บทที่ 29 รัชทายาทแคว้นเว่ยเหอหลันฮวาตวัดสายตาไปมอง ก่อนส่งยิ้มแบบเชือดเฉือนไปให้อย่างไม่เกรงกลัว“ข้าจะเหมาะหรือไม่เหมาะกับงานเลี้ยงเช่นนี้หรือไม่ คงไม่ต้องให้เจ้าออกความคิดเห็น ส่วนตัวเจ้าคิดว่าพลาดพลั้งจากการเป็นชายาขององค์ชายพระองค์อื่นแล้ว เลยตั้งความหวังมางานวันนี้เต็มเปี่ยมสินะ แต่ข้าคิดว่าความหวังเจ้าคงพังทลายไม่เป็นท่าแน่”“เจ้ากล่าวเช่นนี้เจ้ารู้เรื่องอันใดมา” ใบหน้าของกู้เพ่ยหลานซีดเผือด ยิ่งทำให้สตรีในงานต่างก็อยากรู้ว่า สิ่งที่เหอหลันฮวาเกริ่นขึ้นมานั้นคือเรื่องอันใด“ข้าเป็นแค่ฮูหยินของชายตัดฟืน ข้าจะรู้อันใดได้ เจ้าหวาดกลัวเรื่องใดหรือ”เหอหลันฮวายังยิ้มเย็นส่งไปให้เช่นเดิมกู้เพ่ยหลานกลายเป็นฝ่ายเลิ่กลั่กเสียเอง นางไม่รู้ว่าเพราะอะไรนางจึงรู้สึกหวาดกลัวเหอหลันฮวาขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยมีอาการเหล่านี้มาก่อน“เปิ่นกงไม่รู้มาก่อนว่าคุณหนูสังคมชั้นสูงแห่งแคว้นหลานนั้น เมื่อเห็นองค์หญิงเช่นข้ากลับไม่มีการทำความเคารพ ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นองค์หญิงต่างแคว้น แต่มารยาทของสตรีชั้นสูงควรต้องมีมิใช่หรือ”เมื่อเห็นว่าพี่สะใภ้ไม่ได้ตกเป็นรองของอีกฝ่าย เว่ยอิ้ง
บทที่ 30 เกิดเรื่องเข้าจนได้“เรื่องนี้เปิ่นกงมิต้องขอความเห็นจากองค์หญิงหกหรอกเพคะ เปิ่นกงมีความสามารถมากพอที่จะมัดใจของไท่จื่อไว้แต่เพียงผู้เดียว ไท่จื่อเองสัญญากับเปิ่นกงแล้วว่าจะมีเปิ่นกงเป็นชายาเพียงผู้เดียว จะไม่เอาสตรีนางใดเข้าตำหนักเพื่อให้ชายาเช่นเปิ่นกงต้องช้ำใจว่าแต่องค์หญิงหกลืมไปแล้วกระมังว่า ต่อให้บ้านเดิมของเปิ่นกงจะมีเพียงสกุลฟ่าน แต่พี่ชายร่วมมารดาของเปิ่นกงคนหนึ่งเป็นถึงรองแม่ทัพ และอีกคนเป็นกุนซือของกองทัพฟ่าน และตัวเปิ่นกงเองเป็นถึงนายหญิงแห่งหอมู่ตานที่มีสาขากระจายทั่วแคว้น เปิ่นกงยังต้องหาอำนาจหนุนหลังอีกหรือ หากองค์หญิงไม่มีเรื่องอันใดที่จะสนทนาอีก เปิ่นกงขอตัวก่อน ไปเถอะอิ้งเหมย เหวินถิง”เหอหลันฮวากล่าวจบจึงจูงมือน้องสามีและสหายคนใหม่มาด้วยกัน ปล่อยให้ทุกคนมองด้วยสายตาที่ตกตะลึงว่า ยังมีผู้ใดกล้าที่จะต่อกรกับองค์หญิงหก บุตรสาวที่เกิดจากฮองเฮากันหรือ ช่างไม่กลัวตายเสียจริง“เจ้าอย่าฝันไปเลยหลันฮวา ข้าปี่เจียว เมื่ออยากได้สิ่งใดย่อมต้องได้สิ่งนั้น ข้าจะช่วงชิงตำแหน่งไท่จื่อเฟยมาจากเจ้าเอง”เหล่าบรรดาคุณหนูที่ยังยืนอยู่บริเวณนี้ต่างก็เสมองไปทางอื่นเพื่อไม่ต้องกา
