"เรื่องปกปิดความลับไม่มีปัญหา องค์รัชทายาทไม่มีทางรู้ได้อย่างแน่นอน แต่ราคาที่เจ้าเสนอมาสูงเกินไป ข้าให้เจ้าได้มากสุดหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงทอง แล้วข้ายังมีข่าวมาฝากเจ้าด้วยถือเป็นน้ำใจจากข้าผู้เป็นเจ้าของหอเฟิ่งจือ" ลู่เหวินกระตุกยิ้มมุมปาก"เรื่องอะไร... หากมีค่ามากพอข้าจะยอมลดให้ถึงหนึ่งหมื่นตำลึงทองเลย""ฮูหยินรองตระกูลซือไม่ได้ตั้งครรภ์จริง นางจ้างวานหมอที่ไว้ใจได้ให้มาหลอกลวงบิดาของเจ้าและทุกคน ข่าวนี้เพียงพอหรือไม่เล่า""ข้ารู้แล้วว่านางโกหกว่าตั้งครรภ์ ข่าวนี้ออกจะไร้ค่าเกินไปนะเจ้าคะ" ซือเมี่ยวถอนหายใจกับข่าวที่นางรู้อยู่ก่อนแล้วลู่เหวินยิ้มเย็น "แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่านางคิดจะใช้การตั้งครรภ์ของตนมาใส่ร้ายว่าเจ้าทำให้นางแท้งบุตร! ทำให้ชื่อเสียงที่เริ่มดีขึ้นของเจ้ากลับมาเหม็นโฉ่อีกครั้ง เพื่อกลบข่าวของจวิ้นอ๋องและหลานสาวจากตระกูลจู"ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงขึ้นมา นี่นางดูแคลนศัตรูมากเกินไปสินะเนี่ย "เรื่องนี้ข้าไม่รู้ นางจะลงมือเมื่อใด""เหลือหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงทอง แล้วข้าจะบอกว่าเมื่อใดพร้อมกับส่งข้อมูลของท่านหมอผู้นั้นมาให้เจ้าด้วย"ซือเมี่ยวถลึงตามองลู่เหวินด้วยความเจ็บใจ เขาไม่
บทที่ 8บอกลา จูกวางปินได้รับจดหมายตอบกลับมาจากน้องสาวก็รู้สึกดียิ่งนัก ไม่เสียแรงที่เขาเคยพร่ำสอนและลงแรงกับจูเลี่ยงหลินไปไม่น้อย หากแผนการของนางสำเร็จอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ชื่อเสียงของจูหลิ่งฟางก็จะคืนกลับมาดังเดิม ผู้คนก็จะหันไปก่นด่าซือเมี่ยวดังอย่างที่เคยเป็นมา เช่นนี้การจะผลักดันให้บุตรสาวได้เป็นพระชายาเอกก็จะง่ายดายมากขึ้นไปอีก"มีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านพ่ออารมณ์ดีเช่นนั้นหรือเจ้าคะ"จูหลิ่งฟางเดินเข้ามาในห้องหนังสือพร้อมกับถือถาดน้ำชาที่มีควันลอยกรุ่น นางนำถาดน้ำชาไปวางที่โต๊ะมุมห้องแล้วจัดการรินน้ำชาให้กับบิดาด้วยท่าทางสง่างาม "เป็นเรื่องที่ดีมากเลยล่ะ เห็นทีพ่อกับท่านอ๋องคงจะไม่ต้องลงแรงให้มากความเสียแล้ว" จูกวางปินยกยิ้มอย่างอ่อนโยน "เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นข่าวดีเจ้าค่ะ ลูกเองก็ไม่อยากให้มือของท่านพ่อต้องแปดเปื้อนเพราะเรื่องของซือเมี่ยวเช่นกันเจ้าค่ะ" "ฟางเอ๋อร์ของพ่อช่างกตัญญูนัก มานั่งนี่เร็วเข้า พ่อกำลังคิดอยา
