“ตาฉันอะไร” ลี่เหยียนทำเป็นยกกาแฟขึ้นจิบตามมาด้วยเสียงไอค่อกแค่ก ขมปี๋ เธอคงใส่กาแฟเยอะเกินไป
“เรื่องเธอกับพี่ลิ้นดุ อย่าทำไก๋ยัยลี่เหยียน”
“อย่าเรียกเขาแบบนี้”
“เออนั่นแหละ เล่ามาเลย”
ลี่เหยียนถอนหายใจ “ฉันแค่ได้คุยกับเขา ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
“แล้วคุยว่า…”
“เขาไม่ใช่พ่อของเด็กในท้องพี่เมิ่งฉี เขาไม่เคยนอนกับพี่เมิ่งฉี แต่เขายังต้องการจะแต่งงาน”
“เขารักพี่เมิ่งฉีเหรอ” จื่อหานถามด้วยความอึ้ง “เอ๋ เดี๋ยวนะ พวกเขาไม่ยังไม่ได้บ๊ะจั้มบ๊ะกันเหรอ”
“ตอนแรกฉันเองก็อึ้งไปเหมือนกัน” ลี่เหยียนบอก ยกกาแฟขึ้นจิบอีกครั้งก่อนที่จะทำหน้าแหยแล้ววางลง “เราไปคุยกันที่ห้องดีกว่า ฉันไม่อยากให้คนอื่นมาได้ยินเรื่องนี้”
“ก็ดีเหมือนกัน” จื่อหานเห็นด้วยและลุกขึ้นยืน
สองเพื่อนซี้ไม่สนใจดื่มกาแฟอีกต่อไป พากันขึ้นไปยังห้องนอนของลี่เหยียน ลี่เหยียนปิดประตูแล้วกระโดดขึ้นเตียง
“ไม่มาเ
“ตื่น ๆ ๆ” เสียงตะโกนและเสียงเคาะประตูรัว ๆ จากด้านนอกดังขึ้นก่อนที่ผู้บุกรุกจะถือวิสาสะเปิดประตูแล้วเดินเข้ามา“อะไรพี่เฮ่าหราน” ลี่เหยียนงัวเงียถามตอนที่ค่อย ๆ ลืมตา“ตื่นได้แล้วลี่เหยียน” เฮ่าหรานดึงผ้าห่มออกแล้วโยนลงพื้น“ฮื่อ ง่วง”“ยัยขี้เซา”“พี่บ้า”ลี่เหยียนลุกขึ้นจากเตียงแล้วมายืนจ้องพี่ชายอย่างเอาเรื่องก่อนที่จะหัวเราะเสียงดัง“แต่ก็ดีใจที่ได้เจอพี่”“มานี่สิ” ชายหนุ่มดึงน้องสาวเข้าไปกอด แล้วก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างบนเตียง“ใครนอนอยู่บนเตียง เดี๋ยวนี้เป็นเลสเบียนแล้วเหรอลี่เหยียน”“พี่เฮ่าหราน!” ลี่เหยียนส่ายหัว “นี่จื่อหาน”“อ้อ…พวกเธอสองคนกำลังคบกันเหรอ” เขาหรี่ตาจ้องน้องสาว“ประสาท” ลี่เหยียนถลึงตาใส่พี่ชาย ขณะที่จื่อหานนอนกลิ้งอยู่บนเตียงไม่มีทีท่าว่าจะตื่น“ก็แค่ถามดู” เขายักไหล่แล้วจ้องคนที่นอนอุตุบนเตียง
ลี่เหยียนเดินมาหยุดที่หน้าห้องนอนของเทียนอี้ เธอยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนคนบ้า เธอไม่มีเรื่องอะไรที่จะคุยกับเขา และความจริงแล้วเธอไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย เธอแค่อยากเยาะเย้ยพี่ชายเขาเท่านั้น ตอนที่เธอกำลังจะหันหลังกลับ เธอเห็นกู้หยุนเฟิงเดินตรงมาหาเธอด้วยรอยยิ้มเยาะบนใบหน้า เธอเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ที่สุด“เทียนอี้เทคุณเหรอ”“ว่าไงนะ” เธอจ้องเขาเขม็ง ไม่ปิดบังสายตาที่เต็มไปด้วยความโมโห“ก็คุณยืนอยู่หน้าห้องเขาด้วยหน้าตาผิดหวัง ผมก็คิดว่าเทียนอี้เทคุณซะอีก”“ขอโทษนะ พวกผู้ชายไม่เคยเมินฉัน” เธอเชิดหน้า และพยายามเลี่ยงสบตาคมที่จ้องเธออยู่“คุณพูดถูก คุณไม่ใช่ผู้หญิงที่ผู้ชายจะปฏิเสธได้ง่าย ๆ” เขาว่าแล้วเลียริมฝีปากอย่างยั่วยวน “ผมว่า…”“ฉันขอตัวก่อน” ลี่เหยียนพูดแทรก เธอไม่ต้องการเปิดโอกาสให้เขายั่วเธอได้“เช้านี้คุณดูเซ็กซี่มาก” เขาไล่สายตาบนตัวเธอ“ขอบคุณค่ะ” ลี่เหยียนจะไม่ยอมให้ตัวเองตกหลุมพรางเขาอีก“แล้วทำไมคุณร
ตาของสองคนสบกัน ลี่เหยียนเห็นแววเคร่งเครียดในดวงตาเขา เธอรอให้เขาพูดอะไรออกมา เธอรอให้เขาต่อว่าเธอ รอให้เขาว่าเธอว่าเป็นเด็กไม่รู้จักโต เป็นตัวปัญหา สุดท้ายเขากลับหัวเราะเธอ เธอมองเขาด้วยความประหลาดใจ เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าขำเลย ในขณะที่เธอจริงจังเขากลับเห็นมันเป็นเรื่องตลก“คุณขำอะไร” เธอถามเขาด้วยความไม่พอใจ เธอเกลียดที่เธอไม่เข้าใจและไม่สามารถอ่านเขาได้ เธอเกลียดที่เธอชอบเขา เธอเกลียดที่เธออยากทำความรู้จักเขามากขึ้น และเธอเกลียดยิ่งกว่าที่ไม่มีโอกาสนั้นสำหรับเธอ“คุณ” เขายิ้ม “คุณเป็นคนที่มีชีวิตชีวามากรู้มั้ย ถึงคุณจะกำลังรู้สึกแย่ แต่คุณก็ยังคงความสดใสไว้”“เอ่อ…ฉันก็ว่างั้น” ลี่เหยียนพูดอย่างงง ๆ“ผมอยากเมคเลิฟกับคุณอีกครั้ง” เขาพูด ดวงตาเขาเป็นประกายแล้วเดินหน้ามาหาเธอ“ไม่ เราทำไม่ได้” ลี่เหยียนห้าม แต่เสียงเธอกลับเบาหวิวและลังเล“งั้นเหรอ แต่เราสามารถทำอะไรที่เราต้องการได้” เขาจ้องเธอ แล้วเดินไปล็อกประตูห้องแล้วกลับมาหาเธออีกครั้ง&ldquo
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณลี่เหยียน” เสียงทุ้มดังขึ้น ทำให้ลี่เหยียนที่เดินคิดอะไรอยู่สะดุ้งถอยหลังอย่างรวดเร็ว เธอเงยหน้ามองที่มาของเสียง แล้วพบกับกู้เทียนอี้ที่ส่งยิ้มกว้างมาให้เธอ“ขอโทษค่ะ“ เธอไม่อยากให้เขาเข้าใจว่าเธอรังเกียจเขา“ไม่เป็นไรครับ” กู้เทียนอี้ยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร“คุณสบายดีมั้ยคะ ฉันหมายถึงหากมีอะไรขาดเหลือขอให้บอกได้เลยนะคะ” เธอชวนเขาคุย“ที่นี่สะดวกสบายมากครับ คุณไม่ต้องห่วง แล้วคุณล่ะ”“ฉันโอเคค่ะ แต่ฉันใช้พลังงานไปเยอะเมื่อเช้าและตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทานมื้อเช้าเลย” เธอว่าพร้อมหัวเราะ“ผมเองก็หิวแล้ว ผมเพิ่งกลับมาจากวิ่งตอนเช้า”“งั้นเราไปทานมื้อเช้ากันดีกว่าค่ะ” ลี่เหยียนชวน“ดีครับ”“มีอะไรกันหรือเปล่า” เสียงกู้หยุนเฟิงดังขึ้นด้านหลัง“เปล่า เราแค่กำลังจะไปกินมื้อเช้าด้วยกัน คุณลี่เหยียนบอกว่าจะแบ่งแพนเค้กให้ผม แต่เตือนว่าห้ามยุ่งกับเบคอนของเธอ ผมเลยบอกว่าผมยอมไม่กินเบคอนถ้า
ลี่เหยียนเริ่มเล่า แต่เพื่อนขัดจังหวะ“เขาปล้ำหรือว่าเธอสมยอม”“จื่อหานบ้า เธอไม่ห่วงฉันเลยนะ”“ฉันจะห่วงเธอทำไม เคลิ้มเลยดิแก แล้วเขาใช้ลิ้นให้แกอีกเปล่า”“โอ๊ยยย ไปกันใหญ่แล้ว แต่ก็…เคลิ้ม ๆ บ้าง” ทำเป็นโวยวายแต่ตอนหลังอ้อมแอ้มตอบ“เห็นมั้ยล่ะ” จื่อหานหัวเราะรู้ทัน“ย่ะ” ลี่เหยียนแกล้งค้อนเพื่อน “แต่ฉันไม่ได้มีอะไรกับเขา เพราะว่าฉันใช้โอกาสตอนเขาเผลอรีบหนีลงจากเตียง”“น่าเสียดาย”“เสียดงเสียดายอะไร พี่เมิ่งฉีได้มาแหกอกฉันน่ะสิ แล้วฉันเองก็รู้สึกผิดด้วย”“เฮ้ออออ…ฉันเห็นใจเธอจริง ๆ แต่ไม่รู้จะสงสารใครมากกว่าระหว่างเธอกับพี่ลิ้นดุ เขาคงค้างน่าดู” จื่อหานทำสีหน้าราวกับเห็นอกเห็นใจเสียเต็มประดา สองสาวมองหน้ากัน สักพักก็หัวเราะออกมาดัง ๆ“อย่ามาสนใจเรื่องฉันเลย เล่าเรื่องเธอมาบ้าง หลังจากฉันออกไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง”“ไม่มีอะไร พอเธอออกไปแล้วทุกคนก็แยกย้าย ฉันสงสัย
“ฉันดีใจมากที่ทุกคนมาร่วมแสดงความยินดีกับฉัน” เมิ่งฉีเอ่ยขึ้นขณะนั่งอยู่ในรถขณะที่ทุกคนกำลังจะไปรับประทานมื้อกลางวันกันนอกบ้าน เธอมองไปที่ลี่เหยียนจากนั้นก็จื่อหานก่อนะจะพูดขึ้น “แล้วก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ไม่ได้ถูกเชิญก็มาร่วมด้วย” เธอปรายตามองจื่อหานอีกครั้ง“ทำไมพี่เมิ่งฉีไม่ไปนั่งรถคันเดียวกับพ่อแม่ล่ะคะ” ลี่เหยียนถามพี่สาวเพราะรู้สึกรำคาญ“เพราะพี่อยากนั่งกับคู่หมั้นพี่น่ะสิ” เมิ่งฉีตอบพร้อมส่งยิ้มหวานให้กับกู้หยุนเฟิง“แหวะ” จื่อหานรู้สึกคลื่นไส้กับท่าทางเสแสร้งของพี่สาวเพื่อน“รู้จักโตได้แล้วจื่อหาน พวกเธอสองคนเรียนจบแล้วนะ จะมาทำตัวเป็นเด็กสิบขวบไม่ได้แล้ว” เมิ่งฉีว่า“อย่าพูดกับจื่อหานแบบนั้นสิพี่เมิ่งฉี” ลี่เหยียนเตือน“นั่นสิ พักหน่อยเมิ่งฉี ไม่มีใครอยากจะฟังเธอเลคเชอร์ทั้งวันหรอกนะ” เฮ่าหรานแทรกขึ้น“เฮ่าหราน นี่วันสำคัญของเมิ่งฉี ควรมีความเกรงใจกันหน่อย” เฮ่าชวนเตือนน้องชายเฮ่าหรานกลอกตาอย่างเซ็ง ๆ&
“คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ” เธอกระซิบสั่งเขา แต่เขาไม่สนใจเธอเลย“มีอะไรรึเปล่าครับลี่เหยียน” กู้เทียนอี้ถาม“เปล่าค่ะ ฉันได้ยินว่าคุณยังโสดใช่มั้ยคะ” ลี่เหยียนปฏิเสธและรีบเปลี่ยนเรื่อง เธอจะพูดออกไปได้ยังไงว่าพี่ชายเขากำลังลูบขาเธออยู่ แล้วโต๊ะที่ร้านนี้ก็ดีเหลือเกินที่มีผ้าคลุมและปิดมิดชิดขนาดนี้“ออกนอกหน้าเลยนะลี่เหยียน” เมิ่งฉีแขวะแล้วทำหน้าระอาใจ“ออกนอกหน้าอะไรพี่เมิ่งฉี” ลี่เหยียนจ้องหน้าพี่สาวอย่างเรื่อง“ที่เธอแสดงความสนใจเทียนอี้อย่างออกนอกหน้าแบบนี้ไง พี่คิดว่าพ่อแม่น่าจะส่งเธอไปโรงเรียนสอนมารยาทน่าจะดี เผื่อว่าเธอจะรู้จักวางตัวให้สมเป็นกุลสตรีเสียบ้าง”“มาว่าฉัน แล้วพี่เมิ่งฉีล่ะดีนักเหรอ” ลี่เหยียนเดือด“พอได้แล้วลี่เหยียน” แม่เธอเตือน“แต่พี่เมิ่งฉีหาเรื่องลี่เหยียนก่อนนะแม่” เธอท้วง“ลี่เหยียน หยุดได้แล้ว” คราวนี้เป็นเฮ่าชวนที่ห้ามและทำหน้าเข้มใส่เธอลี่เหยียนถลึงตาใส่พี่ชาย เธอกำลังโมโห
ผู้ชายคนนี้ไม่สมควรมาอยู่ที่นี่ ในบ้านของเธอ หรือเรียกให้ถูกว่าบ้านพ่อแม่ของเธอ เขาส่งยิ้มให้เธอและแกล้งเลียริมฝีปากอย่างจงใจ ซึ่งมันทำให้เธอนึกถึงคำคืนที่ทั้งคู่เคยมีร่วมกัน เป็นคืนบาปที่เธอไม่เคยลืมเธอกับเขา…วันไนต์สแตนด์…มันสมควรเป็นเพียงเรื่องสนุกที่สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ ไม่ใช่การที่คู่นอนคืนเดียวจะมาโผล่ในบ้านของพ่อแม่ตัวเองแบบนี้ลี่เหยียนรู้สึกช็อกเมื่อเห็นผู้ชายวันไนต์ของเธอกำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวโปรดของเธอ ชายนหนุ่มดูท่าทางสบายราวกับว่าคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี ซ้ำร้ายยามที่ได้สบตากับเขา ประกายตายั่วเย้าเช่นนี้เตือนให้เธอนึกถึงคืนนั้น ช่วงเวลาที่เธอตัดสินใจที่จะมีอะไรกับเขา มันทั้งล่อลวง ลึกลับและมีเสน่ห์จนเธอมิอาจต้าน เธอยืนนิ่งค้างอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนมองตรงมาที่เธอพร้อมส่งยิ้มกว้างให้ ช่างเป็นรอยยิ้มที่มั่นใจจนน่าหมั่นไหส้“สวัสดีครับ ผมกู้หยุนเฟิงยินดีที่ได้รู้จักครับ” เขายื่นมือออกมาตรงหน้า“ฉันฉู่ลี่เหยียนค่ะ” เธอทักเขากลับเสียงเบาก่อนที่จะยื่นมือออกไปจับกับเขา“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณฉู่” เขาพูด แต่ดวงตาเขาแฝงประกายยั่วเย้าอย่างเห็นได้ชัด และนั่นทำให
“คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ” เธอกระซิบสั่งเขา แต่เขาไม่สนใจเธอเลย“มีอะไรรึเปล่าครับลี่เหยียน” กู้เทียนอี้ถาม“เปล่าค่ะ ฉันได้ยินว่าคุณยังโสดใช่มั้ยคะ” ลี่เหยียนปฏิเสธและรีบเปลี่ยนเรื่อง เธอจะพูดออกไปได้ยังไงว่าพี่ชายเขากำลังลูบขาเธออยู่ แล้วโต๊ะที่ร้านนี้ก็ดีเหลือเกินที่มีผ้าคลุมและปิดมิดชิดขนาดนี้“ออกนอกหน้าเลยนะลี่เหยียน” เมิ่งฉีแขวะแล้วทำหน้าระอาใจ“ออกนอกหน้าอะไรพี่เมิ่งฉี” ลี่เหยียนจ้องหน้าพี่สาวอย่างเรื่อง“ที่เธอแสดงความสนใจเทียนอี้อย่างออกนอกหน้าแบบนี้ไง พี่คิดว่าพ่อแม่น่าจะส่งเธอไปโรงเรียนสอนมารยาทน่าจะดี เผื่อว่าเธอจะรู้จักวางตัวให้สมเป็นกุลสตรีเสียบ้าง”“มาว่าฉัน แล้วพี่เมิ่งฉีล่ะดีนักเหรอ” ลี่เหยียนเดือด“พอได้แล้วลี่เหยียน” แม่เธอเตือน“แต่พี่เมิ่งฉีหาเรื่องลี่เหยียนก่อนนะแม่” เธอท้วง“ลี่เหยียน หยุดได้แล้ว” คราวนี้เป็นเฮ่าชวนที่ห้ามและทำหน้าเข้มใส่เธอลี่เหยียนถลึงตาใส่พี่ชาย เธอกำลังโมโห
“ฉันดีใจมากที่ทุกคนมาร่วมแสดงความยินดีกับฉัน” เมิ่งฉีเอ่ยขึ้นขณะนั่งอยู่ในรถขณะที่ทุกคนกำลังจะไปรับประทานมื้อกลางวันกันนอกบ้าน เธอมองไปที่ลี่เหยียนจากนั้นก็จื่อหานก่อนะจะพูดขึ้น “แล้วก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ไม่ได้ถูกเชิญก็มาร่วมด้วย” เธอปรายตามองจื่อหานอีกครั้ง“ทำไมพี่เมิ่งฉีไม่ไปนั่งรถคันเดียวกับพ่อแม่ล่ะคะ” ลี่เหยียนถามพี่สาวเพราะรู้สึกรำคาญ“เพราะพี่อยากนั่งกับคู่หมั้นพี่น่ะสิ” เมิ่งฉีตอบพร้อมส่งยิ้มหวานให้กับกู้หยุนเฟิง“แหวะ” จื่อหานรู้สึกคลื่นไส้กับท่าทางเสแสร้งของพี่สาวเพื่อน“รู้จักโตได้แล้วจื่อหาน พวกเธอสองคนเรียนจบแล้วนะ จะมาทำตัวเป็นเด็กสิบขวบไม่ได้แล้ว” เมิ่งฉีว่า“อย่าพูดกับจื่อหานแบบนั้นสิพี่เมิ่งฉี” ลี่เหยียนเตือน“นั่นสิ พักหน่อยเมิ่งฉี ไม่มีใครอยากจะฟังเธอเลคเชอร์ทั้งวันหรอกนะ” เฮ่าหรานแทรกขึ้น“เฮ่าหราน นี่วันสำคัญของเมิ่งฉี ควรมีความเกรงใจกันหน่อย” เฮ่าชวนเตือนน้องชายเฮ่าหรานกลอกตาอย่างเซ็ง ๆ&
