บทที่ 2
นายท่านแห่งหอเฟิ่งจือ
ซือเมี่ยวเดินทางมาที่หอเฟิ่งจือพร้อมกับมิ่งจู ทั้งสองใช้ผ้าคลุมหน้าปิดบังใบหน้าของตนเพื่อไม่ให้ผู้ใดจำได้ ด้วยเรื่องที่จะมาพูดคุยกับนายท่านหอเฟิ่งจือคือเรื่องที่สำคัญมาก มิควรให้คนนอกพบเห็นการมาเยือนของนางผู้เป็นถึงบุตรีคนโตของท่านเสนาบดีกรมคลัง
"นัดไว้แล้ว"
มิ่งจูชูป้ายไม้ที่คนของหอเฟิ่งจือให้นางเมื่อครั้งก่อน คนดูแลรับมาดูก่อนจะเชิญพวกนางทั้งสองไปยังห้องชั้นบน อันเป็นสถานที่ที่สงวนไว้ให้กับแขกสูงศักดิ์ของนายท่านแห่งหอเฟิ่งจือ
ซือเมี่ยวกวาดตามองโดยรอบอย่างพิจารณา ในนิยายที่นางอ่านมิได้บอกถึงตัวตนของเจ้าของหอเฟิ่งจือ เขาเป็นแค่ตัวประกอบที่ช่วยให้จวิ้นอ๋องกับองค์รัชทายาทเอาชนะชินอ๋องผู้เป็นตัวร้ายได้ ไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นผู้ใดกันแน่
"ถึงแล้วขอรับ อีกสักครู่ข้าน้อยจะไปเชิญนายท่านให้มาพบขอรับ"
"ขอบใจเจ้ามาก" มิ่งจูยื่นก้อนตำลึงเงินให้บุรุษผู้นั้น
ซือเมี่ยวนั่งลงบนเก้าอี้ที่บุนวมอย่างดี ในขณะที่มิ่งจูยืนอยู่ทางด้านหลัง นางกวาดสายตามองการตกแต่งห้องที่ดูเรียบง่าย ทว่าข้าวของทุกชิ้นล้วนเป็นของที่มีราคาแพงทั้งสิ้น ผิดกับห้องของนางที่ตกแต่งอย่างไร้รสนิยม ใช้แต่เครื่องเงินเครื่องทองราวกับเป็นร้านขายของเช่นนั้นแหละ ไม่ได้การนางควรตกแต่งห้องเสียใหม่
ผลัวะ!
บานประตูถูกผลักออกพร้อมกับเงาร่างบุรุษที่ก้าวเข้ามาในห้อง เขาเป็นบุรุษที่มีร่างกายสูงใหญ่กำยำเป็นอย่างมาก กลิ่นอายที่แผ่ออกมามิใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมีได้เลย ทว่าใบหน้ากลับมีหน้ากากสีเงินปิดบังเอาไว้ เผยให้เห็นดวงตาคมดุและริมฝีปากหยักหนาเท่านั้น
"ขออภัยที่ให้รอนาน" น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ให้ความรู้สึกถึงความน่ายำเกรงดังขึ้นจากร่างสูง
"ไม่เป็นไร... มิ่งจูเจ้าออกไปรอข้าข้างนอกก่อน"
"เจ้าค่ะ"
คล้อยหลังที่มิ่งจูเดินจากไป ซือเมี่ยวจึงได้ถอดผ้าคลุมหน้าของตนออก ก่อนจะหันไปมองบุรุษตรงหน้าที่มีท่าทางเรียบเฉยเมื่อได้ยลโฉมนาง
"ท่านคือนายท่านแห่งหอเฟิ่งจือใช่หรือไม่"
"ใช่ เป็นข้าเอง"
คิ้วเล็กเลิกขึ้นอย่างมีคำถาม แค่เขาบอกว่าใช่นางก็จำเป็นต้องเชื่อหรือ "มีอะไรมายืนยันตัวตน"
บุรุษผู้นั้นเหยียดยิ้มมุมปาก ก่อนจะหยิบป้ายหยกแดงประจำตัวยื่นให้นาง "หวังว่าสิ่งนี้จะทำให้คุณหนูใหญ่ซือมั่นใจว่าข้าคือลู่เหวิน หาใช่ตัวปลอมไม่"
ซือเมี่ยวยกยิ้มบาง นางพลิกป้ายหยกแดงดูก่อนจะรู้ว่านี่เป็นหยกแดงที่มีราคาแพงมาก ดูจากความกระจ่างใสของเนื้อหยกสีแดงแวววาวก็บ่งบอกได้ว่านี่คือของจริง
"เอาล่ะ ในเมื่อท่านคือนายท่านลู่ตัวจริง เช่นนั้นข้าก็จะมาเจรจาเรื่องสำคัญที่ให้สาวใช้มาแจ้งแก่ท่าน ข้ามีข่าวอันสำคัญที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อหอเฟิ่งจือของท่านมิมากก็น้อยเลยล่ะ"
'ลู่เหวิน' นายท่านแห่งหอเฟิ่งจือพินิจสตรีตรงหน้าด้วยความสนใจ จากข้อมูลที่เขาได้รับมา นางเป็นเพียงคุณหนูในห้องหอที่เป็นคู่หมั้นของจวิ้นอ๋อง แล้วสตรีเช่นนางจะล่วงรู้ข่าวสำคัญได้อย่างไร หรือว่าจะเป็นข่าวที่มาจากบิดาของนางกัน
"เช่นนั้นคุณหนูก็ลองบอกข่าวของท่านมาก่อนสิ แล้วข้าจะตัดสินใจเองว่าจะมีประโยชน์ต่อข้าหรือไม่"
ซือเมี่ยวผุดยิ้มบางก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้เขา "ชินอ๋องแห่งแคว้นถังทรงเป็นหมัน!"
