“อรุณสวัสดิ์ครับคุณลี่เหยียน” เสียงทุ้มดังขึ้น ทำให้ลี่เหยียนที่เดินคิดอะไรอยู่สะดุ้งถอยหลังอย่างรวดเร็ว เธอเงยหน้ามองที่มาของเสียง แล้วพบกับกู้เทียนอี้ที่ส่งยิ้มกว้างมาให้เธอ
“ขอโทษค่ะ“ เธอไม่อยากให้เขาเข้าใจว่าเธอรังเกียจเขา
“ไม่เป็นไรครับ” กู้เทียนอี้ยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร
“คุณสบายดีมั้ยคะ ฉันหมายถึงหากมีอะไรขาดเหลือขอให้บอกได้เลยนะคะ” เธอชวนเขาคุย
“ที่นี่สะดวกสบายมากครับ คุณไม่ต้องห่วง แล้วคุณล่ะ”
“ฉันโอเคค่ะ แต่ฉันใช้พลังงานไปเยอะเมื่อเช้าและตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทานมื้อเช้าเลย” เธอว่าพร้อมหัวเราะ
“ผมเองก็หิวแล้ว ผมเพิ่งกลับมาจากวิ่งตอนเช้า”
“งั้นเราไปทานมื้อเช้ากันดีกว่าค่ะ” ลี่เหยียนชวน
“ดีครับ”
“มีอะไรกันหรือเปล่า” เสียงกู้หยุนเฟิงดังขึ้นด้านหลัง
“เปล่า เราแค่กำลังจะไปกินมื้อเช้าด้วยกัน คุณลี่เหยียนบอกว่าจะแบ่งแพนเค้กให้ผม แต่เตือนว่าห้ามยุ่งกับเบคอนของเธอ ผมเลยบอกว่าผมยอมไม่กินเบคอนถ้า
ลี่เหยียนเริ่มเล่า แต่เพื่อนขัดจังหวะ“เขาปล้ำหรือว่าเธอสมยอม”“จื่อหานบ้า เธอไม่ห่วงฉันเลยนะ”“ฉันจะห่วงเธอทำไม เคลิ้มเลยดิแก แล้วเขาใช้ลิ้นให้แกอีกเปล่า”“โอ๊ยยย ไปกันใหญ่แล้ว แต่ก็…เคลิ้ม ๆ บ้าง” ทำเป็นโวยวายแต่ตอนหลังอ้อมแอ้มตอบ“เห็นมั้ยล่ะ” จื่อหานหัวเราะรู้ทัน“ย่ะ” ลี่เหยียนแกล้งค้อนเพื่อน “แต่ฉันไม่ได้มีอะไรกับเขา เพราะว่าฉันใช้โอกาสตอนเขาเผลอรีบหนีลงจากเตียง”“น่าเสียดาย”“เสียดงเสียดายอะไร พี่เมิ่งฉีได้มาแหกอกฉันน่ะสิ แล้วฉันเองก็รู้สึกผิดด้วย”“เฮ้ออออ…ฉันเห็นใจเธอจริง ๆ แต่ไม่รู้จะสงสารใครมากกว่าระหว่างเธอกับพี่ลิ้นดุ เขาคงค้างน่าดู” จื่อหานทำสีหน้าราวกับเห็นอกเห็นใจเสียเต็มประดา สองสาวมองหน้ากัน สักพักก็หัวเราะออกมาดัง ๆ“อย่ามาสนใจเรื่องฉันเลย เล่าเรื่องเธอมาบ้าง หลังจากฉันออกไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง”“ไม่มีอะไร พอเธอออกไปแล้วทุกคนก็แยกย้าย ฉันสงสัย
“ฉันดีใจมากที่ทุกคนมาร่วมแสดงความยินดีกับฉัน” เมิ่งฉีเอ่ยขึ้นขณะนั่งอยู่ในรถขณะที่ทุกคนกำลังจะไปรับประทานมื้อกลางวันกันนอกบ้าน เธอมองไปที่ลี่เหยียนจากนั้นก็จื่อหานก่อนะจะพูดขึ้น “แล้วก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ไม่ได้ถูกเชิญก็มาร่วมด้วย” เธอปรายตามองจื่อหานอีกครั้ง“ทำไมพี่เมิ่งฉีไม่ไปนั่งรถคันเดียวกับพ่อแม่ล่ะคะ” ลี่เหยียนถามพี่สาวเพราะรู้สึกรำคาญ“เพราะพี่อยากนั่งกับคู่หมั้นพี่น่ะสิ” เมิ่งฉีตอบพร้อมส่งยิ้มหวานให้กับกู้หยุนเฟิง“แหวะ” จื่อหานรู้สึกคลื่นไส้กับท่าทางเสแสร้งของพี่สาวเพื่อน“รู้จักโตได้แล้วจื่อหาน