บทที่ 14กรี๊ด!!!“กลับมาเดี๋ยวนี้นะ กลับมา” จิตรานุชตะโกนลั่นบ้าน เธอร้องไห้ออกมาน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ทั้งเสียใจ เสียหน้า และอีกสารพัดที่ถาโถมเข้ามาในตอนนี้ ความฝันเรื่องงานแต่งงานของเธอพังทั้งๆ ที่มันใกล้แค่เอื้อมแล้ว ทำไมเธอต้องมาเจอกับผู้ชายเห็นแก่ตัวแบบนี้ด้วย หญิงสาวพยายามโทรหาภีรดลมือไม้สั่น เพื่อบอกให้เขากลับมาแต่ก็ติดต่อไม่ได้ คงปิดเครื่องไปแล้ว “ไอซ์ เกิดอะไรขึ้นลูก” กิ่งแก้วที่ได้ยินเสียงร้องกรี๊ดๆ ของลูกสาวที่หน้าบ้านรีบวิ่งออกมาดูทันที ส่วนจตุพลก็ยืนกอดอกมองอยู่ เพราะคิดว่าลูกสาวคงทำตัวไร้สาระกับภีรดลจนต้องทะเลาะกันแน่ๆ “แม่ ไอ้ผู้ชายหน้าหมามันบอกว่ายกเลิกงานแต่ง มันไม่แต่งงานกับไอซ์แล้วแม่” จิตรานุชเขย่าตัวแม่แรงๆ เอ่ยบอกทั้งน้ำตา “ไม่แต่งงาน เป็นไปได้ยังไง เราสองคนทะเลาะกันจนพลั้งปากพูดออกมาหรือเปล่า?” “เปล่า ไอซ์ไม่ได้ทะเลาะ อยู่ๆ มันก็พูดว่าไม่แต่งงานแล้ว ไอซ์เจ็บหัวใจแม่ ไอซ์เจ็บ” น้ำตาของจิตรานุชไหลไม่หยุด เธอนั้นหลงรักภีรดลจริงๆ จนเจ็บหัวใจปานถูกฉีกออกแบบนี้ ขณะที่เสียใจเธอกลับคิดถึงพัชรพงศ์ ชายหนุ่มที่ดีกับเธอมาตลอด แต่เธอกลับทิ้งเขาอย่างไม่แยแส “ทำแบบนี้ได้ย
ละออส่งนาตาเซียเข้านอน แต่ตาของเธอยังแข็งอยู่เพราะเรื่องที่กำลังคิดในสมอง เธอจึงเลือกที่จะลงไปนั่งเล่นที่สระว่ายน้ำของโรงแรม คิดอะไรกับตัวเองเงียบๆ ในมือของละออมีสิ่งสำคัญถืออยู่ด้วย แต่จังหวะที่เดินสวนกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าลิฟต์ หัวใจของเธอกลับเต้นแรงเหมือนคนกำลังจะเป็นลม จนต้องยกมือขึ้นมากุมไว้แล้วงอตัวเหมือนคนกำลังเจ็บปวด“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ลูคัสทำเป็นไม่สนใจแล้ว แต่เหมือนมีอะไรมาดลใจให้เขาเอ่ยถามขึ้น แถมยังเป็นภาษาไทย ภาษาที่เขาไม่อยากจดจำแต่กลับพูดได้เพราะการฟัง ซึ่งลูคัสเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงเป็นแบบนี้ได้ ก่อนจะเดินเข้าไปหา วิคตอเรียออกอาการงงกับท่าทางของชายหนุ่ม“มะ...ไม่เป็นไรจ้ะพ่อหนุ่ม” ละออที่ก้มหน้ามองพื้นเอ่ยขึ้น เธอค่อยๆ เงยหน้ามองชายหนุ่มที่มีน้ำใจเอ่ยถามเธอ แววตาดูแปลกใจที่เห็นเขาเป็นฝรั่งมาก แต่กลับพูดภาษาไทยได้ดีเลยทีเดียว“คนรู้จักเหรอคะ” วิคตอเรียเอ่ยถาม เพราะสีหน้าของลูคัสดูเป็นห่วงมาก“เปล่า ถ้าคุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” ลูคัสหันไปตอบวิคตอเรีย ก่อนจะพูดกับหญิงตรงหน้าที่อายุก็มากแล้ว แต่กลับยังดูสาวอยู่ ทั้งคู่เดินเข้าไปในลิฟต์ ปล่อยให้ละออยืนมองเท่าน