เปรี้ยง!
ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมาใส่ศีรษะของลู่เหวิน แววตาที่เรียบนิ่งพลันสั่นไหวด้วยความตกใจ ก่อนจะมองดวงหน้าหวานที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมด้วยความสงสัย นางรู้ได้อย่างไร... นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่อาจจะสั่นคลอนตำแหน่งของชินอ๋องได้เลย
"ข้าจะเชื่อข่าวของท่านได้อย่างไร นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย แม้ชินอ๋องจะยังไม่มีพระชายาแต่ก็มีอนุมากมายในเรือนหลัง หากตรงส่วนนั้น... เอ่อใช้การไม่ได้จริง ๆ ก็น่าจะมีข่าวลือออกมาแล้วสิ" ลู่เหวินไม่เชื่อในคำพูดของซือเมี่ยว
"ข้าไม่ได้บอกว่าใช้งานไม่ได้ แต่ข้าบอกว่าเป็นหมันที่ไม่สามารถผลิตน้ำเชื้อที่ทำให้มีทายาทได้ต่างหากเล่า!" ซือเมี่ยวเอ่ยออกมาด้วยความอ่อนใจ
"แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นเรื่องจริง มิใช่ข่าวลวงที่คุณหนูจงใจสร้างขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ของตนเองหรอกหรือ""นายท่านลู่ก็สืบเอาเองสิเจ้าคะว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ" นางยักไหล่ราวกับไม่สนใจ"ได้! ข้าจะส่งคนไปสืบเรื่องนี้ ถ้านี่เป็นเรื่องที่คุณหนูโป้ปดขึ้นมาเองก็ขอให้เตรียมตัวรับผลที่จะตามมาด้วยเล่า"ลู่เหวินเอ่ยขู่สตรีตรงหน้า ทว่าในแววตาของนางกลับไม่ได้สั่นไหวเพราะคำขู่ของเขาเลยแม้แต่น้อย นี่ยิ่งทำให้ลู่เหวินรู้สึกว่านางอาจจะพูดจริงก็เป็นได้"แต่ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง นายท่านลู่ก็ต้องจ่ายค่าข่าวมาให้ข้าหนึ่งแสนตำลึงทองพร้อมกับช่วยเหลือข้าเล็ก ๆ น้อยด้วยนะเจ้าคะ""คุณหนูไม่คิดว่ามันมากเกินไปหน่อยหรือ"ลู่เหวินคิ้วกระตุกที่ได้ยินจำนวนเงินมากมายถึงเพียงนี้ ซือเมี่ยวผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย ช่างหน้าเลือดมิต่างจากบิดาผู้เป็นเสนาบดีกรมคลัง"ไม่มากเกินไปหรอก เพราะข้ายังจะแถมที่ซ่อนคลังอาวุธของชินอ๋องให้ท่านด้วย"ซือเมี่ยวยักคิ้วให้กับลู่เหวิน นางเป็นถึงคนที่เคยอ่านนิยายมาเลยนะ เรื่องสำคัญเช่นนี้จะไม่รู้ได้อย่างไรกันเล่า"ว่าอย่างไรนะ!"ลู่เหวินที่เคยสุขุมพลันยินดีจนกักเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่มิด
บทที่ 3คนโปรดของฮองเฮาเพียงไม่นานข่าวลือก็แพร่สะบัดออกไปเป็นวงกว้าง จวนตระกูลซือมีเทียบเชิญส่งมาไม่ขาดสาย ฮูหยินตระกูลใหญ่ที่มองการณ์ไกลก็เริ่มส่งของขวัญมาแสดงความยินดีให้กับจูเลี่ยงหลิน นั่นยิ่งทำให้นางเชิดหน้าชูคอขึ้นไปอีก ทำให้เวลานี้นางไม่ค่อยสนใจซือเมี่ยวผู้เป็นลูกเลี้ยงอีกต่อไป เพราะต้องมาสนใจกับการตอบจดหมายและตรวจนับของขวัญอันล้ำค่านี้แทนซือเมี่ยวขังตัวเองอยู่แต่ในเรือนเพื่อรอเวลา นางกำลังเฝ้ารอให้ลู่เหวินติดต่อกลับมาเพื่อจะได้เริ่มแผนการขึ้นต่อไป แม้ไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นใคร ทว่าจากในนิยายที่นางเคยอ่านนั้นเขาคงเป็นผู้ที่มีอำนาจมากเป็นแน่ ดูได้จากความเกรงใจที่องค์รัชทายาทมีต่อเขาในฐานะนายท่านลู่เหวิน เช่นนี้การผูกมิตรกับเขาย่อมดีกว่าการเป็นศัตรู!"คุณหนูเจ้าคะ มีจดหมายจากนายท่านลู่เหวินเจ้าค่ะ" มิ่งจูที่ไปตลาดได้พบกับคนของหอเฟิ่งจือ"ขอบใจเจ้ามาก"มือเรียวบางหยิบจดหมายที่ถูกปิดผนึกอย่างดีขึ้นมาอ่าน เนื้อความในจดหมายทำให้รอยยิ้มหวานผุดขึ้นมุมปากเล็ก ดวงตาคู่สวยเป็นประกายวาววับด้วยความพึงพอใจ'ทุกเรื่องที่คุณหนูกล่าวล้วนเป็นเรื่องจริง ข้าจะขอนัดพบคุณหนูอีกสักครั้งไ
