บทที่ 28
“ไม่...ผมไม่มีทางทำแบบนั้น” ลูคัสปฏิเสธคำของนาเดียร์ทันที
“แต่เราจะตายทั้งคู่นะ เชือกจะรับน้ำหนักไม่ไหวแล้ว”“ตายก็ช่าง แต่ผมไม่ยอมให้คุณทำแบบนั้น เก็บคัตเตอร์กลับไป” น้ำเสียงของความหวาดกลัวว่าเธอจะทำอะไรบ้าๆ เอ่ยบอก “ไม่...” นาเดียร์ปฏิเสธทันทีเหมือนกัน “นาเดียร์!” ลูคัสตะคอกด้วยหัวใจที่เจ็บปวด แต่นาเดียร์ก็ยังไม่ยอมทำตามที่ชายหนุ่มบอกแต่อย่างใด หญิงสาวตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเลือกช่วยชีวิตชายอันเป็นที่รัก เธอใช้คัตเตอร์ในมือตัดเชือกที่ยึดร่างเธอและเขาให้ขาดออกจากกันทันทีโดยมีสายตาของลูคัสมองอยู่ ชายหนุ่มแทบกลั้นหายใจ คราวนี้ก็เหลือเพียงมือของลูคัสเท่านั้นที่จับมือของนาเดียร์แน่นไม่ยอมปล่อย “ไม่...นาเดียร์ ไม่...” หัวใจของชายหนุ่มแทบแตกสลาย ความเจ็บปวดกลัวว่าจะเสียเธอเข้ามากุมในหัวใจ เขาทำอะไรไม่ได้เลยอย่างนั้นเหรอ ทำไมเรื่องเลวร้ายแบบนี้ต้องเกิดกับเขาและเธอ ทำไม?“ปล่อยมือฉันลูคัส” “ไม่มีทาง” ลูคัสส่าบทที่ 29มุมหนึ่งของเวลาที่ยังเดินไปข้างหน้าไม่มีหยุดหรือย้อนคืน ภีรดลนั่งดื่มเหล้าเหมือนคนบ้า สติหลุดตั้งแต่รู้ข่าวว่านาตาเซียหญิงสาวอันเป็นที่รักหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ชายหนุ่มก็เอาแต่นั่งดื่มเหล้าทั้งๆ ที่เฝ้าบอกทุกคนเป็นอย่างดีว่าจะออกตามหาหญิงสาว แต่ก่อนจะมีแรงทำขั้นนั้น ชายหนุ่มกลับเลือกใช้เหล้าดับความกลัดกลุ้ม นาตาเซียหายตัวไปเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว แต่ทำไมความรู้สึกเหมือนเธอหายไปนานเป็นสิบๆ ปีแบบนี้“นาตาเซีย” น้ำเสียงบ่งบอกว่าสติของคนพูดไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างภีรดลเอ่ยชื่อหญิงสาวออกมา ก่อนจะยกขวดเหล้าในมือขึ้นดื่มแบบเพียวๆ แม้จะบาดคอแต่ก็ไม่ได้สะทกสะท้าน“คุณคะ” อัสมาห์ที่ยืนมองลูกชายที่เอาแต่ดื่มเหล้าจนเมามายตรงระเบียงหลังห้อง ก่อนจะหันมองหน้าสามีที่แม้จะดึกดื่นค่อนคืนจนถึงเช้า ทุกคนต่างข่มตาหลับไม่ลง ไม่รู้สึกง่วงสักนิด อีกอย่างเวลานี้ภีรดลก็ไม่ค่อยดีนัก“ผมรู้ แต่ปล่อยไมค์ไปก่อน คงกำลังกลุ้ม” ศุภกรส่ายหน้าให้ลูกชาย ยามรักภีรดลมักจะเป็นแบบนี้ ทุ่มให้จนหมดตัวและเจ็บปวด แต่ยามหมดรักก็ทิ้งไปแบบไม่เหล
บทที่ 30 นาตาเซียเริ่มขยับตัว เพราะรู้สึกว่าอะไรหนักๆ กอดรัดตัวเองอยู่จนรู้สึกหายใจไม่ออก หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ ภายในห้องนอนตอนนี้มีแสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่างบานเล็ก พอตั้งสติลดอาการมึนๆ ของตัวเองได้เท่านั้น นาตาเซียก็แทบกรี๊ด เพราะตอนนี้เธอนอนอยู่ในอ้อมกอดใคร หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะอ้าปากค้าง“นาย...” ใบหน้าของลูคัสอยู่ห่างจากเธอไปนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ ชายหนุ่มกำลังหลับ นาตาเซียจึงพยายามออกจากอ้อมกอดนี้ให้เร็วที่สุด หน้าตาแดงก่ำยามมองริมฝีปากของเขา ไม่รู้อีตาผู้ชายลามกนี่เข้ามานอนกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ถือว่าเป็นเครื่องบินของตัวเองจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นน่ะเหรอ หญิงสาวค่อยๆ จับมือของลูคัสที่พาดวางบนเอวกับขาหนักๆ ที่ก่ายเธออยู่ออก กอดซะแน่นทำเหมือนเธอเป็นหมอนข้างไปได้แต่เหมือนความพยายามของเธอจะไม่เป็นผล เพราะออกแรงเท่าไหร่ ขากับแขนของชายหนุ่มก็ไม่ออกไปจากตัวเธอสักที แถมยังเพิ่มแรงกอดจนเธอแทบจะแทรกเข้าไปอยู่ในตัวเขาอยู่แล้ว นาตาเซียพยายามยกแขนกันความแนบชิดนี้ ควันออกหู กัดฟันกรอดๆ อย่างเหลืออด“นี่...ตื่นสักที ไอ้ผู้ชายลามก” นาตาเซียแหวใส่เสียงดังฟังชัดจนลูคัสสะดุ้งตื่น ชายห
บทที่ 31นาตาเซียลดฉากบังแดดของหน้าต่างเครื่องบินในห้องนอนลง หญิงสาวปรับสายตาให้ชินกับแสงที่จ้า ก่อนจะหรี่ตามองวิวด้านล่าง ที่เริ่มเห็นความแห้งแล้ง หวังว่าไม่นานเธอจะได้ลงจากเครื่องบินลำนี้ แล้วกลับอิตาลีไปอยู่ที่นั่นจนเรียนจบ โทรบอกที่บ้านให้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะป่านนี้คงรู้เรื่องที่เธอสะเพร่าขึ้นเครื่องบินผิดลำแล้วแน่ๆ แต่อยู่ๆ ชายหนุ่มที่น่ากลัวเมื่อครู่ก็เปิดประตูเข้ามา ทำเอาคนที่กำลังคิดอะไรเหม่อๆ สะดุ้ง“กินข้าว” น้ำเสียงแข็งกระด้างของชายหนุ่มเอ่ยบอก ก่อนจะกลับไปนั่งรอหญิงสาวที่เก้าอี้ แม้จะไม่ต้องใส่ใจเธอด้วยซ้ำ แต่ก็เลือกที่จะไม่ทำ นาตาเซียลังเลนิดหน่อยว่าจะตามเขาออกไปดีไหม แต่ความหิวก็เป็นตัวแปรหลักให้เธอก้าวลงจากเตียง “นั่งสิ” ลูคัสเอ่ยบอก บนโต๊ะตรงหน้ามีสปาเกตตี กาแฟ และขนมปังวางอยู่ ในเครื่องเขาไม่ค่อยได้เตรียมของกินไว้สักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็เป็นของที่กินง่ายๆ หรือไม่ก็ซื้อแบบอาหารสำเร็จรูปอุ่นแล้วกินได้เลยมาสำรองไว้เสียมากกว่า “กี่โมงแล้ว” นาตาเซียกล้าๆ กลัวๆ ที่จะลงไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา แต่ก็ยอมทำในที่สุด หญิงสาวเอ่ยถามเรื่องเวลาก่อน เพราะเป็นสิ่งที่อยากรู้“หกโมง
บทที่ 32“ต้องใช้บัตรโทรศัพท์เหรอ ทำไงล่ะ ซื้อจากที่ไหน?” นาตาเซียอ่านขั้นตอนการใช้งานโทรศัพท์ที่แปะอยู่ข้างๆ ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาจุดที่พอจะไปซื้อบัตรโทรศัพท์นั่นได้ แต่กลับมืดแปดด้าน ก่อนจะตัดสินใจเดินมาหาลูคัส ที่ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังคุยกับใครอยู่สองสามคน เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ลูคัสกลับไม่ได้สนใจเธอแม้แต่น้อย เพราะกำลังคุยเรื่องงานสำคัญกับลูกน้อง ชายหนุ่มถามถึงแรงงานคนไทยที่เดินทางมาถึงที่นี่ก่อนเขาเมื่อสองชั่วโมงก่อน ว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า เพราะจำนวนแรงงานที่เดินทางมาครั้งนี้เกือบสามสิบคนเห็นจะได้ จึงกลัวว่าจะมีปัญหาบางอย่างที่พ่อเขามองข้ามไป แต่ก็ไม่มีจึงโล่งอก ก่อนจะหันมามองนาตาเซียที่ยืนทำหน้าน่าสงสารอยู่“ทำหน้าแบบนี้หมายความว่ายังไง?”“ฉันอยากโทรศัพท์ แต่ไม่รู้จะไปซื้อบัตรที่ไหน นายช่วยหน่อยสิ” นาตาเซียยืนมองหน้าชายหนุ่มเป็นนานกว่าเขาจะยอมหันมามอง ไม่รู้หรอกว่าเขาพูดคุยเรื่องอะไร เพราะเป็นภาษาที่เธอฟังไม่ออก แต่คงสำคัญจึงไม่อยากขัด“เธอนี่น่ารำคาญจริง” แม้จะพูดว่าน่ารำคาญ แต่ลูคัสก็กำลัง
บทที่ 33“แกล้งอ้วกไง แค่แกล้ง อยากเจอคุกหรือไง” ลูคัสเอ่ยย้ำอีกครั้งหน้าตาจริงจัง จนนาตาเซียหน้าเหลอหลา กลัวตำรวจจับได้จึงยอมทำตามที่เขาบอกทันที ก่อนจะแกล้งอาเจียนออกมาอย่างหนัก ยกมือขึ้นปิดปากไว้ บวกกับหน้าซีดๆ เพราะความกลัวของเธอ ฉากนี้จึงสมบทบาท“คุณผู้หญิงเป็นอะไรมากไหมครับ” นายตำรวจหนุ่มเห็นท่าทางของนาตาเซียก็รู้สึกเห็นใจขึ้นมา เพราะสีหน้าของเธอดูทรมานมาก“ที่รัก...ใจเย็นๆ เดี๋ยวผมจะพาไปโรงพยาบาลนะ” คนที่แกล้งเป็นสามีเอ่ยถามเสียงเป็นห่วงเป็นใยต่อภรรยาจอมปลอมของตัวเอง ความที่อยากเอาตัวรอดทำให้นาตาเซียยิ่งแกล้งอาเจียนให้หนักมากขึ้นไปอีก“ผมเรียกรถพยาบาลให้ไหม”“ไม่ต้องครับ พวกผมไปกันเองได้ ขอบคุณมากที่เป็นห่วง” ลูคัสปฏิเสธความหวังดีของนายตำรวจตรงหน้า ก่อนจะพยุงนาตาเซียแยกตัวออกไป ชายหนุ่มตรงไปยังรถคันใหญ่ที่จอดอยู่หน้าสนามบิน เมื่อเข้าไปนั่งก็สั่งให้ลูกน้องขับรถออกไปทันที จากที่สนามบินไปถึงอาณาจักรของเขาแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น“เฮ้อ...โล่งอกไป” นาตาเซียถอนหาย
บทที่ 34“รู้ไหมตอนเข้าเมือง ฉันเสียเงินไปเท่าไหร่เพื่อช่วยเธอ ค่าเสียหายครั้งนี้มันมากพอตัว”“ยะ...อย่าบอกนะว่านายจะคิดบวกเรื่องนั้นด้วย แล้วให้ฉันทำงานชดใช้ให้” สมองของนาตาเซียคิดได้แค่ทางเดียวเท่านั้น ทำไมชีวิตเธอต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้ด้วย“ใช่ เพราะฉันเป็นนักธุรกิจ ทำอะไรต้องได้ผลตอบแทนคืน”“ทุเรศ สารเลวที่สุด” มือบางกำเข้าหากันแน่นจนรู้สึกเจ็บ เพราะเล็บที่จิกเนื้อตรงฝ่ามือบาง แต่มันคงไม่เท่าเจ็บใจ ที่คิดว่าผู้ชายคนนี้หวังดีจะช่วยเธอ ที่แท้ก็สารเลว“บนโลกนี้มันโหดร้ายเสมอสาวน้อย” ลูคัสยักคิ้วให้เพราะเป็นต่ออยู่มาก ชายหนุ่มใช้วิธีนี้รั้งตัวนาตาเซียให้อยู่กับเขาต่อ“แล้วฉันต้องทำงานชดใช้คนอย่างนายไปถึงเมื่อไหร่”“อาทิตย์ สองอาทิตย์ เดือน สองเดือน ครึ่งปี หนึ่งปี” ชายหนุ่มไล่ระยะเวลา ที่มันดูจะมีแต่เพิ่มขึ้นทั้งนั้น“นานขนาดนั้นเชียวเหรอ ไม่มีทาง” นาตาเซียส่ายหน้าให้ ระยะเวลานานแบบนั้นใครจะยอมทำได้“นานหรือไ