พวกเธอสองคนเรียนจบแล้วนะ จะมาทำตัวเป็นเด็กสิบขวบไม่ได้แล้ว” เมิ่งฉีว่า“อย่าพูดกับจื่อหานแบบนั้นสิพี่เมิ่งฉี” ลี่เหยียนเตือน“นั่นสิ พักหน่อยเมิ่งฉี ไม่มีใครอยากจะฟังเธอเลคเชอร์ทั้งวันหรอกนะ” เฮ่าหรานแทรกขึ้น“เฮ่าหราน นี่วันสำคัญของเมิ่งฉี ควรมีความเกรงใจกันหน่อย” เฮ่าชวนเตือนน้องชายเฮ่าหรานกลอกตาอย่างเซ็ง ๆ&
“คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ” เธอกระซิบสั่งเขา แต่เขาไม่สนใจเธอเลย“มีอะไรรึเปล่าครับลี่เหยียน” กู้เทียนอี้ถาม“เปล่าค่ะ ฉันได้ยินว่าคุณยังโสดใช่มั้ยคะ” ลี่เหยียนปฏิเสธและรีบเปลี่ยนเรื่อง เธอจะพูดออกไปได้ยังไงว่าพี่ชายเขากำลังลูบขาเธออยู่ แล้วโต๊ะที่ร้านนี้ก็ดีเหลือเกินที่มีผ้าคลุมและปิดมิดชิดขนาดนี้“ออกนอกหน้าเลยนะลี่เหยียน” เมิ่งฉีแขวะแล้วทำหน้าระอาใจ“ออกนอกหน้าอะไรพี่เมิ่งฉี” ลี่เหยียนจ้องหน้าพี่สาวอย่างเรื่อง“ที่เธอแสดงความสนใจเทียนอี้อย่างออกนอกหน้าแบบนี้ไง พี่คิดว่าพ่อแม่น่าจะส่งเธอไปโรงเรียนสอนมารยาทน่าจะดี เผื่อว่าเธอจะรู้จักวางตัวให้สมเป็นกุลสตรีเสียบ้าง”“มาว่าฉัน แล้วพี่เมิ่งฉีล่ะดีนักเหรอ” ลี่เหยียนเดือด“พอได้แล้วลี่เหยียน” แม่เธอเตือน“แต่พี่เมิ่งฉีหาเรื่องลี่เหยียนก่อนนะแม่” เธอท้วง“ลี่เหยียน หยุดได้แล้ว” คราวนี้เป็นเฮ่าชวนที่ห้ามและทำหน้าเข้มใส่เธอลี่เหยียนถลึงตาใส่พี่ชาย เธอกำลังโมโห
ผู้ชายคนนี้ไม่สมควรมาอยู่ที่นี่ ในบ้านของเธอ หรือเรียกให้ถูกว่าบ้านพ่อแม่ของเธอ เขาส่งยิ้มให้เธอและแกล้งเลียริมฝีปากอย่างจงใจ ซึ่งมันทำให้เธอนึกถึงคำคืนที่ทั้งคู่เคยมีร่วมกัน เป็นคืนบาปที่เธอไม่เคยลืมเธอกับเขา…วันไนต์สแตนด์…มันสมควรเป็นเพียงเรื่องสนุกที่สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ ไม่ใช่การที่คู่นอนคืนเดียวจะมาโผล่ในบ้านของพ่อแม่ตัวเองแบบนี้ลี่เหยียนรู้สึกช็อกเมื่อเห็นผู้ชายวันไนต์ของเธอกำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวโปรดของเธอ ชายนหนุ่มดูท่าทางสบายราวกับว่าคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี ซ้ำร้ายยามที่ได้สบตากับเขา ประกายตายั่วเย้าเช่นนี้เตือนให้เธอนึกถึงคืนนั้น ช่วงเวลาที่เธอตัดสินใจที่จะมีอะไรกับเขา มันทั้งล่อลวง ลึกลับและมีเสน่ห์จนเธอมิอาจต้าน