บทที่ 8บอกลา จูกวางปินได้รับจดหมายตอบกลับมาจากน้องสาวก็รู้สึกดียิ่งนัก ไม่เสียแรงที่เขาเคยพร่ำสอนและลงแรงกับจูเลี่ยงหลินไปไม่น้อย หากแผนการของนางสำเร็จอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ชื่อเสียงของจูหลิ่งฟางก็จะคืนกลับมาดังเดิม ผู้คนก็จะหันไปก่นด่าซือเมี่ยวดังอย่างที่เคยเป็นมา เช่นนี้การจะผลักดันให้บุตรสาวได้เป็นพระชายาเอกก็จะง่ายดายมากขึ้นไปอีก"มีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านพ่ออารมณ์ดีเช่นนั้นหรือเจ้าคะ"จูหลิ่งฟางเดินเข้ามาในห้องหนังสือพร้อมกับถือถาดน้ำชาที่มีควันลอยกรุ่น นางนำถาดน้ำชาไปวางที่โต๊ะมุมห้องแล้วจัดการรินน้ำชาให้กับบิดาด้วยท่าทางสง่างาม "เป็นเรื่องที่ดีมากเลยล่ะ เห็นทีพ่อกับท่านอ๋องคงจะไม่ต้องลงแรงให้มากความเสียแล้ว" จูกวางปินยกยิ้มอย่างอ่อนโยน "เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นข่าวดีเจ้าค่ะ ลูกเองก็ไม่อยากให้มือของท่านพ่อต้องแปดเปื้อนเพราะเรื่องของซือเมี่ยวเช่นกันเจ้าค่ะ" "ฟางเอ๋อร์ของพ่อช่างกตัญญูนัก มานั่งนี่เร็วเข้า พ่อกำลังคิดอยา
"นี่เป็นแค่รายชื่อของสตรีในเมืองหลวงเท่านั้น ถ้าเจ้ายังไม่พอใจข้าจะหามาเพิ่มให้อีก""ไม่ต้องแล้วเจ้าค่ะ ข้าเจอคนที่ถูกใจแล้ว"ซือเมี่ยวหยิบใบรายชื่อของสตรีผู้มีนามว่า 'ฮุ่ยเจินเจิน' ออกมากางด้วยความยินดี คราแรกนางกำลังจะเปิดผ่านไปอีกคนแล้ว ทว่าเพราะสกุลฮุ่ยนี้เองที่ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคย เมื่อได้อ่านประวัติครอบครัวก็พบกับคนที่นางรู้จักเลยล่ะ คนผู้นี้คือพี่ชายของฮุ่ยเจินเจิน ผู้ที่จะทำให้ราชสำนักแคว้นถังต้องสั่นสะเทือนในภายภาคหน้า คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีน้องสาวที่ยังไม่ออกเรือน สวรรค์ช่างเป็นใจให้กับนางยิ่งนัก"คนสกุลฮุ่ยหรือ" ลู่เหวินขยับหน้าเข้ามาดูด้วย"เจ้าค่ะ ข้าขอให้ท่านสืบให้ลึกมากกว่านี้ได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าอยากรู้ว่านางกับพี่ชายมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร อะไรคือสิ่งที่พวกนางชอบและเกลียด รวมถึงญาติพี่น้องของพวกนางที่ยังหลงเหลืออยู่ด้วยเจ้าค่ะ""เข้าใจแล้ว เรื่องนี้ข้าจะให้อาจิ้นสืบต่อให้เอง""ขอบคุณเจ้าค่ะ""ซือเมี่ยว... วันพรุ่งข้าจะไม่อยู่เมืองหลวงแล้วนะ ข้ามีงานสำคัญที่ต้องเร่งไปจัดการ อาจจะไม่อยู่หนึ่งเดื