"นี่เป็นแค่รายชื่อของสตรีในเมืองหลวงเท่านั้น ถ้าเจ้ายังไม่พอใจข้าจะหามาเพิ่มให้อีก""ไม่ต้องแล้วเจ้าค่ะ ข้าเจอคนที่ถูกใจแล้ว"ซือเมี่ยวหยิบใบรายชื่อของสตรีผู้มีนามว่า 'ฮุ่ยเจินเจิน' ออกมากางด้วยความยินดี คราแรกนางกำลังจะเปิดผ่านไปอีกคนแล้ว ทว่าเพราะสกุลฮุ่ยนี้เองที่ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคย เมื่อได้อ่านประวัติครอบครัวก็พบกับคนที่นางรู้จักเลยล่ะ คนผู้นี้คือพี่ชายของฮุ่ยเจินเจิน ผู้ที่จะทำให้ราชสำนักแคว้นถังต้องสั่นสะเทือนในภายภาคหน้า คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีน้องสาวที่ยังไม่ออกเรือน สวรรค์ช่างเป็นใจให้กับนางยิ่งนัก"คนสกุลฮุ่ยหรือ" ลู่เหวินขยับหน้าเข้ามาดูด้วย"เจ้าค่ะ ข้าขอให้ท่านสืบให้ลึกมากกว่านี้ได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าอยากรู้ว่านางกับพี่ชายมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร อะไรคือสิ่งที่พวกนางชอบและเกลียด รวมถึงญาติพี่น้องของพวกนางที่ยังหลงเหลืออยู่ด้วยเจ้าค่ะ""เข้าใจแล้ว เรื่องนี้ข้าจะให้อาจิ้นสืบต่อให้เอง""ขอบคุณเจ้าค่ะ""ซือเมี่ยว... วันพรุ่งข้าจะไม่อยู่เมืองหลวงแล้วนะ ข้ามีงานสำคัญที่ต้องเร่งไปจัดการ อาจจะไม่อยู่หนึ่งเดื
บทที่ 9สองพี่น้องตระกูลฮุ่ย เพราะถูกสามีทำท่าทางหมางเมินมาหลายวัน จูเลี่ยงหลินจึงได้หาโอกาสทำให้ความสัมพันธ์ของสามีภรรยากลับมารักใคร่กลมเกลียวกันดังเดิม โดยการทำน้ำแกงปลามาให้เขาที่ห้องหนังสือ ในวันที่เขาต้องสะสางงานจนดึกดื่น"ท่านพี่เจ้าคะ ข้าทำน้ำแกงปลามาให้เจ้าค่ะ พักทานสักหน่อยนะเจ้าคะ ตอนนี้อากาศก็เริ่มหนาวเย็นลงแล้ว" ด้วยท่าทางอันอ่อนโยนอ่อนหวานเช่นนี้เอง จึงทำให้ซือเหลียงมิอาจจะทำใจแข็งได้นานนัก อีกทั้งเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางโดยตรงด้วย"ขอบใจเจ้ามาก นี่มันก็ดึกมากแล้วเจ้ารีบไปเข้านอนเถิด" สายตาของเขามองไปทางหน้าท้องของนาง"ท่านพี่... ข้ารู้ว่าหลานสาวของข้านั้นทำผิดมหันต์ที่เข้าไปแทรกกลางความสัมพันธ์ของเมี่ยวเอ๋อร์ ทว่าตัวนางก็ยังเด็กนักทั้งยังถูกจวิ้นอ๋องล่อลวงด้วยคำว่ารัก มิแปลกที่สตรีอายุน้อยเช่นนางจะทำเรื่องสิ้นคิดไปบ้าง แต่ข้ารู้มาว่าตอนนี้นางกำลังตัดใจจากจวิ้นอ๋องแล้วนะเจ้าคะ เพียงแต่... ท่านอ๋องมิยอมปล่อยนางไป"