บทที่ 16นาตาเซียที่เดินยิ้ม ควงแขนละออ แม่นมที่วันนี้ไปนั่งเรือเที่ยวด้วยเข้าโรงแรม ด้านหลังที่เดินตามมาคือพ่อและแม่ ที่ใบหน้ามีความสุขมากเช่นกัน หญิงสาวหยุดเดินแทบจะทันทีเมื่อเห็นภีรดลยืนอยู่ข้างหน้า รู้ว่าเขาจะมาแบบนี้เธอจะเลี่ยงไปอีกทาง “สวัสดีครับน้องนาตาเซีย คุณลุง คุณป้า ไปเที่ยวเกาะมาเป็นยังไงบ้าง สนุกไหมครับ” ภีรดลเอ่ยถามอย่างเป็นกันเองมาก ดารียะห์ยิ้มให้ก่อนจะเดินควงสามีเข้ามาหาชายหนุ่ม แววตาของภีรดลมองมายัง นาตาเซีย ที่ตอนนี้เธอสวมชุดว่ายน้ำทูพีชลายกราฟิกเท่ๆ ด้านใน ส่วนตัวนอกคือชุดคลุมผ้าซีทรูเนื้อบางยาวปิดแค่ขาอ่อน สัดส่วนเธอมันน่ามองไปเสียหมด จนเขาแทบละสายตาไปทางอื่นไม่ได้ “สนุกมาก ทะเลที่นี่ก็สวยเชียว น่าเสียดายที่ไมค์ไม่ได้ไปกับเราด้วย” ดารียะห์ส่งยิ้มให้ภีรดล รู้จักแค่ไม่กี่วัน แต่เธอกลับชอบชายหนุ่มคนนี้มากขึ้นทุกครั้งที่ได้เจอ กิริยามารยาทก็ดูดี มาดแมน นิสัยความน่ารักคงได้มาจากพ่อที่เป็นคนไทยแน่นอน เห็นแบบนี้เธอก็โล่งใจที่มองคนไม่ผิด “พอดีผมติดงานครับ น่าเสียดายเหมือนกัน” “ทำงานทั้งวัน แต่ก็ยังหาเวลาบินลงมาหาเราที่นี่ ไมค์ช่างน่ารักจังเลยนะ” ดารียะห์เอ่ยชมชายหนุ่
ขณะที่กำลังเดินกลับเข้าห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและถ่วงเวลา นาตาเซียเห็นประตูห้องของพ่อแม่เปิดแง้มอยู่ ได้ยินเสียงของแม่นมเล็ดลอดออกมา สิ่งที่ได้ยินหญิงสาวแทบไม่กล้าก้าวไปไหน ยืนฟังด้วยหัวใจที่เต้นรัว ที่แท้เรื่องการมาเมืองไทยครั้งนี้ก็คือการคลุมถุงชนเหรอ “คุณผู้หญิงจะให้คุณหนูแต่งงานกับคุณภีรดลจริงๆ เหรอคะ” ละออเอ่ยถามน้ำเสียงสั่นๆ หวังว่าดารียะห์จะเปลี่ยนใจ เพราะภีรดลไม่ได้เหมาะสมกับนาตาเซียสักนิด “ใช่ ฉันเตรียมการอะไรไว้หมดแล้ว กลับไปบรูไนครั้งนี้ การหมั้นหมายและแต่งงานจะเริ่มขึ้นอย่างเร็วที่สุด” คำพูดยืนยันของแม่ ทำให้นาตาเซียน้ำตาเอ่อ “แต่คุณหนูจะไม่มีความสุข” สีหน้าของละออดูกังวล เธอรวบรวมความกล้ามาทั้งวันเพื่อก้าวเข้ามาในห้องดารียะห์แล้วพูดเรื่องนี้ หวังให้ผู้เป็นนายเปลี่ยนใจ “ละออรู้ได้ยังไง ว่าลูกฉันจะไม่มีความสุข” “เอ่อ...” คำถามของดารียะห์ทำให้ละออยืนก้มหน้านิ่ง เพราะมันคือคำถามที่แสดงออกว่าเธอละลาบละล้วงมากเกินไป “ฉันเป็นแม่เขาแท้ๆ นะละออ สิ่งไหนที่ดีกับลูกฉันต้องทำ” น้ำเสียงของดารียะห์แสดงออกถึงความไม่พอใจ รู้ว่าละออรักนาตาเซียมาก แต่ก็ไม่ควรจะมองข้ามความคิดของแม่แท้
