ปึง! ปึง! กล่าวเสียงดังโดยไม่กลัวตายว่า“โอ้ย! ท่านย่าของบ่าว ทัพม้าซ่งไหนเลยบุกมา แต่ผู้มาเป็นสามีท่าน คิดว่าพอให้คอขาดหรือไม่เจ้าคะ”ในความมืดสลัว ถังโ
หย่าที่ 5โจรกระจอกหลังส่งมอบสินค้า เวลาก็ผ่านไปแล้วเกือบหนึ่งเดือน หากไม่ติดที่ว่าทุกๆ สามวันห้าวัน คุณชายเฉินจะส่งย่าของเขามาพบนาง ถังโหรวก็ได้หามีเรื่องใดทุกร้อนใจไม่ ลูกๆ ของนางก็เหมือนจะปรับตัวได้ หลายคืนมานี้น้อยมากที่จะงอแงเรียกหานาง“นายหญิงขอรับ คุณชายเฉินขอเข้าพบ”ในห้องหนังสือ ถังโหรวหางคิ้วกระตุก เพิ่งจะด่าทอเขาในใจ ตัวคนก็โผล่มาแล้ว“ไฉนวันนี้เขามาเองไม่ส่งเฉินไท่ไท่มา?”ในบรรดาบุรุษที่ติดพันนาง เจ้าหมอนี่นับว่ามีความพยายามสุด ผู้อื่นพอถูกนางยันกลับไปครั้งหนึ่งก็ไม่กล้าเขาหานางอีก แต่เฉินคุนกับพัวพันนางไม่เลิกรา ขนาดนางบอกว่า “ข้ามีลูกและสามีแล้วนะ!” เขายังไม่ยอมแพ้ กล่าวกับนางว่า “ท่านอย่ามาโกหกเรา ไหนสามีท่าน หากมีตัวตนจริงก็เรียกเขาออกมา เราจะเลิกตอแยท่านชั่วชีวิต!”“บอกว่าไม่พบ ข้าปวดหัว!”นางไม่ใส่ใจ ตะโกนออกไปนอกประตู พ่อบ้านได้ยินรับคำหมุนตัวกลับไปรายงานกับคนๆ นี้ นางไม่ต้องไว้หน้าอันใดก็ได้“…”ห่างจากชายแดนต้าเว่ยราวห้าสิบลี้ขบวนสินค้าของถังโหรวเพิ่งออกนอกด่านได้หนึ่งวัน ความจริงตลอดเส้นทางมุ่งไปยังชนเผ่าต่างๆ นั้นเป็นทุ่งโล่ง มีเพียงต้นไม้เกาะกลุ่มกันขึ้นเล็ก
หย่าที่ 4โจรรังผึ้งเกือบสองเดือนหลังราชโองการแต่งตั้ง ในที่สุดวันเดินทางเคลื่อนทัพถูกกำหนด นอกจากทหารส่วนตัวของเซียวฉีหมื่นกว่าคน เขายังต้องนำนักโทษที่ถูกเนรเทศติดตามไปด้วย คนเหล่านี้ส่วนมากเป็นครอบครัวขุนนางกระทำผิด ที่ผ่านมาใช้ชีวิตสุขสบาย พอออกเดินทางไกลจึงมีปัญหาอยู่บ้างเนื่องจากจำนวนคนมาก เส้นทางที่ใช้จึงมิใช่สายหลัก ตัดผ่านป่าเขาลำห้วย ตีคู่ขนานไปกับทางหลวงด้วยความยากลำบากนอกจากข่าวเซียวโหวเคลื่อนทัพที่ไม่ใช่เรื่องแปลก เมืองหลวงก็ยังมีอีกข่าวหนึ่งที่น่าตกใจ ฟังว่าองค์หญิงชิงถิงออกบวชแล้ว นางออกบวชเป็นนักพรตหญิงอยู่ที่อารามเมี้ยวกวนตอนแรกชาวบ้านร้านตลาดยังสงสัย นางมีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงกงจู่ ไฉนยอมทิ้งบรรดาศักดิ์ออกบวชให้ลำบาก แต่แล้วหลังเซียวโหวเดินทางครึ่งเดือน ทุกคนค่อยทราบ โถ่!