บทที่ 31 ไม่มีผู้ใดเหมาะสมอีกแล้วเว่ยอิ้งเหมยมององครักษ์แบกร่างขององค์ชายรองเดินผ่านไป นางไม่คิดว่าคนเป็นแม่จะกล้ากระทำกับบุตรชายของตนเองได้ขนาดนี้เพียงเพราะอำนาจเท่านั้นหรือ นี่คืออนาคตของบุตรชาย และหากนางหนีออกมาไม่ได้ชีวิตของนางคงจบสิ้นเช่นกัน ได้ใช้ชีวิตกับบุรุษที่ไม่ได้รักคงไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็น“ข้าคิดว่าเราทั้งสองรีบไปกันดีกว่า ก่อนจะมีใครผ่านมาแล้วพบเข้า”“ไม่ได้ และไม่ควรอย่างยิ่ง คิดจะจบเรื่องนี้ข้าต้องไม่กลับไปที่งานอีก หากข้ากลับไปคนของหยางซูเฟยย่อมต้องพบเข้า แผนการครั้งนี้ที่พี่ใหญ่วางไว้จะปิดเงียบ มิสู้ข้าหาที่หลบแถวนี้ไม่ดีกว่าหรือ ฝ่ายของหยางซูเฟยจะได้รู้ว่าแผนการของพวกนางสำเร็จลุล่วง และข้าอยากรู้เช่นกันว่าพระนางซูเฟยจะทำเช่นไรต่อไป”เหตุผลที่เว่ยอิ้งเหมยกล่าวมานั้นทำให้หลานหยางคุนเข้าใจอย่างถ่องแท้ เขาเองคิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่จะให้เตร็ดเตร่อยู่แถวนี้เกิดผู้ใดมาพบเข้าจะเกิดคำครหาได้“ว่าแต่เจ้าไม่ต้องตาเสด็จพี่รองบ้างหรือ ดูท่าอายุของเจ้าคงถึงวัยแต่งงานแล้ว” อยู่ ๆ หลานหยางคุนกล่าวขึ้นมาดื้อ ๆ“ไม่ล่ะ หม่อมฉันคิดว่าตนเองยังรักสนุก และไม่อยากผูกมัดกับผู้ใดด้วยกา
บทที่ 32 โดนตลบหลัง“พวกเจ้าหยุดเกี้ยวกันก่อนได้หรือไม่ เห็นใจคนไร้คู่เช่นข้าบ้าง”ฟ่านเทียนเผยอดไม่ได้ที่จะกล่าวแขวะเล็กน้อย“เช่นนั้นเจ้าจงรีบหาเข้าสิ ข้าเชื่อว่าท่านตาต้องดีใจจนจุดประทัดหน้าจวนยาวหลายร้อยลี้แน่ ๆ”“ข้ายังไม่อยากหาห่วงมารัดตัวเอง หากมีภรรยาแล้วต้องคลั่งรักเช่นเจ้า ข้ามิเอาด้วยหรอก อีกทั้งป่านนี้ไม่รู้ว่าด้ายแดงของข้านั้นเกิดขึ้นมาหรือยัง ข้าใช้ชีวิตเช่นนี้มีความสุขดีแล้ว”ฟ่านเทียนเผยรีบปฏิเสธเมื่อเว่ยเฟยหลงแนะนำเรื่องมีครอบครัว“ใช้ชีวิตเช่นชายเสเพลหรือเจ้าคะ ในเมื่อพี่รองฟ่านมิได้เป็นเช่นนั้น ทำไมต้องทำตัวเยี่ยงคุณชายเสเพลด้วยล่ะ”แม้ว่าพี่รองฟ่านจะเอาจริงเอาจังกับงาน ผู้ใดที่รู้ก็ดีไป ผู้ใดไม่รู้ย่อมต้องคิดว่าพี่ชายต่างแซ่ของนางผู้นี้ต้องเป็นคุณชายเสเพลเป็นแน่“น้อย ๆ หน่อยเถอะ ฮวาเอ๋อร์ พี่ชายของเจ้าคนนี้มิได้เสเพลเช่นนั้น เจ้าไปหาข่าวเกี่ยวกับตัวข้ามาใหม่เถอะ”“แต่ แต่ข้าได้ข่าวว่าคุณชายรองฟ่านเป็นคหบดีที่เย็นชา เลือดเย็น และไร้ใจนะเจ้าคะ”อยู่ ๆ ซือเหวินถิงกล่าวขึ้นมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ และไม่กล้าสบตากับชายที่นางเรียกว่าคุณชายรองฟ่าน“แล้วนี่ผู้ใดกัน มาตั้งแต่เ
บทที่ 33 ยัดเยียดสิ่งที่ไม่ต้องการจบคำกล่าวของหลันจิง เว่ยเฟยหลงหันมองภรรยารักด้วยดวงตาประกาย“เจ้าตั้งครรภ์แล้วหรือฮวาเอ๋อร์”“ข้าไม่ใช่หมอนะเจ้าคะ ข้าจะรู้ได้อย่างไร แต่พอนึกแล้วระดูของข้าขาดไปสองเดือนแล้วเช่นกัน”เหอหลันฮวายังดูมึนงง แต่ก็พอจะนึกได้ว่าระดูของนางขาดไปสองเดือนอย่างที่หลันจิงกล่าวมา ใบหน้านางจึงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม“เช่นนั้นเรารีบกลับจวนฟ่านก่อนดีหรือไม่ จะได้ให้ท่านหมอซูมาตรวจ ข้าตื่นเต้นจะแย่แล้ว