บทที่ 19 รถทั้งสองคนกำลังมุ่งหน้าไปสนามบิน แต่รถของนาตาเซียนำหน้าอยู่ไกลพอสมควร ภีรดลกลัวว่าจะตามหญิงสาวไม่ทันจึงเร่งคนขับให้ขับเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว นาตาเซียมาถึงสนามบินแทบจะพร้อมๆ กับภีรดลก็ว่าได้ พอหญิงสาวเปิดประตูก้าวลงจากรถ มองหาเครื่องบินส่วนตัวของครอบครัว พอเห็นก็เดินจ้ำอ้าวไปทันที ความมืดที่โรยตัวเข้ามากับความรีบร้อนทำให้เธอไม่มองหน้ามองหลังให้ดี “นาตาเซีย” ภีรดลตะโกนเรียกชื่อหญิงสาวที่เห็นหลังไวๆ เสียงดังก้อง ชายหนุ่มเปิดประตูลงจากรถทั้งๆ ที่รถยังจอดไม่สนิทด้วยซ้ำ เจ้าของชื่อหยุดเดินหันหลังกลับมามองยังต้นเสียงทันที ก่อนจะตาโตที่เห็นภีรดล พอเห็นว่าเขากำลังใกล้เข้ามาเธอก็ออกวิ่งตรงไปยังเครื่องบินอย่างไม่คิดชีวิต “ใครจะแต่งงานกับนายไม่ทราบ ฉันคนหนึ่งล่ะไม่มีทาง” นาตาเซียบ่นกับตัวเอง ขณะสับขาวิ่งในรันเวย์ของสนามบินเพื่อตรงไปยังเครื่องบินที่จอดรออยู่ ก่อนจะก้าวเข้าไปในประตูของเครื่องบินส่วนตัวที่เปิดรออยู่ ท่ามกลางสายตาสับสนของพนักงานปล่อยเครื่องบินในรันเวย์ว่าหญิงสาวเมื่อครู่มาจากไหนเมื่อนาตาเซียเข้าไปในเครื่องบินเรียบร้อย ประตูเครื่องบินก็ค่อยๆ เลื่อนขึ้นปิด ก่อนจะออกตัว ภีรดล
บทที่ 20“คุณพี่ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ หนูนาตาเซียหนีขึ้นเครื่องบินไปแล้ว” อัสมาห์ปรี่เข้าไปบอกสิ่งที่ได้รับรู้จากลูกชายทันที แมทธิวยังยืนนิ่งในห้องหลังได้ยินสิ่งที่อัสมาห์พูด หนุ่มใหญ่ไม่ได้แสดงอาการใดๆ เพียงแค่ยิ้มมุมปากออกนิดหน่อยเท่านั้น ที่นาตาเซียขึ้นเครื่องได้สำเร็จ “หนีขึ้นเครื่องบิน หมายความว่ายังไง ก็นาตาเซียไปดินเนอร์กับไมค์ไม่ใช่เหรอ” สีหน้าบ่งบอกความแปลกใจมาก ดารียะห์แทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน “ไม่ใช่ค่ะ ไมค์โทรมาบอกว่าเห็นหนูนาตาเซียขึ้นเครื่องบินส่วนตัวบินไปที่ไหนก็ไม่รู้ นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นคะคุณพี่” “นาตาเซีย” ดารียะห์รีบเดินไปยังห้องลูกสาว ก่อนจะเข้าไปรื้อข้าวของออกดู พาสปอร์ตและวีซ่าไม่อยู่ในตู้เซฟอย่างนั้นนะเหรอ รู้แบบนี้จึงกลับมายืนจ้องหน้าละออ เพราะน่าสงสัยเป็นที่สุด “ละออ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” น้ำเสียงดุๆ ของดารียะห์เอ่ยถามละออ ที่ส่ายหน้าให้เพราะไม่รู้จริงๆ “ดิฉันไม่ทราบค่ะ” คนถูกถามอย่างละออก็งงและตกใจไม่แพ้กันที่นาตาเซียหนีไปแบบนี้ แต่ลึกๆ ก็แอบดีใจไม่น้อย “แน่ใจนะว่าไม่รู้ ถ้าฉันจับได้ว่าเธอสมรู้ร่วมคิดให้นาตาเซียหนีไป ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่” คนเป็น
