เมื่อเจนนิเฟอร์ได้ยินคำพูดทั้งน้ำตาของเอเลน เธอก็ตระหนักว่าสิ่งที่เอเลนพูดนั้นฟังดูสมเหตุสมผลหญิงชรากล่าวหาว่าเอเลนเป็นลูกสะใภ้นอกกฎหมายอยู่เสมอและเธอยังบอกอีกด้วยว่าเอเลนนั้นชอบด่าว่าเธอ ทุบตีเธอ และห้ามไม่ให้เธอย้ายไปอยู่ในวิลล่าที่ธอมป์สัน เฟิร์สกับเธอแต่หญิงชราคนนี้ดูไม่เหมือนคนที่ถูกทำร้ายมาเป็นเวลานาน เธอมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ปกติ แถมเธอก็ยังมีจิตใจที่เข้มแข็งมากอีกด้วย นอกจากนี้เธอไม่ได้ดูอ่อนแออะไรเลยเมื่อตอนเธอทำร้ายเอเลนถึงแม้ว่าเอเลนอาจถูกหักสิบแต้มสำหรับความกตัญญูของเธอ แต่ถ้าพูดในเรื่องของความเกลียดชังและการแก้แค้นของหญิงชราที่มีต่อเอเลนก็อย่างน้อยร้อยเปอร์เซ็นต์!เมื่อเจนนิเฟอร์เห็นว่าหญิงชรายังทำร้ายเอเลนอยู่ในตอนนี้ เธอก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติเธอรีบพูดขึ้นว่า “หยุดตีเธอก่อน ป้า ฉันเริ่มมาคิดว่าคุณใจร้ายเกินไปจริง ๆ เพราะถึงยังไงก็ไม่จำเป็นต้องตีเธอให้ถึงตายหรอกใช่ไหม?”เอเลนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินคำพูดของเจนนิเฟอร์เธอถูกขังอยู่ในห้องขังนี้ที่ศูนย์กักกันในช่วงสองวันที่ผ่านมาและเห็นได้ชัดว่าเจนนิเฟอร์เป็นฝ่ายสนับสนุนของหญิงชรา
“เธอคือคนที่ทำลายชีวิตลูกชายของฉัน! คิดว่าฉันจะสามารถชดเชยความสุขตลอดชีวิตของลูกชายได้ด้วยการทำร้ายเธอสองสามครั้งเนี่ยเหรอ?”ผู้ต้องขังทุกคนในห้องขังทั้งหมดตกตะลึงในตอนนี้ ไม่มีใครคาดคิดว่าเอเลนจะทำเรื่องไร้ยางอายขนาดนี้ได้ในตอนนั้น!คนเป็นผู้หญิงเกลียดอะไรมากที่สุด? ผู้ชายเจ้าชู้และเมียน้อยของเขาไงล่ะ!คำพูดของคุณท่านวิลสัน กระตุ้นความเกลียดชัง และความน่ารังเกียจให้กับเอเลนจากทุกคนได้สำเร็จอีกครั้ง!ทุกคนเริ่มรุมด่าเธอ“ผู้หญิงที่น่ารังเกียจ และไร้ยางอายคนนี้กล้าทำเรื่องไร้ยางอายตั้งแต่อายุยังน้อยเลยหรือนี่! ทุเรศสิ้นดี!”“จริงด้วย ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนถึงพยายามที่จะมีหลับนอนกับผู้ชายที่เมาแล้วด้วยล่ะ? เธอเป็นคนที่ไร้ยางอายได้ขนาดนี้เลยเหรอ?”“เธอนี่มันน่าขยะแขยงจริง ๆ ! วิธีเดียวที่จะสอนนังจิ้งจอกไร้ยางอายอย่างเธอคือการทุบตีเธอ เพื่อที่เธอจะได้เรียนรู้บทเรียนอย่างหนักหน่วงไปเลย!”เมื่อคุณท่านวิลสันเห็นว่าเธอปลุกระดมสร้างความเกลียดชังของผู้ต้องขังทุกคนในห้องขังที่มีต่อเอเลนได้สำเร็จ คุณท่านวิลสันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย เธออดไม่ได้ที่จะคิดกับตัวเองว่า ‘เอเลน นังส
เอเลนไม่เคยคิดว่าจะต้องมาทนต่อการถูกทุบตีและชดใช้สำหรับผลที่ตามมาจากการกระทำของเธอ เนื่องจากเรื่องมาทิลด้าผ่านมากว่ายี่สิบปีแล้วตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะสามารถโน้มน้าวให้เจนนิเฟอร์เข้าข้างเธอได้ เธอไม่ได้คิดว่าคุณท่านวิลสันจะล้มล้างความพยายามทั้งหมดของเธอเพียงแค่นำเรื่องนี้ขึ้นมา ในเวลานี้เธอกำลังจมลงสู่ขุมนรกที่ไม่มีที่สิ้นสุดผู้หญิงสองสามคนที่มาทุบตีเธออย่างรุนแรงล้วนประสบกับเรื่องราวที่น่าสลดใจจากบุคคลที่สามที่แทรกแซงการแต่งงาน