เธอยืนนิ่งค้างอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนมองตรงมาที่เธอพร้อมส่งยิ้มกว้างให้ ช่างเป็นรอยยิ้มที่มั่นใจจนน่าหมั่นไหส้“สวัสดีครับ ผมกู้หยุนเฟิงยินดีที่ได้รู้จักครับ” เขายื่นมือออกมาตรงหน้า“ฉันฉู่ลี่เหยียนค่ะ” เธอทักเขากลับเสียงเบาก่อนที่จะยื่นมือออกไปจับกับเขา“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณฉู่” เขาพูด แต่ดวงตาเขาแฝงประกายยั่วเย้าอย่างเห็นได้ชัด และนั่นทำให
หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า“เราไม่เห็นจำเป็นต้องไปงานแต่งยัยซินอี้เลยนี่” ลี่เหยียนบอกจื่อหาน เพื่อนสนิทที่อาศัยอยู่ที่คอนโดร่วมกัน ตอนนี้ทั้งคู่แต่งตัวใกล้จะเสร็จแล้ว“ไปเหอะน่า เผื่อจะมีอะไรสนุก ๆ และเผื่อแกจะได้หาผู้ชายได้สักคน”“ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยอ่า””ถ้าไม่ใช่โอกาสนี้แกจะไปหาผู้ชายมาให้เลือกได้จากไหน ก็รู้ ๆ อยู่ว่างานแต่งนี่แหล่งรวมผู้ชายเลยนะ”“ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ายัยนั่นจะกล้าเชิญพวกเราด้วย ช่างกล้าหน้าด้านจริง ๆ”ลี่เหยียนเป็นห่วงความรู้สึกของจื่อหาน เพราะเธอ จื่อหาน และซินอี้เคยเป็นรูมเมทกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ส่วนเจ้าบ่าวของซินอี้ก็คือแฟนเก่าของจื่อหาน ที่พอเลิกกับจื่อหานปุ๊บก็ไปควงกับซินอี้ทันที“ยัยนั่นกล้าเชิญ พวกเราก็กล้าไป” จื่อหานพูดอย่างไม่อนาทรร้อนใจทั้งที่ตัวเองเป็นเจ้าทุกข์ ผิดกับลี่เหยียนที่เป็นเดือดเป็นแค้นแทน“แต่ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะทนได้แค่ไหนน่ะสิ” กลับกันลี่เหยียนเองเสียอีกที่รู้สึกโกรธเกรี้ยวแทนคนที่ถูกแย่งแฟนลี่เหยียนเรียกได้ว่าเป็นเด็กดีของพ่อแม่ในบรรดาพี่น้องสี่คน คือพี่ชายสองคนกับพี่สาวหนึ่งคน เธอเป็นลูกคนเล็กสุด บรรดาพี่น้องทั้งหมดไม่อาจได้เรียกว่าสร้างป
“เอ...ฉันจะชอบไอ้นั่นหรือลิ้นมากกว่ากันนะ” เธอเผลอพูดออกมา แต่พอเธอลืมตาขึ้น เธอเห็นว่าจื่อหานยืนนิ่งค้างไปแล้ว เธอเลยหันไปมองทางด้านขวามือตัวเองตามสายตาของเพื่อนสนิท ปรากฏว่าเป็นชายหนุ่มแสนเย่อหยิ่งที่เธอเห็นก่อนหน้า!...