ที่แท้นางคิดติดตามชายคนรัก ใช้ข้ออ้างศึกษาวิชาบำเพ็ญตน ออกเดินทางไปฝึกฝนยังสำนักหรงหู่ใครบ้างไม่ทราบ สำนักหรงหู่มีชื่อเสียงโด่งดัง ที่ผ่านมาส่งอาจารย์พรตมากวิชาเข้ารับใช้ราชวงศ์เว่ยในวังหลวง มีหน้าที่ทำนายหมู่ดาว และช่วยคำนวณฤกษ์ยามประกอบพิธีกรรมต่างๆในเมืองหลวง ผู้คนส่วนใหญ่ทราบถึงความสัมพันธ์ชิ
หย่าที่ 3พันธมิตรการค้าเพราะมีบทเรียนจากหลายราชวงศ์ที่ผ่านมา ฮ่องเต้จึงมิกล้าจับคู่ให้กับใครสุ่มสี่สุ่มห้า ยกตัวอย่างสองร้อยกว่าปีก่อน มีฮ่องเต้หลี่จงออกราชโองการพระราชทานสมรสให้กับแม่ทัพผู้หนึ่ง ยามนั้นฮ่องเต้หาทราบไม่ ว่าหญิงสาวที่พระองค์บีบให้แต่งงานมีคนรักอยู่ก่อน เรื่องนี้กับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความแค้น เพราะชายคนรักของนางก็เป็นแม่ทัพเหมือนกันต่อมาอีกหลายปี คนรักเก่าของนางสมคบคิดกับอ๋องต่างแซ่ สุดท้ายนำมาสู่การสิ้นราชวงศ์หลี่ในตอนนั้นปัญหาส่วนตัวทางด้านสามีของตนจะเป็นยังไง เช่นเดียวกับที่เซียวฉีไม่สนใจนาง ถังโหรวเองก็ไม่ได้สนใจเขา ความจริงหากไม่มีข่าวการถูกลดตำแหน่ง นางก็ไม่ได้นึกถึงเขา เพียงคิดใช้ชีวิตของตนกับลูกๆ อยู่สุขสบายในเมืองห่างไกลแห่งนี้หากแต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป นั่นคือนางคิดถึงเขาแล้ว โดยเฉพาะตอนนี้คิดถึงมากๆ คิดถึงว่าพอเขามาจะนึกได้หรือไม่ว่าตนเคยส่งภรรมาอยู่นี่ “…”ถังโหรวคาดหวังให้เขาลืมนางไปจริงๆ!ตลอดระยะเวลาสี่ปี เขาไม่เคยถามไถ่ข่าวสารนาง ท่านพ่อก็ส่งจดหมายมาว่า เขาไม่เคยพูดถึงนางซักครั้ง ทั้งยังใช้ชีวิตอย่างปกติมาก ถึงขนาดเข้าออกหอนางโลมไปทั่ว จนผู้คนทั่วไป
หย่าที่ 2โหรวฮูหยินยังคงมีเวลาอีกหลายเดือน หลังคำสั่งแต่งตั้งอย่างน้อยหกสิบวัน กำลังทหารในมือเซียวโหวถึงจะเตรียมพร้อมเดินทางได้ ถังโหรวจะอย่างไรเคยร่วมเดินทางไปกับกองทัพ แทบจะกล่าวได้เต็มปากว่านางโตมากับทัพเซียวชีวิตต้องดำเนินต่อไป หลังวางแผนรับมือ นางก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ซ้ำยังคิดเข้าข้างตัวเอง ไม่แน่สามีใจร้ายของนางอาจลืมนางไปแล้ว“นายหญิงขอรับ เฉินไท่ไท่ขอเข้าพบ ตอนนี้รออยู่ที่โถงชั้นนอก”เสียงจากพ่อบ้านชราดังขึ้น ภายในห้องหนังสือ นางกล่าวโดยไม่เงยหน้าว่า “ไม่พบ” บอกว่าข้าปวดหัวพ่อบ้านยืนอยู่หน้าประตูมิได้เปิดเข้ามากล่าวรับคำ หงอี้ยืนอยู่ข้างๆ นายสาวต้องสบถอย่างชิงชังรังเกียจว่า “ตัวอุบาทยังไม่ยอมแพ้คิดกินเนื้อหงส์ ฮูหยินไม่ด่าไปตรงๆ ซักรอบ บ่าวว่าเดี๋ยวเขาก็ส่งคนมาอีก”ถังโหรวนั่งอ่านบันทึกเดินทางเงียบๆ ต้องเงยหน้ามองสาวใช้ปากกล้า ดุด่านางไปว่า “นิสัยแบบนี้ไงเจ้าถึงแต่งไม่ออกไม่มีคนเอา!”“…”โถงกลางรับแขกเฉินไท่ไท่รู้ตัวว่าถูกปฏิเสธก็กลับไปอย่างมีมารยาท หากแต่พอขึ้นรถม้าของตนได้ นางก็ด่าทอถังโหรวว่า “น่าชิงชักนัก คิดว่าตนสูงส่งนักหรือ หากมิใช่หลานชายข้าตาต่ำพอใจในตัวเจ้า แ
หย่าที่ 1เมืองถงหลินขึ้นเหนือไปสามพันหกร้อยลี้ เมืองถงหลินจัดเป็นหนึ่งในชายแดนหน้าด่านต้าเว่ย เดินทางต่ออีกแค่วันเดียวก็ถึงกำแพงหมื่นลี้แล้ว ดังนั้นสถานที่ๆ แม้แต่นกยังไม่อยากขี้ใส่ จึงไม่เป็นที่นิยมของผู้อยู่ในศูนย์กลางอำนาจเช่นเมืองหลวง หากขุนนางใดได้รับแต่งตั้งตำแหน่งมานี่ แทบเท่ากับเป็นการถูกเนรเทศ ต้องถูกผู้คนไถ่ถาม ว่าตกลงท่านทำความผิดใดกันแน่“นายหญิงตื่นเร็ว! แย่แล้วเจ้าคะ! แย่แล้ว!”ใต้ผ้าห่มอย่างหนา สตรีอิ่มเอิบร่างหนึ่งถูกกอดซ้ายกอดขวา ทารกหญิงรกชายของนางได้ยินเสียงรบกวนก็พากันตื่นขึ้น ทั้งสองคลำหาความอบอุ่นอวบอิ่มโดยมิได้นัดหมาย พลันฝังศีรษะเข้าไปยังซอกแขนคนละข้าง งึมงำบอกมารดาว่าหนวกหูยิ่ง“หงอี้! เจ้าโวยวายอะไรแต่เช้า หากมิใช่เรื่องคอขาดอย่างทัพม้าเผ่าซ่งบุกเข้าด่านมา ข้าจะฟาดโบยเจ้า!”เสียงดุด่าดังจากผ้าห่มโดยที่เจ้าตัวมิทันลุก หงอี้ที่อุส่ารีบคาบข่าวมาบอกต้องกระทืบเท้า นางยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนนายสาว ใช้มือทุบ ปึง! ปึง! ปึง! กล่าวเสียงดังโดยไม่กลัวตายว่า“โอ้ย! ท่านย่าของบ่าว ทัพม้าซ่งไหนเลยบุกมา แต่ผู้มาเป็นสามีท่าน คิดว่าพอให้คอขาดหรือไม่เจ้าคะ”ในความมืดสลัว ถังโ