และความสัมพันธ์ของพวกเขา ดังนั้น เมื่อพวกเขาทุบตีและเตะเธอ พวกเขาก็คิดไปถึงความเกลียดชังเก่า ๆ ที่เคยเกิดขึ้นและพวกเขาไม่ได้แสดงความเมตตาต่อเอเลนเลยเอเลนเจ็บปวดมากจนเธอรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังจะตายหลังจากที่เธอถูกทุบตีอีกครั้ง เอเลนรู้สึกช็อคหมดสติไปสองสามครั้ง แต่เธอถูกปลุกให้ตื่นเมื่อผู้ต้องขังคนอื่น ๆ เริ่มเตะและทุบตีเธอหลังจากที่กลุ่มคนทุบตีเอเลนเสร็จแล้ว คุณท่านวิลสันกล่าวต่อว่า “ฉันคิดว่าเราควรพาผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้ไปที่ห้องน้ำเพื่อที่เธอจะได้ไม่ทำให้เราหงุดหงิดใจอีกต่อไป!”"ใช่!" นักโทษคนหนึ่งรีบวิ่งไปข้างหน้าก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า “ป้าพูดถูก! เรา
เอเลนพยักหน้าอย่างงุนงงก่อนจะพูดว่า “พี่เจนนิเฟอร์ ขอฉันกินข้าวหน่อยเถอะนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องตายจริง ๆ…”เจนนิเฟอร์หัวเราะเยาะก่อนจะเทข้าวต้มที่เหลือในกล่องอาหารกลางวันลงบนพื้น หลังจากนั้น เธอใช้นิ้วเท้าแตะโจ๊กบนพื้นก่อนจะเย้ยหยันและพูดว่า “แกอยากกินนักใช่ไหม? ถ้าอยากกินก็เลียบนพื้นได้เลย!”เมื่อเจนนิเฟอร์บอกให้เอเลนเลียโจ๊กจากพื้นเมื่อวานนี้ เธอไม่เต็มใจที่จะทำแบบนั้นนั่นเป็นเพราะเอเลนรู้สึกว่าเธอไม่สามารถคุกเข่าลง และทำเรื่องน่าอับอายขายหน้าเพื่อขอกินอาหารได้อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้กลัวที่จะเสียหน้า และเสียชื่อของเธอได้อีกต่อไป ใครจะสนเรื่องพวกนั้นกันล่ะ ตราบเท่าที่เธอสามารถอิ่มท้องได้? แล้วถ้าเธอต้องคุกเข่าและเลียโจ๊กจากพื้นล่ะ?ดังนั้นเอเลนจึงคุกเข่าลง และเริ่มใช้ลิ้นเลียโจ๊กเย็น ๆ จากพื้นคอนกรีตโดยไม่ลังเลเลยคุณท่านวิลสันตกตะลึงเมื่อเห็นฉากนี้ด้วยตัวเองเมื่อเธอนึกถึงความเป็นไปได้ที่เอเลนจะถูกขังไว้เป็นเวลาสิบถึงยี่สิบปีข้างหน้า เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นมากเอเลนเริ่มเลียโจ๊กออกจากพื้นทีละน้อย และถึงแม้เธอจะกินทรายไปพร้อมกับโจ๊ก เธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลยในเวลา
หลังถูกนำตัวส่งโรงพัก เอเลนก็ถูกนำตัวไปที่ห้องสอบสวนทันทีเจ้าหน้าที่ตำรวจสองสามนายเข้ามาก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเธอและพูดว่า “คุณเอเลน คุณกลับไปคิดมาบ้างหรือยังในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้? คุณพร้อมที่จะสารภาพความผิดทั้งหมดของคุณแล้วหรือยัง?”เอเลนเริ่มร้องไห้ขณะที่เธอพูดว่า “เจ้าหน้าที่ ฉันบอกคุณไปแล้วว่าฉันทำผิดพลาดไป…”เจ้าหน้าที่สูดจมูกอย่างเย็นชาก่อนจะพูดว่า “อะไรกัน? คุณคิดว่านี่เป็นวันแรกที่เราสอบปากคำผู้ต้องสงสัยของเรางั้นเหรอ? หากเราไม่สามารถบอกชื่อผู้สมรู้ร่วมคิดของคุณได้ เราก็จะมอบอาชญากรรมทั้งหมดให้กับคุณ! หากเป็นกรณีนี้ คุณอาจจะถูกจับในข้อหาก่ออาชญากรรม!”ทันทีที่เอเลนได้ยินแบบนี้ เธอตื่นตระหนก และเริ่มอ้อนวอนทันที “เจ้าหน้าที่! ฉันบอกคุณไปหลายครั้งแล้วว่าบัตรใบนี้ไม่ใช่ของฉัน!”