ตำหนักคุณหนิงซือเมี่ยวก้าวเข้ามายังศาลาขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ภายในศาลามีสตรีสูงศักดิ์ผู้สวมอาภรณ์สีแดงสดเดินดิ้นด้วยด้ายทองคำปักลายพญาหงส์ นิ้วเรียวยาวสวมปลอกเล็บทองอย่างวิจิตรงดงาม สตรีผู้นี้คือมารดาแห่งแผ่นดินผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งวังหลัง แม้พระชนมายุจะล่วงเข้าสู่ 40 พรรษา ทว่ายังคงความงดงามดั่งสตรีแรกแย้มมิแปรเปลี่ยน"ซือเมี่ยวถวายพระพรฮองเฮาเพคะ ขอฮองเฮาทรงพระเจริญพันปี พัน พันปีเพคะ"ซือเมี่ยวยอบกายคารวะมารดาแห่งแผ่นดินด้วยความนอบน้อม สตรีผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่ประดับด้วยอัญมณีหลากสีทรงพระสรวลออกมาด้วยความเอื้อเอ็นดู ก่อนจะโบกพระหัตถ์อนุญาตให้ซือเมี่ยวลุกขึ้นยืนได้"ไยต้องมากพิธีด้วยเล่า รีบลุกมานั่งข้างข้าเร็วเข้า"'สวีฮุ่ยเหมย' ผู้เป็นฮองเฮาเคียงบัลลังก์ของฮ่องเต้ ทรงทอดพระเนตรซือเมี่ยวบุตรีของสหายสนิทด้วยความเอ็นดู พระนางมองดูซือเมี่ยวที่ดูผิดแปลกไปด้วยความสนพระทัย ทั้งการแต่งกายและกิริยามารยาทดูรู้ความกว่าครั้งก่อนที่พบหน้ากันเสียอีก"ขอบพระทัยฮองเฮาเพคะ""ที่ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่วันนี้ก็เพราะไปได้ยินข่าวลือจากด้านนอกมาหนาหูเหลือเกิน รวมถึงเรื่องของจวิ้นอ๋อง
บทที่ 4เกรี้ยวกราดสวีฮองเฮานิ่งไปนานเมื่อได้ฟังความในใจของซือเมี่ยว คราแรกพระนางรู้สึกราวกับสตรีที่พูดคุยอยู่ตรงหน้านี้หาใช่ซือเมี่ยวที่พระนางคุ้นเคยไม่ แต่กลับเป็นคนอื่นที่พระนางไม่เคยรู้จักเลย ทว่ามันจะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไรกันเล่า"การเปลี่ยนตัวคู่หมั้นที่ฝ่าบาททรงเลือกด้วยพระองค์เองมิใช่เรื่องง่ายเลย เจ้าคิดว่าแม้แต่ข้าจะสามารถเปลี่ยนพระทัยของฝ่าบาทได้หรือ""หม่อมฉันรู้ว่านี่เป็นเรื่องยากเพคะ แต่หม่อมฉันขอบังอาจเอ่ยถามฮองเฮา ทรงต้องการให้พระสนมเสียนเฟยได้ตระกูลซือของหม่อมฉันไปหนุนหลังจริงหรือเพคะ เพียงแค่จวิ้นอ๋องได้กุมกำลังทหารเกือบเรือนแสน พระสนมเสียนเฟยก็หยิ่งผยองถึงเพียงนี้ ถ้าต่อไปได้ตระกูลซือหนุนหลังเพิ่มอีกพระสนมเสียนเฟยจะไม่ยิ่งบ้าอำนาจมากกว่านี้หรือเพคะ หม่อมฉันคิดว่าฮองเฮาควรมองการณ์ไกลคิดอ่านแทนองค์รัชทายาท หากจวิ้นอ๋องได้แต่งงานกับบุตรีของรองเสนาบดีกรมพิธีการจะไม่ดีกว่าหรือเพคะ" คำพูดของซือเมี่ยวช่วยฉุกคิดให้กับสวีฮองเฮา นั่นยิ่งทำให้พระนางทรงคิดหนัก "เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่อยากแต่งงานกับจวิ้นอ๋องแล้ว""แน่ใจเพคะ หม่อมฉันมิปรารถนาจะลงไปแย่งชิงความโปรดปรานกับผู้ใด ขนาด