ลี่เหยียนเริ่มเล่า แต่เพื่อนขัดจังหวะ“เขาปล้ำหรือว่าเธอสมยอม”“จื่อหานบ้า เธอไม่ห่วงฉันเลยนะ”“ฉันจะห่วงเธอทำไม เคลิ้มเลยดิแก แล้วเขาใช้ลิ้นให้แกอีกเปล่า”“โอ๊ยยย ไปกันใหญ่แล้ว แต่ก็…เคลิ้ม ๆ บ้าง” ทำเป็นโวยวายแต่ตอนหลังอ้อมแอ้มตอบ“เห็นมั้ยล่ะ” จื่อหานหัวเราะรู้ทัน“ย่ะ” ลี่เหยียนแกล้งค้อนเพื่อน “แต่ฉันไม่ได้มีอะไรกับเขา เพราะว่าฉันใช้โอกาสตอนเขาเผลอรีบหนีลงจากเตียง”“น่าเสียดาย”“เสียดงเสียดายอะไร พี่เมิ่งฉีได้มาแหกอกฉันน่ะสิ แล้วฉันเองก็รู้สึกผิดด้วย”“เฮ้ออออ…ฉันเห็นใจเธอจริง ๆ แต่ไม่รู้จะสงสารใครมากกว่าระหว่างเธอกับพี่ลิ้นดุ เขาคงค้างน่าดู” จื่อหานทำสีหน้าราวกับเห็นอกเห็นใจเสียเต็มประดา สองสาวมองหน้ากัน สักพักก็หัวเราะออกมาดัง ๆ“อย่ามาสนใจเรื่องฉันเลย เล่าเรื่องเธอมาบ้าง หลังจากฉันออกไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง”“ไม่มีอะไร พอเธอออกไปแล้วทุกคนก็แยกย้าย ฉันสงสัย
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณลี่เหยียน” เสียงทุ้มดังขึ้น ทำให้ลี่เหยียนที่เดินคิดอะไรอยู่สะดุ้งถอยหลังอย่างรวดเร็ว เธอเงยหน้ามองที่มาของเสียง แล้วพบกับกู้เทียนอี้ที่ส่งยิ้มกว้างมาให้เธอ“ขอโทษค่ะ“ เธอไม่อยากให้เขาเข้าใจว่าเธอรังเกียจเขา“ไม่เป็นไรครับ” กู้เทียนอี้ยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร“คุณสบายดีมั้ยคะ ฉันหมายถึงหากมีอะไรขาดเหลือขอให้บอกได้เลยนะคะ” เธอชวนเขาคุย“ที่นี่สะดวกสบายมากครับ คุณไม่ต้องห่วง แล้วคุณล่ะ”“ฉันโอเคค่ะ แต่ฉันใช้พลังงานไปเยอะเมื่อเช้าและตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทานมื้อเช้าเลย” เธอว่าพร้อมหัวเราะ“ผมเองก็หิวแล้ว ผมเพิ่งกลับมาจากวิ่งตอนเช้า”“งั้นเราไปทานมื้อเช้ากันดีกว่าค่ะ” ลี่เหยียนชวน“ดีครับ”“มีอะไรกันหรือเปล่า” เสียงกู้หยุนเฟิงดังขึ้นด้านหลัง“เปล่า เราแค่กำลังจะไปกินมื้อเช้าด้วยกัน คุณลี่เหยียนบอกว่าจะแบ่งแพนเค้กให้ผม แต่เตือนว่าห้ามยุ่งกับเบคอนของเธอ ผมเลยบอกว่าผมยอมไม่กินเบคอนถ้า