ทุกสิ่งเหมือนหยุดนิ่งตกอยู่ในความเงียบงันดวงตาของลี่เหยียนสบเข้ากับดวงตาคมเข้มที่จ้องตรงมาที่เธอ เธอเห็นแววขบขันที่ฉายชัดในดวงตาคู่นั้น ต้องยอมรับว่าชายตรงหน้าดูดีมากจริง ๆ แต่แล้วลี่เหยียก็แทบจะมุดหน้าดำดินหนี รู้สึกอับอายอย่างถึงที่สุด เมื่อนึกได้ว่าเพิ่งจะหลุดพูดอะไรออกมา ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินรึเปล่าถึงอย่างนั้นเธอก็เก็บอาการแล้วจ้องชายหนุ่มกลับพร้อมกับลอบสำรวจเขาไปด้วย ริมฝีปากของเขาเป็นสีชมพูฉ่ำ สันกรามมีไรหนวดและเคราเล็กน้อย ทำให้เขาดูคมเข้มเซ็กซี่ แต่ลี่เหยียนดันไปจินตนาการว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรหากมันครูดไปกับผิวกายเธอ พอรู้ตัวว่าคิดเพ้อเจ้อลี่เหยียนก็หน้าร้อนแล้วอยากจะตบหน้าเตือนสติตัวเองสักฉาด“แล้วคุณตัดสินใจได้รึยัง” ชายตรงหน้าถามอย่างเนิบช้า เสียงทุ้มลึกของเขาช่างล่อลวงให้จินตนาการระเบิดไปไกล“ตัดสินใจอะไรคะ” ลี่เหยียนถามกลับทำเป็นไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
เฮือก!ลี่เหยียนสะดุ้งตกใจ เมื่อเสียงทุ้มนุ่มทว่าฟังแล้วเย้ายวนกระซิบชิดริมหู และมือใหญ่ได้เลื่อนจากเอวบางไปยังสะโพก“ตกลงคุณตัดสินใจได้รึยัง”เธอจำเสียงนี้ได้ในทันที หัวใจเธอกำลังเต้นเร็วแรง และตัดสินใจค่อย ๆ หันกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียง ไม่รู้ว่าเธอเอาความกล้ามาจากไหน อาจเป็นเพราะเสน่ห์เกินห้ามใจของชายหนุ่ม ที่ทำให้เธอตัดสินใจอะไรบางอย่างโดยที่อาจจะรู้หรือไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ“ต้องเป็นลิ้นสิคะ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้เธอจนริมฝีปากเขาแทบจะสัมผัสกับของเธอ“คุณรู้อะไรมั้ย มีคนเคยบอกว่าผมใช้ลิ้นเก่ง”“…”น้ำเสียงทุ้มล่อลวงของเขาทำให้ลี่เหยียนรู้สึกประหม่าเขาขยิบตาให้พร้อมกับฉวยข้อมือเธอให้เดินตามเขากลับไปยังห้องน้ำที่ปราศจากผู้คน ลี่เหยียนรู้สึกเหมือนว่ากำลังจะโดนเสือขย้ำ มิหนำซ้ำยังเป็นเสือร้ายเสียด้วย แต่เธอมิอาจขัดขืนเขาได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ที่เลือดในกายกำลังสูบฉีดไปด้วยความร้อนแห่งเปลวเพลิงปรารถนา ทุกสิ่งในตัวของผู้ชายคนนี้ทำให้นึกถึงเซ็กซ์ตลอดเวลา เธอหวั่นเกรง แต่ก็ตัดสินใจปล่อยเลยตามเลย คิดว่าหากพลาดโอกาสนี้ไปคงจะรู้สึกเสียดายมากกว่า“คุณเซ็กซี่มาก” เขากระ
“เสร็จให้ผมเด็กดี” เขากระซิบพร้อมกับเร่งจังหวะตวัดและแยงลิ้นเข้าออกความเสียวซ่านแทบขาดใจทำให้ลี่เหยียนกระหายรู้ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรหากได้มีเซ็กซ์กับเขาจริง ๆ ความเสียวซ่านดำเนินมาจนถึงขึดสุดเกินกว่าที่ลี่เหยียนจะรับมือไหว ในที่สุดเธอก็เสร็จให้เขาจริง ๆ เขาจูบปุ่มสวาทเธอ ใช้ลิ้นตวัดเลียน้ำหวานที่เธอปลดปล่อยก่อนที่จะลุกขึ้นยืน“คุณหวานมาก” เขาบอกเธอด้วยความพอใจลี่เหยียนสบตาเขา