"เจ้าจงไปเตือนบุตรชายตัวดีของเจ้าเสีย อย่าได้ทำให้งานใหญ่เสียหายเป็นอันขาด หากจะรักชอบสตรีอื่นข้าหาได้สนใจไม่ แต่ตอนนี้จะเอาสตรีอื่นมาออกหน้าออกตาแทนคู่หมั้นนั้นหาควรไม่ อย่างไรคุณหนูซือผู้นั้นก็คือคนที่ข้าเลือกด้วยตัวเอง หากเขายังดื้อดึงไม่เลิกทหารที่ข้ายกให้จะริบคืนให้หมด"ฮ่องเต้ทรงยื่นคำขาดก่อนจะเสด็จจากไป โดยมิได้สนใจท่าทางร้อนใจของพระสนมคนโปรดเลยแม้แต่นิดเดียว...หวังเสียนเฟยที่ถูกฮ่องเต้ตำหนิอย่างรุนแรงก็พาลโกรธพระโอรสคนโปรดไปด้วย พระนางทรงเรียกถังหนิงเฉิงไปอบรมเป็นการใหญ่ ทั้งยังให้ไปเอ่ยขอโทษซือเมี่ยวที่จวนตระกูลซือด้วย มิเช่นนั้นก็อย่ามาได้เรียกพระนางว่าเสด็จแม่อีก เพราะถูกตำหนิเช่นนี้จึงทำให้ถังหนิงเฉิงโทษว่าเป็นความผิดของซือเมี่ยว เขาคิดแค่ว่าเรื่องทั้งหมดจะต้องเป็นเพราะซือเมี่ยวเอาไปฟ้องฮองเฮาเป็นแน่ มิเช่นนั้นฮ่องเต้ผู้มีงานมากมายจะว่างมาใส่ใจเรื่องนี้หรือทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของซือเมี่ยว!!จวนตระกูลซือวันนี้อากาศดียิ่งนักถือเป็นวันดี ซือเมี่ยวจึงได้ส่งเทียบเชิญชวนดื่มชาพลางชมดอกหลันฮวาไปยังคุณหนูตระกูลใหญ่ที่มีบิดาเป็นคนสำคัญในราชสำนัก ด้วยวันนี้นางต้องการให้มีพยานท
บทที่ 5สวมบทนางเอกเจ้าน้ำตาปลายหางตาเหลือบไปเห็นเงาร่างของมิ่งจู ซือเมี่ยวจึงได้ขยับกายเข้าไปใกล้จวิ้นอ๋องพร้อมกับร้องไห้โฮออกมาอย่างน่าสงสาร หยาดน้ำตาพลันรินไหลลงมาราวกับสั่งการได้ โดยครั้งนี้นางมิได้ใช้ตัวช่วยใดเลย ทุกอย่างล้วนออกมาจากความรู้สึกที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ก้นบึ้งของจิตใจซือเมี่ยว"เหตุใดท่านอ๋องถึงได้ใจร้ายกับหม่อมฉันถึงเพียงนี้ ทั้งที่หม่อมฉันมอบหัวใจให้กับท่านอ๋อง แต่ท่านอ๋องกลับพูดออกมาว่ารักสหายสนิทของหม่อมฉันเช่นนั้นหรือ นะ นี่... มันจะใจร้ายเกินไปแล้ว ท่านอ๋องไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ของเราที่ผ่านมาเลยหรือเพคะ ฮือ ๆ""เจ้าหยุดพูดจาราวกับข้าเป็นคนผิดได้แล้ว ที่ข้าไม่รักเจ้าก็เป็นเพราะนิสัยร้ายกาจของเจ้าเองนั่นแหละ"เพล้ง!ถ้วยน้ำชาที่ทำจากกระเบื้องชั้นดีถูกจวิ้นอ๋องปัดลงกับพื้นจนแตกกระเด็น ตัวเขาปรายสายตามองซือเมี่ยวด้วยความรำคาญใจกับท่าทางอ่อนแออันจอมปลอม นางน่ะหรือจะร้องไห้... เสแสร้งทั้งนั้น!"หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วจึงได้พยายามปรับปรุงตัวอย่างไรเล่าเพคะ เพราะหวังว่าสักวันหนึ่งท่านอ๋องจะเห็นความดีของหม่อมฉันบ้าง ท่านอ๋องไม่ต้องรักหม่อมฉันดั่งเช่นรักหลิ่งฟางหรอกเพคะ ขอเพ
คำแก้ตัวของถังหนิงเฉิงหามีน้ำหนักไม่ เมื่อทุกคนล้วนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด สายตาของพวกนางมองดูจวิ้นอ๋องที่เคยน่าเคารพด้วยความผิดหวัง สิ่งที่จวิ้นอ๋องกระทำกับซือเมี่ยวถือว่าไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งคุณหนูซือเมี่ยวที่เคยร้ายกาจ ช่างน่าสงสารยิ่งนักที่มีคู่หมั้นอย่างจวิ้นอ๋อง!เรื่องในวันนี้จะต้องบอกกล่าวให้ถ้วนทั่วว่าจวิ้นอ๋องผู้เกิดในราชวงศ์ กลายเป็นบุรุษตระบัดสัตย์และทำร้ายคู่หมั้นของตน"เดี๋ยวสิ!"ถังหนิงเฉิงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก ไม่มีใครฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูดหรืออธิบายเลย ทุกคนได้ตัดสินเขาไปหมดแล้ว ตอนนี้ในสายตาของทุกคนเขาได้กลายเป็นคู่หมั้นที่แสนร้ายกาจไปเสียแล้ว!!หลายวันผ่านไปเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนตระกูลซือได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ซือเหลียงที่กลับจวนแล้วได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากพ่อบ้านพาลโกรธจวิ้นอ๋องเป็นอย่างมาก กล้าเข้ามาทำร้ายบุตรสาวของเขาถึงในจวนถือเป็นการหยามเกียรติตระกูลซือของเขาเป็นอย่างยิ่ง เห็นทีเขาจะให้ซือเมี่ยวแต่งเข้าจวนจวิ้นอ๋องไม่ได้เสียแล้ว!เช้าวันรุ่งขึ้นซือเหลียงจึงได้ถวายฎีกาฟ้องร้องจวิ้นอ๋องที่เข้ามาทำร้ายร่างกายและจิตใจบุตรสาวของตน ฮ่องเต้ที่ทรงทร
บทที่ 6เล่ห์กลอันร้ายกาจจวนตระกูลจู'จูกวางปิน' หัวหน้าตระกูลผู้เป็นรองเสนาบดีกรมพิธีการมองดูบุตรสาวที่เขาเคยภาคภูมิใจด้วยความผิดหวัง ที่ผ่านมาจูหลิ่งฟางไม่เคยทำให้เขาต้องหนักใจเลย ทว่าครั้งนี้นางกลับทำให้เขาผิดหวังอย่างแรง และยังทำให้ชื่อเสียงอันดีงามของตระกูลจูต้องด่างพร้อยไปด้วย"ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วมิใช่หรือว่าจะทำอะไรต้องรอบคอบเสมอ ทว่าครั้งนี้เจ้ากลับเผยจุดอ่อนให้ศัตรูเล่นงานเสียได้ ตอนนี้ผู้คนต่างนินทาว่าเจ้าเป็นสตรีไร้ยางอายไปเสียแล้ว ส่วนคนที่ควรจะถูกก่นด่ากลับได้รับความเห็นใจจากทุกคน เห็นหรือยังว่าเจ้าทำพลาดสิ่งใดไป" จูหลิ่งฟางนั่งนิ่งด้วยความรู้สึกผิด ดวงตาคู่สวยปริ่มน้ำไปด้วยหยาดน้ำตา เพียงแค่นางกะพริบตาหนึ่งครา หยาดน้ำตาพลันร่วงลงมาเปื้อนใบหน้างามอย่างน่าสงสาร"ลูกรู้ตัวว่าทำผิดมหันต์ไปแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ ทว่าลูกกับจวิ้นอ๋องเราต่างรักกันด้วยใจจริงนะเจ้าคะ แม้ลูกจะพยายามตัดใจเพราะท่านอ๋องเป็นคู่หมั้นของซือเมี่ยว ทว่าใจของลูกมันไม่ยอมเชื่อฟังเลย ฮือ ๆ ลูกขออภัยเจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกมันสมควรตายที่ทำให้ตระกูลจูของเราต้องถูกสาดโคลนไปด้วย ทั้งหมดมันเป็นเพราะลูกเองเจ้าค่ะ"จูหลิ่งฟ
ตอนพิเศษ 7ความซุกซนของเด็กน้อย "เสด็จพ่อทรงวิ่งเร็ว ๆ สิพ่ะย่ะค่ะ ลูกอยากไปหาเสด็จแม่เร็ว ๆ แล้วพ่ะย่ะค่ะ"'เซี่ยหยางหลง' องค์ชายใหญ่ผู้เป็นแฝดพี่เอ่ยเร่งเร้าพระราชบิดา ขณะที่ตัวเขาวิ่งนำหน้าไปก่อนเป็นคนแรก โดยมี 'เซี่ยหยางเฟิ่ง' องค์หญิงใหญ่ผู้เป็นแฝดน้องจับชายอาภรณ์ของเซี่ยลู่เหวินเดินตามมาไม่ห่าง เหตุเพราะพวกเขาเดินมาอย่างเชื่องช้าเพราะในอ้อมแขนซ้ายขวาของเซี่ยลู่เหวินนั้นได้อุ้ม 'เซี่ยหยางเหวิน' องค์ชายรองผู้เป็นแฝดผู้พี่ กับ 'เซี่ยหยางเจี้ยน' องค์ชายสามผู้เป็นแฝดผู้น้องผู้ใดจะคาดคิดว่าซือเมี่ยวให้กำเนิดฝาแฝดถึงสองคู่ โดยคู่แรกคือคู่หงส์มังกรส่วนคู่ที่สองคือคู่มังกร อายุของฝาแฝดทั้งสองคู่ห่างกันเพียงหนึ่งปีเท่านั้น!"พวกเจ้าช้า ๆ หน่อยเถิด พ่อยังอุ้มอาเหวินกับอาเจี้ยนจะให้ไปเร็วได้อย่างไร" เซี่ยลู่เหวินเอ่ยตอบบุตรชายคนโตด้วยความเหนื่อยใจ กายสูงรู้สึกเหนื่อยหอบยิ่งนัก เพราะต้องอุ้มเจ้าก้อนแป้งที่ตัวหนักจนแขนของเขาแทบจะหลุด และจะไม่อุ้ม