นี่คือหลานคนแรกของข้าเลยนะ”ฟ่านเทียนเผยกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขาเชื่อว่าท่านปู่และท่านย่าจะต้องตื่นเต้นเช่นกันเมื่อรู้ว่าฮวาเอ๋อร์ตั้งครรภ์“เช่นนั้นเรากลับจวนกันก่อนเถอะ ใจข้าไม่อยากอยู่ที่แห่งนี้แล้ว”เหอหลันฮวาเห็นด้วย แม้ว่านางจะมีความสามารถแต่ก็อยากให้ท่านหมอประจำตระกูลฟ่านมาตรวจดูเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะหันไปมององค์ชายสามคล้ายกับเป็นการขอโทษที่นางไม่ชอบความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทว่ากลับมีกงกงของตำหนักฮ่องเต้กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาเรียกเสียก่อน“ไท่จื่อ ไท่จื่อเฟย รอก่อนพ่ะย่ะค่ะ”ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกทุกคนจึงหันกลับไปมอง“กงกงมีเรื่องอันใดหรือ”หลานหยางคุนเ
บทที่ 34 เตรียมการภายในตำหนักของหยางซูเฟย ในเวลานี้ทั้งสกุลหยางและองค์ชายรองต่างก็มารออยู่กันอย่างพร้อมหน้า เนื่องด้วยต้องจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้จบสิ้น เสียงร้องไห้คร่ำครวญของคุณหนูหยาง ที่ไม่พอใจเรื่องนี้ กับชายารองเหอชิงลี่ ที่ไม่คิดว่าบุรุษที่รักจะกล้าหักหน้านางด้วยการกระทำอันเสื่อมเสียกับสตรีอื่น“พวกเจ้าทั้งสองช่วยสงบปากสงบคำกันก่อนได้หรือไม่ จะร้องไห้คร่ำครวญหาอันใดกัน แม้ว่าเปิ่นหวางจะไม่รู้ว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แต่ก็อย่าหวังว่าจะมีใครได้มาเป็นชายาเอกของเปิ่นหวาง”เพราะตำแหน่งนี้เขามีไว้ให้สตรีนางเดียวเท่านั้น เมื่อกล่าวจบ ท่าทีที่ไม่พอใจบวกกับความฉุนเฉียวทำให้หลานหมิงฮ่าวสะบัดชายเสื้อเดินออกจากตำหนักไปทันที โดยไม่คิดจะรอหยางซูเฟยพระมารดาของตนอีกต่อไปกลับมาทางด้านเหอหลันฮวา ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนปล่อยข่าวว่าอาเฟยคือไท่จื่อแห่งแคว้นเว่ยถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสจนกลายเป็นชายความจำเสื่อมและถูกจับมาขายในโรงค้าทาส จนคุณหนูใหญ่เหอซื้อตัวกลับมาเพราะชะตาต้องกัน จนในที่สุดทั้งสองได้แต่งงานกันนั้นหลุดลอดออกมาสู่ชาวบ้านทั้งหลายในเวลานี้คนในจวนสกุลฟ่านต่างรับรู้แล้วว่า
บทที่ 35 การกลับมาของรองแม่ทัพนายท่านผู้เฒ่าฟ่านพยักหน้าเห็นด้วยกับหลานชายและหลานเขย ซึ่งเขามองว่าหลังจากนี้ไปสกุลฟ่านคงอยู่ไม่สงบสุข และตัวเขาไม่ใช่เสือที่ไม่มีเล็บ ที่จะยอมนิ่งดูดายให้ถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียวทว่าสิ่งที่เขาเป็นกังวลที่สุดคือหลานสาวที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ตอนนี้ หากสกุลฟ่านขยับขยาย เกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อหลานและเหลนในท้อง“แล้วไท่จื่อเห็นว่าข้าควรทำเช่นไรหรือ”“ท่านตาขอรับ ไม่ว่าข้าจะเป็นอาเฟยหรือเว่ยเฟยหลง ข้าขอให้ท่านตาเรียกขานข้าเช่นเดิมเถิดขอรับ”นายท่านผู้เฒ่าฟ่านพยักหน้าพอใจที่ไท่จื่อผู้นี้ไม่ถือตัว