บทที่ 9สองพี่น้องตระกูลฮุ่ย เพราะถูกสามีทำท่าทางหมางเมินมาหลายวัน จูเลี่ยงหลินจึงได้หาโอกาสทำให้ความสัมพันธ์ของสามีภรรยากลับมารักใคร่กลมเกลียวกันดังเดิม โดยการทำน้ำแกงปลามาให้เขาที่ห้องหนังสือ ในวันที่เขาต้องสะสางงานจนดึกดื่น"ท่านพี่เจ้าคะ ข้าทำน้ำแกงปลามาให้เจ้าค่ะ พักทานสักหน่อยนะเจ้าคะ ตอนนี้อากาศก็เริ่มหนาวเย็นลงแล้ว" ด้วยท่าทางอันอ่อนโยนอ่อนหวานเช่นนี้เอง จึงทำให้ซือเหลียงมิอาจจะทำใจแข็งได้นานนัก อีกทั้งเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางโดยตรงด้วย"ขอบใจเจ้ามาก นี่มันก็ดึกมากแล้วเจ้ารีบไปเข้านอนเถิด" สายตาของเขามองไปทางหน้าท้องของนาง"ท่านพี่... ข้ารู้ว่าหลานสาวของข้านั้นทำผิดมหันต์ที่เข้าไปแทรกกลางความสัมพันธ์ของเมี่ยวเอ๋อร์ ทว่าตัวนางก็ยังเด็กนักทั้งยังถูกจวิ้นอ๋องล่อลวงด้วยคำว่ารัก มิแปลกที่สตรีอายุน้อยเช่นนางจะทำเรื่องสิ้นคิดไปบ้าง แต่ข้ารู้มาว่าตอนนี้นางกำลังตัดใจจากจวิ้นอ๋องแล้วนะเจ้าคะ เพียงแต่... ท่านอ๋องมิยอมปล่อยนางไป"
จวนสกุลจางทันทีที่โฉมสะคราญอย่างซือเมี่ยวเข้าไปนั่งยังห้องโถงก็ดูคับแคบไปถนัดตา ภายในห้องยังมีหนึ่งสตรีและสองบุรุษที่อายุมากกว่านางนั่งอยู่ด้วย ทั้งสามลุกขึ้นยืนทำความเคารพนางด้วยความนอบน้อม"คารวะคุณหนูใหญ่ซือขอรับ/เจ้าค่ะ""พวกท่านไม่ต้องมากพิธีไปหรอก อีกเดี๋ยวเราก็จะเป็นคนกันเองกันแล้ว"ซือเมี่ยวนั่งลงบนเก้าอี้ที่เว้นวางเอาไว้ พลางหันไปมองสตรีผู้นั้นอย่างพิจารณา นางมีรูปโฉมมิธรรมดาเลย ดวงหน้าหวานหยาดเยิ้มทว่ามีความดื้อรั้นอยู่ในตัวจากดวงตาคู่นั้น ผิวกายเนียนละเอียดทว่าคล้ำไปสักหน่อย หากขัดตัวเสียนิดบำรุงผิวเสียหน่อยก็คงจะดูดีไม่น้อย โดยรวมนับว่าสามารถต้องตาต้องใจของบุรุษได้ง่าย"เนื้อความในจดหมายที่คุณหนูให้คนส่งมานั้น คุณหนูคิดเช่นนั้นจริง ๆ หรือขอรับ"'ฮุ่ยเหอหมิง' บัณฑิตหนุ่มที่อายุมากกว่านางห้าปีเอ่ยขึ้นด้วยความคลางแคลงใจ ในขณะอีกสองคนที่เหลือก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย"นั่นสิขอรับ คราแรกที่ข้าได้อ่านจดหมายก็ตกใจจนทำสิ่งใดไม่ถูก ทั้งคุณหนูยังใช้จวนของข้าเป็นที่นัดพบกับอาหมิงหลานชายของข้าด้วย"
บทนำภายในห้องนอนที่ตกแต่งด้วยเครื่องทองและเงินอย่างระยิบระยับ สตรีนางหนึ่งกำลังนั่งเขียนอักษรอยู่บนโต๊ะหนังสือด้วยท่าทางเคร่งเครียด ดวงหน้าหวานขมวดคิ้วจนแทบเป็นปมแน่น ริมฝีปากเล็กที่อวบอิ่มขบเม้มเมื่อได้อ่านตัวอักษรที่ตัวเองเขียนลงไปในกระดาษ ดวงตากลมโตที่มีขนตาเรียงเส้นเป็นแพหนาหลับตาลงอย่างคนปลงตก ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น 'ซือเมี่ยว' เจ้าของผู้มีใบหน้างดงามอ่อนหวานราวกับอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ บุตรีคนโตของท่านเสนาบดีกรมคลังที่สูญเสียมารดาไปตั้งแต่ยังเด็ก นางผู้เป็นคู่หมั้นของจวิ้นอ๋องโอรสลำดับที่ห้าของฮ่องเต้กับพระสนมเสียนเฟย และนางคือนางร้ายที่มีจุดจบอย่างอนาถในนิยายเรื่อง 'ลิขิตรักบุปผางาม' นางก็คือสตรีผู้นั้นนั่นเอง!!