บทที่ 21“แต่นั่นคือความสุขของลูกที่จะได้แต่งงาน ใช้ชีวิตมีความสุขกับผู้ชายดีๆ อย่างไมค์นะคะ” ดารียะห์ยังไม่ยอมเปลี่ยนความคิด “คุณป้า ผมเข้าใจคุณลุงแมทธิวดีครับ ว่าคงเป็นห่วงว่าผมจะดูแลนาตาเซียไม่ได้ แต่ผมให้สัญญาอย่างลูกผู้ชายตอนนี้เลย ว่าจะไม่มีวันทำให้นาตาเซียเสียใจเป็นอันขาด” ภีรดลเอ่ยคำมั่นให้พ่อของนาตาเซียเข้าใจและยอมรับในตัวเขา อัสมาห์และศุภกรเองก็พยักหน้าให้กับคำพูดของลูกชาย “ฉันจะไปตามลูกกลับมาเอง”“นาตาเซียไม่ได้บินไปที่อิตาลีอย่างที่คุณเข้าใจ” คำตอบของ แมทธิวทำให้คนฟังทั้งหมดภายในห้องมองหน้ากันไปมาอย่างไม่เข้าใจ “งั้นคุณก็บอกฉันมาว่าลูกไปอยู่ที่ไหน?” ดารียะห์เอ่ยถามสถานที่ เพราะรู้ว่าแมทธิวต้องรู้แน่“ผมไม่รู้”แมทธิวเอ่ยตอบนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ อย่างกังวล ที่ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้เลย แม้จะร้อนใจกับเรื่องของนาตาเซียที่ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้างตอนนี้ แต่ก็ทำได้เพียงความห่วงใย เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นค้นหาที่ไหน “ไม่รู้ได้ยังไง ในเมื่อคุณบอกลูกให้ไปขึ้นเครื่องเอง” “ใช่ ทุกอย่างมันสมควรจะเป็นแบบนั้น แต่เครื่องบินของผมยังอยู่ที่สนามบิน ไม่ได้บินไปอิตาลีหรือบรูไนอย่างที่คิด
บทที่ 22ลูคัสซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนักบินตั้งแต่เครื่องออกมาจากภูเก็ต เนื่องจากชายหนุ่มได้ร่ำเรียนมาด้านนี้เพราะความชื่นชอบ เมื่อหมดหน้าที่เพราะเครื่องบินของเขาไต่ระดับได้แล้วนั้น จึงปล่อยให้นักบินที่หนึ่งและผู้ช่วยนักบินอีกคนที่นั่งประจำการอยู่ด้วยจัดการควบคุมเครื่องบินต่อ ส่วนเขานั้นกลับมานั่งสบายๆ บนเก้าอี้สุดหรู หยิบงานขึ้นมาอ่าน เพราะกลับไปครั้งนี้เขามีเรื่องต้องจัดการอีกมากนัก ชายหนุ่มแทบไม่ได้ขยับไปไหนเลย จึงไม่รู้ว่าตอนนี้มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่ในเครื่องบินเขาด้วย ลูคัสนั้นนั่งหันหน้าเข้าหาห้องนอนเล็กๆ บนเครื่องบิน ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นประตูค่อยๆ เปิดออก ไม่นานความสงสัยของเขาก็กระจ่าง เพราะตอนนี้มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากห้อง เธอก้มหน้าก้มตาทำให้ผมยาวสีดำขลับสยาย ก่อนจะเงยหน้ายกแขนทั้งสองข้างขึ้นสูงบิดขี้เกียจพร้อมสูดอากาศเข้าปอด คงเพิ่งตื่นซึ่งเป็นอย่างที่ลูคัสคิดจริงๆ เพราะนาตาเซียเผลอหลับไปนานเลยทีเดียว พอรู้สึกตัวตื่นก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาเป็นกอง “ดีจังเลย” นาตาเซียยังคงไม่ทันสังเกตเห็นชายหนุ่ม เพราะเอาแต่ยืนหลับตาบิดขี้เกียจอย่างสบายใจอยู่ “นาเดียร์” พอได้