“ฉันแค่หยิบบัตรธนาคารออกจากกระเป๋าของลูกเขย รหัสผ่านสำหรับบัตรธนาคารของลูกเขยของฉันคือวันเกิดของเขา นั่นน่าจะเพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าบัตรธนาคารเป็นของลูกเขยของฉันไม่ใช่ฉัน! เนื่องจากคุณบอกว่าบัตรธนาคารนี้เกี่ยวข้องกับแผนการฉ้อโกงระหว่างประเทศ ดังนั้นผู้บงการที่แท้จริงเบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จึงไม
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พูดต่อไปว่า “ลูกเขยของคุณเป็นคนตรงไปตรงมา และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เขาไม่มีความโลภในตัวเขาเลย ทันทีที่เขาได้รับบัตรธนาคารนี้ และพบยอดเงินคงเหลือในบัตรธนาคารนี้ เขาก็แจ้งความกับตำรวจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราบอกเขาว่าอย่าทำตัวเร่งรีบเกินไป แต่คุณกลับขโมยบัตรธนาคารของเขา และตรงไปที่ซิตี้แบงก์เพื่อถอนเงิน!”เอเลนอุทานด้วยความเสียใจ “โอ้! ถ้าฉันรู้ว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ ฉันจะไม่ขโมยบัตรธนาคารของเขาไปหรอก แม้ว่าคุณจะฆ่าฉันก็ตาม!”ขณะที่เอเลนพูด เธอไม่สามารถหยุดร้องไห้อย่างขมขื่นได้ เธอไม่คิดว่าจะเดินเข้าไปในกับดักแบบนี้จริง ๆ !ปรากฎว่าองค์กรอาชญากรรมได้ขโมยข้อมูลส่วนตัวของชาร์ลี ปลอมแปลงบัตรธนาคารก่อนที่จะส่งตรงไปยังชาร์ลี!พวกเขาเพียงแค่ทำสิ่งนี้เพื่อล่อชาร์ลี และหลอกให้เขาโลภเงินจำนวน 2.19 หมื่นล้านดอลลาร์ในบัตรธนาคาร!หลังจากนั้นชาร์ลีก็จะไปที่ธนาคารเพื่อโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของเขาเอง!ด้วยวิธีนี้ ชาร์ลีจะช่วยให้พวกเขาเข้าสู่กระบวนการฉ้อโกงธนาคารได้สำเร็จทั้งหมด และพวกเขาก็จะสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้ทั้งหมดและรับเงินในมือมาได้อย่างง่ายดาย!หลังจากโอนเ
เอเลนเชื่อเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกเธออย่างหมดใจสิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดในตอนนี้คือการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงกักขังเธอไว้ในศูนย์กักกันต่อไปเพื่อป้องกันไม่ให้เธอเผยแพร่ข่าวลือใด ๆ หากเป็นแบบนั้นล่ะก็ เธอก็จะไม่รู้ว่าเธอจะได้อิสรภาพกลับคืนมาเมื่อไหร่เอเลนมองเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยสายตาอ้อนวอนขณะที่เธอร้องไห้และพูดว่า “คุณเจ้าหน้าที่ ฉันจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้กับใครเลยจริง ๆ ได้โปรดปล่อยฉันไป หากคุณยังคงขังฉันไว้ในสถานกักขัง ฉันจะต้องตายในห้องขังอย่างแน่นอน…”เจ้าหน้าที่ตำรวจส่ายหัวก่อนจะพูดว่า “คุณเอเลน ผมไม่อยากเชื่อคุณเลย เพราะผมเคยเจอคนแบบคุณมาเยอะ เพราะคุณจะบอกเราว่าคุณจะไม่บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทันทีที่เราปล่อยคุณไป คุณจะบอกคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอนเพราะปากของคุณ”หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พูดต่อไปว่า “นอกจากนี้ คุณไม่ควรคิดว่าเหตุผลที่เราขังคุณไว้ในศูนย์กักขังก็เพราะว่าเราต้องการคลี่คลายคดี เพราะอันที่จริงที่เราทำแบบนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง!”“ถ้าเราปล่อยคุณออกไป และคุณไปพูดเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับเรื่องนี้ องค์กรอาชญากรรมจะรู้ทันเรื่องนี้อย่าง
ในเวลาเดียวกันนี้ เอเลนถามคำถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อว่า “เจ้า… เจ้าหน้าที่… ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้คุยกับลูกเขยเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวที่บ้านเลยเหรอคะ?”เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เล่นเป็นวายร้ายตบโต๊ะอย่างโกรธจัด ก่อนที่เขาจะมองดูเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เล่นเป็นพระเอก และพูดว่า “ผมบอกไปแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเชื่อใจผู้หญิงโง่คนนี้! นี่คุณอยากจะปล่อยเธอออกจากศูนย์กักกันอีกงั้นเหรอ? ได้ยินที่เธอพูดไหม? เธอต้องการไปคุยกับชาร์ลีเกี่ยวกับเรื่องนี้! เธอจะไม่เพียงทำลายคดีของเรา แต่ยังทำให้ชีวิตของเธอตกอยู่ในความเสี่ยงด้วยไม่ใช่เหรอ?”สีหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังเล่นเป็นพระเอกมืดลงในทันที เขาจ้องที่เอเลนก่อนจะตอบอย่างเย็นชาว่า “คุณเอเลน คุณทำให้ผมผิดหวังจริง ๆ ผมคิดว่าคุณจะสามารถเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียวได้โดยไม่ต้องพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเลย ผมไม่ได้คาดหวังให้คุณคิดที่จะไปพูดคุยกับลูกเขยของคุณเพื่อแก้แค้นเขา! นี่เราพยายามคุยกับคุณและอธิบายทุกอย่างให้คุณฟังโดยไม่มีเหตุผลเลยงั้นเหรอ?”เอเลนเริ่มตื่นตระหนกในตอนนี้ เธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “เจ้าหน้าที่ พูดตามตรง เหตุผลที่ฉันต้อง
“โอเค” ชาร์ลีพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ ถึงเวลาที่นายต้องออกเดินทางแล้ว”ในเวลานี้จาเวียร์ก็วิ่งเข้าไปหาพวกเขาพร้อมกับแบตเตอรี่สำรองในมือ หลังจากนั้นเขาก็ยื่นแบตเตอรี่สำรองกับสายชาร์จให้กับดีแลนในขณะที่พูดว่า “ดีแลน นี่แบตเตอรี่สำรอง!”ดีแลนหยิบแบตเตอรี่สำรองใส่ไว้ในเป้ หลังจากปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแล้ว เขาก็พูดกับทุกคนว่า “คุณยาย คุณตา พ่อ แม่ ลุง อา ผมจะไปแล้วนะคับ…”ทุกคนโบกมือให้เขา “ไปเถอะ อย่าลืมใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนนะ!”ดีแลนมองไปที่ชาร์ลีอีกครั้งก่อนจะโค้งคำนับแล้วพูดว่า “ผมจะไปแล้วนะครับคุณเวด…”ชาร์ลีส่งเสียงพึมพำในขณะที่พูดว่า “รีบไปเถอะ ไม่งั้นนายจะถูกทำโทษที่ไปถึงช้านะ”ดีแลนรีบพยักหน้าในขณะที่พูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงครับ! ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ!”ชาร์ลีโบกมือแล้วพูดว่า “อืม ไปได้แล้ว!”ดีแลนพยักหน้าก่อนจะหันกลับไปมองเหล่าญาติ ๆ อย่างไม่เต็มใจ จากนั้นเขาก็เริ่มปั่นจักรยาน Phoenix 28 คันใหญ่อย่างหนักหน่วง หลังจากถีบจักรยานไปได้สองสามครั้ง ในที่สุดดีแลนก็ถีบจักรยานจากไปในลักษณะโคลงเคลงซิลเวียเริ่มร้องไห้อย่างขมขื่น ลีโอนาร์ดจึงรีบคว้าเธอมาปลอบโยนอยู่ในอ้อ