ทว่าในตอนนี้ดวงวิญญาณที่อยู่ในร่างของนี้หาใช่ซือเมี่ยวผู้เป็นนางร้ายไม่ แต่เป็นดวงวิญญาณของดาราสาวเจ้าบทบาทที่เล่นแต่บทนางเอกเจ้าน้ำตา นางคือคนที่จะมาเปลี่ยนโชคชะตาอันเลวร้ายของซือเมี่ยวให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้น ไม่ต้องไปสนใจคู่หมั้นที่แอบพลอดรักกับสหายสนิทอีกต่อไป แต่ควรเดินหน้าตามหารักครั้งใหม่ที่ดีกว่าเดิมผู้ที่ดีคือผู้ใหม่! นั
"คุณหนู... นะ นี่เป็นเพราะฮูหยินรองกลั่นแกล้งให้เงินคุณหนูน้อยกว่าความเป็นจริงต่างหากเจ้าค่ะ"ดวงตาคู่สวยสว่างวาบเมื่อคิดสิ่งใดออก "ข้ารู้แล้วว่าจะทำอย่างไร ขอบใจเจ้ามากนะมิ่งจูที่เอ่ยเตือนเรื่องนี้กับข้า""เจ้าค่ะ" มิ่งจูยิ้มกว้างที่ถูกคุณหนูเอ่ยชมเช่นนี้"เจ้าออกไปเรียกช่างตัดอาภรณ์มาตามเดิมเถิด ข้ามีหนทางแล้วล่ะว่าจะหาเงินได้อย่างไร แล้วอย่าลืมกำชับช่างด้วยเล่าว่าข้าขอผ้าเป็นโทนสีอ่อนอย่างเช่นสีชมพูกลีบบัว สีเหลืองสีส้มของสีใบไม้ร่วง สีเขียวของหยก และสีฟ้าของท้องฟ้าด้วยเล่า ตอนนี้ข้าไม่อยากสวมอาภรณ์สีแดง สีน้ำเงิน และสีม่วงแล้ว ใส่แล้วดูมีอายุเกินไปนัก""เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ"มิ่งจูรับคำทั้งที่มีคำถามอยู่ในใจ ทว่าสาวใช้เช่นนางมิควรซักถามผู้เป็นนาย มีแต่ต้องทำตามคำสั่งเท่านั้น"เดี๋ยวก่อน! เจ้าแอบไปที่หอเฟิ่งจือให้ข้าด้วย บอกกับคนดูแลว่าข้าต้องการไปพบเจ้าของหอในอีกสามวันข้างหน้า ข้ามีข่าวที่น่าเชื่อถือได้ไปแลกเปลี่ยนกับเขา แต่จงจำไว้ว่าอย่าให้ผู้ใดพบเห็นเจ้าเป็นอันขาด""เจ้าค่ะคุณหนู" มิ่งจูรับคำเสียงเบา ก่อนจะไปทำตามที่คุณหนูบอกอย่างเคร่งครัดเช้าวันต่อมาซือเมี่ยวได้
บทที่ 1ซือเมี่ยวผู้รู้ความซือเหลียงเข้ามาหาบุตรสาวคนโตในเย็นวันนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปความหวั่นใจทว่าดวงตากลับมีรอยยิ้มเล็ก ๆ ซือเมี่ยวพอจะคาดเดาได้ว่าบิดาจะมาเอ่ยเรื่องอะไร เพราะหากเป็นตามในนิยายหลังจากซือเมี่ยวคนเก่ารู้เรื่องนี้จะอาละวาดใหญ่โตทันที แล้วความสัมพันธ์พ่อลูกก็จะยิ่งเหินห่างขึ้นเรื่อย ๆ"เมี่ยวเอ๋อร์ พ่อมีเรื่องสำคัญจะมาบอกเจ้า และต้องการจะมาไถ่โทษขอให้เจ้าอย่าได้ถือสาความไม่รู้จักคิดของแม่รองเจ้าเลย ต่อไปพ่อจะให้พ่อบ้านสอดส่องเรื่องนี้จะไม่ทำให้เจ้าต้องได้รับความไม่เป็นธรรมอีก และพ่อจะมอบเงิน 500 ตำลึงทองเพื่อขอให้เจ้าให้อภัยแม่รอง เจ้าจะว่าอย่างไร" ซือเหลียงมองหน้าบุตรสาวด้วยความคาดหวัง