ก่อนที่เธอจะจูบที่คอเขาแล้วดูดเม้ม“คุณกำลังจะทิ้งรอยบนคอผม” เขาเตือน“ฉันอยากฝากรอยไว้บนตัวคุณ” เธอบอกเขา แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงคิดที่จะยั่วเขาแบบนี้“คุณได้ฝากรอยเอาไว้แล้ว” เขาบอกเสียงแหบพร่าพร้อมกับเลียริมฝีปากตัวเอง “คุณให้ผมยิ่งกว่ารอยจูบเสียอีก”ลี่เหยียนหัวเราะ ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจ ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลยเธอกลับเลยเถิดไปกับเขาได้ขนาดนี้ แต่ลึก ๆ ในใจเธออยากเลยเถิดไปมากกว่านี้ เธอจึงเลื่อนมือไปปลดเข็มขัดเขา เธอปลดมันออกอย่างง่ายดาย ตามมาด้วยกระดุมกางเกง แต่พอมาถึงซิปกลับเจอปัญหา“มันรูดไม่ลงค่ะ” เธอบอกแล้วเงยหน้ามองเขา เธอสังเกตเห็นว่าเขากำลังกลั้นหัวเราะอยู่“บางทีซิปมันอาจจะรู้ก็ได้ว่าถ้าป
“คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ” เธอกระซิบสั่งเขา แต่เขาไม่สนใจเธอเลย“มีอะไรรึเปล่าครับลี่เหยียน” กู้เทียนอี้ถาม“เปล่าค่ะ ฉันได้ยินว่าคุณยังโสดใช่มั้ยคะ” ลี่เหยียนปฏิเสธและรีบเปลี่ยนเรื่อง เธอจะพูดออกไปได้ยังไงว่าพี่ชายเขากำลังลูบขาเธออยู่ แล้วโต๊ะที่ร้านนี้ก็ดีเหลือเกินที่มีผ้าคลุมและปิดมิดชิดขนาดนี้“ออกนอกหน้าเลยนะลี่เหยียน” เมิ่งฉีแขวะแล้วทำหน้าระอาใจ“ออกนอกหน้าอะไรพี่เมิ่งฉี” ลี่เหยียนจ้องหน้าพี่สาวอย่างเรื่อง“ที่เธอแสดงความสนใจเทียนอี้อย่างออกนอกหน้าแบบนี้ไง พี่คิดว่าพ่อแม่น่าจะส่งเธอไปโรงเรียนสอนมารยาทน่าจะดี เผื่อว่าเธอจะรู้จักวางตัวให้สมเป็นกุลสตรีเสียบ้าง”“มาว่าฉัน แล้วพี่เมิ่งฉีล่ะดีนักเหรอ” ลี่เหยียนเดือด“พอได้แล้วลี่เหยียน” แม่เธอเตือน“แต่พี่เมิ่งฉีหาเรื่องลี่เหยียนก่อนนะแม่” เธอท้วง“ลี่เหยียน หยุดได้แล้ว” คราวนี้เป็นเฮ่าชวนที่ห้ามและทำหน้าเข้มใส่เธอลี่เหยียนถลึงตาใส่พี่ชาย เธอกำลังโมโห
“ฉันดีใจมากที่ทุกคนมาร่วมแสดงความยินดีกับฉัน” เมิ่งฉีเอ่ยขึ้นขณะนั่งอยู่ในรถขณะที่ทุกคนกำลังจะไปรับประทานมื้อกลางวันกันนอกบ้าน เธอมองไปที่ลี่เหยียนจากนั้นก็จื่อหานก่อนะจะพูดขึ้น “แล้วก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ไม่ได้ถูกเชิญก็มาร่วมด้วย” เธอปรายตามองจื่อหานอีกครั้ง“ทำไมพี่เมิ่งฉีไม่ไปนั่งรถคันเดียวกับพ่อแม่ล่ะคะ” ลี่เหยียนถามพี่สาวเพราะรู้สึกรำคาญ“เพราะพี่อยากนั่งกับคู่หมั้นพี่น่ะสิ” เมิ่งฉีตอบพร้อมส่งยิ้มหวานให้กับกู้หยุนเฟิง“แหวะ” จื่อหานรู้สึกคลื่นไส้กับท่าทางเสแสร้งของพี่สาวเพื่อน“รู้จักโตได้แล้วจื่อหาน