บทที่ 35“นายน้อย...เอ่อ” น้ำอ้อยที่ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านให้ลูคัสตั้งแต่รุ่นพ่อของชายหนุ่มเหมือนจะมีอะไรถาม ก่อนจะมองไปยังนาตาเซีย เพราะเธอนั้นอยู่กับครอบครัวนี้มานานแล้ว จับพลัดจับผลูย้ายจากเมืองไทยมาทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่ซาอุฯ นี่ก็เพราะเป็นห่วงเจ้านายทั้งสองคน ยิ่งนายน้อยคนนี้ด้วยแล้วก็ยิ่งห่วงมากกว่าอดัม ผู้เป็นพ่อของลูคัสเสียอีก“แม่บ้าน ช่วยดูแล สอนงานเธอหน่อยนะป้าอ้อย” การสนทนาของทั้งคู่ ทำให้นาตาเซียใจชื้นขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยที่นี่ก็มีคนไทยให้เธอพอได้พึ่งพายามต้องมาทำงานชดใช้ให้ผู้ชายคนนี้“มะ...แม่บ้าน แต่นายน้อยก็มีป้าแล้วนี่จ๊ะ” คนฟังงง ก่อนจะมองมายังหญิงสาว หน้าตาสวยคม ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นแค่แม่บ้าน“ฉันหามาเพิ่มไง ป้าจะได้ไม่เหงา เห็นบ่นว่าไม่มีเพื่อนคุย” น้ำเสียงของลูคัสยามพูดกับน้ำอ้อยดูอ่อนโยนมาก ดูจะมีคนไทยเพียงคนเดียวที่ชายหนุ่มยอมพูดดีๆ ด้วย นั่นคือแม่บ้านคนนี้ แม้แรกๆ จะตั้งแง่กับแม่บ้านคนไทยของพ่อนักต่อนัก แต่น้ำอ้อยกลับอดทนกับความเกเรเอาแต่ใจของเขา นานเข้าจึงเป็นแม่บ้านผู้รู้
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นภายในบ้านหลังใหญ่แสนโอ่อ่า หรูหราและสวยงามสมฐานะผู้ที่ครอบครองอย่างครอบครัวแมทธิวและดารียะห์ สองสามีภรรยาที่ต่างเชื้อชาติ แต่ก็รักและเลือกใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน แมทธิวนั้นเป็นเศรษฐีทองคำชาวฝรั่งเศส ได้รู้จักและแต่งงานกับดารียะห์ ทายาทบ่อน้ำมันรายใหญ่ของบรูไน การแต่งงานของทั้งคู่เหมือนเรือล่มในหนองก็ไม่ปาน เพราะยิ่งส่งให้ทั้งสองครอบครัวมั่งคั่งและร่ำรวยมากขึ้น ดารียะห์หันซ้ายหันขวามองหาคนรับใช้ ก่อนจะส่ายหน้าให้ เพราะไม่เห็นมีใครเดินมารับโทรศัพท์ที่ส่งเสียงอยู่ภายในบ้านสักคน ร่างอวบๆ แต่ยังคงดูสาวและสวยของเจ้าของบ้านเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายเสียเอง “ฮัลโหล” เสียงเอ่ยทักเป็นภาษาท้องถิ่นชาวบรูไนแบบสั้นๆ แต่กังวานฟังเหมือนคนมีอำนาจ แตกต่างกับหญิงรับใช้ในบ้าน เพียงแค่นี้อัสมาห์ก็ยิ้มออก ไม่คิดว่าดารียะห์จะรับสายด้วยตัวเอง “คุณพี่ดารียะห์ ดิฉันอัสมาห์นะคะ” บุคคลที่โทรเข้ามาเอ่ยแนะนำตัว “อ้าว...อัสมาห์ ไม่ได้คุยกันซะนาน สบายดีหรือเปล่า?” ดารียะห์ค่อยๆ หย่อนตัวลงไปนั่งบนโซฟาสุดหรูของเธอ ก่อนจะยกขาขาวขึ้นไขว่ห้าง เธอนั้นถึงจะมีเชื้อสายบรูไนหรือมุสลิม แต่การเลี้ยงด