เมื่องานเลี้ยงวันเกิดสิ้นสุดลง และแขกคนอื่น ๆ ได้กลับไปแล้ว ดีแลนก็เข็นรถจักรยาน Phoenix 28 คันใหม่ออกมาในเวลานี้จู่ ๆ ดีแลนก็นึกถึงเพลงฮิตที่เขาเคยเห็นในคลิปวิดีโอสั้น ๆ…เพลงนี้ก็คือเพลง ‘ขี่มอเตอร์ไซต์แสนรักของฉัน’...ในขณะที่เขานึกถึงเพลงนี้ เขาก็มองไปที่จักรยาน Phoenix 28 ในสภาพเก่าที่ดูน่าเกลียดนั้น แล้วอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ในขณะที่คิดกับตัวเองว่า ‘ถ้าฉันขี่มอเตอร์ไซค์ไปโอลรัสฮิลล์ได้ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะจะทำให้ฉันสามารถเดินทางได้ประมาณสามถึงสี่ร้อยกิโลเมตรต่อวัน ซึ่งจะช่วยให้ฉันเดินทางไปถึงโอลรัสฮิลล์ได้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องทนทุกข์กับความคับข้องใจและความอยุติธรรมมากมายในระหว่างทาง…’แต่ช่างน่าสงสารเหลือเกินที่เขารู้ว่าชาร์จะไม่มีทางเปิดโอกาสให้เขาได้ต่อรองอะไรเลย เขาจึงทำได้แค่เข็นจักรยานออกมาเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางเจริล… ลุงของเขาถือหมวกกันน็อกสีเขียวอยู่ในมือ ในขณะที่พยายามจะสวมให้กับดีแลน ดีแลนหลบเลี่ยงหมวกใบนั้นในขณะที่ถามอย่างอึดอัดใจว่า “ทำไมถึงซื้อหมวกกันน็อกสีเขียวมาให้ผมล่ะลุง? หมวกสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของผู้ชายที่โดนสวมเขานะ…”“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลยน่า” เจร
"หา? เร็วไปไหม? คุณจะไม่อยู่ที่อีสต์คลิฟฟ์ต่ออีกสักสองสามวันเหรอ?”“ผมทำธุระของผมเสร็จหมดแล้วน่ะ ไม่มีธุระอะไรให้ผมต้องอยู่ที่นี่อีก ผมจะออกเดินทางพรุ่งนี้เลย”เมื่อลอรีนได้ยินดังนี้ เธอก็พูดขึ้นอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะออกจากอีสต์คลิฟฟ์พรุ่งนี้ด้วย เราเดินทางกลับโอลรัสฮิลล์พร้อมกันดีไหมคะ? เราจะได้นั่งเครื่องบินลำเดียวกันชาร์ลีอยากจะปฏิเสธเธอ แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่แสดงความวิงวอนของเธอแล้ว เขาก็ปฏิเสธเธอไม่ลงเพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม… นับเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนเป็นเพื่อนกัน ที่ต้องนั่งเครื่องบินลำเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหลบเลี่ยงการนั่งเครื่องบินเที่ยวบินเดียวกับเธอได้ชาร์ลีจึงพูดว่า “ได้สิ เรากลับด้วยกันก็ได้”ลอรีนรีบพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวคุณให้รายละเอียดบัตรประจำตัวกับฉันมานะ ฉันจะได้ซื้อตั๋วเครื่องบินของเราพร้อมกัน!”“โอเค”***ในขณะที่งานเลี้ยงวันเกิดยังคงดำเนินอยู่นั้น ลุงและอารองของดีแลนก็ได้ตระเตรียมการเดินทางด้วยการปั่นจักรยานไปยังโอลรัสฮิลล์ให้ดีแลนเรียบร้อยแล้วพวกเขาได้ให้คนไปซื้อจักรยาน Phoenix 28 รุ่นเก่ามา แล้วติดตั้งชั้นวางสัมภา