เช่นนั้นชายแก่เช่นเขาก็วางใจว่าฮวาเอ๋อร์จะต้องไม่น้อยเนื้อต่ำใจเมื่อไปใช้ชีวิตในแคว้นเว่ย“เช่นนั้นข้าก็วางใจว่าฮวาเอ๋อร์มีคนที่ดูแลได้ดี อาเฟย เจ้าคิดว่าเรื่องนี้จะไปในทิศทางใดหรือ ไม่ใช่ข้าไม่คิดเตรียมการ ทว่าเรื่องนี้ใหญ่พอควร หากสกุลฟ่านจะโยกย้ายทรัพย์สินนั้นคงเป็นจุดสนใจของชาวบ้านและพวกคนในราชสำนักไม่น้อย”“เรื่องนี้ข้าและฮวาเออร์ได้ปรึกษากันแล้วว่าอยากให้ท่านตาและท่านยายย้ายไปอยู่กับท่านลุงที่ชายแดนก่อน รอดูสถานการณ์ในเมืองหลวงว่าจะไปในทิศทางใด หากไม่เป็นอย่างที่คิ
บทที่ 36 ข่าวร้ายจากน้องสาว“ท่านทั้งสามเรียกข้าว่าเสี่ยวซินเถอะเจ้าค่ะ ดูคล้ายกับพวกท่านจะสงสัยในความเป็นมาของข้าไม่น้อย”ฟ่านจือหานเพียงปรายตามองก่อนจะหลับตาคล้ายกับคนต้องการความสงบและไม่อยากพูดจากับผู้ใด“เช่นนั้นเสี่ยวซินเรียกข้าว่าพี่ซือเหวิน ส่วนนี่พี่ชายข้าซือหมิง ส่วนคนที่ไม่พูดไม่จามีแต่ความเย็นชาที่สุดคือพี่ใหญ่ของพวกข้าพี่จื่อหาน”เหอซือเหวินเป็นคนแนะนำตัวเสียเอง ทำให้ชายอีกสองคนต้องถลึงตาใส่ในความปากมากของน้องชาย“ว่าแต่พวกท่านไม่หิวกันหรือเจ้าคะ อาหารแห้งที่ข้าพกมาหมดแล้วเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้ามา ไม่ไกลจากนี้คล้ายจะมีลำธาร”เสี่ยวซินไม่ต้องการให้บุรุษทั้งสามคนนี้สงสัยในฐานะของนางมากนัก จึงขอตัวออกมาที่ลำธาร นางต้องการล้างเนื้อล้างตัวเช่นกัน พร้อมกับหาอาหารสักเล็กน้อย พรุ่งนี้ผ่านเมืองข้างหน้า ค่อยแวะซื้ออาหารแห้งเก็บเป็นเสบียง กล่าวจบนางไม่รอฟังคำตอบของผู้ใด จากนั้นจึงเดินออกมาจากชายทั้งสามคน “ปลาเต็มลำธารเลย คงอยู่ในป่าเลยไม่มีชาวบ้านมาจับไปทำอาหาร เช่นนั้นข้าขอจับพวกเจ้าไปสักหน่อยก็แล้วกันนะ” ทันทีที่กล่าวจบ นางหาไม้ขนาดพอมือ ก่อนจะหยิบมีดพกมาเหลาปลายให้แหลม จา
บทส่งท้าย ชีวิตที่สงบอย่างที่ต้องการเว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรชายทั้งสองกลับมาถึงเมืองหลวงของแคว้นเว่ย เขาก็ได้รับพระราชทานให้ไปอยู่ที่ตำหนักบูรพา ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จมารับหลานทั้งสองและได้เจอลูกสะใภ้ ด้วยความเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่มาก่อน กิริยาของเหอหลันฮวาก็เพียบพร้อม ไม่มีใครกล้ามาตำหนินางได้ผู้เป็นใหญ่ทั้งสองรักและหลงหลานชายเป็นอย่างมาก ฮ่องเต้ประกาศราชโองการสละราชสมบัติ ให้เว่ยเฟยหลงขึ้นครองราชย์ต่อจากเขา จากที่ฮองเฮาเตรียมจัดงานแต่งตั้งพระชายาเอกขององค์รัชทายาท กลับกลายมาเป็นงานเฉลิมฉลองขึ้นครองราชย์ของเว่ยเฟยหลงเหอหลันฮวาถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮา บุตรชายทั้งสองได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์ชาย อดีตฮ่องเต้และอดีตฮองเฮา ยังคงอาศัยอยู่ที่เมืองหลวง มีตำหนักเป็นของตนเอง สิ่งที่ทั้งสองโปรดปรานในตอนนี้คือการเลี้ยงดูหลานทั้งสองในตอนนี้ เหอหลันฮวากำลังนั่งสนทนากับพี่ชายอยู่ตำหนักของนาง“พี่รองคิดดีแล้วหรือ?”