ตอนพิเศษ 6พร้อมหน้าพร้อมตา วันเวลาผ่านไปซือเมี่ยวก็ได้ให้กำเนิดคู่หงส์มังกรแก่เซี่ยลู่เหวินซึ่งหาได้ยากยิ่ง ทว่านางกลับสามารถให้กำเนิดเด็กที่สวรรค์ประทานให้มาอย่างง่ายดาย การคลอดก็แสนจะราบรื่น แม้นางจะเจ็บปวดเหมือนกับร่างกำลังจะแตกสลาย ทว่าความเจ็บนี้คงอยู่ไม่นานนัก เมื่อได้เห็นหน้าเจ้าก้อนแป้งทั้งสองก็ลืมความเจ็บปวดไปเสียสิ้น คงเหลือไว้เพียงความดีใจเท่านั้น..."ยินดีกับฝ่าบาทด้วยเพคะ ฮองเฮาทรงให้กำเนิดองค์ชายน้อยและองค์หญิงน้อยเพคะ เป็นคู่หงส์มังกรที่สวรรค์ประทานให้เพคะ" รั่วรั่วกับมิ่งจูอุ้มทารกที่อยู่ในผ้าแพรสีแดงไปตรงหน้าของเซี่ยลู่เหวิน การรอคอยที่แสนทรมานได้สิ้นสุดลงเสียที เขาต้องยืนรอนางอยู่หน้าห้องคลอดโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ความกังวลที่มีพลันมลายหายไปสิ้น เมื่อได้พบหน้าของเจ้าก้อนแป้งทั้งสองที่เขาเฝ้ารอมาอย่างยาวนาน"อ่า... นี่ข้าได้ลูกแฝดชายหญิงเลยหรือนี่" เซี่ยลู่เหวินอุทานออกมาด้วยความตกใจและดีใจ คราแรกเขายังคิดว่าอาจจะได
ตอนพิเศษ 5เจ้าก้อนแป้งมาแล้ว ผลสุดท้ายก็ไม่มีผู้ใดผ่านการคัดเลือกเป็นพระสนมเลยสักคนเดียว นั่นจึงทำให้เหล่าขุนนางต่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทั้งยังต้องอับอายเมื่อบุตรสาวที่เลี้ยงดูมาอย่างดียังต้องถูกลงโทษโบย 60 ไม้ และต้องสูญเงินอีกกว่า 60,000 ตำลึงทองเลย "ฝ่าบาท นี่มันไม่ยุติธรรมนะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรก็ต้องเลือกพวกนางหนึ่งในเก้าคนขึ้นมาเป็นพระสนมนะพ่ะย่ะค่ะ" แม่ทัพหลี่เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจนัก"ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งการที่ต้องไปช่วยดูแลคนป่วยนั้นเป็นหน้าที่ของบ่าวรับใช้นะพ่ะย่ะค่ะ หาใช่หน้าที่ของพระสนมไม่ ขอฝ่าบาททรงไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ" มู่จื้อหยางรีบเอ่ยขึ้นทันที"อย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าพวกนางทำไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้ ดูอย่างฮองเฮาสิ ทุกวันนี้นางยังอยู่ที่เมืองจิงเพื่อเฝ้าดูแลผู้ป่วยอยู่เลย ทั้งนางยังเป็นคนออกความคิดเรื่องการดูแลผู้ป่วย ทำให้ตอนนี้สามารถควบคุมโรคระบาดเอาไว้ได้ เจ้าลองบอกกับข้าสิว่าพวกนางนั้นคู่ควรที่จะมาเป็นพระสนมของข้าหรือไ
ตอนพิเศษ 4ผู้ชนะ ด่านที่สองจัดขึ้นในสามวันให้หลัง โดยให้แต่ละคนแสดงความสามารถของศิลปะทั้ง 4 ออกมา เริ่มจากการดีดฉิน หมากล้อม เขียนอักษร และวาดภาพ พวกนางจะต้องทำได้ดีทั้ง 4 อย่าง หากพลาดเพียงนิดจะถูกคัดให้ออกทันที โดยครั้งนี้มีสตรีที่ผ่านด่านที่สองทั้งหมด 20 นาง "คุณหนูที่ไม่ผ่านด่านทดสอบเชิญก้าวออกมาข้างหน้าด้วยเจ้าค่ะ" มิ่งจูเอ่ยขึ้นหลังจากประกาศผลแล้ว"..." สตรีทั้งสอบก้าวออกมาด้านหน้าด้วยความอับอาย