จวนสกุลจางทันทีที่โฉมสะคราญอย่างซือเมี่ยวเข้าไปนั่งยังห้องโถงก็ดูคับแคบไปถนัดตา ภายในห้องยังมีหนึ่งสตรีและสองบุรุษที่อายุมากกว่านางนั่งอยู่ด้วย ทั้งสามลุกขึ้นยืนทำความเคารพนางด้วยความนอบน้อม"คารวะคุณหนูใหญ่ซือขอรับ/เจ้าค่ะ""พวกท่านไม่ต้องมากพิธีไปหรอก อีกเดี๋ยวเราก็จะเป็นคนกันเองกันแล้ว"ซือเมี่ยวนั่งลงบนเก้าอี้ที่เว้นวางเอาไว้ พลางหันไปมองสตรีผู้นั้นอย่างพิจารณา นางมีรูปโฉมมิธรรมดาเลย ดวงหน้าหวานหยาดเยิ้มทว่ามีความดื้อรั้นอยู่ในตัวจากดวงตาคู่นั้น ผิวกายเนียนละเอียดทว่าคล้ำไปสักหน่อย หากขัดตัวเสียนิดบำรุงผิวเสียหน่อยก็คงจะดูดีไม่น้อย โดยรวมนับว่าสามารถต้องตาต้องใจของบุรุษได้ง่าย"เนื้อความในจดหมายที่คุณหนูให้คนส่งมานั้น คุณหนูคิดเช่นนั้นจริง ๆ หรือขอรับ"'ฮุ่ยเหอหมิง' บัณฑิตหนุ่มที่อายุมากกว่านางห้าปีเอ่ยขึ้นด้วยความคลางแคลงใจ ในขณะอีกสองคนที่เหลือก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย"นั่นสิขอรับ คราแรกที่ข้าได้อ่านจดหมายก็ตกใจจนทำสิ่งใดไม่ถูก ทั้งคุณหนูยังใช้จวนของข้าเป็นที่นัดพบกับอาหมิงหลานชายของข้าด้วย"
บทที่ 10ข้อตกลง ฮุ่ยเหอหมิงมองหน้าน้องสาวอย่างไม่อยากจะเชื่อว่านางจะตอบตกลงทำตามคำขอของซือเมี่ยว ในสายตาของเขามีความผิดหวังพาดผ่านที่แววตาคู่คม... อะไรทำให้น้องสาวที่น่ารักของเขาเปลี่ยนไปได้กัน"พี่ใหญ่ ท่านอาจจะผิดหวังที่ข้าตัดสินใจเช่นนี้ แต่ข้าคิดดีแล้วเจ้าค่ะ ในใต้หล้านี้ทุกอย่างล้วนต้องมีเงินและอำนาจ ตัวท่านเองที่ไร้ตระกูลใหญ่หนุนหลังแม้จะรอบรู้เพียงใดแต่ก็มิอาจสอบได้ตำแหน่งดี ๆ ที่ผ่านมาตัวท่านเองก็รับรู้มาโดยตลอดมิใช่หรือเจ้าคะ กี่ครั้งแล้วที่ท่านต้องผิดหวังเพียงเพราะสกุลฮุ่ยของเรามิใช่ตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจ"" เจินเจิน... พี่มันไร้ความสามารถเอง จนทำให้เจ้าต้องลำบากทั้งกายและใจถึงเพียงนี้ แต่พี่กลับคิดว่าคุณหนูซือคงไม่มอบผลประโยชน์ถึงเพียงนี้ให้พวกเราสองพี่น้องเปล่า ๆ หรอก" ฮุ่ยเหอหมิงหันไปมองหน้าซือเมี่ยว "ใช่หรือไม่ขอรับคุณหนูซือ""เจ้าเข้าใจได้ถูกต้องแล้ว น้องสาวของเจ้าจะต้องขับเคี่ยวกับจูเลี่ยงหลินเพื่อแย่งความโปรดปรานจากบิดาของข้า แต่ไม่ต้องเป็นห่ว