ตาของสองคนสบกัน ลี่เหยียนเห็นแววเคร่งเครียดในดวงตาเขา เธอรอให้เขาพูดอะไรออกมา เธอรอให้เขาต่อว่าเธอ รอให้เขาว่าเธอว่าเป็นเด็กไม่รู้จักโต เป็นตัวปัญหา สุดท้ายเขากลับหัวเราะเธอ เธอมองเขาด้วยความประหลาดใจ เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าขำเลย ในขณะที่เธอจริงจังเขากลับเห็นมันเป็นเรื่องตลก“คุณขำอะไร” เธอถามเขาด้วยความไม่พอใจ เธอเกลียดที่เธอไม่เข้าใจและไม่สามารถอ่านเขาได้ เธอเกลียดที่เธอชอบเขา เธอเกลียดที่เธออยากทำความรู้จักเขามากขึ้น และเธอเกลียดยิ่งกว่าที่ไม่มีโอกาสนั้นสำหรับเธอ“คุณ” เขายิ้ม “คุณเป็นคนที่มีชีวิตชีวามากรู้มั้ย ถึงคุณจะกำลังรู้สึกแย่ แต่คุณก็ยังคงความสดใสไว้”“เอ่อ…ฉันก็ว่างั้น” ลี่เหยียนพูดอย่างงง ๆ“ผมอยากเมคเลิฟกับคุณอีกครั้ง” เขาพูด ดวงตาเขาเป็นประกายแล้วเดินหน้ามาหาเธอ“ไม่ เราทำไม่ได้” ลี่เหยียนห้าม แต่เสียงเธอกลับเบาหวิวและลังเล“งั้นเหรอ แต่เราสามารถทำอะไรที่เราต้องการได้” เขาจ้องเธอ แล้วเดินไปล็อกประตูห้องแล้วกลับมาหาเธออีกครั้ง&ldquo
ลี่เหยียนเดินมาหยุดที่หน้าห้องนอนของเทียนอี้ เธอยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนคนบ้า เธอไม่มีเรื่องอะไรที่จะคุยกับเขา และความจริงแล้วเธอไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย เธอแค่อยากเยาะเย้ยพี่ชายเขาเท่านั้น ตอนที่เธอกำลังจะหันหลังกลับ เธอเห็นกู้หยุนเฟิงเดินตรงมาหาเธอด้วยรอยยิ้มเยาะบนใบหน้า เธอเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ที่สุด“เทียนอี้เทคุณเหรอ”“ว่าไงนะ” เธอจ้องเขาเขม็ง ไม่ปิดบังสายตาที่เต็มไปด้วยความโมโห“ก็คุณยืนอยู่หน้าห้องเขาด้วยหน้าตาผิดหวัง ผมก็คิดว่าเทียนอี้เทคุณซะอีก”“ขอโทษนะ พวกผู้ชายไม่เคยเมินฉัน” เธอเชิดหน้า และพยายามเลี่ยงสบตาคมที่จ้องเธออยู่“คุณพูดถูก คุณไม่ใช่ผู้หญิงที่ผู้ชายจะปฏิเสธได้ง่าย ๆ” เขาว่าแล้วเลียริมฝีปากอย่างยั่วยวน “ผมว่า…”“ฉันขอตัวก่อน” ลี่เหยียนพูดแทรก เธอไม่ต้องการเปิดโอกาสให้เขายั่วเธอได้“เช้านี้คุณดูเซ็กซี่มาก” เขาไล่สายตาบนตัวเธอ“ขอบคุณค่ะ” ลี่เหยียนจะไม่ยอมให้ตัวเองตกหลุมพรางเขาอีก“แล้วทำไมคุณร
“ตื่น ๆ ๆ” เสียงตะโกนและเสียงเคาะประตูรัว ๆ จากด้านนอกดังขึ้นก่อนที่ผู้บุกรุกจะถือวิสาสะเปิดประตูแล้วเดินเข้ามา“อะไรพี่เฮ่าหราน” ลี่เหยียนงัวเงียถามตอนที่ค่อย ๆ ลืมตา“ตื่นได้แล้วลี่เหยียน” เฮ่าหรานดึงผ้าห่มออกแล้วโยนลงพื้น“ฮื่อ ง่วง”“ยัยขี้เซา”“พี่บ้า”ลี่เหยียนลุกขึ้นจากเตียงแล้วมายืนจ้องพี่ชายอย่างเอาเรื่องก่อนที่จะหัวเราะเสียงดัง“แต่ก็ดีใจที่ได้เจอพี่”“มานี่สิ” ชายหนุ่มดึงน้องสาวเข้าไปกอด