นางกล่าวถามพี่ชายอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ หลังจากที่เหอซือเหวินบอกกล่าวกับนางเรื่องที่เขาต้องการจะลาออกจากราชการมาอยู่ใกล้นาง เพื่อปกป้องนางและหลานน้อยทั้งสอง เหอหลันฮวารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่
บทที่ 64 กบฏแคว้นหลานหลังจากที่เหอหลันฮวาคลอดบุตรชายทั้งสองครบสามเดือน เว่ยเฟยหลงก็ตัดสินใจพานางและบุตรชายกลับไปที่แคว้นเว่ย เนื่องจากทางฮ่องเต้และฮองเฮาเร่งรัดมาเพื่ออยากเจอหน้าหลานชายทั้งสองและก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นในแคว้นหลาน ฮ่องเต้สวรรคตเนื่องจากฝีมือขององค์ชายรองเป็นผู้กระทำ องค์ชายรองต้องการแต่งตั้งตนเองเป็นฮ่องเต้ แต่เพราะไม่มีราชโองการแต่งตั้ง และตอนนี้เขากำลังหาตราประทับของฮ่องเต้จึงยื้อเวลาเอาไว้หลานหยางคุนให้เว่ยเฟยหลงพาทุกคนกลับแคว้นเว่ยไป เพื่อความปลอดภัย เหตุการณ์ในครั้งนี้เหอหลันฮวาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเกิดขึ้นสักวัน นางจึงวางแผนไว้ล่วงหน้า พร้อมกับเตรียมการตั้งรับ“องค์ชายสาม ท่านพาคนบุกเข้าไปในวังหลวงเถิด”เหอหลันฮวาที่นั่งฟังองครักษ์ขององค์ชายสามรายงานเสร็จ นางก็หันไปกล่าวกับองค์ชายสามที่นั่งกำหมัดอยู่ด้วยดวงตาแดงก่ำ“เขากำเริบเสิบสานยิ่งนัก” หลานหยางคุนกัดฟันเอ่ยขึ้นด้วยความเคียดแค้น“พวกท่านควรกลับไปก่อน” เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคนในที่นี้ เพราะกลัวว่าจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะหลานทั้งสองที่เพิ่งลืมตาดูโลก จึงเร่งให้เว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรกลับไปก่อน“ข้าจะออ
บทที่ 63 รับภรรยากลับบ้านราชสำนักออกมาประกาศความผิดของตระกูลไช่ ตระกูลหม่า ตระกูลจงอย่างชัดเจน และยังมีการแห่นักโทษก่อนประหารเพื่อไม่ให้คนรุ่นหลังหลังเอาเป็นเยี่ยงอย่าง หลังจากประหารนักโทษเสร็จสิ้น ก็มีการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทขึ้นมาอีกครั้งสงครามกลางเมืองที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก ไม่นานชาวเมืองก็กลับมาค้าขาย และบรรยากาศที่ครึกครื้นก็กลับมาองค์ชายสามที่ตอนนี้กลายเป็นคุณชายเว่ย และไช่ฮูหยิน อดีตเสียนเฟยก็ได้เดินทางไปที่แดนเหนือ เพื่อปกครองเมืองหน้าด่านเล็ก ๆ ตามราชโองการของฮ่องเต้เมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เว่ยเฟยหลงก็ขอพระราชทานอนุญาตเดินทางไปที่แคว้นหลาน เพื่อไปรับเหอหลันฮวามาที่แคว้นเว่ยทางด้านฮองเฮาก็เตรียมตัวที่จะจัดงานแต่งตั้งชายาเอกของโอรสด้วยความตื่นเต้น