บทที่ 35“นายน้อย...เอ่อ” น้ำอ้อยที่ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านให้ลูคัสตั้งแต่รุ่นพ่อของชายหนุ่มเหมือนจะมีอะไรถาม ก่อนจะมองไปยังนาตาเซีย เพราะเธอนั้นอยู่กับครอบครัวนี้มานานแล้ว จับพลัดจับผลูย้ายจากเมืองไทยมาทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่ซาอุฯ นี่ก็เพราะเป็นห่วงเจ้านายทั้งสองคน ยิ่งนายน้อยคนนี้ด้วยแล้วก็ยิ่งห่วงมากกว่าอดัม ผู้เป็นพ่อของลูคัสเสียอีก“แม่บ้าน ช่วยดูแล สอนงานเธอหน่อยนะป้าอ้อย” การสนทนาของทั้งคู่ ทำให้นาตาเซียใจชื้นขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยที่นี่ก็มีคนไทยให้เธอพอได้พึ่งพายามต้องมาทำงานชดใช้ให้ผู้ชายคนนี้“มะ...แม่บ้าน แต่นายน้อยก็มีป้าแล้วนี่จ๊ะ” คนฟังงง ก่อนจะมองมายังหญิงสาว หน้าตาสวยคม ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นแค่แม่บ้าน“ฉันหามาเพิ่มไง ป้าจะได้ไม่เหงา เห็นบ่นว่าไม่มีเพื่อนคุย” น้ำเสียงของลูคัสยามพูดกับน้ำอ้อยดูอ่อนโยนมาก ดูจะมีคนไทยเพียงคนเดียวที่ชายหนุ่มยอมพูดดีๆ ด้วย นั่นคือแม่บ้านคนนี้ แม้แรกๆ จะตั้งแง่กับแม่บ้านคนไทยของพ่อนักต่อนัก แต่น้ำอ้อยกลับอดทนกับความเกเรเอาแต่ใจของเขา นานเข้าจึงเป็นแม่บ้านผู้รู้
บทที่ 34“รู้ไหมตอนเข้าเมือง ฉันเสียเงินไปเท่าไหร่เพื่อช่วยเธอ ค่าเสียหายครั้งนี้มันมากพอตัว”“ยะ...อย่าบอกนะว่านายจะคิดบวกเรื่องนั้นด้วย แล้วให้ฉันทำงานชดใช้ให้” สมองของนาตาเซียคิดได้แค่ทางเดียวเท่านั้น ทำไมชีวิตเธอต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้ด้วย“ใช่ เพราะฉันเป็นนักธุรกิจ ทำอะไรต้องได้ผลตอบแทนคืน”“ทุเรศ สารเลวที่สุด” มือบางกำเข้าหากันแน่นจนรู้สึกเจ็บ เพราะเล็บที่จิกเนื้อตรงฝ่ามือบาง แต่มันคงไม่เท่าเจ็บใจ ที่คิดว่าผู้ชายคนนี้หวังดีจะช่วยเธอ ที่แท้ก็สารเลว“บนโลกนี้มันโหดร้ายเสมอสาวน้อย” ลูคัสยักคิ้วให้เพราะเป็นต่ออยู่มาก ชายหนุ่มใช้วิธีนี้รั้งตัวนาตาเซียให้อยู่กับเขาต่อ“แล้วฉันต้องทำงานชดใช้คนอย่างนายไปถึงเมื่อไหร่”“อาทิตย์ สองอาทิตย์ เดือน สองเดือน ครึ่งปี หนึ่งปี” ชายหนุ่มไล่ระยะเวลา ที่มันดูจะมีแต่เพิ่มขึ้นทั้งนั้น“นานขนาดนั้นเชียวเหรอ ไม่มีทาง” นาตาเซียส่ายหน้าให้ ระยะเวลานานแบบนั้นใครจะยอมทำได้“นานหรือไ
บทที่ 33“แกล้งอ้วกไง แค่แกล้ง อยากเจอคุกหรือไง” ลูคัสเอ่ยย้ำอีกครั้งหน้าตาจริงจัง จนนาตาเซียหน้าเหลอหลา กลัวตำรวจจับได้จึงยอมทำตามที่เขาบอกทันที ก่อนจะแกล้งอาเจียนออกมาอย่างหนัก ยกมือขึ้นปิดปากไว้ บวกกับหน้าซีดๆ เพราะความกลัวของเธอ ฉากนี้จึงสมบทบาท“คุณผู้หญิงเป็นอะไรมากไหมครับ” นายตำรวจหนุ่มเห็นท่าทางของนาตาเซียก็รู้สึกเห็นใจขึ้นมา เพราะสีหน้าของเธอดูทรมานมาก“ที่รัก...