หลังจากนั้นงานเลี้ยงวันเกิดก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการมีการจัดที่นั่งให้กับชาร์ลีเป็นพิเศษในฐานะที่เขาเป็นแขกผู้มีเกียรติสูงสุด โดยเขาได้นั่งอยู่ข้างนายท่านโธมัสกับลอรีนและริกลีย์หลังจากนั้นสมาชิกของตระกูลโธมัสก็ผลัดกันดื่มอวยพรให้เขา โดยทั้งการแสดงออกทางสีหน้า น้ำเสียง และการกระทำล้วนเต็มไปด้วยการสรรเสริญเยินยอ ชาร์ลีไม่มีอะไรจะพูดมากนัก เมื่อมีคนมาดื่มอวยพรให้เขา เขาก็แค่ดื่มอวยพรกลับไป ซึ่งถึงแม้ดีแลนจะเป็นคนมาดื่มอวยพรให้เขา เขาก็ดื่มอวยพรกลับไปอย่างง่ายดายในเวลานี้ริกลีย์ก็ยังมาดื่มอวยพรให้กับชาร์ลีอย่างระมัดระวังด้วย โดยเขาได้เยินยอแล้วพูดว่า “คุณเวดครับ ผมมีเรื่องจะถามคุณหน่อยครับ…”ชาร์ลีรู้อยู่แล้วว่าเขาจะถามอะไรก่อนที่เขาจะเริ่มพูดออกมาด้วยซ้ำไป เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ชาร์ลีช่วยฟื้นคืนสมรรถภาพ เพื่อให้เขากลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้งแต่เมื่อพิจารณาถึงเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่ครอบครัวของพวกเขาได้ทำกับครอบครัวของยูลแล้ว ชาร์ลีก็ยังแน่ใจว่าเขาจะไม่ยอมฟื้นคืนสมรรถภาพให้พวกเขาในตอนนี้ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจะต้องชดใช้และรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขา ไม่อย่างนั้นแล้วพวกเขาจะได้บทเ
ชาร์ลีหยิบภาพวาดที่ยูลมอบให้เขาจากมือของดีแลน ก่อนจะยื่นให้กับยายของลอรีนด้วยตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็พูดว่า “คุณยายโธมัสครับ นี่เป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแคลร์และผมครับ ผมหวังว่าคุณยายจะรับมันไว้ และผมอยากจะขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปเมื่อกี้นี้ ด้วยวันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณยาย ผมหวังว่าคุณยายคงจะให้อภัยผมนะครับ”คุณท่านโธมัสรู้สึกปลื้มใจแล้วรีบพูดขึ้นว่า “คุณเวด ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ จริง ๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้เป็นเพราะหลานชายของฉันทำอะไรผิดไป ฉันมาคิดดูแล้ว… ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเราละเลยในการอบรมสั่งสอนหลานของเรา จึงทำให้คุณเวดต้องเดือดร้อน”ในขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็มองดูภาพวาดก่อนจะพูดว่า “คุณเวดคะ ภาพวาดนี้มีมูลค่ามากเหลือเกิน ฉันคงรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ไม่ได้หรอกค่ะ!”ชาร์ลีรีบพูดว่า “คุณยายโธมัสครับ ของขวัญชิ้นนี้เป็นเพียงของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแคลร์และผม มูลค่าของของขวัญชิ้นนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย คุณยายไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ พูดตามตรงนะครับ ผมไม่ได้ใช้จ่ายเงินกับของขวัญชิ้นนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะคุณโกลดิ้งจากโกลดิ้งกรุ๊ปมอบภาพวาดนี้ให้ผม แล้วผมก็นำมา