พวกเธอสองคนเรียนจบแล้วนะ จะมาทำตัวเป็นเด็กสิบขวบไม่ได้แล้ว” เมิ่งฉีว่า“อย่าพูดกับจื่อหานแบบนั้นสิพี่เมิ่งฉี” ลี่เหยียนเตือน“นั่นสิ พักหน่อยเมิ่งฉี ไม่มีใครอยากจะฟังเธอเลคเชอร์ทั้งวันหรอกนะ” เฮ่าหรานแทรกขึ้น“เฮ่าหราน นี่วันสำคัญของเมิ่งฉี ควรมีความเกรงใจกันหน่อย” เฮ่าชวนเตือนน้องชายเฮ่าหรานกลอกตาอย่างเซ็ง ๆ&
ลี่เหยียนเริ่มเล่า แต่เพื่อนขัดจังหวะ“เขาปล้ำหรือว่าเธอสมยอม”“จื่อหานบ้า เธอไม่ห่วงฉันเลยนะ”“ฉันจะห่วงเธอทำไม เคลิ้มเลยดิแก แล้วเขาใช้ลิ้นให้แกอีกเปล่า”“โอ๊ยยย ไปกันใหญ่แล้ว แต่ก็…เคลิ้ม ๆ บ้าง” ทำเป็นโวยวายแต่ตอนหลังอ้อมแอ้มตอบ“เห็นมั้ยล่ะ” จื่อหานหัวเราะรู้ทัน“ย่ะ” ลี่เหยียนแกล้งค้อนเพื่อน “แต่ฉันไม่ได้มีอะไรกับเขา เพราะว่าฉันใช้โอกาสตอนเขาเผลอรีบหนีลงจากเตียง”“น่าเสียดาย”“เสียดงเสียดายอะไร พี่เมิ่งฉีได้มาแหกอกฉันน่ะสิ แล้วฉันเองก็รู้สึกผิดด้วย”“เฮ้ออออ…ฉันเห็นใจเธอจริง ๆ แต่ไม่รู้จะสงสารใครมากกว่าระหว่างเธอกับพี่ลิ้นดุ เขาคงค้างน่าดู” จื่อหานทำสีหน้าราวกับเห็นอกเห็นใจเสียเต็มประดา สองสาวมองหน้ากัน สักพักก็หัวเราะออกมาดัง ๆ“อย่ามาสนใจเรื่องฉันเลย เล่าเรื่องเธอมาบ้าง หลังจากฉันออกไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง”“ไม่มีอะไร พอเธอออกไปแล้วทุกคนก็แยกย้าย ฉันสงสัย
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณลี่เหยียน” เสียงทุ้มดังขึ้น ทำให้ลี่เหยียนที่เดินคิดอะไรอยู่สะดุ้งถอยหลังอย่างรวดเร็ว เธอเงยหน้ามองที่มาของเสียง แล้วพบกับกู้เทียนอี้ที่ส่งยิ้มกว้างมาให้เธอ“ขอโทษค่ะ“ เธอไม่อยากให้เขาเข้าใจว่าเธอรังเกียจเขา“ไม่เป็นไรครับ” กู้เทียนอี้ยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร“คุณสบายดีมั้ยคะ ฉันหมายถึงหากมีอะไรขาดเหลือขอให้บอกได้เลยนะคะ” เธอชวนเขาคุย“ที่นี่สะดวกสบายมากครับ คุณไม่ต้องห่วง แล้วคุณล่ะ”“ฉันโอเคค่ะ แต่ฉันใช้พลังงานไปเยอะเมื่อเช้าและตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทานมื้อเช้าเลย” เธอว่าพร้อมหัวเราะ“ผมเองก็หิวแล้ว ผมเพิ่งกลับมาจากวิ่งตอนเช้า”“งั้นเราไปทานมื้อเช้ากันดีกว่าค่ะ” ลี่เหยียนชวน“ดีครับ”“มีอะไรกันหรือเปล่า” เสียงกู้หยุนเฟิงดังขึ้นด้านหลัง“เปล่า เราแค่กำลังจะไปกินมื้อเช้าด้วยกัน คุณลี่เหยียนบอกว่าจะแบ่งแพนเค้กให้ผม แต่เตือนว่าห้ามยุ่งกับเบคอนของเธอ ผมเลยบอกว่าผมยอมไม่กินเบคอนถ้า