บทที่ 35“นายน้อย...เอ่อ” น้ำอ้อยที่ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านให้ลูคัสตั้งแต่รุ่นพ่อของชายหนุ่มเหมือนจะมีอะไรถาม ก่อนจะมองไปยังนาตาเซีย เพราะเธอนั้นอยู่กับครอบครัวนี้มานานแล้ว จับพลัดจับผลูย้ายจากเมืองไทยมาทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่ซาอุฯ นี่ก็เพราะเป็นห่วงเจ้านายทั้งสองคน ยิ่งนายน้อยคนนี้ด้วยแล้วก็ยิ่งห่วงมากกว่าอดัม ผู้เป็นพ่อของลูคัสเสียอีก“แม่บ้าน ช่วยดูแล สอนงานเธอหน่อยนะป้าอ้อย” การสนทนาของทั้งคู่ ทำให้นาตาเซียใจชื้นขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยที่นี่ก็มีคนไทยให้เธอพอได้พึ่งพายามต้องมาทำงานชดใช้ให้ผู้ชายคนนี้“มะ...แม่บ้าน แต่นายน้อยก็มีป้าแล้วนี่จ๊ะ” คนฟังงง ก่อนจะมองมายังหญิงสาว หน้าตาสวยคม ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นแค่แม่บ้าน“ฉันหามาเพิ่มไง ป้าจะได้ไม่เหงา เห็นบ่นว่าไม่มีเพื่อนคุย” น้ำเสียงของลูคัสยามพูดกับน้ำอ้อยดูอ่อนโยนมาก ดูจะมีคนไทยเพียงคนเดียวที่ชายหนุ่มยอมพูดดีๆ ด้วย นั่นคือแม่บ้านคนนี้ แม้แรกๆ จะตั้งแง่กับแม่บ้านคนไทยของพ่อนักต่อนัก แต่น้ำอ้อยกลับอดทนกับความเกเรเอาแต่ใจของเขา นานเข้าจึงเป็นแม่บ้านผู้รู้
บทที่ 34“รู้ไหมตอนเข้าเมือง ฉันเสียเงินไปเท่าไหร่เพื่อช่วยเธอ ค่าเสียหายครั้งนี้มันมากพอตัว”“ยะ...อย่าบอกนะว่านายจะคิดบวกเรื่องนั้นด้วย แล้วให้ฉันทำงานชดใช้ให้” สมองของนาตาเซียคิดได้แค่ทางเดียวเท่านั้น ทำไมชีวิตเธอต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้ด้วย“ใช่ เพราะฉันเป็นนักธุรกิจ ทำอะไรต้องได้ผลตอบแทนคืน”“ทุเรศ สารเลวที่สุด” มือบางกำเข้าหากันแน่นจนรู้สึกเจ็บ เพราะเล็บที่จิกเนื้อตรงฝ่ามือบาง แต่มันคงไม่เท่าเจ็บใจ ที่คิดว่าผู้ชายคนนี้หวังดีจะช่วยเธอ ที่แท้ก็สารเลว“บนโลกนี้มันโหดร้ายเสมอสาวน้อย” ลูคัสยักคิ้วให้เพราะเป็นต่ออยู่มาก ชายหนุ่มใช้วิธีนี้รั้งตัวนาตาเซียให้อยู่กับเขาต่อ“แล้วฉันต้องทำงานชดใช้คนอย่างนายไปถึงเมื่อไหร่”“อาทิตย์ สองอาทิตย์ เดือน สองเดือน ครึ่งปี หนึ่งปี” ชายหนุ่มไล่ระยะเวลา ที่มันดูจะมีแต่เพิ่มขึ้นทั้งนั้น“นานขนาดนั้นเชียวเหรอ ไม่มีทาง” นาตาเซียส่ายหน้าให้ ระยะเวลานานแบบนั้นใครจะยอมทำได้“นานหรือไ