หลายวันผ่านไปจูเลี่ยงหลินส่งคนมาเชิญซือเมี่ยวให้ไปร่วมดื่มน้ำชาด้วยกันที่ศาลาในสวน ทว่ามิได้มีเพียงแค่พวกนาง แต่จูเลี่ยงหลินยังเชิญฮูหยินจากตระกูลใหญ่ที่เคยได้พูดคุยกันอย่างสนิทสนมมาด้วย สามีของพวกนางคือรองเสนาบดีกรมยุติธรรมและเสนาบดีกรมพิธีการผู้คุ้นเคยกับจูกวางปิน"คารวะแม่รองและฮูหยินทั้งสองเจ้าค่ะ เมี่ยวเอ๋อร์มิรู้ว่าวันนี้ที่จวนจะจัดงานเลี้ยงน้ำชาเล็ก ๆ ด้วย จึงมิได้ออกมาต้อนรับฮูหยินทั้งสองให้ดี ต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ""คุณหนูใหญ่ซือกล่าวหนักเกินไปแล้ว พวกเราก็แค่มาดื่มชากับถามสารทุกข์สุกดิบกันเท่านั้นเอง คุณหนูใหญ่มิต้องมากพิธีไปหรอก"เจิ้งฮูหยินผู้มีสามีเป็นถึงเสนาบดีกรมยุติธรรมเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน ตัวนางเป็นสตรีที่มากด้วยชื่อเสียงอันดีงาม วันนี้ที่มาเยือนจวนตระกูลซือก็เพราะสามีต้องการให้มาทำความคุ้นเคยกับจูเลี่ยงหลินเอาไว้ แม้ตัวนางจะมิค่อยชมชอบสตรีผู้นี้นักแต่ก็ยอมทำตาม"คุณหนูใหญ่ซือช่างงดงามถึงเพียงนี้ แต่ทำไมจวิ้นอ๋องถึงได้มิสนใจกันนะ?"อู๋ฮูหยินผู้ปากไวเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเยาะ ตัวนางสนิทสนมกับจูเลี่ยงหลิน
บทที่ 11งิ้วของแม่รอง ซือเมี่ยวหายไปไม่นานนักนางก็กลับเข้ามาพร้อมกับน้ำผลไม้จากผลจวี่จือ นางเดินไปนั่งยังศาลาแล้วสั่งให้มิ่งจูนำน้ำส้มคั้นที่ทำเองไปวางไว้ตรงหน้าของฮูหยินทั้งสองรวมถึงแม่รองของนางด้วย "นี่คือน้ำส้มคั้นที่ข้าทำด้วยตัวเองเลยเจ้าค่ะ ข้าใส่เกลือลงไปเล็กน้อยเพื่อตัดรสหวานอมเปรี้ยว ทุกท่านลองดื่มดูสิเจ้าคะว่ารสชาติถูกปากหรือไม่"จูเลี่ยงหลินมองดูน้ำส้มคั้นที่เป็นสีส้มน่าทานพลันกลืนน้ำลายลงคอ นางหยิบถ้วยน้ำส้มคั้นขึ้นมาดื่ม ก่อนจะตาโตด้วยความแปลกใหม่ของรสชาติที่ได้ลิ้มรสนี้ "รสชาติดี" จูเลี่ยงหลินเอ่ยตอบน้ำเสียงอ้อมแอ้ม ไม่อยากจะยอมรับว่าน้ำส้มคั้นนี่ถูกใจนางยิ่งนัก ดื่มแล้วทำให้รู้สึกสดชื่นแล้วยังเป็นรสชาติที่ถูกปากนางเสียได้อู๋ฮูหยินที่ไม่ชอบหน้าซือเมี่ยวยังต้องเอ่ยชมเช่นกัน "น้ำส้มคั้นนี่รสชาติดียิ่งนัก หากข้าอยากจะขอสูตรน้ำส้มคั้นนี่คุณหนูซือจะว่าอย่างไร" ซือเมี่ยวอมยิ้ม อู๋ฮูหยินผู้น
ตอนพิเศษ 7ความซุกซนของเด็กน้อย "เสด็จพ่อทรงวิ่งเร็ว ๆ สิพ่ะย่ะค่ะ ลูกอยากไปหาเสด็จแม่เร็ว ๆ แล้วพ่ะย่ะค่ะ"'เซี่ยหยางหลง' องค์ชายใหญ่ผู้เป็นแฝดพี่เอ่ยเร่งเร้าพระราชบิดา ขณะที่ตัวเขาวิ่งนำหน้าไปก่อนเป็นคนแรก โดยมี 'เซี่ยหยางเฟิ่ง' องค์หญิงใหญ่ผู้เป็นแฝดน้องจับชายอาภรณ์ของเซี่ยลู่เหวินเดินตามมาไม่ห่าง เหตุเพราะพวกเขาเดินมาอย่างเชื่องช้าเพราะในอ้อมแขนซ้ายขวาของเซี่ยลู่เหวินนั้นได้อุ้ม 'เซี่ยหยางเหวิน' องค์ชายรองผู้เป็นแฝดผู้พี่ กับ 'เซี่ยหยางเจี้ยน' องค์ชายสามผู้เป็นแฝดผู้น้องผู้ใดจะคาดคิดว่าซือเมี่ยวให้กำเนิดฝาแฝดถึงสองคู่ โดยคู่แรกคือคู่หงส์มังกรส่วนคู่ที่สองคือคู่มังกร อายุของฝาแฝดทั้งสองคู่ห่างกันเพียงหนึ่งปีเท่านั้น!"