ตาของสองคนสบกัน ลี่เหยียนเห็นแววเคร่งเครียดในดวงตาเขา เธอรอให้เขาพูดอะไรออกมา เธอรอให้เขาต่อว่าเธอ รอให้เขาว่าเธอว่าเป็นเด็กไม่รู้จักโต เป็นตัวปัญหา สุดท้ายเขากลับหัวเราะเธอ เธอมองเขาด้วยความประหลาดใจ เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าขำเลย ในขณะที่เธอจริงจังเขากลับเห็นมันเป็นเรื่องตลก“คุณขำอะไร” เธอถามเขาด้วยความไม่พอใจ เธอเกลียดที่เธอไม่เข้าใจและไม่สามารถอ่านเขาได้ เธอเกลียดที่เธอชอบเขา เธอเกลียดที่เธออยากทำความรู้จักเขามากขึ้น และเธอเกลียดยิ่งกว่าที่ไม่มีโอกาสนั้นสำหรับเธอ“คุณ” เขายิ้ม “คุณเป็นคนที่มีชีวิตชีวามากรู้มั้ย ถึงคุณจะกำลังรู้สึกแย่ แต่คุณก็ยังคงความสดใสไว้”“เอ่อ…ฉันก็ว่างั้น” ลี่เหยียนพูดอย่างงง ๆ“ผมอยากเมคเลิฟกับคุณอีกครั้ง” เขาพูด ดวงตาเขาเป็นประกายแล้วเดินหน้ามาหาเธอ“ไม่ เราทำไม่ได้” ลี่เหยียนห้าม แต่เสียงเธอกลับเบาหวิวและลังเล“งั้นเหรอ แต่เราสามารถทำอะไรที่เราต้องการได้” เขาจ้องเธอ แล้วเดินไปล็อกประตูห้องแล้วกลับมาหาเธออีกครั้ง&ldquo
ลี่เหยียนเดินมาหยุดที่หน้าห้องนอนของเทียนอี้ เธอยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนคนบ้า เธอไม่มีเรื่องอะไรที่จะคุยกับเขา และความจริงแล้วเธอไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย เธอแค่อยากเยาะเย้ยพี่ชายเขาเท่านั้น ตอนที่เธอกำลังจะหันหลังกลับ เธอเห็นกู้หยุนเฟิงเดินตรงมาหาเธอด้วยรอยยิ้มเยาะบนใบหน้า เธอเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ที่สุด“เทียนอี้เทคุณเหรอ”“ว่าไงนะ” เธอจ้องเขาเขม็ง ไม่ปิดบังสายตาที่เต็มไปด้วยความโมโห“ก็คุณยืนอยู่หน้าห้องเขาด้วยหน้าตาผิดหวัง ผมก็คิดว่าเทียนอี้เทคุณซะอีก”“ขอโทษนะ พวกผู้ชายไม่เคยเมินฉัน” เธอเชิดหน้า และพยายามเลี่ยงสบตาคมที่จ้องเธออยู่“คุณพูดถูก คุณไม่ใช่ผู้หญิงที่ผู้ชายจะปฏิเสธได้ง่าย ๆ” เขาว่าแล้วเลียริมฝีปากอย่างยั่วยวน “ผมว่า…”“ฉันขอตัวก่อน” ลี่เหยียนพูดแทรก เธอไม่ต้องการเปิดโอกาสให้เขายั่วเธอได้“เช้านี้คุณดูเซ็กซี่มาก” เขาไล่สายตาบนตัวเธอ“ขอบคุณค่ะ” ลี่เหยียนจะไม่ยอมให้ตัวเองตกหลุมพรางเขาอีก“แล้วทำไมคุณร