บทที่ 33“แกล้งอ้วกไง แค่แกล้ง อยากเจอคุกหรือไง” ลูคัสเอ่ยย้ำอีกครั้งหน้าตาจริงจัง จนนาตาเซียหน้าเหลอหลา กลัวตำรวจจับได้จึงยอมทำตามที่เขาบอกทันที ก่อนจะแกล้งอาเจียนออกมาอย่างหนัก ยกมือขึ้นปิดปากไว้ บวกกับหน้าซีดๆ เพราะความกลัวของเธอ ฉากนี้จึงสมบทบาท“คุณผู้หญิงเป็นอะไรมากไหมครับ” นายตำรวจหนุ่มเห็นท่าทางของนาตาเซียก็รู้สึกเห็นใจขึ้นมา เพราะสีหน้าของเธอดูทรมานมาก“ที่รัก...ใจเย็นๆ เดี๋ยวผมจะพาไปโรงพยาบาลนะ” คนที่แกล้งเป็นสามีเอ่ยถามเสียงเป็นห่วงเป็นใยต่อภรรยาจอมปลอมของตัวเอง ความที่อยากเอาตัวรอดทำให้นาตาเซียยิ่งแกล้งอาเจียนให้หนักมากขึ้นไปอีก“ผมเรียกรถพยาบาลให้ไหม”“ไม่ต้องครับ พวกผมไปกันเองได้ ขอบคุณมากที่เป็นห่วง” ลูคัสปฏิเสธความหวังดีของนายตำรวจตรงหน้า ก่อนจะพยุงนาตาเซียแยกตัวออกไป ชายหนุ่มตรงไปยังรถคันใหญ่ที่จอดอยู่หน้าสนามบิน เมื่อเข้าไปนั่งก็สั่งให้ลูกน้องขับรถออกไปทันที จากที่สนามบินไปถึงอาณาจักรของเขาแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น“เฮ้อ...โล่งอกไป” นาตาเซียถอนหาย
บทที่ 32“ต้องใช้บัตรโทรศัพท์เหรอ ทำไงล่ะ ซื้อจากที่ไหน?” นาตาเซียอ่านขั้นตอนการใช้งานโทรศัพท์ที่แปะอยู่ข้างๆ ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาจุดที่พอจะไปซื้อบัตรโทรศัพท์นั่นได้ แต่กลับมืดแปดด้าน ก่อนจะตัดสินใจเดินมาหาลูคัส ที่ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังคุยกับใครอยู่สองสามคน เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ลูคัสกลับไม่ได้สนใจเธอแม้แต่น้อย เพราะกำลังคุยเรื่องงานสำคัญกับลูกน้อง ชายหนุ่มถามถึงแรงงานคนไทยที่เดินทางมาถึงที่นี่ก่อนเขาเมื่อสองชั่วโมงก่อน ว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า เพราะจำนวนแรงงานที่เดินทางมาครั้งนี้เกือบสามสิบคนเห็นจะได้ จึงกลัวว่าจะมีปัญหาบางอย่างที่พ่อเขามองข้ามไป แต่ก็ไม่มีจึงโล่งอก ก่อนจะหันมามองนาตาเซียที่ยืนทำหน้าน่าสงสารอยู่“ทำหน้าแบบนี้หมายความว่ายังไง?”“ฉันอยากโทรศัพท์ แต่ไม่รู้จะไปซื้อบัตรที่ไหน นายช่วยหน่อยสิ” นาตาเซียยืนมองหน้าชายหนุ่มเป็นนานกว่าเขาจะยอมหันมามอง ไม่รู้หรอกว่าเขาพูดคุยเรื่องอะไร เพราะเป็นภาษาที่เธอฟังไม่ออก แต่คงสำคัญจึงไม่อยากขัด“เธอนี่น่ารำคาญจริง” แม้จะพูดว่าน่ารำคาญ แต่ลูคัสก็กำลัง
บทที่ 31นาตาเซียลดฉากบังแดดของหน้าต่างเครื่องบินในห้องนอนลง หญิงสาวปรับสายตาให้ชินกับแสงที่จ้า ก่อนจะหรี่ตามองวิวด้านล่าง ที่เริ่มเห็นความแห้งแล้ง หวังว่าไม่นานเธอจะได้ลงจากเครื่องบินลำนี้ แล้วกลับอิตาลีไปอยู่ที่นั่นจนเรียนจบ โทรบอกที่บ้านให้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะป่านนี้คงรู้เรื่องที่เธอสะเพร่าขึ้นเครื่องบินผิดลำแล้วแน่ๆ แต่อยู่ๆ ชายหนุ่มที่น่ากลัวเมื่อครู่ก็เปิดประตูเข้ามา ทำเอาคนที่กำลังคิดอะไรเหม่อๆ สะดุ้ง“กินข้าว” น้ำเสียงแข็งกระด้างของชายหนุ่มเอ่ยบอก ก่อนจะกลับไปนั่งรอหญิงสาวที่เก้าอี้ แม้จะไม่ต้องใส่ใจเธอด้วยซ้ำ แต่ก็เลือกที่จะไม่ทำ นาตาเซียลังเลนิดหน่อยว่าจะตามเขาออกไปดีไหม