พวกนางพลาดเพียงนิดเดียวก็ถูกคัดออกโดยไม่มีโอกาสแก้ตัวเลย ช่างน่าเจ็บใจนัก"คุณหนูที่ถูกคัดออกจะต้องโทษโบยคนละ 40 ไม้ และจ่ายค่าด่านทดสอบ 2 ด่านรวมเป็น 20,000 ตำลึงทองเจ้าค่ะ""ว่าอย่างไรนะ! มิใช่แค่โดนลงโทษโบย 20 ไม้และเงินอีก 10,000 ตำลึงทองหรือ เหตุใดถึงเพิ่มเป็นเท่าตัวเช่นนี้เล่า"มิ่งจูหันไปยิ้มหวานให้กับบุตรีของท่านรองเสนาบดี "เรียนคุณหนูท่านนี้ โทษโบยจะถูกเพิ่มด่านละ 20 ไม้เจ้าค่ะ เช่นเดียวกับการท
ตอนพิเศษ 3การทดสอบด่านแรก เพียงประโยคเดียวของซือเมี่ยวก็ได้สร้างคลื่นลมให้กับราชสำนักแล้ว หลังจากเซี่ยลู่เหวินจากไปเขาก็ได้นำคำพูดของซือเมี่ยวไปขบคิด ก่อนจะรู้สึกเห็นด้วยกับนางที่อยากจะจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อยเสียก่อนถึงจะยอมมีบุตรชายหญิงได้ เมื่อนี่เป็นความต้องการของนางเขาย่อมไม่คัดค้าน มีแต่จะสนับสนุนเพื่อให้นางมั่นใจแล้วยอมตั้งครรภ์ลูกในท้องของเขาเสียที"เจ้าจงนำสารลับนี้ส่งไปยังเมืองชายแดนทันที" เซี่ยลู่เหวินเขียนจดหมายสำคัญให้ไปส่งเว่ยหมิงจิ้นที่อยู่ชายแดนที่อยู่ติดกับแคว้นซ่ง เวลานี้เขากับถังหนิงหลงได้ร่วมมือกันที่จะตีแคว้นซ่งแล้ว รอเพียงไม่นานจะต้องเอาชัยเหนือแคว้นซ่งเป็นแน่ "พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" ขันทีข้างกายน้อมรับคำสั่ง"แล้วก็ไปบอกกับจงเหยาด้วยว่าข้าให้ซื้อปืนยาวไฟของพวกตาสีฟ้า มีเท่าไหร่ก็ซื้อทั้งหมดแล้วส่งไปให้แม่ทัพเว่ย การศึกครั้งนี้เห็นทีจะต้องพึ่งปืนไฟพวกนี้เสียแล้ว""แต่ปืนไฟพวกนี้มีราคาแพงมากเลยไม่ใช่ห
ตอนพิเศษ 2การแข่งขันของสาวงาม จวนตระกูลเป็นมู่จื้อหยางรีบนำข่าวดีนี้มาบอกบุตรสาวด้วยความยินดียิ่ง ในที่สุดฝ่าบาทก็มิอาจขัดความต้องการของเหล่าขุนนางได้ แม้ในราชโองการจะมีข้อบังคับหลายประการ อีกทั้งพระสนมที่จะถูกแต่งตั้งก็เป็นเพียงพระสนมขั้นผิน หาใช่ขั้นเฟยที่เขาต้องการให้บุตรสาวไม่ ทว่านี่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีแล้ว เขาเชื่อว่าเมื่อฝ่าบาทได้ยลโฉมบุตรสาวอีกครั้งจะต้องหลงใหลนางอย่างแน่นอน และอาจจะมากกว่าฮองเฮาผู้เป็นคนต่างแคว้นนั่นด้วย!"เมิ่งเอ๋อร์ ในที่สุดฝ่าบาทก็มีราชโองการรับพระสนมเข้าวังแล้ว เจ้าจะต้องแย่งชิงตำแหน่งนั้นมาให้จงได้ เข้าใจหรือไม่""ท่านพ่อโปรดวางใจ ครั้งนี้ข้าจะไม่ให้ฝ่าบาทหลุดมือข้าไปอีกเป็นครั้งที่สอง และตำแหน่งฮองเฮาของแผ่นดินจะต้องเป็นของข้าเจ้าค่ะ" 'มู่ซูเมิ่ง' บุตรีเพียงคนเดียวของมู่จื้อหยางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม ครั้งนั้นนางพลาดตำแหน่งฮองเฮาไปเพราะฝ่าบาทยังไม่เคยพบหน้านางเลยสักครั้ง นางไม่เชื่อหรอกว่าด้วยรูปโฉมและความสาม