ยิ่งรู้ว่าเหอหลันฮวากำลังตั้งครรภ์ ผู้ที่กำลังจะเป็นปู่ย่าก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักเนื่องจากอยากเจอหน้าหลานโดยเร็วเว่ยเฟยหลงและเว่ยอิ้งเหมยออกเดินทางจากแคว้นเว่ยมาที่แคว้นหลานก็ใช้เวลาหลายวัน และเมื่อมาถึงจวน เขาก็พบว่าตอนนี้ทั้งจวนกำลังตกอยู่ในความโกลาหล จนเขาเห็นแล้วก็ตกใจ รีบคว้าคอบ่าวคนหนึ่ง
บทที่ 62 ลงโทษเมื่อดาบขององค์ชายสามกระทบพื้น ทุกคนก็รู้ในทันทีว่าศึกในครานี้ที่เพิ่งจะเริ่มต้น ฝ่ายองค์ชายสามได้แพ้พ่ายแล้ว“องค์ชาย!!” แม่ทัพฝ่ายเสนาบดีไช่เห็นดังนั้นก็จะเข้ามาหาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขายอมแพ้“จับกุมตัวให้หมด ใครขัดขืน ฆ่า!!!”แต่เว่ยเฟยหลงไม่ยอมให้ใครได้ขยับตัว เขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด ผู้ใต้บังคับบัญชาก็รีบทำตามจับกุมเหล่ากบฏ หากมีใครกล้าขัดขืนก็ฆ่าได้ในทันทีเว่ยเฟยหลงละสายตาจากทหารเหล่านั้น หันมามองน้องชายที่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมในตอนนี้อยู่“เจ้าตามข้ามาเถิด”เขาบังคับม้าให้นำไปที่ประตูเมือง องค์ชายสามเงยหน้าขึ้นเห็นแผ่นหลังที่องอาจของพี่ชายที่ควบม้านำหน้าเขาไปเดิมทีเขานึกว่าพี่ชายจะสั่งให้คนมาจับตัวเขาเสียอีก แต่พอคิดว่าพี่ชายไม่มีความแค้นอันใดกับเขา เว่ยหนิงเฉิงก็รีบควบม้าตามเว่ยเฟยหลงไปทันที“เสด็จพี่” เขาเรียกองค์รัชทายาทเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“???” ทำให้เว่ยเฟยหลงหันมามองเขาอย่างตั้งคำถาม“เสด็จแม่ของข้า”“นางกระทำสิ่งใดไว้ ก็ต้องได้รับโทษ ข้าไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ เจ้าไปร้องขอเสด็จพ่อเถิด”เว่ยเฟยหลงย่อมรู้ว่าเว่ยหนิงเฉิงอยากจะร้องขอสิ่งใด เพียงแต่เ
บทที่ 61 ศึกพี่น้ององค์ชายสามกลับมาถึงตำหนักของตนเอง ก็เข้าไปขลุกตัวอยู่ในห้องหนังสือ เขาขบคิดอย่างหนักถึงความต้องการของตนเองในเวลานี้บัลลังก์นั่นเขาไม่ได้ต้องการ และเขาก็ไม่ได้มีความแค้นกับองค์รัชทายาท อีกฝั่งคือพี่ชาย ส่วนอีกฝั่งคือมารดาผู้ให้กำเนิด และท่านตา ที่คอยสนับสนุนเขาเสมอมา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาย่อมรู้ว่ามารดาและท่านตากระทำสิ่งใดลงไปบ้างแต่เพราะมองว่าพวกเขาทำเพื่อให้เขามีชีวิตรอด และมีความมั่นคงในชีวิต จึงยอมปิดตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเหตุใด เขาจึงไม่อยากกระทำตามที่มารดาและท่านตาสั่งให้ทำเลยสักนิด“องค์ชาย” องครักษ์ที่เดินตามเว่ยหนิงเฉิงเข้ามาเห็นเจ้านายมีสีหน้าที่คิดไม่ตก และนั่งเหม่อลอยอยู่นาน จึงร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง“ข้าจะทำเช่นไรดี” เว่ยหนิงเฉิงพึมพำขึ้นเสียงเบา แต่สำหรับคนที่ฝึกวรยุทธ์ย่อมได้ยินเพียงองครักษ์เช่นเขาจะสามารถให้คำแนะนำองค์ชายที่ได้รับคำสั่งจากเสียนเฟยมาแล้วได้อย่างไร ถ้าเกิดเขากล่าวอันใดที่ขัดพระทัย จะไม่เป็นการฆ่าตนเองหรอกหรืออีกทั้งเรื่องนี้ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจขององค์ชายทั้งสิ้นเว่ยหนิงเฉิงไม่ได้สนใจใคร เขาเพียงแค่พึม