แต่ความหิวก็เป็นตัวแปรหลักให้เธอก้าวลงจากเตียง “นั่งสิ” ลูคัสเอ่ยบอก บนโต๊ะตรงหน้ามีสปาเกตตี กาแฟ และขนมปังวางอยู่ ในเครื่องเขาไม่ค่อยได้เตรียมของกินไว้สักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็เป็นของที่กินง่ายๆ หรือไม่ก็ซื้อแบบอาหารสำเร็จรูปอุ่นแล้วกินได้เลยมาสำรองไว้เสียมากกว่า “กี่โมงแล้ว” นาตาเซียกล้าๆ กลัวๆ ที่จะลงไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา แต่ก็ยอมทำในที่สุด หญิงสาวเอ่ยถามเรื่องเวลาก่อน เพราะเป็นสิ่งที่อยากรู้“หกโมง
บทที่ 30 นาตาเซียเริ่มขยับตัว เพราะรู้สึกว่าอะไรหนักๆ กอดรัดตัวเองอยู่จนรู้สึกหายใจไม่ออก หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ ภายในห้องนอนตอนนี้มีแสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่างบานเล็ก พอตั้งสติลดอาการมึนๆ ของตัวเองได้เท่านั้น นาตาเซียก็แทบกรี๊ด เพราะตอนนี้เธอนอนอยู่ในอ้อมกอดใคร หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะอ้าปากค้าง“นาย...” ใบหน้าของลูคัสอยู่ห่างจากเธอไปนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ ชายหนุ่มกำลังหลับ นาตาเซียจึงพยายามออกจากอ้อมกอดนี้ให้เร็วที่สุด หน้าตาแดงก่ำยามมองริมฝีปากของเขา ไม่รู้อีตาผู้ชายลามกนี่เข้ามานอนกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ถือว่าเป็นเครื่องบินของตัวเองจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นน่ะเหรอ หญิงสาวค่อยๆ จับมือของลูคัสที่พาดวางบนเอวกับขาหนักๆ ที่ก่ายเธออยู่ออก กอดซะแน่นทำเหมือนเธอเป็นหมอนข้างไปได้แต่เหมือนความพยายามของเธอจะไม่เป็นผล เพราะออกแรงเท่าไหร่ ขากับแขนของชายหนุ่มก็ไม่ออกไปจากตัวเธอสักที แถมยังเพิ่มแรงกอดจนเธอแทบจะแทรกเข้าไปอยู่ในตัวเขาอยู่แล้ว นาตาเซียพยายามยกแขนกันความแนบชิดนี้ ควันออกหู กัดฟันกรอดๆ อย่างเหลืออด“นี่...ตื่นสักที ไอ้ผู้ชายลามก” นาตาเซียแหวใส่เสียงดังฟังชัดจนลูคัสสะดุ้งตื่น ชายห
บทที่ 29มุมหนึ่งของเวลาที่ยังเดินไปข้างหน้าไม่มีหยุดหรือย้อนคืน ภีรดลนั่งดื่มเหล้าเหมือนคนบ้า สติหลุดตั้งแต่รู้ข่าวว่านาตาเซียหญิงสาวอันเป็นที่รักหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ชายหนุ่มก็เอาแต่นั่งดื่มเหล้าทั้งๆ ที่เฝ้าบอกทุกคนเป็นอย่างดีว่าจะออกตามหาหญิงสาว แต่ก่อนจะมีแรงทำขั้นนั้น ชายหนุ่มกลับเลือกใช้เหล้าดับความกลัดกลุ้ม นาตาเซียหายตัวไปเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว แต่ทำไมความรู้สึกเหมือนเธอหายไปนานเป็นสิบๆ ปีแบบนี้“นาตาเซีย” น้ำเสียงบ่งบอกว่าสติของคนพูดไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างภีรดลเอ่ยชื่อหญิงสาวออกมา