หลายวันมานี้พ่อบ้านมารายงานว่าบุตรสาวของเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เขาเองก็หวังว่านางจะมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่"ข้าเองก็ไม่ได้นึกโกรธเคืองแม่รองหรอกเจ้าค่ะ เพียงแค่แปลกใจกับจำนวนเงินที่ได้รับจึงเอ่ยออกไปเช่นนั้น และแม่รองมาล้มป่วยเพราะข้าอีกข้ายิ่งไม่สบายใจนัก" ดวงตาคู่สวยมองบิดาด้วยความกังวลใจ เรียกความเอ็นดูให้แก่ผู้เป็นบิดาเป็นอย่างมาก"เจ้าคิดได้เช่นนี้ก็ดีแล้ว เราเป็นครอบครัวเดี
โรงน้ำชาซือเมี่ยวเข้าไปนั่งรอคู่หมั้นหนุ่มและสหายที่ห้องรับรองด้านในสุด นางนั่งรอไม่นานทั้งสองก็ได้เดินเข้ามาพร้อมกัน จากรอยยิ้มละมุนที่จวิ้นอ๋องมอบให้สหายของนางนั้นพลันเรียบตึง เมื่อเห็นว่าซือเมี่ยวที่ควรจะมาสายทุกครั้งกลับมาก่อน ทั้งสองที่เดินจนแทบไหล่ชนกันพลันรีบแยกห่างกันทันที"วันนี้เจ้ามาเร็วยิ่งนัก"'จูหลิ่งฟาง' บุตรีคนเล็กของรองเสนาบดีกรมยุติธรรมเอ่ยเสียงใส นางรีบเดินไปนั่งข้างสหายพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะเหลือบมองจวิ้นอ๋องที่นั่งตรงข้ามกับซือเมี่ยว"ข้ามีเรื่องยินดีจะมาบอกเจ้าเลยรีบมาเร็วกว่าทุกที" ซือเมี่ยวหันไปยิ้มหวานที่ไปไม่ถึงดวงตากับจวิ้นอ๋อง "ท่านอ๋องลองชิมขนมดอกกุ้ยฮวาดูสิเพคะ"ซือเมี่ยวเลื่อนจานขนมไปตรงหน้าของจวิ้นอ๋อง ทว่าตัวเขาหาได้สนใจไม่ กลับเลือกที่จะหยิบกาน้ำชาขึ้นมารินให้ตัวเอง แล้วยังเผื่อแผ่ไปให้จูหลิ่งฟางด้วย'ถังหนิงเฉิง' โอรสคนสำคัญของฮ่องเต้แห่งแคว้นถัง กำเนิดจากพระสนมเสียนเฟยจากตระกูลหวังผู้เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ เพราะต้องการให้บุตรชายมีอำนาจหนุนหลังจากตระกูลขุนนางชั้นสูง ฮ่องเต้และพระสนมเสียนเฟยจึงได้เลือกซือเมี่ยวมาเป็นพระชายาเอก"ว
จวนสกุลจางทันทีที่โฉมสะคราญอย่างซือเมี่ยวเข้าไปนั่งยังห้องโถงก็ดูคับแคบไปถนัดตา ภายในห้องยังมีหนึ่งสตรีและสองบุรุษที่อายุมากกว่านางนั่งอยู่ด้วย ทั้งสามลุกขึ้นยืนทำความเคารพนางด้วยความนอบน้อม"คารวะคุณหนูใหญ่ซือขอรับ/เจ้าค่ะ""พวกท่านไม่ต้องมากพิธีไปหรอก อีกเดี๋ยวเราก็จะเป็นคนกันเองกันแล้ว"ซือเมี่ยวนั่งลงบนเก้าอี้ที่เว้นวางเอาไว้ พลางหันไปมองสตรีผู้นั้นอย่างพิจารณา นางมีรูปโฉมมิธรรมดาเลย ดวงหน้าหวานหยาดเยิ้มทว่ามีความดื้อรั้นอยู่ในตัวจากดวงตาคู่นั้น ผิวกายเนียนละเอียดทว่าคล้ำไปสักหน่อย หากขัดตัวเสียนิดบำรุงผิวเสียหน่อยก็คงจะดูดีไม่น้อย โดยรวมนับว่าสามารถต้องตาต้องใจของบุรุษได้ง่าย"เนื้อความในจดหมายที่คุณหนูให้คนส่งมานั้น คุณหนูคิดเช่นนั้นจริง ๆ หรือขอรับ"'ฮุ่ยเหอหมิง' บัณฑิตหนุ่มที่อายุมากกว่านางห้าปีเอ่ยขึ้นด้วยความคลางแคลงใจ ในขณะอีกสองคนที่เหลือก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย"นั่นสิขอรับ คราแรกที่ข้าได้อ่านจดหมายก็ตกใจจนทำสิ่งใดไม่ถูก ทั้งคุณหนูยังใช้จวนของข้าเป็นที่นัดพบกับอาหมิงหลานชายของข้าด้วย"