เมื่อได้ยินว่าเขาจะต้องไปขนปูนซีเมนต์ในไซต์ก่อสร้าง ดีแลนก็ส่ายหัวอย่างบ้าคลั่งทันที!เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เขาคงต้องทนทุกข์ทรมานและรู้สึกคับข้องใจเพียงเล็กน้อย ถ้าเขาต้องอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด โดยมีค่าครองชีพเดือนละหนึ่งหมื่นบาท แต่ถ้าเขาต้องไปขนปูนซีเมนต์ในไซต์ก่อสร้าง เขาก็คงต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก และต้องเจอะเจอความยากลำบากมากมายในไซต์ก่อสร้างแห่งนั้นเขาจึงพยักหน้าแบบไม่คิดอะไรทันที “คุณเวดครับ ผมยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดของคุณแล้ว ผมจะไม่ต่อรองอะไรกับคุณแล้วครับ! ขอแค่อย่าส่งผมไปไซต์ก่อสร้างนั้นเลยนะครับ…”ชาร์ลีรู้สึกพอใจมากแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “อย่าลืมปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีหลังจากนายไปถึงที่โอลรัสฮิลล์แล้ว อย่าสร้างปัญหาอะไรเพิ่มขึ้นมาอีกล่ะ ถ้านายยังคงอยู่ที่อีสต์คลิฟฟ์ต่อไป ทายาทที่ชอบเยาะเย้ยถากถางคนอื่นอย่างนาย ก็อาจก่อให้เกิดหายนะที่ร้ายแรงกว่านี้ได้ในสักวันหนึ่ง นายอาจเข้าไปพัวพันและทำให้ให้ตระกูลโธมัสและตระกูลโคชต้องเดือดร้อนได้!”ในเวลานี้สองพี่น้องอย่างเจริลและจาเวีย์ก็อดที่จะตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ดูเหมือนคำพูดของชาร์ลีจะทำให้คนทั้งคู่
สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดก็คือ การปั่นจักรยานอย่างยากลำบากจากอีสต์คลิฟฟ์ไปยังโอลรัสฮิลล์แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ยังพอรับได้ การที่ต้องปั่นจักรยานเป็นเวลาครึ่งเดือน ก็ยังดีเสียกว่าการนอนบนเตียงอยู่ครึ่งเดือนหลังผ่าตัดนอกจากนี้เขายังรู้สึกคับข้องใจอย่างมากในระหว่างการผ่าตัดครั้งล่าสุด ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังไม่หายดีเลย ถ้าเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดแบบเดิมอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ เขาก็จะต้องได้รับความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างแน่นอนในเวลานี้ชาร์ลีพูดขึ้นมาว่า “ฉันให้นายไปที่โอลรัสฮิลล์ก็เพื่อให้นายได้ไปปรับปรุงตัวและกลับเนื้อกลับตัวใหม่ นายคิดว่า การที่ฉันให้นายไปที่โอลรัสฮิลล์เพื่อให้ไปสนุกสนานกับชีวิตที่นั่นเหรอ? จะบอกอะไรให้นะ นายจะต้องปั่นจักรยานธรรมดา ๆ อย่าง Phoenix 28 เท่านั้น ใช้อย่างอื่นไม่ได้เลย! ไม่งั้นฉันจะให้นายปั่นจักรยานไปโอลรัสฮิลล์พร้อมกับเกวียนที่บรรทุกก้อนอิฐไปจนเต็มคัน!”“แล้วหลังจากนายไปถึงโอลรัสฮิลล์ นอกจากนายจะต้องคอยขับรถรับส่งให้กับลอรีนแล้ว นายต้องเช่าห้องเดี่ยวในชุมชนแออัดคลิฟฟ์คูลส์ด้วย ค่าใช้จ่ายรายเดือนรวมถึงค่าเช่าบ้านของนายจะต้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาท!”