พวกเจ้าช้า ๆ หน่อยเถิด พ่อยังอุ้มอาเหวินกับอาเจี้ยนจะให้ไปเร็วได้อย่างไร" เซี่ยลู่เหวินเอ่ยตอบบุตรชายคนโตด้วยความเหนื่อยใจ กายสูงรู้สึกเหนื่อยหอบยิ่งนัก เพราะต้องอุ้มเจ้าก้อนแป้งที่ตัวหนักจนแขนของเขาแทบจะหลุด และจะไม่อุ้ม
ตอนพิเศษ 6พร้อมหน้าพร้อมตา วันเวลาผ่านไปซือเมี่ยวก็ได้ให้กำเนิดคู่หงส์มังกรแก่เซี่ยลู่เหวินซึ่งหาได้ยากยิ่ง ทว่านางกลับสามารถให้กำเนิดเด็กที่สวรรค์ประทานให้มาอย่างง่ายดาย การคลอดก็แสนจะราบรื่น แม้นางจะเจ็บปวดเหมือนกับร่างกำลังจะแตกสลาย ทว่าความเจ็บนี้คงอยู่ไม่นานนัก เมื่อได้เห็นหน้าเจ้าก้อนแป้งทั้งสองก็ลืมความเจ็บปวดไปเสียสิ้น คงเหลือไว้เพียงความดีใจเท่านั้น..."ยินดีกับฝ่าบาทด้วยเพคะ ฮองเฮาทรงให้กำเนิดองค์ชายน้อยและองค์หญิงน้อยเพคะ เป็นคู่หงส์มังกรที่สวรรค์ประทานให้เพคะ" รั่วรั่วกับมิ่งจูอุ้มทารกที่อยู่ในผ้าแพรสีแดงไปตรงหน้าของเซี่ยลู่เหวิน การรอคอยที่แสนทรมานได้สิ้นสุดลงเสียที เขาต้องยืนรอนางอยู่หน้าห้องคลอดโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ความกังวลที่มีพลันมลายหายไปสิ้น เมื่อได้พบหน้าของเจ้าก้อนแป้งทั้งสองที่เขาเฝ้ารอมาอย่างยาวนาน"อ่า... นี่ข้าได้ลูกแฝดชายหญิงเลยหรือนี่" เซี่ยลู่เหวินอุทานออกมาด้วยความตกใจและดีใจ คราแรกเขายังคิดว่าอาจจะได
ตอนพิเศษ 5เจ้าก้อนแป้งมาแล้ว ผลสุดท้ายก็ไม่มีผู้ใดผ่านการคัดเลือกเป็นพระสนมเลยสักคนเดียว นั่นจึงทำให้เหล่าขุนนางต่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทั้งยังต้องอับอายเมื่อบุตรสาวที่เลี้ยงดูมาอย่างดียังต้องถูกลงโทษโบย 60 ไม้ และต้องสูญเงินอีกกว่า 60,000 ตำลึงทองเลย "ฝ่าบาท นี่มันไม่ยุติธรรมนะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรก็ต้องเลือกพวกนางหนึ่งในเก้าคนขึ้นมาเป็นพระสนมนะพ่ะย่ะค่ะ" แม่ทัพหลี่เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจนัก"ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งการที่ต้องไปช่วยดูแลคนป่วยนั้นเป็นหน้าที่ของบ่าวรับใช้นะพ่ะย่ะค่ะ หาใช่หน้าที่ของพระสนมไม่ ขอฝ่าบาททรงไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ" มู่จื้อหยางรีบเอ่ยขึ้นทันที"อย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าพวกนางทำไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้ ดูอย่างฮองเฮาสิ ทุกวันนี้นางยังอยู่ที่เมืองจิงเพื่อเฝ้าดูแลผู้ป่วยอยู่เลย ทั้งนางยังเป็นคนออกความคิดเรื่องการดูแลผู้ป่วย ทำให้ตอนนี้สามารถควบคุมโรคระบาดเอาไว้ได้ เจ้าลองบอกกับข้าสิว่าพวกนางนั้นคู่ควรที่จะมาเป็นพระสนมของข้าหรือไ
ตอนพิเศษ 4ผู้ชนะ ด่านที่สองจัดขึ้นในสามวันให้หลัง โดยให้แต่ละคนแสดงความสามารถของศิลปะทั้ง 4 ออกมา เริ่มจากการดีดฉิน หมากล้อม เขียนอักษร และวาดภาพ พวกนางจะต้องทำได้ดีทั้ง 4 อย่าง หากพลาดเพียงนิดจะถูกคัดให้ออกทันที โดยครั้งนี้มีสตรีที่ผ่านด่านที่สองทั้งหมด 20 นาง "คุณหนูที่ไม่ผ่านด่านทดสอบเชิญก้าวออกมาข้างหน้าด้วยเจ้าค่ะ" มิ่งจูเอ่ยขึ้นหลังจากประกาศผลแล้ว"..." สตรีทั้งสอบก้าวออกมาด้านหน้าด้วยความอับอาย พวกนางพลาดเพียงนิดเดียวก็ถูกคัดออกโดยไม่มีโอกาสแก้ตัวเลย ช่างน่าเจ็บใจนัก"คุณหนูที่ถูกคัดออกจะต้องโทษโบยคนละ 40 ไม้ และจ่ายค่าด่านทดสอบ 2 ด่านรวมเป็น 20,000 ตำลึงทองเจ้าค่ะ""ว่าอย่างไรนะ! มิใช่แค่โดนลงโทษโบย 20 ไม้และเงินอีก 10,000 ตำลึงทองหรือ เหตุใดถึงเพิ่มเป็นเท่าตัวเช่นนี้เล่า"มิ่งจูหันไปยิ้มหวานให้กับบุตรีของท่านรองเสนาบดี "เรียนคุณหนูท่านนี้ โทษโบยจะถูกเพิ่มด่านละ 20 ไม้เจ้าค่ะ เช่นเดียวกับการท
ตอนพิเศษ 3การทดสอบด่านแรก เพียงประโยคเดียวของซือเมี่ยวก็ได้สร้างคลื่นลมให้กับราชสำนักแล้ว หลังจากเซี่ยลู่เหวินจากไปเขาก็ได้นำคำพูดของซือเมี่ยวไปขบคิด ก่อนจะรู้สึกเห็นด้วยกับนางที่อยากจะจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อยเสียก่อนถึงจะยอมมีบุตรชายหญิงได้ เมื่อนี่เป็นความต้องการของนางเขาย่อมไม่คัดค้าน มีแต่จะสนับสนุนเพื่อให้นางมั่นใจแล้วยอมตั้งครรภ์ลูกในท้องของเขาเสียที"เจ้าจงนำสารลับนี้ส่งไปยังเมืองชายแดนทันที" เซี่ยลู่เหวินเขียนจดหมายสำคัญให้ไปส่งเว่ยหมิงจิ้นที่อยู่ชายแดนที่อยู่ติดกับแคว้นซ่ง เวลานี้เขากับถังหนิงหลงได้ร่วมมือกันที่จะตีแคว้นซ่งแล้ว รอเพียงไม่นานจะต้องเอาชัยเหนือแคว้นซ่งเป็นแน่ "พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" ขันทีข้างกายน้อมรับคำสั่ง"แล้วก็ไปบอกกับจงเหยาด้วยว่าข้าให้ซื้อปืนยาวไฟของพวกตาสีฟ้า มีเท่าไหร่ก็ซื้อทั้งหมดแล้วส่งไปให้แม่ทัพเว่ย การศึกครั้งนี้เห็นทีจะต้องพึ่งปืนไฟพวกนี้เสียแล้ว""แต่ปืนไฟพวกนี้มีราคาแพงมากเลยไม่ใช่ห