บทที่ 60 หลังชนฝาข่าวการกลับมาขององค์รัชทายาท ทำให้ตระกูลไช่ และเสียนเฟยเริ่มร้อนตัวถึงการกระทำของตนเองไช่เสียนเฟยเมื่อทราบเช่นนั้น นางแทบจะทรุดลงอีกครั้ง เรื่องมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าองค์รัชทายาทตายไปแล้วหรอกหรือ แล้วนี่เขายกทัพมาประชิดเมืองหลวงได้ทำไมคนของสกุลไช่ถึงไม่รู้เรื่องกันล่ะ หรือสายข่าวของท่านพ่อจะมีปัญหา“ท่านพ่อไม่ใช่สกุลไช่หละหลวมหรอกหรือ ทำให้คนพวกนั้นมาประชิดเมืองหลวงได้ แล้วคนของเราล่ะเจ้าคะ ทำไมถึงไม่มีใครส่งข่าว พี่ใหญ่เช่นกัน ท่านบอกว่าจะให้บุตรสาวของท่านตีสนิทกับคุณชายเหวินคนดูแลหอมู่ตาน หรือว่าบุตรสาวของท่านไม่มีความสามารถ”นางหันไปกล่าวกับบิดาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ออกแนวจะตำหนิที่เขาไม่รอบคอบ อีกทั้งแผนการง่าย ๆ เรื่องให้สาวงามไปล่อลวงคุณชายเหวิน เรื่องแค่นี้เขายังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางอดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างดูแคลน“พระสนมกล่าวเช่นนั้นก็มิถูกนะพ่ะย่ะค่ะ มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าคุณชายเหวินมีสัญญาหมั้นหมายกับบุตรีของอดีตแม่ทัพจง เรื่องนี้สกุลจงมิอาจก้าวก่ายได้เช่นกัน”เสนาบดีไช่ส่งสายตาบุตรสาว ที่ตนส่งเข้าวังหลวงด้วยตนเอง อีกทั้งยังหนุนหลังนางจนได้ตำแหน่งเ
บทที่ 59 ประชิดเมืองหลวงหลังจากที่ขุนนางทั้งหมดเห็นแล้วว่าฮ่องเต้ของพวกเขานั้นปลอดภัยจึงได้แต่ปลื้มใจ จากนั้นฮ่องเต้และเหอซือเหวินต่างก็บอกแผนการฝ่ายตน และยังนัดแนะอีกว่าให้ทุกคนปิดจวนคล้ายกับไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใดเนื่องจากไม่เกินสิบวันหลังจากนี้ ทัพเฟยหลงที่นำทัพโดยองค์รัชทายาทหวงเฟยหลงจะบุกมาประชิดเมืองหลวงเพื่อจัดการยึดอำนาจคืนและเก็บกวาดพวกกบฏเมื่อนัดแนะทุกอย่างเรียบร้อย เหอซือเหวินจึงให้คนพาใต้เท้าทั้งหมดเดินออกด้านหลังเหมือนกับตอนมา เพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกสงสัย และยังบอกอีกว่าหากมีเรื่องด่วนหรือต้องการส่งข่าว ให้เข้ามาที่หอมู่ตานหรือร้านค้าสาขาต่าง ๆ โดยทำทีเป็นลูกค้ามาซื้อของ จะได้ไม่เป็นที่สงสัยของบุคคลอื่นเช่นกันหลังจากที่ทุกคนกลับออกไปหมดแล้ว เหอซือเหวินสนทนาอีกพักใหญ่กับฮ่องเต้ ก่อนจะแยกจากมาเพื่อส่งข่าวไปให้กับน้องเขยอย่างเว่ยเฟยหลง“พวกเจ้าเอาจดหมายฉบับนี้ส่งให้ถึงมือนายท่านของพวกเจ้า เขารู้ว่าจะต้องทำเช่นไร”เหอซือเหวินแยกจดหมายเป็นสามฉบับ ต่อให้หวั่นเกรงว่าจะมีคนดักชิงจดหมายระหว่างทาง ทว่าเขาใช้น้ำยาพิเศษเขียนขึ้น ซึ่งมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้วิธีอ่านตัวอักษรในจดหมาย