เมื่อเขาได้ยินว่า จะต้องขี่จักรยานจากอีสต์คลิฟฟ์ไปยังโอลรัสฮิลล์ตลอดทาง และต้องอยู่ในโอลรัสฮิลล์ในฐานะคนขับรถเป็นเวลาหนึ่งปี ดีแลนก็รู้เหมือนกำลังจะตายไปแล้วจริง ๆ ประเด็นก็คือระยะทางจากอีสต์คลิฟฟ์ไปโอลรัสฮิลล์นั้น มีระยะทางมากกว่า 1,200 กิโลเมตร เขาจะไม่ตายเพราะหมดแรงถ้าต้องปั่นจักรยานไปตลอดทางจริง ๆ เหรอ?แล้วตอนนี้ก็อยู่ในเดือนธันวาคมซึ่งเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว เขาจะต้องขี่จักรยานตลอดทางไปจนถึงภาคใต้ แล้วไม่ได้รับอนุญาตให้พักในโรงแรมเลยด้วย ข้อกำหนดเหล่านี้รุนแรงเกินไปไม่ใช่เหรอ?ดีแลนรู้สึกเสียใจมากและน้ำตาก็เริ่มไหลอาบใบหน้านี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย… เขาเป็นนายน้อยคนที่สามของตระกูลโคช แต่จะต้องขี่จักรยานไปจนถึงโอลรัสฮิลล์? เขาจะไม่ล้มตายไปในระหว่างทางหรอกเหรอ?คงจะน่าทึ่งมากถ้าเขาสามารถปั่นจักรยานได้วันละห้าสิบ หรือหกสิบกิโลเมตรระยะทางกว่า 1,200 กิโลเมตร เขาจะต้องปั่นจักรยานไปประมาณยี่สิบวัน!แต่นี่มันเดือนธันวาคมแล้วนะ!เขาสะอึกสะอื้นพร้อมกับพูดว่า “คุณเวดครับ ถ้าผมเริ่มปั่นจักรยานไปโอลรัสฮิลล์ กว่าจะถึงที่นั่นก็คงเป็นเดือนมกราคมแล้ว น้องสาวผมจะต้องกลับมาฉลองปีใหม่ที่
ลอรีนดีใจมากแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ขอบคุณมากนะคะชาร์ลี!”ชาร์ลีรีบพูดว่า “รอเดี๋ยวนะ ผมจะไม่บังคับให้เขากลืนจี้หยกเข้าไป แต่ยังต้องลงโทษเขาด้วยวิธีอื่น ไม่งั้นเขาคงไม่จดจำไว้เป็นบทเรียน”ลอรีนรีบถามว่า “คุณจะลงโทษเขาด้วยวิธีไหนคะ ชาร์ลี? คงไม่ร้ายแรงไปกว่าการกลืนจี้หยกเข้าไปแล้วใช่ไหมคะ?”“ไม่หรอกครับ ชาร์ลียิ้มเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “คุณมั่นใจได้เลยว่า การลงโทษครั้งนี้จะส่งผลดีกับตัวเขาอย่างแน่นอน”ในที่สุดลอรีนก็รู้สึกสบายใจในขณะที่พูดอย่างเสน่หาว่า “ขอบคุณนะคะชาร์ลี ขอบคุณที่ให้อภัยพี่ชายของฉัน และปล่อยเขาไปเพราะเห็นแก่ฉัน ถ้าอย่างนั้น คุณให้โอกาสฉันได้ตอบแทนคุณดีไหมคะ…”ชาร์ลีถามด้วยความประหลาดใจ “คุณจะตอบแทนผมยังไงเหรอ?”ลอรีนกะพริบตาในขณะที่ยิ้มและพูดอย่างตั้งใจว่า “ฉันสัญญาว่าจะแต่งงานกับคุณ และให้กำเนิดลูกชายตัวอ้วน ๆ เพื่อคุณ! คุณคิดว่ายังไงคะ?”ชาร์ลีตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อย่าพูดอะไรแบบนี้อีก ผมเป็นสามีของเพื่อนสนิทของคุณนะ!”ลอรีนพยักหน้าก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันรู้ค่ะ แต่คุณทั้งคู่แต่งงานกันแบบปลอม ๆ นี่! ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการแต่งงานกันอย่างแท้จริง! จริง ๆ แล