ตอนพิเศษ 1ขอแค่ครั้งเดียว ตั้งแต่ซือเมี่ยวได้ขึ้นเป็นฮองเฮาช่วยปกครองแคว้นเซี่ยร่วมกับเซี่ยลู่เหวิน ที่ผ่านมานางก็ตั้งใจศึกษางานและทำทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ทั้งช่วยเหลือชาวประชา นำความรู้ที่เคยได้รับเมื่อชีวิตครั้งก่อนมาปรับใช้กับคนที่นี่ ทำให้คนแคว้นเซี่ยมีความเป็นอยู่ที่ดีมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ราษฎร์ต่างแซ่ซ้องสรรเสริญว่าฮองเฮาทรงเป็นสตรีที่มากด้วยปัญญา เหมาะสมกับฮ่องเต้กับพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง ทว่าจะมีเพียงแค่หนึ่งเรื่องที่ขุนนางในราชสำนักมิอาจปล่อยวางได้ นั่นก็คือการที่ฮ่องเต้ของพวกเขาไม่ยอมรับพระสนมเข้าสู่วังหลังเลย นี่ถือเป็นเรื่องที่พวกเขามิอาจยอมรับได้โดยง่าย แม้จะยำเกรงในอำนาจของเซี่ยลู่เหวิน แต่เพราะต้องการผลประโยชน์เช่นกันพวกเขาจึงได้ยื่นฎีกาเรื่องรับพระสนมในเช้าวันนี้"นี่มันเรื่องอะไรกัน! พวกเจ้าไม่คิดจะห่วงใยราษฎร์รายงานเรื่องโรคระบาดในทิศทักษิณ และเรื่องการรบของแคว้นซ่งบ้างเลยหรือ" เซี่ยลู่เหวินโยนฎีกาฉบับนั้นทิ้งลงพื้นด้วยความกริ้ว เขาเบ
บทส่งท้าย หลังจากทั้งคู่พากันเสร็จสมไปแล้วครั้งแรก เซี่ยลู่เหวินก็ได้อุ้มซือเมี่ยวที่หมดแรงจากการควบขี่เขาไปวางบนโต๊ะกลางห้อง เนื่องจากเตียงหักเสียแล้วมิอาจใช้นอนได้อีก เขาเดินไปหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาปกปิดร่างกายของนางและตนเอง ก่อนจะเดินออกไปสั่งให้คนเตรียมห้องให้เขาใหม่ เว่ยหมิงจิ้นและมิ่งจูต่างพากันสงสัย แต่ก็ทำตามคำสั่งของเจ้านายแต่โดยดี ทว่าเมื่อพวกเขาเข้ามายังในห้องกลับต้องพบกับความตกใจ องค์รัชทายาทช่างรุนแรงกับพระชายายิ่งนัก ค่ำคืนแรกยังหนักหน่วงถึงเพียงนี้เลยหรือนี่..."อื้อ... ท่านพี่ ยังไม่พออีกหรือเจ้าคะ"เมื่อย้ายมาห้องใหม่แล้ว เซี่ยลู่เหวินก็ยังเข้ามาคลอเคลียนางไม่ห่าง ริมฝีปากร้อนลวกจูบเม้มไปตามแผ่นหลังเล็กของซือเมี่ยว"พี่ขออีกสักครั้งนะเมี่ยวเมี่ยว เจ้าลองจับดูสิ" เซี่ยลู่เหวินจับมือเล็กของนางให้ไปกอบกุมแท่งหยกของตน ที่เวลานี้ได้ขยายใหญ่จนแม้แต่นางก็ยังกำไม่รอบเลย บ่งบอกได้ว่าตอนนี้เขามีอารมณ์อย่างมาก อยากจะกลืนกินนางอีกแล้ว
"อ่า..."จูบของเซี่ยลู่เหวินนั้นร้อนแรงมาก เขาจูบนางอย่างเนิ่นนานก่อนจะเริ่มขยับสะโพกสอบอย่างช้า ๆ เพื่อให้นางคุ้นชินกับความใหญ่โตของเขา กายแกร่งแตะครูดไปที่ผนังเนื้ออ่อนนุ่มด้านในอย่างแนบแน่น"อื้อ... ท่านพี่ อึก! ข้าจุกเจ้าค่ะ""อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะคุ้นชินแล้วล่ะเมี่ยวเมี่ยว"เซี่ยลู่เหวินเอ่ยปลอบหญิงสาวที่มีใบหน้าบิดเบี้ยวจากความเจ็บและจุก ก่อนที่เขาจะเร่งจังหวะเร็วขึ้นทีละนิด ในตอนนี้ตัวเขาเองก็รู้สึกปวดหนึบเช่นกัน ภายในของนางช่างคับแน่นยิ่ง ทำเอาเขาแทบจะหายใจไม่ออก พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่โหมกระหน่ำเข้าไปในกายของนาง หากทำเช่นนั้นนางคงเจ็บปวดน่าดู"อ๊ะ อ๊ะ อ๊า"เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชิน ความรู้สึกเสียวซ่านก็เข้ามาแทนที่ความเจ็บปวดนั้น ซือเมี่ยวร้องครวญครางออกมาอย่างมีความสุข กายสาวโยกคลอนไปตามการขยับของคนบนร่าง กลีบดอกไม้งามเบื้องล่างรัดรึงเข้าหาท่อนลำขนาดใหญ่ของเซี่ยลู่เหวิน สะโพกมนโยกขยับไปตามการชักจูงของเขาอย่างไม่ยอมแพ้ บทรักของพวกเขาจึงยิ่งทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ"อ๊า... ซี๊ด เจ้ารัดพี่แน่นเหลือเกิน"