แล้วก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างบนเตียง“ใครนอนอยู่บนเตียง เดี๋ยวนี้เป็นเลสเบียนแล้วเหรอลี่เหยียน”“พี่เฮ่าหราน!” ลี่เหยียนส่ายหัว “นี่จื่อหาน”“อ้อ…พวกเธอสองคนกำลังคบกันเหรอ” เขาหรี่ตาจ้องน้องสาว“ประสาท” ลี่เหยียนถลึงตาใส่พี่ชาย ขณะที่จื่อหานนอนกลิ้งอยู่บนเตียงไม่มีทีท่าว่าจะตื่น“ก็แค่ถามดู” เขายักไหล่แล้วจ้องคนที่นอนอุตุบนเตียง
“ตาฉันอะไร” ลี่เหยียนทำเป็นยกกาแฟขึ้นจิบตามมาด้วยเสียงไอค่อกแค่ก ขมปี๋ เธอคงใส่กาแฟเยอะเกินไป“เรื่องเธอกับพี่ลิ้นดุ อย่าทำไก๋ยัยลี่เหยียน”“อย่าเรียกเขาแบบนี้”“เออนั่นแหละ เล่ามาเลย”ลี่เหยียนถอนหายใจ “ฉันแค่ได้คุยกับเขา ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”“แล้วคุยว่า…”“เขาไม่ใช่พ่อของเด็กในท้องพี่เมิ่งฉี เขาไม่เคยนอนกับพี่เมิ่งฉี แต่เขายังต้องการจะแต่งงาน”“เขารักพี่เมิ่งฉีเหรอ” จื่อหานถามด้วยความอึ้ง “เอ๋ เดี๋ยวนะ พวกเขาไม่ยังไม่ได้บ๊ะจั้มบ๊ะกันเหรอ”“ตอนแรกฉันเองก็อึ้งไปเหมือนกัน” ลี่เหยียนบอก ยกกาแฟขึ้นจิบอีกครั้งก่อนที่จะทำหน้าแหยแล้ววางลง “เราไปคุยกันที่ห้องดีกว่า ฉันไม่อยากให้คนอื่นมาได้ยินเรื่องนี้”“ก็ดีเหมือนกัน” จื่อหานเห็นด้วยและลุกขึ้นยืนสองเพื่อนซี้ไม่สนใจดื่มกาแฟอีกต่อไป พากันขึ้นไปยังห้องนอนของลี่เหยียน ลี่เหยียนปิดประตูแล้วกระโดดขึ้นเตียง“ไม่มาเ
“ไม่ต้องมาเช้าขนาดนี้ก็ได้จื่อหาน” ลี่เหยียนพูดไปหาวไปตอนที่เดินมาเปิดประตูให้เพื่อนรักในเวลาหกโมงเช้า“พี่เฮ่าชวน พี่เฮ่าหราน ยังไม่มาเลย” เธอบอกแล้วเดินนำเพื่อนเข้ามาในห้อง“แล้วนี่แต่งหน้าแต่งตัวเสียเต็มยศขนาดนี้จะไปไหน” ลี่เหยียนมองสำรวจเพื่อนที่แต่งตัวสวยกว่าปกติ“เออน่า ฉันแค่อยากดูดีหน่อย” จื่อหานตอบหน้าแดง “เธอกลับไปนอนต่อไป”“ฉันคิดว่าไม่แล้วล่ะ ไปนั่งดื่มกาแฟคุยกันดีกว่า”ลี่เหยียนเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วชวนเพื่อนไปที่ห้องครัวแทน“ที่ฉันมาแต่เช้านี่กะจะมาช่วยเธอไง”“ช่วยฉัน?” ลี่เหยียนหันกลับไปมองหน้าเพื่อนและถามขณะที่ยังแปรงฟันอยู่ “ด้วยการที่มาปลุกฉันตั้งแต่ไก่โห่แบบนี้เนี่ยนะ”“ก็เผื่อว่าเธอกำลังอยู่บนเตียงกับพี่ลิ้นดุไง เขาจะได้ออกจากห้องเธอก่อนที่คนอื่นจะตื่น”ลี่เหยียนรีบแปรงฟันและล้างหน้าจนเสร็จแล้วถลึงตาใส่เพื่อน“ไม่มีทาง”จื่อหานหัวเราะ“เมื่อค