ตอนพิเศษ 2การแข่งขันของสาวงาม จวนตระกูลเป็นมู่จื้อหยางรีบนำข่าวดีนี้มาบอกบุตรสาวด้วยความยินดียิ่ง ในที่สุดฝ่าบาทก็มิอาจขัดความต้องการของเหล่าขุนนางได้ แม้ในราชโองการจะมีข้อบังคับหลายประการ อีกทั้งพระสนมที่จะถูกแต่งตั้งก็เป็นเพียงพระสนมขั้นผิน หาใช่ขั้นเฟยที่เขาต้องการให้บุตรสาวไม่ ทว่านี่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีแล้ว เขาเชื่อว่าเมื่อฝ่าบาทได้ยลโฉมบุตรสาวอีกครั้งจะต้องหลงใหลนางอย่างแน่นอน และอาจจะมากกว่าฮองเฮาผู้เป็นคนต่างแคว้นนั่นด้วย!"เมิ่งเอ๋อร์ ในที่สุดฝ่าบาทก็มีราชโองการรับพระสนมเข้าวังแล้ว เจ้าจะต้องแย่งชิงตำแหน่งนั้นมาให้จงได้ เข้าใจหรือไม่""ท่านพ่อโปรดวางใจ ครั้งนี้ข้าจะไม่ให้ฝ่าบาทหลุดมือข้าไปอีกเป็นครั้งที่สอง และตำแหน่งฮองเฮาของแผ่นดินจะต้องเป็นของข้าเจ้าค่ะ" 'มู่ซูเมิ่ง' บุตรีเพียงคนเดียวของมู่จื้อหยางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม ครั้งนั้นนางพลาดตำแหน่งฮองเฮาไปเพราะฝ่าบาทยังไม่เคยพบหน้านางเลยสักครั้ง นางไม่เชื่อหรอกว่าด้วยรูปโฉมและความสาม
ตอนพิเศษ 1ขอแค่ครั้งเดียว ตั้งแต่ซือเมี่ยวได้ขึ้นเป็นฮองเฮาช่วยปกครองแคว้นเซี่ยร่วมกับเซี่ยลู่เหวิน ที่ผ่านมานางก็ตั้งใจศึกษางานและทำทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ทั้งช่วยเหลือชาวประชา นำความรู้ที่เคยได้รับเมื่อชีวิตครั้งก่อนมาปรับใช้กับคนที่นี่ ทำให้คนแคว้นเซี่ยมีความเป็นอยู่ที่ดีมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ราษฎร์ต่างแซ่ซ้องสรรเสริญว่าฮองเฮาทรงเป็นสตรีที่มากด้วยปัญญา เหมาะสมกับฮ่องเต้กับพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง ทว่าจะมีเพียงแค่หนึ่งเรื่องที่ขุนนางในราชสำนักมิอาจปล่อยวางได้ นั่นก็คือการที่ฮ่องเต้ของพวกเขาไม่ยอมรับพระสนมเข้าสู่วังหลังเลย นี่ถือเป็นเรื่องที่พวกเขามิอาจยอมรับได้โดยง่าย แม้จะยำเกรงในอำนาจของเซี่ยลู่เหวิน แต่เพราะต้องการผลประโยชน์เช่นกันพวกเขาจึงได้ยื่นฎีกาเรื่องรับพระสนมในเช้าวันนี้"นี่มันเรื่องอะไรกัน! พวกเจ้าไม่คิดจะห่วงใยราษฎร์รายงานเรื่องโรคระบาดในทิศทักษิณ และเรื่องการรบของแคว้นซ่งบ้างเลยหรือ" เซี่ยลู่เหวินโยนฎีกาฉบับนั้นทิ้งลงพื้นด้วยความกริ้ว เขาเบ