บทที่ 9สองพี่น้องตระกูลฮุ่ย เพราะถูกสามีทำท่าทางหมางเมินมาหลายวัน จูเลี่ยงหลินจึงได้หาโอกาสทำให้ความสัมพันธ์ของสามีภรรยากลับมารักใคร่กลมเกลียวกันดังเดิม โดยการทำน้ำแกงปลามาให้เขาที่ห้องหนังสือ ในวันที่เขาต้องสะสางงานจนดึกดื่น"ท่านพี่เจ้าคะ ข้าทำน้ำแกงปลามาให้เจ้าค่ะ พักทานสักหน่อยนะเจ้าคะ ตอนนี้อากาศก็เริ่มหนาวเย็นลงแล้ว" ด้วยท่าทางอันอ่อนโยนอ่อนหวานเช่นนี้เอง จึงทำให้ซือเหลียงมิอาจจะทำใจแข็งได้นานนัก อีกทั้งเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางโดยตรงด้วย"ขอบใจเจ้ามาก นี่มันก็ดึกมากแล้วเจ้ารีบไปเข้านอนเถิด" สายตาของเขามองไปทางหน้าท้องของนาง"ท่านพี่... ข้ารู้ว่าหลานสาวของข้านั้นทำผิดมหันต์ที่เข้าไปแทรกกลางความสัมพันธ์ของเมี่ยวเอ๋อร์ ทว่าตัวนางก็ยังเด็กนักทั้งยังถูกจวิ้นอ๋องล่อลวงด้วยคำว่ารัก มิแปลกที่สตรีอายุน้อยเช่นนางจะทำเรื่องสิ้นคิดไปบ้าง แต่ข้ารู้มาว่าตอนนี้นางกำลังตัดใจจากจวิ้นอ๋องแล้วนะเจ้าคะ เพียงแต่... ท่านอ๋องมิยอมปล่อยนางไป"
"นี่เป็นแค่รายชื่อของสตรีในเมืองหลวงเท่านั้น ถ้าเจ้ายังไม่พอใจข้าจะหามาเพิ่มให้อีก""ไม่ต้องแล้วเจ้าค่ะ ข้าเจอคนที่ถูกใจแล้ว"ซือเมี่ยวหยิบใบรายชื่อของสตรีผู้มีนามว่า 'ฮุ่ยเจินเจิน' ออกมากางด้วยความยินดี คราแรกนางกำลังจะเปิดผ่านไปอีกคนแล้ว ทว่าเพราะสกุลฮุ่ยนี้เองที่ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคย เมื่อได้อ่านประวัติครอบครัวก็พบกับคนที่นางรู้จักเลยล่ะ คนผู้นี้คือพี่ชายของฮุ่ยเจินเจิน ผู้ที่จะทำให้ราชสำนักแคว้นถังต้องสั่นสะเทือนในภายภาคหน้า คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีน้องสาวที่ยังไม่ออกเรือน สวรรค์ช่างเป็นใจให้กับนางยิ่งนัก"คนสกุลฮุ่ยหรือ" ลู่เหวินขยับหน้าเข้ามาดูด้วย"เจ้าค่ะ ข้าขอให้ท่านสืบให้ลึกมากกว่านี้ได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าอยากรู้ว่านางกับพี่ชายมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร อะไรคือสิ่งที่พวกนางชอบและเกลียด รวมถึงญาติพี่น้องของพวกนางที่ยังหลงเหลืออยู่ด้วยเจ้าค่ะ""เข้าใจแล้ว เรื่องนี้ข้าจะให้อาจิ้นสืบต่อให้เอง""ขอบคุณเจ้าค่ะ""ซือเมี่ยว... วันพรุ่งข้าจะไม่อยู่เมืองหลวงแล้วนะ ข้ามีงานสำคัญที่ต้องเร่งไปจัดการ อาจจะไม่อยู่หนึ่งเดื
บทที่ 8บอกลา จูกวางปินได้รับจดหมายตอบกลับมาจากน้องสาวก็รู้สึกดียิ่งนัก ไม่เสียแรงที่เขาเคยพร่ำสอนและลงแรงกับจูเลี่ยงหลินไปไม่น้อย หากแผนการของนางสำเร็จอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ชื่อเสียงของจูหลิ่งฟางก็จะคืนกลับมาดังเดิม ผู้คนก็จะหันไปก่นด่าซือเมี่ยวดังอย่างที่เคยเป็นมา เช่นนี้การจะผลักดันให้บุตรสาวได้เป็นพระชายาเอกก็จะง่ายดายมากขึ้นไปอีก"มีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านพ่ออารมณ์ดีเช่นนั้นหรือเจ้าคะ"จูหลิ่งฟางเดินเข้ามาในห้องหนังสือพร้อมกับถือถาดน้ำชาที่มีควันลอยกรุ่น นางนำถาดน้ำชาไปวางที่โต๊ะมุมห้องแล้วจัดการรินน้ำชาให้กับบิดาด้วยท่าทางสง่างาม "เป็นเรื่องที่ดีมากเลยล่ะ เห็นทีพ่อกับท่านอ๋องคงจะไม่ต้องลงแรงให้มากความเสียแล้ว" จูกวางปินยกยิ้มอย่างอ่อนโยน "เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นข่าวดีเจ้าค่ะ ลูกเองก็ไม่อยากให้มือของท่านพ่อต้องแปดเปื้อนเพราะเรื่องของซือเมี่ยวเช่นกันเจ้าค่ะ" "ฟางเอ๋อร์ของพ่อช่างกตัญญูนัก มานั่งนี่เร็วเข้า พ่อกำลังคิดอยา
"เรื่องปกปิดความลับไม่มีปัญหา องค์รัชทายาทไม่มีทางรู้ได้อย่างแน่นอน แต่ราคาที่เจ้าเสนอมาสูงเกินไป ข้าให้เจ้าได้มากสุดหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงทอง แล้วข้ายังมีข่าวมาฝากเจ้าด้วยถือเป็นน้ำใจจากข้าผู้เป็นเจ้าของหอเฟิ่งจือ" ลู่เหวินกระตุกยิ้มมุมปาก"เรื่องอะไร... หากมีค่ามากพอข้าจะยอมลดให้ถึงหนึ่งหมื่นตำลึงทองเลย""ฮูหยินรองตระกูลซือไม่ได้ตั้งครรภ์จริง นางจ้างวานหมอที่ไว้ใจได้ให้มาหลอกลวงบิดาของเจ้าและทุกคน ข่าวนี้เพียงพอหรือไม่เล่า""ข้ารู้แล้วว่านางโกหกว่าตั้งครรภ์ ข่าวนี้ออกจะไร้ค่าเกินไปนะเจ้าคะ" ซือเมี่ยวถอนหายใจกับข่าวที่นางรู้อยู่ก่อนแล้วลู่เหวินยิ้มเย็น "แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่านางคิดจะใช้การตั้งครรภ์ของตนมาใส่ร้ายว่าเจ้าทำให้นางแท้งบุตร! ทำให้ชื่อเสียงที่เริ่มดีขึ้นของเจ้ากลับมาเหม็นโฉ่อีกครั้ง เพื่อกลบข่าวของจวิ้นอ๋องและหลานสาวจากตระกูลจู"ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงขึ้นมา นี่นางดูแคลนศัตรูมากเกินไปสินะเนี่ย "เรื่องนี้ข้าไม่รู้ นางจะลงมือเมื่อใด""เหลือหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงทอง แล้วข้าจะบอกว่าเมื่อใดพร้อมกับส่งข้อมูลของท่านหมอผู้นั้นมาให้เจ้าด้วย"ซือเมี่ยวถลึงตามองลู่เหวินด้วยความเจ็บใจ เขาไม่