“ตื่น ๆ ๆ” เสียงตะโกนและเสียงเคาะประตูรัว ๆ จากด้านนอกดังขึ้นก่อนที่ผู้บุกรุกจะถือวิสาสะเปิดประตูแล้วเดินเข้ามา“อะไรพี่เฮ่าหราน” ลี่เหยียนงัวเงียถามตอนที่ค่อย ๆ ลืมตา“ตื่นได้แล้วลี่เหยียน” เฮ่าหรานดึงผ้าห่มออกแล้วโยนลงพื้น“ฮื่อ ง่วง”“ยัยขี้เซา”“พี่บ้า”ลี่เหยียนลุกขึ้นจากเตียงแล้วมายืนจ้องพี่ชายอย่างเอาเรื่องก่อนที่จะหัวเราะเสียงดัง“แต่ก็ดีใจที่ได้เจอพี่”“มานี่สิ” ชายหนุ่มดึงน้องสาวเข้าไปกอด แล้วก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างบนเตียง“ใครนอนอยู่บนเตียง เดี๋ยวนี้เป็นเลสเบียนแล้วเหรอลี่เหยียน”“พี่เฮ่าหราน!” ลี่เหยียนส่ายหัว “นี่จื่อหาน”“อ้อ…พวกเธอสองคนกำลังคบกันเหรอ” เขาหรี่ตาจ้องน้องสาว“ประสาท” ลี่เหยียนถลึงตาใส่พี่ชาย ขณะที่จื่อหานนอนกลิ้งอยู่บนเตียงไม่มีทีท่าว่าจะตื่น“ก็แค่ถามดู” เขายักไหล่แล้วจ้องคนที่นอนอุตุบนเตียง
“ตาฉันอะไร” ลี่เหยียนทำเป็นยกกาแฟขึ้นจิบตามมาด้วยเสียงไอค่อกแค่ก ขมปี๋ เธอคงใส่กาแฟเยอะเกินไป“เรื่องเธอกับพี่ลิ้นดุ อย่าทำไก๋ยัยลี่เหยียน”“อย่าเรียกเขาแบบนี้”“เออนั่นแหละ เล่ามาเลย”ลี่เหยียนถอนหายใจ “ฉันแค่ได้คุยกับเขา ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”“แล้วคุยว่า…”“เขาไม่ใช่พ่อของเด็กในท้องพี่เมิ่งฉี เขาไม่เคยนอนกับพี่เมิ่งฉี แต่เขายังต้องการจะแต่งงาน”“เขารักพี่เมิ่งฉีเหรอ” จื่อหานถามด้วยความอึ้ง “เอ๋ เดี๋ยวนะ พวกเขาไม่ยังไม่ได้บ๊ะจั้มบ๊ะกันเหรอ”“ตอนแรกฉันเองก็อึ้งไปเหมือนกัน” ลี่เหยียนบอก ยกกาแฟขึ้นจิบอีกครั้งก่อนที่จะทำหน้าแหยแล้ววางลง “เราไปคุยกันที่ห้องดีกว่า ฉันไม่อยากให้คนอื่นมาได้ยินเรื่องนี้”“ก็ดีเหมือนกัน” จื่อหานเห็นด้วยและลุกขึ้นยืนสองเพื่อนซี้ไม่สนใจดื่มกาแฟอีกต่อไป พากันขึ้นไปยังห้องนอนของลี่เหยียน ลี่เหยียนปิดประตูแล้วกระโดดขึ้นเตียง“ไม่มาเ
“ไม่ต้องมาเช้าขนาดนี้ก็ได้จื่อหาน” ลี่เหยียนพูดไปหาวไปตอนที่เดินมาเปิดประตูให้เพื่อนรักในเวลาหกโมงเช้า“พี่เฮ่าชวน พี่เฮ่าหราน ยังไม่มาเลย” เธอบอกแล้วเดินนำเพื่อนเข้ามาในห้อง“แล้วนี่แต่งหน้าแต่งตัวเสียเต็มยศขนาดนี้จะไปไหน” ลี่เหยียนมองสำรวจเพื่อนที่แต่งตัวสวยกว่าปกติ“เออน่า ฉันแค่อยากดูดีหน่อย” จื่อหานตอบหน้าแดง “เธอกลับไปนอนต่อไป”“ฉันคิดว่าไม่แล้วล่ะ ไปนั่งดื่มกาแฟคุยกันดีกว่า”ลี่เหยียนเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วชวนเพื่อนไปที่ห้องครัวแทน“ที่ฉันมาแต่เช้านี่กะจะมาช่วยเธอไง”“ช่วยฉัน?” ลี่เหยียนหันกลับไปมองหน้าเพื่อนและถามขณะที่ยังแปรงฟันอยู่ “ด้วยการที่มาปลุกฉันตั้งแต่ไก่โห่แบบนี้เนี่ยนะ”“ก็เผื่อว่าเธอกำลังอยู่บนเตียงกับพี่ลิ้นดุไง เขาจะได้ออกจากห้องเธอก่อนที่คนอื่นจะตื่น”ลี่เหยียนรีบแปรงฟันและล้างหน้าจนเสร็จแล้วถลึงตาใส่เพื่อน“ไม่มีทาง”จื่อหานหัวเราะ“เมื่อค