ก่อนจะยกขวดเหล้าในมือขึ้นดื่มแบบเพียวๆ แม้จะบาดคอแต่ก็ไม่ได้สะทกสะท้าน“คุณคะ” อัสมาห์ที่ยืนมองลูกชายที่เอาแต่ดื่มเหล้าจนเมามายตรงระเบียงหลังห้อง ก่อนจะหันมองหน้าสามีที่แม้จะดึกดื่นค่อนคืนจนถึงเช้า ทุกคนต่างข่มตาหลับไม่ลง ไม่รู้สึกง่วงสักนิด อีกอย่างเวลานี้ภีรดลก็ไม่ค่อยดีนัก“ผมรู้ แต่ปล่อยไมค์ไปก่อน คงกำลังกลุ้ม” ศุภกรส่ายหน้าให้ลูกชาย ยามรักภีรดลมักจะเป็นแบบนี้ ทุ่มให้จนหมดตัวและเจ็บปวด แต่ยามหมดรักก็ทิ้งไปแบบไม่เหล
บทที่ 28“ไม่...ผมไม่มีทางทำแบบนั้น” ลูคัสปฏิเสธคำของนาเดียร์ทันที“แต่เราจะตายทั้งคู่นะ เชือกจะรับน้ำหนักไม่ไหวแล้ว”“ตายก็ช่าง แต่ผมไม่ยอมให้คุณทำแบบนั้น เก็บคัตเตอร์กลับไป” น้ำเสียงของความหวาดกลัวว่าเธอจะทำอะไรบ้าๆ เอ่ยบอก“ไม่...” นาเดียร์ปฏิเสธทันทีเหมือนกัน“นาเดียร์!” ลูคัสตะคอกด้วยหัวใจที่เจ็บปวด แต่นาเดียร์ก็ยังไม่ยอมทำตามที่ชายหนุ่มบอกแต่อย่างใด หญิงสาวตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเลือกช่วยชีวิตชายอันเป็นที่รัก เธอใช้คัตเตอร์ในมือตัดเชือกที่ยึดร่างเธอและเขาให้ขาดออกจากกันทันทีโดยมีสายตาของลูคัสมองอยู่ ชายหนุ่มแทบกลั้นหายใจ คราวนี้ก็เหลือเพียงมือของลูคัสเท่านั้นที่จับมือของนาเดียร์แน่นไม่ยอมปล่อย“ไม่...นาเดียร์ ไม่...” หัวใจของชายหนุ่มแทบแตกสลาย ความเจ็บปวดกลัวว่าจะเสียเธอเข้ามากุมในหัวใจ เขาทำอะไรไม่ได้เลยอย่างนั้นเหรอ ทำไมเรื่องเลวร้ายแบบนี้ต้องเกิดกับเขาและเธอ ทำไม?“ปล่อยมือฉันลูคัส”“ไม่มีทาง” ลูคัสส่า
บทที่ 27เพียงเสี้ยวนาทีสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อลูคัสเสียการทรงตัว เพราะชะง่อนหินจุดที่เขาจับอยู่ทรุดและทะลายลงมาปานถูกของแข็งทุบจากด้านบนก็ไม่ปาน ชายหนุ่มร่วงตามแรงโน้มถ่วงของโลก แต่ยังดีที่มีเชือกนิรภัยซึ่งผูกติดกับตัวเองและก้อนหินก้อนบนสุดไว้อยู่จึงไม่หล่นลงพื้นในทันที แต่การร่วงครั้งนี้ทำให้นาเดียร์ที่ใช้เชือกนิรภัยเช่นเดียวกับชายหนุ่มร่วงตามมาด้วย เพราะความห่างของเชือกมีน้อย ทั้งคู่จึงห้อยอยู่กลางอากาศแบบนั้น“ว้าย!!!” หญิงสาวร้องลั่นด้วยความตกใจ นาเดียร์คุมสติเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม ลูคัสพยายามลืมตาขึ้น เพราะเศษหินที่ร่วงลงใส่หน้าเขาเมื่อครู่ ชายหนุ่มขยี้ตาทั้งสองข้างจนแดงก่ำ ก่อนจะค่อยๆ ลืมขึ้นมองแล้วพยายามจะเอื้อมมือไปคว้าหาที่เกาะ ยกเท้าไปแตะหวังดึงตัวเองกลับไป แต่น้ำหนักตัวของนาเดียร์ที่ห้อยอยู่ด้านล่าง มันก็ทำให้เขาทำอย่างที่ต้องการไม่ได้“นาเดียร์ เป็นอะไรหรือเปล่า?” ความห่วงใยทำให้ชายหนุ่มเอี้ยวตัวลงไปถามคนรัก มองใบหน้าของเธอ สื่อแววตาให้มั่นใจว่าไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น“ไม่