ใจเย็นๆ เดี๋ยวผมจะพาไปโรงพยาบาลนะ” คนที่แกล้งเป็นสามีเอ่ยถามเสียงเป็นห่วงเป็นใยต่อภรรยาจอมปลอมของตัวเอง ความที่อยากเอาตัวรอดทำให้นาตาเซียยิ่งแกล้งอาเจียนให้หนักมากขึ้นไปอีก“ผมเรียกรถพยาบาลให้ไหม”“ไม่ต้องครับ พวกผมไปกันเองได้ ขอบคุณมากที่เป็นห่วง” ลูคัสปฏิเสธความหวังดีของนายตำรวจตรงหน้า ก่อนจะพยุงนาตาเซียแยกตัวออกไป ชายหนุ่มตรงไปยังรถคันใหญ่ที่จอดอยู่หน้าสนามบิน เมื่อเข้าไปนั่งก็สั่งให้ลูกน้องขับรถออกไปทันที จากที่สนามบินไปถึงอาณาจักรของเขาแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น“เฮ้อ...โล่งอกไป” นาตาเซียถอนหาย
บทที่ 32“ต้องใช้บัตรโทรศัพท์เหรอ ทำไงล่ะ ซื้อจากที่ไหน?” นาตาเซียอ่านขั้นตอนการใช้งานโทรศัพท์ที่แปะอยู่ข้างๆ ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาจุดที่พอจะไปซื้อบัตรโทรศัพท์นั่นได้ แต่กลับมืดแปดด้าน ก่อนจะตัดสินใจเดินมาหาลูคัส ที่ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังคุยกับใครอยู่สองสามคน เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ลูคัสกลับไม่ได้สนใจเธอแม้แต่น้อย เพราะกำลังคุยเรื่องงานสำคัญกับลูกน้อง ชายหนุ่มถามถึงแรงงานคนไทยที่เดินทางมาถึงที่นี่ก่อนเขาเมื่อสองชั่วโมงก่อน ว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า เพราะจำนวนแรงงานที่เดินทางมาครั้งนี้เกือบสามสิบคนเห็นจะได้ จึงกลัวว่าจะมีปัญหาบางอย่างที่พ่อเขามองข้ามไป แต่ก็ไม่มีจึงโล่งอก ก่อนจะหันมามองนาตาเซียที่ยืนทำหน้าน่าสงสารอยู่“ทำหน้าแบบนี้หมายความว่ายังไง?”“ฉันอยากโทรศัพท์ แต่ไม่รู้จะไปซื้อบัตรที่ไหน นายช่วยหน่อยสิ” นาตาเซียยืนมองหน้าชายหนุ่มเป็นนานกว่าเขาจะยอมหันมามอง ไม่รู้หรอกว่าเขาพูดคุยเรื่องอะไร เพราะเป็นภาษาที่เธอฟังไม่ออก แต่คงสำคัญจึงไม่อยากขัด“เธอนี่น่ารำคาญจริง” แม้จะพูดว่าน่ารำคาญ แต่ลูคัสก็กำลัง
บทที่ 31นาตาเซียลดฉากบังแดดของหน้าต่างเครื่องบินในห้องนอนลง หญิงสาวปรับสายตาให้ชินกับแสงที่จ้า ก่อนจะหรี่ตามองวิวด้านล่าง ที่เริ่มเห็นความแห้งแล้ง หวังว่าไม่นานเธอจะได้ลงจากเครื่องบินลำนี้ แล้วกลับอิตาลีไปอยู่ที่นั่นจนเรียนจบ โทรบอกที่บ้านให้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะป่านนี้คงรู้เรื่องที่เธอสะเพร่าขึ้นเครื่องบินผิดลำแล้วแน่ๆ แต่อยู่ๆ ชายหนุ่มที่น่ากลัวเมื่อครู่ก็เปิดประตูเข้ามา ทำเอาคนที่กำลังคิดอะไรเหม่อๆ สะดุ้ง“กินข้าว” น้ำเสียงแข็งกระด้างของชายหนุ่มเอ่ยบอก ก่อนจะกลับไปนั่งรอหญิงสาวที่เก้าอี้ แม้จะไม่ต้องใส่ใจเธอด้วยซ้ำ แต่ก็เลือกที่จะไม่ทำ นาตาเซียลังเลนิดหน่อยว่าจะตามเขาออกไปดีไหม แต่ความหิวก็เป็นตัวแปรหลักให้เธอก้าวลงจากเตียง “นั่งสิ” ลูคัสเอ่ยบอก บนโต๊ะตรงหน้ามีสปาเกตตี กาแฟ และขนมปังวางอยู่ ในเครื่องเขาไม่ค่อยได้เตรียมของกินไว้สักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็เป็นของที่กินง่ายๆ หรือไม่ก็ซื้อแบบอาหารสำเร็จรูปอุ่นแล้วกินได้เลยมาสำรองไว้เสียมากกว่า “กี่โมงแล้ว” นาตาเซียกล้าๆ กลัวๆ ที่จะลงไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา แต่ก็ยอมทำในที่สุด หญิงสาวเอ่ยถามเรื่องเวลาก่อน เพราะเป็นสิ่งที่อยากรู้“หกโมง
บทที่ 30 นาตาเซียเริ่มขยับตัว เพราะรู้สึกว่าอะไรหนักๆ กอดรัดตัวเองอยู่จนรู้สึกหายใจไม่ออก หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ ภายในห้องนอนตอนนี้มีแสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่างบานเล็ก พอตั้งสติลดอาการมึนๆ ของตัวเองได้เท่านั้น นาตาเซียก็แทบกรี๊ด เพราะตอนนี้เธอนอนอยู่ในอ้อมกอดใคร หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะอ้าปากค้าง“นาย...” ใบหน้าของลูคัสอยู่ห่างจากเธอไปนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ ชายหนุ่มกำลังหลับ นาตาเซียจึงพยายามออกจากอ้อมกอดนี้ให้เร็วที่สุด หน้าตาแดงก่ำยามมองริมฝีปากของเขา ไม่รู้อีตาผู้ชายลามกนี่เข้ามานอนกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ถือว่าเป็นเครื่องบินของตัวเองจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นน่ะเหรอ หญิงสาวค่อยๆ จับมือของลูคัสที่พาดวางบนเอวกับขาหนักๆ ที่ก่ายเธออยู่ออก กอดซะแน่นทำเหมือนเธอเป็นหมอนข้างไปได้แต่เหมือนความพยายามของเธอจะไม่เป็นผล เพราะออกแรงเท่าไหร่ ขากับแขนของชายหนุ่มก็ไม่ออกไปจากตัวเธอสักที แถมยังเพิ่มแรงกอดจนเธอแทบจะแทรกเข้าไปอยู่ในตัวเขาอยู่แล้ว นาตาเซียพยายามยกแขนกันความแนบชิดนี้ ควันออกหู กัดฟันกรอดๆ อย่างเหลืออด“นี่...ตื่นสักที ไอ้ผู้ชายลามก” นาตาเซียแหวใส่เสียงดังฟังชัดจนลูคัสสะดุ้งตื่น ชายห
บทที่ 29มุมหนึ่งของเวลาที่ยังเดินไปข้างหน้าไม่มีหยุดหรือย้อนคืน ภีรดลนั่งดื่มเหล้าเหมือนคนบ้า สติหลุดตั้งแต่รู้ข่าวว่านาตาเซียหญิงสาวอันเป็นที่รักหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ชายหนุ่มก็เอาแต่นั่งดื่มเหล้าทั้งๆ ที่เฝ้าบอกทุกคนเป็นอย่างดีว่าจะออกตามหาหญิงสาว แต่ก่อนจะมีแรงทำขั้นนั้น ชายหนุ่มกลับเลือกใช้เหล้าดับความกลัดกลุ้ม นาตาเซียหายตัวไปเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว แต่ทำไมความรู้สึกเหมือนเธอหายไปนานเป็นสิบๆ ปีแบบนี้“นาตาเซีย” น้ำเสียงบ่งบอกว่าสติของคนพูดไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างภีรดลเอ่ยชื่อหญิงสาวออกมา ก่อนจะยกขวดเหล้าในมือขึ้นดื่มแบบเพียวๆ แม้จะบาดคอแต่ก็ไม่ได้สะทกสะท้าน“คุณคะ” อัสมาห์ที่ยืนมองลูกชายที่เอาแต่ดื่มเหล้าจนเมามายตรงระเบียงหลังห้อง ก่อนจะหันมองหน้าสามีที่แม้จะดึกดื่นค่อนคืนจนถึงเช้า ทุกคนต่างข่มตาหลับไม่ลง ไม่รู้สึกง่วงสักนิด อีกอย่างเวลานี้ภีรดลก็ไม่ค่อยดีนัก“ผมรู้ แต่ปล่อยไมค์ไปก่อน คงกำลังกลุ้ม” ศุภกรส่ายหน้าให้ลูกชาย ยามรักภีรดลมักจะเป็นแบบนี้ ทุ่มให้จนหมดตัวและเจ็บปวด แต่ยามหมดรักก็ทิ้งไปแบบไม่เหล
บทที่ 28“ไม่...ผมไม่มีทางทำแบบนั้น” ลูคัสปฏิเสธคำของนาเดียร์ทันที“แต่เราจะตายทั้งคู่นะ เชือกจะรับน้ำหนักไม่ไหวแล้ว”“ตายก็ช่าง แต่ผมไม่ยอมให้คุณทำแบบนั้น เก็บคัตเตอร์กลับไป” น้ำเสียงของความหวาดกลัวว่าเธอจะทำอะไรบ้าๆ เอ่ยบอก“ไม่...” นาเดียร์ปฏิเสธทันทีเหมือนกัน“นาเดียร์!” ลูคัสตะคอกด้วยหัวใจที่เจ็บปวด แต่นาเดียร์ก็ยังไม่ยอมทำตามที่ชายหนุ่มบอกแต่อย่างใด หญิงสาวตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเลือกช่วยชีวิตชายอันเป็นที่รัก เธอใช้คัตเตอร์ในมือตัดเชือกที่ยึดร่างเธอและเขาให้ขาดออกจากกันทันทีโดยมีสายตาของลูคัสมองอยู่ ชายหนุ่มแทบกลั้นหายใจ คราวนี้ก็เหลือเพียงมือของลูคัสเท่านั้นที่จับมือของนาเดียร์แน่นไม่ยอมปล่อย“ไม่...นาเดียร์ ไม่...” หัวใจของชายหนุ่มแทบแตกสลาย ความเจ็บปวดกลัวว่าจะเสียเธอเข้ามากุมในหัวใจ เขาทำอะไรไม่ได้เลยอย่างนั้นเหรอ ทำไมเรื่องเลวร้ายแบบนี้ต้องเกิดกับเขาและเธอ ทำไม?“ปล่อยมือฉันลูคัส”“ไม่มีทาง” ลูคัสส่า
บทที่ 27เพียงเสี้ยวนาทีสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อลูคัสเสียการทรงตัว เพราะชะง่อนหินจุดที่เขาจับอยู่ทรุดและทะลายลงมาปานถูกของแข็งทุบจากด้านบนก็ไม่ปาน ชายหนุ่มร่วงตามแรงโน้มถ่วงของโลก แต่ยังดีที่มีเชือกนิรภัยซึ่งผูกติดกับตัวเองและก้อนหินก้อนบนสุดไว้อยู่จึงไม่หล่นลงพื้นในทันที แต่การร่วงครั้งนี้ทำให้นาเดียร์ที่ใช้เชือกนิรภัยเช่นเดียวกับชายหนุ่มร่วงตามมาด้วย เพราะความห่างของเชือกมีน้อย ทั้งคู่จึงห้อยอยู่กลางอากาศแบบนั้น“ว้าย!!!” หญิงสาวร้องลั่นด้วยความตกใจ นาเดียร์คุมสติเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม ลูคัสพยายามลืมตาขึ้น เพราะเศษหินที่ร่วงลงใส่หน้าเขาเมื่อครู่ ชายหนุ่มขยี้ตาทั้งสองข้างจนแดงก่ำ ก่อนจะค่อยๆ ลืมขึ้นมองแล้วพยายามจะเอื้อมมือไปคว้าหาที่เกาะ ยกเท้าไปแตะหวังดึงตัวเองกลับไป แต่น้ำหนักตัวของนาเดียร์ที่ห้อยอยู่ด้านล่าง มันก็ทำให้เขาทำอย่างที่ต้องการไม่ได้“นาเดียร์ เป็นอะไรหรือเปล่า?” ความห่วงใยทำให้ชายหนุ่มเอี้ยวตัวลงไปถามคนรัก มองใบหน้าของเธอ สื่อแววตาให้มั่นใจว่าไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น“ไม่