บทส่งท้าย หลังจากทั้งคู่พากันเสร็จสมไปแล้วครั้งแรก เซี่ยลู่เหวินก็ได้อุ้มซือเมี่ยวที่หมดแรงจากการควบขี่เขาไปวางบนโต๊ะกลางห้อง เนื่องจากเตียงหักเสียแล้วมิอาจใช้นอนได้อีก เขาเดินไปหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาปกปิดร่างกายของนางและตนเอง ก่อนจะเดินออกไปสั่งให้คนเตรียมห้องให้เขาใหม่ เว่ยหมิงจิ้นและมิ่งจูต่างพากันสงสัย แต่ก็ทำตามคำสั่งของเจ้านายแต่โดยดี ทว่าเมื่อพวกเขาเข้ามายังในห้องกลับต้องพบกับความตกใจ องค์รัชทายาทช่างรุนแรงกับพระชายายิ่งนัก ค่ำคืนแรกยังหนักหน่วงถึงเพียงนี้เลยหรือนี่..."อื้อ... ท่านพี่ ยังไม่พออีกหรือเจ้าคะ"เมื่อย้ายมาห้องใหม่แล้ว เซี่ยลู่เหวินก็ยังเข้ามาคลอเคลียนางไม่ห่าง ริมฝีปากร้อนลวกจูบเม้มไปตามแผ่นหลังเล็กของซือเมี่ยว"พี่ขออีกสักครั้งนะเมี่ยวเมี่ยว เจ้าลองจับดูสิ" เซี่ยลู่เหวินจับมือเล็กของนางให้ไปกอบกุมแท่งหยกของตน ที่เวลานี้ได้ขยายใหญ่จนแม้แต่นางก็ยังกำไม่รอบเลย บ่งบอกได้ว่าตอนนี้เขามีอารมณ์อย่างมาก อยากจะกลืนกินนางอีกแล้ว
"อ่า..."จูบของเซี่ยลู่เหวินนั้นร้อนแรงมาก เขาจูบนางอย่างเนิ่นนานก่อนจะเริ่มขยับสะโพกสอบอย่างช้า ๆ เพื่อให้นางคุ้นชินกับความใหญ่โตของเขา กายแกร่งแตะครูดไปที่ผนังเนื้ออ่อนนุ่มด้านในอย่างแนบแน่น"อื้อ... ท่านพี่ อึก! ข้าจุกเจ้าค่ะ""อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะคุ้นชินแล้วล่ะเมี่ยวเมี่ยว"เซี่ยลู่เหวินเอ่ยปลอบหญิงสาวที่มีใบหน้าบิดเบี้ยวจากความเจ็บและจุก ก่อนที่เขาจะเร่งจังหวะเร็วขึ้นทีละนิด ในตอนนี้ตัวเขาเองก็รู้สึกปวดหนึบเช่นกัน ภายในของนางช่างคับแน่นยิ่ง ทำเอาเขาแทบจะหายใจไม่ออก พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่โหมกระหน่ำเข้าไปในกายของนาง หากทำเช่นนั้นนางคงเจ็บปวดน่าดู"อ๊ะ อ๊ะ อ๊า"เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชิน ความรู้สึกเสียวซ่านก็เข้ามาแทนที่ความเจ็บปวดนั้น ซือเมี่ยวร้องครวญครางออกมาอย่างมีความสุข กายสาวโยกคลอนไปตามการขยับของคนบนร่าง กลีบดอกไม้งามเบื้องล่างรัดรึงเข้าหาท่อนลำขนาดใหญ่ของเซี่ยลู่เหวิน สะโพกมนโยกขยับไปตามการชักจูงของเขาอย่างไม่ยอมแพ้ บทรักของพวกเขาจึงยิ่งทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ"อ๊า... ซี๊ด เจ้ารัดพี่แน่นเหลือเกิน"