บทที่ 58 อยู่ในเงามืดเวลานี้ครรภ์ของเหอหลันฮวาเข้าเดือนที่ห้าแล้ว ทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าเดินทางมาที่ชายแดน คาดว่าอีกไม่นานก็น่าจะถึงเหอหลันฮวารับทราบว่าภายในเมืองหลวงแคว้นหลานเริ่มตึงเครียด เนื่องจากฝ่าบาทเกิดล้มป่วยอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเพราะเป็นแผนการของพระองค์ที่ต้องการให้ลูก ๆ เผยธาตุแท้กันออกมาทว่าเรื่องนี้นางไม่อยากรับรู้ ดั่งเช่นองค์ชายสามที่ทิ้งบรรดาศักดิ์เดินทางมาพร้อมกับกลุ่มของนาง แต่มู่เสียนเฟยเมื่อทราบเรื่องยังนิ่งเฉยไม่แม้แต่จะมีความกังวลหรือเป็นห่วงชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีตลอดระยะการเดินทาง ทุกคนยังรับรู้ข่าวสารไม่หยุดหย่อน นับวันยิ่งหนักเข้า ทางด้านองค์ชายใหญ่จับตัวคนตระกูลหยางไว้แล้วหาข้ออ้างว่าก่อกบฏ เพื่อบีบให้หยางซูเฟยและองค์ชายรองก่อกบฏจริง ๆทว่าทั้งสองไม่ได้เดินตามแผนการ แต่กลับหาหลักฐานการติดต่อสกุลกุ้ยและองค์ชายของแคว้นเว่ยไว้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีผู้ใดทราบว่าทั้งสองนำหลักฐานมาได้อย่างไร มีเพียงฟ่านเทียนเผยและเหอหลันฮวาเท่านั้นครั้นจะไม่ให้น้องสาวที่กำลังตั้งครรภ์รับรู้เรื่องราวภายนอกคงไม่ได้ บางอย่าง นางมีความสามารถและความคิดมากกว่า
บทที่ 57 เตรียมทำศึกแม่ทัพหม่าได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของเขามืดครึ้มอย่างไม่พอใจ ทว่างานในวันนั้นไม่อาจจะผิดพลาดได้ จึงปล่อยผ่านคำกล่าวของจงลี่เฉียว“ข้ายินดีทำตามคำขอของท่าน”“รองแม่ทัพหม่ากล่าวผิดแล้ว ข้ามิได้ขอ เพียงแต่ยื่นข้อเสนอเท่านั้น หากท่านคิดว่ารับผิดชอบกับความเสียหายของข้าและหอมู่ตานได้หลังจากนั้ ข้าก็ยินดีเปิดทางให้ท่านและคนของท่านเข้ามาตรวจค้นสถานที่ของข้า”เหอซือเหวินกล่าวขึ้นมา ทว่าทั้งสองฝ่ายยังมิทันได้ทำสิ่งใด กลับมีรถม้าของจวนสกุลไช่จอดด้านหน้าเสียก่อน“เกิดเรื่องอันใดขึ้นอย่างนั้นหรือ” รองเสนาบดีไช่ลงจากรถม้าแล้วกล่าวขึ้น โดยมีบุตรสาวอย่างไช่จินเย่วเดินตามมาด้วยรองแม่ทัพหม่าจึงเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง ไช่เชี่ยนสงจึงมองไปทางเหอซือเหวินด้วยรอยยิ้มที่ไม่อาจบอกได้ว่าเขานั้นกำลังคิดอันใดอยู่“เช่นนั้นคุณชายให้คนงานของท่านตามทหารเข้าไปด้วยก็แล้วกัน นี่เป็นการดีทั้งสองฝ่าย ข้าเพียงแต่ได้รับคำสั่งจากองค์ชายสามให้ตรวจสอบและสืบหานักฆ่าที่กล้าวางยาพิษพระสนมก็เท่านั้นเอง ข้าและองค์ชายสามมิได้อยากมีปัญหากับหอมู่ตาน ทว่าเรื่องนี้ไม่อาจละเลยได้เช่นกัน”“เช่นนั้นพ