บทที่ 7รางวัลของผู้บอกข่าวลู่เหวินทอดสายตามองไปทางเงาร่างอันเลือนรางของซือเมี่ยวด้วยความเข่นเขี้ยวในใจ นางมิเคยไม่ยอกย้อนเขาเลย ทุกครั้งที่พบหน้ากันจะต้องพูดจาแดกดันเขาอยู่ร่ำไป ช่างเป็นสตรีที่แปลกประหลาดและไม่กลัวตาย อยากรู้นักว่าถ้านางรู้ว่าเขาเป็นใครจะทำหน้าเช่นไร จะตกใจ ดีใจ หรือเสียใจกัน?"เรามาเข้าเรื่องกันเลยเถอะ ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้ารู้เรื่องของชินอ๋องมากแค่ไหนกันแน่ รู้หรือไม่ว่ากองทัพลับซ่อนอยู่ที่ใด หากรู้ก็ได้โปรดบอกข้ามาเถิด เงินรางวัลสำหรับข่าวสำคัญนั้นมากมายจนเจ้าคาดไม่ถึงเลยล่ะ" ลู่เหวินเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง เขาเดินไปนั่งยังโต๊ะหนังสือเพื่อเว้นระยะห่างกับซือเมี่ยว"แม้แต่สายข่าวของหอเฟิ่งจือยังไม่ทราบ แล้วข้าที่เป็นสตรีในห้องหอจะทราบได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ" ซือเมี่ยวยิ้มพรายก่อนจะเดินแหวกผ้าม่านเดินไปหาลู่เหวิน"ขนาดเรื่องในมุ้งเจ้ายังรู้ เรื่องนี้เจ้าจะไม่รู้เลยหรือ" "ข้าก็รู้แค่ไม่กี่เรื่องเจ้าค่ะ ทว่าเรื่องที่เป็นความลับสุดยอดนั้นข้ามิรู้จริง ๆ" ลู่เหวินจ้องเข้าไปในนัยน์ตากลมโตสวยของนางเพื่อจับผิด ทว่าในแววตากลับนิ่งสงบไม่มีระลอกคลื่นใดให้เขาจับพิรุธได้เลย"เช่นนั
"เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเอาไว้เลยนะเจ้าคะ" บ่าวคนสนิทมองตาเจ้านายอย่างรู้เท่าทัน"ดี! ข้าจะรอเวลาอีกสักเจ็ดวันก็แล้วกัน จำไว้นะว่าอย่าได้มีพิรุธเป็นอันขาด หาไม่จะเป็นพวกเรานั่นแหละที่เดือดร้อน""ฮูหยินวางใจได้เลยเจ้าค่ะ บ่าวมิเคยทำพลาดอยู่แล้วเจ้าค่ะ""ดี! ครั้งนี้ข้าจะทำให้พ่อลูกมองหน้ากันไม่ติดเลยล่ะ ทีนี้พี่ใหญ่ก็จะได้เลิกมายุ่งวุ่นวายกับข้าเสียที ส่วนข้าก็จะได้เสวยสุขอยู่ในจวนนี้จนกระทั่งหรูเอ๋อร์เติบใหญ่จนออกเรือน"จูเลี่ยงหลินยิ้มร้าย แผนการที่วางไว้เพื่อภายภาคหน้าของนางกับบุตรสาวถูกวาดเอาไว้เป็นฉาก ๆ การตั้งครรภ์นี้ก็เป็นแค่กลอุบายที่ใช้หลีกเลี่ยงเรื่องในครั้งนั้น ทว่าในครั้งนี้นางจะใช้การแท้งบุตรมาสาดน้ำโคลนใส่ซือเมี่ยว ต่อไปจะได้ไม่กล้ามาตีเสมอนางอีก!หอเฟิ่งจือลู่เหวินเอ่ยถามคนสนิทเป็นรอบที่ร้อยว่ามีจดหมายส่งมาจากซือเมี่ยวบ้างหรือไม่ นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วที่นางหายหน้าหายตาไปเลย ทั้งที่นางควรจะมาพบเขาได้แล้ว หลังจากที่เขาช่วยสร้างโอกาสทองให้นางถอนหมั้นกับจวิ้นอ๋องโดยสำเร็จ"นางยังไม่ติดต่อกลับมาอีกหรือ" บุรุษผู้สวมหน้ากากอำพรางใบหน้าเอ่ยถามอีกครั้ง"ไม่มีแม้แต่จดหมายหรือค
บทที่ 6เล่ห์กลอันร้ายกาจจวนตระกูลจู'จูกวางปิน' หัวหน้าตระกูลผู้เป็นรองเสนาบดีกรมพิธีการมองดูบุตรสาวที่เขาเคยภาคภูมิใจด้วยความผิดหวัง ที่ผ่านมาจูหลิ่งฟางไม่เคยทำให้เขาต้องหนักใจเลย ทว่าครั้งนี้นางกลับทำให้เขาผิดหวังอย่างแรง และยังทำให้ชื่อเสียงอันดีงามของตระกูลจูต้องด่างพร้อยไปด้วย"ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วมิใช่หรือว่าจะทำอะไรต้องรอบคอบเสมอ ทว่าครั้งนี้เจ้ากลับเผยจุดอ่อนให้ศัตรูเล่นงานเสียได้ ตอนนี้ผู้คนต่างนินทาว่าเจ้าเป็นสตรีไร้ยางอายไปเสียแล้ว ส่วนคนที่ควรจะถูกก่นด่ากลับได้รับความเห็นใจจากทุกคน เห็นหรือยังว่าเจ้าทำพลาดสิ่งใดไป" จูหลิ่งฟางนั่งนิ่งด้วยความรู้สึกผิด ดวงตาคู่สวยปริ่มน้ำไปด้วยหยาดน้ำตา เพียงแค่นางกะพริบตาหนึ่งครา หยาดน้ำตาพลันร่วงลงมาเปื้อนใบหน้างามอย่างน่าสงสาร"ลูกรู้ตัวว่าทำผิดมหันต์ไปแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ ทว่าลูกกับจวิ้นอ๋องเราต่างรักกันด้วยใจจริงนะเจ้าคะ แม้ลูกจะพยายามตัดใจเพราะท่านอ๋องเป็นคู่หมั้นของซือเมี่ยว ทว่าใจของลูกมันไม่ยอมเชื่อฟังเลย ฮือ ๆ ลูกขออภัยเจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกมันสมควรตายที่ทำให้ตระกูลจูของเราต้องถูกสาดโคลนไปด้วย ทั้งหมดมันเป็นเพราะลูกเองเจ้าค่ะ"จูหลิ่งฟ
คำแก้ตัวของถังหนิงเฉิงหามีน้ำหนักไม่ เมื่อทุกคนล้วนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด สายตาของพวกนางมองดูจวิ้นอ๋องที่เคยน่าเคารพด้วยความผิดหวัง สิ่งที่จวิ้นอ๋องกระทำกับซือเมี่ยวถือว่าไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งคุณหนูซือเมี่ยวที่เคยร้ายกาจ ช่างน่าสงสารยิ่งนักที่มีคู่หมั้นอย่างจวิ้นอ๋อง!เรื่องในวันนี้จะต้องบอกกล่าวให้ถ้วนทั่วว่าจวิ้นอ๋องผู้เกิดในราชวงศ์ กลายเป็นบุรุษตระบัดสัตย์และทำร้ายคู่หมั้นของตน"เดี๋ยวสิ!"ถังหนิงเฉิงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก ไม่มีใครฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูดหรืออธิบายเลย ทุกคนได้ตัดสินเขาไปหมดแล้ว ตอนนี้ในสายตาของทุกคนเขาได้กลายเป็นคู่หมั้นที่แสนร้ายกาจไปเสียแล้ว!!หลายวันผ่านไปเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนตระกูลซือได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ซือเหลียงที่กลับจวนแล้วได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากพ่อบ้านพาลโกรธจวิ้นอ๋องเป็นอย่างมาก กล้าเข้ามาทำร้ายบุตรสาวของเขาถึงในจวนถือเป็นการหยามเกียรติตระกูลซือของเขาเป็นอย่างยิ่ง เห็นทีเขาจะให้ซือเมี่ยวแต่งเข้าจวนจวิ้นอ๋องไม่ได้เสียแล้ว!เช้าวันรุ่งขึ้นซือเหลียงจึงได้ถวายฎีกาฟ้องร้องจวิ้นอ๋องที่เข้ามาทำร้ายร่างกายและจิตใจบุตรสาวของตน ฮ่องเต้ที่ทรงทร